ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ข่มตาให้หลับได้ แค่หลับตา
    ข่มใจให้หลับไหล กลับข่มไม่ได้

    บังคับได้แค่เพียงกาย แต่ใจนั้นบังคับไม่ได้เลยหรือไร

    สิงห์รู้สึกตกภวังค์ ครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วก็ปรากฏภาพในจิตขี้นมาอย่งชัดเจน

    เป็นภาพย้อนหลังตั้งแต่ ที่คุยกับพ่อครูขาว ย้อนไปตอนเดินทางมา
    ย้อนไปตอนฆ่าตัดคอหัวหน้ากองทัพทมิฬ ย้อนไปตอนที่ปลุกหุ่นพยนต์
    ย้อนไปตอนที่ได้สัมผัสอิสตรีครั้งแรก ย้อนไปตอนที่สอนดาบในค่ายลพบุรี
    ย้อนไปตอนที่อยู่ในถ้ำกับขรัวอินทร์ ย้อนไปตอนที่เหล็กไหลเข้าสู่ร่าง
    ย้อนไปตอนที่พบขรัวอินทร์ครั้งแรก ย้อนไปตอนที่อยู่กับแม่
    จนสุดท้ายย้อนไปตอนที่อยู่ในท้องของแม่ ความรู้สึกนั้นอึดอัด มืดดำ
    และน่าหวั่นใจ จนสิงห์ตกใจกับสิ่งที่เห็น รู้สึกราวกับติดกับ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
    บังคับร่างกายไม่ได้ รู้สึกเหมือนร่างกายที่อาศัยอยู่นี้ คือเลือดและน้ำเหลือง
    คราบไคล ไขมัน ที่มารวมตัวกัน เนื่องจากจิตไม่ทรงสภาวะธรรม
    สิงห์จึงเกิดกลัวจับขั้วหัวใจ และถอนจิตออกมาอย่างรวดเร็ว
    แล้วสะดุ้งสุดตัว เพื่อจะผุดลุกขึ้นมาจากท่านอน กลับปรากฏสภาวะธรรม
    ที่ทำให้สิงห์ตระหนก กายที่ลุกขึ้นนั้น ไม่แนบสนิทกับกายเนื้อ
    สิงห์รู้สึกได้ถึงกายทิพย์ของตนเองเป็นครั้งแรก สิงห์ตกใจมากจนล้มตัว
    ลงนอนใหม่ เมื่อลุกขึ้นอีกครั้ง สภาวะนั้นก็หายไป สิงห์ก็ตื่นมาอย่างปกติ

    เหงื่อไหลท่วมตัว

    "สิงห์ เอ็งไม่สบายรึ" เข้มถามด้วยความเป็นห่วง
    สิงห์มองเห็นเข้มอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เตรียมตัวเดินทาง

    "พี่เข้ม นี่มันกี่ยามแล้ว ใยข้าเพิ่งตื่น "

    เข้มตอบว่า "พ่อครูให้มาเรียกเจ้า ไปกินข้าว เราต้องเร่งรีบเดินทางได้แล้ว"

    สิงห์รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เกิดอาการวูบ อย่างรวดเร็ว ห้องหมุนคว้าง
    สิงห์ต้องทรุดนั่งลงอย่างรวดเร็ว
    " พี่เข้ม พี่ออกไปคอยข้าก่อน ข้าขอรวมจิต แล้วจักรีบไป"

    เข้มนั้นเป็นห่วงสิงห์มาก แต่ไม่รู้จักช่วยอย่างไร ได้แต่ออกไป และปิดประตูห้อง

    เหลือเพียงความสงบ สิงห์กำหนดลม เข้าออก จนจิตนิ่ง จึงค่อยๆลืมตา
    ในจิตคิดถึงหน้าขรัวอินทร์ไว้กำกับ

    จนลมในกายสงบ สิงห์จึงค่อยๆลุกขึ้น และเดินออกไปจากห้อง
     
  2. pegacorn

    pegacorn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมขอรบกวนเจ้าของกระทู้หน่อยนะครับ ผมรบกวนถามหน่อยนะ คือมีวันนึงมีคนเอาสร้อยเป็นรูปหล่อพญาครุฑมาให้ผมแขวนหน้ารถพร้อมกับพระศรีวลี เศรษฐีนวโกฏิ ผมก็คล้องพร้อมกันตรงหน้ารถ แต่พอผมขับรถไปจอดข้างๆ สร้อยพญาครุฑก็ร่วงมาใส่มือข้างซ้ายที่ผมยังจับพวงมาลัยรถอยู่ ก็น่าแปลกครับ ตอนนี้ผมเลยคล้องตลอด แต่ติดตรงที่ผมก็อยากคล้องพระด้วย ต้องทำไงอ่ะครับ แล้วถ้าคล้องพระกับพญาครุฑ พร้อมกันต้องจัดลำดับอย่างไรอ่ะครับ รบกวนพี่จารุ หรือใครก็ได้ครับ รบกวนทุกท่านนะครับ ขอบคุณนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร คิดว่า จะคล้องคู่กันเหมือนกันค่ะ
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แอบแซว คั่น โฆษณา ท่านกระต่ายเคยเป็นป่าวจ๊ะ สภาวะธรรมแบบนี้
     
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๐๕

    แบบไหนครับ เคยเป็นหลายแบบเลย
    แต่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเค้าหรอกนะครับ ๕๕๕

    แบบอึดอัดขยับไม่ได้ หรือแบบกายทิพย์หลุดครับ
    คงต้องค่อยๆ ค้นเมมดูก่อน ส่วนใหญ่นานมากแล้ว เก่าเก็บ หึหึหึ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ลืมไปว่าท่านกระต่าย อยู่มานาน....นนนนน.....น มากแล้ว เป็นสภาวะธรรมที่
    คนเดินสายย้อนอดีต และแยกกายทิพย์ เป็นครั้งแรกๆกัน

    อะไรที่มันนาน ไม่ได้ลืม มันฝังอยู่ในจิต อิอิ
     
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์เดินไปที่นอกชาน เห็นพ่อครูขาวและแม่ยิ้มนั่งหน้าสำรับหนึ่ง

    ส่วนเข้มและพ่อหนวดดุ นั่งอีกสำรับ พร้อมกับนักรบกับลายสัก
    นั่งอยู่ห้าคน พ่อหนวดดุ คงรอมาซักพัก เพราะหนวดเริ่มกระดิก
    ด้วยความโกรธ ส่วนสายตาจากนักรบทั้งห้าก็มองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
    (ในสมัยนั้น ให้ผู้ใหญ่รอกินข้าว เป็นเรื่องน่าอับอายและไร้มารยาทมาก)

    สิงห์คิดว่าจะลงไปล้างหน้าล้างตาก่อน ก็เกิดความเกรงใจ รีบคลานเข่า
    เพื่อจะไปนั่งที่สำรับกับเข้ม

    "สิงห์ ข้าอยากร่วมสำรับกับเอ็งซักมื้อ ถือว่าข้าขอร้อง"

    สิงห์ไม่กล้าขัด จึงคลานไปร่วมวงกับพ่อครูขาว

    สิงห์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเป็นอริ จากทั้งหกคน ที่ร่วมสำรับกับเข้ม
    แม่แต่แม่ยิ้ม ยังขมวดคิ้ว งุนงง ที่พ่อครู เรียกสิงห์มาร่วมสำรับ

    (ในสมัยนู้น การได้รับเชิญ ให้ร่วมวงกับครูมวย ครูดาบ
    ถือเป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุด ประหนึ่งว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติ
    เป็นการแสดงออกถึงความยอมรับ ในน้ำใจ และฝีมือ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ไปพักก่อนนะจ๊ะ ทุกท่าน
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระยูไล

    อนุตรธรรม เรื่อง พระยูไลสามองค์ที่โปรดสัตว์หลังกึ่งกลางยุคพุทธกาล

    พระยูไล แต่ละองค์มีความแตกต่างกันตามการบำเพ็ญบารมี พระยูไล จะทรงปรากฏพร้อมของทิพย์คู่บารมีเพื่อให้เราทราบถึงบารมีที่ท่านได้สร้างมาเมื่อครั้งยังอยู่บนโลกมนุษย์ เช่น พระยูไลถือดอกบัว คือ พระยูไลที่สอนธรรม เกิดสำนักปฏิบัติธรรม เป็นต้น พระยูไลที่ถือดวงแก้ว คือ พระยูไลที่บำเพ็ญบารมีปกป้องอาณาเขต หรือประเทศ เป็นต้น ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงพระยูไล สามองค์ที่เบื้องบนส่งลงมาโปรดสัตว์ ดังนี้

    พระยูไลทั้งสามองค์ที่โปรดสัตว์หลังกึ่งกลางยุคพุทธกาล
    กึ่งกลางพุทธกาล เบื้องบนจะส่งพระยูไลลงมาชุดละสามองค์ คือ พระยูไลที่ถือดอกบัว, พระยูไลที่ถือดวงแก้วมณี และพระยูไลที่ถือเจดีย์บุ่นเซียง ทั้งสามองค์จะประสานงานกัน เพื่อโปรดสัตว์บนโลกมนุษย์ โดยท่านจะลงมาจุติจากสุขาวดีเป็นส่วนใหญ่ มักมาในรูปของพระมหาโพธิสัตว์ที่บารมีมากแล้ว จากนั้น จึงปฏิบัติธรรมจนบรรลุยูไล และสามารถทำกิจต่างๆ ได้ โดยชุดแรกจะลงมาสามองค์ จากนั้น ชุดต่อๆ ไปจะลงมาเรื่อยๆ สามองค์อย่างนี้ สืบเนื่องต่อกันไปไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะสิ้นอายุกาลพระพุทธศาสนา ดังต่อไปนี้

    ๑) พระยูไลถือดอกบัว
    คือ พระยูไล ผู้โปรดสัตว์ด้วยการสอนธรรม มักมีสถานธรรม และนิยมสอนธรรมจักร คือ หมุนดอกบัวกลางกาย ก็จะสำเร็จเป็นพระยูไล ถือ ดอกบัว ท่านมักสอนสัตว์จำนวนมาก แต่ไม่เน้นสัตว์ที่สอนได้ยาก และมักมีสถานธรรมยิ่งใหญ่ มีผู้เข้าออกสถานธรรมมาก การบำเพ็ญนั้น นอกจากจะสำเร็จธรรมขั้นยูไลแล้วขั้นต่อไปคือต้องออกโปรดสัตว์ สอนธรรม เช่น ธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ พบปะผู้คนแล้วถ่ายทอดธรรม หรือตั้งสถานธรรมเพื่อสอนธรรม

    ๒) พระยูไลถือดวงแก้ว
    คือ พระยูไล ผู้โปรดสัตว์ด้วยการปกป้องประเทศ กำหนดเขตอาคม คุ้มกันประเทศไว้ ไม่ให้ถูกศัตรูรุกรานหรือทำลายได้ พร้อมกับชักชวนผู้คนให้เร่งปฏิบัติธรรม ทำคุณงามความดีไว้ เพื่อให้กรรมของประเทศเบาบางลง ก่อนที่จะลดกำลังเขตอาคมลงภายหลัง การบำเพ็ญนั้น นอกจากจะสำเร็จธรรมขั้นยูไลแล้วขั้นต่อไปคือต้องปกป้องคุ้มครองทางโลก เช่น ใช้ดวงแก้วปกป้องคุ้มครองประเทศ ซึ่งจะยื้อเวลาไม่ให้กรรมเข้าถึงได้เร็ว แล้วจึงหาวิธีช่วยปลดกรรม หรือเร่งทำบุญ ปฏิบัติธรรมก่อนที่วิบากกรรมจะเข้ามาถึงในที่สุด

    ๓) พระยูไลถือเจดีย์บุ่นเซียง
    คือ พระยูไล ที่มักไม่อยู่กับที่ และนิยมธุดงค์จรไปเรื่อยๆ เพื่อโปรดจิตวิญญาณที่ตกค้างอยู่ตามสถานที่ต่างๆ และมักเป็นจิตวิญญาณร้ายๆ ที่โปรดได้ยาก ด้วยการดึงจิตวิญญาณ เข้ามากักไว้ในเจดีย์บุ่นเซียงก่อน แล้วกักตนฝึกวิชาโปรดสัตว์ร้ายนั้นให้หลุดพ้นในที่สุด การบำเพ็ญนั้น นอกจากจะสำเร็จธรรมขั้นยูไลแล้วขั้นต่อไปคือต้องออกโปรดสัตว์ที่เป็นจิตวิญญาณ โดยนำจิตวิญญาณที่เร่ร่อนเข้ามาอยู่ในกายสังขารของตนเอง แล้วบำเพ็ญธรรมต่อไปเพื่อโปรดจิตวิญญาณที่ดุร้ายให้หลุดพ้นเป็นจิตวิญญาณที่ดี ยกตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโต ซึ่งโปรดจิตวิญญาณนางนาค จนหลุดพ้นจากความเป็นปีศาจร้ายในที่สุด

    พระยูไลแต่ละองค์มีบารมีแตกต่างกันไป นอกจากนี้ ยังมีพระยูไลที่ถือของทิพย์ชนิดอื่นๆ อีกด้วยเช่นพระยูไลถือหม้อยาซึ่งบำเพ็ญบารมีด้วยการรักษาโรคให้คน ตัวอย่างพระยูไลที่ลงมาโปรดมนุษย์โลกแล้วมีมากมาย ได้แก่ พระยูไลหลวงพ่อโต ซึ่งถือ เจดีย์บุ่นเซียง, พระยูไล หลวงพ่อสด ถือ ดวงแก้วมณี, พระยูไล หลวงปู่มั่น ถือ ดอกบัว เป็นต้น ชุดนี้ยังไม่ได้เกิดพร้อมกัน แต่ชุดต่อมาจะเกิดในยุคเดียวกัน และประสานงานร่วมกัน ซึ่งเป็นใครนั้น ผู้เขียนยังไม่อาจบอกได้ นอกจากนี้ ยังมีชุดต่อไป ที่จะทำกิจสืบทอดต่อจากท่านทั้งสาม หลังจากท่านทั้งสามละสังขารขึ้นสู่สวรรค์แล้วอีกด้วย ทั้งสามท่านชุดต่อไป ก็จะทำกิจเช่นเดิมต่อจากท่านทั้งสามนั้น จนกว่าพระศาสนาอยู่ยืนยาวจนครบ ๕,๐๐๐ ปี



    อนุตรธรรม เรื่อง พระยูไลถือดอกบัวทิพย์
    พระยูไล แต่ละองค์มีความแตกต่างกันตามการบำเพ็ญบารมี พระยูไล จะทรงปรากฏพร้อมของทิพย์คู่บารมีเพื่อให้เราทราบถึงบารมีที่ท่านได้สร้างมาเมื่อครั้งยังอยู่บนโลกมนุษย์ เช่น พระยูไลถือดอกบัวทิพย์ คือ พระยูไลที่สอนธรรม เกิดสำนักปฏิบัติธรรม เป็นต้น พระยูไลที่ถือดวงแก้ว คือ พระยูไลที่บำเพ็ญบารมีปกป้องอาณาเขต หรือประเทศ เป็นต้น ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงพระยูไล ผู้บำเพ็ญบารมีได้ถือดวงแก้วมณี ดังนี้
    ดอกบัวทิพย์ คือ ดอกบัวดอกเล็กๆ อยู่บนฝ่ามือองค์ยูไล ซึ่งมีพลังมาก สามารถกำหนดแบ่งออกมาให้แก่ศิษย์ได้ เมื่อศิษย์ได้รับพลังส่วนเล็กๆ รูปดอกบัว หมุนอยู่ในจักระต่างๆ ในกายสังขารของตน จะช่วยให้ลมปราณหมุนเวียนได้ดี และทำให้ร่างกายและจิตใจเกิดการพัฒนาไปถึงที่สุด เมื่อดอกบัวหมุนทำให้จักระคลายออก และเปิดทะลวงเชื่อมต่อกัน จากจักระที่หนึ่งคือ ก้นกบ ทะลวงสู่จักระที่สองคือ ท้องน้อย (ใต้สะดือแต่เหนือหัวเหน่า) ต่อด้วยจักระที่สามคือท้องใหญ่ (ใต้ลิ้นปี่แต่เหนือสะดือ) ต่อด้วยจักระที่สี่คือหน้าอกหรือหัวใจ ต่อด้วยจักรที่ห้าคือ คอหอย (บริเวณกล่องเสียง) ต่อด้วยจักระที่หก คือ ตำแหน่งตาที่สามลึกลงไป เวลาทะลวงจะทะลวงออกด้านหน้าเพื่อเปิดตาทิพย์ หรือทะลวงขึ้นไปด้านบนทะลุกระหม่อมก็ได้ ถ้าทะลุกระหม่อม นับเป็นจักระที่เจ็ดเชื่อมต่อกับพลังจักรวาล หรือสรรพสิ่งทั้งมวล เมื่อทะลวงจักระที่เจ็ดได้ จะสำเร็จอย่างน้อย “ชญาณ” (คือการหยั่งรู้ในแบบศาสนาเชน) คือ ความหยั่งรู้ได้ด้วยวิญญาณแต่การหยั่งรู้นี้ยังไม่บริสุทธิ์ เช่น ในคนทรงที่รู้ได้ด้วยการทรง ซึ่งไม่ใช่จิตรู้ แต่เป็นรู้ด้วยการสื่อวิญญาณ เมื่อฝึกต่อไป จิตจะพัฒนาตามวิญญาณขันธ์ที่เข้ามาครอบนั้นๆ จนจิตรู้พัฒนาถึงที่สุดก็สำเร็จ “ญาณ” คือจิตหยั่งรู้ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาวิญญาณขันธ์ของเทพหรือพรหมองค์ใด มาเข้าทรงอีก

    การบำเพ็ญดอกบัวทิพย์
    ๑) การฝึกหมุนจักระเข้าถึงธรรม
    ขั้นนี้ ผู้ปฏิบัติยังไม่สำเร็จธรรม จำต้องฝึกหมุนจักระให้สำเร็จขั้นสูงสุด ซึ่งก็คือการฝึกธรรมจักร หรือสมาธิหมุน หรือเรียกว่าฝึกหมุนจักระก็ได้ ในการฝึกหมุนจักระนั้น จะค่อยๆ ฝึกไปช้าๆ ให้กายสังขารปรับสภาพตามได้ ไม่มีเกิดปัญหา แต่ในบางท่านที่ฝึกธรรมจักร จะใช้พลังปราณมาก และสำเร็จรวดเร็วแบบลัดสั้น แบบนี้ ใช้ได้กับท่านที่มีบารมีเก่าอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้น จะเกิดการทรงเจ้าเข้าผีมาก กล่าวคือ จิตไม่มีบารมี แต่จักระเปิดรับพลังจากจักรวาลหรือจิตวิญญาณได้แล้ว ทำให้ไม่ทันได้ปรับตัว ต้องอยู่ในสภาพคนทรง ซึ่งบางท่านจะปรับตัวไม่ค่อยได้ ชีวิตปั่นป่วน เพราะจิตวิญญาณที่ประสานเข้ามาทางจักระที่เปิดนั้น ทำให้รบกวนวิถีชีวิต แต่เมื่อฝึกจนถึงที่สุดก็จะสำเร็จขั้นสูงสุดได้คือ ยูไล นั่นเอง
    ๒) การเปิดสอนธรรมในแบบต่างๆ
    ขั้นนี้ ผู้สำเร็จยูไลแล้ว จะทำหน้าที่สอนมวลสัตว์ บางท่าน มีทรัพย์สมบัติเก่าอยู่ ก็เอามาสร้างสถานธรรมไว้โปรดสัตว์ก็มี บางท่านไม่มีทรัพย์มากใช้การธุดงค์ไปเรื่อยๆ เพื่อโปรดสัตว์ตามที่ต่างๆ แล้วแต่บุญวาสนาก็มี แบบแรกช่วยคนได้มาก แต่มีภาระมาก และอาจไม่ได้สอนคนที่ตรงทาง คนบางกลุ่มที่ไม่ตรงกลุ่มก็เข้ามาฝึกแต่ไม่ได้ผลก็มีมากแต่แบบหลัง จะดำเนินไปตามกรรม มักไม่ค่อยพลาด คือ ได้คนที่สมควรได้รับธรรมและพร้อมจะบรรลุจริงๆ และมีกรรมพัวพันกับคนน้อย ยุ่งเกี่ยวกับคนน้อย และมีภาระดูแลน้อยอีกด้วย
    ๓) การถ่ายทอดวิธีฝึกจิตแก่ศิษย์
    ขั้นนี้ คือ หลังจากได้หาวิธีโปรดสัตว์ได้แล้ว ก็ถ่ายทอดวิธีปฏิบัติธรรมจนศิษย์บรรลุธรรมนั่นเอง ในขั้นนี้ก็มีปัญหาและอุปสรรคมากมาย ตามมาเรื่อยๆ บางสถานธรรมก็ได้รับการก่อกวนจากภาคมารและอสูรมาก ทั้งที่มาในรูปมนุษย์ที่มีสังขารและอมนุษย์ที่ไม่มีสังขาร เช่น แทรกเข้ากายสังขารของผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อขัดขวางการเข้าถึงธรรม เป็นต้น

    อนุตรธรรม เรื่อง พระยูไลถือดวงแก้วมณี
    พระยูไล แต่ละองค์มีความแตกต่างกันตามการบำเพ็ญบารมี พระยูไล จะทรงปรากฏพร้อมของทิพย์คู่บารมีเพื่อให้เราทราบถึงบารมีที่ท่านได้สร้างมาเมื่อครั้งยังอยู่บนโลกมนุษย์ เช่น พระยูไลถือดอกบัว คือ พระยูไลที่สอนธรรม เกิดสำนักปฏิบัติธรรม เป็นต้น พระยูไลที่ถือดวงแก้ว คือ พระยูไลที่บำเพ็ญบารมีปกป้องอาณาเขต หรือประเทศ เป็นต้น ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงพระยูไล ผู้บำเพ็ญบารมีได้ถือดวงแก้วมณี ดังนี้
    ดวงแก้วมณี คือ ดวงแก้วที่ย่อและขยายขนาดได้ กำหนดด้วยใจ (มโนมยิทธิ) ให้เล็กอยู่ในฝ่ามือ หรืออธิษฐานให้ใหญ่มากขึ้นก็ได้แต่ถ้าใหญ่เกินไปพลังจะจางลง ดวงแก้วมณีสามารถฝึกให้มีหลายชั้นก็ได้ ซ้อนกันหลายๆ ดวง หรือฝึกให้หนามากๆ แต่มีดวงเดียวก็ได้ นอกจากนี้ดวงแก้วแต่ละชั้นสามารถมีค่ายกลและเทพคุ้มกันประจำอยู่แต่ละชั้นก็ได้ แต่ทั้งหมดไว้ทำหน้าที่ “ปกป้องอาณาบริเวณ” ไม่ให้สิ่งไม่ดีไม่งามเข้าทำร้าย, รบกวนบริเวณนั้นๆ ได้ เช่น การสวดมนต์พร้อมถือดวงแก้วไว้ในมือ ส่งกำลังจิตไปคุ้มครองประเทศ หรือการทำสมาธิกำหนดดวงแก้วคลุมประเทศไว้เนืองๆ ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนมีพระพุทธศาสนา มีศาสนาชินโตอยู่ก่อนแล้ว ศาสนานี้ จะนิยมสร้างศาลเจ้า บูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือ และมีผู้ดูแลศาลเจ้า และ “มิโกะ” ที่ทำหน้าที่สื่อกับจิตวิญญาณ สื่อกับเทพเจ้าต่างๆ อยู่ นอกจากนี้ มิโกะ ยังต้องทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองบริเวณศาลเจ้า ไม่ให้ถูกจิตวิญญาณเหล่าอื่นรบกวนด้วย เพื่อรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้านั้นๆ ซึ่งก็คือการใช้พลังดวงแก้วมณีปกป้องคุ้มครองอาณาเขตนั่นเอง อนึ่ง การใช้ดวงแก้วมณีปกป้องอาณาเขตนี้ มีข้อเสียอยู่บ้าง คือ ทำให้จิตวิญญาณชนิดหนึ่งเกิดขึ้นมากภายในเขตอาคมนั้น คือ “เทพไก่” ซึ่งอยู่ได้ในเมืองลับแล หรือเมืองที่ได้รับการปกป้องด้วยเขตอาคม ซึ่งส่งผลให้เทพไก่เข้าแทรกอยู่กับกายมนุษย์ได้ มนุษย์จะทำตัวเป็นไก่ ผู้ชายเป็นไก่อ่อนคือ ไม่เท่าทันผู้หญิง หลงและยอมผู้หญิงอย่างโง่ๆ ผู้หญิงจะกลายเป็นไก่คือ ยอมมีกามได้ง่าย ส่งผลให้ประเทศญี่ปุ่นปัจจุบันมี Free sex มาก สำหรับประเทศไทย ก็มีผู้ใช้พลังคุ้มกันด้วยดวงแก้วมณีเหมือนกัน ส่งผลให้หลังๆ ประเทศไทยก็มี Free sex เพิ่มขึ้นด้วย

    การบำเพ็ญดวงแก้วมณี
    ๑) การเพ่งดวงแก้ว
    คือ การฝึกเพ่งดวงแก้วแบบวิธีเจริญกสิณหรือการใช้พลังจิตส่งเข้าสู่ดวงแก้วจริงๆ ก่อนที่จะใช้ “มโนมยิทธิ” หรือการกำหนดด้วยใจ ให้พลังดวงแก้วนั้น ไปปกป้องคุ้มครองที่ใด บางท่าน จะใช้การสวดมนต์ส่งกำลังต่อเนื่องเข้าสู่ดวงแก้ว โดยถือดวงแก้วไว้ในมือก็ได้
    ๒) การกำหนดเขตอาคม
    คือ การอธิษฐานจิตก็ได้ หรือการเพ่งนิมิตก็ได้ ให้ดวงแก้วใหญ่ขึ้นครอบคลุมทั้งประเทศ หรือย่อให้เล็กลงตามกำลังจิตที่สามารถมีได้ ถ้าขยายวงให้ใหญ่เกินไปเขตอาคมจะอ่อนกำลัง ถ้าเล็กเกินไป ก็ไม่ครอบคลุมทั่วถึง จึงต้องกำหนดให้พอดีแต่กำลังของผู้กระทำ
    ๓) การเคลียร์ภายในเขตอาคม
    เช่น การดึงคนในบริเวณเขตอาคมมาทำบุญ เพื่อชำระวิบากกรรมให้ลดลง หรือเร่งให้คนในเขตอาคมปฏิบัติธรรมจนหลุดพ้นไป หรือทำให้วิบากกรรมของคนในเขตอาคมหมดลงก่อน จึงค่อยเปิดเขตอาคม หยุดการส่งกำลังจิตเข้าสู่ดวงแก้วมณีที่คุ้มครองประเทศอยู่

    การจะได้ถึงยูไลถือเจดีย์ดวงแก้วมณีได้นั้น ต้องบำเพ็ญธรรมถึงยูไลให้ได้ ทั้งยังต้องฝึกฤทธิ์สายปกป้องคุ้มกัน ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อสด ก็สำเร็จเป็นพระยูไล ได้บารมีถือดวงแก้ว เพราะเคยปกป้องคุ้มครองประเทศไทยช่วงที่มีวิกฤติสงครามด้วย (หลวงพ่อโต ได้ยูไลถือเจดีย์บุ่นเซียง, หลวงปู่มั่น ได้ยูไลถือดอกบัว เพราะเผยแพร่ธรรม สอนกรรมฐาน)

    อนุตรธรรม เรื่อง พระยูไลถือเจดีย์บุ่นเซียง
    พระยูไล แต่ละองค์มีความแตกต่างกันตามการบำเพ็ญบารมี พระยูไล จะทรงปรากฏพร้อมของทิพย์คู่บารมีเพื่อให้เราทราบถึงบารมีที่ท่านได้สร้างมาเมื่อครั้งยังอยู่บนโลกมนุษย์ เช่น พระยูไลถือดอกบัว คือ พระยูไลที่สอนธรรม เกิดสำนักปฏิบัติธรรม เป็นต้น พระยูไลที่ถือดวงแก้ว คือ พระยูไลที่บำเพ็ญบารมีปกป้องอาณาเขต หรือประเทศ เป็นต้น ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงพระยูไล ผู้บำเพ็ญบารมีได้ถือเจดีย์บุ่นเซียง ดังนี้
    เจดีย์บุ่นเซียง คือ เจดีย์ที่ย่อและขยายขนาดได้ กำหนดด้วยใจ (มโนมยิทธิ) ให้เล็กอยู่ในฝ่ามือ หรืออธิษฐานให้ใหญ่เทียบเท่าเจดีย์ของจริงก็ได้ เจดีย์บุ่นเซียง มีหลายชั้น แต่ละชั้นมีค่ายกลและวิธีการจัดการต่างกัน แต่ทั้งหมดไว้ทำหน้าที่ “กักขังสัตว์ร้าย” ให้อยู่ในเจดีย์นั้น พร้อมรับการโปรดสอนธรรมจากพระยูไล จนกว่าจะหลุดพ้นและหายดุร้ายได้ เจดีย์บุ่นเซียง เป็นของคู่บารมีของท้าวจตุโลกบาลองค์หนึ่งด้วย แต่อานุภาพจะน้อยกว่าเจดีย์บุ่นเซียงของพระยูไล คือ ของพระยูไลสามารถกักขังสัตว์ที่ดุร้ายได้มากกว่านั่นเอง

    บำเพ็ญบารมีอย่างไรจึงได้ถือเจดีย์บุ่นเซียง

    ๑) การกักตนฝึกวิชชา
    การใช้เจดีย์บุ่นเซียงกักขังสัตว์ร้าย จะส่งผลให้พระยูไลได้รับกรรมตามที่ตนกระทำด้วย กล่าวคือ ท่านกักขังสัตว์ร้ายในเจดีย์บุ่นเซียง ท่านก็ต้องรับวิบากกรรมด้วยการกักตนฝึกวิชชาหรือเข้าสมาธิ หรือท่านได้ฝึกเก็บตน กักบริเวณตนเอง เป็นระยะเวลายาวนาน มีขันติบารมีมาก คือ ความอดทนอดกลั้นมาก ก็จะสามารถโปรดสัตว์ที่ดุร้ายได้มาก ยิ่งฝึกมากก็ยิ่งมีอานุภาพมาก ยิ่งอดทนยอมกักตนอยู่นานมาก เจดีย์บุ่นเซียงก็ยิ่งมีกำลังมาก
    ๒) การโปรดสัตว์ดุร้าย
    เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการใช้เจดีย์บุ่นเซียงกักสัตว์ร้าย เพราะหากกักขังสัตว์ร้ายไว้นานเกินไป กรรมก็ตกแก่พระยูไลองค์นั้นมากเกินไปด้วย การปล่อยสัตว์ร้ายออก มาได้นั้น จะต้องโปรดสัตว์ร้ายให้หลุดพ้นให้ได้ก่อน ถ้าทำไม่ได้ ก็ยังปล่อยออกมาไม่ได้ ถ้าโปรดจนหลุดพ้นจากความเป็นสัตว์ดุร้ายแล้วค่อยปล่อยออกมา จึงไม่เป็นภัยแก่สัตว์อื่นทั้งหลาย เช่น การที่หลวงพ่อโต โปรดนางนาค นี่ก็ให้ผลได้บารมีเป็นเจดีย์บุ่นเซียง
    ๓) การยอมให้สัตว์ร้ายเข้าสู่กายตน
    เมื่อมีกายสังขารเป็นมนุษย์อยู่ จำต้องกักจิตวิญญาณสัตว์ร้ายไว้ในกายสังขารของตน การกักสัตว์ร้ายไว้ที่อื่น เช่น ผูกมัดไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ในป่าช้าก็ดี, เสาไม้ที่ทำขึ้นในที่ลับก็ดี ฯลฯ ล้วน มีกรรมมาก สัตว์ได้รับความทรมาน และจะไม่ได้บารมีเป็นเจดีย์บุ่นเซียง การยอมให้สัตว์ร้ายเข้ากายสังขารของตน จะทำให้ได้บารมีเป็นเจดีย์บุ่นเซียง และสัตว์ร้ายจะอยู่ในเจดีย์บุ่นเซียง ซึ่งอยู่ในกายทิพย์ และกายทิพย์ก็อยู่ในกายสังขารของเราอีกที

    การจะได้ถึงยูไลถือเจดีย์บุ่นเซียงได้นั้น ต้องบำเพ็ญธรรมถึงยูไลให้ได้ ทั้งยังต้องฝึกฤทธิ์สายอิม คือ การฝึกดูดซับพลังงานภายนอกเข้าตัว จากพลังงานเล็กๆ จนเป็นพลังจิตวิญญาณ เมื่อใช้ร่างกายดูดซับได้ทั้งจิตวิญญาณแล้ว ก็สามารถเดินทางไปโปรดสัตว์ที่มีแต่จิตวิญญาณยังที่ต่างๆ ดึงจิตวิญญาณเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในกายก่อน คือ ให้อยู่ในเจดีย์บุ่นเซียง สัตว์ร้ายจะค่อยๆ อ่อนฤทธิ์ลง ช่วงแรกจะอาระวาดมาก เราอาจได้รับความกระทบกระเทือนทางร่างกาย เจ็บป่วยได้ และอาจถูกหลอก ดลจิตดลใจจากสัตว์ร้ายนั้นได้มาก แต่ต้องอดทน จนโปรดสัตว์ร้ายได้สำเร็จ กว่าจะได้บารมีเป็นเจดีย์บุ่นเซียงนั้น ผู้บำเพ็ญต้องอดทนกับการถูกจิตวิญญาณเข้าแทรก (ผีเข้า) และคุมเขาให้ได้ โปรดเขาให้ได้ เมื่อทำได้แล้ว จะเกิดบารมีกลายเป็น “เจดีย์บุ่นเซียง” ให้ใช้การอธิษฐานขอเก็บจิตวิญญาณร้าย เข้าเจดีย์บุ่นเซียง แล้วกักตนโปรดเขาจนกว่าเขาจะหลุดพ้นจึงสำเร็จ


    อนุตรธรรม เรื่อง พระอรหันตโพธิสัตว์สามารถเลือกรับกิจรับกรรมได้

    พระอรหันตโพธิสัตว์บางองค์ไม่ได้ตั้งจิตหรือให้สัจจะสัญญากับเบื้องบนก่อนมาเกิดว่าจะมาทำกิจใด ยังไม่ทราบตนเองว่าจะทำกิจใดดี เช่นนี้ เมื่อมาเกิดบนโลกมนุษย์และบรรลุอรหันต์แล้วสามารถที่จะเลือกกิจเลือกกรรมที่จะรับได้ ปกติ เมื่อยังไม่บรรลุอรหันต์นั้นจะมีพรหมลิขิตได้อยู่ มีกรรมที่ต้องชำระได้อยู่ ซึ่งต้องชำระหนี้ที่เบื้องบนจัดสรรมาให้ครบสำหรับชาตินั้นๆ ก่อน พอหมดแล้ว ก็สามารถเลือกกรรมเลือกกิจต่อได้อีก คือ ในชาตินั้นได้ใช้หนี้กรรมพอแล้ว ควรแก่กาลแล้ว ก็เลือกชำระกรรมต่อ เพื่อให้ชาติภพสั้นลงได้ ไม่ต้องไปเกิดเพื่อชำระกรรมชาติหน้า เอามาชำระในชาตินี้เลยก็ได้ แบบนี้ก็มีได้ เกิดได้
    นี่คือเหนือพรหมลิขิตแล้ว แต่ต้องบรรลุอรหันตโพธิสัตว์เป็นอย่างต่ำ จึงจะสามารถทำได้ ในพระโพธิสัตว์ที่รับกิจรับกรรมมาจากเบื้องบนก่อนเกิด ก็ต้องทำกิจนั้นให้สำเร็จ ไม่ทำก็ไม่ได้ แต่สำหรับท่านที่ไม่ได้รับกิจมาสามารถเลือกได้ตามบุญบารมี ถ้าบำเพ็ญบุญบารมีแบบไหนก็จะรับกิจไปแบบนั้น กิจและลักษณะกายทิพย์ตามบารมีที่บำเพ็ญ ตัวอย่างเช่น

    อวโลกิเตศวรคลุมพลังดำ
    เป็นอวโลกิเตศวร ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมาเป็นพระแม่กาลีมาก่อนทำหน้าที่ปราบสามีซึ่งมีบารมีระดับพรหมโลก เช่น พระศิวะ เหนือกว่านี้จะคุมไม่ได้ ภาคนี้ดุและขี้หึง


    อวโลกิเตศวรโปรดกุมาร
    เป็นอวโลกิเตศวร ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมาเป็นพระแม่อุมามาก่อนทำหน้าที่โปรดบุตรซึ่งมีบารมีระดับเทวโลกคือกุมารชายหญิง เหนือกว่านี้จะคุมไม่ได้ ภาคนี้ใจดีอ่อนแอ

    อวโลกิเตศวรขี่มังกรดำ
    เป็นอวโลกิเตศวร ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมาเป็นพระมเหสีมาก่อนทำหน้าที่คุมสามีซึ่งมีบารมีเป็นพระราชาที่ดุร้าย คือ มังกรดำ เหนือกว่านี้จะคุมไม่ได้ ภาคนี้มีปัญญามาก

    อวโลกิเตศวรถือแจกันน้ำมนต์
    เป็นอวโลกิเตศวร ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมาเป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ หน้าที่ทำลายล้างความชั่วร้าย ปราบไสยดำ โดยใช้น้ำมนต์ล้างทำลายคุณไสยดำให้หมดสิ้นไป

    มัญชุศรีวัชระกาย
    เป็นมัญชุศรี ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมาเป็นพระธุดงค์ มีกายทิพย์ใสเหมือนแก้วประกายพรึก จะเด่นทางธุดงควัตร แต่จะสอนไม่เก่ง พูดไม่เก่ง แต่จิตใสตรงนิพพาน

    มัญชุศรีขี่สิงห์
    เป็นมัญชุศรี ที่มีอดีตชาติเคยบำเพ็ญบารมีมามีตำแหน่งสูงทางโลก เช่น พระราชา, แม่ทัพ จะเด่นทางการปกครอง แต่จะสอนไม่เก่ง พูดไม่เก่ง ดุ มีความคิดไกลคนตามไม่ทัน

    มัญชุศรีถือคัมภีร์ดอกบัว
    เป็นมัญชุศรี ที่มีอดีตชาติบำเพ็ญบารมีสั่งสมมาทางธรรม หรือเป็นนักปราชญ์นักปรัชญา มักแต่งหนังสือ หรือเรียบเรียงคัมภีร์ที่ตกหล่นให้เป็นหมวดหมู่ จนสำเร็จโพธิญาณ


    อนึ่ง ผู้มีบุญบารมีทั้งหลาย สามารถเลือกรับกิจ รับกรรม รับภาระหน้าที่ที่จะโปรดสัตว์ได้ตามที่ตนถนัดหรือต้องการ แต่ถ้าไม่เลือกอะไรเลย จะเป็นฝ่ายถูกเลือก โดยธรรมชาติจะนำพามาให้เอง ผู้บำเพ็ญบารมีจะได้ของทิพย์คู่บารมีอย่างหนึ่ง นั่นหมายถึง “ภารกิจ” ที่ต้องถือไว้ เอาไว้ทำบนโลก แม้แต่พระยูไลก็มีเช่นกัน ผู้ใดสำเร็จยูไลแล้ว จะได้ของทิพย์คู่บารมีต่างกันไป อันส่งผลต่อกิจและกรรมที่ต้องกระทำบนโลกนี้ด้วย

    ที่มา url=http://www.oknation.net/blog/buddhabath/2010/02/02/entry-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๕๑

    จ๊ะ หลับเถิดหลับให้สบายยย

    ส่วนยูไลยาวเหยียด ไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านดีฝ่า แยะจัด ๕๕๕


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อ่านแค่ประดับความรู้นะคะ เป็นความเชื่อแบบจีน
    แต่อ่านดี ดี ดี จะมีข้อธรรมแฝงอยู่

    ส่วนตัวก็ชอบบริกรรม ยูไล อยู่เสมอ

    พรุ่งนี้จะมาเล่าว่า บริกรรมแล้วเป็นไงบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    มีคนถามเลขที่บัญชีพระมานะ กันมามาก เลยขอลงภาพอีกครั้งค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 5381.jpg
      5381.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.6 KB
      เปิดดู:
      117
  13. MKKung

    MKKung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +20
    มารอฟัง ครับ
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขออภัยที่มาตอบช้า มีปัญหาเรื่องการงานนิดหน่อย
    สงสัยไกล้จะตกงาน จิตใจสับสนปนเป เลยทำให้ไม่มีสมาธิขียนเรื่อง
     
  15. veer

    veer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +356
    อีกหนึ่งกำลังใจครับ มืดแล้วความสว่างก็ตามมา ไม่มีอะไรที่มืดมิดไปตลอดครับ
     
  16. tantawan

    tantawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +1,756

    ห๊ะ...!!
    ใกล้จะนุ่งขาว... ห่มขาวอยู่บ้าน เต็มตัวแล้ว หรา... แม่หมอ??
    55
     
  17. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๖.๒๗

    แหม..จะขอแสดงความดีใจกะท่าน ที่สงสัยใกล้จะตกงาน ก็เกรงใจอ่ะ ๕๕๕

    เนี่ยนะ อาจจะเป็นได้ว่า ผลการฝึกงาน หรืออินเทิร์นของท่าน คงสวยหรู
    จึงเป็นเหตุปัจจัย ให้มาถึงสี่แยกได้ไว กว่าค่าเฉลี่ยแยะเลย ขอบอก
    อาจจะ ต้องตัดสินใจซะแร้วล่ะมั้ง นะ หึหึหึ

    ว่าแต่ รายได้ลับๆ ของท่าน ได้มากกว่าเงินเดือนรึยังครับ เฉลี่ยอ่ะนะ
    แต่ถ้า ให้เราเดานะ เราว่าต้องดีกว่าแน่เลย

    แถมดูดี มีอนาคคไกล (ไม่ใช่ไกลผู้ไกลคนนะ ๕๕๕)
    มาเป็นมือหนึ่งในสายงาน กันดีกว่าน่า เนอะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ


    กระต่ายป่า น่ารัก / ค้างคาวแห่งแสงไม้ขีดไฟ

    .

    ปล.เรื่องยูไลยาวเหยียด เขียนยากแฮะ
    จุดเชื่อมต่อมันมากมาย แถมแมงโม้แยะอีกต่างหาก
    แค่คิดนะ ยังไม่ทันเขียน ก็มาบินกันว่อนแล้ว ๕๕๕ รอออกฉาก
     
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แหม..จะขอแสดงความดีใจกะท่าน ที่สงสัยใกล้จะตกงาน ก็เกรงใจอ่ะ ๕๕๕
    ๕๕๕ น้ำตาจะไหล

    เนี่ยนะ อาจจะเป็นได้ว่า ผลการฝึกงาน หรืออินเทิร์นของท่าน คงสวยหรู
    จึงเป็นเหตุปัจจัย ให้มาถึงสี่แยกได้ไว กว่าค่าเฉลี่ยแยะเลย ขอบอก
    อาจจะ ต้องตัดสินใจซะแร้วล่ะมั้ง นะ หึหึหึ
    สงสัยว่าจะมีคนตัดสินใจให้แทน โดนบีบทั้งสังคมและการเมืองในที่ทำงาน
    ทั้งสภาวะการดู เช่นวัันนี้วันโกน กินข้าวเข้าไปจะอ้วกให้ได้
    เหม็นเนื้อสัตว์มาก แถมดูดวงของเมื่อวานสองท่าน เนี่ยะ ต้องเอาชุดขาว
    มาใส่ทีเดียว เหมือนจะไปพบผู้ใหญ่ ก็เกรงใจ แถมเรื่องงานยังสับสน
    เลยดูไม่ไหว มีคิวสองทุ่มต้องขอเลื่อนไปวันอังคาร ไม่อยากเชื่อ

    ที่ไม่อยากเชื่อ ใส่ชุดขาว แล้วดูได้ดีขึ้นค่ะ

    ว่าแต่ รายได้ลับๆ ของท่าน ได้มากกว่าเงินเดือนรึยังครับ เฉลี่ยอ่ะนะ
    แต่ถ้า ให้เราเดานะ เราว่าต้องดีกว่าแน่เลย
    รายได้โดยรวม ยังไม่หักทำบุญ ประมาณ หมื่นต้นๆ มีผู้เมตตาให้ถึง
    2,000 บาท!!! 1,000!!! 500 300 200 100 มีทุกแบบค่ะ
    ถ้าได้ออกจากงานจริง คงต้องแบ่งไว้แค่ หนึ่งในสี่ ของการทำบุญ

    บางท่านก็ใส่ซองให้ต่างหากค่าทำบุญในแต่ละที่ ที่ได้บอกบุญ
    จากต้นเดือนถึงวันนี้มีคนมาดู 40 คนพอดี มีรออีก 2 คิวคะ

    แถมดูดี มีอนาคคไกล (ไม่ใช่ไกลผู้ไกลคนนะ ๕๕๕)
    มาเป็นมือหนึ่งในสายงาน กันดีกว่าน่า เนอะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ
    อันนี้ ไม่แน่ใจนะ 555 ช่วงแรกคนดูเยอะ ช่วงนี้เหลือแค่วันละคน
    บางวันก็ไม่มีนะคะ 555

    กระต่ายป่า น่ารัก / ค้างคาวแห่งแสงไม้ขีดไฟ

    .

    ปล.เรื่องยูไลยาวเหยียด เขียนยากแฮะ
    จุดเชื่อมต่อมันมากมาย แถมแมงโม้แยะอีกต่างหาก
    แค่คิดนะ ยังไม่ทันเขียน ก็มาบินกันว่อนแล้ว ๕๕๕ รอออกฉาก

    รอฟังค่ะ

    ป.ล.ดูได้มากสุดวันละไม่เกิน 5 คน เพราะรู้สึกเพลียค่ะ

    ป.ล. ขอบพระคุณท่านกระต่ายป่าน่ารักอีกครั้ง รอฟังคำแนะนำต่อ รู้สึกแนะนำเข้าเค้ามากค่ะ 555

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2015
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สองสามวันมานี้ ที่ดูดวงแทบไม่ได้ เพราะได้รับการติดต่อสื่อสาร
    จากจิตวิญญาน นอกพิภพ ร่างของนางเป็นเพศแม่

    สิ่งที่เธอต้องการ คือ ต้องการให้ไปพบหน่วยนักรบของพวกเธอ

    ที่ ที่เป็นจุดนับพบ คือ เขากะลา จ. นคราสวรรค์!!! จะดีเหรอจ๊ะ???

    คลื่นของเธอ แทรกแซง จิตของเราจนปั่นป่วนไปหมด

    การช่วยเหลือ ที่ส่งไปให้หลายคนๆ จนขาดช่วงลง

    เรื่องภายนอก เรื่องงาน มันดูเล็กลง เพราะเรื่องภายใน

    เป็นแบบนี้ มากๆ ไป คงได้ไปอยู่ ศรีธัญญา

    ป.ล. ขังลืม
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แถมช่วงนี้ พิภพพญาครุฑทั้งหลาย ยังเปิดขึ้นมา
    จากหลายๆ ท่านที่มาดูดวง เลยจิตใจไม่สงบ
    กระสับกระส่าย ถ้าเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะ ก็คงตบะแตก

    สอบตกซ้ำซาก เอาชนะ โมหะ ความรักความหลงไม่ได้

    ฟังเพลงปลอบใจ ซักวันสองวัน

     

แชร์หน้านี้

Loading...