!!!แร่ธาตุกายสิทธิ์+เหล็กไหล วัตถุศักดิ์สิทธิ์ อิทธิคุณธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์มีอำนาจในตัว!!!

ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีชา (พิเศษ)

จองบูชา ครับ

 

รับทราบแจ้งจองดวงแก้วนาคา
ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ คุณ อริยธาตุ
จากการที่จอง ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีชา (พิเศษ)
ได้ดำเนินการโอน 1200 บาท เรียบร้อยครับ เมื่อ 16/08/2557 - 16:11:29

รบกวนจัดส่ง ที่อยู่เดิม ครับ
ขอบคุณครับ

 

หลวงปู่ทวด เนื้อหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
หินพระธาตุแห่งขุนเขาสามร้อยยอดเป็นหินในตำนานที่มีความศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ มีพุทธานุภาพช่วยให้ผู้ที่สักการบูชา ได้รับคุณประโยชน์
โดยจะมีพุทธคุณตามลักษณะสีของคตที่ฝังอยู่ในหินดังนี้
สีขาว มีพลังที่เยือกเย็นบริสุทธิ์ เหมาะสมหรับผู้เจริญสมถวิปัสสนา พลังบริสุทธิ์จากหินทำให้ผู้ที่มองหินพระธาตุเป็นประจำจะทำให้ใจเย็นหนักแน่นมั่นคง
สีดำ ให้พลังที่เข้มแข็งทำให้ผู้ที่สัมผัสหินมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืน และมีพลังพิเศษในการคุ้มครองเพราะสีดำนั้นมีละอองเหล็กไหลผสมอยู่
หินพระธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปราณของผู้สำเร็จทางจิต หรือเป็นอัฐิธาตุของผู้สำเร็จมาแต่โบราณ
ฝังตัวเองอยู่ในแท่งหินและฝักหินต่างๆ นานนับพันนับหมื่นปี มีแหล่งกำเนิดอยู่ในบริเวณเทือกเขาที่ซับซ้อน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะเป็นหิน มีหลายขนาด มีผู้รู้ทั้งหลายกล่าวกันว่า พระธาตุส่วนมากที่พบในลักษณะของไข่ในหินนั้น เป็นพระธาตุของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า และยังอาจมีพระธาตุของพระสาวกรูปอื่นๆรวมอยู่ด้วย ในแผ่นหินหนึ่งแผ่นจึงอาจเป็นที่รวมของพระธาตุหลายชนิด มีอานุภาพครอบจักรวาล เป็นของมหามงคลสูงสุด ที่ใครได้ไว้นับว่าเป็นโชคลาภมหาศาล
พุทธคุณของหินพระธาตุ
อำนาจของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้นมีมากมาย แต่หากจะทำการสรุปอานุภาพแห่งหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดแล้วสามารถสรุปได้ ๙ ข้อด้วยกัน คือ
1.ดีทางร่มเย็นเป็นสุข บังเกิดความเย็นใจแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของหากใครได้สัมผัสหินเสมอๆ จะทำให้สงบในใจแก่ผู้นั้น
2.ช่วยในการเจริญสมาธิภาวนา เรียกว่าเจริญในธรรม
3.เป็นเมตตามหานิยม ทำให้ผู้ที่พบเห็นเราเกิดความรักใคร่อยากช่วยเหลือแต่ไม่เด่นทางเสน่หา หรือเรื่องทางชู้สาว
4.ดีทางคุ้มครอง เป็นแคล้วคลาด คือผู้ที่พกพาหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ สามารถรอดตัวโดยไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เลย และยังดีทางคงกระพัน คือแม้ว่าต้องผจญด้วยเหตุการณ์อันไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้วก็เป็นคงกระพันรอดตัวมาได้เสมอ
5.ดีทางโชคลาภ หินพระธาตุเขาสามาร้อยยอด เป็นสื่อนำสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต เรียกว่า ในหินพระธาตุนั้น มีกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยงรักษาอยู่ภายในผู้ที่หมั่นนำเอาหินนี้มาสวดมนต์ภาวนา นำมาพกติดตัวเสมอๆมักได้โชคได้ลาภไมขาดเลย
6.ดีทางสมบูรณ์ด้วยสุขภาพพลานามัย เนื่องจากหินพระธาตุนี้เป็นสิ่งที่สะสมปราณ ฟ้าดิน พระอาทิตย์ พระจันทร์ ขุนเขา ทะเล มานานนับร้อยนับพันปี จึงทำให้มีพลังชีวิตแห่งจักรวาลอยู่ในตัวอย่างสูงส่ง ผู้ที่พกหินนี้หรือมีหินพระธาตุอยู่ใกล้ๆตัวย่อมเป็นผู้ได้รับกระแสพลังปราณอันลี้ลับ พลอยทำให้สุขภาพสมบูรณ์ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนนาน
7.ดีทางเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานประสบความสำเร็จในชีวิต หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด จะมีลักษณะเด่นคือ เมื่อนำหินมาเจียรแล้วจะมีลักษณะคล้ายพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด อันเป็นมงคลลักษณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของลายหิน โดยลักษณะดังกล่าว เป็นลักษณะแห่งพลังธรรมชาติที่นำพาความรุ่งเรืองความสำเร็จมาสู่ผู้บูชาดังนั้นพลังลี้ลับศักดิ์สิทธิ์จากหินเขาสามร้อยยอดจึงเป็นแรงผลักดันอย่างลี้ลับในการนำพาชีวิตของผู้นั้นไปสู่ความเจริญในหน้าที่การงานและความสำเร็จในชีวิต
8.หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด เป็นหินแห่งญาณทัศนะ ข้อดีในความหมายนี้คือ ผู้ที่พกพาหินพระธาตุเป็นประจำ จะบังเกิดญาณหยั่งรู้ที่พิเศษกว่าปุถุชน สามารถรู้เหตุดีร้อยล่วงหน้า เนื่องจากกระแสญาณบารมีจากเทพเซียนที่รักษาหินนั้นจะคอยสอดญาณหยั่งรู้หรือบันดาลเทพสังหรณ์ให้แก่ผู้นั้น นับเป็นคุณวิเศษอันลี้ลับของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
9.ค้ำคูณดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำ คนที่รู้ว่าดวงชะตาตนเองไม่ดีหรือชงกับปีนั้นๆหากได้หินพระธาตุเขาสามร้อยยอดมาบูชา อำนาจจากอริยะธาตุแห่งหินเขาสามร้อยยอดจะทำการเกื้อหนุนดวงชะตาของท่านไม่ให้ตกต่ำลงไป ผ่อนหนักเป็นเบาสามารถรอดพ้นจากอำนาจ จากดวงดาวหรือผ่อนปรนภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับตัวท่านได้
พระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นคดหินที่พบบนเขาสามร้อยยอดนั้นจะเป็นชั้นๆ เมื่อผ่าออกภายในจะมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน คล้ายกับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ มีอิทธิพลังฤทธิ์ ช่วยให้ผู้สักการบูชาได้รับคุณประโยชน์ต่างๆ ตามลักษณะสีของคดที่ฝังอยู่ในหิน ดังนี้
1.สีแดง เป็นสีเดียวกับพระอาทิตย์อุทัย เปี่ยมด้วยพลังแห่งความเจริญรุ่งเรือง คุ้มครองป้องกันภัย และหมายถึงอำนาจบารมีของผู้บูชา
2.สีน้ำผึ้ง คือ หินสีน้ำตาลใส มีพลังเมตตา ให้ความร่มเย็นเป็นสุข ทำให้จิตใจเยือกเย็น เหมาะสำหรับผู้ประกอบธุรกิจการงานต่างๆ
3.สีขาว มีพลังที่เยือกเย็นบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับผู้เจริญสมถวิปัสสนา พลังบริสุทธิ์จากหินทำให้จิตใจเยือกเย็น หนักแน่น มั่นคง และประกอบด้วยเมตตากรุณา
4.สีดำ ให้พลังที่เข้มแข็ง ทำให้ผู้ที่สัมผัสหินมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืน มีพลังพิเศษในการคุ้มครอง เพราะสีดำนั้นมีละอองเหล็กไหลผสมอยู่
5.สีน้ำตาล เสริมสร้างสุขภาพให้อายุยืน มีความเด่นในด้านอยู่ยงคงกระพัน ช่วยให้เกิดปัญญารู้รอบ และจิตใจกล้าหาญ
"ถ้ำสามสี" วรรณะมีสีถึงสามสี มีอิทธิคุณเมตตา มหาเสน่ห์(ไม่เด่นด้านชู้สาว) มหานิยมอานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ของหินพระธาตุ "ถ้ำสามสี" นานัปการมาก
เพราะเป็นถ้ำที่มีท้าวสหัสนัยดูแลปกปักรักษา อิทธิคุณจึงครอบคลุมทุกด้าน เป็น เมตตา มหาเสนห์-มหานิยม (ไม่แพ้พระขุนแผน)....(ไม่เด่นด้านชู้สาว) ช่วยในการค้าขายดี ให้ร่ำรวยอย่างอัศจรรย์ พูดสิ่งใดก็สำเร็จสมปรารถนา หน้าที่การงานดีทุกอย่าง แคล้วคลาด คงกระพัน และมหาอุดหยุดปืน สามารถนำหินที่แกะจาก "ถ้ำสามสี" นี้ไปแช่น้ำ ทำเป็นน้ำมนต์ช่วยรักษาคนได้ ก็มีประสบการณ์มาแล้ว เคยมีคนโดนของเข้าตัว แล้วมาจับโดนองค์พระที่แกะจากหินพระธาตุถ้ำนี้ ต้องหงายหลังล้มตึงทันที แม้แต่สัตว์ป่าที่อาศัยบริเวณ "ถ้ำสามสี" ก็ปลอดภัยจากพรานป่า

(((เนื้อหินแท้จากเขาสามร้อยยอด ช่างฝีมือยุคต้น หายาก มีราคาสูง)))

XXXบูชาแล้วXXX​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479
ธาตุที่เหนือธาตุ ความเพ้อฝันสู่ความเป็นจริง : Suspended Domain
​

 

ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีชมพู
สัตตะนาคา นาคะราเช อะหังนาคา วิกรึงคะเร อะงะสะ อะหังนุกา ฯลฯ
อะงะสะ ประสิทธิลาโภฯลฯ
ภูเขาควาย สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งนัดพบและเรียนวิชาของเหล่าผู้ทรงอภิญญาและวิทยาคมทั้งหลาย เฉกเช่นเดียวกับสำนักตักศิลา ชมพูทวีปในอดีต หรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน ในปัจจุบันภูเขาควาย เป็นสถานที่ปรารถนาของนักปฏิบัติหลายๆ ท่านได้มีโอกาสไปฝึกที่แห่งนี้ นอกจากนี้มีผู้อัญเชิญเพชรพญานาคกล่าวว่า ภูเขาควายเป็นแหล่งที่พบเพชรพญานาคแหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ภูเขาควายเป็นเทือกเขาใหญ่ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขงในประเทศลาวห่างจากตัวนครเวียงจันทร์ราว 7 กม.ตรงข้ามกับจังหวัดหนองคายของไทย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีถ้ำคูหาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนไปมาอย่างลึกลับ เงียบสงบและเป็นสถานที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ต้องการบำเพ็ญเพียรฝึกจิตฝึกฤทธิ์ของเหล่าบรรดาพระธุดงค์ ตาปะขาว เหล่าฤาษี พระมุนี ชีไพรทั้งหลาย เพชรพญานาคจึงเป็นกายสิทธิ์จากสองดินแดนโดยมิต้องสงสัย ภูเขาควายเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบรรดาจอมขมังเวทย์ทั้งหลายที่ต้องการเดินทาง เพื่อไปศึกษาคาถาวิชาอาคมเวทย์มนต์ต่างๆ เช่น หลวงปู่พรหมา วัดสวนหินผานางคอย หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยธุดงค์ไปแสวงหาความรู้เล่าเรียนวิชาที่เทือกเขาแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก กลุ่มผู้แสวงหาวิชาไสยศาสตร์มักจะเรียกกันว่าครูฤาษีซึ่งฤาษีในที่นี้บางทีก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินเหมือนเช่นที่เราคิดหากแต่เป็นนิมิตอันเกิดจากจิตสมาธิของผู้ที่จะเรียนจะฝึกฝนจนสามารถเข้าไปสัมผัสจิตติดต่อกันผ่านทางการนั่งสมาธิผู้ที่ผ่านการร่ำเรียนการฝึกจิตบวกกับอำนาจวาสนาบารมี แต่หนหลังหรือจะเรียกว่าแล้วแต่บุญญาบารมีของใครจะมากจะน้อยกว่ากันใครที่ฝึกฝนสมาธิจิตเข้มข้นจนมีพลังจิตสูงก็จะได้เรียนวิชาผ่านครูฤาษีสำเร็จจนได้วิชามาช่วยเหลือผู้คนในด้านต่างๆ ได้มาก
การถ่ายทอดสรรพวิชาวิทยาคมของครูฤาษีจะมาปรากฏในรูปของจิตสมาธิปรากฏเป็นอักขระบนฝาผนังถ้ำ เพื่อให้ได้เรียนและจดจำตำราที่ปรากฏออกมาดังนั้นผู้ที่ฝึกจิตจนเข้มแข็งแล้วจะเข้าไปสู่เทือกเขาด้านในซึ่งจะมีถ้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อไปบำเพ็ญเพียรฝึกสมาธิจิตฝึกฤทธิ์อยู่ในนั้น
ครูบาคำเขื่อนแก้วได้บอกไว้ถึงการเข้าไปศึกษาอาคมในภูเขาควาย อ้างอิงถึง ฤาษีเณรคำหนึ่งในอาจารย์สำนักฤาษีบังบดว่าได้เคยพบ และศึกษาวิชาจากฤาษีเณรคำในภูเขาควายนี้เอง ยังมีการกล่าวถึงว่ามีการพบซากพญานาคในถ้ำลึกของภูเขาควายและได้นำมาเก็บไว้บางส่วนในถ้ำคูหาสวรรค์สำนักของหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี และที่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นจุดเริ่มเกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ที่ปรากฎขึ้นในทุกวันออกพรรษาอีกด้วย ภูเขาควายที่คนไทยรู้จักส่วนใหญ่จะรู้จักจากคำบอกเล่าจากพระธุดงธ์ที่จะเดินทางเข้าไปภูเขาควายเพื่อทดสอบกำลังใจและเพื่อการฝึกจิต ให้มีกำลังเข้มแข็งแก่กล้ามากยิ่งขึ้น พระธุดงธ์ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีก็คือหลวงปู่มั่น ซึ่งในสมัยท่านแล้วการเดินทางไปสถานที่แห่งนี้ลำบากเป็นอย่างยิ่ง และก็เป็นสถานที่เร้นลับที่น้อยคนนักจะเข้าไปถึงได้ ไม่ว่าภัยจากธรรมชาติ จากคน จากภูตผี วิญญาณ อสุรกาย ต่างๆ สถานที่นี้มีครบ มีให้ลองทุกอย่าง หลวงปู่มั่นท่านมาพักที่แห่งนี้ โดยพักที่ถ้ำพระ และโปรดวิญญาณต่างๆ ให้เป็นสัมมาทิฐิ
ตำนานการก่อเกิดเพชรนาคา (มณีใต้น้ำ)
ในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก็จะไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปนั่นเอง เมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธา บางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ที่เหนือธาตุขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาล ดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ ต่างหาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขารตายลง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้รู้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปฐพี ดูต้นเหตุอัศจรรย์อันทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพ-ใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดาเท่านั้น อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้ อัญเชิญประดิษฐ์สถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
แก้วสีชมพู สีแห่งพลังอานุภาพแห่งเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด

XXXบูชาแล้วXXX​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479
ธาตุที่เหนือธาตุ ความเพ้อฝันสู่ความเป็นจริง : www.arjariyatat.com
​

 

ขอจองครับ

 

รับทราบแจ้งจองแก้วนาคาสีชมพู
ขอบคุณครับ

 

แก้วมณีโชติธรรมชาติ (ธรรมชาติลาวาภูเขา) จัดเป็นแก้วแห่งนาคราช แก้วนาคโชติ วรรณะสีฟ้าน้ำทะเล
ผู้ใดครอบครองบูชาอยู่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง
การเกิดกลียุคมนุษย์รบราฆ่าฟันกันเอง โลกมนุษย์จะพบภัยพิบัติต่างๆ ที่ไม่เคยพบ เคยเห็นมาก่อน จากโรคระบาดที่ร้ายแรงเพิ่มขึ้นมากมาย มาคร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ให้ล้มตายจำนวนมาก บุคคลที่แขวนพระแก้วมณีโชติหรือมีดวงแก้วมณีโชติ จะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายและภัยพิบัติธรรมชาติ ตำนานพระแก้วมณีโชติครั้งหนึ่งสมเด็จหลวงปู่โต พรหมรังสี ได้มานิมิตบอก เปิดเผยเรื่องราวพระแก้วมณีโชติพระแก้วกายสิทธิ์ที่เทวดาสร้างถวายบูชาพระพุทธเจ้า และมีมาครั้งโบราณกาลมากกว่าพันปี
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระ พุทธองค์ทรงจาริกเทศนาธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ ทรงเสด็จจาริกผ่านมายังดินแดนเมืองฮอด ณ ปัจจุบัน ทรงประทานพระเกศาธาตุและพระพุทธบาทอันสมควร ทรงเล็งด้วยพระพุทธญาณว่าต่อไปที่แห่งนี้จะเป็นที่อุดมในธรรม ภายหน้าเมื่อตถาคตปรินิพพานได้ ๑๐๐ ปี ณ ที่แห่งนี้จะเกิดนครใหม่ที่มีความรุ่งเรืองทางพระพุทธ ศาสนาอย่างมากมีนามว่า ทิพย์มหานคร เมืองนี้ปรากฏพระเถระองค์หนึ่งนามว่า พระธรรมราช เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ศักดามาก เป็นที่เคารพนับถือของเหล่ามนุษย์และพญานาตลอดจนเทวดาทั้งหลาย พระ ธรรมราชคิดว่าพระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ต้องให้คนทั้งหลายระลึกถึงพระ พุทธคุณ จึงคิดจะสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กจำลองเป็นรูปของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นที่พึ่งของเหล่ามนุษย์ แต่จะสร้างด้วยทองคำหรือเงินก็จะทำให้มนุษย์เกิดความโลภทำอันตรายต่อรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ความคิดนี้รู้ไปถึงมหาพรหมผู้มีนามว่า ชินนะปัญจะระ ท่านจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาว นำเอาแก้วมณีโชติที่ถือเป็นแก้วกายสิทธิ์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตมาถวายให้พระธรรมราช พระธรรมราชจึงให้ช่างแกะสลักในเมืองช่วยกันแกะเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าช่างแกะสลักไม่สามารถที่จะแกะสลักแก้วมณีโชติได้ พวกช่างปรึกษากันด้วยจนปัญญา ความนี้ทราบถึงพระอินทร์จึงสั่งให้เทวดาประจำวันทั้ง ๗ องค์ แปลงร่างเป็นมนุษย์ลงมารับอาสาแกะสลักแก้วมณีโชติเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ด้วยการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กใช้ติดกาย และองค์ใหญ่สูงครึ่งคืบไว้ประจำบ้านเมือง เพียงใช้เวลา ๗ วันแกะได้ ๘๔,๐๐๐ องค์
เมื่อ สร้างเสร็จแล้วพระธรรมราชจึงประชุมกับเจ้าเมืองและชาวเมือง เพื่อจัดงานทำบุญฉลองสมโภชพระแก้วมณีโชติ ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระและพระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมาร่วมในงานฉลอง ด้วยเมื่อถึงเวลาพระธรรมราชเป็นผู้เจริญพระพุทธมนต์ ชีปะขาวทั้งสองเจริญทิพย์มนต์บูชาพระพุทธเจ้า และมีการจุดบ้องไฟเป็นพุทธบูชานับได้ ๑๐๘ กระบอก ชาวเมืองพร้อมใจกันจุดบ้องไฟ เมื่อจุดบ้องไฟติดพวกช่างแกะสลักทั้งเจ็ดและชีปะขาวทั้งสอง ก็กระโดดขึ้นนั่งบนหัวบ้องไฟ บ้องไฟได้พาเอาร่างชีปะขาวและช่างแกะสลัก สูงขึ้น สูงขึ้น จนหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุดชาวเมืองจึงรู้ว่าเทวดาแปลงร่างมาเป็นช่างแกะสลักและชีปะขาว จึงพากันส่งเสียงแซ่ซ้อง สาธุ สาธุ กึกก้องอึงคะนึงไปทั่วทั้งเมือง ท่านมหาพรหม ชินนะปัญจะระจึงประพรมน้ำพุทธมนต์ อวยพรอวยชัยโดยบันดาลให้ฝนทิพย์ตกลงมาทั่วเมือง เสร็จงานแล้วชาวเมืองช่วยกันขุดหลุมลึก ๗ ศอก ๕๖ หลุม นำเอาพระทั้งหมดใส่ไห ๕๖ ไห ฝังในหลุมและกลบอย่างดี พระธรรมราชขอให้พญานาคชื่อ พญาศรีเสน เป็นผู้เฝ้ารักษาไม่ให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำที่แห่งนี้
ศาสนาตถาคตผ่านไป ๒๕๐๐ ปี พระแก้วมณีโชติจะถูกนำขึ้นมาให้มนุษย์สักการบูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของคนดีมีศีลธรรม ที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มนุษย์ที่ได้ครอบครองพระแก้วมณีโชติจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลาย ทั้งปวง มีความสุขสมบูรณ์ เจริญด้วยโภคทรัพย์ เทวดาปกปักษ์คุ้มครองรักษา เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนครบ ๕๐๐๐ ปี ตามพุทธพยากรณ์
สมเด็จโตผู้นิมิตพบท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระเมื่อครั้งธุดงค์ไปที่กำแพงเพชร ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระได้สอนคัมภีร์ธรรมศาสตร์ และพิธีการปลุกเสกพระเครื่อง ทำให้พระสมเด็จของท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือนามไปทั่วทิศ พร้อมทั้งบอกเล่าตำนานพระแก้วมณีโชติ และบอกให้สมเด็จโตไปเอาพระแก้วมณีโชติมา ๕ ไหเก็บรักษาไว้ ในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยทำนุบำรุงพระ พุทธศาสนาอยู่ครบ ๕๐๐๐ ปี สมเด็จโตพร้อมศิษย์จึงเดินทางมาที่เมืองทิพย์ มหานครและได้พบกับพญานาคผู้รักษาพระแก้วมณีโชติ พญานาคได้พ่นไฟพิษเข้าใส่ สมเด็จโตจึงภาวนานึกถึงท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ ไฟพิษของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายได้ สมเด็จโตบอกพญานาคว่าท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระใช้มาจริงไม่ได้พูดเท็จ จึงมอบพระแก้วมณีโชติให้สมเด็จโต ๕ ไห สมเด็จโตนำเอามาเก็บไว้ที่กุฏิท่านโดยให้วิญญาณผู้หญิงเป็นผู้เฝ้าดูแล ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไหของสมเด็จท่าน ด้วยเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณของหญิงสาวนั้น ที่ชอบปรากฏตัวให้ผู้คนเห็น ก่อนสมเด็จโตจะมรณภาพ ท่านได้นำเอาไหทั้ง ๕ ใบไว้บนเพดานโบสถ์วัดระฆังโดยไม่มีใครรู้ จะอย่างไรก็ตาม ตำนานแก้วมณีโชตินั้นมีอยู่จริง มีความแปลก มหัศจรรย์ในสินแร่ธรรมชาติ และเป็นดวงแก้วจากธรรมชาติสร้างสรรค์ ด้วยความบริสุทธิ์ จึงมีเจตสิกที่มีอำนาจ มีพลังงาน มีฤทธิ์เข้าถือครองดูแลรักษา สีสันดั่งเพชรนาคา "เพชรพญานาค" ความหมายของสีบังเกิดด้วยภูมิจิตภูมิธรรมแห่งเจตสิก
แก้วมณีโชติ ต่างสีสัน เกิดจากการไหล และเย็นตัวลงอย่างฉับพลัน บางก้อนค่อยๆเย็นตัวลง บางก้อนเย็นตัวลงในทันที เฉดสีที่แตกต่างอาจจะเกิดขึ้นในธรรมชาติ ที่มีส่วนหลอมละลายสายแร่เข้าไปด้วย ก้อนแก้วบางชิ้นโดนลาวาที่ร้อนจัด จะเกิดความใสมาก บางชิ้นมีแร่ สมุนไพร นานาชนิด จึงมีสีเข้มข้น แก้วมณีโชติไม่ได้เกิดแต่เฉพาะในแม่น้ำ ลำธาร เท่านั้น แต่ยังเกิดในหุบเหว ในถ้ำ ป่าเขา ที่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อนด้วย บางท่านเคยเข้าถ้ำ เห็นเศษแก้ว สีต่างๆเข้าใจว่าเป็นขวดน้ำอัดลมแตก แต่ความเป็นจริง เป็นแก้วชนิดหนึ่งที่มีอายุมาก เพียงแต่เราไม่เห็นแกนก้อนใหญ่ๆเท่านั้นเอง ซึ่งต้องขุดหาลงไปลึกมาก บริเวณแหล่งพลอยที่ลื่อชื่อ มักพบสายแร่ และเศษแก้วประเภทนี้อยู่มาก เกิดจากการหมุนเวียนของดิน ฟ้า อากาศ ทำให้แตกออก แล้วกระจายไปทั่ว เศษแก้วมงคลหลากสีนี้ นำมาบูชารอยพระบาทพระพุทธเจ้า สำหรับก้อนที่เป็นเม็ด แตกหลุดธรรมชาติ มีความสวยงาม สีสันสดใส บางดวงมีเจตสิกเข้าถือครองดูแล ในเนื้อแก้วจึงมีทั้งเสี่ยนแก้ว และดวงธรรมคล้ายฟองอากาศ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ไม่เท่ากัน แก้วบางชิ้นจะเห็นว่าถูกหินปูนคลุม ขณะเย็นตัว บางชิ้นฝังในแหล่งหินปูนขาวใต้พื้นถ้ำ ดินบริเวณนั้นจะมีความศักดิ์สิทธิ์ นำมาเป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคล และมักเกิดในถ้ำที่มีน้ำผ่าน
สีฟ้า ผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย

XXXปิดรายการXXX
​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)

สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479
ธาตุที่เหนือธาตุ ความเพ้อฝันสู่ความเป็นจริง : www.arjariyatat.com​

 

ปู่ฤาษีตาไฟ นั่งแร่โคตรเหล็กไหล ขนาดบูชา
โคตรเหล็กไหล ( ธาตุกายสิทธิ์ เขาอึมครึม)
ลักษณะของโคตรเหล็กไหล มีลักษณะการเกิดที่พิสดาร เนื้อเดิม ๆ ก็เหมือนกับก้อนหินทั่วไป แต่พื้นผิวกับงอกขึ้นมาเอง เป็นผิวมัน มีสีดำสนิท เม็ดเล็กตั้งแต่ ขนาดเท่าปลายเข็ม ไข่ปลาดุก เม็ดถั่วลิสง เม็ดพุดทรา เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน หนาบ้างบางบ้าง บางแห่งเหมือนการหยดหรือไหลย้อย ทำให้นึกถึงเหล็กไหลที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันว่า สามารถเคลื่อนที่ไปตามพื้นถ้ำ ผนังถ้ำ ตามรอยแยกรอยแตกของส่วนต่าง ๆ ภายในถ้ำน่าอัศจรรย์ พื้นเดิมของรังโคตรเหล็กไหลเป็นหิน แต่พองอกออกมากลับกลายเป็นเนื้อแกร่งคล้ายเหล็ก ถ้าไม่เคยรู้จักมาก่อนก็ทึกทักเอาว่าเป็นเนื้อโลหะ ธรรมชาติสร้างได้พิสดารยิ่งนัก จึงน่าจะมีความพิสดารอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่
จัดได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์เหล็กไหลในตำนานเล่าขาน
เหล็กไหลงอก ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ คล้ายไข่ปลาดุก หรือ เกล็ดปลากระดี่ บางครั้งหากงอกเพิ่มขึ้นมามาก ๆ ก็จะรวมตัวกันคล้ายรวงผึ้งหรือไข่ปลาดุกเกาะติดกันเป็นแพ จึงเป็นเผ่าพันธุ์ของเหล็กไหลที่มีความแปลกและสวยงาม
โคตรเหล็กไหลทุกประเภท สามารถที่จะ "งอก" ขึ้นมาเองได้โดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นก้อนใหญ่ หรือก้อนเล็กก็ตาม แม้แต่ก้อนขนาดเล็กที่นำมาเลี่ยมแขวนติดตัว ก็งอกขึ้นมาเองจนกรอบพลาสติกแตก หรือต้องคอยเปลี่ยนกรอบอยู่เสมอ เพราะจากตุ่มเพียงปลายเข็มก็อาจจะโตใหญ่ขึ้นมาเท่ากับเม็ดถั่วลิสงได้โดยใช้เวลาไม่นาน เพียงแต่การงอกนั้นจะช้าหรือเร็วก็ย่อมขึ้นอยู่กับบุคคลและสถานที่ด้วย
สำหรับผู้หมั่นบำเพ็ญเพียรทางจิตที่แผ่พลังเมตตาถึงโคตรเหล็กไหลอยู่เสมอหรือเป็นประจำ จะพบว่าการงอกหรือโตนั้นจะเร็วมาก แต่ถึงจะทิ้งไว้บนหิ้งหรือเก็บไว้เฉย ๆ ก็จะงอกเองโดยธรรมชาติอยู่ดี เพียงแต่ช้าหน่อยเท่านั้น ซึ่งย่อมแสดงว่าเหมือนเป็นสิ่งมีชิวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งที่สามารถเจริญเติบโตได้
สีสันของโคตรเหล็กไหล
1. สีดำเหมือนนิล
2. สีเทาดำ
3. สีเขียวอมดำ
4. สีเขียวปีกแมลงทับ
5. สีรุ้ง 7 สี
ครูบาอาจารย์บางท่านก็นำไปแช่ทำน้ำมนต์ ด้วยการกำหนดจิตเพ่งกสิณอภิญญา เพื่อให้อานุภาพของโคตรเหล็กไหลแผ่พลังออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อทำน้ำเปล่า ๆ นี้เป็นน้ำทิพย์น้ำมนต์เหล็กไหลที่เต็มไปด้วยประจุพลังเหล็กไหล ใช้ได้สารพัดประโยชน์รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บด้วยเช่นกัน
อานุภาพของโคตรเหล็กไหล
1. มหาอุด
2. คงกระพัน
3. เมตตามหานิยม
4. โชคลาภ
5. กันพิษสัตว์เขี้ยวงา
พระเกจิอาจารย์ที่มีความรู้ในเรื่อง เหล็กไหล ต่างก็ทราบกันดีว่า เหล็กไหลทุกชนิด จะเด่นทางด้าน มหาอุด แคล้วคลาด คงกระพัน ดังนั้นโคตรเหล็กไหลก็เฉกเช่นกัน จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติ ที่ให้ผลปรากฏแก่ผู้พบเห็นมากมาย เพียงแต่ยังไม่มีใครได้ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษรให้เราได้ศึกษากันเท่านั้น
ผู้ใดได้บูชาโคตรเหล็กไหลไว้กับบ้านแล้ว จะประสบแต่ความร่มเย็นเป็นสุข เหมือนเขตขุนเขาแห่งนี้ที่มีความเย็นตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์สามารถป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ มีอำนาจทางคงพระพันหนังเหนียว ปลอดภัยจากอาวุธของมีคม และยังมีคุณสมบัติพิเศษพกติดตัว ในทางป้องกันสัตว์เขี้ยวงาต่าง ๆ รวมทั้งอสรพิษด้วย หรือหากใครถูกสัตว์เขี้ยวงากัดเอา เช่นตะขาบ แมงป่องขบกัดเอา ท่านให้ใช้แร่โคตรเหล็กไหลทำการดูดพิษได้ โดยเอาตัวแร่มาแนบปิดไว้ที่แผลเพียงไม่นานอาการปวดก็จะบรรเทา
เหล็กไหลงอก วัตถุธาตุมหัศจรรย์ เป็นหินสีสันสีดำ มันวาว คล้ายโลหะมากกว่าจะเป็นหิน มีประกายสีขาวออกเงินคล้ายปรอท สามารถงอกเองราวกับสิ่งมีชีวิต เหล็กที่งอกจึงถือว่าเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง มีลักษณะการงอกเป็นตะปุ่มตะป่ำทั่วทั้งก้อนแบบไข่ปลาดุก คล้ายพระธาตุสีวลี เป็นเนื้อเหล็กไหลชนิดแรกที่มีธาตุขันธ์เดิมๆ มีฤทธิ์มีอำนาจทางโลกียะมากที่สุด เพราะเทวดาที่เข้าไปรักษาดูแลธาตุเหล็กไหลชนิดนี้จะเป็นเทวดามิจฉาทิฐิจำพวกยักษ์ จะมีบุญบารมีในทางธรรมน้อย แต่อำนาจในการปกป้องคุ้มครองสูง มักพบในเขตพื้นที่ป่าดงดิบที่มีความชื้นสูง แสงแดดไม่ร้อนจัด มักจะเห็นหมอกหนักลอยตัวบริเวณปากทางเข้าถ้ำ เนื่องจากพรายปรอทของเหล็กงอกออกไปหากินและจะกลับเข้ารังในตอนรุ่งเช้า หากพบว่ารังเหล็กงอกมีขนาดใหญ่ มักปรากฏเสียงฟ้าคำรามเป็นระยะๆ ตลอดเวลา การบูชาเหล็กไหลงอกนั้นจะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน ทรัพย์สินเงินทองงอกเงย จึงเป็นเคล็ดให้บูชาเหล็กงอกไว้ในสถานประกอบการ ผู้ใดมีเหล็กงอก ถือเป็นโชคลาภ
นอกจากนี้เหล็กไหลงอกยังมีคุณสมบัติแบบเหล็กไหลทรหด คือ ดีทางคงกระพันหนังเหนียว คุณวิเศษที่นับเป็นเอกลักษณ์ของเหล็กไหลงอกอย่างแท้จริง คือเรื่องอสรพิษนานาชนิด ป้องกันด้านสัตว์มีเขี้ยวงาขบกัด เหล็กไหลงอกมีความศักดิ์สิทธิ์ฤทธิ์ขลัง เนื่องจากมีเจตสิกที่ทรงพลังอำนาจในการป้องกันคุ้มครองภัยแก่ผู้มีไว้บูชา และบันดาลโชคลาภ อานุภาพมากมาย
(((กายสิทธิ์ธาตุที่เหนือธาตุ บรมครูตาไฟ ดีทั้งนอกและใน)))

XXXบูชาแล้วXXX
​

 

แก้วมณีโชติธรรมชาติลาวา (สีน้ำเงิน) จัดเป็นแก้วแห่งนาคราช แก้วนาคโชติ
ผู้ใดครอบครองบูชาอยู่จะรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง
การเกิดกลียุคมนุษย์รบราฆ่าฟันกันเอง โลกมนุษย์จะพบภัยพิบัติต่างๆ ที่ไม่เคยพบ เคยเห็นมาก่อน จากโรคระบาดที่ร้ายแรงเพิ่มขึ้นมากมาย มาคร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ให้ล้มตายจำนวนมาก บุคคลที่แขวนพระแก้วมณีโชติหรือมีดวงแก้วมณีโชติ จะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายและภัยพิบัติธรรมชาติ ตำนานพระแก้วมณีโชติครั้งหนึ่งสมเด็จหลวงปู่โต พรหมรังสี ได้มานิมิตบอก เปิดเผยเรื่องราวพระแก้วมณีโชติพระแก้วกายสิทธิ์ที่เทวดาสร้างถวายบูชาพระพุทธเจ้า และมีมาครั้งโบราณกาลมากกว่าพันปี
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระ พุทธองค์ทรงจาริกเทศนาธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ ทรงเสด็จจาริกผ่านมายังดินแดนเมืองฮอด ณ ปัจจุบัน ทรงประทานพระเกศาธาตุและพระพุทธบาทอันสมควร ทรงเล็งด้วยพระพุทธญาณว่าต่อไปที่แห่งนี้จะเป็นที่อุดมในธรรม ภายหน้าเมื่อตถาคตปรินิพพานได้ ๑๐๐ ปี ณ ที่แห่งนี้จะเกิดนครใหม่ที่มีความรุ่งเรืองทางพระพุทธ ศาสนาอย่างมากมีนามว่า ทิพย์มหานคร เมืองนี้ปรากฏพระเถระองค์หนึ่งนามว่า พระธรรมราช เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ศักดามาก เป็นที่เคารพนับถือของเหล่ามนุษย์และพญานาตลอดจนเทวดาทั้งหลาย พระ ธรรมราชคิดว่าพระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ต้องให้คนทั้งหลายระลึกถึงพระ พุทธคุณ จึงคิดจะสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กจำลองเป็นรูปของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นที่พึ่งของเหล่ามนุษย์ แต่จะสร้างด้วยทองคำหรือเงินก็จะทำให้มนุษย์เกิดความโลภทำอันตรายต่อรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ความคิดนี้รู้ไปถึงมหาพรหมผู้มีนามว่า ชินนะปัญจะระ ท่านจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาว นำเอาแก้วมณีโชติที่ถือเป็นแก้วกายสิทธิ์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตมาถวายให้พระธรรมราช พระธรรมราชจึงให้ช่างแกะสลักในเมืองช่วยกันแกะเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าช่างแกะสลักไม่สามารถที่จะแกะสลักแก้วมณีโชติได้ พวกช่างปรึกษากันด้วยจนปัญญา ความนี้ทราบถึงพระอินทร์จึงสั่งให้เทวดาประจำวันทั้ง ๗ องค์ แปลงร่างเป็นมนุษย์ลงมารับอาสาแกะสลักแก้วมณีโชติเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ด้วยการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กใช้ติดกาย และองค์ใหญ่สูงครึ่งคืบไว้ประจำบ้านเมือง เพียงใช้เวลา ๗ วันแกะได้ ๘๔,๐๐๐ องค์
เมื่อ สร้างเสร็จแล้วพระธรรมราชจึงประชุมกับเจ้าเมืองและชาวเมือง เพื่อจัดงานทำบุญฉลองสมโภชพระแก้วมณีโชติ ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระและพระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมาร่วมในงานฉลอง ด้วยเมื่อถึงเวลาพระธรรมราชเป็นผู้เจริญพระพุทธมนต์ ชีปะขาวทั้งสองเจริญทิพย์มนต์บูชาพระพุทธเจ้า และมีการจุดบ้องไฟเป็นพุทธบูชานับได้ ๑๐๘ กระบอก ชาวเมืองพร้อมใจกันจุดบ้องไฟ เมื่อจุดบ้องไฟติดพวกช่างแกะสลักทั้งเจ็ดและชีปะขาวทั้งสอง ก็กระโดดขึ้นนั่งบนหัวบ้องไฟ บ้องไฟได้พาเอาร่างชีปะขาวและช่างแกะสลัก สูงขึ้น สูงขึ้น จนหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุดชาวเมืองจึงรู้ว่าเทวดาแปลงร่างมาเป็นช่างแกะสลักและชีปะขาว จึงพากันส่งเสียงแซ่ซ้อง สาธุ สาธุ กึกก้องอึงคะนึงไปทั่วทั้งเมือง ท่านมหาพรหม ชินนะปัญจะระจึงประพรมน้ำพุทธมนต์ อวยพรอวยชัยโดยบันดาลให้ฝนทิพย์ตกลงมาทั่วเมือง เสร็จงานแล้วชาวเมืองช่วยกันขุดหลุมลึก ๗ ศอก ๕๖ หลุม นำเอาพระทั้งหมดใส่ไห ๕๖ ไห ฝังในหลุมและกลบอย่างดี พระธรรมราชขอให้พญานาคชื่อ พญาศรีเสน เป็นผู้เฝ้ารักษาไม่ให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำที่แห่งนี้
ศาสนาตถาคตผ่านไป ๒๕๐๐ ปี พระแก้วมณีโชติจะถูกนำขึ้นมาให้มนุษย์สักการบูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของคนดีมีศีลธรรม ที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มนุษย์ที่ได้ครอบครองพระแก้วมณีโชติจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลาย ทั้งปวง มีความสุขสมบูรณ์ เจริญด้วยโภคทรัพย์ เทวดาปกปักษ์คุ้มครองรักษา เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนครบ ๕๐๐๐ ปี ตามพุทธพยากรณ์
สมเด็จโตผู้นิมิตพบท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระเมื่อครั้งธุดงค์ไปที่กำแพงเพชร ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระได้สอนคัมภีร์ธรรมศาสตร์ และพิธีการปลุกเสกพระเครื่อง ทำให้พระสมเด็จของท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือนามไปทั่วทิศ พร้อมทั้งบอกเล่าตำนานพระแก้วมณีโชติ และบอกให้สมเด็จโตไปเอาพระแก้วมณีโชติมา ๕ ไหเก็บรักษาไว้ ในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยทำนุบำรุงพระ พุทธศาสนาอยู่ครบ ๕๐๐๐ ปี สมเด็จโตพร้อมศิษย์จึงเดินทางมาที่เมืองทิพย์ มหานครและได้พบกับพญานาคผู้รักษาพระแก้วมณีโชติ พญานาคได้พ่นไฟพิษเข้าใส่ สมเด็จโตจึงภาวนานึกถึงท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ ไฟพิษของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายได้ สมเด็จโตบอกพญานาคว่าท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระใช้มาจริงไม่ได้พูดเท็จ จึงมอบพระแก้วมณีโชติให้สมเด็จโต ๕ ไห สมเด็จโตนำเอามาเก็บไว้ที่กุฏิท่านโดยให้วิญญาณผู้หญิงเป็นผู้เฝ้าดูแล ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไหของสมเด็จท่าน ด้วยเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณของหญิงสาวนั้น ที่ชอบปรากฏตัวให้ผู้คนเห็น ก่อนสมเด็จโตจะมรณภาพ ท่านได้นำเอาไหทั้ง ๕ ใบไว้บนเพดานโบสถ์วัดระฆังโดยไม่มีใครรู้ จะอย่างไรก็ตาม ตำนานแก้วมณีโชตินั้นมีอยู่จริง มีความแปลก มหัศจรรย์ในสินแร่ธรรมชาติ และเป็นดวงแก้วจากธรรมชาติสร้างสรรค์ ด้วยความบริสุทธิ์ จึงมีเจตสิกที่มีอำนาจ มีพลังงาน มีฤทธิ์เข้าถือครองดูแลรักษา สีสันดั่งเพชรนาคา "เพชรพญานาค" ความหมายของสีบังเกิดด้วยภูมิจิตภูมิธรรมแห่งเจตสิก

แก้วมณีโชติ ต่างสีสัน เกิดจากการไหล และเย็นตัวลงอย่างฉับพลัน บางก้อนค่อยๆเย็นตัวลง บางก้อนเย็นตัวลงในทันที เฉดสีที่แตกต่างอาจจะเกิดขึ้นในธรรมชาติ ที่มีส่วนหลอมละลายสายแร่เข้าไปด้วย ก้อนแก้วบางชิ้นโดนลาวาที่ร้อนจัด จะเกิดความใสมาก บางชิ้นมีแร่ สมุนไพร นานาชนิด จึงมีสีเข้มข้น แก้วมณีโชติไม่ได้เกิดแต่เฉพาะในแม่น้ำ ลำธาร เท่านั้น แต่ยังเกิดในหุบเหว ในถ้ำ ป่าเขา ที่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อนด้วย บางท่านเคยเข้าถ้ำ เห็นเศษแก้ว สีต่างๆเข้าใจว่าเป็นขวดน้ำอัดลมแตก แต่ความเป็นจริง เป็นแก้วชนิดหนึ่งที่มีอายุมาก เพียงแต่เราไม่เห็นแกนก้อนใหญ่ๆเท่านั้นเอง ซึ่งต้องขุดหาลงไปลึกมาก บริเวณแหล่งพลอยที่ลื่อชื่อ มักพบสายแร่ และเศษแก้วประเภทนี้อยู่มาก เกิดจากการหมุนเวียนของดิน ฟ้า อากาศ ทำให้แตกออก แล้วกระจายไปทั่ว เศษแก้วมงคลหลากสีนี้ นำมาบูชารอยพระบาทพระพุทธเจ้า สำหรับก้อนที่เป็นเม็ด แตกหลุดธรรมชาติ มีความสวยงาม สีสันสดใส บางดวงมีเจตสิกเข้าถือครองดูแล ในเนื้อแก้วจึงมีทั้งเสี่ยนแก้ว และดวงธรรมคล้ายฟองอากาศ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ไม่เท่ากัน แก้วบางชิ้นจะเห็นว่าถูกหินปูนคลุม ขณะเย็นตัว บางชิ้นฝังในแหล่งหินปูนขาวใต้พื้นถ้ำ ดินบริเวณนั้นจะมีความศักดิ์สิทธิ์ นำมาเป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคล และมักเกิดในถ้ำที่มีน้ำผ่าน
สีน้ำเงิน หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพสัตว์ มีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น

XXXปิดรายการXXX​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479
ธาตุที่เหนือธาตุ ความเพ้อฝันสู่ความเป็นจริง : www.arjariyatat.com
​

 

แจ้งจัดส่งพัสดุ EMS วันที่ 27/08/14 เวลา 11:12 น.

คุณ คนชานเมือง EL 5507 5221 9 TH

ขอบคุณครับ

 

ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีฟ้าน้ำทะเล
สัตตะนาคา นาคะราเช อะหังนาคา วิกรึงคะเร อะงะสะ อะหังนุกา ฯลฯ
อะงะสะ ประสิทธิลาโภฯลฯ
ภูเขาควาย สถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งนัดพบและเรียนวิชาของเหล่าผู้ทรงอภิญญาและวิทยาคมทั้งหลาย เฉกเช่นเดียวกับสำนักตักศิลา ชมพูทวีปในอดีต หรือประเทศอินเดียในปัจจุบัน ในปัจจุบันภูเขาควาย เป็นสถานที่ปรารถนาของนักปฏิบัติหลายๆ ท่านได้มีโอกาสไปฝึกที่แห่งนี้ นอกจากนี้มีผู้อัญเชิญเพชรพญานาคกล่าวว่า ภูเขาควายเป็นแหล่งที่พบเพชรพญานาคแหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ภูเขาควายเป็นเทือกเขาใหญ่ ที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขงในประเทศลาวห่างจากตัวนครเวียงจันทร์ราว 7 กม.ตรงข้ามกับจังหวัดหนองคายของไทย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีถ้ำคูหาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนไปมาอย่างลึกลับ เงียบสงบและเป็นสถานที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ต้องการบำเพ็ญเพียรฝึกจิตฝึกฤทธิ์ของเหล่าบรรดาพระธุดงค์ ตาปะขาว เหล่าฤาษี พระมุนี ชีไพรทั้งหลาย เพชรพญานาคจึงเป็นกายสิทธิ์จากสองดินแดนโดยมิต้องสงสัย ภูเขาควายเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของบรรดาจอมขมังเวทย์ทั้งหลายที่ต้องการเดินทาง เพื่อไปศึกษาคาถาวิชาอาคมเวทย์มนต์ต่างๆ เช่น หลวงปู่พรหมา วัดสวนหินผานางคอย หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยธุดงค์ไปแสวงหาความรู้เล่าเรียนวิชาที่เทือกเขาแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก กลุ่มผู้แสวงหาวิชาไสยศาสตร์มักจะเรียกกันว่าครูฤาษีซึ่งฤาษีในที่นี้บางทีก็ไม่ใช่มนุษย์เดินดินเหมือนเช่นที่เราคิดหากแต่เป็นนิมิตอันเกิดจากจิตสมาธิของผู้ที่จะเรียนจะฝึกฝนจนสามารถเข้าไปสัมผัสจิตติดต่อกันผ่านทางการนั่งสมาธิผู้ที่ผ่านการร่ำเรียนการฝึกจิตบวกกับอำนาจวาสนาบารมี แต่หนหลังหรือจะเรียกว่าแล้วแต่บุญญาบารมีของใครจะมากจะน้อยกว่ากันใครที่ฝึกฝนสมาธิจิตเข้มข้นจนมีพลังจิตสูงก็จะได้เรียนวิชาผ่านครูฤาษีสำเร็จจนได้วิชามาช่วยเหลือผู้คนในด้านต่างๆ ได้มาก
การถ่ายทอดสรรพวิชาวิทยาคมของครูฤาษีจะมาปรากฏในรูปของจิตสมาธิปรากฏเป็นอักขระบนฝาผนังถ้ำ เพื่อให้ได้เรียนและจดจำตำราที่ปรากฏออกมาดังนั้นผู้ที่ฝึกจิตจนเข้มแข็งแล้วจะเข้าไปสู่เทือกเขาด้านในซึ่งจะมีถ้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อไปบำเพ็ญเพียรฝึกสมาธิจิตฝึกฤทธิ์อยู่ในนั้น
ครูบาคำเขื่อนแก้วได้บอกไว้ถึงการเข้าไปศึกษาอาคมในภูเขาควาย อ้างอิงถึง ฤาษีเณรคำหนึ่งในอาจารย์สำนักฤาษีบังบดว่าได้เคยพบ และศึกษาวิชาจากฤาษีเณรคำในภูเขาควายนี้เอง ยังมีการกล่าวถึงว่ามีการพบซากพญานาคในถ้ำลึกของภูเขาควายและได้นำมาเก็บไว้บางส่วนในถ้ำคูหาสวรรค์สำนักของหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี และที่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นจุดเริ่มเกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ที่ปรากฎขึ้นในทุกวันออกพรรษาอีกด้วย ภูเขาควายที่คนไทยรู้จักส่วนใหญ่จะรู้จักจากคำบอกเล่าจากพระธุดงธ์ที่จะเดินทางเข้าไปภูเขาควายเพื่อทดสอบกำลังใจและเพื่อการฝึกจิต ให้มีกำลังเข้มแข็งแก่กล้ามากยิ่งขึ้น พระธุดงธ์ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดีก็คือหลวงปู่มั่น ซึ่งในสมัยท่านแล้วการเดินทางไปสถานที่แห่งนี้ลำบากเป็นอย่างยิ่ง และก็เป็นสถานที่เร้นลับที่น้อยคนนักจะเข้าไปถึงได้ ไม่ว่าภัยจากธรรมชาติ จากคน จากภูตผี วิญญาณ อสุรกาย ต่างๆ สถานที่นี้มีครบ มีให้ลองทุกอย่าง หลวงปู่มั่นท่านมาพักที่แห่งนี้ โดยพักที่ถ้ำพระ และโปรดวิญญาณต่างๆ ให้เป็นสัมมาทิฐิ
ตำนานการก่อเกิดเพชรนาคา (มณีใต้น้ำ)
ในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก็จะไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปนั่นเอง เมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธา บางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ที่เหนือธาตุขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาล ดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ ต่างหาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขารตายลง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้รู้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปฐพี ดูต้นเหตุอัศจรรย์อันทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพ-ใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดาเท่านั้น อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้ อัญเชิญประดิษฐ์สถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
การสวดมนต์หมั่นภาวนา ผู้ที่มีธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไว้ในครอบครอง ให้จิตมีความเป็นกุศล และแผ่เมตตา ให้กับตัวเองและธาตุกายสิทธิ์
ผู้รู้ด้วยจิตกล่าวว่า เพชรแห่งพญานาคท่านสร้างขึ้นด้วยฤทธิ์หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเกล็ด หรือเลือดของท่าน เพชรพญานาคจะเป็นอะไรก็ได้ เพียงแต่มีการอัญเชิญให้พลังญาณบารมีพญานาคมาประสิทธิอยู่ในวัตถุธาตุนั้นๆ เป็นของทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัวเหมือน คด งากำจัดกำจาย กะลาตาเดียว หรือหินที่มีพลังงานในธรรมชาติสูงส่ง
อานุภาพแห่งสีฟ้า (พิเศษน้ำทะเล) เป็นสีสดใสแต่เข้มข้นกล่าวถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจที่กว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดั่งเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน มักพูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก พบว่ามักเป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ปางก่อนที่เหล่าเทพยดาคอยดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย

XXXบูชาแล้วXXX​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479​

 

ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีขาวใส
สัตตะนาคา นาคะราเช อะหังนาคา วิกรึงคะเร อะงะสะ อะหังนุกา ฯลฯ
อะงะสะ ประสิทธิลาโภฯลฯ
ตำนานการก่อเกิดเพชรนาคา (มณีใต้น้ำ)
ในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก็จะไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปนั่นเอง เมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธา บางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ที่เหนือธาตุขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาล ดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ ต่างหาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขารตายลง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้รู้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปฐพี ดูต้นเหตุอัศจรรย์อันทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพ-ใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดาเท่านั้น อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้ อัญเชิญประดิษฐ์สถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
การสวดมนต์หมั่นภาวนา ผู้ที่มีธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไว้ในครอบครอง ให้จิตมีความเป็นกุศล และแผ่เมตตา ให้กับตัวเองและธาตุกายสิทธิ์
ผู้รู้ด้วยจิตกล่าวว่า เพชรแห่งพญานาคท่านสร้างขึ้นด้วยฤทธิ์หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเกล็ด หรือเลือดของท่าน เพชรพญานาคจะเป็นอะไรก็ได้ เพียงแต่มีการอัญเชิญให้พลังญาณบารมีพญานาคมาประสิทธิอยู่ในวัตถุธาตุนั้นๆ เป็นของทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัวเหมือน คด งากำจัดกำจาย กะลาตาเดียว หรือหินที่มีพลังงานในธรรมชาติสูงส่ง
วรรณะสีขาว พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิสัตว์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้ (เกิดปัญญา) เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ

XXXบูชาแล้วXXX​

โอนบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ (ออมทรัพย์)
สาขาเทสโก้โลตัสจันทบุรี
หมายเลขบัญชี 403-454907-0
ชื่อบัญชี นายอุกกฤษฏ์ แก้วอำนวย
โทร : 091 2355479​

 

จออออออออออออง ดวงแก้วนาคา (เพชรพญานาค) วรรณะสีฟ้าน้ำทะเล #4787

 

รับทราบจองดวงแก้วสีฟ้าน้ำทะเล
ขอบคุณครับ

 

ถ้ายังอยู่ ขอจองบูชานะครับ

 

เหลือทรงรีไข่ไก่ครับ

 

ขอจองครับ ^^

 

ครับ ถ้างั้น ขอจองบูชา ศิลาพรายสมุทร ทรงรีไข่ไก่

 

รับทราบจองดวงแก้วนาคาสีใส
ขอบคุณครับ