คุณมีจิตสัมผัส-ความผูกพัน-สื่อพลังพุทธะ พลังเทพหรือไม่

รบกวนคุณกุหลาบขาวหน่อยครับ

รบกวนคุณกุหลาบขาวหน่อยครับ
ผมอยากทราบที่อยู่และเบอร์โทรศัพย์ของเพื่อนคุณกุหลาบขาวที่เป็นผู้นำเข้า
องค์เทพจากอินเดีย ผมมีความสนใจอยากที่จะเช่ามาบูชานะครับ
ถ้าราคาไม่แพงมาก

 

คุณคำมั่น...หรืออาจจะเป็นคนๆเดียวกันกับคุณ time_machine...

เรื่องขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อนกุหลาบจะไม่ให้หรอกนะคะ...เพราะว่าการคุย
ทางโทรศัพย์เราไม่อาจจะเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ เพื่อนเคยเจอประสบการณ์มา
แล้วคือคนบางคนชอบโทรไปแกล้ง หรือ สั่งของ ในที่สุดก็ไม่ไปเอาทำให้
เสียความรู้สึกมากๆ แต่กุหลาบจะบอกสถานที่ให้ก็แล้วกันจะได้พูดคุยกันแบบ
เห็นหน้าเห็นตา และเห็นของจริง ชื่อร้าน ราชาวดี อยู่ที่ สมุทรปราการ เยื้อง
คนละฝั่งกับ ร.พ.เมืองสมุทร ค่ะ...เจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับกุหลาบเป็นชาว
อินเดียทั้งคู่ พูดไทยชัดทุกคำและนิสัยดีมากๆค่ะ...

ถ้าว่างก็ขอเชิญไปชมสินค้าที่นั่นได้เลยค่ะ....

 

โอม.<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_866008", true); </SCRIPT> อ้างอิง ครับ
สมาชิก

OOธรรมที่เจ้าหญิงเมี่ยวซ่าน บรรลุ อุบัติเป็น พระกวนอิมโพธิสัตว์OO

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->





<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->http://audio.palungjit.org//attachment.php?attachmentid=2785



กดโหลดเพลงสวดเลยครับ


ขอให้ทุกท่านเข้าถึงธรรม และช่วยกันแผ่ธรรมอันดี ต่อไปไม่สิ้นสุด สาธุ

ขออนุญาติ นำข้อมูล จากคุณ โอม มาลงด้วยครับ

เผอิญ ห้องพระ ที่บ้าน มีรูปภาพ องค์เมี่ยวซ่านโพธิสัตว์ ขนาดเล็ก ด้วยครับ

***ด้วยจิต เข้าถึง พุทธะ ****

พุทธัง สรนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรนัง คัจฉามิ
สังฆัง สรนัง คัจฉามิ

พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สรนังคัจฉามิ
ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สรนังคัจฉามิ
สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สรนังคัจฉามิ
<!-- / message --><!-- sig -->

ขอโมทนา ด้วย ขอรับ

 

งดงาม ครับ


ที่บ้านนับถืออยู่

 

เทพเจ้าแห่งขุนเขา ราชาแห่งโชคลาภ เทวดาแห่งผู้ทุกข์ยาก (หลวงพ่อนก สุเมโธ) ผมอยากให้ทุกคนได้สำผัสกับ ความลึกลับที่คุณอยากรู้ พลังจิตที่ละเอียด อาคมที่เข็มขลัง กับการผึกสมาธิที่แตกต่างจากแบบเดิมๆและได้ผลเร็วครับ ไม่ไช่การโฆษนาเกินจริงครับผมสำผัสกับตัวเอง ทั้งเทพเทวดา มีหมดครับ และสิ่งที่เรามองไม่เห็นหรือว่าอยากจะเห็นก็มีครับ ทั้งหมดนี้ผมแค่อยากไห้ท่านรู้จักกับ พระ ดีๆอีกหนึ่งองค์ที่ทำและช่วยเหลือมนุษย์ทุกคนโดยไม่หวังผลตอบแทนเลยกับการเกิดชาติสุดท้ายของ(หลวงพ่อนก สุเมโธ) แห่ง วัดหนองซ่อมตะเคียนงามวนาราม อยากเผยแผ่จึงๆครับคุยกันได้ครับ

 

องค์นี้ใครคะ "คุณเม้าฯ"
สวยจังขะ

 

คุณจานจ่ายครับช่วยบอกที่อยู่ของวัดหน่อยครับ ว่าตั้งอยู่ที่ไหนครับ

 

วัดหนองซ่อมตะเคียนงามวนาราม ตั้งอยู่ที่ ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง โคราชครับ ไปทางเขาใหญ่ก่อนถึงด่านทางเข้าจะมีทางเลี้ยวซ้าย ไปประมาณ 32-35 กิโลเมตร อยู่ด้านขวาของถนน ท่านจะรับปรึกษาปัญหาทุกวันเสาร์ครับ

 

ศรีษะปู่ฤษีนารอด...ได้มาจากกรุที่จังหวัดราชบุรีค่ะ ...

 

รูปนี้ไปจิ๊กเขามา ไม่มีชื่อระบุ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นท่านใด
เห็นสวยสดงดงาม เลยรีบเอามาลงให้ดูครับ
(tm-love)

 

งามจริง ๆ ขะ "คุณเม้าฯ"
ออกแนวทิเบตใช่มั้ยคะเนี่ย
เห็นของที่ถือในมือ เหมือนวัชระรึป่าวคะ

 

โห...ดูขลังจังขะ "คุณกุหลาบขาว"
มีประวัติให้อ่านมั้ยคะ
เป็นดินเผาหรอคะ
เห็นแล้วชอบจังขะ

 

คุณ ง้วนดิน...กุหลาบเอาประวัติปู่ฤษีนารอดมาฝากค่ะ...เป็นเนื้อดินเผา
ได้มา10 กว่าปีแล้วค่ะ วันแรกที่ได้มาตกดึกคืนนั้นก็ได้ฝันเห็นท่านว่า ท่าน
ได้มาทำพิธีไหว้ครูให้ในฝัน ปลื้มมากๆค่ะ....

ฤๅษีนารท หรือ ฤๅษีนารอด

พระนารท หรือ พระนารอด หรือ พระนาระทะ แล้วแต่จะเรียก
เป็น1 ใน พระประชาบดี (เทวฤษีที่เป็นพระผู้สร้าง) ๑๐ องค์ คือ เป็นผู้ประดิษฐ์ "วีณา" -- พิณน้ำเต้า
พระฤๅษีนารทบำเพ็ญพรตอยู่เชิงเขาโสฬส นอกเมืองลงกา เมื่อคราวหนุมานไปถวายแหวนแก่นางสีดาได้เหาะเลยเมืองลงกาเพราะไม่รู้จักทาง ไปพบกันเข้าจึงเกิดการประลองฤทธิ์กัน แต่หนุมานเกิดพ่ายแพ้ต่อฤทธิ์พระฤๅษีจึงยอมอ่อนน้อม และเมื่อคราวหนุมานไปเผากรุงลงกาไฟที่ติดหางหนุมานจะดับอย่างไรก็ไม่สามารถดับได้ หนุมานจึงไปหาพระฤๅษีนารทให้ช่วยดับไฟให้
พระฤาษีนารอด เป็นครูของฤาษีทั้งปวง ทรงกำเนิดจากเศียรที่ ๕ ของพระพรมธาดา ทรงเพศเป็นฤาษี พระฤาษีนารอดถือว่าเป็นฤาษีองค์แรกของไตรภูมิ ไม่ว่าจะมีการบูชาสิ่งใด หากไม่มีการเชิญท่านแล้ว พิธีกรรมนั้นมักไม่สมบูรณ์
รูปลักษณ์ของท่านที่สร้างเป็นหัวโขน(ศรีษะครู)สำหรับบูชาเป็นรูปหน้าพระฤาษีหน้าปิดทอง สวมลอมพอกฤาษี มี(กระดาษ)ทำเป็นผ้าพับเป็นชั้นลดหลั่นกันไป เสียบอยู่กลางลอมพอก

พระฤษีนารอด ท่านเป็นหมอยาที่มีคาถาอาคมเก่งกล้า ทั้งยังเป็นอาจารย์รดน้ำมนต์ที่เก่งที่สุดอีกด้วยท่านมีบารมีมาก ปวงชนทั่วไปก็มักจะรู้จักพระนามของท่านแทบทั้งนั้น รูปร่างหน้าตาของท่านก็ยังมีหนวดเครายาวลงมาจากคางถึงในระหว่างอกมือถือดอกบัว ตรงด้านหน้ามีบาตรน้ำมนตร์ตั้งอยู่เป็นประจำ เก่งในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชงัดนักแล ถ้าหากผู้ใดมีความทุกข์ที่เกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จงบนบานศาลกล่าวกับท่านดูแล้วท่านก็จะต้องเมตตาเสด็จลงมาปัดเป่ารักษาให้โรคภัยนั้นหายไปในเร็ววันมักจะมีคนพูดกันทั่วไปว่า พระฤษีนารอดเป็นพี่ชายของ พระฤษีนารายณ์แต่บำเพ็ญพรตกันอยู่คนละแห่ง นานๆจึงจะได้พบกันสักครั้งหนึ่ง แต่เรื่องนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่ ที่จริงแล้วผู้ที่เป็นน้องชายของพระฤษีนารอดก็คือ พระฤษีนาเรศร์ มิใช่พระฤษีนารายณ์ ที่ถูกต้องก็คือ พระฤษีนาเรศร์ นี่แหละที่เป็นน้องชายแท้ๆของ พระฤษีนารอด และก็ได้บำเพ็ญตบะอย่างมุ่งมั่นอยู่กันคนละแห่ง สำหรับพระฤษีนาเรศร์นี้ ท่านเก่งในคาถาอาคมศักดิ์สิทธิ์มีเวทมนตร์ขลังเป็นที่สุด ชอบสันโดษบำเพ็ญพรตอยู่แต่ในป่าลึกๆ ไม่ค่อยชอบสมาคมกับใครเท่าใดนัก แม้แต่พี่น้องกันแท้ๆ ยังนานๆได้พบกันที พอพบกันก็จะดีใจถึงกับกอดกันแน่นด้วยความปลื้มปิติยินดีท่านที่กราบไหว้บูชาพระฤษีสององค์พี่น้องก็จะเป็นมงคลอันสูง ท่านก็จะได้แผ่บารมีแห่งความเมตตามายังท่าน มาป้องปัดบำบัดรักษา และคุ้ม
ครองมิให้โรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนตลอดกาล....

 

น่าจะเป็นข้อมูลตามนี้นะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า

มีครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จแสดงธรรมบนสวรรค์ ให้เหล่าเทวดาฟังกัน
จนเทวสภาโล่ง ไม่มีเทวดา เมื่อพระศิวะเสด็จมา ท่านเห็นว่าไม่มีเทวดาสักองค์
ท่านจึงถามเทวดาแถวนั้น ก็ได้ความว่า ไปฟังเทศนาจากพระพุทธเจ้า
พระศิวะทรงกริ้วจัด จึงได้จัดการร่ายรำขึ้น แต่........ไม่มีเทวดาองค์ใดสนใจ
พระศิวะทรงโกรธมาก เลยท้าให้พระพุทธเจ้าเล่นซ่อนหากับพระองค์
พระพุทธเจ้าก็ตกลง พระศิวะก็เป็นผู้ซ่อนก่อน ก็เนรมิตกายเป็นผงธุลี ซ่อนองค์
ที่ใด พระพุทธเจ้าก็ทรงหาเจอที่นั่น ถึงคราวพระพุทธเจ้าบ้าง หายังไงก็หาไม่
พบได้ยินแต่เสียง พระศิวะเลยยอมแพ้ สุดท้ายไปเจออยู่ที่ พระเศียรของพระศิวะ
ท่านกำลังเดินจงกรมอยู่บนนั้น ท่านก็อัญเชิญให้ลงมา ก็ไม่ลง ต้องทำการ
ประโคมดนตรี ถึงจะลงมา แล้วแสดงธรรมแก่พระศิวะ

 

ขออนุญาตผู้เจริญธรรมทั้งหลาย
ขอโพสข้อมูลบ้างนะครับ

องค์ ยิดัม ฮายากีวะ




ฮายากีวะ ทิเบตเรียก t.มฎิน.Sคซ.รล.จน.ตาธิน จีนเรียกเบ๊ท้าวเม่งอ๊วง


ในพุทธศาสนาวัชรยานได้แบ่งกายแห่งธรรมออกเป็นสามกาย คือกายดั้งเดิมก็คือพุทธะ กายแห่งธรรมะคือโพธิสัตว์ กายแห่งพลังคือยิดัมพิชิตมาร ปางแห่งปัญญาดั้งเดิมก็คือปางพุทธเจ้า ปางแห่งการโปรดสัตว์ก็มาในลักษณะอ่อนโยนปางพระโพธิสัตว์ ถ้ามาโปรดสัตว์ก้าวร้าว ดุร้าย ก็จะมาในปางพิชิตมาร ดังนั้นยิดัมพิชิตมารก็คือองค์พุทธเจ้าที่มาโปรดสัตว์ดุร้ายแข้งกร้าวโปรดยากนั่นเอง ถ้ามองในสภาพภายนอกก็จะเห็นว่าท่านดุร้ายน่ากลัว แต่สภาพที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นจากจิตที่เมตตาของพระพุทธเจ้า ที่ต้องการโปรดสัตว์ดุร้าย ท่านเป็นสัญลักษณ์แสงแห่งปัญญที่มาขจัดอุปสรรคความชั่วร้ายซึ่งใช้ภาพมารเป็นสัญลักษณ์

องค์ฮายากีวะอยู่ในตระกูลปัทมหรือก็คือปางอวตารของพระอมิตาภพุทธเจ้า หรืออีกนัยหนึ่งก็คืออวตารกายของพระโพธิสัตว์อวโลติเกศวร มีหลายพุทธลักษณ์ เช่น สามเศียรหกกร สามเศียรสี่กร หนึ่งหน้าสองแขน วรกายสีแดง หรือสีน้ำเงินเข้มก็มี

ในภาพทังกานี้มีหนึ่งเศียร สองกร ดวงตากลมโตสามตา มีเขี้ยวโง้ว เส้นผมพุ่งตรงขึ้น บนเศียรมีหัวม้าสีเขียวอยู่ มือขวาถือไม้เท้ากระโหลก มือซ้ายถือเชือกขอ สวมมงกุฎกระโหลกห้าหัว สวมสร้อยกระโหลกห้าสิบหัว สวมอาภรณ์หนังมนุษย์ หนังช้าง นุ่งหนังเสือ ประดับงู ขาด้านขวางอ ด้านซ้ายเหยียดตรง เหยียบมารชายหญิง ยืนบนแท่นบัววงพระอาทิตย์ ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงแห่งปัญญาอันโชติช่วงเผาผลาญอวิชชาทั้งมวล บนเศียรจะมีหัวม้าหนึ่งหัวหรือสามหัวก็ได้ ด้วยความหมายว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมท่านมีความกล้าหาญที่จะไปกินอกุศลกรรมทั้งมวลและอวิชชาของสรรพสัตว์

(ในรูปใหญ่ ท่านทรงมี สามพักตร์ แปดกร แต่ละพักตร์มีดวงตากลมโตสามตา มีเขี้ยวโง้ว เส้นผมพุ่งตรงขึ้น พระหัตถ์แต่ละหัตถ์ทรงศาสตราวุธปราบมารครบ ในแต่ละพักตร์สวมมงกุฏกระโหลกห้าหัว สวมสร้อยกระโหลกห้าสิบหัว สวมอาภรณ์หนังมนุษย์ หนังช้าง นุ่งหนังสือ ประดับมังกร ขาด้านขวางอ ด้านซ้ายเหยียดตรง ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงแห่งปัญญาอันโชติช่วงเผาผลาญอวิชชาทั้งหมวล)


พระอวโลติเกศวรโพธิสัตว์เมื่อย่างเข้ามาในวัฏฏสงสารประดุจดังม้าที่หิวกระหาย จึงไม่รั้งรอ รีบเร่งกินน้ำกินหญ้า โดยไม่สนใจสิ่งอื่น น้ำและหญ้าเปรียบดังอวิชชาและอกุศลกรรมของสรรพสัตว์ ท่านมีชื่อเรียกอีกชื่อว่ายิดัมผู้กล้ากิน


อานิสงฆ์ในการปฏิบัติตันตระองค์ฮายากีวะ คือปลอดจากมารทั้งหลาย ได้รับการกำจัดอกุศลกรรมและอวิชชา หายโรคร้าย คุณไสยไม่สามารถกล้ำกลาย พิธีกรรมในการปรุงยารักษาโรคติดเชื้อในทิเบตจะอัญเชิญองค์ฮายากีวะมาเป็นประธานในการปรุงยา พลังพุทธคุณในพิธีกรรมจะมีพลังอันแข็งแกร่งมากเมื่อมีองค์ท่านเข้าร่วมในพิธีกรรม

แหล่งที่มาของข้อมูล : http://www.mahayana.in.th/buddapic/idum/hayagiva.html
ผิดถูกอย่างไร กราบขออภัยด้วยนะครับ ถือว่าแบ่งปันกันนะครับ

 

ขอบคุณ คุณAJ_Purngkan ที่มาให้ความรู้ครับ

 

แบ่งปันความรู้ดีกว่าครับ
เวลามีคนสงสัยต้องหาข้อมูลมาอ้างอิงให้ได้ครับ
จะได้ไม่มีคนว่าว่าเราพูดลอย ๆ
ถ้าหาไม่ได้เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ
ก็...มาแบ่งปันความรู้ไม่ได้ครับ
ฮ่า ๆ ๆ นาน ๆ จะมาโพสทีนึงครับ

ขอบคุณครับ

 

องค์ ยิดัม ฮายากีวะ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคา
Chayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_917281", true); </SCRIPT>
สมาชิก



ขอ อนุญาติ รบกวน คุณChayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_917281", true); </SCRIPT> ด้วยครับ

ภาพ แทนคุณ Chayutt<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_917281", true); </SCRIPT> นี้ ไม่ทราบ มี ข้อมูล อย่างไร บ้างครับผม พระนามท่าน อะไร ครับ ขอรบกวนด้วยครับ

ในจิต ออกมา อมิตตะพุทธะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ มูลปณิธานสูตร





http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=116&page=2

...ในกาลนั้น สมเด็จพระศากยมุนีอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้เสด็จขึ้นไป
จำพรรษาในดาวดึงส์เทวโลกนี้ เพื่อตรัสเทศนาพระอภิธรรมโปรดแก่
พระนางสิริมหามายาพระพุทธชนนีตลอดไตรมาส

เมื่อข่าวอันเป็นมหามิ่งมงคลได้แพร่สะพัดออกไปเหล่าพุทธะ พระโพธิสัตว์
พระอรหันต์และเทพยดาเจ้าทั้งปวงก็บังเกิดความโสมนัสยินดี ต่างองค์ก็ทรง
ร้องเรียกซึ่งกันและกันต่อ ๆ ไปจนตลอดถึงหมื่นจักรวาล ให้มาร่วมชุมนุม
เพื่อจะได้สดับรับฟังพระสัทธรรมอันส้ำเสิศจากพระโอษฐ์แห่งองค์สมเด็จ
พระบรมครูด้วยตนเอง

ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ทั่วสาระทิศและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ในสากลจักรวาล
ก็ได้เปล่งสำเนียงแซ่ซ้องถวายแด่พระพุทธองค์โดยพร้อมเพรียงกัน..

..ครั้นแล้วสมเด็จพระโลกนาถเจ้าได้ทรงมีพระพุทธฏีกาแก่พระมัญชุศรีโพธิสัตว์
ว่า "ดูก่อนมัญชุศรีโพธิสัตว์ท่านจงประมาณดูว่า เหล่าพุทธะโพธิสัตว์
และบรรดาเทพเทวาทั้งหลาย ที่มาสดับฟังพระธรรมเทศนาของตถาคต
ในครั้งนี้มีจำนวนสักเท่าไร?"

พระโพธิสัตว์มัญชุศรีได้กราบบังคมทูลตอบว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
อาศัยอภิญญาญาณของข้าพระองค์ซึ่งสามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคตกาล
ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ กระนั้นก็ยังมิอาจจะประมาณจำนวนของผู้ที่มาร่วมชุมนุม
กัน ณ ที่นี้ได้เลยพระเจ้าข้า"

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "มัญชุศรีโพธิสัตว์ ผู้ชุมนุมกันที่นี่มาจากทศทิศ
พิภพอันมีจำนวนมากมายเหลือจะคณานับได้นั้น ล้วนเป็นผู้ที่
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้แผ่กุศลปัตติทานฉุดช่วยเป็นเวลาอสงโขยกัลป์
นับไม่ถ้วนโดยลำดับมาจนได้บรรลุมรรคผลกันแล้ว ในสมัยอดีตกาลบ้าง
ที่กำลังจะบรรลุมรรคผลในสมัยปัจจุบันกาลบ้าง และหวังที่จะบรรลุ
มรรคผลในอนาคตกาลบ้าง"

..."ดูก่อน..มัญชุศรีโพธิสัตว์ ด้วยเหตุนี้แลกุลบุตรผู้นั้นจึงได้ตั้งปณิธาน
อย่างแน่วแน่เพื่อที่จะได้โปรดสรรพสัตว์ในไตรภูมิให้หลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร
โดยคุกเข่าลง ณ เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าในอดีต แล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า

"ข้าพเจ้าจะต้องโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากห้วงทะเลทุกข์
ให้หมดสิ้น จึงจะขอบรรลุสู่พุทธภูมิ หากแม้นนรกอเวจียังไม่ว่างเว้น
จากเวไนยสัตว์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ขอสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า"

ตราบจนกระทั่งบัดนี้เวลาได้ผ่านไปนับหมื่นล้านโกฏิปิแล้ว เพื่อจะฉุดช่วย
เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลาย พระกษิติครรภโพธสัตว์ซึ่งก็คือบุตรชายคฤหบดี
ในกาลนั้นจึงยังคงดำรงอยู่ในโพธิสัตว์ภูมิและปฏิบัติตามปณิธานที่ตั้งไว้
เป็นจริยกิจเสมอมา โดยไม่ยอมเข้าสู่แดนนิพพาน"

สาธุ สาธุ สาธุ