ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

ผีก๊วยเตี๋ยวไม่มาหลอกซะแล้ว...
ว่าแต่ผีอื่นแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมแทน...
วันก่อนน้านิดเดินมาบ่นว่า คนงานที่อยู่โรงน้ำแข็งแอบมาฉี่ที่ริมรั้วหลังบ้าน ตรงใต้ต้นจำปี ตอนตี 3 แล้วโดนอะไรไม่รู้ ตบกระโหลก หน้าหันไป ตาค้าง ทำอะไรไม่ถูก เข้าโรงพยาบาลไป 2 วัน น้านิดต้องไปจุดธูปเซ่นสรวง ขอขมาเจ้าที่ ณ ทันใดนั้น คนงานคนนี้ก็รู้สึกตัว อ้าปากพูดได้ หายตาค้าง...
ช่วงที่เกิดเรื่องมีตำรวจสายตรวจผ่านมาพอดี พวกเราจึงสัณนิษฐานว่า ตำรวจหรือเปล่า?
ตำรวจรีบออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ตบนะครับ...แต่มีหลายคนไม่เชื่อ...
ส่วนพวกคนงานโรงน้ำแข็งก็เชื่อไปแล้วว่าเป็นเจ้าที่มาตบกระโหลก
ซึ่งก็ดีเหมือนกันนะ....จะได้ไม่มาฉี่หลังบ้านเราอีก...อิอิ

ผ่านไปไม่ถึง2วัน ลูกชายคนงานอีกนั่นแหละ สิบกว่าขวบแล้วแต่เป็นใบ้ ไปหยิบเอามือถือพ่อมาถ่ายรูปน้องที่อายุขวบเศษ ถ่ายเสร็จเปิดรูปดูได้ตกใจ ร้องแอ๊ๆๆๆ วิ่งหน้าตั้งไปหาพ่อ ด้วยความรีบร้อนบวกตกกะใจ จึงวิ่งชนเสาบ้านเข้าให้

พ่อเด็กเปิดรูปดูก็ตกกะใจมากถึงมากที่สุด เพราะติดรูปผู้หญิงผมยาวยืนคร่อมร่างลูกชายคนเล็กอยู่ น้านิดก็สัณนิษฐานว่า ผีพวกนี้น่าจะมีมาตั้งแต่ตอนที่บ้านพักคนงานนี้เคยเป็นที่ให้เช่าของพวกคนทรง พวกเล่นของ พอย้ายออกไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงยังคงอยู่ต่อไปมั๊ง...ว่าแล้วก็ชวนกันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศล ซึ่งก็ดีเหมือนกัน

โรงเจที่เคยเช่าอยู่หลายปี ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ย้ายกลับไปอยู่อุบลซะแล้ว แต่ก่อนผมเคยพาเด็กๆเดินเข้าไปดู แล้วก็บอกว่าอย่าเข้ามาที่นี่อีก ด้วยสถานที่นี้มีสิ่งไม่ดีแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก ผมเองเดินเข้าไปแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก ทั้งที่ป้ายบอกว่าเป็นโรงเจแต่รับดูดวงและถอนคุณไสยซะด้วย...
พอย้ายออกไปแล้วน้าโข่งก็ให้น้านิดมาช่วยปรับปรุงจะเอาไว้ปล่อยเช่าต่อไป ส่วนน้าโข่งก็กลับอเมริกาไปทำงานต่อ

อาทิตย์ที่แล้วมีคนที่มาเช่าบ้านพักใกล้ๆ มองไปเห็นผู้ชายมีอายุใส่แว่นขอบดำเดินอยู่ใต้ต้นไม้ในโรงเจ...ทั้งที่น้านิดปิดล็อคประตูไม่มีใครเข้าออกได้...น้านิดซึ่งป๊อดอยู่แล้ว จึงรีบไปหาซื้อศาลพระภูมิมาตั้งทันที ตั้งเองซะด้วย

เมืองไทยนี่ยุ่งวุ่นวายมากมายกับพวกผีนะครับ บ้านเมืองอื่นเขาไม่มีผีเยอะแยะมากมายแบบบ้านเรา ไปไหนมาไหนทำอะไรไม่ต้องใจหายแว๊ปๆเหมือนอยู่เมืองไทยเนี่ย...

 

ก่อนวันสารทจีน ก็มีตาปะขาว ที่ชอบเดินผ่านหน้าบ้าน บ่อยๆ เพียงแต่ผมไม่ค่อยสนใจอยากไปรู้ไปเห็นอะไรกะใครเขาหรอกนะ...
คือลำพังลูกกะตาสองข้างนี้ ต้องได้เห็นสิ่งอัปลักษณ์อัปมงคลในบ้านในเมืองมากมายนี่ก็ทุกข์พอแล้วแหละ ถ้ายังต้องมาเห็นสิ่งที่ลูกกะตานี้มองไม่เห็นอีกด้วยนี่ ผมว่ามันจะยิ่งทุกข์ไปขนาดไหน...ดังนั้นถึงเห็นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นไปซะดีกว่า...

แต่กระนั้นก็ตาม ตาปะขาวแกก็ไม่ยอมแพ้ แกมาสูบบุหรี่ให้เหม็นๆอยู่ในบ้าน แล้วสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้แล้ว กลิ่นบุหรี่นี่แย่มากเลยนะครับ...แต่ผมก็ทนๆไปทำว่าไม่สนใจดีกว่า ก็อ้าว...ชาวบ้านเขาไม่เห็น เขาก็ไม่ว่าอะไรสักหน่อยนึง...ว่าแต่ตาปะขาวขี้ตื้อนี่แกเข้ามาห้องพระด้วย ตอนสวดมนต์ก็มาปล่อยกลิ่นบุหรี่ตาไก่ฉุยๆ น่ารำคาญไม่ใช่น้อย...

รำคาญมากเข้าก็เลยถามว่า ลุงนี่จะเอายังไง ฮึ...
แกว่าผมนี่มาอยู่ที่นี่แล้วศาลพระภูมิก็ไม่เคยตั้ง ศาลเจ้าที่อะไรไม่เคยตั้งไม่เคยบวงสรวงไม่ยอมไหว้อะไรเลย...

ซึ่งก็จริงของแกแหละ เพราะผมรู้สึกว่าตั้งศาลพระภูมิแล้วจะมีภาระต้องคอยเซ่นไหว้เป็นประจำ คราวไหนไม่ไหว้ไม่เซ่นล่ะเป็นเรื่อง แล้วยิ่งถ้ามีเด็กเล็กไปเล่นใกล้ๆ ทำอะไรไม่เข้าท่าแถวศาลพระภูมิก็จะโดนลงโทษ ให้วุ่นวายกันไปหมด...สรุปแล้ว ไม่ตั้งดีกว่า...นิ

ตกลงตาปะขาวแกอยากให้ไหว้แกบ้าง ขอหมากพลูบุหรี่ทองหยิบทองหยอดฝอยทอง เราก็นะ จัดไปละกัน ... ไปตลาดแต่เช้า เอามาจุดธูปปักไหว้ตรงกระถางต้นไม้ที่ตาปะขาวแกบอกไว้ ต้องรีบไหว้แต่เช้าหน่อย กลัวใครมาเห็นเข้า เขาจะหาว่าบ้า...ที่จริงผมไม่ได้บ้า ผมแค่เพี้ยน...เหมือนป๋า toplus99 นี่แหละครับ...ยังไม่บ้า แค่เฉียดไปเฉียดมาเท่านั้นเอง...

คือว่าบางครั้งผมก็รำคาญที่จะต้องอธิบายหรือตอบคำถามว่า "ไหนแกว่านับถือพุทธ แล้วทำไมมาไหว้ผี บูชาผี???" พอขี้เกียจอธิบายแต่ว่าบางอย่างต้องทำก็เลยต้องแอบๆทำไปซะ...เสร็จเรียบร้อยแล้วตาปะขาวสบายใจ กลิ่นควันบุหรี่ก็หายไป กลางคืนแกก็เดินจากปากซอยมาท้ายซอย เดินตรวจตรา ไม่เข้ามาพ่นบุหรี่ในบ้านอีก...

 

อ่ะ...เอาอีกแล้ว เอาอีกแล้วขยันพาดพิงถึงกระผมตลอด...
แล้วแต่ละเรื่องน่ะ...ล้วนสวยงาม ท้องฟ้าสดใส..ซะจริ๊งจริงๆ

คิดแล้วก็ภูมิใจ..ไปวันๆ ที่ป๋ามิงค์ลดตัวมา... มุ้งมิ้งๆ..ก็คนบ้าอย่าง toplus99

จะเล่าให้ฟัง..

เรื่องหวยๆเบอร์ๆ ฤาษีในถ้ำแห่งหนึ่งที่ไหนไม่รุ็

มีอยู่ตนหนึ่ง ดำรงจิตอยู่มาเนิ่นนานเป็นหลายร้อยปีเชียว..สังขารตัวตนไม่เหลือแล้ว
แต่เรื่องหวยนี่แกเแม่น เก่งชำนาญนักเชียว ก็ผลุบๆไปๆมาๆ ในหุ่นปั้นดำๆในถ้ำนั่นแหละ

แต่แกชอบกินเหล้าเด้อ! แปลกมั๊ย

สื่อสารญานกับภิกษุผู้ได้ญาณรูปหนึ่ง มาเมื่อไรที่ไหร่..กลิ่นเหล้าโชยมาเข้าจมูก
จนโดนดุพระภิกษุบ่นเอาทุกที


ว่า "เป็นฤาษีทรงฌานอะไรชอบกินเหล้า.."

ก็ไม่รู้สินะ..แกก็ดีอย่าง..
คือ "แกมาบอกหวยก่อนเราจะสึกลาสิกขาได้ตังค์มาตั้งหลายบาท"

 

toplus99 นี่จมูกเสีย ถึงไม่ดีเอามากๆ..แบบคนดีๆ เขาไม่นิยมกัน

คือชาวบ้านไม่ได้กลิ่น แต่จมูกชอบหาเรื่อง...

ไม่กลิ่นเหล้า..ก็กลิ่นสาปสางของเน่าเหม็นของผีวิญญาณ...

ถามใคร...ก็ว่าไม่ได้กลิ่น

อ่ะ จมูกหาเรื่องรึเปล่า...ไม่น๊า!!

แล้วพอตัวเองได้กลิ่นทีไร..งานเข้าทุกที

สรุปว่า..ตัวฉันบ้า

 

เรื่องผีเจ้าที่ทาง...มีเรื่องจะโม้ ..ไฟแล่บ

ไม่ได้รู้เองนะ..บอกก่อน เค๊าเล่ามา

คูณตา..หมอธรรม หมอทำขวัญนาค ของ Tolus99นี่ก่อนตาย..

ก็มาเจอะหนัก...ก็ไอ้เจ้าที นี่แหละเล่นเข้าให้

ที่เหลือ....พวกเปิดทางให้ภูติวิญญาณล่อซะน่วม

ป๋ามิงค์..รุ่นนี่แล้ว...อย่าพลาดมั่นใจเกินร้อย

เผลอทำเป็นเล่นไปน๊า..

เค๊าอายุเป็นร้อยๆ พันๆปีเชียวนา เขมือบหน่อยนี่..จมเขี้ยว

"เจ็บจริงเว้ย.ว่างั้น" อ่ะล้อเล่น

บอกใครครับ...ป๋ามิงค์เขารุ่นเดอะ

 

ป๋า toplus99 ถ้าเจอฤษีตนนี้อีกเมื่อไรฝากถามให้ทีเถอะครับ สงสัยมั่กๆ...
คือเมื่อหลายร้อยปีก่อนน่ะ เค้ายังไม่มีหวยขายกันเลยนะ...ฤษีแกจะไปรู้เรื่องหวยสมัยนี้ได้ยังไง มีทั้งเต็ง ทั้งโต๊ด ขนาดผมนี่ยังเคยแทงโต๊ด 2 ตัวล่างเลยนะ...น้องที่ขายบอกว่า พี่ๆ...2ตัวล่างไม่ต้องโต๊ดหรอก แค่สลับก็พอ ... เงิบไปซะไม๊ล่ะ...

เหตุที่สงสัยเพราะตอนเตี่ยผมเชิญวิญญาณก๋งมาถาม ตอนสรุปจบสุดท้ายก็ถามหวยงวดนี้ออกอะไร ก๋ง งงไปพักนึง แล้วก็ถามกลับมาว่าหวยเป็นยังไง เพราะตอนก๋งมีชีวิตอยู่ มันยังเป็นหวยจับยี่กี...ต่อมาจึงค่อยมีหวย กข. แต่ก๋งกลับเมืองจีนซะก่อน ขนาดหวย กข. ยังไม่รู้จักเลยนะ...ก็เลยชักสงสัยว่า ฤษีร่ำสุรานี้ท่านจะรู้ได้ไงอ่ะ...

 

อันท่านฤๅษีร่ำสุราตนนี้ชั่งน่าคิด ... ดำรงจิตอยู่นับร้อยปีเกินกว่าจะคาดคิด
ยังคอยกระซิบให้หวยเบอร์ผ่านทางนิมิต ... จึงฉุกคิดว่าหวยสมัยใหม่ท่านรู้ได้งัย

 

เฮ้อ..ป๋ามิงค์ท่านสงสัยตะละอย่าง..ทำเอาเข่าอ่อนยวบ
ไม่รู้จะตอบว่าไง...เอาว่าเรื่องราวทั้งหมด มันประมาณนี้ล่ะกันครับ

สรุปว่าผม..เอาเรื่องที่..ผล เป็นหลัก
ส่วนเหตุ..มาไง..ไม่รู้เหมือนกัน ง่ายๆแบบนี้ล่ะสบายใจดี

คล้ายๆสงสัยว่า..ทำไมเรื่องอรหันต์จี้กง..ต้องหิ้วน้ำเต้าใส่เหล้า
ทำบ้าบอๆ เป็นนักบวชยาจกขี้เมา นั่นกะมัง เรื่องจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่รู๊!

ยุคนั้นไม่มีหวย..ยุุคนี้มีหวย ทำไมมารู้เรื่องหวยได้
.. มันก็เป็นเรื่องของญาณปู่ฤาษีท่านเหอะ..ผมว่านะ

ผมเหนื่อย!!

 

ป๋าtoplus99
อย่าพึ่งเหนื่อยครับ เอาอ็อกซิเจนไป2ท่อ กับน้ำเกลืออีก 2 ขวด...แล้วค่อยลุกขึ้นมาโม้กันต่อ...

ว่าด้วยเรื่องของวิบากกรรม....
อาซ้อคนนึง วันๆแกนั่งบ่น นั่งด่า แต่ลูกชาย คือด่าได้ตั้งแต่ 6โมงเช้ายัน 6 โมงเย็นเห็นจะได้...ส่วนลูกชายก็กวนเข้าไปอีก เห็นแม่ด่าก็ชอบใจ แหย่ต่อไปให้ด่าอีก...แกล้งยั่วให้แม่ด่าไปซะอย่างงั้น...

ถามอาซ้อ แกก็ว่าไม่อยากจะด่ามันหรอก แต่ดูมันทำสิ มันแกล้งเราชัดๆอย่างงี้จะไม่ให้ด่ามันได้ยังไง..ปวดหัว ปวดใจ อยากจะตายวันละหลายๆรอบ...

ถามลูกชาย ว่าไปยั่วแม่ให้โมโหทำไม ทั้งๆที่เวลาไปเรียนที่โรงเรียนก็ปกติดี คุยกับคนอื่นก็ปกติดี แต่พอเข้ามาบ้านต้องมีเรื่องยั่วให้แม่โมโหได้ตลอดเวลา ...
ลูกชายก็บอกว่าไม่รู้เป็นไงเหมือนกัน เวลาเจอแม่ทีไรก็จะต้องมีเรื่องให้ยั่วยวนกวนประสาทกันซะอย่างงั้นแหละ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้อยากจะทำหรอกนะ...

สมัยรุ่นๆ ผมเห็นแม่ลูกคู่นี้ ผมก็ว่ามันกรรมของเขานะ...มันเป็นช่วงเวลาที่บุพกรรมเก่าเข้ามาสนอง คนดีๆก็กลายเป็นผีบ้าไปได้ แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ ต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้เอ งจนกว่าจะหมดวาระของกรรม ถึงเวลาที่หมดวาระแล้ว ลูกชายก็จะกลับมาดี แม่ก็จะหยุดบ่นเอง...ทำอะไรไม่ได้ นอกจากวางอุเบกขา อย่างเดียว...กรรม...

 

หลายๆท่านในที่นี้เป็นผู้ที่มีเมตตาธรรมสูงมาก เจอผีสางคางแดง หรือที่นิยมเรียกกันในนี้ว่าภพภูมิทั้งหลาย ท่านจะแผ่เมตตาให้ทั้งหมด เจอสภาพไหนอย่างไร แผ่เมตตา สัพเพฯก่อนเลย...อันนี้ดีมากครับ...

แต่สำหรับผมแล้ว ผมไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาหรอกครับ คือแต่ก่อนก็เหมือนคนอื่นๆเขาแหละครับ ตอนหลังนี่ชักเพี้ยนๆบ้าๆบอๆ เลยไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านสักเท่าไร

เรื่องก็มีอยู่ว่า ถ้าผีมาป๊ะกันดีๆ ขอส่วนบุญ ผมก็อุทิศให้เป็นปกติ เห็นที่ตกทุกข์ได้ยาก ผมก็อุทิศส่วนกุศลให้เป็นปกติ
แต่ว่า มันมีผีบางพวก เวลาจะมาขอส่วนบุญ มันจะขู่เอาก่อน ขู่ให้กลัวเพื่อจะได้แผ่เมตตาให้หรือทำบุญให้ ผีจำพวกนี้นอกจากไม่แผ่เมตตาไม่อุทิศให้แล้ว ผมยังจะตะเพิดไปเสียอีก...
มีอีกจำพวกนึงคือ พอเราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว เขาถือว่าต่อไปนี้ต้องเป็นหน้าที่เราไปเสียแล้ว ต้องหมั่นทำบุญอุทิศไปให้ ถ้าเกิดไม่ว่าง หรือลืมขึ้นมา ผีพวกนี้เขาจะยั๊วะมาก จะพากันหาทางกลั่นแกล้ง ทำให้งานการที่ทำอยู่ติดๆขัดๆ มีเรื่องราวให้ชวนหงุดหงิดอยู่ได้ตลอด...ผีจำพวกนี้ผมก็ไม่อุทิศส่วนกุศลให้ ไม่ทำบุญให้ ผมจัดให้เป็นผีเลว ผีเนรคุณ เป็นคนก็คงเป็นคนเนรคุณ ตายเป็นผียังติดนิสัยเดิมคือเนรคุณเหมือนเดิม ผีพวกนี้ต้องไล่ไปให้ไกลๆ ผมไม่ส่งเสริม...

อีกจำพวกนึงที่จะมาทดสอบผมว่า คนฝึกกรรมฐานแล้วจะต้องสละได้แม้แต่ชีวิต ผีพวกนี้ก็จะมาขู่ฆ่า ขู่ทำร้ายเอาในระหว่างเจริญภาวนา ซึ่งตามจารีตประเพณีนิยมกัน ก็ต้องแผ่เมตตา เจรจาดีๆ แล้วยอมตายเพื่อรักษาธรรม...สาธุ...สาธุ...สาธุ...แล้วสุดท้ายผีก็จะไม่ฆ่า เป็นอันว่าผ่านการทดสอบ...

แต่ผมไม่เอาด้วยแหละครับ คือเวลาผมเรียนกับครูบาอาจารย์มานั้น ผมคิดว่าผู้ที่จะทดสอบผมควรเป็นครูบาอาจารย์ครับ ผีที่ไหนจะมาทดสอบผมนี่ ผมคิดว่าไม่มีสิทธิ...
แล้วจู่ๆผมฝึกของผมดีๆนี่ ผีจะมาฆ่าผม แล้วบอกว่าให้ผมยอมให้ฆ่าสิ แล้วจะถือว่าสอบผ่าน แบบนี้ไม่เอาด้วยครับ ซัดกลับได้ผมซัดกลับทันที ไม่มีการยั้งมือไว้ไมตรี
วิชาของพระพุทธเจ้า จะสอบผ่านไม่ผ่าน จะให้ผีมาตัดสินผม อย่างนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ ใครจะว่าก็ว่าเถอะนะ...

 

มีใครทราบเรื่องเกี่ยวกับ "พุทธวจนะ" ที่ตอนนี้ถูกนำมาเป็นกระแสกันบ้างครับ
ผมไม่ได้ติดตามข่าว ว่าพระสงฆ์รูปใด สำนักใด เป็นผู้ริเริ่ม
ผมมาเห็นเอาก็ตอนที่มีการนำเอาพระไตรปิฎกบางตอนมากล่าวโทษ เรื่องติรัจฉานวิชา ในการสร้างพระพุทธรูป การทำน้ำมนต์ ฯลฯ
คือเวลานี้ผมมีพวกรุ่นพี่ ที่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวา ศีล5ไม่เคยครบ แต่หยิบยกเอาพุทธวจนะ ตามที่มีการเผยแพร่กัน ออกมาปรามาสครูบาอาจารย์ผมเสียมากมาย...เกิดความเสียหายมาก...
ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า พระสงฆ์สำนักไหน ชื่ออะไร ใครเป็นคนริเริ่มเรื่องนี้ครับ?
ใครทราบช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ

 

มาครับ..จะพาไปชม พาไปศึกษาด้วยกันเพราะรู้สึกตะขิตะขวงใจมานานแล้ว

"หัวล้านเกินครูบาอาจารย์เจ้า ผู้บรรลุคุณธรรม ที่ท่านได้ให้แนวทางการประพฤติปฏิบัติไว้โดยชอบแล้ว"

อ้างเอา "พุทธวจนะ " มาเพื่อ

http://www.komchadluek.net/detail/20140819/190440.html


http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3034

https://www.youtube.com/watch?v=K6g_nIFbs4I


https://www.youtube.com/watch?v=G6ErNEDQ7eU

มาสไตล์ นิ่มๆ นุ่มๆ แสดงภาพน่าเลื่อมใส คล้ายๆสำนักวัดใหญ่ย่านปทุมธานี นะจ๊ะ

นี่แหละอีกจุดเริ่มต้น แห่งความเสื่อมของพระธรรมคำสอนให้บิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ
จนถึงความเสื่อมสุดของศิลธรรม..แห่งกาลกลียุคของสัตว์โลก

ก่อนที่จะเกิดไฟบรรลัยกันต์เผาผลาญสัตว์โลกให้หมดไปสิ้น

"ต่อไปคงจะเหลือแต่บุคคลที่มีเพียงเศษผ้าจีวร ห้อยหู แสดงตนว่าเป็นนักบวชในพระพุทธศานา"

 

ขอบคุณมากที่นำมาแชร์ครับ

รายละเอียดคือ เป็นแถลงการจากวัดหนองป่าพง (สายหลวงพ่อชา สุภัทโท) เมื่อปี 2553
ให้ตัดวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี โดยมี พระคึกฤทธิ์ โสตฺติผโล เป็นเจ้าอาวาส ออกจากวัด
สาขาของวัดหนองป่าพง เนื่องจากสวดปาฏิโมกข์ 150 ข้อ ซึ่งไม่สามารถทำสังฆกรรมร่วม
กันได้

 

คงเป็นเพราะเมื่อเริ่มยึด .. ยึดวัดว่าเป็นของข้า ยึดตัวตนอยากมีชื่อเสียงแข่งวัดอื่น
อยากเด่นอยากดัง และหากมีมากในใจกว่าการยึดหลักธรรมวินัย อาจจะแย่แบบนี้ได้

 

คำสอนเป็นเครื่องมือ เป็นหนทาง แม้สำคัญมาก ..
แต่หากไม่มุ่งไปใส่ใจในผลของพระธรรมคำสอน ..
อาจกลายเป็นได้แต่ลูบคลำคำสอนได้

 

ผู้ปฏิบัติธรรมวินัยตั้งใจตรงหวังผลไว้ในจิต ... ยากจะคิดบ่นไปหรือท้อเพราะข้อวัตร
ถึงมากข้อก็ยังเพียรกระทำตามกฏปฏิบัติ ... แม้เริ่มหัดถูกผิดบ้างก็มีหวังดีได้เข้าสักวัน
สิ่งใดๆ หากมีถูกล้วนย่อมต้องมีผิด ... เป็นเรื่องสามัญปกติที่มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้
แต่หากคิดว่าข้อวัตรนั้นยากและมากไป ... ควรแก้ตนลดฐานะไซ้ใช่แก้ที่ข้อวัตร

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Gr0H1dV2kt4]พระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เดรัจฉานวิชา Full - YouTube[/ame]

 

แถมให้อีกหน่อย..เคลียร์ๆว่ายังไงซะ พระสงฆ์ก็ถือศีล 227ข้อ
ไม่ใช้มี..150 ข้อ อย่างที่พระเสียงนุ่ม..ทุ้ม ช้าๆ มาสไตล์อ่อนโยนอย่างกะ DJ. คลื่น FM.

ที่พยายามเผยแพร่อยู่..แถมเชิญชวนท้าทายให้คณะสงฆ์อื่น มาถกปัญญาจากพระไตรปิฏกแแข่งกัน
โดยโหลดผ่านอินตอร์เน็ท ตามมานะถือตัว..ว่าเหนือกว่าผู้อื่น
....น่าเหนื่อยใจ


https://www.youtube.com/watch?v=UYZKDZ-pzms#t=154

 

ลืมตาย....

หลงตัวลืมตาย
หลงกายลืมแก่
หลงเมียลืมแม่
..............

นึกขึ้นมามันก็น่าใจหายนัก
สมัยก่อนย่างเข้าสู่วัยรุ่น ผมยังระลึกถึงความตายอยู่เป็นปกติ จวบจนต้องยุ่งวุ่นวายกับการงานทางโลก จึงมีอาการหลงเข้าไปในวังวนของกิเลศ ตัณหา ความทะยานอยาก จนเผลอลืมไปว่า ตัวเรานั้นต้องตาย
คิดแต่จะทำโน่น ทำนั่น ทำกิจการตรงโน้น ประดิษฐ์ตรงนี้ วางแผนตรงนั้น อนาคตจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ นี่มันยุ่งวุ่นวายไปหมด สมกับคำว่าหลงจริงๆ...

ได้สติขึ้นมา ด้วยมรณานุสติ เสียครั้งหนึ่งก็น่าใจหายนัก ระหว่างที่เรากำลังนึกวางแผนต่างๆที่จะทำในอนาคต แต่พญามัจจุราชท่านกลับนับถอยหลังให้กับเรา นับแต่วันที่เรานี้ถือกำเนิดขึ้นมา พญามัจจุราช ท่านได้เริ่มนับถอยหลังให้เราแล้ว เรามีความตายเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่เรากลับนับว่าได้เริ่มชีวิตใหม่ ต้องตระเตรียมวางแผนมากมายในอนาคต จนลืมตาย...

พอนึกว่าต้องตายแล้วมันทำให้ปลงจิตปลงใจลงได้พอสมควรทีเดียว
อะไรที่อยากจะโกรธมันก็ไม่รู้จะโกรธไปทำไม เพราะเราโกรธเขาเราก็ต้องตายเขาก็ต้องตายสุดท้ายแล้วไม่ได้อะไรกันทั้งเขาทั้งเรา
อะไรที่อยากจะได้ ทรัพย์สินใดๆ พระเครื่องต่างๆ วัตถุธาตุกายสิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ทั้งปวง มันจะเอาไปทำอะไร ฟันอมไว้ในปากแท้ๆ ตายลงเดี๋ยวนี้ยังเอาไปไม่ได้สักซี่เดียว มันจะอยากได้ อยากมี อยากเป็นอะไรกันนักนะ

อะไรที่ยังไม่ได้ทำ มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่ มันก็คิดว่ารีบทำเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า ถ้าเผื่อตายลงวันนี้มันจะได้ไม่มีอะไรมาคั่งค้างอีก

พอมันทำงานทำการใดๆเหนื่อยมากๆเข้า มีการกระทบกระทั่งมากเข้า มันก็รู้สึกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ตายแล้ว เหนื่อยได้ที่สุดก็ไม่เกินตาย ลำบากได้ที่สุดมันก็ไม่เกินตาย ไหนๆก็จะตายแล้ว ขอทำให้มันสุดๆไปเลยละกันนะ เหนื่อยไม่กลัวแล้ว ลำบากก็ไม่กลัวมันแล้ว มันจะตายแล้ว...

นึกถึงความตายขึ้นมาทีไร ความเห็นแก่ตัวมันก็มีมากขึ้น มันเห็นว่าทรัพย์สมบัติใดๆที่เราจะเอาติดตัวไปได้นั้น มีเพียงผลบุญ กุศล และบารมีจากการบำเพ็ญเพียรภาวนานี้เท่านั้นเอง อย่างอื่นมันเอาไปด้วยไม่ได้เลย พอเห็นแก่ตัวขึ้นมาก็ต้องรีบทำบุญ รีบภาวนาเข้า ทำลงที่ตัวนี้ กายนี้ จิตนี้ ทำอยู่ตรงนี้ เรื่องจะไปติใครเขาไม่เอา ไปว่าไปสอนไปสั่งให้เขาทำโน่นทำนี่ให้ มันไม่เอาดีกว่า มันเห็นแก่ตัว ด่าตัวเอง ติตัวเอง เคี่ยวเข็ญเร่งรัดตัวเอง เพราะมันเห็นความตายอยู่เบื้องหน้าแล้ว มันเห็นแก่ตัวอย่างนี้ มันไม่ได้กลัวตายไปกว่า กลัวว่าการเกิดนี้จะสูญเปล่า เป็นโมฆะบุรุษ นี่น่ากลัว จะมัวไปสอดส่องคนอื่นเขาทำไม สอดส่องตัวเอง สั่งสอนตัวเอง เถอะ

นึกถึงความตายขึ้นมาทุกที ไฟแห่งความมุมานะพยายามต่อสู้เพื่อจะเอาชนะการเกิดมันลุกขึ้นมา ความคิดอยากจะได้นั่นได้นี่มันเบาลงไป ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่มันก็เบาลงไป แต่มันจะพยายามมากขึ้น ทำเหมือนจะไม่ได้ลืมตามาเห็นดวงตะวันในวันรุ่งขึ้นแล้ว วันนี้เราจะเพียรเพื่อทำกิจของโลก ของธรรมให้ลุล่วงอย่างเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดกันเสียวันนี้ นี่แหละ ความตายที่จะมาเยือน เราคิดของเราแบบนี้...

 

การคิดบวก
ต่างจากการคิดแบบหลอกตัวเอง หรือที่เรียกว่า พวกโลกสวย อย่างไรครับ?
....
คิดบวก ผมเห็นว่าดีครับ
แต่การคิดแบบหลอกตัวเอง ผมไม่แน่ใจว่ามันจะดี...
....
แล้วสองอย่างนี้ ต่างกันอย่างไร?