เหตุที่ผมออกจากวัดพระธรรมกาย เพราะ...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 30 ธันวาคม 2011.

  1. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    เป็นภาพที่ไม่สร้างสรรค์อะไรเลยแม้แต่น้อยค่ะ
    แต่พวกเข้าข้าง ก็คงจะบอกว่าภาพตัดต่ออีก แล้วก็ไปทาสีทับ

    อ่านมาแล้ว สะเทือนใจมากๆเลย
    "ขาดความรัก พ่อแม่แยกทาง นพ.มโน เปิดฉากเล่าว่า ในช่วงวัยรุ่น พระธัมมชโยในคราบของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อนร่วมรุ่นก็มีอยู่ในพรรคเพื่อไทย เช่น ปลอดประสพ สุรัสวดี และเขาเป็นคนที่ใฝ่ความรู้ ชอบอ่านหนังสือ....... อ่านต่อได้ที่ : http://bit.ly/1wABeEL"

    นึกแล้วก็น่าสงสารเหมือนกันนะ..ชีวิตในวัยเด็กที่น่าสงสาร เมื่อโตขึ้นไม่คิดว่าเค้าจะกล้าอาจหาญได้ขนาดนี้


     
  2. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ข้าพเจ้านี้กดไลค์ให้แทบไม่ทัน คือมันดีมากๆ..
     
  3. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง อย่างที่บอกว่าไปวัดนี้แล้ว "ทำให้ชีวิตเปลี่ยนความคิดเปลี่ยน คือ หลังจากที่อยู่ในภาวะนั้น ตัวตนเปลี่ยนไป คือไม่ต้องพิจารณาธรรมหรือตรึกไตร่ตรองในธรรมเหมือนเมื่อก่อน มีความรู้สึกเบิกบาน มีความสุขจริงๆ สุขแบบสงบสบายยากที่จะอธิบาย ใครจะมาด่ามากระทบกระทั่งไม่มีโกรธ กิเลสใดๆมากระทบไม่เกิดผลใดๆทั้งสิ้นในช่วงนั้น มีแต่ความนิ่งเฉย,เบิกบาน เหมือนมากระทบถูกเราแล้วหายไปเฉยๆ ไม่ต้องตรึกตรองใดๆกิเลสก็หายไป ไม่มีความยากใดๆทั้งสิ้น แม้เวลานอน ก็เหมือนไม่ได้นอน มองดวงธรรมเห็นได้ตลอด เหมือนเวลานอนนั้นสั้นมากๆไม่มีฝัน ตื่นนอนขึ้นมาก็ยังเห็นดวงธรรม มีความสุขยิ่งนัก ไม่มีอาการง่วงแต่อย่างใด มีแต่ความเบิกบาน เป็นความสุขจริงๆอยากจะอยู่เช่นนี้ไปตลอด ไม่อยากสึกออกไปเลย"
    อยากจะบอกว่าคิดและรู้สึกเหมือนกันเลยกับข้าพเจ้าที่ได้เข้าไปบวชในวัดแถวๆบ้าน (วัดถ้ำเสือกระบี่) ไม่ต่างกันเลยจะต่างกันก็ตรงที่ข้าพเจ้าไม่แทบไม่ต้องลงทุนด้วยเงินเลย และวัดไหนๆก็ทำจิตใจห้สงบได้ เบิกบานได้ บริสุทธิ์ใจได้ แค่เดินสายกลางฝึกสมาธิ สวดมนต์ทำวัตรตามพระธรรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า..

    และวัดที่ข้าพเจ้าบวช ไม่เน้นการสร้างบารมี ไม่เน้นสร้างบุญ ไม่เน้นเรื่องราวสวรรค์ ไม่เน้นรวย แต่เน้นจิตศรัทธา แล้วแต่จะทำบุญ บริจาค เพราะส่วนใหญ่วัดนี้เป็นศูนย์รวมของชาวบ้านให้มีความสามัคคีอยู่แล้ว ทุกคนเท่าเทียมกัน เน้นการทำความดี ละเว้นความชั่ว


    พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎธรรมชาติว่าการได้เป็นเทพหรือการไปเกิดอยู่ในวิมาน ในสวรรค์แล้วยังมิใช่สุขแท้สุขถาวรที่ไม่ต้องกลับมาเป็นทุกข์อีกคือแม้จะได้ เกิดเป็นเทวดาแล้วก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ตกนรกบ้างขึ้นสวรรค์บ้างถ้า ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ก็มีโอกาสที่จะตกนรกเพราะคนที่เกิดมาแล้วไม่ทำ บาปเลยไม่มีเพราะมนุษย์ตกอยู่ในอวิชาคือความไม่รู้ พระพุทธเจ้ามุ่งศึกษาแต่ในประเด็นว่าทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นไปจากกฏเกณฑ์ทั้ง ปวงได้ไม่ต้องยอมสยบอยู่กับอำนาจใดๆของพญามารทั้งสิ้นในที่สุดพระพุทธเจ้าก็ ทรงค้นพบวิธีการนั้นนั่นก็คือการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานให้เข้าถึงพระธรรมะ ภายในที่จะทำผู้ปฏิบัติหลุดพ้นจากกฏเกณฑ์ทั้งปวงไม่ให้ตกอยู่ใต้อำนาจสิ่งใด ทั้งสิ้นในวัฎสงสารไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้วและที่สำคัญอย่างยิ่งคือ เราสามารถปฏิบัติให้เห็นผลได้จริงในชาติปัจจุบันผู้ปฏิบัติสามารถพิสูจน์ให้ เห็นจริงได้ด้วยตนเองในชาตินี้ไม่ต้องรอให้ตายเสียก่อนซึ่งมีพระอริยเจ้าใน พระพุทธศาสนาสามารถพิสูจน์ทราบจนเห็นประจักษ์แล้วนำออกเผยแผ่สืบทอดต่อๆกัน มาจนถึงปัจจุบัน พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎแห่งกรรมว่าสัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้ว นับชาติไม่ถ้วนบางชาติเกิดเป็นเทพบางชาติเกิดเป็นพรหมบางชาติเป็นมนุษย์บาง ชาติเป็นสัตว์เดรัจฉานบางชาติเกิดเป็นเปรตบางชาติเกิดเป็นอสุรกายบางชาติ ต้องเกิดเป็นสัตว์นรกต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดตาม อำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีต ทั้งสิ้นเมื่อเรายังต้องเกิดอีกสิ่งที่จะตามมาด้วยคือความแก่ความเจ็บความ ตายและความทุกข์กายทุกข์ใจฉะนั้นวิธีที่จะรอดพ้นจากความแก่ความเจ็บความตาย และความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงได้ก็มีอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้นนั่นก็คือการ ไม่เกิดอีกเป้าหมายสูงสุดคือเจริญวิปัสสนาภาวนาสมาธิจนบรรลุเข้าถึงพระธรรมะ ภายในเข้าสู่มรรคผลนิพพานตัดกระแสธรรมชาติให้ขาดสะบั้นลงได้อย่างเด็ดขาด สิ้นเชิงกำจัดสาเหตุที่ก่อให้เกิดการถือกำเนิดในภพใหม่เพราะเมื่อไม่เกิดอีก เราก็ไม่ต้องแก่ไม่ต้องเจ็บไม่ต้องตายและไม่ต้องทุกข์กายทุกข์ใจอีกต่อไป พระพุทธเจ้าตรัสว่าในภัทรกัปนี้โลกใบนี้เคยมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติแล้ว๔ พระองค์คือ ๑.พระกกุสันธะ ๒.พระโกนาคมนะ ๓.พระกัสสปะ ๔.พระโคดม(พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน)หลังจากนั้นโลกก็จะเสื่อมโทรมมนุษย์ จะเข่นฆ่ากันเอง(แต่โลกยังไม่แตก)มนุษย์ส่วนหนื่งที่มีบาปมากกว่าก่อจะไป เกิดเป็นสัตว์นรก มนุษย์ส่วนหนื่งที่มีบุญมากกว่าก่อจะไปเกิดบนสวรรค์ พระพุทธเจ้าตรัสบอกอีกว่าในกัปของโลกนี้จะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเพียง 5พระองค์แล้วโลกก็จะแตกพินาศไปเพราะไฟ( ดวงอาทิตย์เรียงกัน ๗ดวง )หลังจากพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕คือพระศรีอริยเมตตรัยอุบัติขึ้นแล้ว
    แต่ สรรพสัตว์มิได้มีจุดจบอยู่แค่นี้หลังจากโลกพินาศแล้วสัตว์ส่วนหนึ่งที่มีบุญ บารมีมากๆจะไปเกิดในพรหมโลกชั้นสูงๆขึ้นไป และสัตว์ที่มีบุญน้อยมีบาปมากก็จะพลัดไปเกิดในจักรวาลอื่นเมื่อโลกอุบัติ ขึ้นใหม่ก็จะกลับมาเกิดเป็นสรรพสัตว์ในโลกอีก....สรรพสัตว์ก็ยังมาเกิดในโลก ดวงใหม่แบบนี้ต่อไปอีก...เป็นอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดในเมื่อธรรมชาติเป็น เช่นนี้การได้ไปอยู่บนสรรค์ก็ยังมิใช่ที่ปลอดภัยเพราะเมื่อหมดบุญแล้วก็ ต้องกลับมาเกิดอีกถ้ายังไม่บรรลุพระอรหันต์เข้าถึงพระนิพพานก็ยังต้องเวียน ว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไปโดยไม่ขึ้นกับศาสนาหรือศาสดาองค์ใดเพราะนี่คือกฎ ธรรมชาติกฎแห่งกรรมกฎของพญามารถึงจะมีผู้คนจำนวนมากในโลกไม่เชื่อก็ยังคง เป็นอย่างนี้เพราะนี้คือกฎธรรมชาติ


    ฉะน้ั้นคนในวัดธรรมกายนี้ไม่ใช่จะดีหรือจะเลว แต่ขึ้นอยู่กับความถ่องแท้ในจิตใจมีมากขนาดไหน หากไม่งมงายหลงผิดในความบิดเบือนพระธรรมคำสอนในศาสนา คนในวัดนี้ก็ไม่ได้จะดีกว่าคนนอกวัดเลย ตรงกันข้าม คนนอกวัดก็อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ

     
  4. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    แก่นแห่งการชักนำจูงผู้คนให้หันเข้าหาตามวิชาพระธรรมกายสำหรับพระธัมมชโย คืออ้างอิงเรื่องบุญ ทำให้คนกลัว และให้อยากได้บุญ วิธีคือจะเป็นการคุมบุญทั้งหมดที่อ้างว่าได้รับมาจากพระพุทธเจ้าจากชั้นนิพพาน เพื่อให้พระธัมมชโยแจกจ่ายบุญนั้นให้กับประชาชนแลกกับการซื้อบุญ “ใครที่เลวมาจากไหน โกงใครมา ทำผู้คนย่อยยับ มาล้างบาปซื้อบุญกันที่นี้ได้หมด เสียเท่าไหร่เท่ากันแต่ได้บุญ สั่งให้บุญใครก็ได้ ให้มั่งคั่งให้รวย ขณะเดียวกันจะลงโทษใครที่ไม่ทำตามคำสั่ง ก็อ้างบุญเช่นกันขู่ญาติโยมต่างๆ จะเอาบุญสำหรับที่จะใช้ไปใส่เซฟ ในคุกลับ ตายไปไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นพันๆ หมื่นๆ ชาติ คนก็กลัว กลัวก็ต้องทำตาม” กลเม็ดในการคุมคนจึงเกิดขึ้นตามมา ขณะที่พระธัมมชโยตัดสินใจมานุ่งผ้าเหลืองและพกพาความคิดตามบุคคลที่เขาบูชาติดตัวมาด้วยและสิ่งนี้เองที่แปรเปลี่ยนเขาไปตลอดกาล จากวัดกลายเป็นธุรกิจ มีผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวัดล้วนแต่ขัดหลักธรรมคำสอนตามพุทธศาสนา

    ขยายฐาน การเมือง มวลชนนับล้าน เมื่อชื่อเสียงมากมาย และมีระบบการปกครองภายในวัดที่แน่นหนา ยากที่คนนอกจะเข้ามายุ่งเกี่ยววุ่นวายได้ หนำซ้ำยังมีมวลชนอีกจำนวนนับล้านที่หลงเชื่อคอยหนุนหลังพระธัมมชโย จึงไม่แปลกที่ทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองรวมถึงบุคคลสำคัญระดับประเทศ จะวิ่งเข้ามาพระธัมมชโย เพื่อสร้างผลประโยชน์ระหว่างกัน

    จงพิจารณาไตร่ตรองเสียให้ดีเราชาวพุทธ..อย่าประมาทเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มีนาคม 2015
  5. Zigor

    Zigor Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +73
    ปุจฉา-หลวงพ่อสดถ้าจะเอาที่ความเก่งของฌาณท่านดีกว่า ธัมชโย แบบเทียบไม่ติดใช่หรือไม่ แล้วถามต่อ ท่านเก่งขนาดนั้นท่านสอนเรื่องเงินทำบุญเรื่องการแต่งกายแบบธรรมกายเรื่องพระพุทธเจ้า เรื่องลักษณะพระแบบวัดธรรมกายบ้างไม๊ คำตอบคือไม่ ท่านเป็นที่สุดของวิชาธรรมกาย แต่คนที่ไปเข้าวัดธรรมกายกับไม่ยึดคำสอนท่านเป็นหัวใจ กลับไปเชื่อคนที่มีฌาณหลอกๆตัวเดี๋ยวกับอดีตหลวงพ่อเกษมมีนั่นแหละ เฮ้อ คิดถึง พระเทวทัตกับสาวก บารมีคนกลุ่มนั้นก็เยอะแบบนี้แหละ สาวกของพระเทวทัตก็ศรัทธาและวางอารมณ์แบบนี้แล ก็เลยทำบุญส่งเสริมมารปรามาสพระรัตนไตรโดยไม่รู้ตัว แล้วตอนนี้พระเทวทัตกับสาวกท่านอยู่ไหนหนอทำไมไม่คิดบ้าง
     
  6. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699

    วัดหรือธุรกิจลูกโซ่ จะได้มียอดซื้อยอดขาย มีเข็มกลัด มีแหวนมีสร้อย มีระดงมีระดับ..

    ข้าพเจ้าขออนุโมทนากับคุณหวังปู้เลี่ยวด้วย ที่ไม่หลงเชื่อหลงผิด เพราะด้วยมีปัญญาจึงเห็นสัจธรรม..
     
  7. อาโก้

    อาโก้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +113
    กระทู้นี่ถือว่าเป็น อภิมหากาพย์ตำนานของลัทธิจานบินเลยนะเนี่ย อยากจะรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วจะจบยังไง
     
  8. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    ยุ่ง!!! เด็กบ้านนกขมิ้นเดือดร้อน เหตุสหกรณ์ฯ คลองจั่นฉ้อโกง

    เด็กมูลนิธิบ้านนกขมิ้นเดือดร้อนไปตามๆ กัน หลังไม่สามารถถอนเงินที่นำไปฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นได้ ด้านผู้ดูแลเรียกร้องให้วัดพระธรรมกายเข้าช่วยเหลือ และวอนโลกออนไลน์ช่วยแชร์ให้ถึงวัดเจ้าปัญหา

    วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรชัย สุขเขียวอ่อน หรือ ครูอ๊อด ผู้อำนวยการมูลนิธิบ้านนกขมิ้น โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊ก "เพื่อน ครูอ๊อด บ้านนกขมิ้น" เรียกร้องให้วัดพระธรรมกาย เข้าช่วยเหลือเด็กในมูลนิธิบ้านนกขมิ้นเป็นการด่วน เนื่องจากพวกเขาได้รับความเดือดร้อนจากกรณีการฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จนไม่สามารถถอนเงินที่นำไปฝากไว้กับสหกรณ์ฯ ดังกล่าวได้ พร้อมกันนี้ ยังวิงวอนให้ชาวโซเชียลมีเดียช่วยกันแชร์ข้อความดังกล่าวไปให้ถึงวัดพระธรรมกายด้วย

    ขอบคุณข่าวจาก TNEWS
    ยุ่ง!!! เด็กบ้านนกขมิ้นเดือดร้อน เหตุสหกรณ์ฯ คลองจั่นฉ้อโกง : ข่าวอาชญากรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpeg
      1.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      209.5 KB
      เปิดดู:
      157
  9. DarKKazE

    DarKKazE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +239
    อยากบอกว่าเรื่องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นมหากาพย์แน่นอนครับ

    เรื่องถึงศาลฏีกาแน่นอน

    ขั้นตอนนำสืบ ไต่สวน พิพากษา อุธรณ์ ดูๆแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปีครับ
     
  10. ชูนุ่น

    ชูนุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +699
    "โทษคุก" ในคดีอาญาน่ะ...โย ไม่กลัวหรอก.....!
    แต่โทษทางพระวินัย เอาทรัพย์ผู้อื่นเกินกว่า ๑ บาทมาเป็นของตน ต้องอาบัติปาราชิก อันเป็นผลสืบเนื่องจากคดีอาญานี่ซี
    โยกลัว......
    โยไม่อยากถูกจับสึก....โยไม่อยากเป็นสมี โยอยากเป็นโล้นแต๋วหมวกเหลือง นะจ๊ะ..นะจ๊ะ...เป็นขวัญใจมหาเถรฯ อยู่แบบนี้ไปนานๆ!
    ดังนั้น โยยอมคาย....
    โยยินยอมชดใช้ให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เท่าที่อาตมานะจ๊ะกับวัดธรรมกายรับส่วนแบ่งโจร ในนาม "เงินทำบุญ" จากนายศุภชัย ไป ๖๘๔,๗๘๐,๐๐๐ บาท
    นั่นคือเหตุผลง่ายๆ ที่ตัวแทนธัมมชโยกับวัดธรรมกาย ยอมตกลงไกล่เกลี่ยกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นในคดีแพ่ง เมื่อวาน (๑๖ มี.ค.๕๘) ที่ศาลธัญบุรี
    คือยอมชดใช้ในยอด ๖๘๔ ล้าน.........
    แลกกับสหกรณ์ฯ ต้องไปถอนแจ้งความคดีอาญาที่ดีเอสไอและ ปปง.!
    และสหกรณ์ฯ ก็ตกลง ขมีขมันส่งคนไปถอนแจ้งความต่อดีเอสไอ ไม่ติดใจเอาความทางคดีอาญากับธัมมชโยและวัดพระธรรมกายตั้งแต่บ่ายวาน
    ถามว่า...คดีอาญาลักษณะนี้ ถอนได้มั้ย?
    ตอบว่า...ใจเย็นๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันหลังไมค์
    ถามต่อว่า ธัมมชโย-วัดธรรมกาย จะเอาเงินที่ไหนตั้งมากมายมาคืน?
    ตัวแทนธัมมชโยเฉลยว่า....
    "ทางวัดพระธรรมกายตั้ง 'กองทุนเฉพาะกิจ' รับเงินบริจาค เพื่อนำเงินมาจ่ายคืนให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น"
    ลับๆ ล่อๆ มีเลศนัยถึงที่มา-ที่ไปของเงินก้อนใหญ่ และทำกันง่ายๆ แบบนี้ ทางดีเอสไอ-ปปง.กระทั่งกรมสรรพากร มีกุศลเจตนาที่จะตั้งข้อสงสัย และขอตรวจสอบหรือไม่?
    ใครอยากรู้ โทร.ไปถาม "มหาชั่ว...เอ๊ย..มหาโชว์" แฮ่ๆ เพราะผมตอบไม่ได้!
    มาดูสาระในข้อตกลงกันบ้างว่าเขาตกลงกันยังไง ทั้ง ๒ ฝ่ายตกลงกันไว้อย่างนี้ครับ.....
    ธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย แบ่งชำระ ๖ งวด งวดละ ๑๐๐ ล้าน ให้สหกรณ์ฯ เมื่อวานจ่ายเป็นเช็คเงินสดไปแล้ว ๑๐๐ ล้าน
    ส่วนอีก ๕ งวด ทุกวันที่ ๓๐ ของเดือน จาก เม.ย.-ก.ค.จ่ายงวดละ ๑๐๐ ล้าน ส่วนงวดที่ ๖ สุดท้าย ๓๐ ส.ค.จ่าย ๑๘๔,๗๘๐,๐๐๐บาท
    เอาล่ะ...ก็มาคุยหลังไมค์ด้วยประเด็นที่คิดว่าผู้คนทั้งหลายอยากได้คำตอบ สหกรณ์ฯ ไปถอนแจ้งความได้ แต่ดีเอสไอจะระงับคดีได้หรือไม่นั้น
    มันไม่ง่ายแค่สหกรณ์ฯ ถอนแจ้งความแล้ว "จบ" อย่างที่นะจ๊ะนั่งยานนึกเอาหรอกย่ะ!
    เรื่องนี้ ต้องดูว่าเป็น "ความผิดส่วนตัว" ทำแล้วไม่กระทบต่อสังคมรวม หรือเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน มีผลกระทบต่อสังคมรวม ถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหายหรือไม่?
    ต้องพิสูจน์ "ความผิด" กันก่อนว่าเข้าหลักไหน ค่อยชี้ขาด
    ความผิดส่วนตัว คือความผิดที่ยอมความกันได้ โกงเงินเพื่อน ตกลงชดใช้คืนเขาไป เพื่อนไม่ติดใจ คดีเลิกแล้วต่อกันได้
    บางคดีผู้เสียหายไม่ติดใจ แต่เป็นคดีความผิดอาญาต่อแผ่นดิน อย่างขับรถชนคนบาดเจ็บสาหัส เป็นต้น
    ชดใช้แล้ว คนเจ็บไม่ติดใจก็จริง แต่ทางคดียอมความไม่ได้ ต้องส่งฟ้องศาล ส่วนจะลงเอยอย่างไรนั้น อยู่ที่การวินิจฉัยของศาล
    แต่ถ้าความผิดนั้นมีผลกระทบต่อสังคมรวม ผู้เสียหายเข้าไปดำเนินการอะไรเองไม่ได้ อย่างนี้ถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย เป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ถึงผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ
    คดีก็จะยุติไม่ได้ จะต้องดำเนินไปจนถึงที่สุด!
    ก็ดูซีว่า คดีนายศุภชัยยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อันเป็นเงินที่สมาชิกและสหกรณ์อื่นๆ รวมแล้วนับล้านๆ คน นำมาฝาก-มาซื้อหุ้นกินดอกเบี้ยที่ให้สูงถึง ๑๐% ไปร่วมสองหมื่นล้าน
    และส่วนหนึ่งเอามาซุกไว้ที่ธัมมชโย-วัดพระธรรมกาย นั้น เป็นความผิดส่วนตัว ผลจากการโกง ไม่สร้างผลกระทบต่อสังคมรวม
    หรือเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ผลจากการโกง สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจการเงิน ระบบสหกรณ์ และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง
    มีผลกระทบต่อสมาชิก-สหกรณ์-นิติบุคคล ที่ตอนนี้เบิกถอนเงินฝากไม่ได้ ดอกเบี้ยก็ไม่ได้
    เรียกว่ามีผลกระทบเป็นวงกว้าง คนยาก-คนจน คนเฒ่า-คนแก่ และคนอดออมสะสมไว้หวังมีใช้ตอนบั้นปลายชีวิต
    ตอนนี้กระจองอแง เป็นข่าวโทรทัศน์ บางรายถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย เพราะเงินก้อนสุดท้ายที่ฝากสหกรณ์ "ถอนไม่ได้" จากเหตุ "ศุภชัย-ธัมมชโย" ร่วมยักยอก!
    เริ่มหวั่นกันว่า.......
    สุดท้ายแล้ว หนี้สินสหกรณ์ฯ อันสืบเนื่องจากพฤติกรรม "ศุภชัย-ธัมมชโย-วัดธรรมกาย" มีความน่าจะเป็นว่า ยากหนีภาระให้รัฐบาลอุ้ม
    "รัฐบาลอุ้ม" ก็คือเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้หนี้แทนเงินที่ร่วมกันโกงสหกรณ์ฯ ไปนั่นแหละ!
    นายศุภชัยยักยอกออกไปกว่า ๒ หมื่นล้าน แล้วแค่ธัมมชโย-วัดธรรมกายยอมคายเฉพาะส่วนที่ค้นพบ ๖๘๔ ล้าน
    ได้คืนไป ๖๘๔ ล้าน ดีอก-ดีใจ เคลมว่าจะเลิกคดีอาญากันได้ เอาหัวแม่ตีนตรองก็แล้วกันว่า ๖๘๔ ล้าน มันจะครอบคลุมถึงเงิน ๒ หมื่นกว่าล้านได้หรือไม่?
    และขณะนี้ ดูเหมือนมีแต่นายศุภชัยเท่านั้นถูกข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งเบาหวิว ส่วนธัมมชโยยังไม่ถูกข้อหาอะไร เพียงดีเอสไอเรียกไปสอบในฐานะพยานเท่านั้น
    แต่หลังจากสอบแล้ว พิสูจน์ความผิดแล้ว.....โยจ๊ะ!
    เตรียมตัวเถอะ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หรืออาจไปถึงขั้นอั้งยี่-ซ่องโจร ด้วยยักยอกฟอกทรัพย์ เป็นสวรรค์ที่โยไปถึงได้ โดยไม่ต้องนั่งยานฝากระโถนหรือยานหัวปลีแหวกเมฆไป
    ถ้าเอากันจริงกว่านั้น ข้อหาหลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน ตั้งตัวเป็นสถาบันการเงินเถื่อนที่เรียกว่า "วงแชร์ธรรมกาย"
    อย่างนี้ ถ้าเป็นยุครัฐบาลระบอบทักษิณ ดีเอสไอและปปง.อาจปิดบัญชีให้ได้ว่า "คืนเงิน" เลิกแล้วต่อกันไป
    แต่ยุค คสช.ล้างแผ่นดิน..........!
    ถ้าดีเอสไอ-ปปง. "ปิดบัญชี" ง่ายๆ อย่างที่สหกรณ์ฯ ได้ ๖๘๔ ล้านแล้วโร่ไปขอถอนแจ้งความ ด้วยคิดว่าเป็นคดีอาญาประเภทตีหัวหมา-ด่าแม่เจ๊ก คน ๒ ฝ่ายพอใจแล้วเลิกกันได้ ไม่สนใจผู้เสียหายอีกเป็นแสน-เป็นล้านที่ยังไม่รู้ลูกผี-ลูกคนล่ะก็
    ดีเอสไอ-ปปง. เจอ คสช.และ ปชช.แน่!
    ฉะนั้น โยอย่าเพิ่งนอนยิ้มแอ๊บแบ๊ว ด้วยนึกว่าคืน ๖๘๔ ล้านแล้วคดีจะเจ๊า ยังหรอกนะจ๊ะ วันที่ ๒๖ มีนา ที่ดีเอสไอนัดไปให้ปากคำ
    เพื่อประโยชน์ของตัวโยเอง ต้องไปนะ
    เพราะปากคำนั้น มีผลต่อการวินิจฉัยความผิดว่าเข้าข่าย "ระงับได้" หรือระงับไม่ได้ ผลเสียหายจากพฤติกรรม มันอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงหรือไม่!
    นี่พูดถึงโทษทางอาณาจักร อันมีกฎหมายเป็นบทบังคับ......!
    บนความที่ธัมมชโยซุกอยู่ในคราบพระ มีพระธรรม-วินัย เป็นกฎหมายสงฆ์ควบคุม มีคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เป็นรัฐบาลสงฆ์บริหาร
    ก็มาเพ่งสังเกตกันอีกสักครั้งว่า เมื่อวานเท่ากับธัมมชโย "ยอมรับสารภาพ" ร่วมรับเงินโจร ๖๘๔ ล้าน และยินยอมชดใช้คืน
    ในปาราชิก ๔ ข้อที่ ๒ ....พระถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา ๕ มาสก (ประมาณ ๑ บาท) ต้องอาบัติปาราชิก
    ๖๘๔ ล้านบาท มากกว่า ๕ มาสก ไม่รู้กี่เท่า เป็นความผิดที่สำเร็จ "ครบองค์ความผิด" ด้วยเจตนาชัดแจ้งแล้ว
    เพราะเขาฟ้องศาล ด้วยกลัวอาญาบ้านเมือง จึงจำยอมชดใช้ "คืนทรัพย์" ให้เจ้าของ การยอมชดใช้ เท่ากับการยอมรับความผิด และความผิดนั้น
    ต้องอาบัติปาราชิก "ข้อที่ ๒" เป็นความผิดซ้ำซาก ชนิดไม่ต้องย้อนเอาความผิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๒ ขึ้นมาพูดอีกก็ได้
    ท่านมหาเถรฯ เจ้าข้า....!
    ที่โยมพูดเช่นนี้ พระเดชพระคุณเจ้า จะยึดพระวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ หรือที่มหาเถรฯ บัญญัติใหม่ "โกงแล้วคืนไม่ผิด-ไม่ปาราชิก" เป็นฐานวินิจฉัยพฤติกรรมธัมมชโย
    ขอพระคุณเจ้ามหาเถรฯ โปรดวินิจฉัย......!
    ก่อนที่พวกมารศาสนาจะเหิมเกริม-ได้ใจ ด้วยนึกว่า "มหาเถรฯ เลี้ยงฝูงเปรตผ้าเหลือง" จึงรวมตัวขย่มเมือง ทั้งเหลืองจริงและเหลืองโจร.

    ที่มา..'คลองจั่น-ธรรมกาย' จบง่ายหรือ?
     
  11. ศรีชมพู

    ศรีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +69
    คือผมจะบอกว่าคนที่เค้าเข้าวัดนี้กัน เค้าเน้นการทำทานที่ไม่ธรรมดาเลย จริง ๆ นะคับ ไม่ธรรมดาจนคนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมืองนี่แหละคับ แต่วัดนี้เค้าไม่ได้เข้มข้นกับทานเท่านั้นนะคับ ศีล และ ภาวนา ก็เข้มข้นไม่ธรรมดาเหมือนกัน ถามว่าไม่ธรรมดาอย่างไร พวก คุณ ๆ ก็คงไม่รู้ หรือไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ ใช่ไหมล่ะคับ ส่วนผม ไม่บอก หลอกให้งง

    เจ้าเชตกำหนดให้นำเหรียญทองมาปูเต็มพื้นที่ที่ต้องการซื้อ (สาธุ~~)

    จุดหมายของคนกลุ่มนี้เค้าไม่ธรรมดานะครับ เค้าอธิษฐานกันทุกบุญเลยว่าเค้าจะขอเข้านิพพานกันเป็นชุดสุดท้าย ซึ่งอันนี้ผมยังมีแอบเงียบๆ ไม่อธิษฐานไปกับเขาเลย

    เข้านิพพานเป็นชุดสุดท้าย คือเค้าจะพลิกวัฏฏะเอาเข้านิพพานหมดเลย แล้วจึงจะเข้านิพพานกัน ซึ่งจะทำอย่างนี้ได้ ก็ต้องสั่งสม ทาน ศีล ภาวนา ที่ไม่ธรรมดาเลย แน่ ๆ แหละคับ

    สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสวัดอย่างจริงจัง ผมก็อยากให้ได้ลองได้รู้กับตนเองก่อนจะมาพูดอะไรเพราะ ฟัง ๆ คนอื่นมา ส่วนคนที่เคยเข้าไปแล้ว แล้วเห็นว่าไม่ถูกนี่ ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ ใครถึงนิพพานก่อน ได้โปรดมาโปรดผู้ที่ยังด้วยแล้วกันนิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...