ผมขอถามหน่อยใครก็ได้.....ตายแล้วเกิดใหม่จริงหรือ

เป็นคริสต์ป่าวครับ ถึงเชื่อว่าตายแล้วไม่เกิด

ถึงโลกจะเบิด มันก้อกลายเปนฝุ่นผง และกลับมารวมตัวเป็นโลกใหม่ เราก้อลงมาเกิดมาเป็นวัฏจักรวนเวียน แบบนี้จวบจนสิ้น เข้าพระนิพพาน

 

ข้อข้องใจ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>

อาจจะมีบางท่านถามว่า ตายแล้วเกิดจริงหรือ?<o></o>​

นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน มีจริงหรือ?<o></o>​

<o> </o>​

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน<o></o>​

<o> </o>
ก็ขอตอบว่ามีจริง เรื่องนี้พระพุทธเจ้าทรงยืนยันมาสองพันปีเศษแล้ว และในปัจจุบัน ชาวบ้านแม้แต่ลูกเล็กเด็กน้อย ก็สามารถปฏิบัติไปพบแดนเหล่านี้ได้นับจำนวนหลายแสนคนแล้ว เฉพาะที่ฝึกให้ และที่ท่านสอนกันที่อื่นยังมีอีกมาก ไม่ใช่สอนให้ไปได้เฉพาะสำนักนี้เท่านั้น ที่อื่นก็มีอีกหลายสำนัก บางสำนักท่านสอนมาก่อนสำนักนี้ เป็นเวลาหลายปี ท่านคงผลิตออกไปได้มากกว่าสำนักนี้มาก ความจริงถ้าเป็นพุทธสาวกจริง คือยอมรับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตาม ความรู้เรื่องอย่างนี้ไม่มีอะไรหนักเลย ความรู้ในวิชาสาม อภิญญาหก ท่านก็สอนไว้แล้ว คิดว่าพระที่ท่านบวชเป็นครูบาอาจารย์ท่านคงทำได้ทุกองค์ มีข้อสงสัยอะไรก็ถามท่าน คิดว่าท่านคงเต็มใจแนะนำให้<o></o>
<o> </o>
เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เทวดามีจริง ถ้าเราเคารพในพระองค์ เราก็ยอมรับนับถือไว้ก่อน แต่ทว่าวิธีการที่จะเปลื้องความสงสัย ว่าเทวดามีจริงหรือไม่มี ความจริงเรื่องนี้เป็นของไม่แปลก เป็นความรู้ชั้นประถมในหลักสูตรของพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่ใช่เป็นความรู้ขั้นพระอริยเจ้า เพียงแต่ว่าถ้าเราสามารถสร้างฌานโลกีย์ให้เกิด อันดับแรกจะทรงจิตแค่อุปจารสมาธิ ที่เราเรียกกันว่ายังไม่ขึ้นประถมปีที่ 1 ของหลักสูตรพระพุทธศาสนา แล้วก็ใช้อุปจารสมาธิ ฝึกจิตให้เข้าถึงด้านทิพยจักขุญาณ เพียงเท่านี้ เรื่องนรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม และสัมภเวสี จะปรากฏกับเราเอง ไม่ต้องไปนั่งเดา และก็ไม่ต้องไปคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มันเป็นบาป<o></o>
........................................

 

ขอแชร์ความคิดมั่ง
มีรายงานวิจัยหลายชิ้นทั้งไทยและเทศ เกี่ยวกับการละลึกชาติได้ของบุคคลธรรมดา
ยืนยันตรงกันว่า"ตายแล้วเกิดใหม่มีจริง"
นี่เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สังคม ไม่ใช่วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์
แต่รายละเอียดของการเกิดใหม่นี่ไม่ใช่ธรรมดา
คือไม่ใช่ตายแล้วจะได้เกิดเป็นมนุษย์เสมอไป
ขึ้นอยู่กับกรรมเวรที่ได้กระทำ หรือ ขึ้นอยู่กับบุญที่ได้ทำไว้ด้วย
อาจเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานก็ได้
หรืออาจเกิดเป็นเทวดาก็ได้
หรือเมื่อจิตผูกพันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากไป เช่นห่วงสมบัติ ตายแล้วถึงทำบุญมามากก็ไม่ได้ไปเป็นเทวดาเลยเสียทีเดียว
เพราะตัวห่วงเกาะไว้ให้กลายเป็นโอปะติกะ อยู่เฝ้าสมบัติก่อนก็มี
พอหมดห่วงด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งก็ไปเกิดเป็นเทวดาอย่างนี้
ฟังเขาเล่า
อ่านหนังสือ ไม่รู้เรื่องดอก
ต้องปฏิบัติ ศีล สมาธิ ภาวนา เอาเอง ต้องรู้ด้วยตนเอง
ถ้า ไม่มีศรัทธาและความเชื่อในสิ่งที่เป็นจริงและถูกต้อง
ของผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน

 

เรียน จขกท
ขอให้คุณปฏิบัติตามพระไตรปิฎกนั่นแหละครับดีที่สุด สุดเรื่องอื่นๆ ก็ต้องอาศัยการปฏิบัตินั่นแหละครับเป็นตัวพิสูจน์
เรื่องการเป็นไปของโลกเป็นเรื่องอจินไตยครับ คิดไปก็ปวดหัว ไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา
พระพุทธองค์ทรงตรัสกับผู้ที่มาถามเรื่องอย่างนี้ว่า หากท่านถูกศรยิง ท่านจะมัวมาหาผู้ยิงอยู่หรือ ไยไม่รีบรักษา ซึ่งก็คือถึงรู้ว่าใครยิงก็ไม่เกิดประโยชน์
มนุษย์มีชีวิตที่สั้นนัก ตายง่าย และจะตายตอนไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงอยากให้ท่าน จขกท รีบปฏิบัติเถอะครับ

ปล. ส่วนผมก็ยังต้องปฏิบัติและเรียนรู้อีกเยอะครับ เรามาเจริญในธรรมร่วมกันนะครับ.............

 

ถึงแม้ไม่มีโลกมนุย์ที่สิ่งมีชีวิตสามรถอยู่ได้ในจักรวาลใด ๆ ก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสัตว์โลกแล้ว จิตวิญญาณในภพต่าง ๆ ที่ไม่สามรถเห็นด้วยตา หาประมาณไม่ได้

ส่วนเรื่องชีวิตหลังความตาย พิสุจน์และศึกษากันมาเยอะแล้ว หาอ่านได้ เรื่องการละลึกชาติของคน มีการบันทึกทั้งของไทย ของฝรั่งเป็นร้อย ๆ ตัวอย่าง

ถ้าอยากรู้ไปถึงภพชาติอื่น ๆ ของตนเอง หรือภพภูมิอื่น ๆ อย่ามัวแต่ถามและรอคำตอบจากคนอื่น เริ่มลงมือปฏิบัติสมาธิกรมฐาน แล้วจะได้คำตอบ

คนจะเวียนว่ายตายเกิดใน 31 ภพภูมิหลัก(ซึ่งในนี้อาจจะมีภพย่อยอีก) สัตว์ในที่นี้หมายถึงสัตว์ใน 31 ภพภูมิ หมายถึงทั้งที่เห็นได้ด้วยตาและไม่สามรถเห็นได้ ไม่สามารถเกิดเป็นต้นไม้หรือแบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ใด ๆ ได้ เพราะ พืช และจุลินทรีย์ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแรงกรรม คือไม่มีวิญญาณ หรือที่เราเรียกว่าจิต

 

พระพุทธองค์ตรัสถึงการเวียนว่ายตายเกิดทั้งของหมื่นพันจักรวาลและของสัตว์โลกทั้งสี่ในแต่ละจักรวาล

 

จิงๆ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเอาโลกเป็นหลักหรือเอาตัวเองเป็นหลัก ถ้าให้อธิบายเรื่องโลก รายละเอียดมันเยอะ สามารถหาข้อมูลได้เยอะแยะ แต่ถ้าพูดกันในหลักการก็คงต้องบอกว่า จิตไม่มีวันตาย แต่สภาวะที่รองรับหลังจากจิตเปลี่ยนภูมิที่ยึดเกาะมันต่างกันเท่านั้นเอง ก็หมายความว่า สุริยะจักรวาลหรือแม้แต่แกแล๊กซี่จะระเบิดหายไป แต่ภพภูมิที่จะรองรับสภาวะจิตของเราอื่นๆ ก็อยู่ถมไป