การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี

ไม่ได้ตีเด็กมานานแล้วค่ะน้องสร้อย คงไม่กล้าตีแล้วละ
สมัยก่อนเคยตีเด็กๆ
ก่อนตีก็อธิบายว่าทำไมจึงตีเขา ใช้ไม้เรียวของเขาที่ทำมา
แต่ละคนให้ทำไม้เรียวมา ๓ อัน เขียนชื่อเอาไว้
ตีตามระเบียบทุกอย่าง
แต่ครูเองที่ทุกข์ เห็นลูกศิษย์เจ็บ เป็นครูเองที่แอบไปร้องไห้
หายามาทาให้..

 

สมัยเค้าเรียน มีการตีหน้าเสาธง ตีหน้าชั้นเรียน ตีหน้าสนามเด็กเล่น
ตีทีเสียงดังจากหน้าโรงเรียนถึงหลังโรงเรียนเลยนะ พี่ติงติง
และที่เค้าเรียนก็เป็นโรงเรียนคริสเตียนเสียตังก์จ้างครูมาสอน
ตีกันที่นั่งแทบไม่ลง ก้นเขียวไปตามๆ กัน
แต่แปลกนะ นักเรียนก็ไม่ได้โกรธเคียดแค้นครู
ก็ยังรักครูเหมือนเดิม
และผลการเรียนของเด็กๆ ซึ่งมาจากการกลัวถูกครูตี
ทุกคนก็ได้ดีกันทั้งนั้นเลยอ่ะจ่ะ...

 

สมัยนี้คงยากแล้วค่ะน้องสร้อย
แค่ครูพูดไม่เพราะ เด็กๆก็โทรฟ้องผู้อำนวยการ
เวลาประชุมครูผู้ปกครอง ผู้ปกครองก็สับครูเละเป็นโจ๊ก
ยุคสิทธิเด็กค่ะ ^____^

 

ผมอ่านออกแล้วครับ ชอบพลังจิตเพราะทำให้ผมฉลาดโดยเฉพาะห้องลึกลับ

 

ยินดีต้อนรับค่ะ
เชิญมาร่วมเสวนาทางการศึกษากันนะคะ
เป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาไทย
แม้จะมีแอบบ่นเล็กๆจากครูติงค่ะ

 

แหะๆ โพสต์ตัวใหญ่ไปหน่อย....

การให้สิทธิเด็กจนมากเกินไป ทำให้เสียเด็ก
ผู้ปกครองก็รักลูกเกินไป ทำให้สมัยนี้เด็กก้าวร้าวไม่เกรงกลัวผู้ใหญ่
ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ และเห็นตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง ขัดใจไม่ได้

ตอนเค้าเรียน เค้ายอมรับเลยว่าเครียดมาก
ถามว่ากลัวถูกตีไหม เค้าก็กลัวอ่ะจ่ะ แต่เค้าส่งการบ้านทุกครั้งก็ไม่ถูกตี
ท่องศัพท์วันละ ๒๐ -๓๐ คำ ถ้าเขียนผิดคัดใหม่คำละ ๑๐๐ จบ

การเข้มงวดในการสอนก็ดี ทำให้เด็กรู้จักกรอบ กฎ กติกาของสังคมไปในตัว

 

ครูติงครับ ทำไมเมืองไทยมีคำขวัญเยอะจังครับ เด็กอย่างผมจำไม่หมด คำขวัญวันเด็ก คำขวัญโรงเรียน คำขวัญประจำจังหวัด มีเพลงหน้าที่เด็กสิบอย่าง ตัวผมนิดเดียวให้มีหน้าที่สิบอย่าง แล้วผู้ใหญ่มีอะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ

 

เมื่อผู้ใหญ่ใกล้ตัวเด็กเป็นผู้ใหญ่ที่เน่า
จึงไม่รู้ว่าสังคมกำลังสร้างปัญหา
ให้เด็กๆและลูกตัวเอง
เพราะตัวเองก็เป็นตัวปัญหาพราะขาดสติปัญา
ที่จะเท่าทันระบบระบอบ
ของสังคมที่กำลังวิวัฒน์อย่างรวดเร็ว
ไปสู่ทิศทางที่ไร้ทิศทาง
จึงเหมือนต้องปล่อยเลยตามเลย
ไม่มีกำลังพอทีจะต้านความเปลี่ยนแปลง
ตามไร้ทิศทาง
เช่นว่านี้ เราเคยรอและหวังอัศวินม้าขาวมา
แก้ไขให้แต่สุดท้ายยังไม่ใช่อัศวินตัวจริง

 

สมัยเรียน ม.ปลาย
มีคุณครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษท่านหนึ่งชอบตีนักเรียนค่ะ
ถ้าเป็นนักเรียนชายท่านจะบิดพุง บิดหู
ถ้าเป็นนักเรียนหญิงท่านจะเอาหนังสือตบหัว
เรากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นก็จะอายและกลัว
ตลอดระยะเวลาที่เรียน ม.ปลายจะเครียดๆๆๆ กับวิชานี้(เป็นทุกคนในห้อง)
เรียนกับท่านทุกภาคเรียน
วันไหนมีเรียนจะทุกข์มาก ต้องพยายามหาคำตอบที่ถูกต้องสำหรับแบบฝึกหัดทุกๆข้อ เพราะไม่ทราบว่าเราจะถูกถามข้อไหน
โชคดีว่าแม้ท่านจะสุ่มถามทุกคาบ ก็ไม่เคยถูกตี
(ถ้าตอบผิดท่านจะตี)
เป็นความทรงจำที่ทำให้เกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากค่ะ:'''(

 

การศึกษาที่ไร้ทิศทางเป็นอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
แล้วการศึกษาที่มีทิศทางน่ะ
มันควรจะเป็นยางไง ล่ะลุงแมวเอ๊ย!?!

 

ตอนนี้มีค่านิยม ๑๒ ประการให้ท่องด้วยค่ะ

หนึ่งรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สองซื่อสัตย์ เสียสละ อดทนได้
สามกตัญญู พ่อแม่ สุดหัวใจ
สี่มุ่งใฝ่ เล่าเรียน เพียรวิชา
ห้ารักษา วัฒนธรรม ประจำชาติ
หกไม่ขาด ศีลธรรม ศาสนา
เจ็ดเรียนรู้ อธิปไตย ของประชา
แปดรักษา วินัย กฎหมายไทย
เก้าปฏิบัติ ตามพระ ราชดำรัส
สิบไม่ขาด พอเพียง เลี้ยงชีพได้
สิบเอ็ดต้อง เข้มแข็ง ทั้งกายใจ
สิบสองไซร้ คิดอะไร ให้ส่วนรวม

 

นโยบายทางการศึกษาที่เปลี่ยนตามผู้นำนี้อันตรายมากค่ะ
มีเรื่องอัดอั้นตันใจมาก
ถ้าพูดออกมากระทู้ถูกลบแน่นอน(ไม่ได้กลัวถูกลบค่ะ แต่ยังอยากคุยสนุกๆ)
มันยิ่งกว่าน้ำท่วมปากนะคะคุณลุงแมว
ไม่ว่าให้โรงเรียนปลูกกล้วยเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียน
ยกเลิกการให้เด็กๆท่อง(รวมทั้งสูตรคูณ)
การสอนภาษาไทย แบบไม่แจกลูก โดยสอนเป็นคำๆแบบภาษาอังกฤษ
การประเมินต่างๆ
...
ฯลฯ

 

เมื่อทำงานผ่านไปแล้วจะรู้ว่า ที่ทำงานไม่มีใครมาสอนเรื่องศีลธรรมจรรยาบรรณกัน เพราะต่างเกรงใจกัน
ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ควรสอนและ ทดสอบให้มีตั้งแต่เด็ก

ตามค่านิยมนี้

สำหรับค่านิยมหลักของคนไทย 12ประการ ตามนโยบายของ คสช. ประกอบด้วย
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

 

ตอนเค้าเรียนม.ต้น เค้าไม่ได้เรี่ยนโรงเรียนคริสเตียนอีกเพราะที่นั่นสอนถึงแค่ ป.๖
เค้ามาต่อโรงเรียนรัฐบาล เรียนแผนอังกฤษ-อังกฤษ

มีคาบวิชาภาษาไทย เป็นครูผู้ชายสอน
ครูไม่ถือไม่เรียวแต่ถือพระขันธ์ไม้
ถ้าใครตอบผิดจะถูกพระขันธ์เคาะที่หัว เจ็บนะ
แต่ไม่มีใครคิดที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษครูเลย
เพราะครูสอนสนุก และเด็กๆ ก็รักครู

มีอีกตอนนึง เป็นวันสอบปลายภาคเรียน
ช่วงกำลังรอเข้าห้องสอบ เค้านั่งจับกลุ่มกัน ๔ คน
แล้วให้แต่ละคนหยิบหนังสือขึ้นมาถามเพื่อนในกลุ่มเวียนกันคนละข้อ
ตอนนั้นมีอาจารย์เดินมาถึง ตีเรียงตัวผั่วะๆๆ เลย หาว่าไม่นั่งอ่านหนังสือ
มามัวแต่คุยกัน แต่ตอนนั้นถึงคิวเค้ากำลังจะถามคำถามจึงถือหนังสืออยู่ในมือ
เค้าก็เลยไม่ถูกตี... เพื่อนก็โดนตีฟรีไป....
ถามว่าเพื่อนผิดไหม... เพื่อนไม่ผิด ครูไม่เห็นว่าพวกเราอ่านหนังสือ
ครูไม่รู้ว่าเราจับกลุ่มติวกันอยู่
แล้วถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเกิดโกรธครูแล้วเอาเรื่องไปฟ้องผู้ปกครอง
ผู้ปกครองบ้าจี้ มาเอาผิดกับครู
ครูก็ต้องถูกเรียกมาต่อว่าคาดโทษ....
แต่พวกเราก็ไม่โทษครู เพราะครูอยากให้ทุกคนสอบได้...

 

เด็กๆที่มีปัญหาในขณะนี้ล้วนมาจากครอบครัวที่มีปัญหาค่ะคุณลุงแมว
กว่าร้อยละ ๕๐ เด็กๆไม่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่
ส่วนมากจะหย่าร้าง
เด็กบางคนไม่เคยเห็นหน้าแม่เลย
เด็กบางคนอยู่กับคุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่ไปทำงานหาเงิน
เวลาวันพ่อ วันแม่ เด็กๆเหล่านี้จะเกลียดวันพวกนี้มาก
น่าสงสารนะคะ

 

ขอพ่นต่ออีกหน่อยครับครูติง
เรื่องการศึกษาที่มีทิศทางนะครับ
อันดับแรกอุดมการณ์ของชาติต้องมีก่อน
คือต้องการจะให้ชาติ
มีความโดดเด่นทางด้านใดในภูมิภาคและในโลก
2.ออกแบบและสร้างRoad Map เพื่อไปถึงอุดมการณ์
3.ตราเป็นกฎหมายเฉพาะเพื่อไม่ให้แกว่งไปมา
ตามนโยบายพรรคการเมือง

4.ในกฎหมายต้องมีมาตราที่ว่าด้วยครูคือบุคลากรพิเศษ
เพราะทำหน้าที่สร้างคน เพื่อให้ได้คนดีมาสร้างความ
เป็นปึกแผ่นให้แก่สังคม
5........
ทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ต้องได้รัฐบาล
ที่มีอุดมการณ์เพื่อชาติ

 

เค้าบอกเลยว่า อนาคตล้มเหลว
ภาษาไทยไม่เหมือนภาษาอังกฤษ
ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่ สะกดคำผิดแทบทั้งนั้น

 

จริงอย่างที่พี่ระมิงค์พูดค่ะว่า คนที่เรียนเก่งๆ มักมองผ่านอาชีพครู
เพราะสังคมปัจจุบันไม่ได้เห็นคุณค่าของครูเหมือนในอดีต
สังคมมองว่าครูเองยังแก้ปัญหาของตนเองไม่ได้
มีหนี้สินล้นพ้นตัว จะไปสอนใคร
รายได้ก็น้อย ไม่สามารถจับจ่ายใช้สอยของแพงๆมาใช้ได้
....
สมัยเรียนชั้น ม.ปลาย
เพื่อนในห้องเรียนของติงได้เกรดเฉลี่ยต่ำสุด ๑.๐๑
เกรดเฉลี่ยสูงสุด ๓.๓๒
คนที่ได้เกรด ๓.๓๒ ไปเรียนคณะแพทย์ศาสตร์
คนที่ได้เกรดต่ำกว่าติง อยู่ ๐.๗๔ ไปเรียนคณะพยาบาลศาสตร์
ติงเองเลือกเรียนครู เพราะได้ทุน....
ติงไม่ใช่คนเรียนเก่งที่สุดของห้องหรือของระดับชั้น
แต่อยู่อันดับ ๑ ใน ๑๐ ของโรงเรียนประจำจังหวัดที่ระดับชั้นสูงสุดของโรงเรียนมีนักเรียนหกร้อยกว่าคน
...เพื่อนๆในห้อง เรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยทุกคน...

ความจริงติงอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์นะคะ
ชอบทดลองมาตั้งแต่เด็กค่ะ
แต่พอสอบได้คณะศึกษาศาสตร์ ก็ไม่คิดจะไปสอบอย่างอื่นอีก

แต่ปัจจุบัน คนเริ่มอยากมาเป็นครูมากขึ้นค่ะ แม้จะยังเป็นสัดส่วนที่น้อย...

 

ปัญหาหนักอกที่สุดของเราทุกคนคือ
รัฐบาลที่นั้น เราจะได้มาอย่างไร
เพราะคนที่ไปหย่อนบัตรเลือกผู้แทน
ไม่เคยรู้วงจรปัญหาแบบที่เรารู้กัน
รู้แค่ว่า"เงินไม่มากาไม่เป็น"

 

ควรเน้นการสรัางสรรค์งานวิจัยค้นคว้าตามความเหมาะสมเท่าที่มี
เพื่อส่งเสริมให้มีการคิดสร้างสรรค์ แต่สิ่งเหล่านี้ทำด้วยการบังคับไม่ได้
จึงควรจัดเป็น ชมรม หรือไม่ก็กิจกรรมระหว่างการเรียน (ไม่ใช่การวัดตอนสอบข้อเขียน)

ได้ 5% 10% ก็เก่งแล้ว และอีกอย่างแต่คนมีความสนใจไม่เหมือนกัน

ทักษะการพูดก็สำคัญมากและการพูดสมองทำงานมากเพราะต้องโต้ตอบทันที
การจัดโต้วาทีแบบเล็กๆ เพื่อให้โอกาสนักเรียนได้ค้นคว้าแล้วเอาเหตุผลมาถกกัน
ช่วยสร้างการวิเคราะห์การคิดได้ดีเยี่ยม

กีฬาบางอย่างเช่น แบดมินตัน ถ้าเล่นเป็น จะมีการฝึกสมองถึงขั้นการคาดการณ์ล่วงหน้า
จะทำให้สมองและการ response ของสมองว่องไวครับ

ดนตรี งานศีลปะ ก็จำเป็นเพราะฝึกสมองทั้งสองฝั่ง

อื่นๆอีกเยอะครับ

การบ้านควรเพิ่มการเขียนตอบแบบบรรยายเหตุผล
ไม่น้อยไปกว่าคำถามแนวการจำ ชื่อ ปีพศ อะไรแบบนั้น