ติดตามสถานะการณ์

อดีตรมต.โปแลนด์เผยรัสเซียเคยชวนตัดเค้กแบ่งยูเครน



สื่ออเมริกันรายงาน นายราโดสลอว์ ซิกอร์สกี อดีตรมว.ต่างประเทศโปแลนด์ เผยรัฐบาลรัสเซียเคยทาบทามให้โปแลนด์เข้ามามีส่วนในการแบ่งแยกยูเครน

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/hC83kGoueDg?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

วันอังคาร 21 ตุลาคม 2557 เวลา 12:39 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่าเว็บไซต์ด้านข่าวสารการเมืองของสหรัฐและความเคลื่อนไหวด้านต่างประเทศ "โพลิติโค" เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของนายราโดสลอว์ ซิกอร์สกี อดีตรมว.กระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์ ซึ่งหมดวาระเมื่อเดือนก.ย. โดยเป็นการกล่าวเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าย้อนกลับไปเมื่อปี 2551 นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ผู้นำโปแลนด์ในเวลานั้น เดินทางเยือนกรุงมอสโก ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรัสเซีย

ทั้งนี้ ทัสก์และปูตินมีโอกาสพบปะหารือกันเป็นการภายใน ซึ่งปูตินล่าวในช่วงหนึ่งของการสนทนา ทาบทามให้โปแลนด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "ตัดแบ่งยูเครน" หรือ "พาร์ทิชั่น ออฟ ยูเครน" เนื่องจากก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้น ดินแดนบางส่วนที่เป็นภาคตะวันตกของยูเครนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองใหญ่หลายแห่งรวมถึง ลีฟ เคยเป็นของโปแลนด์มาก่อน

ซิกอร์สกียืนยันว่าทัสก์ไม่ได้แสดงท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากรู้สึกคล้ายถูกสอดแนมและกำลังมีการบันทึกบทสนทนา และหลังจากนั้น รัฐบาลโปแลนด์ไม่เคยเอ่ยถึงประเด็นนี้อีกและไม่แสดงความสนใจเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หลังรายงานของโพลิติโคได้รับการเผยแพร่ออกไปไม่นาน ซิกอร์สกีอธิบายผ่านทวิตเตอร์ของตัวเอง @sikorskiradek ว่าโพลิติโคตีความบทสัมภาษณ์บางส่วนคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ขณะที่หลายฝ่ายมองบทสัมภาษณ์ล่าสุดของซิกอร์สกีอาจสร้างบรรยากาศตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างวอร์ซอกับมอสโก กระนั้นรัฐบาลของทั้งสองประเทศยังคงสงวนท่าทีในเรื่องดังกล่าว

อดีตรมต.โปแลนด์เผยรัสเซียเคยชวนตัดเค้กแบ่งยูเครน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Jaroen Compeerapap

Animation การเคลื่อนแผ่นเปลือกโลกในเวลานี้ครับ by Konstantin, Zeta Talk 7 of 10 Sequence ลองศึกษาดูครับ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/ms4J413rDV8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

Indo Australian Plate ติดกับบ้านเราเคลื่อนทั้งแผ่นดังภาพ คงจะเป็นเหตุที่เชียงราย แม่สรวย มีการเคลื่อนอยู่บ่อยครั้ง หวังว่าทุกท่านจะหายสงสัยเมื่อดูจาก Animation นี้แล้ว

 

Jaroen Compeerapap



รูปภาพแสดง พลังสนามแม่เหล็กโลกที่เคยต้านพายุสุริยะ รังสีคอสมิค หรือ สนามแม่เหล็กจาก planet x เธอทำหน้าที่ของเธอมาเป็นเวลาเป็นหมื่นเป็นล้านปี ทำให้ก่อเกิดสิ่งมีีชีวิตบนพื้นโลก กำลังจะผ่ายแพ้กับความโลภและกิเลสของมนุษย์ วันที่เธอหมดแรงจำเป็นต้องปรับตำแหน่ง เพื่อเข้าสู่สมดุลในระบบสุริยะใหม่ หวังว่ามนุษยฺ์ที่เหลือจะได้เรียนรู้อดีตเถอะว่าเรา อยู่กันอย่างไรในอดีต และ อนาคตจะอยู่อย่างไร ถ้าทุกอย่างถูก Set Zero ... Planet Earth / Mother Earth

 

Pentacle ดาวห้าแฉก สัญลักษณ์ของปีศาจบาโพเมท(Baphomet)



Pentagram ที่เคยได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ ไม่เคยที่จะเป็นสัญลักษณ์ของการบูชาปิศาจหรือซาตานมาก่อนเลย

ในทางกลับกัน กลับเป็นสัญลักษณ์ของเทพีในลักธิเพแกน(ในที่นี้ผมไม่แน่ใจว่าใช้เทพีวีนัสหรือป่าว)


ซึ่งโดยทั่วไปหลายๆ คนก็จะคุ้นเคยกับภาพของสัญลักษณ์ทางศาสนาที่นอกรีดของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นลัทธิบูชาปีศาจที่มีบาโพเมทเป็นร่างจำแลงของซาตาน

เอาละ แล้วทำไมเพนทาเคิลจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจไป แล้วทำไมบาโพเมทจึงกลายเป็นร่างจำแลงของซาตาน บาโพเมท (ซึ่งจริงๆ แล้ว บาโพเมทเกิดจากโลกิ ในตำนานแสกนดิเนเวีย)



บาโพเมท (Baphomet) จะขอกล่าวในตำนานของเทพเนอสก่อนแล้วกัน

เรื่องราวเริ่มขึ้นเนิ่นนานก่อนเข้าสู่สงครามแร็กนารอค เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายยังอาศัยอยู่ ณ สรวงสวรรค์ มิดการ์ด และคอยตรวจตรามิดเดิลเอิร์ธโลกมนุษย์ เพื่อปลุกระดมสงครามไว้รวบรวมเหล่าวิญญาณผู้กล้ามาเป็นนักรบเบอร์เซอก


ณ เวลานั้น มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งมีนามว่า ซู โดยเมืองนี้นับถือเทพเจ้าแห่งไฟ นั้นก็คือเทพจอมซนโลกินั้นเอง ที่เมืองซู มีสตรีนางหนึ่ง นามว่า บาร่า นางมีบุตร ที่ผมหาข้อมูลไม่ได้ว่ามีกันกี่คน แต่ นางบาร่าคนนี้ เป็นคนจิตใจคับแคบ ไม่คิดช่วยเหลือใคร จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบในเมือง นานวันไปนางยิ่งร้ายกาจจนคนทั้งเมืองพากันรุมเกลียด

จนกระทั่งวันหนึ่ง เทพโลกิ ก็เสด็จมา ณ เมืองซูแห่งนี้ครับ มารับของสังเวยและของบูชายันต์มาอย่างเซงๆ เบื่อๆ เพราะทำอย่างนี้มาตลอด จำเจซ้ำซาก(พอๆ เอาว่าเทพโลกิ เบื่อแล้วกัน) เมื่อเทพโลกิได้รับพวกของบูชาอะไรไปเรียบร้อยแล้ว เหล่าชาวเมืองก็ทูลองค์เทพว่า มีนางบาร่านิสัยเสียในเมืองที่เห็นแก่ตัว ไม่ช่วยเหลือผู้อื่น ฟ้องไปเรื่อย จนมาจบที่ต้องการให้นางบาร่าหายไป

เทพโลกิก็เออออไปด้วย เพราะนางเป็นคนไม่ดีจริงๆ โดยที่เทพโลกิจะสาปนางให้กลายเป็นกวางมูสครับ ว่าแล้วก็ร่ายคาถา สาปซะ แต่เกิดผิดพลาด (แต่ตั้งใจ เพราะเซง อยากเห็นอะไรสนุกๆ) นางบาร่าจึงกลายสภาพไปเป็นแพะภูเขามีเคียวโง้งเป็นอาวุธ และมีพลังอำนาจล้นเหลือ

บาร่ากลายเป็นปีศาจที่น่ากลัวไปแล้ว (มาถึงตรงนี้ หลายๆ คนก็รู้สักทีว่าบาโพเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย) โลกิก็งานเข้าสิครับ เข้าสู้กับบาโพอย่างทุลักทุเล เพราะมันมีอำนาจมาก สุดท้าย โลกิเห็นว่าจะปราบไม่อยู่ เลยผนึกไว้ในวิหารเสีย และก็กลับไป บ้านเมืองจึงเข้าสู่ความสงบ

หลายขวบปีผ่านไป ลูกๆ ของนางบาร่าเติบโตเป็นชายฉกรรจ์ ก็คิดแค้นจะช่วยแม่ บุกเข้าไปในวิหารหมายปลดทำลายผนึกของเทพโลกิ เดือดร้อนชาวเมืองต้องออกมาป้องกัน แต่นายคนนี้มันเก่งครับ คาดว่าน่าจะฝึกฝีมือมาตลอดเพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยมารดาตนเองให้ได้ จนในที่สุด งานก็เข้าเทพโลกิอีกจนได้

เมื่อเทพโลกิมาถึง นายคนนี้ก็สู้พระองค์ไม่ได้และถูกชาวเมืองรุมจับครับ ด้วยความคึกและโกรธ ที่มนุษย์อาจหาญมาสู้กับเทพเจ้า เลยสาปเป็นกวางมูสเสียเลย และสำเร็จด้วยครับ คงเพราะโกรธจริงๆ แต่คงเพราะอยู่ใกล้ท่านแม่ที่เป็นจอมปีศาจแล้ว เห็นลูกตนเองถูกทำร้าย พลังของนางจึงเล็ดลอดออกมาจากผนึกและเพิ่มอำนาจให้ลูกชายเป็นเช่นนางครับ นั้นก็คือ เดาถูกไหม เดาถูกไหม

บาโพเมท จูเนียร์ (ที่เรียกเช่นนี้เพราะมันเป็นปีศาจตนใหม่ แต่เป็นลูกของบาโพเมท ชาวเมืองจึงเรียกมันเช่นนี้ครับ) คราวนี้แหละ กวางน้อยกลายเป็นปีศาจ ประชาชนแตกฮือ เทพโลกิยังจำได้ถึงอำนาจของบาโพเมท จึงจับอัดลงไปผนึกที่เดียวกับแม่เลย ในวิหารของพระองค์ จากนั้นพระองค์ก็กลับ แต่แน่นอนครับ ผนึกนั้นถูกเปิดและปิดอย่างรวดเร็ว นั้นทำให้มีช่องว่างเกิดขึ้น แต่ บาโพเมทใช่ว่าจะออกมาได้ในทันทีครับ

800 ปีต่อมา พลังของนางกล้าแข็งขึ้นจนในที่สุด นางก็คลายผนึกด้วยตนเองและพาลูกชายออกมาจากที่คุมขัง และเข้าสังหารชาวเมืองพร้อมกับรวมรวมกองทัพปีศาจเข้าจนเป็นกองทัพใหญ่ และไปบุกเทพโลกิครับ และแน่นอน พระองค์ต่อสู่อย่างสุดสามารถแต่ ถึงจะเทพแต่มาเยอะมันก็ไม่ไหว จนในที่สุด เทพโลกิก็พ่ายแพ้ให้กับปีศาจที่ตนเองบังเอิญ (นึกสนุก) สร้างขึ้นมาด้วยความไม่ตั้งใจ(จะให้เก่งขนาดนี้)

ส่วนบาโพเมท ก็ตั้งรกรากที่นั้นเป็นเมืองของเหล่าปีศาจ ปกคลุมด้วยความชั่วร้ายอยู่นานก่อนจะหายไปและเมืองนั้นก็กลายเป็นเมืองร้างในที่สุด

นี่ก็คือตำนานของบาโพเมทในตำนานเทพปกรณัมของชาวไวกิ้ง ซึ่งเป็นชนโบราญที่อยู่บริเวณยุโรปเหนือ และอารยะธรรมของชาวไวกิ้งก็แผ่ไปทั่วยุโรปครับ จนเข้าสู่ยุดของกรีกโรมัน พวกไวกิ้งถูกเรียกว่า บาบาเรียน เพราะชาวโรมถือว่าตนเป็นผู้มีอารยะ แต่ไวกิ้งนั้นเป็นคนเถื่อน ส่วนตรงนี้พักไว้ก่อนครับ ยังไม่ถึง

เอาละมาต่อกันต่อ เมื่อเราทราบความเป็นมาของบาโพเมทแล้ว มาดูที่ดาว 5 แฉกกันบ้างครับ

ซึ่งจุดเริ่มต้นที่เก่าแก่ที่สุดของสัญลักษณ์นี้ มีมาตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมีย หลายหมืนปีก่อนยุดอียิปโบราณ ซึ่งชาวเมโสโปเตเมียนับถือดวงจันทร์ เป็นเทพมาดร และดวงอาทิตย์ เป็นเทพบิดร เป็นศาสนาที่บูชาเทพเจ้าหลายพระองค์ ซึ่งมีดาวดวงหนึ่งแทนความรักและเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ดาวดวงนั้นคือดาวศุกร์ครับ และตรงกับวีนัส หรือ อโฟรดาย ในกริซพอดี

หากใครได้อ่านนิยายหรือชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือ รหัสลับดาวินชี ก็น่าจะพอรู้เรื่องราวของเพนทาเคิลในระดับหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงลัทธิแพกินและเหล่าอัศวินแห่งหุบเขาไซออน ซึ่งลัทธิแพกินนี้ นับถือเอาบาโพเมทเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์เพราะ พวกเขาใช้นมแพะในการดำรงชีวิตร่วมกับอาหารอื่นๆ รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ทางเพศ และการกำเนิด(การคลอดบุตร) และยังมีความสามารถทางดาดาศาสตร์ ที่สามารถคำนวณวิถีโคจรของดาวศุกร์ในแต่ละปี ซึ่งแนวโคจรนั้นตัดกันเป็นรูปดาวห้าแฉกครับ และความหมายของดาวศุกร์ในพวกแพกิน ก็เหมือนกับกับสองอารยธรรมที่กล่าวมาและใช้มันร่วมกับ บาโพเมท ส่วนที่เหล่าอัศวินแห่งไซออนไปเข้าลัทธินี้ได้อย่างไรผมไม่ขอกล่าวถึง เพราะไม่รู้ จำไม่ได้ หาข้อมูลไม่พอ Dark master คนนี้ ขออำภัย

เอาละ เข้าเรื่องกันต่อ เมื่อศาสนาคริสต์และวาติกันมีอำนาจสูงสุดในยุโรป พวกเขาจึงมีการให้ผู้คนเข้ารีต เพื่อนับถือเพราะเจ้า หลายลัทธิแรกๆ ก็ปฏิเสธ จบในที่สุดวาติกันเล่นไม้แข็ง บังคับให้นับถือ รวมถึงแพกินด้วย แต่ด้วยพวกเขามีพิธีกรรมต่างๆที่แสนจะแปลกพิศดาร ที่จะกระทำต่อ Baphomet เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจและวัตถุประสงค์ต่างๆ พิธีกรรมของ Baphomet มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ขั้นต้นที่อัญเชิญ Baphomet มา การให้ Baphomet เข้าสิงร่างและควบคุมร่างอย่างสมบูรณ์ (ตัวผู้ถูกสิงจะไม่มีสติเลย) รวมไปถึงการติดต่อกับ Baphomet เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจตอบสนองความปรารถนาต่างๆ รูปแบบของพิธีกรรมมีหลากหลายขั้นตอน แต่สิ่งประกอบสำคัญทั่วไป คือ เลือด และ การบูชายัญด้วยชีวิต

และทำไมบาโพเมทจึงกลายเป็นตัวแทนของซาตาน นั้นก็เพราะตำนานของแสกนดิเนเวียครับ บาโพเมทนั้นเป็นปีศาจ และ แพกิน นับถือพาโพเมท เป็นเทพแห่งความสมบูรณ์ ซึ่งวาติกันคงจะเอาสองสิ่งนี้มาผูกเข้าด้วยกัน จนทำให้พาโพเมท กลายเป็นสัญลักษณ์ของซาตานไป

สัญลักษณ์ดาว 5 แฉกของ Baphomet นี้ ถูกใช้อย่างเป็นทางการในแง่เครื่องหมายของ satan โดยเริ่มโดย Anton Szandor La Vey ในปี 1996 แล้วจึงถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยลัทธิบูชา satan ต่างๆทั่วโลก

Category: ตำนานเรื่องเล่าผีปีศาจ

ตำนานPentacle ดาวห้าแฉก สัญลักษณ์ของปีศาจบาโพเมท(Baphomet) | รวมตำนานต่างๆน่าสนใจ TumnanDD.com

 

ที่มา อุปกรณ์ตรวจอีโบลาเห็นผลใน15นาที | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

อุปกรณ์ตรวจอีโบลาเห็นผลใน15นาที

นักวิจัยฝรั่งเศสคิดค้นชุดอุปกรณ์ตรวจหาเชื้ออีโบลา
ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย รู้ผลได้ภายในเวลา 15 นาที
โดยมีลักษณะคล้ายเครื่องตรวจการตั้งครรภ์

วันพุธ 22 ตุลาคม 2557 เวลา 03:16 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ว่า คณะกรรมาธิการพลังงานนิวเคลียร์ (ซีอีเอ) ของฝรั่งเศส แถลงเมื่อวันอังคารว่า ทีมนักวิจัยจากบริษัทเวดาแลบ (Vedalab) ได้คิดค้นอุปกรณ์ตรวจหาเชื้ออีโบลา 'อีโบลา อีซีสกรีน' (Ebola EZYSCREEN) ที่สามารถรู้ผลได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที เป็นอุปกรณ์ที่สะดวกต่อการใช้ มีลักษณะคล้ายชุดอุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์

อุปกรณ์ชิ้นนี้ ทำงานโดยใช้คุณสมบัติของโมโนโคลนแอนติบอดี (monoclonal antibody) ในการตรวจหาการปรากฏของเชื้อ ซึ่งสามารถตรวจได้โดยใช้ตัวอย่างเลือด น้ำเลือด หรือปัสสาวะ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริม แตกต่างกับวิธีการตรวจหาเชื้อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ในการตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่มีประสิทธิภาพ แต่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเฉพาะและใช้เวลาในการตรวจราว 2 ชม. 15 นาที ถึง 2 ชม.ครึ่ง และดำเนินการในห้องปฏิบัติการเท่านั้น

ทั้งนี้ แม้อุปกรณ์ดังกล่าวจะยังไม่ผ่านการอนุมัติ แต่คาดว่าจะสามารถแจกจ่ายสู่ประเทศที่มีการระบาดได้ภายในสิ้นเดือน ต.ค. นี้.

 

อุปกรณ์ตรวจอีโบลาเห็นผลใน15นาที

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก

ทางการอังกฤษประกาศเตือนภัยก๊าซ SO2 ที่มีมลพิษร้ายแรงจากภูเขาไฟไอซ์แลนด์ ซึ่งกำลังพัดเข้ามาในยุโรปอีก 24 ชม. ข้างหน้านี้



การปะทุของภูเขาไฟบาร์ดาร์บุงกายังคงมีอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่ามันจะไม่หยุดง่ายๆ ตั้งแต่วันแรกที่เกิดปะทุขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 57 จนถึงปัจจุบันนี้ เถ้าถ่านและเขม่าควันก๊าซ SO2 ของภูเขาไฟได้ถูกปล่อยออกมาลอยสู่อากาศอย่างต่อเนื่องจนเกิดการสะสมในชั้นกระแสลมกรด (jet stream) ส่งผลทำให้ทางการประเทศอังกฤษต้องออกประกาศเตือนภัยมลพิษร้ายแรงที่กำลังพัดเข้ามาทางยุโรปในอีก 24 ชม. ข้างหน้านี้ เพราะเนื่องจากว่า ก๊าซ SO2 ที่ถูกวัดได้มันมีระดับความเข้มข้นในชั้น กระแสลมกรด (jet stream) เกินค่ามาตรฐานสูงไปแล้วกว่า 6-12 ppm ซึ่งมันสามารถส่งผลกระทบอันตรายต่อสัตว์และมนุษย์ได้ โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ความเข้มข้นของก๊าซ SO2 ไม่เกิน 0.5 ppm เท่านั้น

ซึ่งก๊าซ SO2 ถือเป็นก๊าซที่มีพิษร้ายแรงมาก โดยอาการของคนที่สูดดมเข้าไป จะทำให้มีปัญหาเกิดการระคายเคืองผิวหนังเนื้อเยื่อและเยื่อเมือกของตาจมูกและลำคอ , ระบบทางเดินหายใจติดขัดหรือล้มเหลวและมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนทำให้เกิดฝนกรด จึงเป็นอันตรายต่อพืช สัตว์และมนุษย์ รวมทั้งวัสดุและสิ่งก่อสร้างต่างๆได้โดยตรงอีกด้วย

ขณะเดียวกันยังคงมีการตรวจพบแผ่นดินไหวรอบๆภูเขาไฟมากกว่า 70 ครั้งในระยะ 1 วัน หรืออาจเป็นหลายร้อยครั้ง ทั้งนี้ลาวายังคงไหลปกคลุมกินพื้นที่กว้างถึง 59.1 ตารางกิโลเมตร จากจุดที่มันปล่อยออกมาตรงบริเวณรอยปิรแตก Holuhraun




http://4.bp.blogspot.com/-Ro5cpkPRm...AFE8/9JITWyqlqxY/s1600/jetstream_atl_loop.gif



ทางการอังกฤษประกาศเตือนภัยก๊าซ SO2 ที่มีมลพิษร้ายแรงจากภูเขาไฟไอซ์แลนด์ ซึ่งกำลังพัดเข้

 

รายงานสถานการณ์รอบโลก/นอกโลก

ข่าวภัยพิบัติรอบโลก 22 ต.ค.57 ฝนตก-ลูกเห็บตก-น้ำท่วม-ดินโคลนถล่ม ที่มาเลเซีย , ญี่ปุ่น , สเปน , เม็กซิโก , นิการากัว , บราซิล



- วันที่ 21 ต.ค.57 เกิดเหตุแผ่นดินปริแตกแยกเป็นทางยาวที่ อพาร์ทเม้น 5 ชั้น Teratai Taman Bunga Raya ของ Bukit Beruntung ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทางการได้สั่งอพยพคนออกจากอพาร์ทเม้น และบริเวณใกล้เคียงกว่า 2000 คน

- ที่ฮิโระชิมะของประเทศญี่ปุ่น 8 คนเสียชีวิตและอย่างน้อยอีก 13 คน สูญหายไปกับกระแสน้ำท่วมโคลนที่พัดรุนแรง

- เกิดฝนตกหนัก 24 ชม. วัดปริมาณน้ำฝนได้ 140 มม. และมีน้ำท่วมสูง 7 นิ้วในเมืองชายฝั่ง Santa Cruz de Tenerife บนเกาะ Gomera ของประเทศสเปนเมื่อวันที่ 19 ต.ค.57 ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย

- พายุหิมะถล่ม‘ยอดเขาอันนาปูร์นา’ ที่ประเทศเนปาล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักปีนเขาต่างชาติ รวมทั้งไกด์นำทางท้องถิ่น ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 39 ราย สูญหายอีกกว่า 40 ราย ขณะที่ทีมกู้ภัยและทหารสามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยออกมาได้กว่า 500 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดในเนปาล

- เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 18-20 ต.ค.57 ทำให้มีน้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ที่ เกร์เรโร , โออาซากา ของประเทศเม็กซิโก ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย และต้องอพยพกว่า 4000 คน จาก 36 เขตเทศบาล

- ที่นิการากัว เกิดเหตุน้ำท่วมหนักส่งผลทำให้มีคนตายแล้วกว่า 24 ราย และประชาชนอีก 32,000 คน ต้องอพยพออกนอกพื้นที่ โดยเหตุน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

- เมื่อวันจันทร์(20) ที่เมือง Lages ของประเทศบราซิล เกิดเหตุพายุลูกเห็บขนาดใหญ่พัดถล่มในเมือง ส่งผลทำให้สร้างความเสียหายแก่รถยนต์ ต้นไม้ และบ้านเรือน ทำลายหลังคา หน้าต่างแตกเสียหายเป็นจำนวนมาก

ข่าวภัยพิบัติรอบโลก 22 ต.ค.57 ฝนตก-ลูกเห็บตก-น้ำท่วม-ดินโคลนถล่ม ที่มาเลเซีย , ญี่ปุ่น , สเปน , เม

 

ผู้พเนจร จากฟากฟ้า

ชาวประมงเวียดนามจับ "กระโห้ยักษ์" หนักกว่า 130 กก. มูลค่ากว่า 3 แสนบาทได้
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17:45:48 น.



เว็บไซต์เดอะ โคเรีย ไทมส์ รายงานว่า ชาวประมงในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม จับปลากระโห้ยักษ์ (Siamese giant carp) ได้ในแม่น้ำได้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยปลากระโห้ตัวดังกล่าวหนักถึง 130 กิโลกรัม มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 320,000 บาท

โดยชาวประมงคนดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า Tran Minh Dung อายุ 35 ปี เขาเล่าว่า หลังจากที่เขาจับเจ้าปลากระโห้นี้ได้แล้ว เขาต้องลากมันมาไกลหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว กว่าจะมาถึงสะพานได้ ซึ่งหลังจากที่สามารถนำขึ้นมาบนสะพานได้แล้ว ชาวบ้านแถวนั้นก็ได้เข้ามามุงดู พร้อมกับช่วยกันวัดขนาดของปลา ซึ่งวัดได้ประมาณ 1.5 เมตร

ทั้งนี้ ปลากระโห้ นั้นเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จัดเป็นปลาในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) และเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดเกล็ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยมักมีขนาดประมาณ 1.5 เมตร แต่พบใหญ่สุดได้ถึง 3 เมตร หนักได้ถึง 150 กิโลกรัม พบเฉพาะในแม่น้ำสายใหญ่ ตั้งแต่แม่น้ำแม่กลองถึงแม่น้ำโขง


ที่มา
http://www.koreatimes.co.kr/

ชาวประมงเวียดนามจับ "กระโห้ยักษ์" หนักกว่า 130 กก. มูลค่ากว่า 3 แสนบาทได้ : มติชนออนไลน์

 

สหรัฐแนะจนท.แพทย์กันอีโบลาเข้ม
วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21:55:25 น.

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐ ออกคำแนะนำที่เข้มงวดมากขึ้นในการป้องกันเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์จากการติดเชื้ออีโบลา หลังนางพยาบาลในรัฐเท็กซัส 2 คน ติดเชื้อขณะดูแลผู้ป่วยชาวไลบีเรีย โดยนายทอม ฟรีเดน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐ(ซีดีซี) กล่าวว่า คำแนะนำใหม่จะช่วยยกระดับความปลอดภัยให้ดีขึ้น เช่น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยอีโบลาจะต้องได้รับการฝึกฝน,ใส่ชุดเครื่องป้องกันให้พร้อม และไม่เปิดเผยส่วนของผิวหนังให้สัมผัสกับภายนอกได้ เป็นต้น และว่า ความเสี่ยงที่สุดคือการถอดเครื่องป้องกันออก

ทั้งนี้ นายฟรีเดนระบุว่า ตอนนี้กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับโรงพยาบาลที่สนใจ และยินดีที่จะดูแลผู้ป่วยอีโบลา และกำลังพิจารณาจัดตั้งศูนย์ผู้เชี่ยวชาญนอกเหนือจากโรงพยาบาล 4 แห่งในสหรัฐที่มีหน่วยงานพิเศษด้านเชื้ออีโบลาอยู่แล้วก่อนหน้านี้

สหรัฐแนะจนท.แพทย์กันอีโบลาเข้ม : มติชนออนไลน์

 

ผู้ช่วยพยาบาลสเปนปลอดเชื้ออีโบลาแล้ว



คณะแพทย์สเปน ประกาศ ผู้ช่วยพยาบาลที่ติดเชื้ออีโบลา และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลคาร์ลอส 3 ปลอดเชื้ออีโบลาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

วันอังคาร 21 ตุลาคม 2557 เวลา 23:06 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปนเมื่อวันที่ 21ต.ค.ว่าคณะแพทย์สเปน แถลงว่าผลการตรวจร่างกายครั้งที่2และเป็นครั้งสุดท้ายพบว่า เทเรซา โรมโรผู้ช่วยพยาบาลชาวสเปนที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาปลอดเชื้อไวรัสมรณะดังกล่าวแล้วโดยโฮเซ รามอน อาร์รีบาสแพทย์ระดับสูงของโรงพยาบาลคาร์ลอส3เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าผลการตรวจเลือดพบว่าระบบภูมิคุ้มกันของเทเรซาโรเมโร ได้กำจัดเชื้อไวรัสอีโบลาได้หมดสิ้นแล้ว

โรเมโรวัย 44ปีต่อสู้กับความตายหลังจากเธอติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันที่6ต.ค.ที่ผ่านมาและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลคาร์ลอส3ในกรุงมาดริดคณะแพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวว่า เธอเริ่มส่งสัญญาว่าอาการดีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เป็นครั้งแรกที่ผลตรวจร่างกายของเธอเป็นลบโดยโรเมโรได้รับพลาสมาหรือเยื่อหุ้มเซลจากผู้ป่วยอีโบลาที่หายขาดแล้วแต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ได้เปิดเผยวิธีการรักษามากกว่านี้

เธอเป็นคนแรกที่รู้กันว่าติดเชื้ออีโบลานอกแอฟริกาตะวันตกที่กำลังมีการระบาดอย่างรุนแรงในขณะนี้อย่างไรก็ตาม โฆษกของโรเมโรกล่าวว่า คาดว่าเธอจะยังพักอยู่ในโรงพยาบาลอีกประมาณ2สัปดาห์

ผู้ช่วยพยาบาลสเปนปลอดเชื้ออีโบลาแล้ว | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

มะกันหวั่นอีโบลา จำกัดสนามบินให้ผู้โดยสารจากแอฟริกาตต.เข้าประเทศ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ต.ค. 2557 05:31



สหรัฐฯประกาศใช้มาตรการ บังคับให้ผู้โดยสารเครื่องบินที่มีต้นทางมาจากประเทศในแอฟริกาตะวันตก ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของอีโบลา ต้องเข้าประเทศผ่านสนามบินที่กำหนด 5 แห่งเท่านั้น...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจห์ จอห์นสัน เลขาธิการสำนักงานความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส 'อีโบลา' ใหม่เมื่อวันอังคาร โดยผู้โดยสารเครื่องบินที่มีต้นทางมาจากประเทศในแอฟริกาตะวันตก ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของอีโบลา จะสามารถเข้าสู่สหรัฐฯด้ผ่านสนามบินที่กำหนด 5 แห่งเท่านั้น

มาตรการดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันพุธ (22 ต.ค.) เป็นต้นไป ผู้โดยสารเครื่องบินจากไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน และกินี จะสามารถเข้าสู่สหรัฐฯได้เพียงที่ท่าอากาศยานนานาชาติในนครนิวยอร์ก, กรุงวอชิงตันดีซี, เมืองแอตแลนตา, ชิคาโก และนิวอาร์ค ในรัฐนิวเจอร์ซีเท่านั้น

ท่าอากาศยานทั้ง 5 แห่ง รองรับผู้โดยสาร 94% ของผู้โดยสารทั้งหมดที่มีต้นทางมาจากไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน และกินี โดยมาตรการนี้จะบังคับใช้กับผู้ที่เดินทางมาจาก 3 ชาตแอฟริกาตะวันตกทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชาวอเมริกัน และทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจสัมผัสกับเชื้ออีโบลาที่เพิ่มความเช้มงวดมากขึ้น


@เทเรซา โรเมโร ผู้ช่วยพยาบาลชาวสเปน ผู้ติดเชื้ออีโบลา

ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นางเทเรซา โรเมโร ผู้ช่วยพยาบาลชาวสเปนวัย 44 ปี ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้ออีโบลานอกทวีปแอฟริการายแรก หากจากการติดเชื้อไวรัสมรณะตัวนี้แล้ว

ทั้งนี้ เทเรซา โรเมโร ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ปลุกกระแสความหวาดกลัวว่าเชื้ออีโบลาอาจจะระบาดในทวีปยุโรป โดยโรเมโรเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ของโรงพยาบาล การ์ลอส ที่ 3 ซึ่งดูแลหมอสอนศาสนาชาวสเปน 2 คน ที่ติดเชื้ออีโบลาขณะร่วมกับองค์กรการกุศลช่วยเหลือผู้ป่วยอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก และเชื่อว่าโรเมโรติดเชื้อจากหนึ่งในสองคนนี้

มะกันหวั่นอีโบลา จำกัดสนามบินให้ผู้โดยสารจากแอฟริกาตต.เข้าประเทศ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ซีดีซีเข้มจับตามะกันต้องสงสัยติดอีโบลา
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ต.ค. 2557 03:07



ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี) ประกาศกฎข้อบังคับใหม่ในการปฏิบัติงานของบุคลากรการแพทย์ทั่วประเทศเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีโบลา เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ซึ่งเป็นการปรับกฎให้เข้มงวดขึ้นหลังพบพยาบาลชาวอเมริกัน 2 รายติดเชื้ออีโบลาจากการดูแลผู้ป่วย ขณะที่ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 43 รายในสหรัฐฯ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ หลังผลตรวจร่างกายไม่พบการติดเชื้อใดๆ

อย่างไรก็ตาม ทางซีดีซีชี้แจงด้วยว่ายังมีผู้ต้องสงสัยอีก 120 รายในสหรัฐฯที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวดูอาการ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาส่งวัคซีนป้องกันอีโบลา “วีเอสวี-อีโบวี” ให้องค์การอนามัยโลก (ฮู) ทดลองใช้กับอาสาสมัครในประเทศแอฟริกาตะวันตก และบริษัทฟูจิฟิล์มของญี่ปุ่นเตรียมส่งยาต้านไวรัส “เอวิแกน” เพื่อนำไปทดลองใช้ในกลุ่มผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาช่วงต้นปี 2558

วันเดียวกัน นายจอห์น มาฮามา ประธานาธิบดีกินี เปิดเผยว่าความช่วยเหลือที่จำเป็นได้เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่แพร่ระบาดแอฟริกาตะวันตกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชุดป้องกัน หรือยานพาหนะสำหรับส่งเสบียงและเคลื่อนย้ายผู้ป่วย แต่ยอมรับว่ายังมีปัญหาเรื่องประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆอยู่.

ซีดีซีเข้มจับตามะกันต้องสงสัยติดอีโบลา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เหลือเชื่อ!! ไอโฟน 6 'ไฟลุก' ไหม้ขา
โดย ข่าวต่างประเทศ 21 ต.ค. 2557 19:15



ชายชาวอเมริกัน อ้างโทรศัพท์ไอโฟน 6 เครื่องใหม่บิดงอ และเกิดไฟลุกไหม้ทะลุกางเกงยีนส์ ทำให้ขาของเขาได้รับบาดเจ็บ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฟิลลิป เลชเทอร์ ชายชาวอเมริกัน ได้เล่าเหตุการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นลงในบล็อกส่วนตัวของเขาว่า ขณะที่เขา ภรรยา และลูกชาย วัย 7 ขวบ กำลังเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยแอริโซนา ประเทศสหรัฐฯ ได้มีรถลากคันหนึ่งมาชนเขาทางด้านข้าง จากนั้นเขารู้สึกเหมือนถูกไฟไหม้บริเวณขา พร้อมกับมีกลิ่นไหม้ออกมาจากกางเกงยีนส์ ไม่นานต่อมา จึงทราบว่าสาเหตุมาจากโทรศัพท์ไอโฟน 6 ของเขาที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง อยู่ในสภาพบิดงอและเกิดไฟลุกไหม้

ในตอนนั้น มีผู้พบเห็นเหตุการณ์คนหนึ่งพยายามใช้น้ำที่อยู่ในแก้วราดไปบนกางเกงยีนส์ของนายเลชเทอร์เพื่อดับไฟ และมีผู้ชายอีกหนึ่งคนพยายามช่วยนำโทรศัพท์ไอโฟนโยนลงไปที่พื้นเพื่อดับไฟ จนทำให้นิ้วมือของชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บ

<iframe width="570" height="351" src="//www.youtube.com/embed/OvhlET39RnM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เมื่อเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย นายเลชเทอร์พบว่าโทรศัพท์ไอโฟนของเขาได้ไหม้ทะลุกระเป๋ากางเกงยีนส์ และกางเกงบ็อกเซอร์ของเขา อีกทั้งโทรศัพท์ไอโฟนก็มีสีดำและบิดงอ นอกจากนี้ เขายังต้องรับการรักษาบาดแผลไฟไหม้รุนแรงที่ยาวถึง 4 นิ้ว บริเวณขา รวมถึงรักษาสะโพกของเขาที่บาดเจ็บจากการนำโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า

เขาได้เขียนทิ้งท้ายไว้ในบล็อกส่วนตัวของเขาว่าถ้าเขาไม่เจอเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริง

ทั้งนี้ ได้มีผู้ใช้งานโทรศัพท์ไอโฟน 6 พลัสบางราย กล่าวว่า โทรศัพท์เกิดการบิดงอจากการใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า แต่ทางบริษัทแอปเปิลได้ออกมากล่าวว่า มีผู้ร้องเรียนว่าโทรศัพท์ไอโฟน 6 พลัส เกิดการบิดงอเพียง 9 ราย จากผู้ทดลองใช้ทั้งหมด 15,000 ราย

เหลือเชื่อ!! ไอโฟน 6 'ไฟลุก' ไหม้ขา - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รื้อกองปราบ ปิด‘ตำนานผี’ เฮี้ยนห้องขัง สร้างตึกสตม.
โดย ทีมข่าวหน้า 1 22 ต.ค. 2557 07:13



วิญญาณเฮี้ยนผีกองปราบฯที่สร้างความอกสั่นขวัญผวาให้ผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมมานับไม่ถ้วน กำลังจะกลายเป็นเพียงตำนาน หลังถูกสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้ายึดพื้นที่ เตรียมสร้างที่ทำการใหม่ ทั้งผี ทั้งตำรวจจำใจอำลาตึกเดิม ขนย้ายข้าวของ เตรียมรื้อลูกกรง โครงเหล็กของห้องขังไปปรับปรุงต่อเติมห้องขังที่ตึกทำการ ชั่วคราวแทน

เตรียมปิดตำนานผีเฮี้ยนในห้องขังกองปราบฯ หลังสร้างความหวาดหวั่นสะพรึงกลัวจนเป็นที่กล่าวขานให้กับผู้ต้องขังที่มาถูกควบคุมตัวอยู่จนนับไม่ถ้วน เมื่อจะถูกรื้อทิ้งเพื่อก่อสร้างสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งใหม่ เปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 21 ต.ค. พ.ต.ท.ดำรงสิทธิ์ โมราฤทธิ์ รอง ผกก.4 บก.ป.ปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงาน ผบก.ป. ที่ควบคุมดูแลการย้ายสถานที่ทำงานของ บก.ป.กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะมาก่อสร้างที่ทำการใหม่ขึ้นในพื้นที่ของกองปราบปรามเดิม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดขนย้ายข้าวของเครื่องใช้สำนักงานจากห้องทำงานต่างๆ ในสังกัด บก.ป.ให้หมด เนื่องจากอยู่ระหว่างการเปิดประมูลหาผู้รับเหมามารื้อถอนอาคารส่วนที่เหลือ เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

พ.ต.ท.ดำรงสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำหรับห้องขัง บก.ป.แห่งนี้ จะต้องรื้อทิ้งไปด้วย โดยจะนำเอาเพียงลูกกรง โครงเหล็กบางส่วนไปเพื่อประกอบสร้างห้องขังใหม่ที่ตึกด้านหน้าเป็นที่ทำการชั่วคราว หลังจาก บก.ปคม. ย้ายออกไปแล้ว โดยที่ห้องขังที่จะใช้ใหม่พบว่ามีเพียงห้องเดียว ไม่สามารถคุมขังผู้ต้องหาชาย-หญิง รวมกันได้ จะต้องมีการกั้นแยกกันอยู่คนละห้อง หากยังไม่เรียบร้อย ก็คงต้องใช้ห้องขังเดิมนี้ไปเรื่อยๆก่อน

“ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับว่าจะมีการปรับปรุงห้องขังใหม่ให้พร้อมใช้งานได้เมื่อใด และห้องขังเดิมจะถูกช่างเข้ามาดำเนินการรื้อถอนเมื่อไหร่ จึงจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการใช้ห้องขังอีกครั้ง ส่วนการทำพิธีทางศาสนาจะมีขึ้นหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ คงต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาว่าจะให้จัดพิธีและนิมนต์พระสงฆ์มาปัดรังควานอีกหรือไม่” รอง ผกก.4 บก.ป.กล่าว

ขณะที่ ร.ต.ต.สำเริง ใจแสน ร้อยเวรปฏิบัติหน้าที่ประจำห้องขัง บก.ป. ได้รับอนุญาตจาก พ.ต.ท.ดำรงสิทธิ์ ให้นำผู้สื่อข่าวเข้าไปสำรวจห้องขังได้ หลังจากที่ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ที่เป็นผู้หญิงรายสุดท้ายได้ถูกนำตัวออกจากห้องขังไปเมื่อช่วงบ่ายร.ต.ต.สำเริงกล่าวว่า สำหรับกรณีการใช้ห้องขัง บก.ป.นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาสั่งการลงมา ตนกับเพื่อนมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่ง ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัวไว้ถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครแล้ว แต่จะบอกว่าเป็นรายสุดท้ายสำหรับห้องขัง บก.ป.แห่งนี้หรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ ตนยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคำสั่งให้ย้ายไปใช้ห้องขังใหม่ แต่เท่าที่ทราบคือห้องขังใหม่ปรับปรุงอยู่ยังไม่เรียบร้อย และมีขนาดเล็กกว่าเดิมมาก เกรงว่าจะมีผลกระทบหากมีการคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมๆกันหลายรายรวมทั้งผู้ต้องหาต่างเพศกัน

ร.ต.ต.สำเริงกล่าวต่อว่า นับตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่ประจำห้องขัง บก.ป. มาได้ประมาณ 4 ปี ไม่เคยพบเจออาถรรพณ์ หรือสิ่งเร้นลับใดๆจากห้องขังแห่งนี้เลย เวลาเข้าเวรมีแต่เพียงคำบอกเล่าจากผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว ว่าได้พบกับคนที่ไม่รู้จักบอกว่าอย่านอนขวางทาง บางรายถึงขั้นจะผูกคอตาย แต่ตนช่วยเหลือได้ทัน แล้วเขาก็อ้างว่ามีผู้ชายมาบอกให้ทำ ตามที่มีข่าวทางสื่อมวลชนออกมาหลังจากที่ห้องขังแห่งนี้มีผู้ต้องหาผูกคอตาย แล้วเชื่อกันว่ายังคงมีวิญญาณสิงอยู่ในห้องขัง

ร.ต.ต.สำเริงกล่าวว่า สำหรับตนยังคงเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ผู้ต้องหาแต่ละรายที่ถูกคุมตัวคิดกันไปเองมากกว่า ยิ่งเคยได้รับรู้รับฟังข่าวสารที่ออกมาก็อาจทำให้ยิ่งวิตกกังวล หวาดกลัว หรือมโนกันไปใหญ่ ที่ผ่านมาเวลาที่ต้องเข้าเวรคนเดียวตอนกลางคืน ไม่เชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ พยายามจะบอกกับผู้ต้องหาที่เสียชีวิตในห้องขังนี้ ขอให้กลับบ้านเถิด ห้องขังนี้อีกไม่นานก็จะรื้อแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้เจอหรือได้คุยด้วยเลยสักครั้ง

รื้อกองปราบ ปิด‘ตำนานผี’ เฮี้ยนห้องขัง สร้างตึกสตม. - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc
21 ต.ค. รายแรกของโลก!! ชายอัมพาตเดินได้อีกครั้ง หลังปลูกถ่ายเซลล์



ชายชาวโปแลนด์วัย 40 ปี เป็นอัมพาตมานานเกือบ 4 ปี ดีใจสุดชีวิต สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง จนเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ หลังตัดสินใจเข้ารับการรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ที่ไขสันหลังเป็นครั้งแรกของโลก



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเดเร็ค ฟิดีกา ชายชาวโปแลนด์ วัย 40 ปี ซึ่งเป็นอัมพาตจากการโดนมีดแทงที่หน้าอก เมื่อปี 2553 สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง หลังตัดสินใจเข้ารับการรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์จากโพรงจมูก มายังเส้นประสาทไขสันหลังเป็นครั้งแรกของโลก



การรักษาครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของทีมแพทย์ศัลยกรรมในประเทศโปแลนด์ และทีมนักวิทยาศาสตร์จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยการรักษาในครั้งนี้เป็นการรักษาโดยใช้เซลล์ OEC ซึ่งเป็นเซลล์พิเศษที่เป็นส่วนหนึ่งของประสาทการรับกลิ่น เซลล์ตัวนี้จะทำหน้าที่เสมือนทางเดินของเซลล์ ที่ช่วยให้เส้นใยประสาทในระบบรับรู้กลิ่นสามารถสร้างตัวขึ้นใหม่ได้ ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงเชื่อว่า เซลล์ตัวนี้จะสามารถสร้างทางเดินเพื่อช่วยเชื่อมเส้นใยประสาทบริเวณบาดแผลให้กลับมาเชื่อมต่อกันได้ โดยใช้การปลูกถ่ายเส้นประสาทเป็นตัวเชื่อมระหว่างช่องว่างของบาดแผล

ศาสตราจารย์จีออฟ ไรส์แมน ศาสตราจารย์ด้านการฟื้นฟูระบบประสาท แห่งสถาบันประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ผู้ทุ่มเทเวลากว่า 40 ปี เพื่อค้นหาวิธีการซ่อมแซมเส้นประสาทไขสันหลัง และเป็นผู้ควบคุมทีมนักวิจัยของประเทศอังกฤษ กล่าวว่า การประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากกว่ามนุษย์สามารถเดินบนดวงจันทร์ได้อีก

ด้านนายเดเร็ค กล่าวว่า การกลับมาเดินได้อีกครั้ง แม้จะต้องใช้ราวจับในการช่วยพยุงในการเดิน เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมาก เมื่อร่างกายเกือบครึ่งหนึ่งไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกใดๆ ได้ ก็เหมือนคนสิ้นหวัง แต่เมื่อมันเริ่มกลับมามีความรู้สึกอีกครั้งได้ มันเหมือนกับได้เกิดใหม่
รายแรกของโลก!! ชายอัมพาตเดินได้อีกครั้ง หลังปลูกถ่ายเซลล์ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc

'BettyBot' 10 ปีให้หลังหนังดัง I, Robot (Trailer 2004)

<iframe width="640" height="390" src="//www.youtube.com/embed/s0f3JeDVeEo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
I, Robot (Trailer 2004) - YouTube

21 ต.ค. "เบตตี้ บ็อท" ความพยายามเพื่อเปลี่ยนโลก



"เบ็ตตี้ บอท" เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ราวๆ 200 ตัว (มีชื่อเรียกต่างกัน อาทิ แจ็ค อิน เดอะ บอท, บอท โมบายล์ เป็นต้น) ที่ถูกนำเข้าประจำการในศูนย์ไควเอท โลจิสติกส์ ในแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ของอเมซอนดอทคอม กิจการขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง (ชมคลิป Meet BettyBot in "Human Exclusion Zone" Warehouses High-Speed Robots Part 1: Meet BettyBot in "Human Exclusion Zone" Warehouses-The Window-WIRED - YouTube)



ศูนย์ที่มีพื้นที่ 25,500 ตารางเมตรแห่งนี้ เป็นทั้งคลังเก็บและจัดของลงหีบห่อ สำหรับการจัดส่งให้กับผู้รับตามออเดอร์ออนไลน์ที่จะเข้ามาถึงที่นี่ระหว่าง 10,000 ถึง 20,000 ออเดอร์ทุกวัน ทำให้ศูนย์แห่งนี้ต้องเก็บข้าวของต่างๆ สารพัด (ตามที่อเมซอนขาย) ไว้ในคลังสินค้ามากกว่า 1 ล้านชิ้น คลังเก็บนอกจากจะต้องอยู่เป็นที่เป็นทางแน่นอนแล้ว การเลือกหยิบออกมาเพื่อจัดลงหีบห่อในแต่ละชิ้น ก็ต้องอาศัยความจำที่แม่นยำสูงมาก ถ้าเป็นแรงงานมนุษย์ หากไม่ต้องการพลิกคู่มือเพื่อการค้นหาในทุกๆ ครั้ง



นั่นคือเหตุผลที่ทำให้อเมซอนต้องคิดถึงระบบหุ่นยนต์ที่มีขีดความสามารถสูง จนสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติร่วมกันกับหุ่นยนต์ด้วยกันเองและมนุษย์เราได้ แนวความคิดที่ในอีกไม่นานอาจพลิกโฉมหน้าการทำงานทุกอย่างบนโลกนี้ให้ต่างไปโดยสิ้นเชิงได้



หุ่นเหล่านี้จะเดินขึ้นลงตามเส้นทางต่างๆ ทั่วคลัง เก็บของด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่เคยเดินผิดพลาด ไม่เคยผิดเป้าหมาย



เคล็ดลับของหุ่นเหล่านี้คือ บาร์โค้ดที่ติดอยู่บนพื้น ซึ่งจะเป็นเครื่องนำทางผ่านการอ่านของกล้องที่ติดตั้งอยู่ด้านล่างของตัวหุ่นจะทำหน้าที่สื่อสารซึ่งกันและกัน เพื่อให้หุ่นยนต์รู้ว่าเป้าหมายของตัวอยู่ที่ไหนบนเส้นทางใดกันแน่

ตัวหุ่นถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการทำงานในที่คับแคบ ด้วยความกว้างเพียง 64 ซม., ความยาว 76 ซม. สูงเพียง 41 ซม. หุ่นเหล่านี้เล็กพอที่จะลอดผ่านคลังเก็บได้ แต่ก็แข็งแรงพอที่จะยกสินค้าหนักได้เกือบ 1 ตัน มาส่งตามสั่งได้สบายๆ พวกมันยังสามารถหาจุดที่ชาร์จประจุไฟเข้าตัวเองได้ ในทันทีที่ระดับพลังงานในตัวลดลงถึงระดับที่กำหนด ตัวซอฟต์แวร์กลาง จะเป็นตัวออกคำสั่่งและควบคุมให้หุ่นยนต์ทั้งหมดทำงานในเวลาเดียวกันได้โดยไม่ชนกันหรือสับสนในการทำหน้าที่ของตัวเอง

แต่ถึงขั้นตอนท้ายที่สุดในการแพคสินค้าลงหีบห่อ ส่งออกนอกประตูคลังสินค้าสู่ผู้สั่งซื้อ ก็ยังจำเป็นต้องได้คนเป็นๆ ทำหน้าที่อยู่ดี เฉพาะที่ศูนย์แห่งนี้มีพนักงานดังกล่าวอยู่มากถึง 400 คนเลยทีเดียว

"เบตตี้ บ็อท" ความพยายามเพื่อเปลี่ยนโลก : มติชนออนไลน์

 

Kaokala Fc
21 ต.ค. สวีเดนเดินหน้าค้นหาเรือดำน้ำปริศนาเป็นวันที่ 5



สวีเดนยังคงตามล่าเรือดำน้ำปริศนา เป็นวันที่ 5 โดยมุ่งเน้นการค้นหาไปที่อ่าวอินกาโร ใกล้กรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวง ขณะนายกรัฐมนตรีประกาศเพิ่มงบด้านกลาโหม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงสตอกโฮล์มประเทศสวีเดน เมื่อวันที่21ต.ค.ว่าเรือของกำทัพเรือสวีเดนที่กำลังค้นหาเรือดำน้ำต่างชาติต้องสงสัยในบริเวณน่านน้ำสวีเดนกำลังมุ่งเป้าหมายการค้นหาไปที่อ่าวอินกาโรใกล้กรุงสตอกโฮล์ม ในวันที่5ของการค้นหาครั้งใหญ่สุดในรอบหลายปีโดยเรือติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับเรือดำน้ำเป็นหนึ่งในเรืออย่างน้อย5ลำที่กำลังค้นหาในอ่าวอินกาโรหนังสือพิมพ์สวีเดนฉบับหนึ่งรายงานว่า เรือลำหนึ่งตรวจจับสัญญาณได้แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ออกมาแถลงเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว

ก่อนหน้านี้รัสเซียปฏิเสธไปแล้วว่ามีเรือดำน้ำของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องขณะที่ เรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งของรัสเซียก็ลอยลำอยู่ในน่านน้ำสากลในบริเวณใกล้เคียงซึ่งเพิ่มความสงสัยว่าเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้มาอยู่บริเวณนี้เพื่อช่วยเหลือเรือดำน้ำที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากหรือไม่

ทั้งนี้รัสเซียมีเรือดำน้ำจำนวนมากในกาลินินกราดดินแดนของรัสเซียที่มีพรมแดนติดกับโปแลนด์และลิทัวเนีย

สเวอร์เกอร์โกรันส์สัน ผู้บัญชาการกองทัพสวีเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ามันเป็นความเลวร้ายอย่างมากที่ใครหรือสิ่งใดเข้ามาอยู่ภายในดินแดนของพวกเราด้วยวิธีการนี้ด้านนายกรัฐมนตรีสเตฟานลอฟเวน ของสวีเดนประกาศระหว่างการเดินทางเยือนเอสโตเนียว่ารัฐบาลของเขาจะเพิ่มงบประมาณรายจ่ายด้านกลาโหมในงบประมาณของประเทศในวันพฤหัสบดีนี้

สวีเดนเดินหน้าค้นหาเรือดำน้ำปริศนาเป็นวันที่ 5 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

In & Outside World



แผนที่มหาสมุทรโลก
...ยิ่งพัฒนายิ่งละเอียด จากเดิมใช้เรือยิงโซน่า ปัจจุบันใช้ดาวเทียม และพัฒนาต่อ ๆ มา









...ทำให้คมชัดสูงขึ้น ละเอียดยิ่งขึ้น
..ทั้งรอยแตก รอยแยกใต้ทะเลลึก ทั้งภูเขาไฟ เก่าและใหม่ที่เพิ่งค้นพบ..

Gravity map uncovers sea-floor surprises : Nature News & Comment

New seafloor map reveals thousands of seamounts | Earth | EarthSky

Seamounts and knolls are largely unknown ocean oases | Earth | EarthSky

 

พบ'ตุ๊กแกบิน'ที่อช.ภูหินร่องกล้า



พบตุ๊กแกบินได้ บริเวณลานกางเต็นท์ อช.ภูหินร่องกล้า จนท.เวรรักษาการณ์ เห็นลงมากินแมลงจับไว้ศึกษา เผยเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาเจอแต่กิ้งก่าบินได้



21 ต.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ว่า จนท.อุทยานฯ ได้จับสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง รูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บริเวณลานกลางเต็นท์ของอุทยานฯ โดยเห็นสัตว์ตัวดังกล่าว ลงมากินแมลงที่พื้นดิน จึงจับใส่ขวดน้ำไว้ และนำมาให้อุทยานฯ ทำการตรวจสอบ



โดยพบว่า สัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดที่ อช.ภูหินร่องกล้า เป็นสัตว์ประเภทตุ๊กแก คนในพื้นที่ได้ยืนยันว่า ตามที่เคยพบสัตว์ชนิดนี้ ก็เพียงแต่กิ้งก่าที่บินได้เท่านั้น แต่ที่พบในครั้งนี้ที่ว่าสัตว์ประหลาดก็คือ (ตุ๊กแกบินได้) เป็นครั้งแรก โดยมีปีกทั้งสองข้าง คือ เนื้อหนังจากลำตัวแผ่ออกไปจนถึงขาทั้งสี่ขา สองข้าง เวลาบินจะใช้ขาสี่ขาเป็นอุปกรณ์เพื่อกางเป็นปีก ร่อนไปมาระหว่างต้นไม้ จากการสังเกตที่หัวเป็นหัวตุ๊กแก และเท้าเป็นเท้าตุ๊กแก ไม่ใช่เท้ากิ้งก่า ส่วนหางมีรูปร่างแบนเป็นหยักคล้ายใบเลื่อย คลาดว่าสัตว์ประเภทนี้เขาคงได้พัฒนาตัวให้เข้ากับธรรมชาติ ในการบินของเขาคล้ายกับตัวบ่าง โดยอาศัยบนต้นไม้ที่สูงกว่าแล้วทำการร่อนไปต้นถัดไป



นายมนัส สีเสือ จนท.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ อช.ภูหินร่องกล้า ระบุว่า ผู้ที่พบตุ๊กแกบินได้ คือ นายดอนชัย ทองหงำ จนท.เวรรักษาการณ์ ขณะออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยบริเวณลานกางเต็นท์ ก็พบเจ้าตุ๊กแกตัวดังกล่าวอยู่ที่บริเวณพื้นดิน จึงจับมาเก็บไว้ เพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อน โดยเฉพาะที่ภูหินร่องกล้านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะพบแต่กิ้งก่าบินได้ ที่พบเห็นเป็นประจำ ต่อมานายอดิษร ขันวิชัย ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ จึงนำมาเลี้ยงไว้ เพื่อทำการศึกษา เนื่องจากเป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ยาก ก่อนจะเตรียมการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

นอกจากนี้ จากการสืบค้นข้อมูล และรูปภาพจาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พบว่า ตุ๊กแกบินที่จับได้ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้านั้น เป็นตุ๊กแกบินหางแผ่น (อังกฤษ : Kuhl's flying gecko ; ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ptychozoon kuhli) เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งจำพวกตุ๊กแก มีรูปร่างคล้ายจิ้งจกบ้านทั่วไป แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีความยาวลำตัวประมาณยาว 9.5 เซนติเมตร หางยาว 9.5 เซนติเมตร มีพังผืดยึดระหว่างนิ้วเท้า ใต้เท้ามีแผ่นยึดเกาะเรียงเป็นแถวเดี่ยว ปลายนิ้วมีเล็บ มีแผ่นหนังแผ่กว้างออกมาจากข้างแก้มและลำตัวทำหน้าที่เหมือนปีกเครื่องร่อน หางแบน ขอบหางหยัก ปลายหางแผ่เป็นแผ่นกว้างขอบเรียบ และกว้างกว่าหาง ส่วนที่เป็นหยัก สันหางมีตุ่ม ลำตัวสีน้ำตาล หรือเทา มีแถบเข้มพาดขวางบนหลัง 4 แถบ หางมีลายพาด พบในป่าดิบในภาคใต้ของไทย ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราช , จังหวัดปัตตานี พบได้จนถึงภาคเหนือของมาเลเซียจนถึงสิงคโปร์ , หมู่เกาะนิโคบาร์ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่ติดกับพม่าด้วย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 แต่ก็นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานเช่นเดียวกับตุ๊กแกบินหางเฟิน (P. lionotum) ซึ่งเป็นตุ๊กแกในสกุลเดียวกันด้วย