จิตวิปลาส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตสิงห์, 29 ธันวาคม 2014.

  1. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ท่าน paetrix เข้าใจได้ถูกต้อง องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงให้ผู้ศึกษานั้น ไต่ถามกันเอง และสอบถามซึ่งกันและกัน เพื่อให้ได้ความที่ใกล้กับความหมายที่องค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทรงสอนมากที่สุด

    จริงๆแล้วจะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงที่สุดของการหลุดพ้นเป็นการรวบรวมความรู้ของแต่ละท่าน เพื่อให้ได้ความหมายที่ใกล้เคียงใจความของธรรมะที่สุด โดยไม่ต้องอาศัยท่านที่เข้าถึง ปฏิสัมภิทา เป็นผู้สอน

    การปฏิบัติด้วยการ ไต่ถามกันเอง และสอบถามซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้กลุ่มบุคคลนั้น เข้าถึงธรรมะได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้สอบถาม แต่ละท่านต้องเปิดใจให้กว้างไม่ยึดตนเองเป็นใหญ่ ไม่ยึดสิ่งที่ตนเข้าใจเป็นใหญ่ อาศัยเหตุและผล จะทำให้เข้าถึงธรรมได้ง่าย

    ที่เราออกมาตำหนิ ท่านคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล หรือท่านอื่นๆก็ตามเพราะท่านนั้นอาศัยเหตุผลตนเองเป็นใหญ่ ยึดสิ่งที่ตนเข้าใจเป็นใหญ่ ทั้งที่ตนเองเป็นเพียงสัตว์โลก ทำให้เกิดสัทธรรมปฏิรูป ขึ้น สาวกที่ไปฟังไม่ไตร่ตรองให้ดีไปเชื่อก็เข้าใจพระธรรมผิดไปกันหมด
     
  2. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    สำคัญที่ปรับทิฏฐิให้ถูกต้อง มีทัสนะที่ถูกต้อง คล้อยตามพุทธพจน์ คล้อยตามอรหันตสาวก

    ในที่นี้คงไม่ใช่เรื่องประกาศอะไรใหม่

    แต่เป็นเรื่องตรวจสอบ อะไรไม่ถูกก็รู้ว่านี้ไม่ถูก อะไรถูกก็รู้ว่านี้ถูก

    คือรู้ว่าอะไรคือทาง อะไรไม่ใช่ทาง

    มรรคามรรคะญาณทัสนะวิสุทธิ (สะกดผิดหรือเปล่าน้อ)
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    “ท่านอาจารย์บอกกระผมว่า เป็นพระอรหันต์ แต่ทำไมผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ผู้เป็นพระอรหันต์น่าจะรู้ทุกสิ่งตามความเป็นจริงมิใช่หรือ?”

    “พระอรหันต์อาจมีอัญญาณ คือความไม่รู้ในบางสิ่งได้” พระมหาเทวะชี้แจง

    “ในเมื่ออาจารย์บอกว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ทำไมกระผมจึงยังมีความสงสัยอยู่เล่า?”

    “พระอรหันต์อาจมีกังขา คือความสงสัยในบางสิ่งได้” พระมหาเทวะกล่าว

    “ตามธรรมดาท่านที่จะเป็นพระอรหันต์ จะต้องเกิดญาณรู้ด้วยตนเองมิใช่หรือว่าตนเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่ทำไมผมจึงไม่มีความรู้เช่นนั้น ยังต้องอาศัยการพยากรณ์จากอาจารย์อยู่เล่า?” ศิษย์ถาม

    “ผู้ที่จะรู้ว่าตนเป็นพระอรหันต์ ต้องอาศัยการพยากรณ์จากคนอื่น” พระมหาเทวะตอบ

    หลังจากทำเรื่องนอกรีตนอกรอยหลายอย่างเข้า พระมหาเทวะเกิดความไม่สบายใจ รู้สึกว่า จะอยู่ในอิริยาบถใดก็มีแต่ความเร่าร้อน คืนหนึ่งรู้สึกเร่าร้อนใจมากจนนอนไม่หลับ จึงอุทานว่า อโห ทุกฺขํ อโห ทุกฺขํ แปลว่า ทุกข์หนอๆ เมื่อศิษย์ของท่านได้ยินเข้าจึงถามว่า

    “อาจารย์บอกว่า ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ทำไมจึงยังบ่นอยู่ว่า อโห ทุกฺขํ อโห ทุกฺขํ อยู่เล่า พระอรหันต์ยังมีทุกข์อยู่อีกหรือ?”

    “อริยมรรคอริยผลจะปรากฏเมื่อบุคคลเปล่งวาจาว่า อโห ทุกฺขํ อโห ทุกฺขํ” พระมหาเทวะกล่าวตอบ
     
  4. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    นมัสการครับหลวงพี่
    พอดี พอดีช่วงนี้สมาธิขาดๆ สติหายๆเลยต้องแวะมา อ่านเรื่องยาวๆ
    จากพี่ ป.ปุณฑ์เรื่องฝัน อันนั้นน่าสนตรงเหตุเกิดของฝัน แล้วไล่ไปดูว่า คนจะไม่ฝันได้ไหม
    จากพี่หนี เรื่องเหล้า อันนี้ผมมองที่ความละอายมีอยู่ ตั้งไว้ได้อย่างไรก็ไม่เอา ที่นี้ส่วนที่เอาแล้วระลึกได้ สร่างทัน ยังคงละไว้ น่าจะมีอย่างอื่นร่วมเยอะ
    คิด ให้บันเทิงครับ
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เรื่องความฝัน ต้องไปดูภวังคจิตคู่ไปด้วย อภิธรรมอธิบายไว้ลึกเหมือนกัน

    แต่ถ้าเอากันที่ระดับสติปัฏฐานแล้ว สามรถกำหนดเวลาตื่นได้

    จะไม่ฝัน



    ส่วนเหล้านั้น มีอุบายมากมายในธรรมวินัยนี้

    การวิรัสติด้วยศีล ด้วยการสังวรไม่ก้าวล่วง ด้วยหิริ ฯลฯ

    การวิรัสด้วยปัญญา เห็นโทษภัย เห็นคุณของการละน้ำเมา

    ในระดับสติปัฏฐาน ก็เป็นเรื่องของนามรูป เห็นความเสื่อม ความคลาย ความอกุศลได้ช่อง
     
  6. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เวลาฝัน ใส่ใจอารมณ์ที่ติดมาจากความฝันสิ

    โลกเหมือนความฝัน อารมณ์คือของจริง

    นี่ต้องไม่ลืมว่า จิตมีธรรมชาติคิด
     
  7. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    อืมเท่าที่ระลึกได้ วันที่ไม่ฝันเลยมีสองกรณี เหนื่อยมาก หลับแล้วตื่นเลย
    กับหลับแบบสมาธิเต็ม กำหนดเวลาตื่นได้อันนี้เคยลอง
    เท่าที่เคยอ่านประวัติบุคคลสำคัญหลายๆท่านก็กำหนดเวลาตื่นได้ครับ
    น่าจะไม่เกี่ยวกับฝัน
    อ่านดูที่ถอดกายไปนั่น นี่ เรียกว่าฝันไหมครับ
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ความฝัน กับ อาการจิตไหลไปในความคิด มันคือ อันเดียวกัน

    ปุถุชน เข้าใจ ความฝัน คือ อาการขาดสติ ฝันเปียก ฝันยามหลับ

    คนที่ ฝึกสติปัฏฐาน ไม่ต้องถึง โสดาบัน แค่ มีสติระลึกได้ ที่เรียกว่า สันตติขาด
    แค่นี้ก็เห็นแล้วว่า ความคิดของจิตแบบปุถุชน ไม่ว่าจะหลับ หรือ ตื่น หรือปุถุชน
    ปรารภว่า ตนมีสติ นั่นคือ " ฝันล้วนๆ "

    ดังนั้น คนที่ฝึกสติปัฏฐาน ถ้า ภาวนาถูกต้อง จะรู้เลยว่า ฝัน คืออะไร แล้วทำไม
    ภาวนาได้แล้วจึงเรียกว่า " ตื่น เบิกบาน "

    หลวงตา จึงกล่าวไปง่ายๆว่า ฝันก็คือ อาการทางสมมติ ฝากของขันธ์5 มันทำงาน

    พระอรหันต์ฝันได้ไหม หลวงตามหาบัวให้วินิจฉัยไว้ว่า ใครบอกอรหันต์ฝันไม่ได้
    ให้เรียก พ่อแม่ มันมาคุย ..... เพราะ มันย่อมเป็น ธรรมจอมปลอมแน่นอน คือ
    อย่าว่าแต่ อรหันต์เลย การภาวนาสติปัฏฐาน ก็หามีไม่ !!!!

    พระอรหันต์ฝันได้ไหม พระอรหันต์ยังโดนสังขารหลอกได้ไหม หลวงตามหาบัว
    แสดงธรรมไว้หลายหน โดยเฉพาะเรื่อง พระอรหันต์โดนสังขารหลอกได้ไหม
    หลวงตา ก็เอาตัวท่านเองเป็น พยานกล่าวว่า ท่านไปเจอกิ่งไม้ สังขารมันปรุงว่างู
    แล้ว ตัวท่านก็กระโดดโหยงลอยจากพื้น ...เหล่านี้คือ อาการของขันธ์5 อาการทาง
    อนุสัย ที่ไม่ได้เป็น กิเลส กระเทือนรหัสพ่อรหัสแม่ใคร เป็น อัพยากตาธรรม
    ดังนั้น แค่เท่าทันการเกิดขึ้นของสังขาร ก็ได้ แค่นั้นก็บอกได้แล้วว่า รู้ว่าพ้น และ
    มีญาณรู้ว่าพ้นแล้ว ..... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความ วิปลาส สัญญาต้องเที่ยง จิตต้องเที่ยง
    ต้อง นิ่งเป็นหัวตอ เท่านั้นถึงจะเป็น อรหันต์


    ปล. คำอธิบายหลวงตา เข้าทำนอง มีก็เหมือนไม่มี บาลีเขียนว่า " อัพโพหาริก "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2014
  9. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ทีนั้นครั้นเมื่อคำอันพระธัมมทินนะกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ญาณของท่านคมยิ่งนักธรรมนี้ ท่านบรรลุในกาลไร ดังนี้
    ท่านก็กล่าวว่า ผู้มีอายุ ในกาลแห่งพรรษา ๖๐ แต่กาลนี้ ดังนี้.
    พระธัมมทินนะกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านยังใช้สมาธิอยู่หรือ ดังนี้
    พระเถระอาจารย์ตอบว่า ผู้มีอายุ ข้อนี้ไม่หนักใจเลย ดังนี้.

    พระธัมมทินนะจึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าอย่างนั้น ขอท่านจงนิรมิตช้างเชือกหนึ่งดังนี้.
    ท่านก็เนรมิตช้างเผือกแล้ว.
    พระธัมมทินนะกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ ช้างนี้มีหูกาง (ผึ่ง) ออกแล้ว มีหางเหยียดออกแล้ว เอางวงใส่ในปาก ส่งเสียงร้องโกญจนาท (เสียงกึกก้อง) มุ่งหน้าเฉพาะต่อท่านมาอยู่ โดยอาการที่ท่านสร้างมันขึ้นมาอย่างนั้น ดังนี้.
    พระเถระผู้อาจารย์ ครั้นนิรมิตอย่างนั้นแล้ว
    เห็นแล้วซึ่งอาการกิริยาเสียงร้องของช้างมาโดยเร็ว ท่านก็ลุกขึ้นเริ่มเพื่อจะหนีไป.

    พระธัมมทินนะผู้เป็นพระขีณาสพ จึงเหยียดมือออกไปจับชายจีวรของพระอาจารย์แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ความกลัวย่อมมีแก่พระขีณาสพด้วยหรือ ดังนี้.
    พระอาจารย์จึงทราบความที่ตนยังเป็นปุถุชนอยู่ในกาลนั้น จึงกล่าวว่า
    ดูก่อนธัมมทินนะผู้มีอายุ ท่านจงเป็นที่พึ่งแก่กระผม ดังนี้
    แล้วนั่งกระโหย่งใกล้เท้าของพระธัมมทินนะ
     
  10. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    อธิบายเรื่องความฝัน ในอรรถกถา สุบินคถา


    ผู้ฝันย่อมฝันด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ

    เพราะธาตุกำเริบ ๑

    เพราะเคยเป็นมาก่อน ๑

    เพราะเทวดาดลใจ ๑

    เพราะบุรพนิมิต ๑.

    เกี่ยวข้องของมูลเหตุ ๔ อย่างเหล่านี้ต่างกัน ฝันจึงต่างกันไป ฝันแม้ทั้ง ๔ นั้น
    พระเสกขะและปุถุชนย่อมฝัน เพราะยังละวิปัลลาสไม่ได้.
    พระอเสกขะไม่ฝัน เพราะละวิปัลลาสได้แล้ว.


    ก็เมื่อฝันนั้น หลับฝัน ตื่นฝัน หรือว่าไม่หลับไม่ตื่นฝัน.

    ในข้อนี้มีอธิบายได้อย่างไร
    ผิว่าหลับฝันก็ผิดอภิธรรม ด้วยว่าสัตว์ย่อมหลับด้วยภวังคจิต ภวังคจิตนั้นหามีรูปนิมิตเป็นต้นเป็นอารมณ์ หรือสัมปยุตด้วยราคะเป็นต้นไม่ จิตเช่นนี้ย่อมเกิดแก่ผู้ฝัน

    หากตื่นฝันก็ผิดวินัย เพราะว่าฝันที่ตื่นฝันด้วยจิต เป็นอัพโพหาริก (เห็นเหมือนไม่เห็น) จะไม่เป็นอาบัติไม่ได้ เพราะล่วงละเมิดด้วยจิตเป็นอัพโพหาริก เพราะแม้ผู้ฝันทำล่วงละเมิดก็ไม่เป็นอาบัติโดยส่วนเดียวเท่านั้น.

    เมื่อไม่หลับไม่ตื่นฝัน ชื่อว่าไม่ฝัน ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ จึงไม่มีฝันและจะไม่มีก็ไม่ใช่.

    เพราะเหตุไร เพราะผู้ฝันเข้าสู่ความหลับดุจลิง.
     
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ความคิดก็ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา

    เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ความคิดก็ผุดเกิดได้เป็นธรรมดา

    เนื้อในของความคิด เป็นเรื่อง กุศล อกุศล อัพยากตา สัมปยุต พาให้หลงติดข้อง

    ที่ติดข้องในเรื่องราวความคิดนั้น เป็นลักษณะของตัณหา ความยึด ความอยาก ความผลักไส

    หากใส่ใจกำหนดรู้ จะทราบว่า สิ่งที่เห็นไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น

    สิ่งที่ได้ยิน ได้สัมผัสนั้นก็ไม่ใช่ของจริง ไม่ได้เกิดจากหูได้ยินจริง หรือกายสัมผัสจริง

    ก็เป็นเรื่องหมายรู้นามรูปในอดีตบ้าง ในอนาคตบ้าง

    ผ่านสัญญาขันธ์ในส่วนอดีตบ้าง ในส่วนอนาคตบ้าง

    เมื่อหลงเรื่องราวของความคิด จิตก็ไปยึดอารมณ์ขึ้นมาใหม่ เช่น

    นึกถึงเรื่องวัยเด็กที่ดี ก็จำเหตุการณ์ประทับใจได้ จำความสนุกสนานขณะนั้นได้

    จิตก็ยึดสิ่งนั้นมาเป็นอารมณ์ ให้เคลิ้บเคลิ้ม เวทนาเป็นสุขบ้าง ตรงนี้เป็นของปัจจุบันที่มีจริง


    ทีนี้ หากเข้าใจการคิด ก็สามารถเจริญโยนิโสมนสิการได้บ่อยๆ เป็นเหตุให้กุศลตั้งมั่นได้

    การมีพุทธานุสติ จาคานุสติ เมตตา ระลึกสิ่งที่ดีๆ ก็จะเป็นประโยชน์กว่า
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204

    กราบนมัสการค่ะ

    ขอความรู้เพื่ออย่างแจ่มแจ้งต่อไปด้วยคะ

    - จิต หรือ วิญญาณ (ผู้รู้) เกิดดับไม่เที่ยง เป็นไตรลักษณ์

    หากเรานั่งสมาธิอันเกิดจากจิตสงบ เราจะเห็นดวงธรรมซึ่งมีวงกลมรอบนอก
    อันเป็นการรวมตัวของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถัดไปเป็น เป็นช่องว่าง
    คือ ตัวอากาศธาตุ (ช่องว่าง) ดวงข้างในลึกสุด คือ ตัววิญญาณธาตุ ซึ่ง
    ประกอบไปด้วย ดวงรู้ ดวงนึก ดวงจำ ดวงเห็น หรือ เวทนา สัญญา สังขาร
    วิญญาณ ที่กระทบนำไปสู่การคิด แล้วเกิดจากทำกรรม จึงเรียกว่าใจ

    จิต มโน วิญญาณ ฯ ท่านให้เรียกชื่อว่า ความหมายเดียวกัน

    - สังขารทั้งปวงล้วนปรุงแต่ง อันโลก คือสังขาร หรือ สังขารโลก ล้วนปรุงแต่ง
    ทุกสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง เกิด ดับ ล้วนตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์

    - สภาวะธรรมธาตุรู้ ธรรมธาตุ นิพพานธาตุ พ้นจากการปรุงแต่ง พ้นการเกิดดับ
    พ้นโลก พ้นจากไตรลักษณ์ คือ มีสภาวะรู้นิพพานธาตุอยู่ คือ เป็นอมตะธรรม
    มีสภาพรู้นิพพานไหมคะ

    วงจรปฏิจจสมุปบาท วิญญาณ เป็นเหตุทำให้เกิด นามรูป คือ รูปขันธ์ นามขันธ์
    หรือ กายใจที่ประกอบด้วยขันธ์ทั้งห้า อันมีส่วนประกอบของธาตุทั้ง6 ข้างต้น

    ส่วนสังขารป็นเหตุให้เกิดวิญญาณ (วิญญาณ จิต มโน ล้วนมีชื่ออันเดียวกัน)
    สองสิ่งนี้ ก็เกิดจากธรรมการปรุงแต่ง (จิต หรือ วิญญาณ หรือ มโน ) ต่างเป็น
    ผลมาจากเหตุ คือ สัง ขารปรุงแต่ง (สังขตะธรรม) ทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ภายใต้
    กฏไตรลักษณ จิตจึงไม่เที่ยง จิตจีงเกิดดับ

    ที่พูดกล่าวถึงสภาพธรรมที่รู้อมตะธาตุ คือ นิพพาน คิดว่าเที่ยงหรือเปล่าคะ
    เราไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกชื่อว่าอะไร ทุกคนเข้าใจว่าเป็นจิตเดิมแท้คิดว่าอย่างไรคะ
    สภาวะที่รู้ธรรมธาตุ ว่าบนิพพานบรมสุข ไร้เครื่องร้อยรัดทั้งปวง เป็นสุขอย่างยิ่ง
    มีสิ่งที่รู้นิพพานเที่ยง คิดว่าเป็นทิฐิวิปลาสไหมคะ กราบนมัสการคะ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204

    กราบนมัสการคะ หลวงพี่คิดอย่างไรกับโพสของข้าพเจ้าข้างต้นคะ
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204

    ข้าพเจ้าเคยอ่านและเคยศึกษาในเว็บพุทธภูมิ พระโพธิสัตว์ที่มากด้วยบารมี
    ท่านมีภูมิธรรมถึงพระอรหันต์ ท่านต้องมีสิ่งนี้เพื่อเป็น 1ใน 8 ข้อที่ต้อง
    ได้รับพุทธพยากรณ์ แต่ท่านย่งไม่บรรลุ หรือ จิตที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์
    เพียงแต่รู้เพื่อสั่งสมบารมีในการพาคนอื่นพ้นทุกข์ในกาลข้างหน้า คิดว่า
    ปัญญาท่านจะรู้ได้ไหมคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2015
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ขออภัย ไอ้ดวง " เห็น จำ คิด รู้ " เนี่ยะ ให้ดี อย่าไปเอามาใส่ วลี
    การอวดภูมิ จะ ถูกต้องเสียกว่า

    เพราะ " เห็น จำ คิด รู้ " มันเป็น ประโยคที่ใช้เทคนิค กล่อมให้เชื่อ
    โดยอาศัย ทฤษฏีจิตวิทยา สะกดจิต

    เห็น ของพวกเขา จะอาศัย แค่ ภาพลางๆ เลือนๆ เหมือนการแกว่ง ลูกตุ้ม
    พอคนฝึกเริ่มเคลิ้มๆ

    คนนำภาวนาจะใช้การ " ย้ำคิดยำทำ " โดย อุปโลคว่า ผู้ภาวนานั้นกำลัง
    เห็น จึงบอกให้ " จำไว้ " ซึ่ง ก็คือ ให้ย้ำคิดย้ำทำ จนกว่า จิตจะเกิดอาการ
    ที่เรียกว่า " โรคจิต " จิตเภท ( ทางจิตวิทยาหมายถึง เสียสัมปชัญญะ )

    หลังจากนั้น ก็จะกล่อมให้ " คิดตาม " โดยพูดธรรมบทโน้น นั่น นี่ เข้า
    ไปสวมทับ อาการเดี๋ยวเบลอ เดี๋ยวชัด ( ตอนนี้ ในมโนทวารจะคล้ายๆ เห็น
    ดวงมันซ้อนดวง มีดวงนึงเลือน อีก ดวงแทนที่ และ ชัด )

    แล้วก็ย้ำคิดย้ำทำซ้ำๆว่า รู้ธรรมะแล้ว โดยอุปโลค ภาพซ้อนๆ นั้นว่า
    เป็นดวงโสดาบันบ้าง สิกทาคาบ้าง อนาคาบ้าง อรหันต์บ้าง ทั้งๆที่ มัน
    มีแต่ ภาพซ้อนไปซ้อนมา ของลูกตุ้มแกว่งไกว( ในทีนี้ จะเอาดวงแก้ว
    ซ้อนดวงแก้ว มาแทนวัตถุแทน )

    สรุป ไม่ได้อะไร นอกจาก " การย้ำคิดย้ำทำ " กลายเป็นคนป่วยทางจิต
    ที่บังเอิญว่า พร่ำบ่น งุมงำ เรื่อง มรรค ผล นิพพาน

    " เห็น จำ คิด รู้ " จึงเป็นเรื่องการฝึกที่ไม่มีเรื่อง ไตรลักษณ์ญาณ แต่อย่างไร

    การเห็น การแปรปรวนของการซ้อน ก็ถูกชี้ให้เป็นเรื่อง เที่ยง แทนที่จะเป็น
    การเห็นความแปรปรวนของจิต จน เกิดการ ละ วาง จิต เพื่อไปเห็นอริยสัจจ
    นิมิต ดับพรึบ !! ก็โน้นไปโน้น ไปกอดดวงโน้น ดวงนี่ คิดว่าเป็น นิพพาน

    การภาวนาเห็นจิต เกิด ดับ ตามความเป็นจริง หากเห็นได้มากพอ จะเกิดสภาวะ
    ละ วาง จิต ไม่ยึดมั่นถือมั่นในจิตว่าเป็นตน บุคคล เรา เขา ....สภาวะที่เกิด
    การ วาง จิต ไม่ฉวยจิตขึ้นมา หากตั้งมั่นในสภาวะนี้ได้ นานเพียง 2 3 ขณะจิต
    จะเกิด มรรคสมังคี ซึ่ง สภาวะ ละ วาง จิต ไม่สามารถเกิดด้วย เจโตสมาธิ จึง
    เรียกว่า พ้นจิต หรือ เจโตวิมุตติ ....ส่วน ปัญญาวิมุตติ จะเกิดหรือไม่ ก็ขึ้นกับ
    สภาวะสมาธิที่ไม่ได้เกิดด้วยความจงใจนั้น จะคงสภาพได้กี่ขณะ 2 หรือ 3
    ถ้าเป็น ปัญญาวิมุตติ จิตละวางจิตได้ 2 ขณะ ก็ตัดสิน ตัดกิเลส ข้ามโคตร
    แต่ถ้า ปัญญาอ่อน ก็จะต้องอาศัย 3 ขณะจิต ถึงจะข้ามโคตร ได้

    อนึ่ง พระ ท่านว่า การเล่าเรื่อง สภาวะธรรม แบบนี้ จะอันตราย โดยเฉพาะ
    พวกที่ ชอบสร้างภาพบรรยายธรรมว่ากูรู้เรื่องเหล่านี้ เวลาที่จิตภาวนาได้ดี
    แล้วจะรวม สภาวะสัญญาที่ไปหลอกเขาว่ากูรู้เรื่อง จะขึ้นวิธี ทำลายมรรคผล
    ในขณะที่จิตควรจะได้มรรคผล [ เวรรกรรม ที่ไปหลอกเขา มัน ขุด ทำลายตัวเอง ]

    พระจึงไม่ค่อยนิยมกล่าว ให้ฟัง เว้นแต่ ..........จะเป็นกาลเหมาะสม สำหรับ
    คนบางคน ที่ไม่เข้าใจเรื่อง " อกุศลธรรมตักเตือน "

    ก่อนจะ บรรลุธรรม จะต้องเกิด สภาวะ อกุศลธรรมตักเตือน จึงระลึกได้ จึง
    เกิดธรรมสังเวช จึงเกิดจิตตั้งมั่น แล้ว ดีดอย่างแรง

    ก่อนบรรลุธรรม จะต้องเห็นกิเลส เห็นภัยของสัขารทั้งปวง สิ่งที่ตนสำคัญผิด
    มาตลอดว่า นั่นคือวิธีบรรลุ แท้จริงแล้ว เป็นทุกข์ที่ขุดตัวเอง ที่ควรกำหนดรู้
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    การชงคำถาม วิสัยพุทธภูมิ ไปถามเอากับ สาวก

    สิ่งที่ได้คือ ไม่มี ไม่มีจริง เป็นไปไม่ได้ ( ทั้งนี้ พุทธภูมิ ย่อมไม่เคยตัดกิเลส จึงยก ว่า ดีเลิศ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มี มรรคผล )

    ที่ สาวกตอบแบบนั้น เหตก็เพราะ ไม่ใช่ ภูมิที่จะไปทะลึ่งตอบได้




    ปล. ทะลึ่ง เป็น ภาษาโบราณ แปรว่า ผลีผลาม ด่วนตัดสิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2015
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    การชงคำถาม วิสัยพุทธภูมิ ไปถามเอากับ พุทธภูมิ

    สิ่งที่ได้คือ ไม่ตอบ แล้ว ไม่ยุ่งด้วย ทั้งนี้ พุทธภูมิ ย่อมต้องเริ่มจาก กตัญญู
    ...คนมีความกตัญญู ย่อมมีความสำเร็จ โดยอาศัย ความกตัญญูนั้นๆ ถ้ามี
    คนอ้างว่า พุทธภูมิ แล้วมาถามว่า พุทธภูมิภาวนายังไง มันก็ ตอบได้ทันที
    ว่า คนๆนั้น ไม่มีความกตัญญูในจิตเป็นปรกติ ดังนั้น การไม่ตอบ ไม่ยุ่ง ย่อม
    เป็นการ สมควร อยู่แล้ว )

    ดังนั้น พระพุทธองค์จึงตรัสชี้ว่า พุทธภูมิจะภาวนาเหมือน แรดนอเดียวเทียว
    ไปในป่า
     
  18. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เจริญพร

    ขยายหน่อยว่า แน่ใจได้อย่างไรว่า นั้นธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

    นั้นคือ ดวงวิญญาณ นั้นคือเวทนา คือสัญญา
     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ปล. ลิง

    เนื่องจาก การไม่ใช่มรรค ไม่ใช่ผล ในเชิงปฏิบัติ ที่ชัดเจน
    แต่ความที่ เรื่องมี ฝุ้งไปนั้น เป็น " สัทธรรม " หรือมีส่วน
    ของสัทธรรม หรือมีเรื่องว่าด้วย ละลางภพ ชาติ กิเลส

    อันนี้ ก็ต้องทราบว่า มันมี มรรคอยู่ข้อหนึ่ง ที่พระพุทธองค์
    ตรัสไว้ว่าเป็น อำนาจของ สัทธรรม หรือ ธรรมฤทธิ์ ที่พอจะ
    พึงหวังได้ ในการ นิพพาน ....

    คนที่ ทรงจำคล่องปาก ขึ้นใจ ในธรรมะ ไม่ว่า ปฏิบัติผิดอย่างไร
    แต่ มีการ ทรงจำธรรมเอาไว้ ก็ยังพึงหวังได้ถึง สุคติ โสดาบัน
    สกิทาคา อนาคา หรือ แม้แต่ อรหันต์ ในขณะจิตสุดท้าย ที่
    กำลังตายจากชาตินั้น บุคคลนั้นอาจจะระลึกได้ สมาทานสิกขา
    ถูกต้องใน วาระจิตสุดท้าย ก็ยังเป็นไปได้ ..........

    ดังนั้น เราจะตำหนิเฉพาะส่วนที่ ปฏิบัติไม่ถูก แต่ ในส่วน
    ที ทรงจำสัทธรรมไว้ เราก็สรรเสริญ และ ยกไว้ว่า นิพพานได้
    จึงไม่ปรามาส

    การย้อนแย้งเป็นเพียง ย้อนแย้งกันทางเทคนิค เผื่อว่า คนมีจริตทาง
    อื่น จะแฉลบออกไป สร้างกุศลชนิดอื่นเพิ่มได้
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ขอเพิ่มเติมนิดนึงคะ ไปค้นกูเกิลมาเกี่ยวกับลักษณะของนิพพาน ที่มีสองลักษณะ คือ
    สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ คือ จิตหลุดพ้น สิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ พระอรหันต์ที่
    ยังมีชีวิตอยู่ และ อนุปาทิเสสนิพพานิ้ คือ ละภพได้ทั้งหมด พระอรหันต์ทีตายแล้ว
    ไม่มีขันธ์เหลืออยู่

    มีอีกคำหนึ่ง อนุปาทาปรินิพพาน ทรงตรัสว่า มีอนุปาทาปรินิพพานเป็นความมุ่งหมาย

    ธาตุสูตร

    พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจักสำคัญข้อความนี้เป็นไฉน จักษุเที่ยง หรือ ไม่เที่ยงฯ

    ภ. ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า

    พ. หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มโนวิญญาณ มโนสัมผัส แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ
    อทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เที่ยง หรือ ไม่เที่ยงฯ

    ภ. ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า ฯ

    พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า ฯ

    ภ. เป็นทุกข์พระเจ้าข้า ฯ

    พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ ฯลฯ
    แม้ในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ อทุกขมสุขเวทนาที่เกิดเพราะมโนสัมผัส
    เป็นปัจจัย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดจิตจึงหลุดพ้น***
    ย่อมมีวิญญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว*** ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำก็ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีฉะนี้

    พระผู้มีพระภาคได้ณัสไวยากรณ์ภาษิตนี้จบแล้ว ภิกษุนั้นชื่นชมยินดีภาษิต
    ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้อยู่ จิตของภิกษุนั้นก็หลุดพ้น
    จากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่นดังนี้แล จบสูตรที่ 2

    รู้สึกว่าตอนนี้มีสองความเห็น คือ จิตเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง
    จิต+วิญญาณ เป็นตัวเดียวกันไหม
    จิต คือ จิตเดิมแท้ และวิญญาณ คือ ใจ มโนสัมผัสที่รับทางอายตนะ ใช่หรือไม่
    เรียกคำเต็มว่า จิตวิญญาณ คือ รู้เหมือนกัน ต่างกันที่หน้าที่ จิตรู้ความเป็นปรมัตถ์
    ส่วนวิญญาณ รู้เกิดดับ ทำหน้าที่รับรู้ทางอายตนะ ที่พระพุทธองค์แสดงไว้ ไม่เที่ยง
    เกิด-ดับ
    และคำที่ว่า จิตหลุดพ้นแล้ว วิญญาณหยั่งรู้ว่าจิตหลุดพ้น คือ อะไร
    ส่วนคำว่า นิพพานธาตุ คำว่าธาตุ คือ รู้ สภาวะว่ารู้นิพพาน
    หากบอกว่า มีสภาวะรู้นิพพานขณะมีชีวิตอยู่ แต่ พอตายแล้วไม่มีรู้ เหลือแต่คำว่า
    นิพพาน ต่างจากคำว่า สูญ อย่างไรคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...