พระสงฆ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย VERAJAK, 29 เมษายน 2015.

  1. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    พระสงฆ์ผู้ที่บวชเข้ามาในพระศาสนา จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ แต่ท่านก็คือพระสงฆ์หนึ่งในพระรัตนตรัยที่เราควรยึดมั่น
    ท่านคือพระสงฆ์เมื่อเราพบเราทำตามหน้าที่ด้วยจิตที่เคารพว่าท่านเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยนั้นคือหน้าที่ที่เราควรจะกระทำมิใช่หรือ
    หากจิตเรายังไม่เคารพพระสงฆ์ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ เราจะนับถือศาสนาพุทธทำไม
    การเพ่งโทษพระสงฆ์ นั้นคือหน้าที่หรือ ?เที่ยวเพ่งโทษคนอื่น ไม่เพ่งโทษตนก็ถือว่าประพฤติผิดพระพุทธวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว แต่นี่กลับเพ่งโทษพระสงฆ์องคเจ้า ยังบอกว่านับถือ ยึดมั่นพระรัตนตรัยอีกรึ พระพุทธองค์สอนว่าให้เพ่งโทษตนเองอย่าเที่ยวเพ่งโทษผู้อื่น. ทำไมไม่น้อมนำมาใส่จิต ...
    บุคคลใดทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นไม่มียกเว้น เมื่อพระสงฆ์หรือบุคคลได้ทำกรรมใดไว้ก็ตามผลแห่งกรรมนั้นจะสนองผู้กระทำเอง แล้วคนที่ไปเพ่งโทษท่านจะได้ประโยชน์อันใด. มีแต่ขาดทุน. คนทุกคนทำอะไรย่อมมีเหตุผลในการกระทำนั้น อยู่ที่เหตุนั้นจะควรรึมิควร ทุกคนมีปัญญาไตร่ตรองด้วยตนเองมิต้องให้ใครมาเพ่งโทษ มาสรรเสริญ เมื่อทำเหตุแล้วย่อมหนีไม่พ้นผลที่จะได้รับจากการทำเหตุนั้น. ทุกคนหนีไม่พ้น แม้แต่คนที่เพ่งโทษพระสงฆ์หรือคนอื่นๆ เมื่อไม่รู้เหตุแห่งการกระทำแต่ไปดูแต่พฤติที่คิดว่าไม่ถูกต้อง บางครั้งท่านอาจจะมีคนมาอารตนามิให้ทำด้วยกลัวว่าพระสงฆ์จะมีอันตรายต่างๆ เมื่อไม่รู้เหตุแต่ไปเพ่งโทษว่าพฤตินี้ผิด ไม่ดี เกิดมีเหตุอันควรในการกระทำนั้นผู้เพ่งโทษมิตกนรกรึ
    เมื่อไม่รู้เหตุและปัจจัยในพฤติควรจะสอบถามพูดคุยด้วยเหตุด้วยผล. รึถ้าไม่ถามก็ควรวางอุเบกขา กรรมใครกรรมมันมิใช่รึ
    ในศาสนาพุทธมี พุทธสมาคมไว้คอยควบคุมพฤติแห่งพระสวฆ์เมื่อเราพบเจอควรทำเรื่องร้องเรียนให้เค้าตรวจสอบ ผิดจริงก็จับสึก ถ้ามีเหตุก็สามารถอธิบายได้ มิใช่มาเพ่งโทษกล่าวหาโดยมิทำสิ่งที่ถูกที่ควรด้วยอารมณ์เมามันสนุกสนาน ฉันดี ฉันถูก ด้วยมิจฉาทิฏฐิคือเพ่งโทษผู้อื่น. สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2015
  2. noawarat pakdee

    noawarat pakdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +682
    ท่านกล่าวถูกแล้ว เรามิใช่ผู้พิพากษา ชีวิตใคร ก็ควรวางอุเบกขาไว้จะดีกว่า..
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,541
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    เวลาใส่บาตร เราก็นึกถึง"พระ" เพราะเราไม่อาจทราบหรือเสียเวลาไปคิดว่า"เอ องค์นี้ท่านปฎิบัติดีชอบ หรือไปถึงไหนแล้วนะ" จะทําให้"จิต"เราหมองเปล่าๆ สาธุธรรมค่ะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2016
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การเพ่งโทษผู้อื่นก็เริ่มก่อตัวมาจากมีเรามีเขา
    และมีจิตที่แปดเปื้อนด้วยมานะ
    และมิจฉาทิฐิก่อน

    แล้วไปมองรอบตัวด้วยทิฐินั้น
    เปรียบเทียบเราเขา
    ควรต้องอย่างนั้นอย่างนี้!!
    เพราะมีความเป็นเรา เราก็มีสัญญาไปจดจำ
    ไปยึดกฎระเบียบทาง
    สังคมที่สมมุติ บัญญัติกันขึ้นมาว่า
    ฆราวาสที่ดีหรือสงฆ์ในพระธรรมวินัยที่ดีต้อง
    ต้องทำอย่างนี้ๆ ต้องไม่ทำอย่างนั้นๆ

    ดังนั้น ถ้าพิจารณาเพื่อประคองตน
    ไม่สะสมอกุศลจิต
    เพื่อความบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อให้ถึงเป้าหมาย
    สูงสุดทางธรรม ต้องวางใจในแนว"ชั่วช่างชี
    ดีช่างสงฆ์"นะครับ

    แต่ถ้าพิจารณาเพื่อสังคมส่วนรวม
    ไม่ห่วงความบริสุทธิ์
    ของตนเองก็พิจารณาดูว่าจะคุ้มกันหรือไม่
    น่าเสี่ยงหรือไม่
    ที่ปรารถนาให้สังคมมีคนที่
    เคารพกฏกติกาแต่เราเสี่ยงนรกเสี่ยงอบาย

    ถ้าคิดว่าคุ้มก็ชี้ถูกชี้ผิดให้สังคมรับรู้
    โดยปราศจากอคตินะฮะ เจ๊งเป็นเจ๊ง
    นรกเป็นนรก ก็เลือกเดินกันเองนะฮะ

    สังคมเลอะไร้ระเบียบเพราะเราไม่มีเวลา
    ให้สังคม เราต้องทำมาหาเงิน
    เงินเป็นตัวตั้ง กฎมีไว้ฝ่าฝืนเพื่อความสะดวก
    ผิดกฎเรายัดเงินได้ กฎจึงเสื่อมลงๆ

    ทางโลกมองว่าเป็นวิวัฒนาการทางการเงินหรือเปล่า
    หรือเป็นไหวพริบในการอยู่รอดในสังคม

    ทางธรรมมองว่าศีลธรรมเสื่อม
    แต่อย่าไปแตะเป็นบาปกับตัวเอง เปลืองตัวเปล่าๆ
    ไม่ต้องแก้อะไร ให้เป็นเรื่องของกรรม
    กรรมจะทำงานเองเมื่อถึงเวลา
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    การที่คนเราชอบมองจุดผิดพลาดของคนอื่นเพราะคนส่วนใหญ่เขื่อว่าถ้าเราจะได้ในสิ่งที่ดีเราต้องสมบูรณ์แบบ เวลาที่เราเห็นคนอื่นได้ในสิ่งที่ดีแล้วเราไม่เห็นว่าเขาสมบูรณ์แบบ มันก็เลยเกิดความสงสัย และความคาดหวังต่างขึ้นมา ไม่เคยมองตัวเองเลยว่าตัวเราเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างมองว่าคนอื่นต้องสมบูรณ์แบบยกเว้นตัวเอง พ่อแม่ที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการลูกที่สมบูรณ์แบบ ลูกที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ ประชาชนที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการรัฐบาลที่สมบูรณ์แบบ รัฐบาลที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการประชาชนที่สมบูรณ์แบบ ผู้นำที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการผู้ตามที่สมบูรณ์แบบ ผู้ตามที่ไม่สมบูรณ์แบบต้องการผู้นำที่สมบูรณ์แบบ สังคมเห็งการจับผิดนี้นำมาซึ่งข้อเสียหลายอย่าง คือไม่มีใครอยากที่จะเป็นผู้นำ ไม่มีใครอยากจะบอกคนอื่นว่าเราเป็นคนดี ไม่มีใครอยากที่จะเป็นฮีโร่ เพราะการจับผิด เป็นผู้นำก็ถูกมองว่าอยากเด่น ทำตวามดีก็ถูกมองว่าสร้างภาพ เป็นสังคมที่กำลังปล้นสิ่งที่มันต้องการออกจากสังคมเอง
     
  6. Jan2014

    Jan2014 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +143
    ถ้าไม่มีโทษให้เพ่ง ใครเขาจะเพ่งยังงัยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
    พระดีจริง เขาก็ไม่กลัว ว่าใครจะเพ่ง
    ยิ่งเพ่งยิ่งดี ยิ่งเห็นธรรม
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ม.ในประเทศเราผลิตบัณฑิตด้านสังคมศาสตร์
    มากกว่าสาขาอื่นๆ

    แต่สังคมก็ไม่สามารถลดปัญหาอะไรลงมา
    อาจเป็นเรื่องของการเรียกร้องความสมบูรณ์แบบ
    Perfectเข้ามาเกี่ยวข้อวด้วยหรือเปล่าฮะ
     
  8. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ปัญหาของสังคมเกิดจากพฤติกรรมของคนในสังคม และพฤติกรรมของคนแต่ละคนก็เกิดจากความเชื่อของคนแต่ละคน เช่น ถ้าเราบอกให้ใครไปตายคงจะไม่มีคนไปตายตามเราจริงๆ แต่ถ้าเราใส่ความเชื่อให้เขาว่าเขาตายเพื่อคนทั้งประเทศ ตายแล้วจะได้ขึ้นสรรค์ ตายเพื่อรับใช้บุคคลสำคัญ อาจจะมีคนยอมไปตายมากกว่าที่เราคิด ดังนั้นความเชื่อเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม คนเราจะยึดติดกับความเชื่อเดิมจนกว่าความเชื่อนั้นจะได้รับการพิสูจน์ว่าไม่เป็นจริง หรือมันทุกข์มากจนไม่อาจจะปฏิเสธว่าความเชื่อนั้นไม่ได้ผล หรือบางคนยอมกอดความเชื่อและตายไปด้วยกัน ในสมัยก่อนคนที่ยอมกอดความเชื่อและตายไปด้วยกันมีมาก คนเหล่านี้ยอมสละทุกสิ่งแม้ชีวิตตัวเอง เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองถูก แต่โชคดีที่สมัยนี้คนเหล่านี้มีน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้นการแก้ปัญหาของสังคมจ้องแก้ที่ความเชื่อของคนในสังคม การจะทำอย่างนั้นได้อาจจะทำด้วยการบอกให้เขาทำ ซึ่งยากมากเพราะไม่มีใครพร้อมที่จะเชื่อ และอีกวิธีคือทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ถ้าทำได้ดีก็จะมีคนตามเอง กลุ่มที่เล็กกระจะกระทบจ่อกลุ่มที่ใหญ่ใหญ่ขึ้น เหมือนกับวงของคลื่นน้ำที่แผ่ออกไปเรื่อยๆ มันไม่ต้องใช้คนเยอะมากแต่ต้องมีคนพร้อมที่เริ่ม พร้อมที่ลอง ต้องวางอัตตาลงแล้วลองคิดว่าถ้ามีสิ่งที่เรายังไม่รู้หรือยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเข้าใจสิ่งนั้นชีวิตของเราอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเราก็พร้อมจะลอง
     
  9. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    ท่านพูดถูกครับ สาธุ
    แล้วคนเพ่งละครับเป็นยังไง
     
  10. Jan2014

    Jan2014 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +143
    คนเพ่ง เขาก็ได้ฝึกพิจารณา ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดีเท่านั้นเอง
    ถ้าไม่เพ่งเลย ไม่พิจารณาเลย ก็จะกลายเป็นว่าเชื่อไปตามเขา
    เขาว่าดี ก็ว่าดี โดยที่ตัวของเราเองก็ยังไม่ได้พิจารณาเลย
    ว่าที่ว่าดีน่ะ เขาดีอย่างไร
    จับผิดคนดี เขาก็ได้เห็นความดี
    จับผิดคนไม่ดี เขาก็ได้เห็นความไม่ดี
    คำว่าจับผิดนั้น ฟัง มันดูไม่ดี
    แต่กริยาที่ทำ มันก็คือการพิจารณาในธรรมทั้งหลายนั่นเอง
    พิจารณา ให้เห็นจริงด้วยตัวเรา ดีกว่าสักแต่ว่าเชื่อไปตามเขา
    โดยที่ไม่กล้าที่จะพิจารณา
    ถ้าเขาว่าดี เราก็ว่าดีไปตามเขา
    เราก็ไม่รู้ ว่าที่ว่าดีน่ะ อะไรที่ว่าดี
    กาย เรากราบคนโกนหัวห่มเหลืองได้ กราบไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่เขาทำสืบต่อกันมา
    แต่ใจ เรากราบคนโกนหัวห่มเหลืองไม่ได้ เพราะตรงนั้น ไม่ได้มีสาระอะไรให้กราบ สาระอยู่ที่ธรรมที่ท่านประพฤติปฏิบัตินู่น ท่านปฏิบัติดีอย่างไร ท่านมีความตั้งใจปฏิบัติดีอย่างไร ท่านมีความรู้แจ้งในธรรมจนน่าอนุโมทนาอย่างไร
    ตรงนั้นต่างหาก ที่น่ากราบ
    แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าท่านจะปฏิบัติดีอย่างไร ท่านจะมีความรู้แจ้งในธรรมจนน่าอนุโมทนาได้อย่างไร มันก็เกิดจากการพิจารณานั่นเอง
    พิจารณา แล้วเห็นว่าเขาดี แล้วอนุโมทนาไปกับเขา อันนี้ดี
    พิจารณา แล้วเห็นว่าเขาดี แล้วรู้สึกไม่ดีไปยังเขา อันนี้ไม่ดี
    พิจารณา แล้วเห็นว่าเขาไม่ดี ก็เลยว่าเขาไม่ดี อันนี้ไม่ดี
    พิจารณา แล้วเห็นว่าเขาไม่ดี ก็เกิดความเมตตาสงสารเขา เห็นใจเขา ว่าถ้าเขาเลือกได้ เขาก็คงไม่อยากที่จะไม่ดี มีใจอยากที่จะเห็นเขาดี อย่างนี้ดี
    ไม่พิจารณา ไม่สนว่าเนื้อแท้ของเขาจะดีหรือไม่ดี
    สนแค่เปลือกสมมุติที่ดูว่าดีก็ว่าเขาดี อย่างนี้ไม่ดี
    กราบพระ เป็นสิ่งที่ดี
    กราบโจร ที่โกนหัวห่มเหลืองแกล้งทำเป็นพระ โดยที่ไม่สนทีจะพิจารณาว่าเขาจะเป็นโจรหรือเป็นพระ เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจ กราบด้วยความบริสุทธิ์ใจไปที่รูปเสียอย่างเดียว ไม่สนที่จะพิจารณาเนื้อแท้ธรรมแท้ หลงเป็นเหยื่อของโจรที่จ้องแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนโดยขาดการพิจารณา ไม่รู้จักระวังรักษาขันธ์ด้วยความไม่ประมาท อย่างนี้ไม่ดี
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวว่าเป็นคำตอบ
    ที่โยนิโสแบบสุดๆแล้วครับ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวเพ่งไปที่ภาพตัวแทนของท่านJan นะฮะ
    ที่เป็นพระพุทธรูปคล้ายพระของญี่ปุ่น
    มองไปที่ก้อนเมฆด้านขวาบนขององค์พระ
    เห็นใบหน้าของคนสองคนนะฮะ
    คนหนึ่งเป็นใบหน้าผู้หญิงวัยประมาณ 40 ปี
    มีอาการแสดงออกที่ใบหน้าเหมือนกำลังร้อง
    ครวญครางอย่างเจ็บปวด

    ส่วนอีกใบหน้าหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มสวม
    หมวกคล้ายไหมพรมวางหน้าเรียบเฉย
    ส่งสายตาตรงมาด้านหน้าเเววตาบอกว่า
    มันเป็นเช่นนั้นเอง
    ใครเห็นเป็นอย่างอื่นบ้างฮะ!!?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...