ผีอำ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 19 เมษายน 2015.

  1. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงพ่อวัดท่าซุงค่ะ
     
  2. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลังจากเราเคลียร์ผู้ชายทุก ๆ คนที่เป็นมนุษย์หมดแล้ว นึกว่าจะจบซะที.......เหนื่อยเหลือเกินแล้ว......

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.......รู้อีกทีก็......เจอะผู้ชายรูปงาม.....ทั้งหน้าตา.....รูปร่าง...บุคลิก...นิสัยใจคอ.....รวมทั้งเรื่องบนเตียง......จัดเต็มแบบสมบูรณ์ ทั้งถูกอกถูกใจ ซะขนาดนี้ มีหรือจะอดใจไหว จบที่เตียงทุกครั้งทุกคราวไป....

    วันต่อมา เพียงแค่เปลี่ยนหน้าใหม่ แต่ทุกอย่างครบสมบูรณ์แบบทุกประการ และแล้วก็จบที่เตียง....เหมือนเดิม

    วันต่อมา....และต่อมา.....ก็ยังคงจัดเต็ม....แบบไม่เลิกรา .....เนื่องจากถูกทดสอบนั่นเอง.....รู้ทั้งรู้....แต่ไม่ผ่าน....ขณะเราทรงสมาธิอยู่นั้น .......กิเลสมีเท่าไหร่....โผล่มาทั้งหมด....หลบไม่ได้เลย....

    ยัง...ยังไม่พอ....นั่นแค่เวอร์ชั่น เราเป็นหญิง และเขาเป็นชาย
    ยังมีเวอร์ชั่น เราเป็นชาย และ เขาเป็นหญิง
    เราเป็นหญิง และ เขาเป็นหญิง
    ก็ยังพิสดารไม่พอ
    เราเป็นหญิงฝ่ายชาย และเขาเป็นหญิงฝ่ายหญิง
    เราเป็นหญิงฝ่ายหญิง และเขาเป็นหญิงฝ่ายชาย
    เราเป็นชายฝ่ายชาย และเขาเป็นชายฝ่ายหญิง
    เราเป็นชายฝ่ายหญิง และเขาเป็นชายฝ่ายชาย

    เฮ้อ.....เฮ้อ....เฮ้อ....มันประหลาด และพิสดารเกินกว่าเราจะคาดคิดได้....

    อะไรกันรึนี่.......โอ๊ย....ไม่ไหวแล้ว.....พักไว้ก่อน....ใครหละจะเป็นผู้รู้...และต้องรู้จริงด้วยนะ...ช่วยบอกที....



    พักเรื่องนี้ก่อนนะ ....เพราะอีก 2 ถึง 3 ปีต่อมา ถึงได้เจอะกับพระวัดท่าซุง ลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษี ท่านเมตตาตอบให้....แล้วจะเล่าให้อ่านทีหลังค่ะ.....





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2015
  3. Yammies

    Yammies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +320
    ....เหนื่อยแทนคุณทองค่ะ...
    แต่แยมก็คงไม่พ้นวิบากกรรมเช่นเดียวกัน เพราะไปทำเค้าไว้เยอะ
    ทั้งเมื่อชาติที่แล้วและชาตินี้ แต่เมื่อยอมรับที่จะชดใช้กรรมให้
    ก็จะ ปลง ปลง ปลง แต่ไม่รู้ทำไงให้ได้รู้ว่าเราใช้กรรมกับเค้าไปแล้ว แล้วจะไม่ขอจองเวร
    ให้สิ้นกันซะชาตินี้ ได้ยินเพลงบอก "กรวดน้ำคว่ำขัน" ยังนึกไม่ออกเลย

    ใครพอจะมีประสบการณ์ มาแนะนำกันบ้างนะค้าาา
     
  4. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เจ้ากรรมนายเวรของพ่อมาขอบคุณ

    ย้อนไปเมื่อสมัยยังทำงานที่ บ.มหาชนแห่งนั้นอยู่ เจ้ากรรมนายเวรของพ่อ คือนกมากมายมหาศาล จำนวนนับแสน ที่ตายลงในกองเพลิง ขณะที่พ่อได้เผาป่าเพื่อบุกเบิกที่ทำกิน แล้วไฟไหม้ลุกลามไปเกินจะดับทัน ในชาตินั้นของพ่อ

    หลังจากเรามาอาศัยอยู่ในเซฟเฮาส์ และเริ่มทำบุญทุกวัน เราก็เริ่มตระหนักเป็นห่วงคุณพ่อขึ้นมา......คุณพ่อไม่ทำบุญเองแน่นอน........ขนาดเราออกเงินเราให้แท้ ๆ ยังต้องแกมบังคับเสมอ ๆ

    เท่าที่หาข้อมูลได้ในตอนนั้น เห็นมีแต่บอกว่า บุญของใครก็ของคนนั้น ทำแทนกันไม่ได้ เจ้ากรรมนายเวรของใครก็ของมัน ต้องชดใช้กันเอาเอง .....ทีนี้เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้นจะเจรจากับพ่อเรื่องบาปบุญคุณโทษนั้นก็เห็นจะยาก ก็เลยลองดูก็แล้วกัน เอาอย่างนี้ เราจะอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของพ่อด้วย ทำอยู่อย่างนี้ทุกวันแบบไม่พลาดเลยสักวัน อยู่ประมาณ 1 ปีครึ่ง

    และแล้ว........วันหนึ่ง.....หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้........รู้อีกทีก็........เห็นฝูงนกเหล่านั้น มาทีละฝูง ฝูงละประมาณ 20 - 30 ตัวได้ ทันทีที่เห็นเราก็รู้ขึ้นมาในทันที นี่คือนกเจ้ากรรมนายเวรของพ่อนั่นเอง ฝูงแรกบินมาใกล้ ๆ เรา แล้วขอบคุณโดยการกระพือปีกพร้อม กัน 1 ครั้ง ทั้งฝูงเพื่อขอบคุณเรา แล้วก็บินจากไป

    หลังจากนั้นฝูงที่ 2 ก็ทำอย่างเดียวกับฝูงแรก และทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบหมด จำนวนฝูงทั้งหมด ราว ๆ หลายร้อยฝูงได้......พอครบหมดทุกฝูง.....เราก็ทราบอนาคตของฝูงนกต่อไปอีกคือ นกเหล่านี้กำลังจะไปเกิดเป็นมนุษย์ และทั้งหมดโตขึ้นมาจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนเทคนิคกันทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2015
  5. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802

    ทุกอย่างต้องจบที่ตัวเราค่ะ ตราบใดที่เรายังทรงขันธ์ 5 (ร่างกาย) เราจะไม่มีวันหนีพ้น เพราะมันพัวพันกันมานานมาก เรายังต้องชดใช้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะหลุดพ้น คือไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เมื่อนั้นบาปต่าง ๆ ก็ไม่ได้หมดหรือหายไปไหนหรอก แต่มันจะกลายเป็นโมฆะกรรม

    เนื่องจากส่งผลต่อเราไม่ได้แล้วนั่นเอง ฉะนั้น ทางเดียวที่จะหยุดทุกอย่างได้ คือ หาทางไปพระนิพพาน หากชาตินี้ยังไปไม่ได้ฉันท์ใด แต่เนื่องจากบารมี(กำลังใจ) ที่เราสะสมตั้งแต่ชาตินี้ จะส่งผลให้เราต่อบารมีในชาติหน้าและชาติต่อ ๆ ไป และเมื่อบารมีเรามากพอเมื่อใด เราก็จะตัดกิเลสได้เป็นสมุทเฉทฏปหาน และเข้านิพพานเมื่อนั้น

    เจริญในธรรมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2015
  6. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เพื่อนผีมารับไปเที่ยวทำบุญ

    ตั้งแต่เรามาอยู่ ณ ค่ายทหารแห่งนี้ เราไม่ออกจากห้องไปไหนเลยถ้าไม่จำเป็น นอกจากไปวัด และต้องออกงานสังคมกับสามีเท่านั้น ไม่ค่อยพบปะผู้คน เพื่อนฝูงช่วงนี้ตัดขาดการติดต่อไปเลย คบผีเป็นเพื่อนแทน เรียกได้ว่าเก็บตัวและเก็บใจล้วน ๆ เราจึงเรียกนิวาสสถานแห่งนี้ว่า เซฟเฮ้าส์

    วันหนึ่ง หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.........รู้อีกทีก็........มีคนจำนวนมาก ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย คนแก่ หนุ่มสาว และเด็ก ประมาณสัก 100 กว่าคนได้ มาชวนเราไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง โดยรถกระบะหลายคัน ทั้งด้านหน้ารถ และกระบะรถนั่งเต็มหมดทุกคัน เรานั่งโดยสารไปกับเขาที่กระบะรถ

    ไปที่วัดแห่งหนึ่ง ก็ทั้งกราบพระ ทำบุญ และเที่ยวงานวัด เนื่องจากวัดแห่งนั้นจัดงานวัดด้วย เราก็คุยกับคนเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน และมีความรู้สึกว่าเรารู้จักและคุ้นเคยกับพวกเขาดี แต่ความรู้สึก ณ ขณะนั้นก็รู้นะว่า พวกเขาไม่ใช่คน แต่เป็นผี แต่เราไม่รู้สึกกลัวใด ๆ เลย เดินเล่น เดินเที่ยวกับเขาอยู่หลายชั่วโมง

    ขณะเดินเล่นอยู่หน้าโบสถ์ จู่ ๆ ก็ มีผู้ชายคนหนึ่ง พูดขึ้นมาว่า เร็วเข้า มานี่ เดี๋ยวจะรีบไปส่ง นี่ใกล้จะหกโมงเช้าแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 20 นาทีเท่านั้น เดี๋ยวจะไม่ทัน

    เพียงเท่านี้ ก็ทำให้เราลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที และมองไปดูนาฬิกา ปรากฏว่าขณะนั้นเป็นเวลา ตี 5 สี่สิบนาที ตรงเป๊ะเลยค่ะ
     
  7. Yammies

    Yammies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +320
    สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ คุณทอง ขอบพระคุณมากค่ะ
    จบที่ตัวเรา คือเจ็บแล้วจบ ไม่ผูกพยาบาท คิดเสียว่าชดใช้ไปแล้ว
    เพิ่งคุยกับแม่ แม่ก็บอกแบบเดียวกันว่า จบที่ตัวเรา คิดว่าไม่ติดค้างคือไม่ติดค้างชดใช้ไปแล้ว
     
  8. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ไปเดินเล่นที่บ้านทองคำ

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้........รู้อีกทีก็........โอ้........โห......บ้านเรารึนี่........ทำไมมันใหญ่โตกว่าพระราชวังอีกแนะ.....ทั้งใหญ่ทั้งสวย........และที่สำคัญมันเป็นทองคำหมดทั้งหลังเลย.......

    ทันทีที่เห็นทั้งตื่นเต้น ........ทั้งดีใจ....เฮ้ย..ยย......ทำไมเราโคตระรวยถึงขนาดนี้เนี่ย.........กำแพงบ้านยาวเป็นกิโลเลยแถมเป็นทองคำทั้งหมดอีกด้วย.....เราก็เดินอยู่บนกำแพงบ้าน.....สำรวจรอบ ๆ บริเวณบ้านว่างั้นเถอะ.......สำรวจเดินเล่น....ด้วยความลิงโลดใจ.....น่าเสียดายดูยังไม่ทันอิ่มเลย....ก็ต้องตื่นขึ้นมาเสียก่อน.......เฮ้อ.....เสียดาย...

    เดินเลือกบ้าน

    ในช่วงนี้ เราวาดฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง......เป็นธรรมดาของเราที่ยังมีความอยากได้อยู่อย่างเต็มเปี่ยม

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้........รู้อีกทีก็......เราอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง.....ที่เต็มไปด้วยบ้าน....มีทางไปนรกด้วย...ความรู้สึกบอกว่า นั่นคือทางไปนรก....แต่ตอนนั้นยังไม่อยากเห็นนรก เราเลยไม่ไปทางนั้น เดินมาทางโลกมนุษย์ และมีบ้านเรียงลำดับกันไป ความรู้สึกคือ บ้านเป็นของเราหมดทุกหลัง เพียงแต่ให้เราเลือกเอาว่าจะเอาหลังไหน เริ่มตั้งแต่ บ้านแบบธรรมดาในแบบโลกมนุษย์ และค่อย ๆ ไล่ลำดับความสวยและใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลังสุดท้ายในแบบมนุษย์ เป็นบ้านมหาเศรษฐี

    และถึงมาเริ่มเป็นบ้านทองคำ และยังคงมีเรียงตามลำดับความสวยขึ้นไปเรื่อย ๆ จิตบอกว่าชั้นจาตุฯ และดาวดึงส์เรียงไปจนถึงพรหม แต่เดินถึงแค่บ้านที่ชั้นจาตุฯ ก็มีความรู้สึกว่า ไม่อยากเดินต่อและไม่อยากได้เลยสักหลัง ณ ขณะนั้นอยากไปพระนิพพานอย่างเดียวค่ะ
     
  9. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    ปรามาสพระรัตนตรัย และไปบ้านสายลมเป็นครั้งแรก

    นับตั้งแต่เราจิตตั้งมั่นใน ทาน ศีล ภาวนา ครบองค์ประกอบของความดี มันเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น เรานั้นทั้งรักและเคารพในพระรัตนตรัยเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับเริ่มเจริญมรณานุสติ คือระลึกถึงความตาย เรานั้นมอบกายถวายชีวิตเพื่อเป็นพุทธบูชาแก่พระรัตนตรัยทุกวัน

    แต่ไฉน .......มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา......เผลอเมื่อใด......จิตมันคิดเอง.....คิดปรามาสพระรัตนตรัย.......คิดไปได้ ทั้ง ๆ ที่เรากำลังสวดมนต์ ถวายอาหารและดอกไม้แด่พระพุทธรูป มันแทรกขึ้นมาระหว่างเรากำลังแสดงความเคารพพระรัตนตรัยทุกครั้ง เป็นทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง และยามเราเผลอหรือไม่เผลอก็แล้วแต่ มันแทรกขึ้นมาดื้อ ๆ เลยค่ะ มันคิดว่า “ ให้พระพุทธรูปมาลอดอยู่ตรงหว่างขา ” ดูสิคะ....... จิตมันเลวได้ขนาดนั้นเลยค่ะ

    เรานั้นมันมีสติทุกครั้งที่คิดนั้นแหละค่ะ แต่มันแทรกขึ้นมาแบบดื้อ ๆ คิดทุกครั้งต้องรีบก้มกราบเพื่อขอขมาพระรัตนตรัย เป็นมากถึงขนาด ขณะขอขมายังไม่ทันเสร็จเลย มันก็ดันแทรกความคิดบ้า ๆ มาขณะกราบนั้นแหละ จิตนี่มันเลวจริง ๆ .เราต้องทนทุกข์เพื่อยื้อยุดฉุดกระชาก ไอ้ความคิดชั่ว ๆ อยู่อย่างนี้นานนับปี ทีนี้มันทุกข์ทรมานมาก ตรงที่ว่าเราไม่สามารถจะเล่าให้ให้ใครฟังได้ ไม่กล้าจะปรึกษาใครเลยด้วยค่ะ ก็ใครในโลกนี้มันจะเลวได้โล่ห์เหมือนเราบ้าง......ขืนเล่าก็คงมีแต่คนประณาม นรกกินกบาลแหงเลยยายคนนี้ และเราเองนั้นก็กลัวตกนรกเป็นอย่างยิ่ง ก็ต้องทนอมทุกข์อยู่อย่างนั้นเป็นปี ๆ

    จนกระทั่งมาที่บ้านสายลม เลขที่ 9 ซ.8 ถ.พหลโยธิน เป็นครั้งแรก ที่บ้านสายลมแห่งนี้เป็นบ้านของ มรว.เสริม ศุขสวัสดิ์ ท่านอุทิศบ้านเพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรม โดยมีพระจากวัดท่าซุงมาสอนกรรมฐานและรับสังฆทานทุกวันเสาร์และอาทิตย์ของต้นเดือนค่ะ

    เรามาถึงก็ได้ถวายสังฆทาน และได้เข้าฝึกมโนมยิทธิกับ อ. ที่เป็นฆราวาสเป็นครั้งแรก ทันทีที่ อ.เห็นหน้าเราปุ๊บ อ.บอกว่า นี่เธอทำไมถึงซนขนาดนี้ ไปทั่วเลยนะ ไปปีนกำแพงวิมานเล่นด้วย เราก็ ฮึ อ.รู้ได้งัยนี่ แถมยังเถียง อ. กลับไปอีกว่า ก็นั่นมันบ้านหนูเองนี่คะ หนูปีนบ้านตัวเองก็ผิดหรือคะ อ.ก็เมตตาสอนกลับมาว่า เวลาเราจะไปไหน มาไหน ทุกที่ทุกสถานล้วนมีผู้ดูแล เราควรจะมีมารยาทและมีสัมมาคารวะต่อท่านที่ดูแลเขตนั้นด้วย

    เราก็มาตระหนักในภายหลังว่า เรานี่เปรียบเสมือนคนป่าที่ไม่เคยได้รับการอบรมมารยาท เพราะเราไปเองแบบสะเปะสะปะ ไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะไม่เคยปรึกษาใครเลย และไม่เคยถามใครเลยด้วย เรานี่เป็นคนที่ไร้การศึกษาชัด ๆ

    พอหลังจากฝึกมโนมยิทธิเสร็จแล้วก็มานั่งอยู่ตรงที่เขาถวายสังฆทานกัน คนก็เยอะมาก สถานที่คับแคบไปถนัดตาเลย คนหลายพัน ทยอยเข้าทยอยออก แต่เนื่องจากเรายังไม่อยากกลับ อยากจะถามพระท่านว่า ไอ้อาการที่เราต้องทนทุกข์ที่ปรามาสพระรัตนตรัยทุกวัน จะทำอย่างไร แต่หาโอกาสไม่ได้ เนื่องจากคนมาถวายสังฆทานมาก แม้กระทั่งที่ยืนยังแทบจะหาไม่ได้ คนต่อคิวยาวเหยียด แย่งกันเดินเบียดเสียดยัดเยียด เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์คนเข้าคนออกแบบเร็วที่สุด พระท่านก็ไม่ว่าง

    เราไม่รู้จะทำอย่างไร โอกาสจะถามท่านได้นั้นเป็นศูนย์ เราพกความหวังมาจากบ้านเต็มเปี่ยมว่าเราจะมาถามพระให้ได้ รู้สึกผิดหวังมาก เดินคอตกมานั่งอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ คนอื่นเขามากันเป็นครอบครัวบ้าง เป็นกลุ่มบ้าง เป็นคณะบ้าง อันตัวเรานั้นหัวเดียวกระเทียมลีบ เดินทางมาจากต่างจังหวัดเข้า กทม.แต่ละครั้งต้องใช้เงินหลักหมื่น จะมาบ่อย ๆ ก็ไม่ได้ เรานั้นบุกเดี่ยวมาที่นี่ด้วยความหวังเดียวอันเป็นที่พึ่ง พอรู้ตัวว่าต้องผิดหวังแน่แล้วก็มานั่งทำใจอยู่คนเดียวหน้าห้องน้ำ

    และแล้ว.......จู่ ๆ มีเสียงประกาศจากไมค์โดยหลวงพ่ออนันต์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงรูปปัจจุบันว่า “ คนที่มีอาการปรามาสพระรัตนตรัยนั้นหนะ ให้ขอขมาพระรัตนตรัยบ่อย ๆ และทุก ๆ วัน เนื่องจากอาการแบบนี้เป็นกันทุกคน เพราะเรากำลังจะเดินไปสู่ความดี จะมีมารมาขวางไว้ เขากลัวว่าเราจะเป็นคนดี.....เพราะเรากำลังจะได้ดี....

    เพียงเท่านี้ โอ หลวงพ่อเจ้าขา น้ำตาลูกไหลพรากอาบแก้ม....เดินฝ่าฝูงชนไปคุกเข่าต่อหน้าหลวงพ่อ แบบไม่เหลือความอายใด ๆ ไปก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่ออนันต์ ท่ามกลางสายตานับร้อย.....พร้อมสะอึกสะอื้น.....หลวงพ่อเมตตาลูกเหลือเกิน หลวงพ่อพูดปลอบว่า " เราทำดีแล้วนะลูก " และหลวงพ่ออนันต์ ก็เหมือนกับรับคำพูดจากใครที่มองไม่เห็นอยู่ และหันมาบอกกับข้าพเจ้าว่า “หลวงพ่อฤาษีบอกว่า ทำดีแล้วนะลูก จิตละเอียดและสะอาดขึ้นแล้ว เรากำลังจะพ้นบ่วงมาร”

    ดิฉันนั้นสุดจะซาบซึ้งไม่อาจหาคำพูดใด ๆ ในโลกมาพรรณนาถึงความเมตตาของ หลวงพ่อฤาษี ได้ พ่อไม่เคยทอดทิ้งลูกเลยสักครั้งค่ะ .....นับแต่บัดนั้นมา ติดขัดคับข้องอารมณ์เมื่อใดท่านเมตตาสงเคราะห์ลูกทันที เราก็ไม่เคยออกห่างจากสายวัดท่าซุงเลย

    เรานั่งปลื้มปีติอยู่จนกระทั่ง 2 ทุ่ม หรือ 4 ทุ่ม นี้แหละไม่แน่ใจ จำไม่ค่อยได้ค่ะ มีการกล่าวถวายสังฆทาน สวดมนต์ และเจริญกรรมฐานแบบสุขวิปัสโก พร้อมกันค่ะ

    ก่อนหน้านี้อันความรู้ของเรานั้น เราเข้าใจว่าสังฆทาน คือเราถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ทุกรูปที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น แต่ในขณะที่กล่าวคำถวายสังฆทานนั้น พอถึงคำว่า “ขอพระสงฆ์จงรับ” ที่บริเวณพระพุทธรูป และรูปปั้นหลวงปู่ปาน หลวงตาแสง และ หลวงพ่อฤาษีนั้น ทันใดนั้น.......มีพระสงฆ์หนุ่มรูปงาม ห่มจีวรสีกลัก เหมือนกันทุกรูป นั่งเรียงแถวน่ากระดาน มากมายยาวจนสุดลูกหูลูกตา พนมมือรับพร้อมเพรียงกันอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม
    ตั้งแต่บัดนั้น เราก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมา คือ ไม่ใช่แค่พระสงฆ์ทุกรูปที่อยู่บนโลกนี้เท่านั้น แต่เป็นพระสงฆ์ทุกรูปที่อยู่บนโลก พระสงฆ์ที่อยู่ในโลกทิพย์ รวมถึงพระสงฆ์ทุกรูปที่เข้าพระนิพพานไปแล้วด้วย

    เราพึ่งจะถึงบางอ้อ ........มิน่าล่ะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงได้บอกว่า สังฆทานนั้น อานิสงส์หาประมาณมิได้ เป็นเช่นนี้เองหนอ......


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2015
  10. Yammies

    Yammies เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +320
    อ่านแล้ว แยมน้ำตาไหล พูดไม่ออก...จุก...

    ขอดราม่าหน่อยนะคะ...มันเหมือนกับที่ตัวเองกำลังเป็น...และไม่รู้จะบอกใครยังไง...
    แต่ก็มีพี่ๆ มาแนะนะบ้างแล้ว พยายามรวบรวมความกล้าอยู่...มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 พฤษภาคม 2015
  11. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    มิน่าหละ ตอนแรกกะโพสเรื่องผีเล่น ๆ สนุก ๆ เฉย ๆ โพสไม่กี่เรื่อง ถามหลวงพ่อว่า เล่าเรื่องอะไรให้คนได้ประโยชน์ดี มีภาพใส่บาตรพระโชว์ขึ้นมา เลยเล่าเรื่องอานิสงส์ใส่บาตร และเล่าเรื่อย ๆ ต่อ ๆ มา จนนอกเรื่องผีมาซะไกล ที่แท้มีคนรออ่านนี่เอง

    ส่วนเรื่องปรามาสนั้น ขอขมาทุกวัน และที่สำคัญต้องหน้าด้าน คิดซะว่ามันไม่ใช่เรา ยื้อบ่อย ๆ เดี๋ยวชนะเองค่ะ
     
  12. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    กรรมบถ ๑๐ การบ้านจากหลวงพ่อฤาษี

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็.......เห็นจีวรพระปลิวไสว.......ฮื้อ....พระที่ไหนมายืนอยู่นี้นี่.....ยืนอยู่ข้าง ๆ ติดกับตัวเราเลย เรานั้นนอนอยู่บนเตียง ท่านก็ยืนอยู่บนเตียงเช่นกัน พอเงยหน้าขึ้นไปดูเท่านั้นแหละ หลวงพ่อ หลวงพ่อมาหาลูกหรือเจ้าคะ.........หลวงพ่อท่านไม่พูดมาก มาถึงก็ยืนสอนเราเรื่องกรรมบถ ๑๐ พร้อมกับให้เรา ถือกรรมบถ ๑๐ เพิ่มเข้าไปด้วย

    ๑. ปาณาติปาตา เว้นฆ่าสัตว์ และประทุษร้ายสัตว์
    ๒. อทินนาทานา เว้นการถือของผู้อื่นมาเป็นของตน
    ๓. กาเมสุมิฉาจารา เว้นคบหาสมาคม บุตร ธิดา ภรรยา บุคคลอื่น
    ๔. มุสาวาทา เว้นการพูดเท็จ
    ๕. ปิสุณาย วาจาย เว้นพูดส่อเสียด ยุยงให้แตกร้าว
    ๖. ผรุสาวายวาจาย เว้นพูดหยาบและสะเทือนใจผู้อื่น
    ๗. สัมผัปปลาปา เว้นพูดเพ้อเจ้อ เหลวไหล ไร้ประโยชน์
    ๘. อนภิชฌา ไม่คิดเพ่งเล็งทรัพย์สินบุคคลอื่น
    ๙. อพยาบาท เว้นความโกรธ ความพยาบาท
    ๑๐.สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูก มีความเห็นตรง

    เฮ้อ....หลวงพ่อเจ้าขา.......นี่คือการบ้านใช่ไหมคะ





    ท่านย่าสุชาดามาสอนมโนมยิทธิ

    หลังจากกลับจากฝึกมโนมยิทธิครั้งแรกจากบ้านสายลม ฝึกคราวนั้นเรายังทำไม่ได้ หลังจากสมาทานศีลแปด และสมาทานกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว อ.ให้ภาวนาว่า หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะทะ ประมาณ 10 นาที เพื่อทรงอารมณ์อุปจาระสมาธิ ถ้าคนไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อน ต้องใช้เวลานานถึง 10 นาที จึงจะทรงอารมณ์ได้ และเนื่องจากเราไม่เข้าใจ เขาให้ทรงอารมณ์แค่อุปจาระสมาธิเท่านั้น แต่ด้วยความที่เราเคยทำสมาธิมาก่อน ภาวนาตั้ง 10 นาที อารมณ์มันเลยอุปจาระสมาธิไปถึงฌาน (ในการไปนั้นไปได้ 2 แบบ คือ อุปจาระสมาธิ และฌาน 4 ฌาน 1-3 ไม่สามารถไปได้) แต่ยังไม่ถึงฌาน 4 เราเลยไปไม่ได้

    แต่ อ. ก็ยืนยันว่าเราเคยไปเองแล้วสบายมาก แต่เราก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ ประกอบกับการไปแบบอุปจาระสมาธินั้นมันไม่ชัดเจน เนื่องจากสมาธิแบบนี้ยังไม่ทรงตัวดี หรือเป็นสมาธิแบบเด็กทารกนั่นเอง เราพึ่งจะเข้าใจตอนหลัง พอลองไปแบบอุปจาระสมาธิทีไร มันไม่ชัดเจน ทำให้เราไม่วายลังเลสงสัย เนื่องจากเราเคยไปเองแบบ ฌาน 4 ที่บ้านบ่อย ๆ นั่นเอง ฉะนั้น ครั้งแรกที่ฝึกมโนมยิทธิ ถือว่าเรายังทำไม่ได้

    พอกลับมาบ้านในวันหนึ่ง หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็......เจอะหญิงสูงวัยท่านหนึ่ง รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ประมาณว่าสมัยเป็นสาวคงสวยมาก ใบหน้ารูปไข่ หน้าตาเหมือนคนเหนือ ผิวเนียนขาวเหลือง พร้อมกับผู้ชายหนุ่ม 4 คน และหญิงสาว 4 คน ท่านบอกว่ามาสอนมโนมยิทธิให้.......

    แล้วข้าพเจ้านั้น ก็ให้งงสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านสั่งให้ ผู้ชายหนึ่งในแปดคนนั้น คลายประคตเอวให้เรา เนื่องจากประคตเอวรัดแน่นเกินไป และในตอนนั้นเองที่ เราพึ่งเห็นว่าตัวเรานั้นเป็นพระสงฆ์ ( เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ตัวเราเป็นพระสงฆ์ )

    ในขณะนั้นเราก็ทราบในทันทีว่า ท่านสอนให้คลายอารมณ์ลงให้เหลือแค่ อุปจาระสมาธิเท่านั้น เนื่องจากฌานมันแน่นเกินไป ทำให้ไม่สามารถฝึกมโนมยิทธิได้สำเร็จในครั้งนั้น

    และพร้อม ๆ กับที่เรารู้ขึ้นมาในทันทีว่า หญิงสูงวัยท่านนี้ คือ ท่านย่าสุชาดา มเหสีของท่านปู่พระอินทร์ นั่นเอง ท่านมาในกายเนื้อสมัยท่านเป็นมนุษย์ พร้อมกับทีมงานของท่าน คือ เทวดา กับนางฟ้าทั้ง 8 องค์ เพื่อมาสงเคราะห์แก้อารมณ์ในการฝึกมโนมยิทธิให้กับเรา

    เพียงเท่านี้แหละค่ะ ก็ดราม่าทันที โผเข้าสวมกอดที่เอวท่าน ร้องไห้ โฮ โฮ เหมือนกับจากท่านมานาน คิดถึง คิดถึงท่านย่าเหลือเกิน .............ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนกระทั่งตื่นขึ้นมา น้ำตาไหลนองหน้า ก้มกราบขอบพระคุณท่านย่า และเทวดานางฟ้าทั้งแปดท่าน ที่เมตตามาสงเคราะห์ .........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2015
  13. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ

    กับการปฎิบัติบูชา ของ คุณทองชมพู ด้วยค่า
     
  14. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    พยายามจะรีบเขียนจะได้จบไว ๆ ค่ะ เฝ้าคีย์บอร์ดมาหลายวันแล้วค่ะ และแต่ละเรื่องมันไม่เป็นตามที่โพสแต่แรก ๆ เลยค่ะ พอจะเขียนทีไรเหมือนอารมณ์มันจืด คิดไม่ออกไปดื้อ ๆ แต่เรื่องที่แทรกเข้ามามันกลับผุดเป็นเรื่อง ๆ เหมือนอย่างกะพึ่งเกิดเมื่อวานอย่างนั้นแหละ

    ตามเจตนารมณ์เดิมแค่โพสเรื่องผี ตอนนี้ชักจืด เขียนไม่มันเหมือนช่วงแรกเลย ตอนนั้นทั้งที่ไม่เคยบันทึกไว้แต่กลับเหมือนเราอยู่ในเหตุสด ๆ เลย
    ต้องขออภัยท่านที่รอเรื่องผีนะคะ

    ถ้าอ่านแต่ต้น ให้ถือว่ากำลังศึกษาในเรื่อง การทำความดี เริ่มจากผีไปหาพระ ไปพร้อม ๆ กันนะคะ เริ่มอีกอย่าง ไฉนทำท่าจะจบอีกอย่างก็ไม่รู้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2015
  15. s3515941

    s3515941 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +1,196
    จากที่ตามอ่านกระทู้มา เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ คล้ายกับหนังสือ ลูกศิษย์บันทึกเลยครับ

    ผมไม่ได้หมายความว่าไปลอกจากหนังสือเขามานะครับ แต่หมายถึงเป็นประสบการณ์ตรงจากการปฎิบัติของลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีฯ อีกท่านนึงครับ


    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  16. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เล่มไหน ท่านนั้นชื่ออะไรคะ จะได้ไปหาอ่านค่ะ
     
  17. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    มีคนมาซ้อมตายให้

    ในระยะนี้เราเริ่มตระหนักถึงความตาย คนเรานั้นด้วยวาระบุญกรรมส่งผลให้ต้องมาเกิดในโลก ยืมทรัพยากรของโลกมาใช้ ทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ ยืมมาประกอบเป็นร่างกาย เพื่อใช้งานชั่วคราวยังไม่พอ ยังจะหิวโหย จึงต้องสรรหาเอาอาหารมาเพื่อหล่อเลี้ยงมัน แถมยังหนาวและร้อน ต้องหาเครื่องนุ่งห่ม เจ็บไข้ไม่สบายก็ต้องหายา หาที่อยู่อาศัยเพื่อกันแดดกันฝน เมื่อมีแล้วก็ไม่พอต้องหาการศึกษามาเพื่อประดับชีวิต เนื่องจากสังคมโลกเขามองคุณค่าของคนด้วยการศึกษา และอื่น ๆ อีกมากที่โลกเขานิยมกัน

    สรุปแล้วเรามาแต่จิต แล้วมายืมทุกสิ่งทุกอย่างของโลกมาใช้ชั่วคราวเท่านั้น
    คนมาก่อนก็ยืมใช้ก่อน ก่อนกลับก็ทิ้งทุกสิ่งไว้ที่โลกเหมือนเดิม คนมาทีหลังก็ยืมต่อ ๆ กันมา และก็ทิ้งไว้เช่นกัน เมื่อเราทราบวงจรของมันแล้ว เราฝืนมันไม่ได้ ทำได้แต่เพียงต้องเตรียมตัวรับมือกับความตายเท่านั้น ทีนี้เจ้าความตายนี้แหละที่คนเรากลัวนักกลัวหนา เราก็กลัวเช่นกัน แต่ถ้าเราได้ซ้อมเอาไว้ก่อนหลาย ๆ ครั้ง จนชำนาญเมื่อใด เมื่อต้องตายจริงขึ้นมา เราจะรับมือได้แบบไม่ต้องกังวลเพราะซ้อมมาก่อนนั่นเอง เราเองก็พึ่งจะตระหนักเห็นความสำคัญของการซ้อมตายว่ามีคุณค่าขนาดไหน

    ก่อนนอน เราคิดว่า เรานอนคราวนี้ อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ ฉะนั้นต่อไปนี้การทำสมาธิของเราก็คือการซ้อมตาย เนื่องจากที่สุดของสมาธิก็คือไม่รับรู้ลมหายใจ ก็เปรียบเสมือนเราตายก็แล้วกัน.......

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้......รู้อีกทีก็.......มีความรู้สึกว่า ตัวเรานั้นกำลังจะตาย ลมหายใจแผ่วเบาไปเรื่อย ๆ และขณะที่ลมหายใจแผ่ว ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ มีผู้ชาย 4 คน และผู้หญิง 4 คน รวมเป็น 8 คน มาชี้ทางไปสำหรับคนตายให้เราดูดังนี้

    ทางซ้ายสุดเป็นทางไปนรก พร้อม ๆ กับเห็นคนที่ตายแล้วเดินไปทางนี้เป็นจำนวนมาก ถัดมาเป็นเปรตอสุรกาย และถัดเดรัจฉาน มาเป็นทางของมนุษย์ ถัดมาอีกเป็นสวรรค์ชั้นจาตุฯ และถัดมาเป็นชั้นดาวดึงส์ ไล่เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ ทั้ง 8 คน พาเราดูทางเหล่านั้น ดูไล่มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงพรหมโลก แล้วคนทั้ง 8 ก็หยุดไม่พาเดินต่อ เพียงแต่บอกว่า นิพพานไปทางนั้น แล้วบอกว่าถ้าจะไปนิพพาน ต้องไปเอง ไปส่งไม่ได้ ส่งได้ถึงแค่พรหมเท่านั้น

    แต่เราไม่อยากไปพรหม เราอยากไปนิพพาน ทั้ง 8 คนเลยบอกว่า ให้ตัดร่างกายซะ ในขณะที่เรากำลังหายใจแผ่ว ๆ อยู่นั้น ท่านก็สอนวางอารมณ์ ให้ทิ้งให้หมดทุกสิ่ง ไม่เอาอะไรเลย ร่างกายเราไม่ต้องการอีกแล้ว มนุษย์ก็ไม่เอา สวรรค์ก็ไม่เอา พรหมก็ไม่เอา ให้ตั้งจิตว่า จะไปพระนิพพาน

    เราก็ทำจิตตามที่ท่านบอก พร้อม ๆ กับลมหายใจเบาบางจนนิ่งสนิทแล้ว เราก็รอว่าเมื่อไหร่เราจะออกจากร่างซะที สักพักเราก็รู้ขึ้นมาว่า เรายังไม่ตายจริง ๆ เพียงแต่เป็นการซ้อมอารมณ์เพื่อเตรียมตายเท่านั้น พร้อมกับรู้ขึ้นมาว่า ทั้ง 8 ท่านเป็นเทวดานางฟ้า มาซ้อมตายให้เรา เพียงเท่านี้เราก็รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของท่านทั้ง 8 ลุกขึ้นจากที่นอนก้มกราบขอบพระคุณท่านทั้ง 8 เป็นอย่างสูงค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  18. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    เอื้อมไม่ถึงดาว เพราะบ้าพระนิพพาน

    ระยะนี้นิพพานขึ้นสมอง บ้านิพพาน มนุษย์ สวรรค์ พรหม ไม่เอา ตั้งเป้านิพพานอย่างเดียว
    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้.......รู้อีกทีก็......ตัวเราเป็นชายนั่งสมาธิอยู่ และเนื้อตัวเรามันเป็นคล้ายหินศิลาแลง ที่เขาใช้ปั้น นั่งในท่าสมาธิ และจู่ ๆ ตัวเราก็ลอกออกลักษณะเป็นแผ่น คล้าย ๆ การถล่มเป็นแผ่นของหน้าผา ถล่มออกมาเป็นชั้น ๆ จนกระทั่งตัวเราเริ่มค่อย ๆ กลายเป็นทอง ทีละนิด จนกระทั่งเป็นทองทั้งตัว จิตขณะนั้นบอกว่านี่คือพรหม แล้วก็หยุดไม่ยอมกลายเป็นแก้วต่อ (เป็นแก้วคือกายนิพพาน) แต่เราตั้งเป้าไว้ว่านิพพาน พอรู้ว่าเราไม่เป็นแก้วแน่แล้ว ก็เสียใจ.......เสียใจจนร้องไห้ออกมา.....

    ปล. ด้วยความเขลาของเรา ตั้งเป้าหมายเพื่อพระนิพพาน แต่ไม่พิจารณาตัดร่างกาย สรุปก็คือ ต่อให้เราตั้งเป้าหมายไว้สูงสุดไว้เพียงใด แต่ปฏิบัติไม่ถึง เราก็ยังไปไม่ถึงเป้าหมายได้เพราะโง่เขลาเลาปัญญา ไปนิพพานไม่ได้เพราะขาดสติตรองเพื่อเอาปัญญามาใช้......โง่อีกตามเคย เฮ้อ..


    คำทำนาย

    หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้........รู้อีกทีก็......เจอะพระภิกษุวัยกลางคนรูปหนึ่ง จู่ ๆ ท่านก็บอกกับเราว่า ชาตินี้เธอเป็นพระอรหันต์ไม่ได้หรอก เธอทำได้เต็มที่แค่พระอนาคามี ......พอรู้ว่าชาตินี้เราไปพระนิพพานไม่ได้แน่ ก็ร้องไห้ ร้องไห้.....และร้องไห้
    จนกาลเวลาผ่านไป เอ๊ะ....คนที่จะทำนายว่าใครได้มรรคผลระดับใด ไม่ใช่หน้าที่ของสาวกนี่ เป็นหน้าที่ตรงของพระพุทธเจ้าเท่านั้นนี่ .......คิดได้ดังนี้ก็ เออเรานี่ไม่มีสติ บ้านิพพานจนไม่มีสติเลย คนจะไปนิพพานขาดสติเยี่ยงนี้มีหรือจะไปได้ .....เออ โง่อีกละ....
     
  19. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    หลวงพ่อฤาษีสงเคราะห์ข้าพเจ้าผ่านหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด

    มาทำบุญกับหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด ขณะท่านอายุประมาณ 102 ปี ท่านเป็นพระดี ปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว ขณะอายุ 105 ปี เมื่อปีที่แล้วนี่เองค่ะ คนมาทำบุญมากจนเต็มกุฏิหลวงปู่ ทุกครั้งที่ถวายของสงฆ์ เราจะนึกถวายในใจว่าข้าพเจ้าขอ

    ถวาย.............แด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทุก ๆ พระองค์ พระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ โดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธานรับ และมีพระสงฆ์รูปนี้เป็นผู้แทนรับ พระพุทธเจ้าข้า

    หลังจากที่เราถวายปัจจัยและดอกไม้หลวงปู่เสร็จแล้ว ก็หันมาเจอะช้างเสี่ยงทาย เสี่ยงทายโดยถ้าเป็นชายให้ใช้นิ้วก้อยยกช้างขึ้นมา หากเป็นหญิง ใช้นิ้วนางยกช้างขึ้น โดยให้เรานั่งตัวตรง แล้วอธิฐาน หากสำเร็จผล จะยกช้างขึ้นอย่างง่ายดาย

    เราก็อธิฐานขอไปพระนิพพานชาตินี้ ปรากฏว่า ยกไม่ขึ้น...ช้างหนักอึ้ง...ไม่ขยับเลยแม้เพียงนิด.. อะไรกันนี่เราไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ ให้รู้สึกสลดหดหู่ใจยิ่งนัก นั่งคอตกเลย สักพักเอาใหม่......ลองดูใหม่ คราวนี้ขออาราธนาบารมีพระ

    ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทุก ๆ พระองค์ และพระโพธิสัตว์ทุก ๆ พระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน โดยมีหลวงปู่ปานวัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงเป็นที่สุด ขอทุก ๆ พระองค์โปรดสงเคราะห์ให้ลูกไปพระนิพพานได้ในชาตินี้ด้วยเถิด หากข้าพเจ้าสามารถไปพระนิพพานในชาตินี้ได้ ขอให้ยกช้างนี้ขึ้นด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า

    ทันใดนั้น ขณะกำลังอธิฐานอยู่ หลวงปู่ซึ่งปกติท่านไม่เคยมอง หรือสนใจใครใด ๆ เลย ท่านเพียงแต่ทำหน้าที่ คือรับของจากญาติโยมและให้พรเท่านั้น สายตาท่านเป็นสายตาที่ไม่มีอะไรเลย ท่านไม่เคยมองใครแบบเจาะจงเลย และท่านก็ติดภาระญาติโยมข้างหน้าอยู่หลายสิบคน แปลกมาก ขณะที่เรากำลังอาราธนาพระอยู่ ท่านหันมามองหน้าเราแบบเจาะจงอยู่เป็นนาทีได้ แต่ท่านไม่พูดอะไร แล้วท่านก็ทำหน้าที่ของท่านต่อไป และแล้ว.....เราก็สามารถยกช้างขึ้นมาได้.........สาธุ

    พอหลังจากญาติโยมเสร็จภารกิจกันหมดแล้ว หลวงปู่ท่านก็ให้พรพร้อม ๆ กัน พอท่านเอ่ย........ยะถา...........เท่านั้นแหละค่ะ ดิฉันปล่อยโฮออกมาเสียงดังจนสุดจะกลั้นได้ต่อหน้าคนหลายสิบคน........แล้วก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้....จนกระทั่งท่านให้พรเสร็จ.....สามีถามว่า ร้องไห้ทำไมหรือ ข้าพเจ้าตอบว่า.....จะไม่ไห้ร้องไห้ได้อย่างไร ตอนหลวงปู่ให้พรนี่ไม่ใช่เสียงของหลวงปู่ผาดเลย แต่กลายเป็นเสียงของหลวงพ่อฤาษีชัด ๆ




    ประวัติหลวงปู่ผาด http://www.pantown.com/group.php?display=content&id=27446&name=content3&area=3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2015
  20. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,818
    คุณทองชมพู นี่โชคดี นะครับ เนี่ย มีโอกาส ได้เป็นพระอริยะสูง แถมยังมีสิทธิ บำเพ็ญต่อยอดในสุคติภูมิของพรหมอีก โชคดีกว่ามนุษย์อีกหลายๆคนที่ยังจมกองกิเลสอยู่ ก็อย่างว่าแหละฮ่ะ ยุคนี้แค่ประคองไปชั้นจาตุม ก็ลำบากแล้ว ไหนจะต้องรับมือกับ กิเลสที่แฝงอยู่ในตัว ไหนจะเจอกับกิเลสคนอื่นอีก
     

แชร์หน้านี้

Loading...