กำปั้นทุบดิน...(ความสงสัยของมนุษย์)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย u n u n, 26 มกราคม 2008.

  1. u n u n

    u n u n เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +163
    เวลาทำทานมีหลายท่านบอกว่าเราควรให้ทานกับผู้ที่ควรให้นั้นคือดีที่สุด*** ผมไม่เถียงนะ*** แต่ถ้าการที่จะให้ทานแล้วมานั้งเลือกว่า คนนี้ควรให้หรือ คนนี้ไม่ควร ให้*** อย่างนี้ก็เท่ากับเลือก ปฎิบัติ อะซิ *** ((แบบกำปั้นทุบดิน)) - ถ้า การให้ทานที่เราได้ให้ กับคนที่ไม่ควรจะให้ - แต่ ถ้าคนที่ไม่ควรจะให้นั้นคือตัวเรา ละ (เราจะคิดอย่างไร) แล้วถ้าเราได้รับการให้มาก **ผมว่าจิตใจจะไม่โอนเอียงไปสู่การกระทำดีๆเลยหรือ** (น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน) เหตุไฉนเลยถ้าคนคนนึงที่ไม่ควรจะได้รับการให้อันสมควร เขากับได้รับการให้อันสมควร จะไม่ทำให้จิตใจเขากลายเป็นบุคคลอันสมควรให้เชียวหรือ (ผมมองให้เป็นรูปธรรมนะ) อย่างผู้กระทำผิดที่ได้รับอภัยโทษ(การให้ทาน) ถ้ามองที่เนื้อเหตุ ไฉยเลยเขาต้องมาได้รับการอภัยโทษละ ทั้งที่เขาทำความผิดมา (เขาต้องรับโทษเท่าสมควรกับที่เขาได้ทำซิ) ผมเชื่อนะว่าการที่ผู้กระทำผิดเมื่อได้รับการให้อภัยแล้ว อย่างน้อยจิตใจของพวกเขายอมได้รับรู้ถึงการให้ **ถึงแม้จะไม่อาจจะแก้(บางคน)จิตใจของบางคนที่ยังอาจจะคิดกระทำผิดอีก**ให้เลิกคิดที่จะกระทำผิดไปได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาย่อมระลึกได้ถึงสิ่งที่เขาได้รับ และเมื่อถ้าผู้ได้รับ ได้รับการให้บ่อยๆก็ยอมทำให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อการให้ และการได้รับ ย่อมส่งผลให้เขาเลิกคิดที่กระทำสิ่งที่ไม่ดีไปได้นะครับ (ความคิดเห็นส่วนตัว ผมเชื่อเช่นนั้น) *** ผมเชื่อครับว่าธรรมยอมควรคู่กับปัญญา*** แต่ ในเหตุ สถาน และเวลา บางครั้ง มันก็ไม่ได้มาครบถ้วนทั้ง 2สิ่ง บางครั้งธรรม มาอย่างเดียว บางครั้งปัญญามาอย่างเดียว บางครั้งสิ่งใดสิ่งนึงมาก่อนแล้วอีกสิ่งจึงตามมา ......... ***เพียงแค่สงสัย มิได้ ดูถูกหรือลบลู่ความคิดใครแต่ประการใด ถ้าใครมิพอใจ ผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ** รบกวนด้วยนะครับ
     
  2. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    การทำทานเป็นการลดความตะหนี่ เป็นจาคานุสติกรรมฐานเมื่อเรานึกถึง การทำทานทำได้ตลอดเวลาไม่เลือกบุคคลและสถานที่ บางคนบริจาคด้วยทรัพย์สินเงินทอง บางคนด้วยแรงกาย แรงใจ ที่คุณabc..สงสัย เป็นผลของทาน ซึ่งทานย่อมให้ผลต่างกัน และคนเราไม่ควรเลือกปฏิบัติ สำหรับผมไม่เลือก ทำตามโอกาสที่จะทำได้ครับ
     
  3. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    การทำความดีถ้าจะให้เกิดประโยชน์สูงสุดเราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณากำกับไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นการให้ทาน ถ้าเราเลือกให้กับคนที่มีศีลมีธรรม ก็จะเป็นเหตุทำให้คนดีคนมีคุณธรรมมีกำลังใจ ได้รับการสนับสนุน เมื่อคนดีได้รับการสนับสนุนก็จะสามารถเผยแผ่สิ่งที่ดีงามและถูกต้องได้ออกไปอย่างก้าวหน้ากล้างไกลและมั่นคงมากขึ้น

    ตรงข้ามถ้าเราช่วยเหลือคนไม่ดีแล้วละเลยคนดีเสีย คนทำไม่ดีก็จะมีกำลังมีอำนาจ เมื่อคนทำไม่ดีมีกำลังมีอำนาจ ก็สามารถที่จะเผยแผ่ความไม่ดีนั้นให้กว้างไกลออกไปได้เช่นกัน

    อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ คนส่วนใหญ่แล้วตอนแรกๆก็มักจะมองอะไรที่ภายนอกเป็นส่วนใหญ่เสียก่อน เช่นคนเราเจอหน้ากันสิ่งที่จะมองเห็นก็คือรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย เป็นอันดับแรก กว่าจะรู้นิสัยก็ต้องอาศัยเวลาสักระยะหนึ่ง

    การที่คนส่วนใหญ่มีทัศนคติส่งเสริมคนทำดีทำถูกต้อง จะให้ทานหรือช่วยเหลือก็ทำกับคนทำดี เมื่อนั้นก็จะเกิดเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ดี ทำให้คนอื่นๆทั่วไปที่ยังไม่คิดจะทำความดี ได้มองเห็นแล้วรู้ว่า การทำดีแล้วได้รับผลดีตอบแทน ก็จะทำให้คนคิดจะทำดีมากขึ้น แต่ถ้าคนทำดีแล้วไม่ได้รับผลดีกลับโดนกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ อีกหน่อยคนที่คิดจะทำความดีก็จะค่อยๆน้อยลงหรือหมดกำลังใจไปได้น่ะครับ

    ปล.ถ้าใช้ปัญญาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ก็จะเห็นจริงตรงตามพระพุทธพจน์ที่พระองค์ได้ทรงสั่งสอนเอาไว้น่ะครับ ทุกสิ่งล้วนมีเหตุและมีผล ทำเหตุอย่างไรก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้นครับ
     
  4. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สาธุๆ เห็นถูกแล้ว ครับ
    ขอพลัง สัมมาทิฏฐิ จงสถิตแก่ท่าน
     
  5. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เราทำทาน ใครเป็นคนได้อานิสงส์ของทานนั้น เราได้ เราให้เรายิ่งได้ บางคนไม่เข้าใจจะให้แต่มีความรู้สึกว่าผู้รับจะได้ ก็เลยเกิดเงื่อนไขในใจ

    มีคนบอกกับครูบาอาจารย์ว่า คนทำบุญเยอะแล้วตนจึงไม่อยากทำเพราะกลัวว่าของกินของใช้จะเหลือ ครูบาอาจารย์ท่านก็เลยถามว่าของที่เยอะแล้วนะมันของที่เราทำรึเปล่า ไม่ใช่ของเรา

    ใครทำบุญย่อมเป็นของผู้นั้นถึงจะมีคนอื่นเขาทำเยอะแล้วก็ต้องทำเพราะเราทำเราได้

    ทีนี้พูดถึงการเลือกการทำบุญ
    ท่านว่า

    ของจำนวนหรือปริมาณเท่ากัน
    ให้ทานกับสัตว์เดียรัจฉานก็ได้บุญส่วนหนึ่ง
    ทำกับคนไม่มีศีลหรือโจรก็ได้ส่วนหนึ่ง
    ทำกับคนมีศีลก็ได้อานิสงส์มากขึ้นมาอีก
    ทำกับพระก็ได้บุญมากเพิ่มขึ้นอีก
    ทำกับพระอรหันต์ก็ได้ยิ่งมาก
    สรุปก็คือทำบุญกับผู้ยิ่งมีศีลมีธรรมมีความบริสุทธิ์มากเท่าไร เรายิ่งได้บุญมากขึ้นตามลำดับ

    ปล. อ่านแล้วไม่ใช่เลือกทำนะ คือว่าดูแล้วแต่โอกาส บางครั้ง คนที่เขาเดือดร้อนเราช่วยเหลือเท่าที่เราจะทำได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2008
  6. อมตนคร

    อมตนคร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +299
    การให้ทานเราก็ควรจะทําไม่ว่าจะได้บุญมากหรือน้อย แต่ว่าเมื่อเราได้ช่วยเหลือบุคคลอื่นเป็นประจําอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ให้อาหารสัตว์ เลี้ยงอาหารคน หรือ ตักบาตรพระ การทําทานแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและทํานุบํารุงพระศาสนา
    แต่ถ้าทั้งชีวิตจะทําแบบนี้อย่างเดียว บุญที่ได้จะน้อยกว่าคนที่ถวายสังฆทาน ถวายวิหารทาน ถวายธรรมทาน ถึงแม้คนที่ถวายทานทั้งสามแบบจะทําน้อยไม่กี่ครั้งก็ยังจะได้บุญมากกว่าคนที่ทําทานโดยให้สัตว์หรือคน หรือตักบาตรพระสงฆ์ที่ทําเป็นประจําเสียอีก
    ดังนั้นผู้ที่ต้องการสร้างอริยทรัพย์ให้ได้มากๆก็ควรจะเลือกทําบุญแบบที่ได้บุญมากไว้ด้วยควบคุ่กับการทําบุญสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยากที่อาจจะได้บุญน้อยแต่เราก็ทําเพราะเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันเเละกันไม่ได้หวังผลว่าจะได้บุญมากหรือน้อย
    บุญที่ได้จะส่งผลให้ไปสวรรค์ในชั้นสูงๆขึ้นไปหากทานที่ทํานั้นเป็นทานที่ได้บุญมาก
     
  7. u n u n

    u n u n เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +163
    ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับ ผมเข้าใจทุกเหตุผลดี เพียงแต่ผมแค่มองเห็นในสังคมที่มันเลือกปฎิบัติ (เพียงอยากจะต้องการให้ทุกคนได้รับในสิ่งที่ดี ถึงจะไม่ควรก็ตาม)ไม่ว่าใครก็อยากได้รับในสิ่งดีๆๆ และโอกาส ขอบคุณมากครับ
     
  8. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    สังคมไทยคนที่มีเมตตาพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นมีเยอะ ขอทานตามสะพานลอยบางครั้งยังมีเงินมากกว่าเรา การทำบุญทำทานถ้าเราไม่เลือกคือทำไปตามโอกาสอำนวย ผลบุญที่ได้อย่างน้อยคือความสบายใจสุขใจที่ได้ให้ ในชาติหน้าผลบุญส่งท่านก็จะมีญาติมิตรบริวารเยอะ ทำไปเถอะถ้าทำได้
    แต่ถ้าจะทำบุญที่ได้อานิสงค์มากแล้วก็อย่างที่หลายท่านบอกนั่นแหละ ใครทำนาก็คงอยากทำนาดีๆที่ให้ผลผลิตสูงๆใช่ไหมล่ะ ท่านถึงเรียกพระสงฆ์ว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...