การที่บอกว่ากายใจไม่ใช่เรา แล้วเราคืออะไร ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Ahimsa, 6 มีนาคม 2015.

  1. Ahimsa

    Ahimsa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +38
    ผมสงสัยว่าการที่กายใจไม่ใช่เรานี่ แล้วเราคืออะไร ? การที่เราบังคับอะไรได้บางอย่างเช่น เราบังคับแขนขยับได้นี่คือยังไง คือไม่ได้แปลว่าเราบังคับ แล้วใครบังคับ ? ผมงงแระ 5555
    ขอบคุณครับ : ))
     
  2. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    1. เรื่องศาสนาพุทธเป็นเรื่องการทำความดี ละชั่ว เพื่อสะสมข้ามภพชาติ

    (ที่พูดว่าข้ามภพชาติ ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เพราะจุดสูงสุดของการ
    ปฏิบัติพระศาสนาที่เรียกว่าจบกิจ คือ การหยุดเวียนว่ายตายเกิด
    ไม่กลับมาเกิดเพื่อมาสุ่มเสี่ยงชีวิตฝ่าความทุกข์อีก หรือเข้านิพพาน .. ดังนั้น
    อีกนัยยะตรงข้ามคือ คนที่ยังไม่ได้ปฏิบัติเพื่อเข้านิพพาน ก็คือการที่ยังต้อง
    เวียนว่ายตายเกิดอยู่นั้นเอง และสิ่งที่พุทธศาสนาแนะนำให้ปฏิบัติ ได้แก่
    ทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น ต่างล้วน เป็นอริยทรัพย์ ที่สามารถนำติดตัวข้ามภพชาติ
    ไปหลังความตายได้ทั้งสิ้น)

    ที่ว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เพราะเมื่อคนตาย ก็ไม่เห็นมีใคร เอาร่างกายไปได้
    ก็ต้องปล่อยทิ้งโลก หากปล่อยไว้ก็เน่าเหม็นย่อยสลายไป

    ร่างกายที่ว่าเป็นของเรานั้น เรามีอำนาจควบคุมมันได้
    แต่แค่ชั่วคราวตราบเท่าที่เรามีวิญญาณครองอยู่
    และเมื่อถึงอายุของมัน เราจะฝืนต่ออายุ ก็ไม่สามารถทำได้
    ต้องปล่อยให้มันเสื่อมตามอายุมัน และสุดท้ายต้องทิ้งร่างกันทุกคน

    เหล่านี้จึงเรียกว่า ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง

    ก็เหมือนเพื่อนให้รถเรายืมขับ เราก็ขับบังคับมันไปไหนต่อไหนได้
    แต่พอเพื่อนขอคืน เราก็ต้องให้คืนกลับไป
    วันที่ต้องคืน ต้องเกิดขึ้นแน่ในเวลาใดเวลาหนึ่งถูกต้องไหม

    2. ที่พูดมาอย่างนี้ ไม่ใช่เพื่อให้ไปฆ่าตัวตาย หรือปลงอาลัยตายอยาก
    แต่พระท่านสอน เพื่อที่รู้แล้วจะได้ไม่มัวเมาในร่างกายเกินพอดี
    มีการเสพสุข แต่งสวยแต่งงาม จนไม่มีเวลาสร้างความดีติดตัวไปภพหน้าเลย

    เพราะวันที่เราต้องทิ้งร่าง มันมาถึงแน่ๆ และประเด็นคือ ทิ้งแล้วจะได้ไปต่อที่ไหน
    มันอยู่ที่ตรงนี้แหละ ที่ว่าจะได้ไปต่อที่ไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2015
  3. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    เราก็คือกายใจ นี่แหล่ะครับ มันเป็นการปล่อยวางในตอนแรกที่ไม่เข้าใจในกายใจ ต่อเมื่อปล่อยวางเข้าใจในกายใจแล้วก็กลับเข้ามาใช้กายใจ ให้ถูกต้องเหมาะสมโดยชอบ อีกครั้งไงครับ..เรื่องมันมีอยู่แค่นี้เองแหล่ะครับ :cool:
     
  4. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ตราบใดที่เรายังมีตัณหา ก็ยังมีอุปาทานในขันธ์5 ก็ยังมีกายใจ หรือขันธ์5
    อยู่เหมือนเดิม...

    เราบังคับสภาวะความเป็นไปของ กายใจเราไม่ได้ เช่น กายต้องแก่ ต้องเจ็บ
    ต้องตาย เราจะบังคับกายไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายไม่ได้ ใจก็เช่นกัน
    บางครั้งสุข บางครั้งทุกข์ ถ้าบังคับได้ก็คงบอกให้ใจเราสุขอย่างเดียว แต่ความจริง
    คือบังคับใจเราไม่ได้ และส่วนใหญ่ใจก็ชอบหนีไปคิดนั่นนี่ตลอดเวลา เราจะ
    บังคับใจให้นิ่งๆก็บังคับเค้าได้ไม่นาน นี่แหละกาายใจโดยแท้จริงแล้วบังคับ
    ไม่ได้ มันมีสภาวะ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และอนัตตา ซ่อนอยู่ เพียงแต่เรา
    ยังไม่มีปัญญา เข้าไปเห็นแจ้งความจริง...
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถ้าเราเอาความเชื่อเป็นตัวนำรู้ เราอาจจะหลงออกจากความเป็นจริงได้ อย่างแรกเราอาจจะเห็นแต่สิ่งที่ยืนยันในสิ่งที่เราเชื่อ อีกอย่างคือเรามักจะมองข้ามสิ่งที่แย้งกับความเชื่อของเรา เหมือนกับสมัยก่อนเขามีความเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล พอมองดวงดาวในตอนกลางคืนก็เห็นมันหมุนรอบโลกจริง ก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อของคนสมัยนั้นไปอีก แต่สมัยนี้พบแล้วว่าไม่เป็นอย่างนั้น ดังนั้นถ้าอยากจะเข้าถึงความจริง อย่าพึ่งเริ่มจากความเชื่อ ต้องลองพิจารณาดูว่าอาจจะมีบางสิ่งที่เราไม่รู้ เมื่อรู้แล้วอาจจะทำให้เราเข้าใจความจริงมากขึ้น ถ้าความเชื่อเริ่มต้นเป็นความเชื่อที่ผิดแล้ว แม้จะมีข้อสนับสนุนแค่ไหนก็ไม่ใช่ความจริง ยอมรับในความไม่รู้ และให้ความไม่รู้นี่ทำให้เราตื่นตัวมากขึ้นในการสังเกตุ ถ้าอยากจะเข้าใจกายกับใจ ก็ต้องสังเกตุกายกับใจมากขึ้น
     
  6. playseichi

    playseichi สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    กายไม่ใช่ของเรา คือตัวตนเราที่แท้จริงอยู๋ในรูปแบบของจิต จิตคือคือความคิด การที่เกิดเป็นมนุษย์ อาศัยร่างที่เกิดจากพ่อแม่ แต่ จิตเป็นของเรา ดั่งเปรียบได้ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ
     
  7. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    คำว่าเรามันก็เป็นสิ่งสมมุติขึ้น สมมุติจากกิเลสนั้นละ เรากับกิเลสมันก็อันเดียวกัน เวลาเกิดโลภะ-ความยินดี โทษะ-ความไม่ยินดี โมหะ-ความลุ่มหลงต่างๆ มันก็ล้วนเป็นกิเลสทั้งนั้น และมันก็เป็นเรายินดี เราไม่ยินดี เราลุ่มหลงด้วยไปในตัว
    ที่ว่าเราไม่มี เพราะที่จริงน่าจะเรียกเราคือกิเลส เราไม่ใช่เรา เราจึงไม่มี เพราะว่าเราเป็นคำแทนของคำว่ากิเลสนั้นเอง แล้วสิ่งใดละที่สมมุติว่ากิเลสมันคือเรา ก็ตัวกิเลสมันเป็นผู้สมมุติเอาเอง กิเลสมันเรียกตัวมันเองว่า"เรา"
    ในการเคลื่อนย้ายร่างกาย ส่วนหนึ่งก็ถูกควบคุมด้วยอำนาจของกิเลส ส่วนหนึ่งก็ด้วยกรรม แม้นนอนหลับก็พลิกไปมาได้โดยที่เราไม่รู้สึกตัว ลักษณะที่เคลื่อนย้ายร่างกายในลักษณะเหมือนว่าเราควบคุมได้ ตรงนี้มันเป็นเรื่องของกิเลสในความยินดีและไม่ยินดีคอยสั่งการณ์อยู่ครับ
     
  8. Ahimsa

    Ahimsa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +38
    ขอบคุณครับ:) แล้วสมมติถ้าพระอรหันต์ผู้หมดกิเลสแล้ว ท่านใช้อะไรในการสั่งควบคุมร่างกายของท่านอะครับ ขอบคุณครับ
     
  9. อินทรียสงวร

    อินทรียสงวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +610
    การกระทำของอริยะบุคคล ต่างจากมนุษย์ผู้ที่ยังอยู่ในวัฏสังสารคือ ท่านกระทำไปโดยไม่มีตัณหาอยู่เบื้องหลัง มนุษย์ปุถุชนทั่วไปยังกระทำกรรมใดๆโดยมีตัณหาอยู่เบื้องหลัง เมื่อยึดมั่นในตัณหานั้นๆก็จะเกิดอุปทาน จึงทำให้เกิดภพ ภพทำให้ได้ซึ่งชาติ ชาติ นำมาด้วย ชรา มรณะโสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อุปายาส
    เพราะความไม่รู้ (อวิชชชา) จึงทำให้บังเกิด กระแสแห่ง ปฏิจจสมุปบาท ไม่รู้จบ จนกว่าจะได้ รู้จักหลักพระสัทธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และนำมาสั่งสอนอย่างแท้จริง (ไม่ใช่พุทธประยุกต์ ที่เกิดขึ้นมาอย่างมากมายในปัจจุบันนี้) แต่พระอรหันต์ เมื่อการกระทำของท่านไม่มีตัณหาอยู่เบื้องหลัง ก็ไม่มีอุปาทาน ภพชาติก็ไม่บังเกิด ก็จบกิจในพระพุทธศาสนา ไม่กลับมาเกิดอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2015
  10. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    หมดกิเลสแต่ไม่หมดกรรมครับ
     
  11. padiphat2499

    padiphat2499 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +19
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ทั้งกาย(รูป)ไม่ใช่เรา และจิต(นาม)ก็ไม่ใช่เรา
    ในกายไม่มีเรา
    และเราไม่มีในกาย

    เมื่อเราไม่มี
    จิตก็คือจิต
    จิตไม่ใช่เรา

    กายกับจิตมาผนวกกัน มีกิเลสและตัณหาเป็น
    แรงขับเคลื่อน
    เคลื่อนไปเคลื่อนมาจนกายสลาย
    จิตก็เคลื่อนไปหากายใหม่
    ตามแรงขับเคลื่อนของกิเลส
    เป็นวัฏวนไปเรื่อยๆ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราคือธรรมชาติหนึ่งของสิ่งมีชีวิตค่ะ สิ่งมีชีวิตมีการเกิด การเจริญเติบโต เจ็บป่วย แก่แล้วก็ตายไป ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ให้เป็นแบบนี้

    การรู้สึกขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ พูดได้ หายใจได้ฯลฯ เมื่อธรรมชาติถูกสิ่งเร้ากระตุ้นทางอายตนะหก ประสาทสัมผัสจะเกิดกระแสสั่นสะเทือนไปยังสมองๆ จะสั่งงานไปยังอวัยวะต่างๆ ในร่างกายค่ะ (เชิงวิทย์)

    ยกตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ เช่น ต้นไมยราบ เวลาที่ใบได้รับแรงสั่นสะเทือนมันจะหุบใบจนหมด และเมื่อหมดแรงสั่นสะเทือนมันก็จะกางใบออกเหมือนเดิม ที่มันเป็นอย่างนี้เพราะมันคือธรรมชาติหนึ่งที่ถูกสร้างมาให้เป็นแบบนี้ค่ะ

    เคยเห็นคนโดนรบทับตายไหมคะ หัวสมองถูกรถทับแตกกระจัดกระจาย แต่แขนขายังกระตุกอยู่ นั่นเป็นเพราะสมองได้สั่งงานไปยังประสาทของอวัยวะก่อนที่มันจะพังลงไปด้วยล้อรถบดขยี้

    ทั้งหมดทั้งมวลเป็นธรรมชาติค่ะ ไม่ใช่เรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...