เปิดข้อมูลพระพุทธศาสนาในถิ่นไทยเป็นการสาธารณะ

คุณคนฉลาดตายล่ะ ระดับบ้านเชียงน่ะหรือ เรียกว่าหมู่บ้าน ฉลาดตายล่ะ
เค้าเรียกเมืองแล้วจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ เทคโนโลยี่การผลิตถึงขนาดนั้นแล้ว
ระดับหมู่บ้านทำไม่ได้หรอกจ๊ะ นั่นสี่พันปีที่แล้วนะ

เมื่อดูจากความหลากหลายของชิ้นงาน ประเภทของวัตถุสิ่งของ ลวดลายหลายหลาก
ปริมาณของสิ่งที่พบ ขนาดพื้นที่ ที่มีหลักฐานปรากฏ ล้วนบ่งบอกได้ชัดเจน
ถึงขนาดของเมือง และจำนวนผู้คน ว่าต้องมีมากมาย ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่หมู่บ้านแน่ๆ

แล้วที่ขุดค้นเจอพันกว่าปี สองพันกว่าปี ก็มีอีกตั้งหลายที่ ได้อ่านบ้างไม๊เนี่ย
เราก็ไม่เชื่ยวหรอกนะ แต่ก็เคยอ่านผ่านตามาบ้าง เค้าก็เจอกันเป็นระยะ หลายที่เยอะแยะ

และคำว่าประเทศแถบนี้ เราก็หมายถึงพื้นที่ประเทศในปัจจุบันต่างหาก
จะแกล้งโง่ไปไหนเนี่ย สมัยก่อนมันเป็นเมืองๆ ใครๆ ก็รู้
มีตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง แถบไทย ลาว เขมร เวียตนาม พม่า หรือจีน
ต่างก็มีผู้คนอยู่กันเป็นหย่อม มากบ้างน้อยบ้าง กระจัดกระจายกันไป

แถบบ้านเชียงนั้น เป็นเส้นทางผ่านสำคัญเส้นหนึ่งนะ ขอบอก ว่าเดาเอาอ่ะ
ห่างกันไประยะเดินไม่ถึงสิบวัน ก็มีชุมชนอีกหลายแห่ง กระจายกันไป
อันนี้ก็ดูได้จากปริมาณงานที่พบ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตสำคัญแน่นอน
ไม่ใช่แค่ทำใช้เองนะ ไม่งั้นไม่เจอแยะเช่นนั้นหรอกจ๊ะ

แล้วเผ่าไทยน่ะ ก็มีอยู่ที่ประเทศจีนด้วย ทราบป่าวเนี่ย เค้าอพยพมาแถวนี้ด้วย
คนจากแถบอื่นก็มีมา และมีไป แถวนั้นอุดมสมบรูณ์ ทั้งน้ำและอาหาร คนก็อพยพมา เรื่องธรรมดา
เบื่อก็ย้ายไปที่อื่นบ้าง มีคนอยู่อาศัยสืบเนื่องต่อกันมาโดยตลอด ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้างน่ะนะ

เรื่องเป็นเผ่าพันธุ์ไหน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรนี่ ใครก็รู้ว่าคนไทยมีหลายเผ่าพันธุ์
แม้ในปัจจุบันนี้ ก็ยังเหลือความหลากหลายอยู่อย่างมากมาย
เคยดูไอทีวีบ้างป่าว รายการพันแสงรุ้ง ที่เค้าถ่ายทำไปทั่วประเทศน่ะ ถามอากู๋ดูได้นะ ๕๕๕
หลายเผ่า หลายภาษา หลายวัฒนธรรม อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย ล้วนแตกต่างกันมากมาย

สติเราแยะ ไม่ใช้ก็ไม่ได้หรอกจ๊ะ คุณคนฉลาด คิดดีแล้วจึงด่าจ๊ะ
ที่เราด่าท่านในกระทู้ที่ ๓๘ ก็ด่าไม่ผิดคนหรอกจ๊ะ

แต่เรื่องศาสนาพุทธเกิดที่ไหน ยังไม่เกี่ยวนะ เราแค่เข้ามาเก็บข้อมูลเท่านั้น
ไม่สามารถฟันธงได้ในตอนนี้ ไว้ถ้าเทวดาเอาหลักฐานมาให้ชมดู ก็อาจจะเชื่อได้ ๕๕๕


ปล.ในกระทู้ที่ ๓๗ มันเรื่องอะไรต้องลามปามไปถึงพ่อแม่ของเค้าด้วย บ้าป่าว


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เรื่องบ้าน เชียงใครๆก็รู้กันทั้งนั้น ... แต่สถานที่รกร้าง ไม่มีคนอยู่ เป็นเจ้าของนานหลายร้อย ปี ไม่มีการสืบทอด อารยะธรรม มันก็คือที่ๆว่างเปล่า
...ขุดเจอ ของใช้เยอะแล้วไงครับ ..มันก็แค่ๆบริเวณๆหนึ่ง ในสถานๆที่หนึ่งซึ่งไม่ได้ กว้างใหญ่อะไร มันก้แค่ระดับหมู่บ้าน อยู่ดี ..มีพื้นที่แค่นั้นเอง..

***นี่คำพูดของคุณ ***
แถบบ้านเชียงนั้น เป็นเส้นทางผ่านสำคัญเส้นหนึ่งนะ * ขอบอก ว่าเดาเอาอ่ะ*
ห่างกันไประยะเดินไม่ถึงสิบวัน ก็มีชุมชนอีกหลายแห่ง กระจายกันไป
อันนี้ก็ดูได้จากปริมาณงานที่พบ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตสำคัญแน่นอน
ไม่ใช่แค่ทำใช้เองนะ ไม่งั้นไม่เจอแยะเช่นนั้นหรอกจ๊ะ
*****

คำว่าขอเดา เอานะ ... แค่นี้ก็รู้ว่า มามาแนว คนมีอีโก้สูง ... ชอบด่าคนอื่น เพราะคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าคนอื่น พอโดนแย้งด้วยเหตุผล แล้วก็เงิบ หาเรื่อง ต่อ ด้วยคำว่า ขอเดา ...

ผมขอถาม พ่อคุณ ฉลาด น้อย ... ผม ถามสั้นๆ คนบ้านเชียง แต่งตัวแบบไหน มีรูปให้ผมดูมั้ยครับ ว่าเขาใส่เสื้อผ้าลักษณะไหน ? ไว้ผมทรงไหน ? สีผิวอะไร ? เขามีวัฒธรรมแบบไหน ? ...รู้ดีซะเหลือเกิน .... เป้นแค่หลักฐานที่ขุดเจอ แล้วตั้งชื่อให้ว่าบ้านเชียง ส่วนประวัติคลุมเครือ เพราะ อะไรนะเหรอ เพราะไม่มีคนรู้ประวัติยังไงละ ทำไมคนไม่รู้ประวัติที่แน่ชัดเพราะ อะไรก้ย้อนกลับไปอ่านอีกรอบนะครับ ว่า อารยธรรม มันสูญหายไปนานก่อนที่จะมีบรรพบุรุษ ของประเทศ สยาม หรือประเทศไทย มาอยู่อาศัย ..คุณ ฉลาดน้อย คุณควร จะลด อีโก้ ลงนะครับ

ส่วน นายเอก อิสโร ควรแล้วที่จะโดน ต่อว่า เพราะ ไป บิดเบือน พุทธประวัติ เลยละ บิดเบื่อน โดยที่ไม่มีหลักฐาน อะไรเลย ทั้งโบราณวัตถุ และ โบราณสถาน ... อ้างไปเรื่อยๆ ตาม google... แล้วบอกว่าปี 2555 จะเจอหลักฐานทุกอย่าง โลกจะ วิบัติ อะไรของเขานะ .... ตอนนี้ ยังไงละ ? หลักฐาน อะไรเหรอครับ พยายามบิดเบือนพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ด้วย ด้วย GOOGLE +GOOGLE MAP ... ประวัติศาสตร์ยาวนาน 25000กว่า โบราณวัตถุ และโบราณสถาน ไม่น่าเชื่อถือ สำหรับเอกอิสโร ...แต่ google แน่นอนกว่า

 

ของเยอะแยะขนาดนั้น ยังเรียกว่าหมู่บ้านอีกรึ

แผ่นดินแถบนี้นะหรือ ว่างเปล่ารกร้างผู้คนมาตลอดหลายพันปี
อารยธรรมของท้องถิ่นที่ต่างๆ ล้วนพัฒนาขึ้นมาตามยุคสมัย ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

เราไม่เชื่อฝรั่งหรอกว่า แถวนี้ไม่มีผู้คน ไม่มีความเจริญ ไม่มีอารยธรรม
ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วัฒนธรรม ไปจนถึงหลักความเชื่อต่างๆ

พี่น้องชาวไทยทั้งหมดในปัจจุบัน ล้วนอพยพมาจากเมืองจีน ไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน
ไอ้ฝรั่งขี้นก มีแต่คนโง่และคนขายชาติ หรือคนไทยใจต่างชาติเท่านั้นแหละ ถึงจะเชื่อมัน

เค้ามีเทคนิคการเดาย่ะ เดาแบบมีหลักการอันลึกลับ เป็นอจินไตย
และอยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ทางจิต มีจินตนาการสูงปรี๊ด หึหึหึ

พอดีกว่า ไม่อยากวิสาสะกับคนลามปามถึงพ่อแม่คนอื่นเค้าอ่ะ ๕๕๕
ตรงนี้แหละ ถึงกล้าว่าท่าน ว่าเป็นคนไทยรึเปล่า คนไทยเค้าไม่เล่นกันแรงแบบนี้ หึหึหึ

มีอะไรในใจรึป่าวววว


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

คุณไม่สนใจ ถ้าเขามั่ว คุณก้ออย่าเข้ามาอ่านซิครับ ก้อไม่ต้องมาสร้างสีสรรซิครับ ยังมีคนอื่นที่เขาเห็นว่าน่าสนใจ มีอีกเยอะ ประวัติศาสตร์ก่อนที่ฝรั่งเขาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นมันเป็นอย่างที่คุณ เอก เขากำลังเขียนนี่แหละ พึ่งมาเปลี่ยนไม่กี่ร้อยปีนี่เอง เก็บหนังสือ ตำหรับตำรา เข้ากรมฯ หมด คุณไม่รู้ก้ออย่ามาว่าเขา

 

ต้องขอโทษ นะครับ จังหวะไม่ดี งานยุ่งทั้งสัปดาห์ จึงอาจทำให้คุณ Historian รอคำตอบนาน
อย่างที่คุณ Historian บอก การสื่อสาร คนละภาษา การออกเสียง การบันทึก และยังแปลไปมาจาก ภาษา สำเนียงบันทึกดั้งเดิม น่าจะมีผิดเพี๊ยนไป
และ เมื่อยิ่ง ผู้แปลยุคหลังจากการเดินทางของหลวงจีนฟาเหียน ผ่านมา ร่วมๆ 1,500 ปี และเป็นการแปลหลังจาก ที่มีการ "ปักธง" แล้วว่า พระพุทธศาสนา เกิดที่ อินเดีย-เนปาล ทุกสิ่งอย่าง จึงถูกลาก ชักโยงไปที่โน่นหมด
เหมือนกับผมนี่เอง เมื่อมี หลักฐานที่เชื่อได้ว่า พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่ ประเทศไทย ผมก็จะพยายามลากโยก มาให้ได้
แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้ ก็อยู่ที่หลักฐานสุดท้ายครับ
กลับมาที่คำถาม คุณ Historian ที่ถามหา แม่น้ำ Indus หรือ สินธุ อยู่ที่ไหน ถ้าพระพุทธศาสนาเกิดที่เมืองไทย
ก่อนอื่น อยากให้ทุกท่าน ได้พิจารณา สำนวนแปล บันทึกการเดินทางของหลวงจีน ฟาเหียน ที่ผมนำมาเปรียบเทียบ ระหว่าง James Legge กับ MM. Remusat ซึ่งเป็นตอนที่ คุณ Historian ยกมาประกอบ เพื่อถามหา แม่น้ำ สินธุ
ท่านจะเห็นว่า การแปล แปลต่างกัน James Legge แปลออกมาว่า Indus แต่ MM. Remusat แปลออกมา ว่า Sin Theou อ่านเหมือน สินธุ เลย
ซึ่ง ดังที่บอกในคำตอบก่อนนี้....ชื่อแม่น้ำสินธุ ไม่ปรากฏในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่ ในยุคต่อๆ มา ในอรรถกถา ซึ่ง เรียบเรียง ร้อยเรียง ต่อมา 100-200-400 ปี หลังสมัยพุทธกาล ไม่ปรากฏชื่อแม่น้ำสินธุ ผมจึงยอมรับว่า "หายากอยู่"
เนื่องจากไม่รู้ว่า ในรอบ 2,600 กว่าปี จะมีการเปลี่ยนชื่อเรียกแม่น้ำแต่ละสายไปอย่างไรบ้าง?
แต่หาก พยายามแกะรอยจากบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน อาจพอจะคลำทางได้บ้าง
หลวงจีนฟาเหียน น่าจะข้ามแม่น้ำ Sin Theou นี้ 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 ก็คือ ตอนที่คุณ Historian ยกมาใช้เป็นคำถามกับผม
หลวงจีนฟาเหียน บอกว่า แม่น้ำนี้ ไหลไป หรือ นำไปสู่ อินเดียใต้ และออกทะเลตอนใต้ (South sea) ซึ่งผมเข้าใจว่า เป็นตอนใต้ของอินเดีย ซึ่งผมได้ลองชำเลืองไปดูแม่น้ำสินธุที่อยู่ทาง ปากีสถาน ที่อยู่ตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ก็ดูแปลกๆ อยู่ เพราะ ไม่ได้ ไหลผ่านเข้ามาอินเดียตอนกลาง และลงมาทางอินเดียตอนใต้ ออกสู่ทะเลหรือมหาสมุทรตอนใต้ของอินเดีย แต่ไหลลงทะเล ที่ตอนใต้ของประเทศปากีสถานเลย
และ ถ้าอ่านบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน ตอนต่อไป...จะบอกว่า จากจุดที่ข้ามแม่น้ำนี้ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ eighteen jojanas-18 โยชน์-288 กิโลเมตร จะถึง เมือง Seng Kia Shi-Sankasya-สังกัสสะ ที่พระพุทธองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์
และที่เมืองนี้หล่ะ ที่พระเจ้าอโศกเคยเสด็จมา และสรา้ง "พระพุทธรูป" ไว้ที่เมืองนี้
ขออนุญาต นะครับที่ต้องพึ่งพา Google ผมลองคำนวณระยะทางจาก แม่น้ำสินธุ ถึง จังหวัดฟารุกาหบาท (Farrukhabad) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ที่เขาว่า ปัจจุบันสังกัสสะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสังกิสสะ บะสันตะปุระ (Sankissa Basantapura) ในจังหวัดนี้ ได้ระยะทางเดิน ประมาณ 935 กิโลเมตร ไกลโขอยู่เมื่อเทียบกับ 288 กิโลเมตร ข้อนี้ ก็ให้แปลกใจอยู่
กลับมาที่ข้อสมมติฐานของผมครับ เมื่อ สาวัตถี อยู่ที่ เมือง พะโคหงสาวดี-Bago ประเทศพม่า แล้ว สังกัสสะ ของผมอยู่ที่ พุกาม-ฺBagan ประเทศพม่า
ดังนั้น ความเป็นไปได้ ของแม่น้ำ ที่ Remusat แปลออกมาว่า Sin Theou นั้น และโดยลักษณะที่ แม่น้ำเส้นนี้ ไหลลงสู่อินเดียตอนใต้ (ซึ่งดินแดนพม่า และไทย นี้ก็ถูกเรียกว่า อินเดีย เช่นกัน) และไหลลงสู่ทะเล มหาสมุทรทางใต้...ผมจึงขอ ตอบว่า แม่น้ำ Sin Theou ที่หลวงจีนข้ามนี้ คือ แม่น้ำ ที่ปัจจุบัน เรียกว่า แม่น้ำอิระวดี หรือ Ayeyarwady ซึ่งไหลผ่าพม่า ไปลงทะเลอันดามัน

 

คำถามนี้ ถูกถาม มาในช่วงแรกๆ ที่ทำการศึกษา และโปรยเรื่องนี้ ในเว๊บต่างๆ ผม จึงเก็บข้อสงสัยนี้ ไปถามท่านพระมหาอุทัย วัดปทุมวนารามฯ ในวันหนึ่ง ว่า "หลวงปู่มั่น เคยไปอินเดียมั๊ยครับ" ซึ่งหลวงพ่อตอบว่า "ไกลสุดท่านไปแค่พม่า" ผมไปหาท่าน อีก 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 ท่านบอกว่า เรื่องใหญ่แล้วโยม..ซึ่งต่อมาก็มีหนังสือเรื่อง รำลึกวันวาน ออกมาเผยแพร่ครับ
และผมก็อยากตั้งคำถามกลับเช่นเดียวกันว่า..ก่อนที่อังกฤษจะเข้าไปปกครองอินเดีย แล้วพากันขุดค้นกรุสมบัติ แล้วพากันเขียนประวัติศาสตร์อินเดียนั้น..พวกเราคิดว่า ประเทศสยาม อโยธยา สุโขทัย จะมีพระอริยบุคคล พระอรหันต์ มากหรือน้อยกว่า หลังอังกฤษเขียนประวัติศาสตร์อินเดีย แล้วโยกชมพูทวีปไปอยู่อินเดีย เนปาล ปากีสถาน ...แล้วบันทึกมั๊ยว่า พระอริยบุคคล พระอรหันต์ พระมหากษัตริย์ พระองค์ใดเสด็จไปอินเดียบ้าง?

 

เท่านี้แหละครับที่ผมต้องการให้ออกมาจากปากคุณเอกเอง ดังนั้นที่คุณเอาหลวงจีนฟาเหียนมาอ้างบ่อยๆ จึงเป็นอันตกไปครับ

 

อีกอย่างรูปที่คุณเอกเอามาลง ปัญจมหานทีของคุณต้นน้ำเกิดจากอะไรครับ และทิศทางการไหลตามรูปนี่มันน่าจะไหลจากเหนือลงใต้ อันนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ

 

หลวงปู่มั่นท่านไม่ได้ไปอินเดีย ก็ไม่ได้หมายความว่าอินเดีย เนปาล
ไม่ใช่สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน

อย่าลืมนะว่า หลวงปู่มั่นท่านปฏิบัติตน เพื่อเป็นแบบอย่าง

เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ท่านมีลูกศิษย์เยอะ

หากดูตามประวัติของหลวงปู่มั่นแล้ว
ท่านไม่ชอบคลุกคลีกับบรรดาญาติโยม แต่ท่านจะเคี่ยวเข็นกับบรรดาพระเณรซะมากกว่า

อาจจะมีเหตุผลบางประการนอกเหนือจากนี้ ท่านจึงไม่ไป ก็เป็นไปได้

เช่นกันกรณี หลวงปู่เทสก์ ศิษย์พระอาจารย์มั่น ท่านเองก็มีเหตุผลของท่าน ที่ท่านไม่ไปอินเดีย

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อกัสสปะมุนี ท่านพ่อลี และอีกหลายๆท่าน จนถึงวัดไทยพุทธคยา

ที่ได้ไปอินเดีย มีเรื่องราวตามประวัติเยอะแยะให้ได้อ่าน

ท่านเหล่านั้น ว่ากันว่ามีอภิญญาญาณ ปัญญาญาณ มีผลของการปฏิบัติ

แน่นอนว่าต้องสัมผัสได้ถึงพลังงาน มีทั้งตานอก ตาใน

จะเป็นไปได้หรือที่จะโดนชาวโลกีย์ฝรั่งหลอก

"ฆราวาสบางคน คนเมืองไหน" มีผลการปฏิบัติพร้อมอย่างท่านครูบาอาจารย์เหล่านี้หรือไม่

 

จะมีไม๊น๊า ฆราวาสบางคน คนเมืองไหน จะมีผลการปฏิบัติ แจ๋วกว่า เจ๋งกว่า
พร้อมกว่า ครบถ้วน สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ตั้งตรงแหน๋ว ถูกแนวพระพุทธเจ้าเป๊ะ ดั่งท่านมาสั่งสอนชี้นำด้วยตัวเอง

และที่สำคัญใหม่สด ร้อนๆ จากเตา ในยุคอินเตอร์เนทครองสามโลก ๕๕๕

ว่าแต่ยังรอหลักฐานจากเทวดาอยู่นะครับ ทราบแล้วเปลี่ยน หึหึหึ


ลูกนาฬิเกร์ / ิ Bat of light (เจ๋งเหรอ แบนเราไมอ่ะ)
.

 

ถ้าคุณเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย แล้วทำไมถึงใช้ภาษาไทยผิดอยู่

คุณไม่ได้เข้าใจอะไรเลย แม้แต่ความอยากของตนเอง

คุณกำลังหากินกับพระพุทธเจ้าอยู่

ผมขอร้องดีๆ ว่าได้โปรดหยุดเถอะ ถึงแม้จะเลยมาป่านนี้แล้วมันก็ยังไม่สายเกินไป

 

แม่น้ำ ในแผนที่เก่า ถ้าดูตามสภาพปัจจุบัน จากภาพถ่ายทางดาวเทียม จะมีต้นกำเนิดจาก เทือกเขาหิมาลัยครับ

 

ถึงอย่างไร บันทึกของหลวงจีนฟาเหียน ก็ยังสามารถถือเก็บไว้ และไม่อาจปล่อยวางให้ตกไปได้ครับ เพราะนี่คือหลักฐานแห่งความสับสนและความฉ้อฉลในการกำหนดสถานที่ต่างๆ ตามอำเภอใจในอินเดีย ทั้งที่อ้างบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน แต่คนที่เชื่อ แม้แต่พระอริยะบุคคลที่ไปอินเดียตามสถานที่ ที่เขาว่า อาจจะไม่เคยได้อ่านบันทึกหลวงจีนฟาเหียนนี้ จึงไม่รู้ว่ามันผิดเพี๊ยนขนาดไหน หรือสถานที่ตั้งขัดแย้งกับพระไตรปิฎกและอรรกถา อย่างไร ก็ไม่รู้ว่าท่านรู้หรือไม่?
เพราะพระอรหันต์ก็มีตั้ง 4 ระดับ หากเป็นประเภทสุกขวิปัสสโก ท่านก็อาจไม่รู้ได้ จะหาพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ คงยากในยุคปัจจุบัน ครับ

 

สุดยอดการฟันธงจากเอกอิสโร ขอบันทึกไว้ในกระทู้ซักหน่อย

คำทวงถามจากผืนฟ้า....คำทายท้าถึง พ.ต.ท.ทักษิณ
ผู้เขียน: เอกอิสโร วรุณศรี
พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รักได้อ่านบทละคร “ตาดูดาว เท้าติดดิน ตอน ผิดด้วยหรือที่ผมเคยโกง” ผ่านไปแล้ว ซึ่งเป็นคำทวงถามจากแผ่นดิน คราวนี้มาลองฟังคำทวงจากผืนฟ้าบ้าง ครับก่อนที่จะได้กล่าวอะไรต่อไป ผมอยากจะขอนำพระพุทธวจนะ หรือพระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธเจ้าของเรา ที่ได้ตรัสสอนพุทธบริษัทไว้เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีผ่านมาแล้ว ซึ่งปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๗๐ ธรรมิกสูตร มีว่า
[๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระราชาเป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้พวก ข้าราชการ ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพวกข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้พราหมณ์ และคฤหบดี ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ชาว นิคมและชาวชนบท ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม พระจันทร์และพระอาทิตย์ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ หมู่ดาวนักษัตรก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อคืนและวันหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อเดือน หนึ่งและกึ่งเดือนหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ ฤดูและปีก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอเมื่อฤดูและปีหมุน เวียนไม่สม่ำเสมอ ลมย่อมพัดไม่สม่ำเสมอ เมื่อลมพัดไม่สม่ำเสมอ ลมก็เดินผิดทางไม่สม่ำเสมอ ย่อมพัดเวียนไป เมื่อลมเดินผิดทางไม่สม่ำเสมอพัดเวียนไป เทวดาย่อมกำเริบ เมื่อเทวดากำเริบฝน ย่อมไม่ตกต้องตามฤดูกาลเมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็สุกไม่เสมอกัน ดูกร ภิกษุทั้งหลายมนุษย์ผู้บริโภคข้าวที่สุกไม่เสมอกัน ย่อมเป็นผู้มีอายุน้อย มีผิวพรรณเศร้าหมองมี กำลังน้อย มีอาพาธมาก ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระราชาเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ข้าราชการก็ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อข้าราชการตั้งอยู่ในธรรมสมัยนั้น แม้พราหมณ์และ คฤหบดีก็เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพราหมณ์และคฤหบดีตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ชาวนิคมและ ชาวชนบท ก็ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม พระจันทร์ และพระอาทิตย์ก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์หมุนเวียนสม่ำเสมอกัน หมู่ดาวนักษัตรก็ย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อหมู่ดาวนักษัตรหมุนเวียนสม่ำเสมอ คืนและวันก็ย่อม หมุนเวียนสม่ำเสมอ เมื่อคืนและวันย่อมหมุนเวียนสม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็ย่อมหมุนเวียน สม่ำเสมอกัน เมื่อเดือนหนึ่งและกึ่งเดือนหมุนเวียนสม่ำเสมอ ฤดูและปีก็ย่อมหมุนเวียนไปสม่ำ เสมอ เมื่อฤดูและปีหมุนเวียนไปสม่ำเสมอกัน ลมย่อมพัดสม่ำเสมอ เมื่อลมพัดสม่ำเสมอ ลม ย่อมพัดไปถูกทาง เมื่อลมพัดไปถูกทาง เทวดาย่อมไม่กำเริบ ฝนย่อมตกต้องตามฤดูกาล เมื่อฝน ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าก็สุกเสมอกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ผู้บริโภคข้าวกล้าที่สุกเสมอกัน ย่อมมีอายุยืน มีผิวพรรณดี มีกำลัง และมีอาพาธน้อย ฯ เมื่อฝูงโคข้ามไปอยู่ ถ้าโคผู้นำฝูงไปคด โคเหล่านั้นย่อม ไปคดทั้งหมด ในเมื่อโคผู้นำไปคด ในมนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้นประพฤติอธรรม ประชาชนนอกนี้ก็จะประพฤติอธรรมเหมือนกัน แว่นแคว้น ทั้งหมดจะได้ประสบความทุกข์ ถ้าพระราชาเป็นผู้ไม่ตั้ง อยู่ในธรรม เมื่อฝูงโคข้ามไปอยู่ ถ้าโคผู้นำฝูงไปตรง โคเหล่า นั้นย่อมไปตรงทั้งหมด ในเมื่อโคผู้นำไปตรง ใน หมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้นประพฤติ ธรรม ประชาชนนอกนี้ย่อมประพฤติธรรม เหมือนกัน แว่นแคว้นทั้งหมดย่อมได้ประสบความสุข ถ้าพระราชาเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ฯ จบสูตรที่ ๑๐

พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รัก ท่านทั้งหลายคงจะได้เห็นแล้วว่า ทำไมเราจึงไม่ควรให้คนที่มีสันดานชั่ว ประพฤติอธรรมให้เป็นผู้นำประเทศต่อไป! เพราะหาเรายังปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงเป็นผู้นำบริหารประเทศต่อไป ก็เท่ากลับไม่เชื่อในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะมีแต่จะทำให้บ้านเมืองวิบัติฉิบหาย ด้วยว่าเทพเทวดาไม่อำนวยอวยพร ทั้งยังจะลงโทษลงฑัณฑ์ที่ล้มล้างคำสอนขององค์สมเด็จพระชินสีห์ พวกเราจึงไม่ควรปล่อยให้ ตัวกาลกิณีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไปแม้แต่วันเดียว คืนเดียว หากสำนึกผิด คิดได้ ก็จงประกาศลาออกเสียแต่คืนนี้ ซึ่งเป็นคืนเดือนแรม และเป็นคืนแรมแรกที่บรรดาเปรต สัตว์นรกอสุรกาย ผีบรรพบุรุษ จะได้รับการปลดปล่อยจากขุมนรกให้มารับส่วนบุญส่วนกุศล ซึ่งหากนายกรัฐมนตรี อยากจะทำบุญไถ่โทษ ก็จงอาศัยโอกาสนี้ ประกาศลาออกและขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าอยู่หัว และขอโทษต่อพี่-น้องประชาชนทั้งประเทศที่ได้อาศัยแผ่นดินที่บรรพบุรุษสู้อุตส่าห์เอาเลือดทาเพื่อรักษาแผ่นดินไทยมา กระทำกรรมชั่วตลอดมาทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ก่อนที่ฟ้าดินจะลงโทษให้มีอันเป็นไป ก่อนที่พญายมราชจะมาเก็บดวงวิญญาณกลับขุมนรกใน ๓ วัน ๗ วันนี้

พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รัก ผมอยากจะเท้าความไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศใช้หนี้ ไอเอ็มเอฟ จนหมดเกลี้ยง ผู้คนทั้งหลายพากันแซ่ซ้อง ว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้มากอบกู้บ้านเมือง จนมีพวกลิ่วล้อ เอาชื่อภาษาอังกฤษของนายกรัฐมนตรีคนนี้ มาตีความว่า ชื่อ TAK-SIN หมายถึง “พระเจ้าตากสิน” กลับชาติมาเกิด วันนี้ ผม จึงต้องมาบอกความจริงกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รัก ว่ามันไม่ใช่ เพราะจริงแล้ว ถ้าถือตามพระสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติ เวลาพระสงฆ์ท่านอ่านคำบาลี อักษร “ท-ทหาร” สงฆ์ท่านจะออกเสียงเป็น “ด-เด็ก” เพราะฉนั้น จริงๆ แล้ว ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ต้องสะกดด้วยตัว D ไม่ใช่ตัว T เวลาอ่านจึงอ่านว่า “DAK-SIN” หรือแปลเป็นไทยว่า แดก-สิ้น ไม่ใช่ ตากสิน เพราะเวลานี้ พระเจ้าตากมาเกิดแล้ว แต่ไม่ใช่ ทักษิณ ที่กำลังแดกสิ้นอยู่ในวันนี้ ขอให้เข้าใจโดยทั่วกัน.

พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รัก บ้านเมืองของเราทุกวันนี้เหมือนตกอยู่ในอำนาจของความชั่วร้าย และอาถรรพ์มาตลอดเกือบ ๔ ปี นับตั้งตั้งแต่มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ย้อนไปนับแต่เราเสียกรุงเก่า จนมาตั้งกรุงธน และสถาปนากรุงเทพทวาราวดี ที่ทุ่งบางกอกนี้ บ้านเมืองของเราได้อยู่รอดปลอดภัยมาตลอด แม้ว่า ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเราจะตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งตาน้ำข้าวกันทั่วหน้าเว้นไว้แต่ประเทศสยามของเรา จนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน คือ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เล็งเห็นว่าชะรอยแผ่นดินสยามนี้ จะมีเทพยดาคุ้มครองอยู่ จึงได้สร้าง พระสยามเทวาธิราชเจ้า ขึ้นเพื่อให้เป็นที่สถิตแห่งดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ได้เอาเลือดทาแผ่นดินเพื่อรักษาชาติและพระศาสนา ทั้งได้กระทำพิธีบวงสรวงอยู่เป็นเทวตาพลี-เปตพลี ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสยกย่องว่าเป็นการกระทำอันควรแก่การยกย่อง น่าปรารถนาน่าใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลกฯ
แต่วันนี้ เมื่อถึงเวลาอันควรเมื่อถึง สารทถึงฤดู ที่จะต้องทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อทักษิณคนนี้ ได้ทำอะไรอันควรแก่การเป็นผู้นำประเทศ เป็นผู้นำของประชาชนบ้างหรือไม่? เป็นผู้นำประเทศมาจนจะครบ ๔ ปีขาดอยู่ไม่กี่เดือน เคยคิดเคยสำเหนียกบ้างหรือเปล่าว่า ถึงวันถึงเวลาควรจะต้องเป็นผู้นำของประชาชนในบวงสรวงบัดพลี พระสยามเทวาธิราช บวงสรวงพระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระเสื้อเมือง ให้คุ้มครองประเทศชาติ และพระศาสนา เคยคิดเองได้บ้างหรือเปล่า หรือดีแต่ด่าว่าคนอื่นว่าเป็นคนโง่ โดยไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูตัวเอง!

นี่เอง ผมจึงต้องย้อนมาที่ พระพุทธวจนะที่ว่า เมื่อฝูงโคข้ามไปอยู่ ถ้าโคผู้นำฝูงไปคด โคเหล่านั้นย่อม ไปคดทั้งหมด ในเมื่อโคผู้นำไปคด ในมนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นำ ถ้าผู้นั้นประพฤติอธรรม ประชาชนนอกนี้ก็จะประพฤติอธรรมเหมือนกัน แว่นแคว้น ทั้งหมดจะได้ประสบความทุกข์ เพราะฉะนั้น พี่น้องคนไทยทั้งหลายอันเป็นที่รัก พวกเราจึงไม่ควรปล่อยให้ ตัวกาลกิณีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกต่อไปแม้แต่วันเดียว คืนเดียว
ผมขอฝากคุณอุ๋งอิ๋งให้ช่วยไปบอกคุณพ่อด้วยว่า หากคุณพ่อยังอยากจะมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินไทยอีกต่อไป ก็จงอาศัยโอกาสนี้ ประกาศลาออกและขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าอยู่หัว และขอโทษต่อพี่-น้องประชาชนทั้งประเทศที่ได้อาศัยแผ่นดินที่บรรพบุรุษสู้อุตส่าห์เอาเลือดทาเพื่อรักษาแผ่นดินไทยมา กระทำกรรมชั่วตลอดมาทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ก่อนที่ฟ้าดินจะลงโทษให้มีอันเป็นไป ก่อนที่พญายมราชจะมาเก็บดวงวิญญาณกลับขุมนรกใน ๓ วัน ๗ วันนี้ ขอบคุณครับ

 

เรื่องก็ไม่มีอะไรมาก นายเอกไปขอตังค์แล้วเขาไม่ให้ เลยเป็นที่มาของคำด่าข้างบน

ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล
เลขที่ ๑๐๑/๔๗๙ ม. ๗ ถ.บางขัน-หนองเสือ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
โทรศัพท์ ๐–๑๗๐๒-๐๗๙๑ ,๐-๒๙๐๒-๘๕๗๙ e-mail address : ekkissaro_w@yahoo.com

๑ กันยายน ๒๕๔๗
เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่องานค้นคว้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
กราบเรียน ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)
สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑. สำเนาหนังสือกราบบังคมทูลถวายรายงานผลการค้นคว้าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา

ด้วยกระผมนายเอกอิสโร วรุณศรี ได้มีความสนใจในการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์ หรือความเป็นมาของพระพุทธศาสนา ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นศาสนาประจำชาติไทยมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลช้านาน ด้วยมูลเหตุและแรงจูงใจหลายประการที่ทำให้กระผมจำเป็นต้องเข้ามาค้นคว้าหา ต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนาซึ่งไม่ตรงตามที่นักประวัติศาสตร์ชาวต่างประเทศได้ประกาศให้คนทั่วโลกได้ทราบและเชื่อถือต่อๆ กันมาเป็นเวลา ๑๐๐ ปีเศษ ที่ว่า พระพุทธศาสนาก็ดี พระพุทธเจ้าของเราก็ดี มีถิ่นที่กำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย โดยการศึกษาในเบื้องต้นของกระผมตลอดระยะเวลา ๑ ปีเศษที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า แท้ที่จริงแล้วพระพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้าของเราไม่ได้มีถิ่นที่กำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย แต่อยู่ในดินแดนแถบประเทศไทย-พม่า นี้นี่เอง ดังข้อสรุปในการศึกษาค้นคว้าเบื้องต้น ที่กระผมส่งมาด้วยนี้
กระผมเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องของแผ่นดิน การที่จะค้นคว้าอย่างละเอียดลึกซึ้งและการค้นหาหลักฐานพยานเพื่อมายืนยันเรื่องนี้ มีความจำเป็นต้องอาศัยทีมงาน และทุนทรัพย์ เพื่อการนี้ เพราะที่ผ่านมาเป็นการค้นคว้าตามลำพังด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว จึงทำให้งานดำเนินการเป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ ซึ่งความจริง เป็นเรื่องที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการศึกษา ค้นคว้า และค้นหาความจริงโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ประกาศให้สาธารณะชน โดยเฉพาะคนไทยที่เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ให้ได้รับทราบความจริงของแผ่นดินอันนี้ ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเพียงใด
ดังนั้น กระผมจึงไม่เห็นหนทางอื่นอันใด นอกจากที่จะต้องบอกกล่าว ร้องขอมายัง ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี จะได้พิจารณาให้การสนับสนุนด้านทุนทรัพย์เพื่อการศึกษา ค้นคว้าและค้นหาหลักฐานอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหากท่านทั้งหลายที่ได้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ และให้การสนับสนุน เพื่อให้การดำเนินการนี้สำเร็จได้ตามที่ตั้งเป้าหมายว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือน ก็จะทำให้ความจริงที่ถูกบิดเบือนไปได้กลับคืนมาสู่แผ่นดินอีกครั้ง
โดยในการดำเนินงานข้างหน้าตลอดระยะเวลา ๖ เดือนนี้ ซึ่งจะต้องทำการศึกษาค้นคว้าทั้งในภาคสนามและสำนักงาน และการสำรวจภาคสนามจะครอบคลุมเขตพื้นที่ทั้งประเทศไทย พม่า ลาว และจีนตอนใต้ มีความจำเป็นต้องใช้บุคลากร อุปกรณ์ ยานพาหนะ ตลอดทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งกระผมประเมินไว้เป็นดังนี้
๑. ค่าตอบแทนหัวหน้าคณะทำงาน ๗๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๒. ค่าตอบแทนที่ปรึกษาคณะทำงาน ๓๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๓. ค่าตอบแทนผู้ช่วยหัวหน้าคณะทำงาน ๒๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๔. ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ข้อมูล ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๕. ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๖. ค่าตอบแทนพนักงานขับรถ ๑๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๗. ค่าเช่ายานพาหนะ ๓๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๘. ค่าอาหาร เครื่องดื่มคณะทำงาน ๓๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๙. ค่าน้ำมันรถ ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๑๐. ค่าอุปกรณ์ดำเนินการ ประสานงาน จัดทำเอกสาร ๑๕,๐๐๐ บาท/เดือน
๑๑. ค่าที่พัก ๓๐,๐๐๐ บาท/เดือน
๑๒. ค่าสำรองเผื่อขาดเหลือ ๑๐,๐๐๐ บาท/เดือน
รวมเป็นค่าใช้จ่าย ๓๐๐,๐๐๐ บาท/เดือน
หรือตลอดระยะเวลาดำเนินการ ๖ เดือน เป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท
(หนึ่งล้านแปดแสนบาทถ้วน)
กระผมตระหนักดีว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูง แต่เมื่อเทียบกับผลที่จะเกิดขึ้นแล้วกระผมเห็นว่าจะเป็นการใช้เงินอย่างคุ้มค่ามหาศาลที่สุด จึงได้แต่ตั้งความหวังว่า ฯพณฯ ท่าน จะได้เห็นความสำคัญของการศึกษา ค้นคว้าและค้นหาหลักฐาน ที่จะพิสูจน์ให้ทราบถึงความจริงในเรื่องนี้ และจะได้พิจารณาให้การสนับสนุนทุนทรัพย์เพื่อการดำเนินการการดังกล่าวให้สามารถที่จะเริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด
จึงขอเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ


(นายเอกอิสโร วรุณศรี)
ในนามหัวหน้าคณะทำงาน

 

ไม่เกี่ยวหรอกครับ คุณ mindao ผมอาจจะสนใจ ทั้งด้านการเมือง และ ศาสนา แต่ทั้ง 2 อย่าง มีพื้นฐานเดียวกันคือ "ความรักและหวงแหนในแผ่นดินเกิด" ครับ ในส่วนของการเมือง สิ่งใดเป็นเรื่องดี เราก็สนับสนุน แต่เมื่อไหร่ที่ ใครทำอะไรไม่ดีกับแผ่นดิน ผมก็จะอดไม่ได้ที่จะต้องทำโดยวิธีใด วิธีหนึ่ง ตามความเชื่อของผม ซึ่ง หากคุณ mindao หรือท่านอื่นๆ ได้ลองใช้ Google ค้นหา จากคำค้น "เอกอิสโร" ก็จะได้พบเรื่องราวที่ผม ได้เคยทำมา และอาจจะได้ ผ่านตา ในเรื่องของการ "อธิษฐานจิตเปิดกรรม" ของบุคคล ที่เป็นระดับผู้นำประเทศ หรือแกนนำกลุ่มต่างๆ ที่อาจนำบ้านเมืองไปสู่ความวิบัติ ฉิบหาย ซึ่งผมไม่ได้เลือกข้างฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง แต่ เลือกข้าง "แผ่นดินและคนในแผ่นดิน" ซึ่งมันจะเป็นผลหรือไม่ ผมก็คิดแต่เพียงว่า ขอให้ได้ทำ ดีกว่าไม่ได้ทำ เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว โดยครั้งสุดท้าย คือการอธิษฐานจิตเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2556 ที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี คำอธิษฐานจิตของผมก็ไม่ได้เลือกฝ่าย....

ดังนั้น จึงอย่าได้โยง เรื่องโน้น มาใส่เรื่องนี้ เพียงเพื่อจะ ทำลายความน่าเชื่อถือของคนอื่น เพราะนั่นคือวิถีการเมืองสกปรกที่ผมรังเกียจ และเป็นวิถีของเดียรถีย์ ดังที่เคยจ้างนางจิญจมาณวิกาไปทำอุบายตั้งครรภ์ เพื่อทำลายพระพุทธเจ้า...

หลายเดือนมาแล้ว ที่ผม พักทั้งเรื่อง การเมืองและศาสนา แล้วที่สุด ผมก็ตั้งใจที่จะกลับมาสานต่อเรื่องศาสนา โดยหยุดที่จะพูดถึงเรื่องการเมือง เพราะ นั่น อาจไม่ใช่ภารกิจหลัก ที่ "อธิษฐานมาเกิดในชาตินี้" ดังที่ วันหนึ่ง ได้เกิด คำขวัญขึ้นในจิตของตัวเอง เมื่อหลายปีมาแล้ว และคอยย้ำเตือนภารกิจ ของตัวเอง ที่ว่า "ย้อนรอยอดีตชาติ ตามรอยบาทพระศาสดา ฟื้นฟูพระพุทธศาสนายุคหลังกึ่งพุทธกาล"

จึงก่อเกิด "ชุมนุมฟื้นธรรมฟื้นไทยแห่งยุคหลังกึ่งพุทธกาล" ซึ่ง มีชื่อ ภาษาอังกฤษ ที่แตกมาจาก คำว่า REBIRTHs ที่ผุดขึ้นมาในจิต ออกมาเป็น Re-Establishment of Buddha’s Instruction & Research of Thailand’s History Society

ดังนั้น อาศัยเหตุที่ สัญญาเช่าลิขสิทธิ์หนังสือ ที่ผม เรียบเรียง รวบรวม งานค้นความเรื่อง พระพุทธศาสนาในถิ่นไทย ได้หมดอายุลง ผมจึงได้ ตั้งใจที่จะทำการเผยแพร่เรื่องนี้ ให้เป็นสาธารณะ โดยไม่ต้องติดขัดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ อีก ด้วยความตั้งใจนี้ จึงเป็นที่มาของการ จัดทำ e-book เพื่อให้ใครที่สนใจใคร่ศึกษา ได้โหลดไปอ่าน ใครจะโหลดไปพิมพ์เผยแพร่ ผมก็ไม่ได้ห้าม มีแต่จะขออนุโมทนา เพื่อให้เกิดการศึกษา ต่อยอด และช่วยกันค้นหา ความจริง

ซึ่ง บางครั้งผมต้องขอโทษ ท่านที่ไม่เห็นด้วย หรือออกมาต่อว่า ต่อขาน ที่ผมอาจจะมองข้าม หรือไม่ได้สนใจที่จะตอบโต้ หรือชี้แจงในประเด็นที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ แก่การค้นคว้า หาความจริง เรื่อง พระพุทธศาสนาในถิ่นไทย...แต่ในการตอบกระทู้นี้ จึงขอถือโอกาส เรียนชี้แจง มา ณ โอกาสนี้ ครับ


และขอเชิญชวน อีกครั้งว่า..

ขอขอบคุณ เว๊บ ebook.in.th ที่ ทำให้ ความตั้งใจที่จะเปิดเผยงานศึกษา ค้นคว้า เรื่องราวความเป็นมาของ "พระพุทธศาสนา" ที่ถูกบิดเบือนประวัติศาสตร์ ด้วยการ "ย้ายชมพูทวีป ที่เคยเชื่อว่า อยู่ในดินแดนประเทศพม่า รามัญ ลาว และไทย ไปอยู่ที่ อินเดีย เนปาล ปากีสถาน" ทำให้ พระพุทธเจ้ากลายเป็นแขก ทำให้ คนทั้งโลกคิดว่า พระพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นที่ อินเดีย
บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เรา ท่านทั้งหลาย จะได้มาร่วมกัน ศึกษา ค้นคว้า เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ สมดังที่ เมื่อครั้งท่านลาลูแบลร์ ราชทูตฝรั่งเศส ได้เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นั้น ท่านได้รายงานกลับไปยังพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ปรากฏอยู่ในจดหมายเหตุลาลูแบลร์ ว่า “พระพุทธเจ้าโคตมะเป็นบรรพบุรุษของชาวสยาม”
และถึงเวลาแล้ว ที่เรา จะนำ "ชมพูทวีป กลับมาสู่ดินแดนประเทศพม่า รามัญ ลาว และไทย" และ ประกาศให้โลกรู้ว่า "พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ประเทศไทย พระพุทธศาสนากำเนิดเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยในปัจจุบัน"
http://www.ebooks.in.th/REBIRTHS

 

จะไปเอาอะไรกะนายเอกอิสโร หรือนายธนบดี googleมาทั้งนั้น นั่งหน้าkeyboardแล้วตั้งตัวเป็นนักโบราณคดีgoogle ว่างๆก็ชวนสาวกไปท่องgoogleเป็นนักโบราณคดี

ดูกันเอาเองแล้วกัน เพลียจิต

 

googleเป็นอย่างเดียว แต่ถ้าถามหาหลักฐาน นักโบราณคดีgoogleตอบว่า เดี๋ยวโผล่มาเอง 2ปีผ่านไปค่อยมาบอกว่าผมมั่วเอง

 

ยุคอินเตอร์เนตหลังเขา เข้าถึงเกือบทุกหมู่บ้านตำบล มนุษย์เด็ก มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง สไลด์เป็นหมด

เอานี่ไปแชร์ งู2ขา

<IMG src='http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/surattana/ani2.jpg' width=250>

Do youlike/สุนัข แบทแมน (อย่าคิดนะ ว่าเป็นแบท)