เปิดตำนานหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 4 ธันวาคม 2014.

  1. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิมท่านถือว่าการมาเป็นระดับขรัวของวัดนั้นสิ่งจำเป็นสำคัญคือการประพฤติตนตามหลักของสงฆ์ที่ควรต้องพึงปฏิบัติไว้อย่างยิ่งเพื่อให้เป็นผู้นำตัวอย่างในการปกครองพระเณรให้อยู่ในกรอบระเบียบวินัยของสงฆ์ที่หลักศาสนาได้บัญญัติสอนกันไว้ ก็เปรียบเสมือนถ้าผู้นำปฏิบัติไม่ดีแล้วจะไปสั่งสอนผู้ปฏิบัติตามได้อย่างใดกันเล่า นายสาย แก้วสว่างท่านเคยเล่าว่า ท่านเคยได้คำบอกเล่าจากปู่หล่อ(อดีตสัปเหร่อวัดละหารใหญ่)ซึ่งถือว่าเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมในยุคแรกเริ่มท่านมีอายุอานามไล่เลี่ยกันกับหลวงปู่ โดยท่านเล่าว่าก่อนนั้นหลวงปู่ท่านเป็นคนที่มีความระเบียบเคร่งครัดในระเบียบของสงฆ์ และโดยเฉพาะการสวดมนต์นั้นหลวงปู่ท่านถือว่าเป็นแม่บทที่ดี เวลายามว่างท่านก็จะนำตำรับตำรามาท่องบทเป็นประจำอยู่เสมอ เพราะท่านถือว่าการสวดมนต์นั้นถือเป็นอย่างยิ่งที่พระสงฆ์จะต้องพึงปฎิบัติให้ได้และความรู้ต่างๆนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญที่จะต้องเรียนรู้อยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษามีพระภิกษุมาจำพรรษาฉะนั้นปฐมบทแรกเริ่มคือการท่องบทสวดมนต์ สมัยก่อนนี้จะต้องท่องให้ได้คืนละบทไม่อย่างนั้นจะนอนหลับไม่ได้ หรือต้องเอากะลามะพร้าวมาหนุนหัวนอนเพื่อไม่ให้หลับหรือให้ครองสติในการท่องจำได้ เราจะเห็นว่าสมัยก่อนนี้เขาจะเคี่ยวเข็ญกันอย่างนี้เลย คือต้องทำให้ได้เปรียบดังสุภาษิตที่กล่าวว่า"ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น".......
     
  2. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    วิชาอาคมและไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่ควรจำต้องศึกษาให้เข้าใจกันอย่างยิ่งเพราะในยุคสมัยนั้นถือว่ามีอิทธิพลอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันเหตุผลเพราะมันเป็นความเชื่อถือที่ปฎิบัติสืบต่อกันมา นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าหลังจากที่หลวงปู่ท่านมาเป็นขรัววัด สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่หลวงปู่ท่านยังถือปฎิบัติครองกิจเป็นประจำอยู่เสมอคือการทบทวนและการนำวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาใช้อย่างมีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนั้นการรักษาทางแพทย์แผนโบราณเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการดำรงชีพเพื่อการอยู่รอดอย่างปกติสุขกัน ชาวบ้านละหารไร่ในรุ่นเก่าและในแถบบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงต่างก็เล่ากันว่า ในยุคสมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านจะรักษาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยตัวของท่านเอง โดยเฉพาะคนที่ปวดหัวตัวร้อนหรือเป็นโรคที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้หลวงปู่ทิมท่านจะทำน้ำมนต์ให้ บางทีหลวงปู่ท่านจะทำใส่ขันน้ำหรือใส่กาน้ำที่เตรียมไว้ หรือโดยบางทีชาวบ้านเขาจะตระเตรียมภาชนะต่างๆกันมาเองแต่โดยส่วนใหญ่เท่าที่เห็นชาวบ้านเขาจะใช้กาน้ำหรือกาต้มน้ำอย่างที่เราๆใช้กันในยุคนั้นกาต้มน้ำจะทำด้วยสังกะสี ซึ่งในปัจจุบันนี้เราคงแทบจะไม่เห็นกัน ชาวบ้านในรุ่นเก่าเล่าว่าน้ำมนต์ของท่านพ่อทิมท่านศักดิ์สิทธิ์มากและยิ่งถ้าบางทีมีคนมาขอน้ำมนต์หลวงปู่กันมากเข้าถ้าจะทำให้แต่ละคนนั้นคงต้องใช้เวลานานพอสมควร เพื่อเป็นการประหยัดเวลาที่ต้องมานั่งรอกันหลวงปู่ท่านจะใช้ให้ลูกศิษย์ของท่านเอาภาชนะที่ชาวบ้านได้ตระเตรียมกันมาแล้วนำมาวางรวมกันให้เรียบร้อย จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้อฐิษฐานจิตเสกน้ำมนต์ให้พร้อมกันหมดทีเดียวเลย เมื่อเสร็จแล้วก็ค่อยนำมาแจกจ่ายของแต่ละคนไป ยายแววปัจจุบันอายุ 84 ปี ชาวบ้านละหารไร่ เล่าว่าเมื่อในอดีตตอนที่ตนอายุประมาณ17-18 ปีนั้นตนได้มีอาการป่วยเป็นไข้และปวดหัวไม่หาย จากนั้นบิดาท่านก็ได้ไปเอาน้ำมนต์ที่วัด โดยได้ตระเตรียมเอากาน้ำไปใส่น้ำมนต์ด้วย จากนั้นหลวงปู่ท่านก็เสกทำน้ำมนต์ให้ หลังจากนั้นบิดาท่านก็ได้เอาน้ำมนต์ของหลวงปู่มาให้ตนทานผลปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้งไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย...
     
  3. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    วันหนึ่งผมได้มีโอกาสสนทนากับบุคคลอยู่ท่านหนึ่ง ท่านมีชื่อว่าอาจารย์เชิญ ท่านเป็นลูกศิษย์ลูกหาของหลวงปู่ทิมในยุคเก่าแก่ปัจจุบันท่านอายุอานามได้ 85ปี ท่านเล่าว่า เมื่อครั้งในอดีตท่านได้บวชเมื่อปีพ.ศ.2503 โดยมีหลวงพ่อลัดแห่งวัดหนองกระบอกเป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านก็ได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านเก่า และมีตำแหน่งเป็นเลขาเจ้าคณะอำเภอบ้านค่ายซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อลัดท่านก็เป็นเจ้าคณะอำเภออยู่ อาจารย์เชิญท่านจะไปหาหลวงปู่ทิมเป็นประจำบ่อยครั้งเพราะส่วนตัวท่านนับถือหลวงปู่ทิมตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้บวช เมื่อที่วัดละหารไร่มีงานครั้งใดท่านจะไปช่วยงานที่วัดหลวงปู่ทุกครั้ง ท่านเล่าว่าเมื่อแต่ก่อนท่านเคยช่วยกดทำพระในยุคเก่าของวัดละหารไร่ซึ่งในตอนนั้นจะกดกันที่หอฉันท์ โดยจะใช้น้ำข้าวมาเป็นตัวผสม ท่านบอกว่าองค์พระที่ทำกันนั้น” ไม่สวยหร๊อก”ท่านพูดเป็นสำเนียงภาษาระยองแต่ท่านจะจำพิมพ์ไม่ได้เพราะมันหลายพิมพ์และด้วยกาลเวลามันนานมาก ท่านยังเล่าอีกว่า หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระมีจิตที่แก่กล้าสามารถเสกตระกรุดให้วิ่งในบาตรได้ และสามารถเสกปลัดขิกจนปลัดนั้นส่ายหัวกันดุกดิก บางตัวก็กระโดดวิ่งออกจากถาดไป ตอนนั้นก็เห็นกันหลายคน เป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคนั้น และตอนนั้นอาจารย์เชิญท่านก็ได้มาตัวหนึ่งท่านจะใช้ติดย่ามเป็นประจำด้วยทุกครั้งและแคล้วคลาดอันตรายมาโดยตลอด ต่อมาภายหลังท่านได้สึกออกไปเป็นฆราวาส วัตถุมงคลของหลวงปู่ก็ได้ตกทอดไปยังลูกหลาน ทุกวันนี้ท่านจะกราบไหว้ระลึกถึงหลวงปู่ทิมเพื่อให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตที่ยั่งยืนต่อไป..
    .

    [​IMG]
     
  4. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิมท่านมีจิตยึดมั่นในอำนาจคุณของพระรัตนตรัยและอำนาจคุณของครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ศึกษาร่ำเรียนมา นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าเมื่อหลวงปู่จะพึงกระทำการสิ่งใดๆหรือการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆในทุกครั้งท่านจะบอกกล่าวถึงพ่อเฒ่าพ่อแก่หรือครูผู้เฒ่าผู้แก่อยู่เสมอผู้เปรียบเสมือนเป็นครูบาอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้ ซึ่งการระลึกบอกกล่าวถึงครูบาอาจารย์นี้เท่ากับเป็นการเพิ่มความประสิทธิผลของวัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นให้มีอานุภาพอย่างเชื่อมั่น เราจะเห็นว่าการลบลู่ครูบาอาจารย์หรือการประพฤติปฎิบัติในสิ่งที่ไม่อันควรหรือในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านได้เตือนไว้นั้นจะส่งผลทำให้การกระทำในพิธีปลุกเสกหรือการบวงสรวงใดๆก็แล้วแต่จะไม่เกิดผลดังที่ควรพลันจะเกิดแต่อุปสรรคในทุกๆด้านหรืออาจจะทำให้ชีวิตนั้นต้องตกตระกำลำบากหาความเจริญไม่ได้ ซึ่งด้วยความไม่ประมาทอันเกิดจากผลที่ตอบสนองแก่ผู้กระทำนี้ การที่ได้รำลึกและกล่าวเชิญถึงครูบาอาจารย์ต่างๆนั้นก็เท่ากับเป็นแรงอำนาจคุณที่เกิดจากครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทให้และอีกประการหนึ่งเพื่อขอบารมีให้ท่านปกป้องคุ้มครองตนเองให้พ้นอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น การไหว้ครูบูชาครู นั้นเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านมีมุทิตาจิต หรือกตัญญูกตเวที รู้ถึงบุญคุณของครูบาอาจารย์อยู่ร่ำไป เพราะฉะนั้นคนเราทุกคนหากแม้นร่ำเรียนมาควรอย่างยิ่งที่ต้องมีความเคารพในครูบาอาจารย์กันเพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิตที่ดีหรือเพื่อการประกอบพิธีการหรือการปลุกเสกวัตถุมงคลให้เกิดความมั่นใจในวิชาอาคมนั้น ๆ อีก ด้วยบทสรรเสริญเจริญคุณจึงเป็นบทสวดที่โบราณเขาจะสวดถือกันอย่างเคร่งครัดมากด้วยประการฉะนี้แล.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pic-556-251.jpg
      Pic-556-251.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      285
  5. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านได้ออกธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆจนได้ไปเจอกับคณะของหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ยซึ่งเป็นหัวหน้าคณะรุกขมูลในขณะนั้น โดยกล่าวกันว่าหลวงพ่อปาน ท่านมีญาณที่แก่กล้ามีอาคมที่เข็มขลัง ท่านมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสมาธิจิตหรือการวิปัสสนากรรมฐานสามารถแสดงฤทธิ์ได้มากมาย โดยเฉพาะการเสกเสือให้มีอานุภาพที่เด่นชัด ตามตำนานเล่ากันว่าหลวงพ่อปานท่านสามารถเสกเสือให้วิ่งหรือกระโดดในบาตรได้ จนมีชื่อเสียงที่เลื่องลือกระฉ่อนกันไกล จนท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย จะเห็นว่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานแต่ละองค์จะมีชื่อเสียงทางด้านวิทยาคมและไสยเวทต่างๆมาก อย่างเช่น หลวงพ่อเหลือแห่งวัดสาวชะโงก หลวงพ่ออี๋แห่งวัดสัตหีบ หลวงพ่อดิ่งแห่งวัดบางวัว หรือแม้กระทั่งหลวงพ่ออ่ำแห่งวัดหนองกระบอกเจ้าตำหรับแพะชื่อดังก็ยังมาเป็นลูกศิษย์กับหลวงพ่อปาน ซึ่งลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานที่มีชื่อเสียงนั้นยังกันมีอีกมากมาย นายสาย แก้วสว่าง เล่าว่า สมัยที่หลวงปู่ทิมท่านไปออกเดินธุดงควัตรและได้มีโอกาสไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อปาน ตอนนั้นหลวงปู่ทิมท่านยังเป็นพระหนุ่มทีมีจุดประสงค์หลักเพื่อการบำเพ็ญเพียรและศึกษาวิชาอาคมกับเกจิผู้เรืองนามต่างๆ หลวงปู่ท่านศึกษาวิชาอาคมมามาก ส่วนวิชาการเสกเสือของหลวงปู่นั้นไม่สามารถที่จะกล่าวยืนยันได้ว่าหลวงปู่ท่านเล่าเรียนมากับผู้ใด มีอยู่ครั้งหนึ่งนายสาย แก้วสว่างท่านเคยเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านสำเร็จในเรื่องของจิตสามารถเสกอะไรก็แล้วแต่ก็บังเกิดผลได้ แต่ต้องสามารถทำให้วัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นมีจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นมาได้ เมื่อคนที่นำไปใช้แล้วต้องมีจิตถือให้มั่นได้จึงจะมีอานุภาพอย่างเชื่อมั่น ซึ่งนายสายท่านเคยกล่าวไว้....

    [​IMG]
     
  6. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิมท่านมีชื่อเสียงมากทางด้านการรักษาทางแพทย์แผนโบราณ จะเห็นว่าชาวบ้านละหารไร่และแถบพื้นที่ใกล้เคียงในยุคเก่านั้นต่างก็มาหาหลวงปู่ท่านโดยเฉพาะเรื่องของน้ำมนต์นั้นเป็นเรื่องที่กล่าวขานกันมาก บางครั้งการเจ็บป่วยรักษาที่ไม่ต้องพึ่งยาสมุนไพร หลวงปู่ท่านก็จะใช้น้ำมนต์ในการรักษา เพราะน้ำมนต์นั้นถือเป็นการส่งพลังอำนาจจิตในการรักษาโดยใช้อำนาจคุณของพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง ซึ่งถ้าไม่เกินจากแรงกรรมก็สามารถรักษาได้ อย่างนี้ถือเป็นความเชื่อที่โบราณได้ยึดปฏิบัติกันมา การรักษาทางแพทย์แผนโบราณนี้การที่จะทำการรักษาได้จะต้องมีการร่ำเรียนวิชาเพื่อให้รู้แน่จริงหรือเรียนกันให้แตกฉาน เพราะถ้าเรียนแล้วยังไม่มีความมั่นใจตัวเองก็ไม่สามารถที่จะไปรักษาใครได้เลย ในตอนยุคแรกเริ่มนั้นหลวงปู่ทิมท่านได้เรียนรู้ในเรื่องของการทางการแพทย์แผนโบราณโดยศึกษาจากตำราใบลานเก่าแก่จากนั้นจึงต้องไปศึกษาหาประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละวิชากันไป หลวงปู่ทิมท่านไปศึกษาเรียนรู้อยู่หลายปีจนมีความเชี่ยวชาญท่านจึงสามารถนำความรู้และประสบการณ์มาใช้อย่างถูกต้องได้ เมื่อหลวงปู่ท่านมาอยู่วัดละหารไร่ท่านก็ถือเป็นหัวใจหลักของชาวบ้านที่ให้ความสำคัญในเรื่องการเจ็บป่วยและความทุกข์ร้อนใดๆ เมื่อมีชาวบ้านผู้คนมาหาหลวงปู่กันมากขึ้นหลวงปู่ท่านก็เริ่มมีลูกศิษย์ที่พร้อมใจในการสืบทอดวิชาโดยมีจิตยึดมั่นอย่างแน่แท้ ซึ่งการเรียนวิชาในสมัยนั้นจะต้องมีจิตที่เป็นธรรมและมีสัจจะวาจาที่แน่วแน่ไม่มีการพูดโอ้อวดว่าตนเองนั้นวิเศษเลิศเลอ เมื่อได้รับการถ่ายทอดวิชาแล้ว ซึ่งถ้าใช้วิชาในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือเอาไปหากินอย่างไม่ซื่อสัตย์หรือไม่สุจริตถือว่าผิดครูอย่างมหันต์ แบบนี้ครูบาอาจารย์จะไม่คุ้มครองแล้ว หลวงปู่ทิมท่านยึดถือมากในเรื่องนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    หลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านมีชื่อเสียงทางด้านอาคมโดยเฉพาะการรักษาทางแพทย์แผนโบราณ จะเห็นว่าหลวงปู่ท่านมีจิตวิญญาณโดยแท้ในการนำเอาความรู้ความสามารถทางด้านวิชาอาคมต่างๆมาใช้กับชาวบ้านหรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในยามที่มีความทุกข์ร้อนใดๆสามารถเป็นที่พึ่งพักพิงได้ หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ใฝ่เรียนพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอซึ่งท่านคงมีจิตยึดคติที่ว่า” อันวิชาความรู้ใดๆนั้นมีการศึกษาเรียนรู้ได้อย่างไม่มีวันจบสิ้นกัน” ซึ่งก็คงเปรียบเหมือนกับหมอดูหรือโหราศาสตร์ที่เรียนกันไปจนตายก็ไม่มีวันจบสิ้น วิชาอาคมแต่ละวิชาที่เกิดขึ้นนั้นคงมีกันมากมาย นายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ของหลวงปู่ท่านเล่าว่า หลวงปู่ทิมท่านจะศึกษาวิชาใดๆท่านจะต้องแลเห็นเป็นผลหรือให้บังเกิดผลเป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่งถึงจะเรียนรู้วิชานั้นให้จงได้ไม่ว่าจะเป็นวิชาประการใดก็ตามแต่ ...
     
  8. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    จะเห็นว่าชาวบ้านละหารไร่ในยุคเก่าจนสู่รุ่นถึงยุคปัจจุบันนั้นยังเป็นที่กล่าวขานกับลูกศิษย์ในยุคต่างๆของหลวงปู่ทิมที่ต่างก็ได้สร้างชื่อเสียงกันมามากมายสมกับดังที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ที่ได้นำความรู้และวิชาอาคมต่างๆมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมนั้นมีหลายท่านที่มีการกล่าวขานนามกันมา มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมอีกท่านหนึ่งซึ่งถือเป็นลูกศิษย์รุ่นเก่าที่ผมจะขอกล่าวขานโดยเรื่องราวของท่านนั้นมีชื่อเสียงมากในยุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านมีชื่อว่านายเปี่ยม ( หมอเปี่ยม) ประสมกิจโดยประวัติของหมอเปี่ยมนี้ท่านมีถิ่นฐานกำเนิด ณ.บริเวณหมู่บ้านหนองมะปริงซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของวัดละหารไร่เมื่อเอ่ยชื่อหมอเปี่ยมแล้วชาวหมู่บ้านหนองมะปริงในยุคเก่ามีใครบ้างที่ไม่รู้จักท่านเพราะท่านมีชื่อเสียงมากในด้านการรักษาทั้งหมอแผนโบราณและไสยศาสตร์ต่างๆเมื่อชาวบ้านในหมู่บ้านหนองมะปริงและแถบพื้นที่ใกล้เคียงมีใครเดือดร้อนใดๆต่างต้องไปหาหมอเปี่ยมกันทั้งนั้น หมอเปี่ยมท่านได้บวชเรียนรับใช้อยู่กับหลวงปู่ทิมอยู่นาน 3-4ปีและได้ช่วยงานหลวงปู่ท่านรักษาชาวบ้านที่มารับการรักษากัน ต่อมาหลวงปู่ท่านเห็นว่าหมอเปี่ยมท่านเริ่มมีความรู้ความสามารถและเข้าใจจากประสบการณ์ต่างๆที่ได้รับอย่างฉับไว ด้วยเหตุฉะนี้หลวงปู่ทิมท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆและการแพทย์แผนโบราณให้แก่หมอเปี่ยมท่านนี้...

    ในยุคตอนที่ท่านได้ไปศึกษาร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆกับหลวงปู่ซึ่งถ้าจะย้อนเวลากลับไปโดยประมาณ 60กว่าปี หมอเปี่ยมท่านนี้ตระกูลดั้งเดิมของท่านมีพื้นฐานทางด้านนี้โดยเฉพาะเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะบิดาของท่านเป็นหมอแผนโบราณมาก่อน หมอเปี่ยมท่านจึงเรียนรู้วิชาอาคมได้อย่างรวดเร็ว ในยุคสมัยที่หมอเปี่ยมท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้เล่าเรื่องราวให้กับทายาทของท่านว่า หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่มีอาคมแก่กล้ามากและวิชาอาคมต่างๆของหลวงปู่ท่านมีมากมายหลายประการในการศึกษาเรียนรู้ หลวงปู่ทิมท่านมีจิตรู้ว่าแต่ละคนนั้นสามารถที่จะเรียนวิชาประการใดได้หรือสามารถรับวิชาที่จะถ่ายทอดนั้นได้ มันอาจเป็นเพราะว่าจิตวิญญาณของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกันในการสื่อรับวิชาอาคมแต่ละอย่างกัน และเมื่อถึงเวลารับเป็นศิษย์ครอบครูเพื่อเรียนวิชาหลวงปู่ทิมท่านกล่าวกับหมอเปี่ยมว่าวิชาอาคมบางอย่างต้องเรียนเป็นคู่ถึงจะเรียนได้ซึ่งมันอาจจะแสดงว่าวิชานั้นต้องมีทั้งคนทำและคนแก้เพื่อความผิดพลาดในการทำอย่างอาทิเช่นวิชาหมองู ที่ต้องเรียนเป็นคู่เท่านั้นจึงจะได้รับการถ่ายทอดได้ และจากนั้นเองหลวงปู่ท่านก็ได้รับลูกศิษย์อีกท่านในการรับการถ่ายทอดวิชาคือ นายหว่าง ( หมอหว่าง ) อัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านละหารไร่ ต่อมาทั้งหมอเปี่ยมและหมอหว่าง ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมและการรักษาทางแพทย์แผนโบราณจากหลวงปู่ทิม โดยหลวงปู่ท่านยังได้ถ่ายทอดวิชาหลักสำคัญๆให้อย่างเช่นการทำน้ำมนต์ปัดเป่า ไล่ของหรือเสนียดจัญไร ไล่ผีหรือแม้กระทั่งวิชาการคลอดบุตรหรือหมอตำแย ฯลฯ....

    หมอเปี่ยมท่านได้ร่ำเรียนและได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆกับหลวงปู่ทิม แต่โดยส่วนใหญ่หลวงปู่ทิมท่านจะเน้นหนักไปในเรื่องของการรักษาทางหมอแผนโบราณเพราะหลวงปู่ท่านคงมีจิตสำนึกที่เข้าใจหยั่งรู้กับความต้องการของมนุษย์หลักที่เกิดมาบนโลกเพื่อการดำรงชีวิตคือปัจจัยสี่และหนึ่งในนั้นก็คือยารักษาโรค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะเป็นความสัมพันธ์กับเรื่องของหลักสัจธรรมมนุษย์คือการเกิด แก่ เจ็บและ ตาย ดังนั้นยารักษาโรคจึงเป็นสิ่งสนองสำคัญของมนุษย์อย่างยิ่งและเป็นประโยชน์อย่างมากเพื่อที่คนเราทุกคนนั้นจะดำรงชีพอย่างมีความสุขกัน การรักษาทางแพทย์แผนโบราณนั้นจะต้องมีการศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจในการที่จะนำความรู้นั้นมารักษาคนป่วยได้อย่างถูกต้อง ทั้งหมอเปี่ยมและหมอหว่างต่างก็ได้ช่วยหลวงปู่ทิมท่านรักษาคนป่วยเพื่อต้องการหาประสบการณ์การเรียนรู้ อย่างเช่นวิชาไสยศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องใช้จิตสมาธิเป็นหลักสำคัญในการรักษาเพื่อให้ควบคู่กับการรักษาทางสมุนไพร ถ้ากล่าวถึงเรื่องของไสยศาสตร์นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเพราะเป็นหลักของความเชื่อถือที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้กับหลักทางวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่าเมื่อครั้งในอดีตในยุคสมัยแรกเริ่มของหลวงปู่ทิมนั้น นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่า โดยตามปกตินิสัยแล้วหลวงปู่ท่านเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรมากโดยเฉพาะเรื่องของไสยศาสตร์ ซึ่งมันอาจจะมีทั้งจริงและหลอกคลุกเคล้ากันไป มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ทิมท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านได้เคยเห็นพลลูกหมู่เต็มหรือเสือเต็ม ได้แสดงอานุภาพของวิชาอาคมโดยใช้มีดเฉือนแขนตัวเองผลปรากฏว่าไม่เข้าและแสดงอิทธิฤทธิ์อีกหลายประการ จนหลวงปู่ท่านเห็นประจักษ์ตาจนเชื่อว่า อาคมและไสยศาสตร์นั้นมีจริงและเป็นเรื่องที่ไม่งมงาย.....

    จากที่หลวงปู่ทิมท่านถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้กับหมอเปี่ยมและหมอหว่าง หลวงปู่ท่านกล่าวว่าถ้าเมื่อดำเนินชีพเป็นหมอยาแผนโบราณแล้วโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการถอนอำนาจคุณไสยและอำนาจอาถรรพ์ลึกลับที่บางครั้งตนเองไม่สามารถที่จะ คุมได้หรืออำนาจจิตไม่เพียงพอที่จะดำเนินการหลวงปู่ทิมท่านจะให้ลูกศิษย์ของ ท่านไปตีมีดหมอมาไว้ประจำตัว จากนั้นศิษย์ทั้งสองท่านจึงได้ไปดำเนินการตีมีดหมอมา โดยตามตำราโบราณนั้นกำหนดไว้ว่าให้ใช้เหล็กตะปูเจ็ดป่าช้า ตะปูสังขวานร บาตรแตก ฯลฯ หมอเปี่ยมและหมอหว่างต่างได้นำวัสดุตามที่กำหนด จากนั้นก็ได้ไปตีกันมาคนละเล่มเสร็จแล้วจึงได้นำมาให้หลวงปู่ทิมท่านลงให้ เป็นเฉพาะพิเศษ มีดหมอในสมัยนั้นจะทำกันเองไม่มีความสวยงามประการใด โดยส่วนใหญ่แล้วมีดหมอจะมีอานุภาพในด้านถอนอำนาจคุณไสยเช่นการตัดแป้งเพื่อ ถอนคุณ หรือการไล่ผี เพราะสมัยนั้นตามชนบทบ้านนอกจะมีความเชื่อในเรื่องแบบนี้กันมาก หลวงปู่ทิมท่านมีจิตประสงค์ความตั้งใจที่จะให้ลูกศิษย์ที่ได้ร่ำเรียนกับ ท่านได้นำเอาความรู้ความเข้าใจไปใช้อย่างมีความหมายและคุณประโยชน์ที่ดี และสิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการบูชาและการรำลึกครูบาอาจารย์ ที่จะต้องเอ่ยนามทุกครั้งเวลาทำพิธีการใดๆเพื่อเป็นการประสิทธิ์ประสาทวิชา อาคมที่ได้นำมาใช้ให้ถูกหลักตามวิธี....


    การนำวิชาอาคมที่ได้ร่ำ เรียนมาจะใช้ให้เกิดผลได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้กันมา โดยต้องมีการฝึกฝนและทบทวนอยู่สม่ำเสมอเพื่อให้เกิดความชำนาญและความเชี่ยว ชาญได้ สมัยก่อนวิชาอาคมและการแพทย์แผนโบราณนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของตัวยา สมุนไพรที่นำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆนั้นมีมากมายหลายอย่างที่บางครั้งเราจำ ต้องศึกษาและเรียนรู้ไว้เพื่อให้เป็นทั้งความรู้หลักและความรู้รอบตัวที่จะ สามารถนำมาใช้ได้เมื่อถึงคราวยามจำเป็นจริงๆ หมอเปี่ยมและหมอหว่างเมื่อได้ร่ำเรียนหาประสบการณ์กับหลวงปู่ทิมเป็นอันได้ เวลาพอสมควรแล้ว จากนั้นต่างก็ได้กราบลาหลวงปู่ทิมไป โดยหมอหว่างท่านอยู่ในพื้นบ้านอยู่แล้ว ส่วนหมอเปี่ยมท่านก็ได้กลับไปยังบ้านหนองมะปริงถิ่นกำเนิดของท่านซึ่งอยู่ ไม่ไกลกันกับวัดละหารไร่ แต่ถ้าเทียบกับยุคสมัยนั้นยอมรับว่าไกลกันพอสมควรเพราะต้องใช้เวลาเดินทาง กันประมาณ3-4ชั่วโมง หมอเปี่ยมท่านได้ใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้ร่ำเรียนกับหลวง ปู่ทิมมาใช้ในการรักษากับคนป่วยในหมู่บ้านจนมีชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือกันมาก ในย่านนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งหมอเปี่ยมท่านได้เล่าให้ลูกหลานของท่านฟังว่า เมื่อมีชื่อเสียงกระฉ่อนในด้านนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีการลองของ พิสูจน์กัน โดยยุคสมัยนั้นจะเป็นในเรื่องของการลองวิชาอาคมกันเพราะ ถ้าอาคมใครไม่แน่จริงคงอยู่ไม่ได้แน่...

    ในยุคสมัยก่อนนั้นถ้าใครมี อาคมที่ขลังและมีชื่อเสียงที่โด่งดังก็คงที่จะหลีกหนีไม่พ้นได้เมื่อต้องมี การลองของกันขึ้น ไม่ว่าจะลองทางอาคมกับคนอื่นหรือการลองของตัวเอง ผมจะยกตัวอย่างเช่นการลองของตัวเอง นายสาย แก้วสว่างท่านเคยเล่าว่า วิชาอาคมบางอย่างต้องลองวิชากับตัวเองอยู่เสมอ จะเป็นเหตุผลใดนั้นก็ไม่ทราบได้ นายสายท่านได้กล่าวถึงวิชาหมองูท่านเล่าว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องมีงูมา ทดลองหรือทศสอบอยู่เสมอทุกสถานะการณ์ และต้องแก้ไขตัวเองให้ได้เมื่อโดนกัดเข้าไปแล้ว ถ้าแก้ไขตัวเองไม่ได้ก็ต้องไปตามให้คนที่ได้เรียนคู่กันมาแก้ไขให้ แต่ถ้าคู่เรียนของตนเองได้เสียชีวิตไป จะแก้ไขอะไรไม่ได้เลยนอกจากตัวเองเท่านั้นที่จะต้องแก้ไขให้ได้ ฉะนั้นวิชาอาคมแต่ละอย่างย่อมมีบททศสอบกันได้ ครูบาอาจารย์ท่านจึงได้เน้นตระหนักอยู่เสมอ และเมื่อกล่าวถึงหมอเปี่ยมส่วนใหญ่ท่านจะเน้นในเรื่องของการรักษาทางแผน โบราณ ส่วนในเรื่องการรักษาทางไสยศาสตร์นั้นท่านถือว่าเป็นมือฉมังเลย โดยเฉพาะเรื่องการถอนของคุณไสยต่างๆสมัยก่อนนั้นจะใช้จำพวกผีตายโหงมาเป็น หลักการใช้ ถ้าหมอที่ถอนอาคมยังไม่ถึงขั้นอันตรายย่อมมาถึงหมอที่รักษาแน่ หมอเปี่ยมท่านได้ใช้อาคมที่ท่านร่ำเรียนมากับหลวงปู่ทิมสามารถถอนออกทุกราย ไป จนมาถึงรายสำคัญที่มีผู้ป่วยรายหนึ่งอยู่ในเขตบ้านค่ายโดนสั่งกระทำมาเพราะ เขาจะทำให้ถึงตายไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย จนญาติผู้หนึ่งรู้จักกับหมอเปี่ยมได้มาตามหมอเปี่ยมที่บ้านและหมอเปี่ยม เมื่อเห็นอาการจึงรู้ได้ทันที จากนั้นท่านก็ได้รักษาตามพิธีการของท่านและสามารถถอนออกได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่หารู้ไม่ว่าคนที่สั่งมาทำนั้นเกิดอาการเครียดแค้นอย่างมาก.....

    เมื่อมีคนมาถอนของอาคมคุณ ไสยให้จนหาย ทำให้อีกข้างฝ่ายผู้กระทำเกิดอาการเครียดแค้นอย่างมากที่มาแก้ของๆเขาได้ จึงต้องจัดการกับหมอที่มาถอนเพราะถือว่ามาลูบคมกัน หลังจากนั้นไม่กี่วัน หมอเปี่ยมท่านจึงได้โดนลองของเข้าจริงๆ จากอีกฝ่ายที่กระทำมา โดยเสกเป็นของทางคุณไสยไปตามสายลม แต่หมอเปี่ยมท่านมีของคุ้มภัยอยู่แล้ว จึงทราบได้ทันทีว่าโดนลองของเข้าแล้ว ในยุคสมัยก่อนการร่ำเรียนทางทางไสยศาสตร์นั้นเมื่อมีการเรียนผูกก็ต้องมีการ แก้เป็นของคู่กันและต้องศึกษากันให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งได้เพราะมันเป็น เรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะถ้าไม่ระมัดระวังตัวหรือกระทำไปอย่างไม่มั่นใจ สิ่งนั้นอาจเข้าตัวได้ และเมื่อหมอเปี่ยมโดนกระทำมาจากอีกฝ่ายซึ่งท่านคงรู้ตัวดีอยู่แล้ว และท่านมีจิตสำนึกอยู่ที่ว่าไม่เคยทำใครก่อน เมื่อมีใครกระทำมาก่อนต้องตอบสนองผลให้แก่เขาไป จากนั้นหมอเปี่ยมท่านจึงได้เสกของที่เตรียมไว้กลับไปยังคนที่ได้กระทำมา โดยคืนนั้นหมอเปี่ยมท่านได้นั่งสวดมนต์บริกรรมในห้องของท่านจนฟ้าสาง จนแน่ใจว่าของที่กระทำไปกลับไปหาเจ้าของเดิม และผลก็เป็นดั่งที่คิดไว้ไม่กี่วันข้างฝ่ายที่กระทำโดนของตัวเองเข้าจนเดิน ไม่ได้ ต้องให้คนมาตามหมอเปี่ยมที่บ้าน จากนั้นหมอเปี่ยมท่านจึงได้ไปทำน้ำมนต์แก้ให้จนหาย จากนั้นก็ได้พูดคุยว่ากล่าวกันจนถูกคอและสนิทใจกัน และฝ่ายที่กระทำได้เล่าว่าตนเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชื่อดังในเขตบ้านค่าย แต่ตนนั้นกลับนำวิชาอาคมมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และเพื่อเป็นการไถ่โทษต่อครูบาอาจารย์เขาจึงได้นำตำราไสยศาสตร์ที่เคยเรียน ไว้ไปลอยน้ำ ต่อจากนั้นเขาก็ได้เลิกอาชีพการกระทำคุณไสยนี้ไป โดยเพียงนำเอาวิชาอาคมสำคัญๆในการรักษาทางพื้นบ้านมาใช้ อย่างถูกต้องเช่นการพ่นฝี ปัดเป่า ฯลฯและจากนั้นต่างก็ได้ไปมาหาสู่กันจนสิ้นอายุไขไปซึ่งเรื่องราวดังกล่าว นั้นเป็นเรื่องราวที่เล่ากันมานานโขแล้ว และทายาทของหมอเปี่ยมท่านได้เมตตาเล่าเรื่องราวให้ฟังเป็นประสบการณ์ความรู้ ซึ่งก็มีเรื่องราวให้ฟังกันอีกมากเพราะไสยศาสตร์นี้มันเป็นเรื่องราวที่เล่า ขานกันอย่างไม่จบสิ้น.........

    ในยุคสมัยก่อนนั้นวิชาไสย ศาสตร์เป็นเรื่องที่ต้องกล้าท้าพิสูจน์กันเพื่อให้เป็นความเข้าใจในความ เชื่อที่สืบทอดกันมาและสามารถที่จะเชื่อถือใจได้ถ้าผลพิสูจน์นั้นเป็นเรื่อง จริงที่ไม่ได้อิงนิยายหรือการหลอกลวงกัน เราจะเห็นว่าในยุคคนโบราณนั้นเขาสามารถทำกันได้จริงเพราะเขาทำกันอย่างยึด มั่นถือมั่น นายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมท่านเล่าว่า โดยปกตินิสัยโดยส่วนตัวแล้วหลวงปู่ทิมท่านเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายโดย เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของไสยศาสตร์ ถ้าไม่มีบทพิสูจน์ให้แจ้งชัดประจักษ์ตากัน แต่ถ้าหลังจากที่หลวงปู่ทิมท่านได้มีบทข้อพิสูจน์ทราบกันอย่างชัดเจนและ เชื่อถือได้จึงจะขอเพียรศึกษาและเรียนให้รู้แจ้งเห็นจริงได้แล้วสามารถที่จะ ต้องนำความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์อันดีต่อมวลหมู่มนุษยชนทั้งหลายที่ ต้องการในยามเป็นที่พึ่งพิงกัน เมื่อได้สร้างคุณประโยชน์อันดีแล้วสามารถที่จะถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ลูกหา ที่มีความมั่นคงในจิตและสามารถรับเอาวิชาต่างๆนำไปปฏิบัติหรือใช้ให้เกิดผล อย่างที่สุด สำหรับตำนานเรื่องราวของหมอเปี่ยมลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมในยุคแรกๆที่ได้ สร้างคุณงามความดีต่อครูบาอาจารย์ดังที่ได้นำวิชาอาคมและไสยศาสตร์ต่างๆมา ใช้ให้เกิดประโยชน์อันดีจนมีชื่อเสียงเป็นที่ร่ำลือกัน และในการนี้ผมจะขอนำรูปของหมอเปี่ยมและหลักฐานตำรับตำราต่างๆที่ท่านได้ เรียนมากับหลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่ครูบาอาจารย์ของท่าน ซึ่งแน่นอนที่หลายคนในยุคหลังคงไม่เคยเห็นกันแน่ เพราะคนในยุคเก่านั้นเขาจะไม่ค่อยนิยมถ่ายรูปกันอาจจะเป็นเพราะความเจริญยัง ล้าหลังหรือการถือหลักความเชื่อโดยเฉพาะคนที่มีวิชาอาคมอยู่กับด้วยแล้วการ ถ่ายรูปตัวเองเขาจะถือหรือต้องระวังกันอย่างมากในยุคสมัยนั้นโดยอาจมีความ เชื่อที่ว่าถ่ายรูปแล้วอายุสั้น หรือรูปถ่ายนั้นสามารถที่จะนำเอาไปประกอบพิธีกรรมต่างๆได้โดยเฉพาะคนเล่นไสย ศาสตร์ และหมอเปี่ยมท่านได้เสียชีวิตมา40กว่าปีแล้ว ปัจจุบันชื่อเสียงของท่านยังเป็นตำนานการกล่าวขานของคนในยุคเก่าในแถบหมู่ บ้านหนองมะปริงและหมู่บ้านละหารไร่หรือในแถบบริเวณใกล้เคียงกัน (รูปถ่ายหมอเปี่ยมสมัยที่ท่านบวชเรียนอยู่กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  9. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    สำหรับเรื่องพระเครื่องของวัดละหารไร่นั้นนายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมและเป็นไวยาวัจกรท่านเล่าว่า พระเครื่องนั้นสร้างกันมานานแล้วโดยสร้างเพื่อนำมาแจกจ่ายแก่ผู้ที่นับถือและศรัทธากันเท่านั้น จะไม่มีการกำหนดค่าราคาบูชาทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนำติดตัวไปเพื่อใช้ป้องกันอันตรายเท่านั้น ถ้าเป็นยุคแรกเริ่มนั้นส่วนใหญ่จะเป็นตระกรุดกับผ้ายันต์ โดยเฉพาะตระกรุดนั้นนายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าจะนำตะกั่วมาทุบให้แบบแล้วบีบรัดให้เป็นตะกรุดซึ่งเป็นการสร้างกันมาตั้งแต่ยุคเดิม จนยุคต่อมาถึงจึงนิยมนำเอาแผ่นทองแดง ฝาบาตร สังกะสี หรือตามแต่จะหาได้มาให้หลวงปู่ทิมท่านลงเพื่อนำมาติดตัว จะเห็นว่าในยุคสมัยก่อนสร้างกันมาเพียงเพื่อติดตัวกันเท่านั้น จนมาถึงยุคของการสร้างพระเนื้อผงที่ทางวัดทำขึ้นซึ่งคงจะดำหริขึ้นหลังจากสร้างเหรียญรุ่นฉลองสมณะศักดิ์ขึ้นมา น่าจะประมาณปลายปี พ.ศ.2508 หลวงปู่ทิมท่านได้ดำหริกล่าวกับนายสาย แก้วสว่างว่าถ้าจะทำขอให้ทำเป็นรูปพระพุทธเจ้า เพราะคนเรานั้นต้องไหว้พระพุทธเจ้า นี่(หลวงปู่ทิม) เป็นเพียงพระสงฆ์ที่ได้นำหลักคำสอนมาเผยแพร่เท่านั้น นายสายท่านยังเล่าอีกว่า หลวงปู่ท่านจะไม่ให้แกะเป็นรูปเหมือนของท่านซึ่งท่านก็ได้กำชับในไว้ตอนแรก นายสายท่านจึงได้ดำหริแกะพระพิมพ์ตามที่หลวงปู่ทิมท่านกล่าวเจตนาไว้ หลังจากนั้นนายสายท่านจึงได้นำหินมีดโกนมาแกะเป็นรูปพระพุทธขึ้นซึ่งถือกำเนิดเป็นพิมพ์ในยุคแรกเริ่มก็ว่าได้ เราจะเห็นว่าการแกะให้เป็นรูปร่างสวยงามคมใสอ่อนช้อยนั้นคงเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นเพียงฝีมือชาวบ้าน โดยนายสายท่านได้นำอุปกรณ์ซึ่งจะมีเพียงเหล็กแหลมๆและสิ่วมาแกะหรือมาเซาะพิมพ์ให้เป็นรูปร่างโดยนายสายท่านใช้จินตนาการจากพระประธานที่อยู่ในวัดเอา ผมขอนำพิมพ์ที่นายสายท่านได้แกะตามดำริของหลวงปู่ทิมมาให้ชมกัน ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนหรือลูกศิษย์ลูกหาในยุคหลังๆไม่เคยเห็นกันแน่นอน เพราะเป็นการสร้างในยุคแรกๆ โดยใช้ดินสอพองเป็นส่วนผสมหลักและผงลบที่หลวงปู่ทิมท่านลบผงด้วยตัวของท่านเอง จากนั้นหลวงตารอดซึ่งเป็นขรัวรองท่านจะใช้น้ำข้าวมาเป็นตัวประสานหรือบางทีก็ใช้ข้าวเหนียวหุงสุกใหม่ๆมาผสม จะไม่มีการนำกาวมาใช้ทั้งสิ้นเพราะสมัยนั้นยังไม่มีใครนิยมนำมา จะยึดตามแบบสูตรโบราณ เพราะแม่พิมพ์ที่ทำจากหินมีดโกนหรือไม้จะต้องใช้สูตรตามแบบโบราณนี้เท่านั้น
     
  10. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    เหตุผลความต้องการที่หลวงปู่ท่านได้ดำหริให้นายสาย แก้วสว่างท่านแกะเป็นรูปพระพุทธเจ้าเพราะโดยตามความจริงแล้วพระพุทธเจ้าคือสิ่งสูงสุดที่ควรค่าแก่การสักการะบูชาหาสิ่งใดมาเปรียบมิได้แิ์ละพระโมคคัลลาพระสารีบุตรซึ่งเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาโดยพระโมคคัลลาผู้เป็นเอทัตคะในด้านผู้มีฤทธิ์มากมีความสามารถในทางอิทธิปาฏิหาริย์ พระมหาโมคคัลลานะ เมื่อบวชและสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วปรากฏว่าท่านมีความสามารถโดดเด่นเป็นเลิศ กว่าภิกษุทั้งหลาย ท่านสามารถแสดงฤทธิ์ ไปยังภูมิของสัตว์นรก และไปโลกสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ได้ ท่านได้พบเห็นสัตว์นรกในขุมต่าง ๆที่ได้เสวยความสุขจากการทำบุญไว้ในเมืองมนุษย์เช่นกัน ท่านได้นำข่าวสารของสัตว์นรกและมนุษย์เหล่านั้น มาแจ้งชนทั้งหลายให้ทราบ ทำให้บรรดาชนเหล่านั้นพากันละเว้นกรรมชั่วอันจะพาตนไปเสวยผลกรรมในนรก พากันสร้างบุญกุศล อันจะนำตนไปสู่สุคติโลกสวรรค์ และพร้อมกันนั้นก็พากันทำบุญอุทิศไปให้แก่ญาติของตน เหล่าชนบางพวกที่ไม่มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็พากันละทิ้งลัทธิศาสนาเดิมมาศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ทำให้พวกเดียรถีย์ทั้งหลายต้องเสื่อมจากลาภสักการะ เป็นอยู่ลำบากอดอยากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าพระสงฆ์ทั้งปวงในด้านสติปัญญา นอกจากนี้ พระสารีบุตรยังมีคุณธรรมในด้านความกตัญญู และการบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่พุทธศาสนาอีกด้วย จึงมีคำยกย่องภิกษุรูปนี้ว่าเป็น "ธรรมเสนาบดี" คู่กับพระพุทธเจ้าที่เป็น "ธรรมราชา"
     
  11. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    การสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่ในยุคเก่าๆจากการบอกเล่าจากคนในยุคเก่าๆที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ใกล้ชิดหรือไปมาหาสู่ที่วัดอยู่เสมอ ต่างก็บอกว่าพระที่ทำกันนั้นโดยส่วนใหญ่เท่าที่เห็นกันจะใช้น้ำข้าว ข้าวเหนียวกล้วยบ้างตามแต่สูตรผสมกันแม่พิมพ์ที่ใช้กดนั้นจะมีทั้งบล็อกไม้และบล็อกหินมีดโกน และนายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรของวัดเป็นผู้แกะพิมพ์ขึ้นทั้งหมด ตามที่ชาวบ้านได้เล่าสู่กันฟัง จะเห็นว่าในยุคสมัยก่อนนั้นย้อนไปประมาณ40กว่าปีแล้ว วัดละหารไร่ถือว่าเป็นวัดที่อยู่ตามชนบทห่างไกลจากตัวเมืองมาก ความเจริญยังเข้ามาไม่ถึง ไฟฟ้าน้ำประปาก็ไม่มีใช้ จะอยู่กันแบบพื้นบ้านที่ต้องอาศัยความเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามประสาบ้านนอกๆ เมื่อเรามองย้อนเหตุการณ์แล้วจะเห็นว่าการสร้างพระเครื่องเพื่อนำมาใช้ติดตัวนั้นจะมีความสวยงามเพียงใดก็ลองคิดตรองกันดูเอง การสร้างตามแบบฉบับชาวบ้านหรือจุดประสงค์หลักนั้นเขาเพียงเพื่อทำมาแจกจ่ายใช้กันเองโดยเน้นพุทธคุณเป็นหลักไม่ได้มองคุณค่าของหลักพุทธพาณิชย์ที่ต้องมาเป็นราคาบูชา หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่มีจิตบริสุทธิ์อันแก่กล้า โดยท่านเสกวัตถุมงคลชนิดใดก็แล้วแต่ เมื่อถึงเวลาที่ท่านได้นำมาแจกจ่ายแก่ผู้คนแล้วถือว่าวัตถุมงคลนั้นสำเร็จเป็นผลแล้ว โดยหลวงปู่ท่านไม่เคยยึดติดที่ว่าวัตถุมงคลแต่ละอย่างที่ท่านเสกนั้นจะมีความสวยงามประการเช่นใดเลย ท่านคงมีจิตที่ถือว่าขอให้เป็นรูปพระพุทธเจ้าที่นำมาคุ้มครองคนที่มีจิตศรัทธาความเชื่อมั่นในการประกอบคุณความดีและผลตอบรับที่จะได้รับกัน.....

    อานุภาพ พระเครื่องของหลวงปู่ทิมท่านจะเน้นการถือครองปฎิบัติเพื่อสื่อความหมายที่ดี หรือเป็นเครื่องชี้นำในแนวทางที่ถูกที่ควร เราจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติแนวหลักธรรมคำสอนเพื่อให้มนุษย์ทั้ง หลายทั้งมวลให้มีแนวทางปฎิบัติเพื่อเหตุและผลที่ถูกหลักในการดำเนินชีวิตของ มนุษย์ดังสู่หนทางแห่งนิพพานและการน้อมนำจิตที่เป็นกุศลและการยึดมั่นศรัทธา ในพระเครื่องที่ถือเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าเพื่อใช้บารมีมาคุ้มครองชีวิต และเป็นที่พึ่งทางใจในการยึดมั่นเพื่อประโยชน์และความสุขทุกสถานอันก่อเกิด ขึ้นได้ ด้วยเหตุประการนี้หลวงปู่ท่านจึงได้พร่ำสอนให้ลูกศิษย์ลูกหาทุกคนนับถือพระ พุทธเจ้าเป็นหลักใหญ่และจงปฎิบัติยึดมั่นตามหลักคำสอนพื่อผลประโยชน์ที่ดี ของตัวเองในภายภาคหน้าได้ จากนั้นเพื่อเป็นหลักยึดมั่นที่ดีที่ลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่นับถือและ ศรัทธากันจึงได้สร้างเป็นพระเครื่องขึ้นมาตามแบบประเพณีโบราณที่ยึดถือกันมา หลวงปู่ท่านจึงได้ดำหริให้นายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ของท่านสร้างพระเครื่องให้เป็นไปในรูปลักษณ์ของพระ พุทธเจ้า และจากนั้นนายสายท่านก็ได้ดำหริสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่ในรูปแบบของ พระพุทธเจ้าโดยที่นายสายได้ดำหริแกะขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่ท่านตามแบบ ฉบับฝีมือชาวบ้านโดยจุดประสงค์เพื่อให้มีพุทธคุณในการคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สินและเพื่อให้ชีวิตมีความสุขปราศจากโรคาภาคและรอดพ้นจากภัยอันตราย ใดๆทั้งปวงได้.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014
  12. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    มีหลายคนที่ได้นำพระชุดเนื้อขาวนี้ไปใช้แล้วได้เห็นประสบการณ์แล้วนำมาเล่าสู่กันฟัง มีคำถามอยู่ตอนหนึ่งที่กล่าวว่าเวลาใช้พระแล้วมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะกระทำในสิ่งไม่ดี แต่พอเมื่อถึงเวลาทำเขากลับมีความรู้สึกว่าความคิดเช่นนั้นได้หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ หรือเป็นเพราะพระเนื้อขาว(สงวนพิมพ์) ที่เขาแขวนแล้วบันดลให้ความคิดอกุศลนั้นหายไปในทันที หรือไม่ว่าจะทำการใดๆก็เหมือนกับมีคนคอยช่วยเหลือ ซึ่งเหตุการณ์นี้ผมเองก็เจอประสบการณ์อย่างบ่อยครั้งเหมือนกัน สมัยที่นายสาย แก้วสว่างท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านเล่าว่าการแขวนพระของหลวงปู่ทิมต้องมีจิตศรัทธาอย่างเชื่อมั่น ถึงจะใช้ได้ผลส่วนเรื่องผงพลายกุมารอันลือลั่นนั้นอย่าไปสนใจมันเลย อยู่ที่ใจเรานับถือก็เพียงพอ ขออย่าก่อกรรมแล้วอานุภาพผลบุญนั้นก็จะประสบผลต่อท่านเอง นายสายท่านกล่าวไว้อย่างนั้น...

    มีหลายคนอาจสงสัยว่าพระเนื้อผงหลวงปู่ทิมนั้นสร้างกันขึ้นมาครั้งใด นายสายท่านเล่าว่าในยุคแต่ก่อนหลวงปู่ท่านเป็นพระที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ท่านเป็นพระที่พูดน้อย เน้นปฏิบัติเป็นหลัก มีอยู่ครั้งหนึ่งนายสายท่านเล่าว่าเมื่อประมาณปีพ.ศ.2507ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อฉลองงานสมณะศักดิ์ของท่าน โดยชาวบ้านอยากได้เหรียญรูปเหมือนของหลวงปู่ท่านเพื่อเป็นที่ระลึก แต่หลวงปู่ทิมท่านกลับไม่ยอมสร้างเหรียญรูปเหมือนท่าน ใครไปขอท่านก็ไม่ให้ จากนั้นชาวบ้านจึงให้นายสาย แก้วสว่างไวยาวัจกรของวัดเป็นผู้ไปขอให้ หลวงปู่ทิมท่านก็ยังไม่ยอมอีก จนนายสายและชาวบ้านได้ประท้วงหลวงปู่โดยไม่ยอมเข้าวัดอยู่ประมาณ 3วันจนหลวงปู่ทิมท่านถึงต้องยอมเสกเหรียญรูปเหมือนของท่านให้ โดยสร้างอยู่ประมาณ 1080เหรียญ และให้ทางอ.ปฐมอาจสาครเป็นผู้นำไปแกะแบบขึ้น เมื่อปั้มเสร็จช่วงนั้นต้นปีพ.ศ.2508 นายสายท่านเป็นผู้นำเหรียญรุ่นแรกทั้งหมดไปให้หลวงปู่ทิมท่านเสกในห้องของท่าน โดยหลวงปู่ทิมท่านเสกอยู่3วัน3คืน จากนั้นจึงได้นำมาออกในงานฉลองสมณะศักดิ์ขึ้น ซึ่งเหรียญก็ได้จำหน่ายหมดได้อย่างรวดเร็วด้วยประสบการณ์ต่างๆนานาหลวงปู่ท่านจึงได้เริ่มเป็นที่รู้จักกันในเขตบ้านค่ายมากขึ้น แต่ชื่อเสียงของท่านก็ยังไม่ขจรไกลไปทั่วทุกภาค อาจจะรู้จักกันในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือกันในต่างจังหวัดก็มีกันมาก ต่อมาหลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้เริ่มเสกพระเครื่องและวัตถุมงคลเรื่อยมา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุได้80ปลายๆแล้ว จากนั้นปู่พิณ สัมฤทธิ์ ลูกศิษย์ในยุคแรกๆได้ดำหริแกะเป็นไม้แกะพิมพ์พระพุทธขึ้นมาก่อนแต่ก็คงมีจำนวนไม่มากเพราะปู่พิณท่านจะมีชื่อเสียงในด้านการสักยันต์จะมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ต่อมานายสายท่านก็ได้แกะสร้างขึ้นมาบ้างด้วยความขยัญของท่านๆจึงได้แกะเป็นพิมพ์ต่างๆและปลัดขิกซึ่งถือว่าเป็นยุคแรกๆกันจะไม่ค่อยมีความสวยงามประการใดต่อมาไม่นานคงได้สร้างเป็นพระเนื้อผงซึ่งมีทั้งแม่พิมพ์ไม้และพิมพ์หินมีดโกนที่นายสายท่านแกะขึ้นตามลำดับ และยังได้สร้างกันเรื่อยๆมาเพราะสมัยนั้นตามบ้านนอกเวลาว่างมันมีมากจึงได้มาช่วยกันกดทำกันตามวัตถุประสงค์เพื่อนำมาแจกไว้ปกป้องคุ้มครองกัน......
     
  13. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่ถือปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ เคร่งครัดในวินัยของสงฆ์ ส่วนใหญ่แล้วท่านจะถือหลักสันโดษไม่ค่อยยอมออกไปไหน นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าหลวงปู่ท่านจะตื่นจากจำวัดตั้งแต่โดยประมาณตี 4ของทุกวัน จากนั้นท่านก็จะสวดมนต์ทำวัตรเช้าซึ่งถือเป็นกิจวัตรหลักของสงฆ์ที่ต้องพึงกระทำ ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวบ้านละหารไร่ที่มีอายุกว่า 70ปีขึ้นไปได้เคยเล่าว่ายังได้ทันใส่บาตรตอนหลวงปู่ทิมท่านออกเดินบิณฑบาตรโปรดญาติโยมตามหมู่บ้าน ในยุคสมัยนั้นโดยเฉพาะทางเดินหลักจะเป็นทางเกวียน ส่วนทางเดินตามหมู่บ้านนั้นจะเป็นทางเดินลัดเลาะตามป่าหรือพงหญ้าโดยจะมีขวากหนามมากมายที่จะคอยทิ่มแทงอยู่เสมอถ้าไม่ระมัดระวังกัน แต่ชาวบ้านเล่าว่าหลวงปู่ท่านกลับเดินไปโดยปกติโดยที่ท่านไม่ได้สนใจกับอุปสรรคขวากหนามที่คอยทิ่มแทงใดๆเลย ซึ่งต่างเชื่อกันว่าหลวงปู่ท่านคงสำเร็จแล้วจึงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแต่ประการใด และชาวบ้านเล่าว่าหลวงปู่ท่านเดินเร็วมากพอใส่บาตรให้พรเสร็จแล้วแผล็บเดียวท่านเดินเกือบลับตาไป และโดยปกติแล้วหลวงปู่ท่านออกเดินบิณฑบาตของท่านองค์เดียวตลอดระยะเวลาเรื่อยมา จนกระทั่งท่านคงหยุดเดินเมื่อเริ่มมีอายุมากเข้าก็เป็นได้......

    สมัยก่อนนั้นวัดละหารไร่เป็นวัดบ้านนอกที่ห่างไกลจากความเจริญและหลวงปู่ท่านก็เป็นพระที่ชาวบ้านได้อาศัยเป็นที่พึ่งพิงกันเมื่อยามทุกร้อนใดๆ ยิ่งสมัยก่อนนั้นการสร้างวัตถุมงคลใดๆที่ทางวัดได้สร้างขึ้นนั้นจุดประสงค์ก็เพื่อนำมาแจกจ่ายแก่ผู้ที่ศรัทธาและยึดมั่น โดยที่หลวงปู่ท่านมีจิตเน้นให้ทุกคนนั้นมีเมตตาจิตให้ยึดมั่นในหลักธรรมคำสอน เน้นการปฎิบัติดีปฎิบัติชอบรับรู้ถึงผลกรรมต่างๆที่พึงปฎิบัติกันไว้มากกว่า และพระเครื่องของหลวงปู่ทิมที่ทางวัดได้ช่วยกันสร้างขึ้นนั้นนายสายซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านมองว่าอยากให้ทุกคนนั้นมองเห็นคุณค่าของพระเครื่องมากกว่าคุณค่าของราคา จึงไม่ได้มีการพิถีพิถันกันมากเพราะทำมาแจกจ่ายกันไม่ได้มีการบูชาใดๆ จึงมีความหมายเดียวกันกับหลวงปู่ดู่ครับ

    เมื่อกล่าวถึงเด็กวัดในสมัยก่อนที่วัดละหารไร่นั้นจะมีกันหลายรุ่นด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กในพื้นที่เพราะเมื่อย้อนไปกว่า50ปีที่แล้ว สมัยก่อนแถบพื้นที่ตำบลตาสิทธิ์นั้นถนนหนทางลำบากมาก ประกอบการมาโรงเรียนก็ห่างไกลกันพอสมควร พ่อแม่จึงต้องให้มาอาศัยอยู่วัดกัน ผู้ใหญ่เทง งามศรี( ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่อายุ76ปี ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของหลวงปู่ทิมท่านเป็นลูกของเสือเสื่อม(น้องชายต่างบิดาหรือมารดาของหลวงปู่ทิม) ผู้ใหญ่เทงท่านมาเป็นเด็กวัดเมื่ออายุประมาณ 15ปี ตอนนั้นท่านมาเรียนหนังสืออยู่ที่วัดไร่ซึ่งสมัยนั้นมีชื่อว่าโรงเรียนวัดไร่วารีงามศรีราษฎร์รังสรรค์ โดยมีครูวาว บุญปลื้มเป็นครูใหญ่ ครูเฮียงเป็นครูสอน(ครูเฮียงเมื่ออดีตแต่ก่อนท่านเป็นแม่ครัวที่วัดละหารไร่) ผู้ใหญ่เทงท่านเล่าว่าท่านเป็นคนหมู่บ้านหนองมะปริงซึ่งต้องเดินมาเรียนไกล จึงต้องมาเป็นเด็กวัด สมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่ระเบียบมาก ใครทำผิดท่านรู้หมด จะโกหกท่านไม่ได้เลยซึ่งไม่รู้ว่าท่านทราบได้ยังไง มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านกับเพื่อนๆที่เป็นเด็กวัดด้วยกันชวนกันไปแอบตกปลาในวังสามพญา หลังจากตกเสร็จก็เอาไปกินกัน พอเช้าขึ้นมาหลังจากหลวงปู่ทิมท่านฉันอาหารเสร็จหลวงปู่ก็ได้เคาะกระดานไม้เรียกตนและทุกคนที่ไปตกปลาด้วยกันโดยหลวงปู่ทิมท่านบอกถูกทุกคนเลย ไม่ทราบว่าท่านรู้ได้ยังไง เพราะมันเป็นเวลากลางคืน หลังจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ทำโทษตักเตือนโดยใช้หางกระเบนตีก้นคนละ3ทีเพื่อให้จำ พอหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าทำอีกเลย

    เด็กวัดสมัยนั้นพอตกกลางคืนหลวงปู่ทิมท่านจะให้ท่องมนต์กันทุกคนเพราะท่านถือว่ามาอยู่ที่วัดแล้วต้องเป็นมนต์กัน พอเช้าขึ้นมาต้องถือปิ่นโตเดินตามพระบิณฑบาตซึ่งถือว่าเป็นกิจวัตรของเด็กวัดทุกคน และพอเลิกเรียนแล้วก็ต้องมาช่วยพระทำความสะอาดวัดกวาดใบไม้ใบหญ้าต่างๆภายในวัด ผู้ใหญ่เทงท่านเล่าว่าสมัยนั้นหลวงปู่ทิมท่านยังแข็งแรงมาก ถึงแม้จะอายุ70-80แล้วก็ตามที ยังแบกไม้ใหญ่องค์เดียวไหวโดยไม่ต้องมีใครช่วย หลวงปู่ท่านเป็นพระหมอยาเมื่อมีใครมาให้รักษาท่านก็รักษากันตามแบบแผนโบราณไป มีอยู่ครั้งหนึ่งมีพวกที่เล่นของแล้วแก้ตัวเองไม่ได้หรืออาจจะเรียกว่าของเข้าตัวก็เป็นได้ ซึ่งตอนนั้นเขามีอาการปวดหัวอย่างมาก เมื่อหามกันมาถึงมือหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้เอามือท่านจับหัวคนนั้น แล้วท่องคาถาเป็นภาษาแขก พอสักพักอาการคนนั้นก็ได้เริ่มทุเลาลงจนสงบ และจากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้ใช้ให้ตนไปเอากระแป๋งน้ำมาให้จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ทำน้ำมนต์ให้ทั้งกินและอาบ จนสยบนิ่ง พอเสร็จสิ้นหลวงปู่ทิมท่านก็ให้คนป่วยเอาน้ำมนต์ที่เหลือไปอาบที่กลางแจ้งเป็นเวลา3วัน และ3วันหลังต่อมาคนป่วยก็หายเป็นปกติ ภายหลังเขาเล่าให้ตนฟังว่าได้เล่นของมนต์ดำแล้วเอาไม่อยู่เลยต้องโดนเองไป จากนั้นเขาต้องเลิกเล่นไปโดยปริยาย ผู้ใหญ่เทงท่านเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทิม ซึ่งก็มีเรื่องราวเล่ากันอย่างไม่จบสิ้น .....
     
  14. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    การถือมั่นและการศรัทธานั้นย่อมเกิดผลของอานุภาพที่ดีได้ บางครั้งคนเราอาจจะมองกันว่าด้วยศิลปะรูปลักษณ์ของพระเครื่องที่ไม่มีความสวยงามรูปทรงบิดๆเบี้ยวๆหรือหนาเตอะใหญ่โตนั้นไม่มีใครอยากได้เพราะคิดว่ามันห้อยแขวนยาก อีกปะหนึ่งในยุคสมัยนี้ความต้องการของผู้คนต้องเป็นที่กระชับสับส่วนสะดวกและสวยงามกัน พระเครื่องของหลวงปู่ทิมในยุคเก่าๆนั้นคนที่ศรัทธาหลวงปู่ต้องการนำไปใช้บางคนก็อาจจะไม่อยากได้เพราะพระนั้นไม่มีความสวยงามรูปทรงไม่มาตราฐานหรือจะนำไปโชว์อวดกันนั้นไม่ได้ แต่เมื่อมองย้อนไปในคนรุ่นเก่ารุ่นโบราณนั้นเขาไม่ค่อยคำนึงถึงความสวยงาม เขาจะคำนึงถึงหลักของอำนาจพุทธคุณเป็นหลักใหญ่ขอให้มีเพียงรูปลักษณ์หรือรูปร่างความเป็นพระที่เป็นเครื่องยึดนำที่ควรค่าแก่การสักการะบูชาหรือเครื่องรางของขลังใดๆที่สร้างกันถูกต้องตามวิธีการ ซึ่งเราจะเห็นว่าการสร้างพระเครื่องในยุคแต่ก่อนจะสร้างโดยใช้แม่พิมพ์จากดินเหนียว จากไม้หรือหินมีดโกนบ้างตามแต่ยุคแต่ละสมัยกันซึ่งเขาไม่ค่อยคำนึงถึงหลักเหตุผลของความสวยงามขององค์พระ แต่การใช้พระแล้วเกิดอานุภาพอย่างอัศจรรย์ที่ดีนั้นเป็นที่ต้องการกันอย่างยิ่งโดยเฉพาะคนรุ่นเก่านั้นเมื่อเขาใช้กันอย่างมั่นใจได้รู้ได้เห็นได้รับความรู้สึกกับอานุภาพที่เกิดขึ้นเขาจะหวงแหนพระเครื่องกันเป็นอย่างยิ่งถ้าไม่ตายเสียก่อนก็คงจะยากที่จะได้ตกทอดกันมาเพราะเขารับความรู้สึกและแก่นแท้สำคัญได้ ฉะนั้นเมื่อเรามีของดีอยู่กับตัวและมีจิตศรัทธาอย่างเชื่อมั่นกันแล้ว ก็จงรู้จักนำวัตถุมงคลนั้นไปใช้อย่างมีคุณค่าหรือให้มีคุณประโยชน์ที่ดีแก่ตัวเราและครอบครัวได้....

    ภาพพระพุทธห้าเหลี่ยมองค์ดั้งเดิมของปลัดเจริญ เพชรนคร ซึ่งได้รับมากับหลวงปู่ทิมในยุคสมัยนั้นมาให้ชมกัน


    [​IMG]
     
  15. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    พระพุทธห้าเหลี่ยมองค์ช่างซ้ง ซึ่งท่านเองได้รับมากับมือหลวงปู่ทิมเมื่อคราวมาเป็นช่างไฟในงานยกช่อฟ้าที่วัดละหารไร่เมื่อปี17 ปัจจุบันองค์นี้ได้ตกทอดมายังลูกหลานของท่านและได้นำมาให้ทุกท่านได้ชมกันซึ่งด้านหน้าช่างซ้งได้นำทองคำเปลวมาปิดองค์พระไว้

    [​IMG]
     
  16. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ผมขอนำเล่าประสบการณ์จากสมาชิกผู้ใช้พระเนื้อขาวมาเล่าสู่กันฟังครับ

    ประสบการณ์บูชาพระเนื้อขาวหลวงปู่ทิมครับ
    ขอน้อมกราบหลวงปู่ทิม และสวัสดี อ.แก้วสว่าง ครับ ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ได้เข้ามาติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ จนทุกวันนี้ก็ยังติดตามอยู่ เพียงแต่ไม่ค่อยโพสต์ที่หน้ากระทู้ซักเท่าไร และตั้งแต่ได้รับพระเนื้อขาวนี้มาก็บูชาติดตัวมาตลอด รวมถึงได้แบ่งให้คนรอบข้างที่เห็นว่าศรัทธา ได้ใช้บูชา มีประสบการณ์บอกกล่าวมาหลายครั้ง หลายครา เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ก็หวังว่าจะนำประสบการณ์ที่ได้รับมาลงเพื่อเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณ และบารมีของหลวงปู่ทิม

    พระเนื้อขาวชุดนี้ที่ผมได้รับมาครั้งแรก คือลูกอมมีห่วง ได้ในช่วงแรกของการเปิดกระทู้ที่ทาง อ.แก้วสว่างแจกให้ฟรีๆ ในช่วงก่อนที่ผมจะได้รับลูกอมมีห่วงนี้ ตัวผมเองได้ฝันเห็นเด็กเล็ก และได้อุ้มเด็กคนนี้อยู่ในอ้อมแขน เด็กคนนี้น่ารักมากๆๆๆ มาก ในฝันผมมีความรู้สึกรักเด็กคนนี้มากเหลือเกิน มากจนแปลกใจว่าทำไมผมรู้สึกรักเด็กคนนี้มากเหลือเกิน มากจนแม้ตื่นจากฝันแล้ว ก็ยังนึกถึงและรู้สึกอย่างนั้น ถึงทุกวันนี้ ผมเองก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เนื่องด้วยพื้นฐานแล้วผมเองเป็นคนที่จะเรียกว่าไม่ค่อยอะไรกับเด็กซักเท่าไร ผมจะเฉยๆ เพราะส่วนตัวแล้วก็ไม่อยากมีลูกและไม่คิดจะมีลูกเลย แต่ความรู้สึกกับเด็กคนนี้ที่ได้ฝันเห็น ทำไมเราถึงรักและเอ็นดูเค้ามากขนาดนี้ จะเรียกว่ามีแรงดึงดูดมากก็ได้ ทำให้ผมเข้าใจว่าอย่างนี้แหละที่เรียกว่าเมตตานี่เอง ทำให้คนที่ไม่ค่อยอะไรกับเด็กอย่างผม รู้สึกว่ารักเค้าได้มากขนาดนี้ อีกอย่างจิตใต้สำนึกผมในช่วงนั้น ไม่มีเรื่องที่คิดถึงเกี่ยวกับเด็กอย่างแน่นอน จึงไม่น่าจะมาฝันแบบนี้ได้ ก็คิดว่าเอ้จะมีอะไรหรือป่าว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนหลังจากนั้นผ่านมาได้วันสองวัน ได้เข้ามาพบกระทู้และก็ได้รับลูกอมมีห่วงสีขาวมาบูชา ทำให้ผมเริ่มย้อนคิดถึงความฝันก่อนหน้าที่เกิดขึ้นว่า จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่อันนี้ไม่ทราบได้ แต่สำหรับผมแล้ว ถือเป็นนิมิตจากหลวงปู่ทิม มั่นใจว่าพระหลวงปู่เลือกเจ้าของแน่นอน เพราะในชีวิตไม่เคยฝันและไม่เคยจดจำความรู้สึกจากความฝันต่อเนื่องมามากขนาดนี้มาก่อนเลย มีเพื่อนสมาชิกคนไหนที่พบเหตุการณ์คล้ายๆกันกับผมบ้างไหมครับ
    พระหลวงปู่ทิมองค์ที่ 2 ที่ผมได้รับจาก อ.แก้วสว่าง คือ พิมพ์พระพุทธ 5 เหลี่ยม ซึ่งเมื่อผมได้รับพระมา ด้วยความปิติยินดี ก็รีบจัดแจงหากรอบพระใส่เพื่อบูชาติดตัวทันที อาทิตย์แรกที่คล้อง ได้รับเงินเพิ่มจากการทำงาน นอกเหนือจากรายได้ที่ได้รับจากบริษัทฯ จำนวน 5-6 พันบาท ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งตั้งแต่ทำงานมารายได้ที่ได้เพิ่มจากส่วนนี้ยังไม่เคยได้ขนาดนี้มาก่อน ทำให้ผมแปลกใจมาก และ พร้อมๆกับเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อพระชุดนี้ของหลวงปู่ทิม อย่างเป็นทวีคูณ


    "อยากได้เงินให้กับคุณแม่"
    ต่อเนื่องจากเรื่อง พิมพ์พระพุทธ 5 เหลี่ยมข้างบน เป็นเรื่องแปลกใจครั้งที่ 2 เกิดขึ้นช่วงก่อนตรุษจีนประมาณซักครึ่งเดือนได้ครับ ซึ่งผมจะต้องให้เงินแต๊ะเอียคุณแม่ผมในวันตรุษจีน เป็นเงิน 10,000 บาท ส่วนตัวผมเองรายได้ก็พอประมาณแต่ก็มีภาระค่าใช้จ่ายรวมถึงหนี้สินอยู่พอควร ช่วงนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่าอยากจะได้เงินให้คุณแม่ อยู่ๆก็มีรายได้เพิ่มที่นอกเหนือจากรายได้ที่รับจากบริษัท เข้ามา ประมาณ 10,000 บาท แทบจะพอดี ภายในระยะเวลาประมาณครึ่งเดือน ทำให้ผมมีเงินเพียงพอที่จะให้กับคุณแม่ผมในวันตรุษจีน เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นไปอีก ว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอนครับ อยากจะบอกว่าแค่คิดก็มาแล้วครับ พระหลวงปู่ท่านจะดลบันดาลในสิ่งที่ใจเราคิดและต้องการ โดยสิ่งที่คิดและต้องการนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีนะครับ และสำคัญคือไม่เกินกรรม ไม่เกินพอดีเพราะถ้าเกินพอดีนั่นคือมีความโลภมาเจือปนไม่บริสุทธิ์ พระหลวงปู่หลังจากที่ได้บูชาแล้วต้องบอกว่า ชีวิตเกิดความราบรื่น มีความร่มเย็น สบายใจ และสามารถดลบันดาลในสิ่งที่ปรารถนาในใจของเราได้จริงๆ

    "ประสบการณ์จากเพื่อนที่บูชาพระเนื้อขาวหลวงปู่ทิม"
    ต้องขออนุญาตเป็นผู้ถ่ายทอดแทนเพื่อนคนนี้ เพื่อนผมคนนี้มีความเคารพและศรัทธาในองค์หลวงปู่ทิมมาก ผมจึงได้แบ่งลูกอมเนื้อขาวแบบมีห่วงให้ไปบูชาติดตัว ประสบการณ์ที่ได้รับ ความง่าย ความสบายใจ ร่มเย็น เพื่อนผมคนนี้เป็นเซลส์ครับ ตั้งแต่บูชาลูกอมคล้องติดตัว ต้องบอกว่า ขายได้แบบง่าย งง งง ลูกค้าตัดสินใจแบบง่ายๆ ทำงานแบบสบายๆ ไม่เหนื่อยแต่ได้เงินครับ แล้วเยอะด้วย55
    แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิตกับเพื่อนของผมคนนี้ครับ คือ คุณแม่ของเพื่อนผมเกิดป่วย เริ่มเข้า ออก โรงพยาบาลบ่อย ซึ่งคุณหมอก็รักษาตามอาการ แต่ฟันธงได้ไม่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ อยู่ๆพออาการเริ่มหนักไม่ไหว ก็พาไปโรงพยาบาล แต่พออาการเริ่มดีขึ้นก็กลับบ้าน เข้า ออกเป็นอย่างนี้อยู่สักระยะ แต่ช่วงหลังอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆ เป็นอะไรก็ไม่แน่ชัด จนพากันพึ่งไปหลากหลายทาง มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านนึงดูให้แนะให้ทำบุญถวายสังฆทาน แล้วอุทิศส่งบุญให้กับคุณแม่ กับเทวดาประจำตัวของคุณแม่ พอทำไปก็ดีขึ้นพักนึง แต่ไม่นานก็ทรุดลงอีก พอทรุดลงอีกก็ลองถามผู้ปฏิบัติธรรมท่านนั้นดู ท่านก็บอกให้ลองทำอีกครั้ง ก็เหมือนเดิมครับ คือพอทำไปก็ดีขึ้น แต่สักพักก็ทรุดอีก จึงไปหาครูบาอาจารย์ท่านนึง ท่านก็ดูให้ ท่านก็ถามว่าคุณแม่ไปทำอะไรที่ไหนมาหรือป่าว เพื่อนผมเองตอบก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับคุณแม่ ไปหาแม่เป็นครั้งคราวเป็นช่วงๆ จึงไม่ทราบแน่ชัด ก็ขอให้ท่านช่วย ท่านนิ่งสักพัก เพื่อนผมเองก็ไม่ทราบว่าท่านเห็นอะไร แต่ท่านบอกแค่ว่า เค้านั่งหันหลังให้อย่างเดียว คุยด้วยก็ไม่คุย ไม่ยอมรับอะไรเลย เหมือนจะเอาคุณแม่เพื่อนผมไปให้ได้ ท่านจึงได้แนะนำให้ไปทำบุญเลี้ยงพระ 700 รูป แล้วอุทิศส่งบุญให้กับคุณแม่ เทวดาประจำตัวคุณแม่ และเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่ด้วย ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อก็เหมือนจะยังไม่แน่ใจนัก ท่านบอกให้ทำดู เพื่อนผมก็ลองทำตามที่ท่านได้บอกแนะนำ อาการคุณแม่ก็ดีขึ้นปกติดีพักนึง แต่จู่ๆก็แย่ลงอีก กินอะไรก็อาเจียนออกหมด ทานอะไรไม่ได้ คราวนี้หนักครับ เข้าห้องไอซียู ต่อเครื่องช่วยหายใจ คุณหมอบอก คนไข้อ่อนเพลียมาก ชีพจรเต้นอ่อนมาก เพื่อนผมรีบไปที่โรงพยาบาล สอบถามอาการกับคุณหมอ คุณหมอส่ายหัว บอกโอกาสน้อยมาก ต้องดูอาการคืนนี้อีกคืน ถ้ายังเป็นแบบนี้ไม่ดีขึ้นอีก ก็คงจะไม่รับรองอะไรแล้วทั้งนั้น เพื่อนผมคนนี้ก็เฝ้าคุณแม่อยู่ที่ห้องไอซียูอย่างใกล้ชิด พอตกดึกอาการของคุณแม่ก็ยังทรุดลงไม่ดีขึ้น ชีพจรเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ จนคุณหมอต้องเข้ามาดูอาการอีกครั้ง และให้ญาติคนไข้ออกไปรอข้างนอก ระหว่างนั้นเพื่อนผมได้แต่ร้องไห้คิดว่าคงหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงอีกดี นึกถึงหลวงปู่ทิม โดยเอามือกำลูกอมของหลวงปู่ที่ติดตัว และอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ทิม ให้คุ้มครองคุณแม่ และช่วยคุณแม่ให้ปลอดภัยด้วยเทอญ อธิษฐานขอท่านทั้งน้ำตา และก็ยังเฝ้ารอดูอาการของคุณแม่อย่างใกล้ชิด สักพักพอประมาณ คุณหมอออกมาและไม่น่าเชื่อจริงๆ คุณหมอออกมาแจ้งว่าคุณแม่อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว ชีพจรคุณแม่เริ่มเต้นดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว ปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นแล้ว เหตุการณ์นี้เพื่อนผมเชื่อมั่นมากๆว่าเป็นเพราะบารมีหลวงปู่ทิมเมตตาต่อลูกศิษย์อย่างแน่นอน แล้วที่ไม่น่าเชื่อคือ ตั้งแต่ครั้งนั้น คือวันนั้นจนถึงปัจจุบัน คุณแม่เพื่อนผมคนนี้หายขาด จากอาการป่วย ไม่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอีกเลยครับ อาการทรงๆ ทรุดๆ ที่เคยเป็น ก็ไม่เป็นอีกเลย ปัจจุบันก็ใช้ชีวิตเป็นปกติสุขดีกับครอบครัว และแน่นอนเพื่อนผมคนนี้พกลูกอมเนื้อขาวแบบมีห่วงติดตัวตลอดเวลาครับ กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ทิม และขอขอบคุณลุงสาย อ.แก้วสว่าง ที่เก็บรักษาพระชุดนี้ ให้ตกทอดมายังลูกศิษย์รุ่นหลังๆอย่างเราๆได้บูชากันครับ
     
  17. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    16มิย ถือกำเนิด องค์หลวงปู่
    ดังก้องกู่ สู่นามว่า ทิมนั่นเอ๋ย
    ท่านสอนให้ รู้จักนิ่ง นะเจ้าเอย
    จงเฉยเมย เรื่องกิเลส เสพกามา

    เรื่องปฏิบัติ ของท่านนั้น ต้องเคร่งครัด
    ยึดบัญญัติ ตามหลักธรรม อย่างแน่นหนา
    เรียนวิชา ไสยอาคม สมงามตา
    แก่นแท้หนา รู้จักใช้ ใสคุณธรรม

    ด้วยดั่งแพทย์ แผนโบราณ สำคัญนัก
    ต้องประจัก รู้แท้จริง สิ่งที่หมาย
    ท่านเรียนรู้ ให้สมกับ แก่นแท้กาย
    มุ่งตามหมาย จิตเหนื่อยท้อ ต้องสู้ทน

    ท่านเรียนให้ เพื่อความจริง นั้นประจักษ์
    ให้แน่นหนัก ดั่งความรู้ สู้ไฉน
    เพื่อสืบทอด วิชาการ ให้ยาวไกล
    แก่นแท้ไซร์ เรียนให้ครบ ต้องจบความ

    เมื่อกล่าวถึง อันวัดวา ที่ท่านอยู่
    นำเข้าสู่ ละหารไร่ ใช้สืบสาน
    ท่านเคียงคู่ หมู่บ้านนี้ มาเนิ่นนาน
    ด้วยปณิธาน ที่แน่แท้ แลงามจริง

    เมื่อทุกสิ่ง สมดังกับ ความมุ่งมั่น
    ความขยัญ ต้องอดทน รนนิสัย
    ด้วยความรู้ ที่เรียนมา สมกับวัย
    นำมาใช้ ให้งามผล ดลใจเลย

    ถึงกระนั้น มันจะยาก แก่อุปสรรค
    ด้วยจิตชัก อันโยงใย ใสกล้าหาญ
    ใช้ความรู้ ให้เกิดผล ดลเป็นทาน
    ครูอาจารย์ ที่สืบผล ชลเปรมปรีย์

    อันวิชา แลอาคม ที่เรียนไว้
    เมื่อเห็นใช่ ต้องสืบทอด สอดผสาน
    เรียนให้รู้ สู่ความจริง แม้จะนาน
    เพื่อขับขาน ฉานความรู้ สู่ผลเอย

    ท่านลบผง พุทธคุณ เพื่อสร้างพระ
    ให้คนละ จากกิเลส เศษตัณหา
    ความจริงแล้ว สัจธรรม นั้นมีมา
    ให้รู้ค่า ความเป็นคน ผลใจเทิน

    พระของท่าน สร้างกันไว้ เพื่อสืบรู้
    ได้เล่าอยู่ กันเพียรจัก อย่างไฉน
    เมื่อนำก้อง ต้องเรียนรู้ คู่กันไป
    ไม่ใช่ใคร ก็ตัวเรา เท่านั้นเอง

    หลวงปู่ทิม ท่านใฝ่รู้ คู่คุณธรรม
    จิตผูกพัน ย่อมสืบแท้ แน่ไฉน
    ดั่งเกิดผล ดลนิพพาน แลยาวไกล
    เคียงคู่ไว้ สู่ก้องโลก โกรกตำนาน

    ความเล่าขาน อันเกรียงไกร ใช่ประจักษ์
    ด้วยจริงมรรค งามเกิดผล สนวิสัย
    พระของท่าน สานความดี สมดั่งใจ
    จิตนั้นไซร์ ความผูกพัน แหละยั่งยืน

    ท่านอย่าถือ โทษอันโกรธ แก่ใครๆ
    พระท่านให้ ความมรรคดี ทวีผล
    จงทำจิต ของท่านนั้น ให้มั่นคง
    ความโง่งม สมดั่งหมาย มลายเอย

    หลวงปู่ทิม ท่านเสกพระ ละกิเลส
    เพื่อให้เปต ชลทั้งหลาย ได้เล่ารู้
    ว่าความจริง นั้นมันเป็น เหมือนดั่งครู
    ให้เข้าสู่ สู้ความดี ลี้ผลกรรม

    พระของท่าน เสกด้วยจิต อันบริสุทธิ์
    เพื่อชี้ฉุด หยุดแน่นหนา ความสะสม
    ความมรรคดี ที่ยุ่งยาก แก่ใจคน
    ความวกวน ช่วยแก้ได้ กลายความจริง

    เมื่อก่อนนั้น เขาสร้างกัน นำไปใช้
    เพื่อสื่อให้ รอดพ้นกัน ตามวิถี
    จิตศรัทธา ของผู้คน นั้นมากมี
    เพราะสิ่งนี้ คือความจริง ศรีสัจเอย

    เมื่อสุดท้าย แล้วความจริง จงปรากฏ
    ความชี้ชด หยุดตัณหา ความแน่นไหว
    เมื่อความลับ ที่ปิดไว้ ตั้งยาวไกล
    จงเฉลยให้ บังเกิดผล ดลใจเทิน

    กราบกราบกราบ ด้วยแทบเท้า ของหลวงปู่
    ที่ก้องอยู่ สู่ความดี มีศักดิ์ศรี
    ด้วยคำสอน ที่มากล้น พ้นทวี
    คำนามนี้ หลวงปู่ทิม งามศรีเอย
     
  18. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์อยู่เสมอให้ทุกคนมุ่งมั่นในการทำความดี ท่านไม่ได้สอนให้ยึดติดในเรื่องของพระเครื่อง ท่านจะสอนในเรื่องของการทำจิตให้นิ่งเพื่อที่จะต้องดำเนินชีวิตที่ดีต่อไปในวันข้างหน้า สอนให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ พระเครื่องนั้นเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าโดยมีพระอริยะเจ้าเป็นผู้สืบสานหรือสืบต่อเพื่อให้ทุกคนยึดมั่นในการทำความดี ถ้าทุกคนยึดมั่นทำความดีพุทธคุณของคุณพระก็จะคุ้มครองในความดีที่ได้ปฏิบัติ แต่ถ้าผู้นั้นกระทำตนไม่ดีคุณพระก็ย่อมไม่คุ้มครองถึงแม้จะแขวนพระต่างๆมากมายหลายองค์ก็ตามที หลวงปู่ทิมท่านได้สอนในเรื่องกฎแห่งกรรม เมื่อเราตายไปมันก็ย่อมจะตกเป็นมรดกของคุณรุ่นหลังหรือของแผ่นดิน คนมีปัญญาย่อมจะใช้จ่ายให้เกิดสาระได้ สิ่งที่เหมือนเงาตามตัวเราไปในชาติหน้านั้น มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น สิ่งอื่นหามีติดไปมิได้เลย จงห่วงตัวเองเถิดว่าตายแล้วมันจะไปนรกหรือสวรรค์ เมื่อเราอยู่ในภพนี้เราทำดีแล้วหรือยัง! การได้เกิดมาเป็นคนนั้นถือว่าเป็นต้นทุนเพื่อการสร้างบุญสร้างกุศลให้เป็นกำไรชีวิตเพื่อผลบุญในวันข้างหน้า พยายามสร้างชีวิตของตัวเองที่ว่า “มองข้างหน้ามีความหวัง มองข้างหลังมีความสุข” ดีกว่า เหมือนกับการสร้างความดีจะมีความสุขภายหน้า ถ้าสร้างความชั่วจะมีความทุกข์ภายหน้า ดั่งคำกลอนที่ว่า “มนุษย์เราเอ๋ย อย่าหลงนักเลย ไม่มีแก่นสาร อุตส่าห์ทำบุญ ค้ำจุนเอาไว้ จะได้ไปสวรรค์ จะได้ทันพระเจ้า จะได้เข้านิพพาน” ฉะนั้น เกิดมาชาติหนึ่งแล้วจึงควรมุ่งสร้างแต่ความดี เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ชนรุ่นหลังปฏิบัติเจริญรอยตาม ซึ่งเป็นกุศลค้ำจุนตัวเองให้พบแต่ความสุขทั้งในภพนี้และภพหน้า และใคร่ขอให้ทุกคนพิจารณาด้วยความไม่ประมาท......
     
  19. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ผมขอย้อนนำพระพุทธห้าเหลี่ยมหรือพิมพ์ขุนแผนในยุคเก่าซึ่งเนื้อนี้สร้างจากผงผสมว่านต่างๆ ซึ่งสร้างกันในยุคต่อๆมา โดยมีหลายเนื้อหาตามแต่จะคิดแบบสูตรกัน สังเกตุจากพิมพ์และรายละเอียดของเนื้อหาซึ่งจะไม่ค่อยมีความชัดเจนใดๆมากเพราะการกดสร้างนั้นทำด้วยมือทั้งสิ้น เวลาแห้งพระจะคลายตัวเพราะไม่มีแรงบีบอัดที่มาก พระส่วนใหญ่จึงออกมาในรูปแบบบ้านๆ สำหรับพระองค์นี้ผมได้ขอถ่ายจากเจ้าของเดิมคนบ้านค่ายซึ่งเขาได้รับกับมือของหลวงปู่ทิม ในยุคที่เขาได้ไปมาหาสู่กับหลวงปู่ที่วัด เขาเล่าว่าสมัยนั้นที่เขาได้รับมอบมาไม่มีราคาบูชาใดๆ ถ้าอยากทำบุญก็ทำกันไปตามแต่ศรัทธากัน

    [​IMG][​IMG]
     
  20. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    จะเห็นว่าปลัดขิกที่หลวงปู่ทิมท่านเสกกันมาตั้งแต่ยุคแรก ซึ่งก็ยังไม่มีความสวยงามใดๆเพราะยังไม่มีการพัฒนาฝีมือกันให้มีความสวยงามโดยที่ตอนนั้นจะสร้างเพียงเพื่อต้องการผลพุทธคุณอย่างเชื่อมั่นกันเท่านั้น

    การแกะเหลาปลัดขิกหลวงปู่ทิมในยุคแรกเท่าที่สืบทราบส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือของปู่พิณ สัมฤทธิ์ ลูกศิษย์ในยุคเก่าและนายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรของวัด ช่วงเวลานั้นไม่มีการตั้งราคาบูชาใดๆไม่เหมือนกับในช่วงยุคสร้างโบสถ์ใหม่ที่มีการตั้งราคาขึ้นเพื่อหารายได้มาสมทบทุนสร้างโบสถ์ของวัด

    ปลัดขิกในยุคแรกๆนั้นส่วนใหญ่จะแกะมาจากไม้เสาโบสถ์เก่า ต่อมาก็มาใช้ไม้ที่เอามาทำยาสมุนไพรต่างๆมาแกะโดยไม่ได้จำเพาะเจาะจง ได้ไม้แบบไหนที่มีรูปร่างพอเหมาะพอควรก็แกะเหลาตามขนาดกันเลย

    นายสาย แก้วสว่างท่านเล่าว่าปลัดขิกที่นำไปให้หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกในยุคนั้น หลวงปู่ท่านจะเสกในห้องของท่านทุกค่ำคืนจนกว่าจะสำเร็จผลคือหมายถึงมีจิตวิญญาณของตัวมันเองได้ถ้าเปรียบถึงความสัมฤทธิ์ผลนั้นก็คือปลัดขิกนั้นมันดิ้นได้ หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่เสกวัตถุมงคลใดๆแล้วก็ตามที ถ้ายังไม่สำเร็จเสร็จสิ้นท่านจะไม่นำมาแจกแก่ผู้คนอย่างเด็ดขาด

    สำหรับปลัดขิกของหลวงปู่ทิมที่เคยลงในครั้งก่อนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นไม้เสาโบสถ์หรือแก่นเสาโบสถ์ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีความสวยงามเพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง ซึ่งอุปกรณ์ในการแกะเหลาก็มีเพียงมีดเท่านั้นจึงได้เพียงรูปทรงที่เห็นกัน ต่อมาเมื่อมีการใช้ไม้ที่เอามาทำยาต่างๆเพราะตอนนั้นหลวงปู่ทิมท่านมีชื่อเสียงที่กระฉ่อนมากทางด้านหมอยา จึงมีไม้ที่เอาทำยาสมุนไพรต่างๆมากมาย ไม้ที่เอามาทำยานี้โดยส่วนใหญ่จะเป็นไม้เนื้ออ่อนการถากเหลาให้เป็นรูปทรงจึงง่ายแก่การแกะเหลาเป็นปลัดขิกเพื่อนำมาแจกใช้กัน

    มาชมภาพปลัดขิกยุคแรกของหลวงปู่ทิมที่แกะเหลามาจากไม้ยาสมุนไพรต่างๆ มาให้ชมกันครับ
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...