ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

กระทู้นิทานเริ่ม ไม่สนุกละ......ฟายสุรินทร์ มันเข้ามาฮุบกระทู้ละ
ตูละเบื่อพวกฟายนี่ จริงๆ......เซ็งหว่ะ

 

ก็คงเหมือนตามบ้านที่เขาเลี้ยงเจ้าที่ นั่นแหล่ะ.....ซื่อบื้อน่า แกเป็นตุ๊ดเหรอ เลี้ยงเทวดา

ทำไมไม่เลี้ยงนางฟ้า อิอิ..ตุ๋ยกันเหรอ

 

นี่ก็หาเรื่องจ้องจะกัด หาช่องโหว่ โดยไม่รู้ความเป็นไปแบบละเอียดอีกละ

เห้อ มันเป็นคำเรียกแสดง เหมือนพูดว่า คน มนุษย์ โดยไม่ได้ระบุเพศ
นี้ก็พูดโดยรวม ไม่ได้ระบุว่า เทพบุตร เทพธิดา(นางฟ้า)

ส่วนพวกตามบ้าน ก็แล้วแต่จะเรียกแหละ จะเรียกว่าผี ภูติ เจ้าที่ไรก็ว่าไป หรือเอ็งจะเลี้ยง พ่อแม่เอ็ง พ่อยายแม่ยายเอ็ง ลูกเอ็ง ภรรยา (ไม่รู้ที่กล่าวไปยังมีชีวิตอยู่มั้ย)แล้วยกย่อง คิดเปรียบเปรยว่าเลี้ยงเทวดาก็ได้

 

คราวหลังก็อธิบายมาแบบนี้ ก็คงเข้าใจง่ายๆนะ

นึกว่าเลี้ยงตุ๊ด เทวดาชาย อิอิ

 

แต่ก่อนนะ ผมก็เคย อยากเห็นนั่นอยากเห็นนี่ อยากเห็นผี อยากเห็นเทวดา พญานาค เห็นเมืองลับแล อยากเห็นเทพ อรหันต์ที่ ส่องแสงประกาย เจิดจ้าน่าเลื่อมใส คิดว่านะ สิ่งดีดี มันคงจะมีประกายสวยงาม...สมชื่อ

แต่ตอนนี้ ไม่มีละความคิดแบบนี้ เพราะของเก๊ ของเทียม พวกหลอกลวง มันก็เนียน ทำได้เช่นกัน
ดังนั้น รูปลักษณ์ต่างที่ตาเห็น ตาทิพย์เห็น มันล้วนเป็น...สิ่งลวงที่จิตเรา จิตเขา สร้างขึ้นมา
แต่สิ่งสำคัญคือ...การสัมผัสด้วยใจ...รับรู้ว่าถูกต้อง ไม่ถูกต้อง ดีงาม ไม่ดีงาม เหมาะสม ไม่เหมาะสม
ดังนั้น ถึงใครจะเหาะมา เปล่งรัศมีเจิดจ้ามา.....มีวิธีเดียวคือ...มาคุยกันก่อน เปิดใจคุยกันก่อน...สัมผัสหัวใจของกันก่อน ว่า คุณเป็นคนจิตใจดีจริงมั้ย....

ผมเป็นคนแบบนี้ครับ....

 

แหม ยังกล้าเรียกความชอบธรรมให้กับตัวเอง
ที่หากิน หาประโยชน์ ใช้เป็นของแถมไง แล้วไหนจะที่หากินกับธรรมอีก
หรือว่าหลอกอีกทีว่า เป็นพระธาตุ พระบรมสารีริกธาต จริงๆแล้วไม่ใช่


ที่มา+วีรกรรมก็ออกจะเยอะ นี่คร่าวๆนะ
ขุดออกมาหน่อยละกัน เพื่อใครว่างๆอ่านแทนนิยาย มันส์กว่าบางเรื่องในอดีตชาติอีก
http://palungjit.org/posts/5184420


http://palungjit.org/forums/ปรับปรุงความร่มเย็น-โฮดี้โจนส์-326027.htm

ปล.ขออนุญาติ จขกท นะครับ ^^

 

เลี้ยงเทวดา เนี่ย สวดมนต์คืนละกี่บทจ๊ะ อิอิ

 

ปล.ขออนุญาติ จขกท นะครับ ^^

ขอบคุณนะครับที่ช่วยขุดมานำเสนอ
คุณเนี่ย ยิ่งกว่าแฟนพันธุ์แท้ซะอีก เน๊าะ.....เสียอย่างเดียว...อย่าตุ๋ยผมแบบไม่รู้ตัวแล้วกันนะ อิอิ

เห็นมั้ยว่า...ผมเป็นคนมีประวัติ.....แต่ดันเป็นประวัติที่คนอื่น เขียนขึ้นมาให้ผม(เท่ซะ)
ก็ประมาณนี้แหล่ะ ตำราทุกวันนี้ เราไม่ได้แต่งเองเขียนเอง
ก็มีผู้หวังดีประสงค์ร้าย แต่งให้เขียนให้.....เพื่อใครอ่ะ (อิจฉาผมไงล่ะ แม่นบ่อล่ะ)

ทำไมต้องอิจฉาผมด้วยนะ..ก็ไหนว่าผมมันไม่มีดีอะไร จะตามอิจฉาผมเนี่ยนะ
อิอิ(อย่างงนะ) ผมมันเสน่ห์แรง อิอิ

 

พูดเรื่องนี้ ขอบอกก่อนนะ ว่ากระทู้นี่ ไม่ขายของ
ไม่เรี่ยไร แต่ใครมีของดี ของเก่า อยากอวดก็เชิญชอบดู

ต่อไปถ้าจะชวนกันทำบุญ ก็เป็นเรื่องของใครของใคร เจ้าของกระทู้ไม่ยุ่งนะ

ป.ล.อ่านแล้วสะดุ้งเลย เจ้าของกะทู้ก็ชอบบริจาคต้นไม้ แต่ต้นละ 50 นะ

ส่วนเรื่องอื่นไม่ออกความเห็นนะ

ยังไงกฏแห่งกรรมก็ทำงานหมุนเวียนไปเรื่อยๆ

 

แล้วถ้ามีคนมาชวนทำบาปนี่....จะไปงั้นเหรอ อิอิ....

 

อิอิ...คุณรู้มั้ย แค่ต้นไม้ต้นละ5000 ยังมีผลทำให้ คนชั่วบางกลุ่ม อิจฉาตาร้อน ขึ้นมาได้
(ทั้งที่ไม่เคยมีใครมาซื้อเลย)...ต่อไปผมจะขายต้นละ 50000 สงสัยพวกมันคงจะ เต้นแร้งเต้นกาเหมือนเปรตในกระทะทองแดง มั้ง อิอิ

ฝีมือผม...เจิดมั้ยครับ

 

แต่ถ้ามีคนจะมาซื้อจริงๆ ผมจะขายต้นละ 50 ล้าน ไปเลย.....กะว่า ขายซัก 100 ต้น คงทำให้พออยู่พอกินไปอีกหลายวัน ทีเดียว.....อิอิ(ผมเป็นคนใช้เงินเปลืองน่ะ)

 

เอ้า เล่านิทานต่อสิครับ...คุณรุจา
แควนๆ รออ่าน นะ

 

การบริจาคต้นไม้

เคยไปบริจาคต้นไม้ โดยได้บอกบุญเพื่อนๆ แต่บุญหลักๆ ยังเป็นของเราอยู่
บริจาคหนังสือธรรมะก็เคยแล้วนะ และจะทำไปเรื่อยๆ
ชอบบริจาคต้นไม้มาก อาจเพราะชอบและมีความสัมพันธ์อันดี
กับเหล่าเทพารักษ์ ภูมิเทวดา

ชาตินี้ในใจ ก็อยากจะสร้างวัดซักวัน สร้างโบสถ์ซักโบสถ์
สร้างพระปฏิมาซักองค์ แต่คิดว่าอยากทำด้วยตัวเอง
ก็คิดไปฝันไป ปัจจุบัน ก็ถวายทรัพย์ตามกำลัง ถวายกระเบื้องบ้าง
ร่วมซื้อที่ดินบ้าง ตามแต่กาละ จังหวะ

แต่ที่ชอบมากคือ ต้นไม้ ถวายเป็นร้อยต้นแล้ว
ถ้ามีรถกะบะในภายภาคหน้า คิดว่าจะซื้อต้นไม้ใส่หลังไป
เจอวันไหน ก็ถวายวัดนั้นแหละ

 

ไช่ครับ ยังไงๆคนชั่วทั้งหลาย ก็ต้องถูกลงโทษ...อย่างสาสมและ เร็ววัน
อิอิ..

 

บริจาคผิดที่หรือเปล่าครับ..พอต้นไม้โตออกดอกออกผล ใครเขาจะกล้าไปกินของวัดล่ะครับ มันต้อง มีที่ดินสาธารณประโยชน์ สระน้ำ คลองน้ำ เลี้ยงปลา ปลูกพืชผักผลไม้ แจกฟรีแก่ผู้ยากไร้หิวโหย สิครับ เป็นโรงทาน

 

ก็เป็นร่มเงาแก่วัด เป็นร่มเงาแก่ผู้ปฏิบัติธรรม เป็นที่สถิตของภูมิเทวดา

ยังผลให้ในชาติถัดๆไป จิตใจจะร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่นั้น

จักมีบ้านแลเรือนอันงดงาม และสงบร่มเย็น สาธุ

 

ไม่ค่อยได้ดูสดครับ
แต่มาดูย้อนหลัง
พูดถึง อิติปิโส

เลยเอา อิติปิโส อีกแบบหนึ่งมาฝากครับ

อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท
โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ
วา โธ โน อะ มะ มะ วา
อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ

วิธีดูว่า อิติปิโส อย่างไร
คำแรกของแต่ละบรรทัด แล้วอ่านลง

 

ใครเขาจะไปอิจฉา เงินที่ได้จากการไปปอกลอก หลอกลวงคนอื่นมา

เห้อ ต่อให้ไม่มีใครซื้อก็เหอะ เหมือนตั้งราคาไว้ขำๆใครซื้อก็...ไปช่วยไม่ได้

แล้วไหนจะวีรกรรมอื่นละ ลองนึกย้อนคืนดูมั่ง
พูดให้ดูดี ยังกับไม่มีผู้เสียหาย ไม่เคยหลอกลวงใคร ? แล้วผู้เคยโอนเงินเพราะความไม่รู้ให้เอ็งตั้งเยอะแยะน่ะ

แปลกใจจริงๆ เป็นคนอื่นเขาไม่กล้าเข้ามาเหยียบที่นี้แล้ว หายแล้วหายลับ นี่โดนแบนไปก็ไม่รู้ตั้งกี่รอบ
ความตระหนักรู้ สำนึก เกรงกลัวยำเกรงต่อสิ่งที่กระทำก็ไม่มี (หรือคิดไปเองอีกว่า เหมาะสม สมควรแล้ว คนที่เสียเงินไปถือว่าเสียให้ผู้มีบุญ ผู้ประเสริฐ )
ดูเหมือนเล่นตลก คิดไปเองว่าตัวเองวิเศษ เป็นคนดี มีคุณธรรม

 

ถ่ายรูปที่ร้านคนอื่นเมื่อกี้