การสร้าง-การซ่อมแซม พระปฏิมากร รูปลักษณ์ ถาวรวัตถุในพระศาสนา และ อุปการะต่อการบำเพ็ญบารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465


    ...........กระทู้นี้ ตั้งเพื่อประโยชน์มหาศาลแก่ผู้ศรัทธาในพุทธบารมี

    หากใครมีเจตนาใด ผลวิบากก็ย่อมเป็นไปตามเจตนาที่ตนตั้งไว้แล้วนั้น.....



    " ผู้เบียดเบียน คนไม่เบียดเบียนตอบ ย่อมได้รับผล เหมือนศิลาที่ตกลงสู่บ่อก้นลึก

    ยึ่งผู้ได้รับการเบียดเบียนดำรงสภาวะจิตบริสุทธิ์เพียงใด วิบากกรรม ก็ทับทวีผลตามนั้น "





    วาจา ภาษา ถ้อยคำ ที่ยกมา แม้ตัดตอนจากพระไตรโดยทำให้อรรถะแปรเปลี่ยน อ้างอิงกิเลสตน
    แต่สภาวะใจที่ส่งออกแสดงไม่อาจปิด ตนย่อมรับวิบากทันทีเป็นปัจจุบันและต่อไปถึงเมื่อแตกกายทำลายขันธ์ "


    ใจเท่านั้น ของผู้กระทำ ที่ซื่อสัตย์ ต่อ ผลกรรมที่ตนจะได้รับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ธันวาคม 2014
  2. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559

    3.ผู้มีพลังจิตสูงทำการเสกเป่า ย่อมทำให้มีอานุภาพ มันเป็นอันตรายต่อพวกผี ปิศาจ เปรต เขาต้องทนทุกข์กับผลกรรมตัวเอง
    พอจะมาขอบุญ ขอความช่วยเหลือยังมาโดนอานุภาพเสกเป่า ถามท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ ท่านมิสงสารเขาเหล่านั้นหรือ?
    ไหนว่าท่านสร้างเมตตาบารมี เขาเหล่านั้นไม่ควรค่าที่จะได้รับเมตตาหรือ?

    ตามความคิดความเข้าใจของผม ของศักดิ์สิทธิ์ ของวิเศษ ทั้งหลายเหล่านี้ จะไม่ไปทำร้ายผี เปรต ปีศาจ ทั้งหลาย เพียงแต่เอาไว้ปกป้องรักษา คุ้มครอง ผู้ที่ครอบครองสวมใส่ ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย โดยไม่เกินกฏแห่งกรรม

    และป้องกัน เหล่าอสูร ผี เปรต ปีศาจ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่จะมาคอยทำร้าย ทำอันตราย
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    จะมีการหล่อ รัตนบัลลังค์

    องค์พระประธาน ประจำพระมหาเจดีย์ ( พระนั่งเมืองแก้ว )

    ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี


    คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2557


    ...เชิญร่วมบุญกุศล

    โดยเฉพาะ ผู้สร้างบารมีทางพระโพธิญาณ


    [​IMG]

    ภาพพระนั่งเมืองแก้ว (องค์จำลอง) องค์จริงสูงถึง 9.15 เมตรครับ สร้างด้วยสัมฤทธิ์พิเศษ จะอยู่ได้เป็นพันๆปี
     
  4. littleyogi

    littleyogi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
    "ตามความคิดความเข้าใจของผม ของศักดิ์สิทธิ์ ของวิเศษ ทั้งหลายเหล่านี้ จะไม่ไปทำร้ายผี เปรต ปีศาจ ทั้งหลาย เพียงแต่เอาไว้ปกป้องรักษา คุ้มครอง ผู้ที่ครอบครองสวมใส่
    ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย โดยไม่เกินกฏแห่งกรรม
    และป้องกัน เหล่าอสูร ผี เปรต ปีศาจ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่จะมาคอยทำร้าย ทำอันตราย"

    ถามผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ตามที่ได้ทราบกันมาว่า
    1. พระพุทธเจ้าทรงพระเมตตาประมาณมิได้ ความเมตตานี้ข้อยกเว้นกับพวกมิจฉาทิฐิด้วยหรือไม่?
    2. พระพุทธเจ้าทรงเป็นบรมครูผู้สอน เทวดา พรม มนุษย์ ทรงทรมาน ทรงสอน ชฎิล3พี่น้องผู้มีมิจจฉาทิฐิ ,อาฬวกยักษ์ ท่านพุทธภูมิคิดอย่างไร?
     
  5. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559

    สาธุ ครับท่าน (แอบยิ้ม) คำถาม ถามดี
    ที่เราตอบไป ตอบในความรู้สึกของพระเกจิทั้งหลาย คงจะทำนองนั้น
    แต่ตอบแบบพุทธภูมิ ก็จริงตามที่ท่านถาม ไม่ยกเว้น ไม่ลำเอียง เมตตาเท่าเทียมกัน

    แต่....พระพุทธองค์ทรงทรมานเหล่ามิจฉาทิฏฐิเหล่านั้น ทรมานด้วยเมตตา เพื่อเห็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ภายหน้าของเขาเหล่านั้น
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ...แค่ทำจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ก็ได้สุคติเป็นที่ไปได้

    [​IMG]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 ธันวาคม 2014
  7. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สาธุ สาธุ สาธุ.. ;aa2
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พิธีอัญเชิญเหล็กไหลวัชรธาตุครั้งที่ 2 เพื่อสร้างพระ "ชัยมงคลเลิศฤทธิ์"
    เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2557 เวลาประมาณเที่ยงคืน ณ ถ้ำต้นไทร จ.กระบี่ โดยอาจารย์นิกร พงค์หวาน พระอาจารย์วัง อาจารย์เอส @เทพบุตร ร่วมกตัญญูนะจ๊ะ และอาจารย์ยอด (อาจารย์เอสเป็นผู้สวดนำ) เพื่อเชิญวัชรธาตุมาหล่อพระบูชาขนาดตั้งแต่ 9 นิ้วขึ้นไป ครั้งนี้ได้มาประมาณ 4,500 กว่าองค์ หนักรวม 6 กิโลกรัม (ของถ้ำแรกอีก 700 เป็น 5200 องค์) ซึ่งก็เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ที่เชิญมาในครั้งเดียวมากที่สุด (ครั้งแรกโดยอาจารย์อำนวย ได้มา 3 กิโลกรัม) ขออนุโมทนาบุญแก่ผู้ที่ร่วมสร้างพระทุกท่าน อย่างไรก็ตามเรายังต้องอัญเชิญอีกหลายครั้ง เพื่อให้ได้วัชรธาตุมาจำนวนมากพอที่ตั้งใจไว้ (ถ้าสร้างได้ขนาด 19 นิ้วก็จะดีที่สุด)


    [​IMG]
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระพุทธเจ้า ไม่ได้โปรดคนมั่วไป ทุกๆที่ ถ้าไม่มีศรัทธา พระองค์จะหลีกไป ก็พวกปะทะปะระมัตประเภท นี้พระพุทธองค์ทรงหลีก ไม่ครบด้วย ไม่สั่งสอน ถ้าพระองค์ทรงเล็งเห็น ด้วยพระพุทธญาณ แม้มีทิฏฐิ พระองค์ใช้ฤทธิ์ สั่งสอน ให้เลื่อมใส แล้วสั่งสอน ไม่ใช่ว่า เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะสอนใครๆ ได้หมด ถ้าสอนได้หมด คงไม่ต้องมี พระโพธิสัตว์ อีกมากมาย ที่จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าหรอก แม้ พระญาณ ของพระพุทธองค์ ยังมองไม่ที่สิ้นสุด ของสัตว์โลกที่เกิดในภพภูมิเลย ต่อให้ พระโพธิสัตว์เกิดเต็มโลก ที่มีเมตตาต่อสัตว์ ก็ยังมิอาจ หยุด สัตว์ทุกสถานะลงได้หรอก


    เปรตญาติ พระเจ้าพิมพิศาล เป็นเปรตผ่านมา ๙๑ กัป เจอพระพุทธเจ้าตั้งหลายพระองต์ ยังช่วยไม่ได้เลย ให้รอญาติของเธอ ในสมัย พระพุทธเจ้าพระสมณโคดม ชื่อพระเจ้าพิมพิศาล ตกนรก มาแล้ว ตั้งแต่อเวจีโน่นแน่ะ จนมาเป็นเปรต เพราะ กินของสงฆ์ อาหารคราวหวาน หมูเห็ดเป็ดไก่ แค่เป็นเปรต อย่างเดียวก็ล่อเข้าไปแล้ว ๙๑ กัป พระพุทธเจ้า เป็นจอมพระอรหันต์ ยังช่วยไม่ได้ พระโพธิสัตว์ จะช่วยได้อย่างไร ฉนั้น มันต้อง ทำบุญกรรม ร่วมกันจึงจะโปรดได้ครับ เมื่อพุทธภูมิลา มันก็ง่าย ต่อการสอน เพราะบารมีสาวกมันล้นแล้ว


    ถ้าคน ไม่ได้สั่งสมอบรมมา หรือเกี่ยวเนื่องถึงกัน ให้สอนจนตัวตาย มันก็ไม่เอา คนกินเหล้า หนักๆ เอาขนม ไปให้มันกิน มันไม่ค่อยเอาหรอก เอาเหล้าไปให้มันๆชอบ รีบรับกระดกเลย ขอฝากท่าน ทั้งหลาย มองมุมกลับครับ อย่ามองด้านเดียว มองให้กว้าง มอง ๒ ด้าน และข้อสำคัญ สิ่งใด ที่เป็นประโยชน์ต่อ ส่วนรวม ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ ใครแตะต้อง เข้าแล้ว ถือว่าเป็นกรรมหนัก กลับเนื้อ กลับตัว กลับใจ ยังไม่สายครับ
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    คุณ @Prapad Janmani จะจัดส่งวัชรธาตุมาร่วมหล่อพระ "ชัยมงคลเลิศฤทธิ์" จำนวนประมาณ 800 องค์ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ



    [​IMG]
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ตอนนี้ วัชระธาตุ เกินพอที่จะสร้างองค๋์พระหน้าตัก 9 นิ้วแล้วครับ


    ....เปลี่ยนเป้าหมาย เป็นหน้าตัก 19 นิ้ว ใกล้เคียงองค์พระแก้วมรกต


    เพื่อให้เป็นพระปฏิมากรศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อีกองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 ธันวาคม 2014
  12. littleyogi

    littleyogi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +41
    ผมยังเชื่อมั่นว่า รูปปั้นไม่ใช่ตัวแทนพระพุทธเจ้าครับผม
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ได้มาแล้ววัชรธาตุจากพิธีที่ 3-4-5 เพื่อสร้างพระ "ชัยมงคลเลิศฤทธิ์" ขนาด 19 นิ้ว

    ครั้งนี้อัญเชิญโดยท่านอาจารย์ไข่เองเลย (อาจารย์ลำยูร คำนาค-) ซึ่งท่านเป็นปรมาจารย์ทางการอัญเชิญเหล็กไหลที่เป็นตำนานของยุคนี้ ท่านเคยบอกกับผมว่าท่านจะช่วยอัญเชิญวัชรธาตุมาเพื่อให้การสร้างพระครั้งนี้สำเร็จลงให้จงได้ ซึ่งท่านก็ทำสำเร็จแล้ว โดยท่านไปอัญเชิญวัชรธาตุได้มาจาก 3 ถ้ำ 3 พิธี คือที่ถ้ำเขากุน ถ้ำเขาหลักไก่ถ้ำหน้า และถ้ำเขาหลักไก่ถ้ำหลัง ทั้ง 3 ถ้ำอยู่ในเขตจ.สุราษฎร์ธานี รวมได้ทั้งหมด 24 กิโล ซึ่งตอนนี้ผมมีอยู่แล้ว 11 กิโล ก็รวมเป็น 35 กิโลพอดิบพอดีอย่างเหลือเชื่อ ก็เหลือแต่เพียงหาคนไปเอาวัชรธาตุจากอ.ไข่ที่สุราษฎร์มากรุงเทพเท่านั้น

    ครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณอาจารย์ Arjan Phyakh Hongtong (ในรูปใส่เสื้อขาว) ที่ได้ช่วยประสานงานกับอ.ไข่จนได้วัชรธาตุมาตามจำนวนที่ต้องการ และขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่ได้ช่วยกันทั้งปัจจัยและกำลังใจ รวมถึงบางท่านที่ได้จัดส่งวัชรธาตุมาให้ ขออนุโมทนาบุญทุกท่านนะครับ





    [​IMG]





















    https://www.facebook.com/grasib
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2014
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    ขอแจ้งข่าวดีครับ คุณ ประวัติ ปิวาวัฒนพานิช แจ้งเข้ามาว่าจะขอสร้างพระ "ชัยมงคลเลิศฤทธิ์" จำนวน 100,000 บาท เพื่อให้สามารถสร้างพระได้ในขนาด 19 นิ้วตามที่พวกเราตั้งใจครับ...ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    บูชาพระพุทธเจ้า ๒,๐๔๘,๑๐๙ พระองค์

    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/80kxSYIkXv4?&autoplay=1&rel=0&amp;showinfo=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>




    ...........................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2014
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]




    พระพุทธเจ้าองค์ต้นฯ ทรงตรัสว่า "ของศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ บังเกิดขึ้นครั้งแรก ในโลก "

    ------------------------------------------------------------------------------------------

    ทำไม พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ) จึงศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพมาก

    ในสมัยที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ผลิต “พระผงวัดปากน้ำ” หรือที่เรียกกันว่า “พระของขวัญ” ออกมา 3 รุ่น รุ่นละ 84,000 องค์ ซึ่งร่วมทั้ง 3 รุ่นก็มีจำนวนมากถึง 252,000 องค์ เนื่องจากพระของขวัญของหลวงปู่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว จึงมีผู้คนจำนวนมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ไปรับพระของขวัญของหลวงปู่ที่วัดปากน้ำด้วยตนเอง

    หลวงปู่มีดำริให้สร้างพระของขวัญขึ้น เพื่อหาทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งท่านจะมอบให้กับญาติโยมที่มีกุศลศรัทธาร่วมบริจาคเงินทำบุญตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไป เพื่อไว้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงบุญ ซึ่งพระผงที่สร้างขึ้นนี้ จะเป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปางปฐมเทศนา ด้านหลังจารึกอักษรขอมว่า “ธรรมขันธ์” และหลวงปู่ตั้งชื่อว่า “พระของขวัญ”

    พระของขวัญ เป็นพระผงที่มีส่วนผสมของดอกไม้หอมที่ใช้บูชาพระประจำเช้า – เย็น เช่น ดอกมะลิ, ดอกบัว, เกสรดอกไม้ ซึ่งนำมาตากแห้ง แล้วป่นผสมกับแป้ง และที่สำคัญจะมีเส้นเกศาของหลวงปู่ผสมอยู่ด้วย ซึ่งหลังจากผสมเสร็จแล้ว จะนำมาปั้นเป็นก้อน แล้วอัดเป็นบล็อกออกมา พระของขวัญนี้ หลวงปู่จะมอบให้ 1 องค์ ต่อ 1 คน เท่านั้น ไม่ว่าใครจะทำบุญมากขนาดไหน ก็จะได้เพียงแค่องค์เดียว อีกทั้งยังฝากรับแทนกันไม่ได้ หรือแม้รับไปแล้ว หากทำหายไป จะมารับใหม่ก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะหลวงปู่กล่าวว่า “พระของขวัญแต่ละองค์นั้น มีเจ้าของหมดแล้ว” ซึ่งก็หมายถึงว่า หลวงปู่ได้คำนวณเอากายละเอียดของผู้ที่ทำบุญกับท่านมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน มาซ้อนในกลางพระของขวัญด้วยวิชชาธรรมกาย แล้วเชื่อมให้ติดกัน (จะเข้าใจเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อได้นั่งสมาธิ จนเข้าถึงพระธรรมกายภายใน และได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย)

    การรับพระของขวัญ ต้องรับจากมือหลวงปู่ จึงจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะเวลาหลวงปู่มอบให้ ท่านจะใช้วิชชาธรรมกาย บรรจุพระของขวัญซ้อนติดลงไปในศูนย์กลางกายของผู้รับด้วย และเมื่อบรรจุแล้ว พระนิพพานก็จะซ้อนความศักดิ์สิทธิ์ผ่านพระของขวัญซึ่งเป็นเสมือนสื่อ ไปยังผู้เป็นจ้าของพระของขวัญ แล้วจะบันดาลให้ความปรารถนาของเจ้าของพระ สำเร็จได้โดยง่าย สาเหตุที่พระของขวัญของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพอันไม่มีประมาณได้นั้น เป็นเพราะหลวงปู่ได้กราบทูลพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าทั้งหมดว่า จะผลิตของขวัญเอาไว้ให้สำหรับผู้มีบุญที่ได้ทำบุญสร้างโรงเรียนพระปริยัติขึ้นมา โดยหลวงปู่ได้ขออาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ไม่ว่าจะมีมากน้อยเพียงใด ทั้งที่เข้านิพพานไปแล้วตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ หรือเข้านิพพานไปเก่าๆแก่ๆ มีธาตุธรรมแก่ๆ กายใหญ่โตสวยงาม มีอานุภาพมาก มีพลังบุญพลังบารมีมาก โดยไม่ซ้ำธาตุ ไม่ซ้ำธรรม ไม่ซ้ำพระพุทธเจ้า กล่าวคือ เมื่อหลวงปู่อาราธนามาชุดหนึ่ง ท่านก็เอาพลังบุญ พลังบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด เอาบุญศักดิ์สิทธิ์ มาทำความศักดิ์สิทธิ์ให้บังเกิดขึ้นกับพระของขวัญ โดยทำตลอดต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนถึงวันออกพรรษา

    ผู้รับพระของขวัญองค์แรก ก็คือ หลวงปู่วัดปากน้ำ โดยท่านต้องทำบุญสร้างโรงเรียนพระปริยัติก่อน เพราะหลวงปู่ถือว่าพระของขวัญนี้เป็นของพระนิพพาน ท่านเป็นเพียงผู้ควบคุมดูแลในการผลิตเท่านั้น ดังนั้น ก่อนจะรับพระของขวัญ ท่านจึงร่วมทำบุญด้วยตนเอง 25 บาท แล้วรับไว้ 1 องค์ เป็นองค์ปฐม หรือเป็นองค์แรก จากนั้นพระ – เณรในวัดและเจ้าภาพที่ทำบุญตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไปก็รับเป็นองค์ต่อๆไป ที่สำคัญ เมื่อมีผู้รับพระของขวัญไปแล้ว หลวงปู่ก็ยังคุมทีมงานทำวิชชาให้ทำความละเอียด ทับทวีความศักดิ์สิทธิ์ให้เกิดขึ้นกับพระของขวัญอย่างตลอดต่อเนื่อง ตลอดวันตลอดคืน เพื่อให้พระของขวัญศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป กล่าวคือ เมื่อพระของขวัญไปอยู่กับบุคคลใดแล้ว ก็ให้ไปบันดาลให้เขาสมความปรารถนา ให้ไปปกปักรักษาชีวิตและทรัพย์สินของเขา เมื่อเวลาที่เขาจะเดินทางไปเหนือล่องใต้ โดยทางรถ ทางเรือ หรือไปด้วยยวดยานพาหนะอันใด ก็ขอให้เขาอย่ามีเหตุเภทภัย ให้มีปาฏิหาริย์ไม่ซ้ำปาฏิหาริย์

    หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ที่ได้พระของขวัญไป จะมีสมบัติติดตัวพันล้าน ซึ่งการที่ท่านเปรียบเทียบอย่างนี้ เพราะการถวายปัจจัย 25 บาทเพื่อสร้างโรงเรียนพระปริยัติในช่วงนั้น เป็นการทำบุญถูกเนื้อนาบุญ กล่าวคือ ถูกองค์พระธรรมกายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน เพราะได้ทำกับหลวงปู่และบรรดาผู้ที่เข้าถึงพระธรรมกายโดยตรง ดังนั้น แม้จะทำบุญจำนวนน้อย เวลาบุญส่งผลก็จะได้มาก และแม้ทำบุญจำนวนมาก เวลาบุญส่งผล ก็จะได้มากยิ่งๆขึ้นไปเป็นทับทวี เหมือนบัณฑิตในกาลก่อนที่ได้ถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียว เวลาบุญส่งผล ก็ทำให้เขาได้เป็นถึงพระเจ้าจักรพรรดิ มีสมบัตินับอนันต์ นับภพนับชาติไม่ถ้วนเลยทีเดียว

    แม้ว่าในบางครั้ง หลวงปู่อยากจะให้พระของขวัญแก่ผู้ใดเป็นการส่วนตัว ท่านก็ยังต้องให้ผู้นั้นบริจาคปัจจัยทำบุญสร้างโรงเรียนพระปริยัติให้แก่วัดเหมือนกัน เพราะท่านถือว่า ท่านผลิตพระของขวัญออกมาก็เพื่อวัด มิใช่ทำเพื่อส่วนตัว ดังนั้น จึงมอบพระของขวัญให้ผู้ใดไปเปล่าๆไม่ได้ ที่สำคัญหลวงปู่ยังประกาศไม่ให้ใครนำพระของขวัญออกไปแจกนอกวัด ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่ง สมเด็จป๋า (พระสังฆราชองค์ที่ 17) พูดกับหลวงปู่ว่า จะขอพระของขวัญจากหลวงปู่ เพื่อเอาติดตัวไปตามหัวเมืองต่างๆ และเมื่อใครต้องการ ก็จะให้เป็นของขวัญแก่เขา หลวงปู่ได้กล่าวว่า “ทำอย่างนั้นไม่ได้ พระของเรามีคุณภาพจริง ผู้อยากได้ต้องมาเอาเอง ถ้าเอาไปอย่างนั้น ของดีก็กลายเป็นของเก๊ ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส” และท่านยังพูดแถมท้ายอีกว่า “อย่ากลัวเลย...แปดหมื่นสี่พันองค์ 2 หน ก็ไม่พอแจก” ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่หลวงปู่พูดไว้ไม่มีผิด ทั้งๆที่ทางวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไม่ได้ทำใบปลิวแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์อะไรใหญ่โตเลย แต่เมื่อผู้ที่รับพระของขวัญจากหลวงปู่ไปแล้ว ได้เจออานุภาพและเรื่องราวความมหัศจรรย์อย่างเหลือเชื่อ ก็ทำให้ข่าวความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญแพร่สะพัดกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีผู้คนข้ามน้ำข้ามทะเล เหมารถ เหมาเรือ พากันมาจากต่างจังหวัด จากต่างประเทศ เพื่อไปขอรับพระของขวัญกันอย่างเนืองแน่นประดุจวัดปากน้ำมีงานมหรสพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันวิสาขบูชา มีคนเดินทางไปรับพระของขวัญมากถึง 1,500 คน จนทำให้หลวงปู่ต้องย้ายสถานที่มอบพระของขวัญไปที่พระอุโบสถ โดยจัดระบบระเบียบในการมอบพระของขวัญใหม่ โดยหลวงปู่ได้จัดให้มีพระภิกษุคอยจัดคนเข้า – ออกจากพระอุโบสถ คนละประตู คือ ประตูหน้าเป็นทางเข้าไปรับพระ และเมื่อรับแล้วให้ไปออกทางประตูหลัง อีกทั้งในแต่ละรอบของการรับพระ หลวงปู่จะให้คนทยอยเข้ามาจนเต็มพระอุโบสถก่อน จากนั้นท่านก็สั่งปิดประตู เมื่อสาธุชนทยอยกันรับไปเรื่อยๆจนคนในพระอุโบสถเริ่มน้อยลงแล้ว หลวงปู่จึงจะสั่งให้เปิดประตูรับคนเข้าไปใหม่ ในวันหนึ่งๆ หลวงปู่จะอธิบายให้ผู้ที่จะรับพระของขวัญได้ทราบถึงวิธีอาราธนาพระของขวัญเป็นร้อยๆรอบ ซึ่งแต่ละรอบ ท่านยังเล่าถึงอานุภาพของพระของขวัญที่มีคนรับไปแล้วได้ประสบกับตัวเอง ดังนี้

    “บัดนี้ ท่านทั้งหลายทั้งหญิงและชายได้เสียสละเวลาให้เป็นส่วนของพระพุทธศาสนาโดยตรง มาสมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติ ที่ท่านได้เสียสละโลกิยทรัพย์สร้างโรงเรียนพระปริยัติอย่างนี้ ได้ชื่อว่าทำถาวรวัตถุไว้ในพระพุทธศาสนา เรียกว่าเป็นศาสนสมบัติให้ศาสนาแล้ว ท่านผู้สร้างสมบัติให้ศาสนานั่นแหละ จักเป็นเหตุที่ตั้งให้มีสมบัติไม่รู้จักสิ้นเสื่อม เหตุนี้ ท่านทั้งหลายที่ได้เสียสละทรัพย์ลงไปแล้ว 25 บาท 30 บาท 50 บาท ตามศรัทธาของตนที่สละลงไปนั้น ได้ชื่อว่าทำผลถาวรให้แก่เจ้าของทรัพย์นั่นเอง ซึ่งจะได้รับผลต่อไปในภายภาคหน้าที่ฝากไว้ในพระพุทธศาสนาเช่นนี้ ไม่เสื่อมทรามนับชาติไม่ถ้วน เพราะท่านบริจาคของ ท่านสละทรัพย์ จะส่งผลให้ท่านในมนุษย์ก็จะส่งผลของมนุษย์ให้ ในทิพย์ก็จะส่งผลที่เป็นทิพย์ให้ ในกามภพนี้จะได้สบสมบัติในภายหน้านับประมาณไม่ได้ เหตุนี้ดังนี้ ท่านทั้งหลายได้เป็นผู้อุปถัมภ์พระศาสนาเช่นนี้ ฝ่ายทางพระศาสนาที่ได้รับสมบัติของท่าน ก็จะมีของตอบแทนแก่ท่าน คือ ของศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเราทั้งหลายยังไม่เคยพบเคยเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ อาจจะเป็นได้จริงหรือคาดคะเนไม่ถูก

    ผู้พูดนี้เอง( หลวงพ่อวัดปากน้ำ(สด จันทสโร))เป็นผู้อาราธนาพระพุทธเจ้าในนิพพาน มีธรรมกายมากด้วยกัน ได้ไปอาราธนาพระพุทธเจ้ามานับพระนิพพานไม่ถ้วน นับอสงไขยก็ไม่ถ้วน มาผลิตของขวัญนี้ให้ปรากฏขึ้นในมนุษย์ ธรรมกายในมนุษย์นี้ก็ได้เข้าสมทบด้วย ดูแลการงานนั้นๆ ท่านทำอย่างไร ก็ทำไปตามท่าน พระพุทธเจ้าท่านจัดแจงทำทั้งนั้น ตั้งแต่วันเข้าพรรษาจนกระทั่งถึงวันออกพรรษา วินาทีหนึ่งมิได้หยุดเลย ท่านกระทำความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน พอออกพรรษาแล้ว

    .....พอได้อรุณก็สำเร็จด้วยความประสงค์ของท่านในการผลิตของขวัญ องค์ต้นทรงรับสั่งว่า ....“ของศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก”...... แล้วก็หับพระโอษฐ์ทีเดียว เมื่อรับสั่งดังนี้แล้ว เราก็คำนวณว่า ศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ไหน คำนวณไม่ถูก

    ผู้พูดนี้ก็ได้ลงมือแจกในวันแรม 6 ค่ำ เป็นวันเกิดของผู้พูดนี้ ได้แจกของขวัญออกไป อัศจรรย์ต่างๆ ความศักดิ์สิทธิ์ของของขวัญนั้น ผู้ที่ได้รับไปแล้ว นางเขียว บางไผ่ เป็นผู้หญิงอายุ 80 กว่า ได้รับพระเอาไปแล้วเอาไปไว้บนหลังมุ้ง พอค่ำลงเท่านั้นเปล่งรัศมีสว่างเต็มบ้านเต็มช่อง พากันตกตะลึงเพราะไม่รู้เรื่องอะไรกัน ทะเลิ่กทะลั่กไปตามกันพักใหญ่นานอยู่ แล้วแสงนั้นก็ค่อยโทรมลงไป โทรมลงไป ก็มารวมอยู่ที่สว่างหลังมุ้ง นางเขียวก็รู้ว่าพระของขวัญเอาไว้ที่นั่น แสงสว่างนี้ออกจากพระของขวัญนั้นเอง แต่เช้าเชียวมาหาผู้พูดนี้ บอกว่า “ท่าน...เมื่อคืนนี้แสงสว่างเกิดที่บ้านดิฉัน พระท่านเปล่งรัศมีสว่างเชียว เดิมทีก็ไม่รู้ว่าอะไร แล้วก็มารวมอยู่ที่พระ จึงรู้ว่าพระ” รูปร่างนางเขียวเมื่อวันมารับพระของขวัญนั้น มีโรคภัยไข้เจ็บเป็นประจำอยู่ คืนเดียวเท่านั้น เวลามาบอกตอนเช้า ร่างกายเปล่งปลั่งไปหมด แปลกกว่าปกติเดิมทีเดียว ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาไปหมด ดูสะอาดสะอ้าน มีผิวพรรณวรรณะ เขารู้สึกว่าของขวัญนี้อัศจรรย์ แปรชั่วเป็นดีได้ขนาดนี้เชียวหนอ เรารู้สึกว่า ศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่นี้แลหรือ”

    ผู้ที่ได้รับพระของขวัญไปบูชาคล้องติดตัว ต่างได้เจออานุภาพพระของขวัญกันมากมายหลายแบบ ซึ่งบางคนก็เจอพระของขวัญของตัวเองพูดได้ กล่าวคือ เวลามีเหตุเภทภัย พระของขวัญจะเปล่งเสียงเตือนเจ้าของให้ไปทางโน้นทางนี้ จนกระทั่งรอดปลอดภัย หรือวันดีคืนดี วันขึ้น 15 ค่ำ อยู่ๆพระของขวัญก็แสดงอานุภาพให้เจ้าของเห็นโดยการลอยขึ้น แล้วเปล่งรัศมีเป็นแสงขาวนวลเท่าลูกมะพร้าวลอยออกไป และพอถึงเวลาก็ลอยกลับคืนมา หรือบางคนได้เจออานุภาพ ทำมาค้าขึ้น ร่ำรวยจนตัวเองแปลกใจ หรือบางคนตกต้นตาลสูงๆแล้วไม่เป็นอะไรก็มี หรือบางคนประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก คนอื่นตายหมด แต่ตัวเองกลายเป็นคนเดียวที่รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงโดยคนรอบข้างที่ไปด้วยกันเสียชีวิตหมด แต่ตัวเองซึ่งแขวนพระของขวัญติดตัวกลับรอดชีวิตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่ออกรบในสมัยสงครามเกาหลี

    หลวงปู่ได้เล่าว่า “ที่เขาเล่าในทางเกาหลี ทหารอังกฤษ อเมริกัน ทหารฝรั่งกำลังคุยกันอยู่ มีทหารไทยอยู่บ้าง ลูกระเบิดทำลายมันตกลงกลางประชุมกำลังคุยกันอยู่นั้น ปึงเดียวเท่านั้นตายหมด เหลือไทยคนเดียวมีพระของขวัญอยู่ในตัว ฝรั่งให้เหรียญกล้าหายแก่ไทยคนนั้นยังปรากฏอยู่ นี่คือความศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น”

    เรื่องอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญนี้ หนังสือพิมพ์บางกอกไทม์ ปีที่ 6 สัปดาห์ที่ 280 วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2503 ได้เสนอข่าวตีพิมพ์จดหมายของ สิบตรี วาสนา อาคมวัฒนะ แห่งกรมผสมที่ 21 ที่เขียนมาจากเกาหลี ซึ่งได้เล่าถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญที่ตนและเพื่อนอีกคนหนึ่งได้รับไปจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ความว่า “กระสุนปืนใหญ่ของข้าศึกยิงถูกคลังกระสุน ไฟไหม้ถังน้ำมันจนเกิดเป็นแสงอร่ามไปทั่ว ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในที่นั้นต้องกระจัดกระจายไป ปืนและเครื่องเหล็กละลายไปกับกองไฟใหญ่นั้น เพื่อนทหารคนหนึ่งทิ้งห่อพระไว้ ตอนสายๆเพลิงค่อยสงบลงจึงรีบรุดไปยังที่นั่นกัน ก็เห็นพระอันน่าประหลาดที่ห่อผ้าเช็ดหน้าแขวนเด่นอยู่กับเสาเหล็กเป็นที่ประหลาดใจแก่ทหารทั้งหลายเป็นอันมาก เพราะแม้แต่เหล็กก็ยังละลาย แต่ผ้าขาวที่ห่อพระไม่ได้ลงเลขยันต์อะไร กับพระอีกองค์หนึ่ง ยังคงอยู่ในสภาพปกติ มิได้เสียหายเลย เป็นพระเครื่องวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ อีกทั้งตนเองนั้นก็รอดตายจากสมรภูมิหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากมีการยิงขนาดเผาขนกันไม่เว้นแต่ละวัน ก็รอดมีชัยมาได้ทุกครั้ง บางครั้งอยู่ในวิถีปืนที่ยิงมาอย่างหนัก ถ้าไม่มีโอกาสเพ่งศูนย์กลางตัว ก็เพียงภาวนาดังกล่าว และระลึกถึงอาจารย์ คือ หลวงปู่ ก็พอแล้ว สามารถคุ้มกันได้และพลอยคุ้มกันเพื่อนฝูงไปได้อีกด้วย”

    ข้อมูลเบื้องต้น พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ)

    พระของขวัญวัดปากน้ำ เป็นพระผง ขนาดเล็ก ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้สร้างขึ้น มีทั้งหมด 3 รุ่น ด้วยกัน คือ รุ่น 1 รุ่น 2 และ รุ่น 3 พระของขวัญแต่ละรุ่นดังกล่าวนี้ หลวงปู่กระทำให้สำเร็จขึ้นมาด้วยวิธีเจริญสมาธิภาวนา ตามหลักวิชาธรรมกาย ขนาดองค์พระโดยประมาณ กว้าง 1.4 เซตติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร หนา 4 – 6 มิลลิเมตร
    พุทธลักษณะ เป็นพระนั่งสมาธิราบ ปางปฐมเทศนา องค์พระนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดแหลม ด้านหลังองค์พระเป็นอักขระขอม อ่านว่า “ธรรมขันธ์”
    ส่วนผสมมีหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นดอกมะลิแห้งที่บดละเอียดแล้ว, เส้นเกศาของหลวงปู่ และผงวิเศษที่หลวงปู่ทำขึ้นอีกส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมอื่นๆอีกตามส่วน โดยได้นำเอาส่วนผสมดังกล่าว มาโขลกตำจนละเอียดเข้ากันดีแล้วจึงได้นำมาพิมพ์ (พระของขวัญ รุ่น 2 และรุ่น 3 ก็ใช้กรรมวิธีเดียวกัน)


    พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ) รุ่น 1



    พระของขวัญ รุ่น 1

    สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2493 จำนวน 84,000 องค์ (เท่ากับจำนวนของพระธรรมขันธ์) เริ่มพิมพ์ขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือน 7 (จันทรคติ) ก่อนเข้าพรรษา 1 เดือน หลังจากนั้น หลวงปู่ได้เริ่มทำพิธีบรรจุพุทธานุภาพตามหลักวิชชาธรรมกายตลอดพรรษา (ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) และได้เริ่มแจกในวันแรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีเดียวกัน ในอภิลักขิตสมัยคล้ายวันเกิดของท่าน ณ พระอุโบสถ วันปากน้ำ ภาษีเจริญ จนกระทั่งหมดลงเมื่อ ปี พ.ศ.2497

    พระของขวัญ รุ่น 1 นี้ มีแม่พิมพ์ทั้งหมด 10 แม่พิมพ์ ทำขึ้นจากทองเหลือง โดย หลวงภูมินาถสนิท (สืบ ตังครัตน์) ได้ให้ช่างแกะนำมาถวายหลวงปู่ เป็นแม่พิมพ์สี่เหลี่ยม ลักษณะขององค์พระทั้ง 10 พิมพ์ จะเหมือน หรือคล้ายกัน จะแตกต่างกันในด้านรายละเอียดของใบหน้า, การทอดแขน, การวางมือ และส่วนต่างๆขององค์พระ

    พระของขวัญ รุ่น 1 มีทั้งที่เคลือบทาเชลแล็กและที่ไม่ได้เคลือบทาเชลแล็ก (ส่วนมากจะไม่ได้เคลือบทาไว้ ที่เคลือบทาเชลแล็กในรุ่นนี้ จะมีบ้างก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้น) เนื้อขององค์พระส่วนใหญ่ จะฟูยุ่ย ไม่ค่อยแน่นคงทน แต่ที่เนื้อแข็งแน่นก็มีด้วยเช่นกัน สีของเนื้อองค์พระโดยทั่วไปจะเป็นสีขาว, สีนวล หรือสีขาวอมเหลือง อีกทั้งที่เป็นสีคล้ายสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอ่อน ก็มีเหมือนกัน

    จุดสังเกต: เส้นม่านมีข้างละ 13 เส้น, พระกรรณข้างขวาขององค์พระจะยาวกว่าข้างซ้าย, พระโอษฐ์เม้ม นูนหนา กว่าพิมพ์อื่นๆ, มีเส้นพระศอสองเส้น, สังฆาฏิเป็นแผ่นแบน, มีเส้นพิมพ์แตกตรงปลายพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) ด้านซ้าย, พระบาทซ้ายขององค์พระจะสั้น กลืนหายไปไม่เห็นฝ่าพระบาท



    พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ) รุ่น 2



    พระของขวัญ รุ่น 2

    สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2494 (หลังจากที่สร้างพระของขวัญรุ่น 1 ได้เพียงปีเดียว) จำนวนที่สร้าง 84,000 องค์ มาเริ่มแจกในปี พ.ศ.2497 และได้หมดลงในปี พ.ศ.2505 (ภายหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว) ใช้แม่พิมพ์รุ่น 1 ทั้ง 10 พิมพ์ กรรมวิธีและส่วนผสมอย่างเดียวกันกับรุ่น 1 เนื้อของพระรุ่น 2 จึงไม่แตกต่างจากรุ่น 1 มีความใกล้เคียงกัน กล่าวคือ เนื้อขององค์พระจะไม่แน่น ฟูยุ่ยพอๆกัน ดังนั้น ในรุ่น 2 นี้ ทางวัดปากน้ำได้เคลือบทาเชลแล็กไว้ทั้งหมด เพื่อรักษาเนื้อขององค์พระไว้ให้คงทน

    หมายเหตุ: พระของขวัญที่นำมาแจกภายหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพแล้ว มีอยู่รุ่นหนึ่ง เรียกกันว่า “รุ่นตกค้าง” พระรุ่นตกค้าง คือ พระของขวัญรุ่น 1 และรุ่น 2 ที่เรียกว่า “ตกค้าง” เพราะว่าเหลือ หรือตกค้างอยู่ มิได้นำออกมาแจก ภายหลังจากที่หลวงปู่ได้มรณภาพแล้วจึงได้นำออกมาแจก สาเหตุเนื่องจากพระรุ่นตกค้างนี้เป็นพระที่มีพิมพ์ไม่สมบูรณ์, ไม่สวยงาม กล่าวคือ พิมพ์จะตื้น หรืออาจบิดเบี้ยวไปบ้าง ในการแจกพระของขวัญนั้น หลวงปู่จะไม่แจกพระผงที่ชำรุดเหล่านี้ออกไป ท่านสั่งให้คัดพระผงเหล่านี้ออกเสียแล้วเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งต่างหาก ภายหลังจากที่หลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว จึงได้นำพระผงดังกล่าวนี้ออกมาจ่ายแจก คนทั่วไปจึงนิยมเรียกกันต่อๆมาว่า “รุ่นตกค้าง” (พระรุ่นตกค้างเหล่านี้ได้ผ่านพิธีบรรจุพุทธานุภาพตามหลักวิชชาธรรมกาย โดยสมบูรณ์ทุกประการ)



    พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ) รุ่นตกค้าง



    พระของขวัญ รุ่น 3

    สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2499 มีจำนวน 84,000 องค์ โดยได้ทำพิธีบรรจุพุทธานุภาพตามหลักวิชาธรรมกาย โดยหลวงปู่จนกระทั่งตลอดอายุ ภายหลังจากที่ท่านได้มรณภาพได้แล้วถึง 3 ปี ทางวัดจึงได้นำพระรุ่น 3 นี้มาให้ประชาชนได้เช่าบูชา กล่าวคือ ได้เริ่มนำออกจ่ายแจกตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 เป็นต้นมาจนกระทั่งหมดลงในปี พ.ศ.2514 เพราะเหตุที่พระของขวัญรุ่น 3 นี้ได้นำออกมาแจกในภายหลังจากที่หลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว จึงทำให้มีผู้เข้าใจผิดคิดว่าพระรุ่น 3 นี้หลวงปู่มิได้เป็นผู้สร้างขึ้น

    พระของขวัญรุ่น 3 นี้ในการพิมพ์ระยะแรกนั้นได้ใช้แม่พิมพ์รุ่น 1 ทั้ง 10 พิมพ์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่เมื่อพิมพ์ไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ต้องเปลี่ยนแก้ไขแม่พิมพ์ใหม่ เนื่องจากแม่พิมพ์รุ่น 1 ทั้ง 10 พิมพ์ ได้ใช้งานมามากแล้วถึง 2 รุ่น ด้วยกัน จึงทำให้แม่พิมพ์ดังกล่าวเหล่านี้ตื้น องค์พระที่ได้จึงรางเลือนไม่คมชัด ดังนั้น ทางวัดโดย พระภาวนาโกศลเถร (ธีระ คล้อสุวรรณ) ซึ่งได้รับมอบหมายจากหลวงปู่ให้เป็นผู้ดำเนินการพิมพ์ในครั้งนั้น ได้นำแม่พิมพ์ดังกล่าวเหล่านี้ไปให้ช่างตบแต่งแก้ไขใหม่ เพื่อให้แม่พิมพ์มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ดังนั้น แม่พิมพ์ที่ตบแต่งแก้ไขใหม่กับแม่พิมพ์เก่าจึงมีลักษณะที่แตกต่างกัน กล่าวคือ แม่พิมพ์เก่าที่ใช้พิมพ์ในคราวแรกนั้นมักนิยมเรียกกันว่า “พิมพ์ตื้น” ส่วนแม่พิมพ์ที่ตกแต่งแก้ไขขึ้นมาใหม่ มักนิยมเรียกกันว่า “พิมพ์ลึก” หรือ “พิมพ์นูน” เพราะว่าองค์พระจะนูนเด่นชัดเจน พระของขวัญรุ่น 3 นี้ จึงแยกแม่พิมพ์ออกได้เป็นสองชุดใหญ่ๆ คือ

    แม่พิมพ์ชุดแรก พิมพ์ตื้น (แม่พิมพ์เก่า)

    ใช้แม่พิมพ์รุ่น 1 ทั้ง 10 พิมพ์ องค์พระจะเหมือนกับพระรุ่น 1 ทุกประการ แต่จะสามารถสังเกตความแตกต่างกันได้ก็ตรงที่เนื้อและขนาดขององค์พระ (ส่วนผสมต่างๆของพระรุ่น 3 นี้ ก็เป็นอย่างเดียวกันกับรุ่น 1 และรุ่น 2 แต่ได้เพิ่มส่วนผสมต่างๆที่เป็นตัวประสานเนื้อขององค์พระไว้มากกว่าเดิม อย่างเช่น น้ำมันตั้งอิ๊ว และกล้วยน้ำว้า เป็นต้น เพื่อให้เนื้อขององค์พระมีความแน่นเหนียวกว่าสองรุ่นแรก สีเนื้อขององค์พระส่วนใหญ่จะเป็นสีเหลือง, สีขาวนวล, สีน้ำตาลอ่อน และสีคล้ำๆ ส่วนขนาดของพระรุ่น 3 จะเล็กกว่าและตื้นกว่ารุ่น 1และรุ่น 2)



    พระผงวัดปากน้ำ (พระของขวัญ) รุ่น 3 (ซ้าย) พิมพ์ตื้น (ขวา) พิพม์นูน



    แม่พิมพ์ชุดหลัง พิมพ์นูน (แม่พิมพ์ตกแต่งแก้ไขขึ้นใหม่)

    แม่พิมพ์ชุดหลัง หรือพิมพ์หลัง เป็นแม่พิมพ์ที่ได้ตกแต่งแก้ไขขึ้นใหม่จากตัวแม่พิมพ์เดิม และมี 10 พิมพ์เช่นเดียวกัน แต่พระของขวัญจากแม่พิมพ์ที่ตกแต่งแก้ไขใหม่นี้ องค์พระจะอวบอ้วนสมบูรณ์ นูนเด่นชัดมาก พุทธลักษณะทั่วไปของพระของขวัญ รุ่น 3 พิมพ์หลังนี้ เป็นพระนั่งสมาธิราบ องค์พระประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดแหลม พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นเสมอพระอุระ ข้างซุ้มทั้งสองด้านมีเส้นม่านเป็นขีดๆเรียงกันเป็นลำดับลงมา ฐานองค์พระเป็นบัวสองชั้น ลักษณะของกลีบบัวจะเป็นเส้นขีดๆเรียงกัน ด้านหลังองค์พระพิมพ์เป็นอักขระขอมอ่านว่า “ธรรมขันธ์” อักขระด้านหลังนี้ลักษณะของตัวอักขระจะแตกต่างจากรุ่น 1 ขนาดของพระโดยประมาณทั้ง 10 พิมพ์นี้ จะกว้าง 1.3 เซนติเมตร ยาว 1.9 เซนติเมตร หนา 6 มิลลิเมตร

    อ้างอิง :

    หนังสืออานุภาพหลวงปู่...ยุคต้นวิชชา
    พระของขวัญ วัดปากน้ำ พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ.2539
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    การปั้นพระภายนอก และ ภายใน

    การปั้นพระภายนอกและภายใน

    การฝึกปั้นพระเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หยุดคิดชั่ว
    ขณะหนึ่ง ชั่วขณะที่ได้ตั้งใจทำพระให้เสร็จ ให้ได้แบบ ให้ได้
    รูป ให้สวยงาม ในขณะที่ทำก็จะได้อานิสงส์คือ พุทธานุสติ
    เมื่อมีองค์พระแบบที่ต้องการ กดพิมพ์พระให้สมบูรณ์ก็จะระลึก
    ถึงพระพุทธเจ้า การทำพระให้เป็นนี้เป็นกุศโลบายที่ทำให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่ขัดข้อง ใจที่คิดโน่นคิดนี่ ให้ได้หยุด ได้
    นิ่ง ได้ใส มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งในขณะที่ทำ ขณะที่ทำให้
    ระลึกอยู่เสมอว่า ต่อไปนี้จะตั้งใจกดพิมพ์พระปั้นพระ พระใน
    กาย พระในใจของเราให้ได้รูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด จิตของลูก
    ให้หมดสิ้นในกามรมณ์ให้หมดสิ้นในโทสะ ให้หมดสิ้นในโมหะ
    ความหลง จะตั้งจิตตรงต่อพระนิพพานเป็นที่พึ่ง ชีวิตเป็นของ
    ไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขึ้นมา
    แล้วก็ต้องเป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย แต่ถ้ากิเลส
    ของเรายังไม่หมด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่มีความ
    ทุกข์ ความสุขเจือปนอยู่ หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้ ตราบใดมี
    การเกิดก็ย่อมมีทุกข์

    ฉะนั้นในขณะที่ปั้นพระให้ตั้งจิตแน่วตรงต่อพระนิพพานว่า
    ชาตินี้ให้พอเสียที เกิดทุกชาติก็ตายทุกชาติ เกิดแล้วตาย เกิด
    แล้วตายวนเวียนกันอยู่เช่นนี้ ทำอารมณ์จิตให้นิ่งให้หยุด ให้
    พิจารณาถึงพระนิพพานเป็นที่ตั้ง ให้กำหนดอารมณ์พระนิพพาน
    ขึ้นที่ศูนย์กลางกาย เราตั้งใจจะปั้นพระภายในกายของเราให้
    สวย ให้งาม ให้ได้แบบที่สมบูรณ์ที่สุด

    ในขณะทำ ทำอารมณ์จิตให้เบา ให้ใส ให้พยายามรักษา
    กำลังใจไว้ว่า...ที่เราทรงขันธ์ห้า อันเป็นภาระอันหนัก ในการ
    แบกอยู่ในโลกนี้ ทำให้เกิดอารมณ์ยุ่งวุ่นวาย จิตไม่หยุดไม่นิ่ง
    ต่อไปนี้เราจะทำอารมณ์พระนิพพาน เราจะปั้นพระภายในกาย
    เพื่อให้เราละจากโลกนี้แล้ว เทวโลก พรหมโลก ไม่ว่าสวรรค์
    พรหมชั้นไหน เราก็ไม่ต้องการ เราต้องการเพียงอย่างเดียวคือ
    พระนิพพาน ฉะนั้นเราจะปั้นพระประจำกายของเราให้ได้
    สมบูรณ์แบบที่สุด ให้ได้ดีที่สุด

    ขณะที่ปั้นพระเมื่อแกะบล๊อกออกมาแล้วก็ตกแต่งให้สวย
    งาม ดูความบกพร่องและพยายามแต่งให้สมบูรณ์แบบที่สุด
    ก็เปรียบเหมือนกับว่าการมาปฏิบัติธรรมก็เพื่อสำรวจความ
    บกพร่องของจิต ว่าจิตของเราบกพร่องอยู่ตรงไหน พยายาม
    แก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่ถึงพระพุทธองค์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ

    จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ถ้าเราเกาะความไม่เที่ยงเรา
    ก็ทุกข์ แต่ทว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ตามอนัตตามันก็เข้ามาถึง อย่า
    ยึดอย่าถือว่า สรรพสิ่งมันเป็นของเรา เป็นของเราให้คิดเสมอ
    ว่า.......... ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่เราจะอยู่กับมัน เราจะ
    ตั้งใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ เราจะปั้นพระภายในกายของ
    เราให้สวย ให้สมบูรณ์แบบ จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายัง
    ไม่เป็นพระอรหันต์ในเวลานั้นเราก็ขึ้นชื่อว่า ยังไม่เป็นคนดีที่
    สุด เราจะพยายามเก็บความชั่วกิเลส ตัณหา ที่ขังอยู่ในใจ
    ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสความชั่วตาย
    หมด เชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว ทรงไว้แต่ความดี และว่างจาก
    ความทุกข์ จะทรงไว้เพียงความสุขอย่างเดียว ชีวิตเป็นของ
    ไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตายจงคิด
    ว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีการตายต่อไปอีก นั่นคือ
    พระนิพพาน ให้ฝึกตายก่อนตาย เอาอารมณ์พระนิพพานเป็นที่
    ตั้ง ขณะที่ปั้นพระ ก็ปั้นพระในกายของเราให้สมบูรณ์แบบ

    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต
    ธรรมะเป็นของที่ชี้ชวนกันดูไม่ได้
    แต่ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สามารถรู้เห็นได้ด้วยตนเอง

    พระที่เราปั้นเมื่อแกะออกมาไม่สวยเราล้มทิ้งปั้นใหม่ ปั้น
    มากๆเข้า ก็จะได้พระที่สวยขึ้น แบบที่คมขึ้น ชัดขึ้นใจที่หยาบก็
    ละเอียดขึ้น ๆ ๆ นี่คือประโยชน์หนึ่งในการกดพระ ปั้นพระ
    การนั่งสมาธิก็เป็นอีกกุศโลบายหนึ่งที่ทำให้ใจหยุดใจนิ่ง
    การกดพิมพ์พระเมื่อทำมากๆ เข้าปรากฏว่าพระที่ทำออกมาสวย
    ขึ้น ๆ นั่นก็เพราะจิตของผู้ที่ทำละเอียดขึ้น ๆ ๆ ให้เข้าใจถึง
    แนวรูปแบบวิธีการในการทำ ต้องการให้กำหนดอารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้ง หากฝึกตั้งแต่ตอนนี้ เวลานี้ เมื่อถึงเวลาละ
    ขันธ์ย่อมมีนิพพานเป็นที่ตั้ง พระนิพพานให้ทำ ณ ปัจจุบันไม่
    ต้องรออนาคตกาล

    ถ้าต้องการหมดทุกข์ หมดภพ หมดชาติ ต้องการความสุข
    ที่แท้จริงก็จงอย่าคิดว่า โลกนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินทั้งหมดใน
    โลกนี้เป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ร่างกายของ
    บุคคลอื่นเป็นพวกเราเป็นของเรา จงคิดว่าร่างกายก็เป็นเพียง
    แค่ธาตุที่ขึ้นมาประชุมประกอบขึ้นมาเป็นร่างกาย ภายในร่าง
    กายของเราก็เพียงทำความรู้สึก เพียงแต่สรรพแต่ว่าเห็น
    คือไม่สนใจ ไม่ยึดถือ ว่ามันเป็นกับเรา จะอยู่ด้วยกันตลอด
    กาล ตลอดสมัย ให้ตัดความโลภเสีย ด้วยการให้ทาน
    ตัดความโกรธ ด้วยความเห็นใจซึ่งกันและกันการรู้จักอภัย
    ตัดความหลง ด้วยการยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ถ้าสามารถมีอารมณ์ได้อย่างนี้ทั้งหมด จะมีความสุข
    จะรู้จักพิจารณาสัจจธรรมที่แท้จริงของโลก
    สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป

    ต้องพยายามทำทุกวัน ตัดโลภะคือความโลภ
    โทสะคือความโกรธ
    โมหะคือความหลง

    หากสามารถทำลายยักษ์สามตัวนี้ลงได้ทุกวัน ๆ ๆ โลภะ โทสะ
    โมหะ ก็จะหมดไปในที่สุด ความสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดกับทุก
    ท่าน ถือว่าเป็นการฝึกการตายก่อนตาย

    การฝึกปั้นพระก็เป็นการฝึกปั้นธรรมกายในตัวเรา ให้ใจที่
    หยาบ ใจที่ว้าวุ่น ใจที่เกาะเกี่ยวในกิเลส ตัณหา อวิชชา เบาบาง
    ลงจิตก็ละเอียดขึ้น ๆ ๆ จิตก็ใสขึ้น ใสในใส ๆ ๆ อารมณ์พระ
    นิพพานเป็นที่ตั้งของทุกๆ คน

    เมื่อปั้นพระเป็นแล้ว ต่อไปจะเป็นแนววิถีวิชชาธรรมกาย
    ว่า....ในวิชชาธรรมกายเมื่อทำวัตถุมงคลเสร็จแล้ว จะต้องเดิน
    วิชชาอย่างไร เพื่อให้วัตถุมงคลนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จะหาความ
    ศักดิ์สิทธิ์ใดในโลกมาเปรียบนั้นไม่มี วิชชาธรรมกายเป็นหนึ่ง
    เมื่อปั้นพระเป็นทำวัตถุมงคลเป็นแล้ว ต้องทำให้เป็น
    วิชชาเป็น วิธีทำวัตถุมงคลให้เป็นกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
    ตามแนววิชชาธรรมกายเป็นดังต่อไปนี้

    ให้เดินวิชชาเข้าสุดละเอียดที่สุด ผู้ที่เดินเซฟมรรคได้ก็
    ให้เดินเซฟมรรคทับทวีทบไปทวนมาจนใส ใสในใส นิ่งในนิ่ง
    กลางของกลาง สลักเข้าไปกำเนิดตัวเราทั้ง 18 กาย และกาย
    มนุษย์ กลั่นให้ใสละเอียด ละเอียดไป ๆ ๆ จนสุดละเอียด ตั้ง
    เอาธาตุเป็นกสิณ ธรรมเป็นสมาบัติ สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน
    กลั่นธาตุดินให้สะอาด สลักเข้าไปในธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แยกธาตุสะอาดฟอกธาตุสะอาด ทำ
    ทบไปทวนมาจนธาตุทั้งหลายใสสะอาด

    ตั้งเครื่องเห็น จำ คิด รู้ กลั่นธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด
    ธาตุรู้ให้สะอาด ตลอดสุดหยาบสุดละเอียด เถาว์ ชุด ชั้น ตอน
    ภาค พืด สุดละเอียดกายให้สะอาด สะสางถึงหยาบสุด กลาง
    สุด ละเอียดสุดให้สะอาด ทำซ้ำๆ ๆ ทั้งธาตุทั้ง 4 ที่ประกอบ
    ขึ้นมาในวัตถุมงคลที่เราทำแล้ว ก็อาราธนาพระพุทธเจ้า พระ
    อรหันต์เจ้า ต้นธาตุพระจักรพรรดิ์ ให้แก้กายเครื่องจักรกายสิทธิ์
    รัตนเจ็ด ที่เป็นไอกรด สะสางกายให้สะอาด อาราธนาวิชชา
    ผ่านวัตถุมงคลที่ปั้นขั้นมาใหม่ทุกชิ้น วัตถุมงคลเหล่านี้จะมี
    กายที่ละเอียดสลักเข้าไป กายในกาย ๆ ๆ เดินพร้อมกับตัวเรา
    พร้อมกัน น้อมเข้าไปในไส้นิพพานแก่ๆ นิพพานเป็นสุด
    นิพพาน ให้เป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม วิมุตติธาตุ วิมุตติธรรม
    อาศัยธาตุธรรมทั้งสองชนิดนี้ สะสางธาตุธรรมและวัตถุมงคล
    นั้นให้ใสสะอาด

    เข้าถึงศูนย์บุญในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์
    กำเนิดศูนย์บุญกลั่นให้สะอาด ส่งกายเข้าไปเรื่อยสุดละเอียด
    เข้าถึงแล้ว สุดหยาบเข้าถึงแล้ว อยู่ในศูนย์บุญ ตั้งธาตุดิน น้ำ
    ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุขึ้นมา ประกอบกายมนุษย์
    พิเศษสลักเข้าไปในกลางผ่านดวงเห็น ดวงจำ ดวงคิด ดวงรู้
    ขันธ์ห้า วัตถุมงคลนั้นเป็นธรรมขันธ์ ธรรมธาตุ ฉะนั้นต้องสลัก
    เข้าไปในอายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 เข้าถึงในไส้สุด
    กลั่นให้สะอาด เชื่อมติดกายมนุษย์หยาบและละเอียด ทิพย์
    หยาบ ทิพย์ละเอียด รูปพรหมหยาบ รูปพรหมละเอียด อรูป
    พรหมหยาบ อรูปพรหมละเอียด ปฐมมรรค มรรคจิต มรรค
    ปัญญา โครตภูหยาบ ละเอียด โสดามรรคผล สกิทาคามรรค
    ผล อนาคามีมรรคผล อรหันต์มรรคผล อรหันต์ในอรหัตน์
    ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระจักรพรรดิ์ ตรึกนิ่งเข้าไปที่ผุดดวง
    โพธิญาณของท่าน ซึ่งเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายพระอรหันต์
    นั่นเอง ที่แก่ไกลเข้าไปอาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์ กลั่น
    ธาตุธรรมให้สะอาด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุดิน ฟอกธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุดิน จนไปถึงหัวแก๊ส
    เซฟทะเล เหตุทะเล กลั่นให้สะอาด อาราธนาพระพุทธเจ้า
    พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุน้ำ เดินฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุน้ำให้สะอาดจนไปถึง
    หัวแก๊ส เซฟทะเล เหตุทะเล อาราธนาพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด ในอณูธาตุน้ำ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุไฟ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศธาตุ เข้าไปถึงอณูธาตุไฟให้สะอาด อาราธนา
    พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ประจำอณูธาตุไฟ

    สลักเข้าไปในไส้ธาตุลม เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ ลม
    วิญญาณ อากาศ อณูธาตุลม ให้สะอาดพระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้วิญญาณธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุเป็นเซฟทะเล เหตุทะเล
    อาราธณาพระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ประจำเต็มหมด

    สลักเข้าไปในไส้อากาศธาตุ เดินแยกฟอกดิน น้ำ ไฟ
    ลม วิญญาณ อากาศธาตุ อณูธาตุให้สะอาดเป็นเซฟทะเล เหตุ
    ทะเล สอดเข้าไปในไส้กลั่นละเอียดอีกที พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ประจำเต็มอยู่ อณูธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม นับเป็นแสนอสง
    ขัยกัปป์นับไม่ถ้วน สอดไส้กลั่นเดินเข้าไปในกายที่เล็กที่สุด
    ละเอียดที่สุด ส่งเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิ์ ไป
    เรื่อย อาราธนาพระพุทธเจ้าในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
    พระจักรพรรดิ์ประจำโพธิญาณของพระพุทธเจ้า 28 พระองค์
    เชื่อมติดหมด พระปัจเจกพุทธเจ้า ประจุอาราธณาพระอิสีติ
    มหาสาวกและนิพพานในอดีตในอดีต ในปัจจุบันในปัจจุบัน
    ในอนาคตในอนาคต นับอายุธาตุ อายุบารมี นับอสงขัยไม่
    ถ้วน ให้ประจำอยู่ในไส้สิบกลั่นให้ใสละเอียด ประจำเต็มหมด
    เข้าไปในต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นธาตุที่สำเร็จวิชชา
    ธรรมกายองค์แรก ให้สลักเข้าไปในกายในกายให้สะอาด เข้า
    ถึงสุดกายต้นธาตุที่ส่งให้สำเร็จ วิชชาธรรมกายองค์แรก สลัก
    กายกลั่นกายที่แก่ๆ และละเอียดไป ๆ ให้สะอาดสุดละเอียด
    อาราธนาท่านเปิดบุญศักดิ์สิทธิ์สอดไส้เข้าไปด้วย อาราธนา
    บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิ สิทธิเฉียบขาด อยู่ในไส้
    สอดกลั่นให้สะอาดให้เต็มไปหมด

    ทูลหลวงพ่อต้นธาตุ ขอท่านประสิทธิประสาทความ
    ศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดสมบัติพันล้านใน
    วัตถุมงคลเหล่านี้ ให้เชื่อมติดกันหมด สอดไส้กลั่นให้สะอาด
    ส่งเข้าไปในไส้ที่ผุดกลั่นให้สะอาด กายผู้ให้ผุดของกายผู้ให้
    ผุด สุดกายผู้ให้ผุดให้สะอาด ตรึกนิ่งเข้าไปในไส้รู้ในนิโรธของ
    องค์พระพุทธเจ้า และพระจักรพรรดิ์ ในไส้ที่สุดรู้สุดญาณสุด
    ตรัสรู้ในนิโรธ ในไส้คำนวณรู้ญาน นิโรธตรัสรู้ในนิโรธในไส้
    เห็น จำ คิด รู้ กำเนิดที่ตั้งถูกเคลือบอยู่กลั่นให้สะอาด เนื้อ
    หนัง ผิว ดวงกลั่นให้สะอาด ธาตุเห็น ธาตุจำ ธาตุคิด ธาตุรู้
    ให้สะอาดในไส้นิโรธของในไส้นิโรธ ผุดดวงโพธิญาณในไส้
    กลางของกลาง กลางของกลาง สะสางให้ไส้กลางนิโรธให้
    สะอาด กำเนิดในไส้นิโรธให้สะอาด ดวงนิโรธให้สะอาดโตเต็ม
    ธาตุเต็มธรรม กลั่นให้สะอาดเปิดตรัสรู้ในเห็น ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
    ยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในจำ ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี
    ตรัสรู้ในคิด ๆ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในรู้ ๆ ๆ ซ้ำ
    แล้วซ้ำอีกยิ่งมากยิ่งดี ตรัสรู้ในนิโรธ ๆ ๆ ตรัสรู้ในตรัสรู้ ๆ ๆ

    เดินเครื่องเข้าไปเรื่อยนับเป็นแสนอสงขัยกัปป์ไม่ถ้วน
    จนถึงที่สุดในที่สุด นิโรธที่สุดขององค์พระพุทธเจ้าและพระ
    จักรพรรดิ์สลักเข้าไปในไส้สุดกลั่น กำเนิดในไส้ละเอียดสุดกลั่น
    ให้สะอาด ที่ติดขาวอยู่ ให้เห็นจุดกำเนิดใสเล็กละเอียดมาก
    ปรากฎขึ้นมาก่อน แล้วเดินเข้าไปในองค์พระพุทธเจ้า พระจักร
    พรรดิ์ ต้นธาตุที่แก่ๆ ต้นไม่มีต้นอีกต่อไป อาราธนาทับทวีทบไป
    ทวนมา คำนวณรวมเป็นหนึ่ง ทุกสี ทุกสาย ทุกกาย ทุกวงศ์
    ทุกองค์ ทับทวีจนเป็นเครื่องเป็น วิชชาเป็น
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พ่ระพุทธรูปคุ่บ้านคุ่เมือง

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2014
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    พระพุทธชินราช

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ธันวาคม 2014
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,359
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,119
    ค่าพลัง:
    +70,465
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...