เมื่อลูกของข้าพเจ้าได้พบยมบาลและได้ไปเที่ยวสวรรค์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Supop, 12 สิงหาคม 2014.

  1. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าเองได้สอนและคอยบอกให้ลูกนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ต่อเนื่องมากนักเพราะลูกของข้าพเจ้าอาศัยอยู่กับอดีตภรรยาของข้าพเจ้า ก็คือแม่ของเขานั่นเอง เราแยกกันอยู่นานหลายปีแล้ว มีวันหนึ่งขณะที่เราคุยธรรมกันอยู่นั้น ลูกข้าพเจ้าบอกว่า เขาเคยนั่งสมาธิเองมาตั้งแต่ยังเล็กแล้ว และตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร และได้พบกับฤาษีในนิมิต แต่ท่านฤาษีสอนอะไร เขาจำไม่ได้แล้ว

    และมีครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าให้ลูกไปบวชเณรและข้าพเจ้าก็บวชพระด้วย ด้วยหวังว่าเราจะเป็นคู่ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นกันไป (แต่อยู่คนละวัด ข้าพเจ้าอยู่วัดป่า ลูกอยู่วัดในกรุงเทพฯ) ข้าพเจ้าได้แสดงสมาธิประเภทหนึ่ง ที่ไม่ใช่ในทางพุทธศาสนาโดยตรง ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปฝึกมา ให้ลูกดู แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สอนแต่อย่างใด ลูกของข้าพเจ้ามาบอกกับข้าพเจ้าทีหลังว่า เขาจำแล้วไปฝึกเอาเองจนได้เช่นกัน

    แล้วต่อมาเขาก็พัฒนาจนได้มโนมยิทธิ โดยไม่ได้มีผู้ใดสอนมาก่อนเพียงแต่ข้าพเจ้าบอกเล่าถึงข้อปฏิบัติบางอย่างเท่านั้น

    เมื่อลูกของข้าพเจ้าได้สึกออกมา ด้วยยังตัดทางโลกไม่ได้ ข้าพเจ้าก็สึกออกมาด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้ลูกไปเป็นภาระของใคร แล้วมีเวลาว่างเราก็จะนัดมาปฏิบัติธรรมกัน

    มีครั้งหนึ่ง ลูกของข้าพเจ้าเล่าว่า ขณะที่กำลังทำสมาธิอยู่นั้น ก็เห็นเป็นยมบาล รูปร่างใหญ่ผิวคล้ำดำทมึน หน้าตาดุ นุ่งโจงกระเบนแดง มีเขา ในมือถือสามง่ามอยู่ ลูกรู้สึกกลัวในรูปร่างนั้น แต่ไม่ได้กลัวว่าเขาจะมาเอาชีวิต ทันใดนั้น ยมบาลท่านนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นเทวดา ผิวเป็นประกายส่องรัศมีสีขาวออกมา แต่ร่างกายสูงใหญ่มาก พร้อมกับกล่าวว่า "อย่ากลัวเลย นี่คือร่างจริงของเรา เราก็มีร่างเหมือนเทวดาทั่วไปนั้นแหละ"
    ลูกข้าพเจ้าได้ยินดังนั้น ควากลัวจึงหายไป และเกิดความสงสัยขึ้นมา จึงถามไปว่า "แล้วทำไม ยมบาลถึงต้องมีรูปร่างหน้าตาดุแบบนั้นด้วยครับ"
    ยมบาลตอบว่า "ที่ดวงวิญญาณเมื่อตายไป ความดีความชั่วที่ทำมา ไม่ว่าจะลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรมา แต่พอตายจากกายสังขาร มันจะระลึกได้หมด ถ้าตอนที่มีชีวิตทำแต่คุณงามความดี ก็จะเห็นยมบาลเป็นกายเทวดาอย่างนี้ แต่ถ้าทำชั่วมามากก็จะเห็นเป็นรูปร่างลักษณะน่ากลัวอย่างเมื่อกี้ เปรียบเหมือนในโลกมนุษย์ คนที่ทำผิดมีคดีติดตัวอยู่ เวลาเห็นตำรวจก็จะเกิดความกลัวรู้สึกว่าน่ากลัว แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใคร เวลาเห็นตำรวจ ก็ไม่เกิดความกลัว เห็นเป็นปกติทั่วไป อย่างนั้น"

    มีคุยอะไรต่ออีก ลูกของข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว เนื่องด้วยตอนนั้น สติเขาเริ่มขาดช่วงไม่ต่อเนื่อง จึงจำไม่ได้แล้ว

    ความจริงเป็นเช่นใด สุดแท้แต่ที่ข้าพเจ้าจะยืนยันได้

    เอาเท่านี้ก่อน

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้ากล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าเคยสอนกสิณไฟให้เขา เขาก็ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ข้าพเจ้าได้หยุดสอนไป เพราะสติปัญญาเขายังไม่มากพอ ในตอนนี้เองที่ลูกข้าพเจ้าไปได้มโนมยิทธิมา แล้วก็ไปเที่ยวสวรรค์วิมานของเขาเอง และสวรรค์ชั้นต่างๆ พร้อมได้ความรู้มาบางอย่างดังนี้

    สวรรค์ชั้นที่หนึ่งนั้น เหล่าเทวดาจะมีความผูกพันธ์กับมนุษย์มากที่สุด เทวดาที่อยู่บนโลก หรือคอยช่วยเหลือมนุษย์หรือสัตว์โลกจะอยู่ที่ชั้นนี้มากที่สุด

    สวรรค์ชั้นสอง เป็นสวรรค์ที่เป็นที่อยู่ของผู้บำเพ็ญมาทางเมตตา เทวดาในชั้นนี้จะมีเมตตามากที่สุด มีท้าวสักกะเทวราช หรือที่มนุษย์เรียกว่า พระอินทร์ เป็นผู้ดูแล

    สวรรค์ชั้นที่สี่ เป็นชั้นของผู้บำเพ็ญมามาก บารมีมาก และรอที่จะมาเกิดเป็นชาติสุดท้าย

    และไปดูอดีตชาติของตนเอง ข้าพเจ้าและแม่ของเขา

    ที่ลงไว้เพียงเท่านี้ เนื่องด้วย ลูกของข้าพเจ้าจริงๆแล้ว ยังได้รู้อะไรอีกเยอะ แต่เขาจำไม่ได้ ลูกของข้าพเจ้าบอกว่า พอออกจากสมาธิ ลืมหมด จำได้เพียงเท่านี้ ซึ่งลูกของข้าพเจ้าไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน และข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้สนใจนัก แต่เมื่อไปเปิดเทียบในตำราดู เห็นว่าตรงกัน แล้วข้าพเจ้าก็สอนให้เขาเน้นสติให้มาก เพราะสติเขาอ่อน ลูกของข้าพเจ้าก็ยังไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ คงต้องไปเรื่อยๆ บอกกันไปเรื่อยๆ ตามดูกันไปเรื่อยๆ....

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    มีประเด็นที่ขออนุญาตสนทนาร่วมด้วยนะครับ.
    น่าจะเกี่ยวข้องกันนะครับ...
    คือเห็นว่า.เรื่องความสามารถต่างๆนะครับ.
    สมมุติว่าของบิดามี ๕ ส่วนของมารดามี ๓
    ส่วนความสามารถพวกทั้งหมดพวกนี้จะสามารถ
    ที่จะถ่ายทอดลงสู่ตัวเด็กได้รวมกันเป็น ๘ ส่วนครับ.
    กรณีนี้ความสามารถบางอย่างแม้เด็กไม่ฝึกนะครับ
    ก็เกิดได้เป็นปกติด้วยครับ.

    ยกเว้นว่าบิดาไม่มี มารดาไม่มี.ก็ต้องดูว่า ทางคุณ
    ปู่คุณตา คุณย่าคุณยาย ทางฝั่งไหนมี.เด็กก็จะยัง
    สามารถฝึกเพื่อให้ไปถึงได้เช่นกัน..
    และความสามารถบางอย่างจะเกิดได้แม้ไม่ต้องฝึก
    แต่จะเกิดได้บ้างไม่ได้บ้าง..

    ยกตัวอย่าง คุณตามี คุณพ่อไม่มี เด็กผู้ชายจะฝึกเท่าคุณตาได้
    แต่ ญ อาจจะธรรมดา..หรือ คุณยายมี หลาน ญ ก็จะฝึกเหมือน
    คุณยายได้ ประมาณนี้ครับ..
    ขอบคุณครับ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบพระคุณที่ท่านnopphakanเมตตามาอธิบายความสืบเนื่องระหว่างสายสัมพันธ์ของคุณพ่อ คุณแม่ ตลอดจนคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ที่มีต่อลูก หลาน
    ทำให้พอทำความเข้าใจในคำพูดของพระอาจารย์ที่ท่านเคยพูดเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน
    กรณีที่ท่านสอนโยมมารดา และพาโยมมารดาไปท่องเที่ยวตามภพภูมิต่างๆ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    คุณ ครูติงติง เรียกผมน้องก็ได้ครับ.
    คิดว่าส่วนตัวผมน่าจะอาวุโสน้อยกว่าครับ..

    ปล.ระวังสุขภาพด้วยนะครับ.
    โดยเฉพาะบริเวณที่ต่ำกว่าท้องลงมา มันร้อนๆเกินไปครับ.
    หวังว่าจะพอเข้าใจ หากมิใช่ก็ขออภัยด้วยครับ
    ..
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ขอบคุณมากค่ะ
    ตรวจสุขภาพประจำปี คุณหมอทักเหมือนกัน
    แต่ท่านว่าไม่เป็นไรค่ะ ก็เลยยังไม่ทำอะไร
     
  7. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขอขอบคุณ คุณ nop นะครับ ที่กรุณาแนะนำให้ความรู้เพิ่มเติม

    ตามที่ข้าพเจ้าเคยรู้มาและพอจะเข้าใจ คือ เป็นเพราะการสั่งสมมาจากในอดีต ส่วนหนึ่ง และเกิดจากการรับกระแสจิตจากผู้ที่อยู่แวดล้อม อีกส่วนหนึ่ง

    ส่วนความรู้ตามที่คุณ nop แนะนำมา น่าจะเป็นส่วนเดียวกับที่ผมเข้าใจ เพียงแต่ผมไม่รู้ในรายละเอียดตรงนั้นครับ

    ขอคุยในรายละเอียดอีกเรื่องหนึ่งนะครับ

    เรื่องการลงไปนรกโดยสมาธินั้น ลูกของข้าพเจ้าเคยลงไปดูมาเช่นกัน แต่ลงไปได้แค่ ห้องพิจารณาเท่านั้น ลงไปในชั้นลงทัณฑ์ไม่ได้ เพราะลูกเคยลงไปครั้งหนึ่ง แค่แวบเดียวยังไม่ได้ทันเห็นอะไรมาก เขาก็ต้องรีบขึ้นมา เพราะมันร้อนมาก และทำให้เป็นไข้ตัวร้อนไป 3 วันเลยทีเดียว แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็เคยจะลงไปครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ในขณะที่จิตกำลังดิ่งลงไปเรื่อยๆนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความทุกข์ ความหนักของจิต แล้วก็โดนไล่กลับมา มีเสียงบอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้กลับขึ้นไปก่อน แล้วจิตของข้าพเจ้าก็เหมือนถูกดีดกลับขึ้นมา และตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ยังไม่เคยไปอีกเลย
    ใครที่เคยไปโดยสมาธิ มีประสบการณ์กันอย่างไรบ้าง ท่านรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในนรกบ้างไหม

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อืมครับ คุณ Supop ครับพอมีประสบการณ์บ้างครับ
    ...โดยส่วนตัวเห็นว่าการที่เด็กไปได้ถึงห้อง
    พิจารณาถือว่าดีมากแล้วนะครับ..เหตุเพราะจิตจะเกาะอารมย์หรือ
    แม้แต่เราๆเองก็อาจเผลอไปเกาะอารมย์ได้
    อาจเป็นเหตุส่งผลต่อเรื่องอารมย์ได้
    และประเด็นสำคัญที่มองข้ามคือเรื่องการรับกระแสต่างๆ
    ได้ค่อนข้างดีครับ และพอกลับมาแล้ว
    ด้วยกระแสส่วนเกินที่มันเกาะติดโดยธรรมชาติ
    จะทำให้ธาตุทั้ง ๔ ของร่างกายโดย
    รวมของเรามันเกินได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ
    .เป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยได้ครับ.
    แต่ถ้าเราสามารถช่วยดึงเอาส่วนเกินพวกนี้ออกได้ก็ไม่เป็นไรครับ..

    และถ้าทั่วๆไป.
    การจะได้ไปทัวแบบละเอียดนอกจากองค์
    ประกอบต่างๆแล้วบวกกับการใช้แนวทางวิชาพิเศษ
    ก็คงจะพอผ่านไปได้ครับ...
    แต่แบบผู้ที่พอจะทัวได้แบบส่วนตัวและยิ่ง
    ถ้ามีจริตได้เห็นดวงจิตแล้วตัวจิตมีความเคยชิน
    กับการอุทิศส่วนกุศลแบบในใจทันที
    ท่านๆยิ่งจะไม่ให้เราผ่านไปครับ
    ส่วนมากจะจอดให้ลงป้ายอยู่แถวๆสำนักนั่นหละครับ
    แต่ว่ามีข้อดีคือว่า ถ้าเราพอไปได้จะ
    สามารถหรือพอจะช่วยบางดวงจิตได้
    ที่เป็นดวงจิตที่มีสายสัมพันธ์กับเราทางสายเลือดนะครับ.
    แต่ยังไงก็ไม่ให้เราลงไปครับ.
    แต่พวกยมทูตเค้าจะนำมาส่งให้เราเห็นเอง
    ด้วยพาหนะบางอย่างครับและ

    ตรงจุดนั้นส่วนตัวเรียกเอาเองว่าเขตเปลี่ยนภพภูมิ
    คือมองลงก็คือ อบายภูมิ มองขึ้นข้างบนคือท้อง
    ฟ้าที่มีก้อนเฆขเป็นเอกลักษณะเฉพาะ และจะมี
    การไปขึ้นพาหนะบางอย่างที่เดินผ่านได้เฉพาะ
    ดวงจิตที่ไม่มีร่างกายแล้วเท่านั้นด้วยครับ.
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราสะสมบารมีไปเรื่อยๆ
    เด่วในอนาคตเค้าจะเปิดให้เราสร้างบารมีตรงนี้ได้
    ในวันเฉพาะ คือจะให้ดวงจิตที่อยู่ในอบายภูมิบางกลุ่ม
    สามารถปรากฏให้เราเห็นได้แบบโผล่มาแค่ร่างกาย
    ช่วงหน้าอกขึ้นมาจากผิวดินได้เองครับ..
    แต่ถ้าคิดว่าจะไปทัวแล้วจะไปอุทิศส่วนกุศล
    คิดว่ายากครับ..ยกเว้นกรณีหลวงพ่อมีชื่อในอดีต
    นั่นเป็นกรณีพิเศษ ขอยกไว้เป็นกรณีเฉพาะครับ

    ปล.ประมาณนี้ ขอบคุณครับ
     
  9. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขอขอบคุณ คุณ nop อีกครั้งครับ ในคำแนะนำ

    เนื่องด้วยข้าพเจ้าเองก็กำหนดมาทางเมตตามาตลอด และข้าพเจ้ามักจะโดนทดสอบและสอนทางด้านนี้อยู่เสมอ ทั้งในฝันและสมาธิ จนข้าพเจ้าเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ว่าทำไมจึงมักจะมาสอนในแนวเมตตาเช่นนี้ แนวปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นมีบ้างแต่จะน้อยกว่าแนวบำเพ็ญทางเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยมีนิมิต ถึงขนาดที่มีพระรูปหนึ่งมาบอกว่า ข้าพเจ้าจะ...... และครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ตัวเองอาจจะเป็น พุทธภูมิ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอออกจากพุทธภูมิ เพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้นในเร็ววัน แล้วรอดูผลว่าสมาธิของข้าพเจ้าการรู้ในสัจจะธรรมของข้าพเจ้าจะไปได้เร็วกว่าเดิมหรือไม่ ไม่เลย มันก็ยังเรียนรู้และก้าวหน้าไปอย่างช้าๆเหมือนเดิม และมันยังออกไปในแนวรู้ในสิ่งที่ไม่ใช่หนทางหลุดพ้นโดยตรงร่วมด้วย แล้ววันหนึ่งก็มีเสียงบอกมาในสมาธิในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพิจารณาธรรมอยู่นั้นว่า ข้าพเจ้าจะต้องอธิษฐานถึง 3 ครั้งเพื่อ ออกจากพุทธภูมิ จนป่านนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้อธิษฐานต่อ ปล่อยให้มันเป็นไป จริงเท็จอย่างไรอย่าได้ถือสาคนเพ้อเจ้ออย่างข้าพเจ้าเลยครับ ข้าพเจ้าก็เพ้อเจ้อไปวันๆตามกาลเวลามาถึงเท่านั้น.

    ขออนุญาตอีกเรื่องหนึ่ง ในครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้ฝึกเพื่อทำฤทธิ์อยู่นั้น ในขณะที่กำลังกำหนดรวมธาตุอยู่นั้น จู่ๆ จิตข้าพเจ้าเกิดการกำเริบเสิบสานและคึกคะนองในฤทธิ์ จึงได้สร้างนิมิตเป็น ลมพายุ น้ำวน และลูกไฟ อยู่หน้าบ้านตัวเอง ซึ่งหลังออกจากสมาธิข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่มีอะไร คงเป็นแค่ความคิดนิมิตธรรมดา แต่ลูกของข้าพเจ้าซึ่งนั่งสมาธิอยู่เหมือนกัน หลังออกจากสมาธิ เขามาบอกข้าพเจ้าว่า เขาเห็นในสมาธิว่าข้าพเจ้ากำหนดเล่นฤทธิ์อยู่บริเวณหน้าบ้าน และตอนนี้มันเหลือเป็นจุดดำๆอยู่ตรงบริเวณนั้นและมีเทวดามาบอกว่า ให้ข้าพเจ้ากำหนดเก็บเศษซากที่เหลือจากการทำฤทธิ์เมื่อกี้เก็บเข้าไป เพราะมันจะส่งผลกระทบกับมิติได้ ซึ่งตรงนี้ข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ก็กำหนดเก็บให้ตามนั้น มีใครเข้าใจหรือรู้เรื่องตรงนี้บ้าง.

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  10. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154

    เรื่องของธาตุ นอกจากโลกวัตถุที่เราเห็นได้ สัมผัสได้เป็นประจำอยู่ ที่เรียกกันว่า โลกธาตุ นี้ ที่เป็น วัตถุธาตุหรือ รูปธาตุ แล้ว ยังมีชั้นของธาตุละเอียด ซึ่งเป็นชั้นของจิตวิญญาณและพลังงานต่างๆ ที่เรียกว่าเป็น อรูปธาตุ รวมอยู่ด้วยกัน กล่าวได้ว่า แต่ละชั้นของธาตุต่างประเภทกัน ก็จะเป็นภูมิหรือมิติ ของแต่ละชั้นของธาตุ ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเสมอ

    ดังนั้น การจะทำอะไรๆ เกี่ยวกับเรื่องธาตุ มักต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของสสารและพลังงาน เนื่องจากธาตุเป็นองค์ประกอบของจักรวาล และเป็นองค์ประกอบของทั้ง ๓ โลกธาตุ โดยปกติ ทั้ง ๓ โลกธาตุ จะต้องมีความสมดุลของธาตุต่างๆ ตามวิสัยที่เป็นปกติ แต่หากมีการรบกวนสมดุลของธาตุ ในบางจุดเกิดขึ้น สมดุลของแต่ละโลกธาตุ ก็จะสั่นคลอนไป

    การรบกวนสมดุลของโลกธาตุนี้ ก็จะมีขนาดต่างๆกันไป ซึ่งอาจจะเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นโดยผู้มีวิชชาเป็นผู้กระทำ บางครั้งก็จะมีการรบกวนมาก บางครั้งก็จะมีการรบกวนน้อย แต่เมื่อมีการรบกวนสมดุลเกิดขึ้น ระบบของโลกธาตุมักจะปรับสมดุลของระบบได้เอง แต่บางครั้ง หากมีการรบกวนสมดุลมาก การปรับเข้าสู่สมดุลปกติของโลกธาตุ ก็ต้องใช้เวลานาน

    ดังนั้น การฝึกการรวมธาตุ อย่างที่คุณ Supop กล่าวไว้ข้างต้น สิ่งที่พึงต้องระมัดระวังเอาไว้ คือ การฝึกการรวมธาตุเพื่อฝึกซ้อมตามวงรอบหรือเพื่อการใช้กำลังของแต่ละธาตุ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรอย่างหนึ่ง นั้น เมื่อทำเสร็จแล้วหรือเลิกการฝึกในแต่ละครั้งแล้วให้พึงทำการเพิกจากนิมิตหรือการตั้งธาตุนั้นๆ ทุกครั้ง อย่าปล่อยทิ้งให้ค้างคาไว้ เนื่องจากสิ่งที่หลงเหลืออยู่จะมีผลรบกวนต่อสมดุลของสสารและพลังงานของระบบโลกธาตุ รวมทั้ง ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็จะกลายเป็นสัญญาหลอกตัวของผู้ฝึกเองอยู่ร่ำไปได้อีกด้วยนะครับ

    อย่างนี้ ท่านถึงกล่าวว่า การกระทำใดๆ เกี่ยวกับธาตุก็ตาม ย่อมมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงสมดุลของโลกธาตุทั้งระบบ มากบ้าง น้อยบ้าง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ มีผลกระทบต่อมิติ นั่นเอง

    ซึ่งหากปล่อยทิ้งให้ค้างคาไว้ โดยไม่ทำการเพิก จนเกิดเป็นปัญหาขึ้นมา ก็จะมีวิธีแก้ไขอยู่เหมือนกัน (ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มีการผูก ก็ต้องมีการแก้ เป็นธรรมดา) ส่วนวิธีการแก้ไข จะต้องทำอย่างไร แบบไหน ผมยังไม่ขอกล่าวถึง เนื่องจากจะเกินเลยขอบเขตของกระทู้นี้ไป ซึ่งในขั้นตอนนี้ ควรจะใช้วิธีการปฏิบัติอย่างระมัดระวัง เพื่อเป็นการป้องกันสภาพปัญหาไว้ก่อน จะดีกว่าการตามไปแก้ไขปัญหาในภายหลังครับ

    ดังนั้น อย่าลืมครับ เมื่อเลิกฝึกซ้อมธาตุ ต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมและยังเป็นการส่งเสริมสวัสดิภาพให้แก่ตัวของเราเองอีกด้วย ยังไงๆ ก็ขอให้ยึดหลัก “ปลอดภัยไว้ก่อน” นะครับ
     
  11. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณ คุณ yooyut มากครับ ที่กรุณาให้คำแนะนำครับ

    เรื่องรายละเอียดของการปฏิบัติในแต่ละสาย เป็นเรื่องที่หาคุยได้ยากมากครับ และในสังคมแวดล้อมของผม ก็มีแต่พวกสนใจแต่พระเครื่อง แต่ไม่สนใจการปฏิบัติ หรือไม่ก็มีแต่คิดแต่เรื่องทำบุญเพราะอยากเกิดมาชาติหน้าสบายหรือสบายในชาตินี้เพียงแค่นั้น หรือสนใจการปฏิบัติก็ยังเพียงผิวเผิน เคยคุยเรื่องพวกนี้กับพวกเขาเหล่านี้เหมือนกัน แต่เหมือนโยนหินลงน้ำ แถมยังมองว่าเราบ้าอีก เดี๋ยวนี้เลยไม่ได้คุยเรื่องพวกนี้กับใครแล้ว นอกจากผู้ปฏิบัติในกลุ่มของข้าพเจ้า และคนที่จะเข้ามาคุยเองเท่านั้น ดีนะที่มีเวปนี้ให้ได้เข้ามาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม และได้บอกเล่าประสบการณ์บ้าง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2014
  12. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ด้วยความยินดีครับ

    เรื่องของธาตุ อาจจะเข้าใจได้ยากนิดนึง โดยเฉพาะเรื่องของธาตุในชั้นละเอียด เช่นพวกที่จัดว่าเป็น อรูปธาตุ และเรื่องของการแลกเปลี่ยนพลังงาน การรับพลังงาน และการถ่ายเทพลังงานในระดับจุลภาค แต่ถ้าหากทำการฝึกฝนให้ถึงขั้นที่ใช้งานได้ ก็จัดว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งนะครับ

    เรื่องของธาตุ เป็นเรื่องสำคัญ แม้แต่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังได้ตรัสแสดงไว้ใน "อัคคัญญสูตร" ว่าโลก จักรวาลและสรรพสิ่งทั้งปวง ถือกำเนิดด้วยธาตุ และถูกทำลายด้วยธาตุจนนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งนี้เป็นการยืนยันว่าเรื่องของธาตุนั้น มีความสำคัญสำหรับทุกภพภูมิ

    การฝึกธาตุนั้น จัดอยู่ในหมวดกรรมฐานที่เชื่อมโยงกับ จตุธาตุววัฏฐาน" ซึ่งเป็นกรรมฐาน ๑ ในกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ดังนั้น กล่าวได้ว่า การฝึกกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะนำไว้ หากฝึกได้อย่างถูกวิธี ไม่มีทางบ้า อย่างแน่นอนครับ

    ที่ต้องระวัง ก็คือเรื่องของภพภูมิ มีบางพวกบางเหล่า ที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะเรื่องของอรูปธาตุ ที่เขาอาจจะมาแนะ มาสอน พวกนี้บางทีเขาก็มาหาคู่ซ้อมมือเฉยๆ สอนวิชชาให้ด้วย และให้ลองวิชากับท่านด้วย จัดว่าเป็นครูชั้นดี ที่ควรให้ความเคารพนบนอบ หากได้ท่านเป็นพันธมิตรด้วย ก็จะได้เรียนรู้เคล็ดวิชชาที่อัศจรรย์พันลึกอีกมาก ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

    แต่บางพวก บางเหล่า ที่มีใจเป็นพาลจริงๆ มักจะหลอกลวงให้เสียผู้เสียคน แบบนี้ต้องพยายามหลีกให้ไกลๆ อย่าได้ไปข้องเกี่ยว เพราะจะถูกครอบงำจากภพภูมิเหล่านี้ จนไม่อาจหวนคืนมาสู่หนทางแห่งความดีได้ แต่เรื่องนี้ ผมเห็นจะไม่ต้องเป็นห่วง คุณ Supop นะครับ เพราะเจ้าของกระทู้ ก็จัดว่ามีประสบการณ์กับเรื่องเหล่านี้มาบ้างแล้ว คงจะทราบดีว่าควรจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร กับภพภูมิเหล่านี้

    สำหรับเรื่องของการใช้กำลังธาตุ อย่างไรเสียในภพภูมิที่มีขันธ์ 5 อย่างเราๆ ก็อาจจะไม่คล่องเท่ากับพวกที่ไม่มีขันธ์ 5 เพราะว่าถ้ามีสายตาที่ดีอยู่บ้าง พอจะมองเส้นสายของพลังงานออก จะทราบว่าระดับจะต่างกันเยอะ แต่ขึ้นชื่อว่า "วิชชา" ก็สามารถเรียนรู้ได้เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร ภพภูมิไหนๆก็ตาม เพราะเรื่องของ "วิชชา" นี้ ถือว่าเป็นองค์ความรู้ของกลาง ที่มีอยู่คู่กับจักรวาล คู่กับโลกธาตุทั้ง ๓ อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ เราจะมีความสามารถทำความเข้าใจกับ "วิชชา" และสามารถเรียนรู้ และนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ ถ้าสามารถทำได้ ก็ถือว่าดีเยี่ยม แต่ว่าถ้ายังทำไม่ได้ ก็คงต้องพยายามกันต่อไป สักวันหนึ่ง ความสำเร็จก็คงจะต้องมาถึงได้อย่างแน่นอน

    ดังนั้น อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น เรื่องที่ผมคุยกับคุณ Supop ทั้งในเรื่องของมิติ เรื่องของโลกธาตุ เรื่องของรูปธาตุ เรื่องของอรูปธาตุ อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยากไปสักหน่อย ก็ไม่เป็นไรนะครับ หากว่าคุณ Supop จะมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในส่วนใด ผมก็จะขอทำการอธิบายรายละเอียดให้ได้รับทราบ เพื่อไขข้อข้องใจของคุณต่อไป ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ
     
  13. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ขอบคุณอีกครั้งครับ

    อย่างที่คุณ yooyut บอกไว้ครับ ผมเคยมีประสบการณ์ตรงนี้มาแล้ว ทำให้รู้ได้ว่า ไม่ว่าจะฝึกกรรมฐานกองไหน หรือวิชาไหน แบบไหน. กับใคร จะไม่มีทางบ้าและออกนอกทางไปสู่เส้นทางชั่วได้ แค่มี สัมมาทิฐิ เท่านั้นครับ ป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

    และวิชาเหล่านี้ เช่น การรวมธาตุ นั่นก็ เป็นท่านที่มาจากทางภพภูมิแหละครับ ที่สอนผม ตอนแรกผมฝึกเป็นกสิณธาตุ ในแต่ละธาตุมาก่อน แล้วท่านมาสอนรวมธาตุอีกทีครับ

    ส่วนเรื่องการใช้ประโยชน์นั้น ผมจะใช้เกี่ยวกับกายซะมากกว่า ไม่เน้นไปยุ่งกับทางภพภูมิเพราะมันจะเป็นการก่อเวรก่อกรรม ก่อชาติภพต่อเนื่องกันไปอีก ถ้ามีจิตไม่ดีเข้ามาผมจะใช้ความตั้งมั่น และพิจารณาเรื่องของกรรมและเมตตา สุดท้ายก็ปล่อยวางไปครับ จริงๆแล้วไม่มีใครอยากเป็นคนเลวไม่มีใครอยากทำชั่วหรอกครับ เพราะความไม่รู้เท่านั้นที่ทำให้เป็นไป

    ส่วนเรื่องอื่นๆ ไว้มีโอกาส ผมคงจะได้คุยหรือถามอีกครับ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2014
  14. yawamon

    yawamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +219
    รบกวนท่านทั้งหลายเมตตาแก่ข้าพเจ้าผู้กิเลสหนา ช่วยแนะนำการปฏิบัติให้ทีค่ะ
    ตอนนี้ทุกข์เหลือเกินค่ะ ปวดหัว+นอนไม่หลับ อยากเปลี่ยนแปลงแผนที่ชีวิต
    ของตัวเองค่ะ รบกวนด้วยนะคะ
     
  15. evanov

    evanov Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +64
    โห คุณ yooyut ตอบมาแต่ละที ยาวววววเฟื้อย อ่านกันตาแฉะ ขอโอกาส จากคุณพี่ Supop ขอคุยกะ ท่าน yooyut หน่อยคับ ชอบอ่านการตอบของ คุณ yooyut มาแต่ละที ยาวเป็นวา เหมือนว่าไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็เป็นขั้นตอน อ่านง่าย อ่านเพลินดีคับ อ่านแล้วเหมือนได้ไปนั่งคุยกันตัวต่อตัว กะคุณ yooyut เลย ขอถามหน่อยคับ เวลาที่มีพวกภพภูมิมาข้องเกี่ยวนี่ เค้าแค่มาเล่นซ้อมมือเองเหรอคับ ดู ชิล ชิล จังเนอะ แถมมีมาให้เราลองวิชากะเค้าด้วย เป็นผม เรื่องที่ต้องลงไม้ลงมือกับท่านภพภูมิเหล่านี้ แค่คิดก็หวั่นใจ ไม่กล้าแล้วคับ ใจมันยังไม่ถึงขั้นน่ะ แล้วถ้าเป็นคุณ yooyut เนี่ย เวลาเจอเรื่องแบบนี้ วางกำลังใจยังไงเหรอคับ ถึงได้ผ่านการลองวิชา กะท่านภพภูมิมาได้อ่ะคับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ถ้าคุณ Supop สนใจว่ามันจะกระทบกับมิติอย่างไรแบบที่เทวดาท่านนั้นบอก
    คือถ้าอยากทราบถึงเหตุที่เทวดาท่านว่า..
    ถ้าเห็นข้อความนี้.ให้ถามเจาะจงนะครับว่าจะถามใคร.
    .ส่วนตัวถึงจะพูดให้ฟังได้(พอเข้าใจเหตุผลนะครับ).แต่เล่าแล้วอาจจะฟังดูเวอร์ๆเล็กน้อย
    แต่จริงๆคำตอบไม่มีอะไร.เหมือนเส้นผมบังภูเขา..
    บางครั้งตัวคุณก็เจอมาแล้วหลายครั้งแต่เพียงไม่ทราบเฉยๆ
    ว่ากิริยาทางจิตนั้นๆก็เป็นการเชื่อมมิติครับ
    ถ้ามีวาระเหมาะสมส่วนตัวอาจจะเล่าวิธีการเปิดและเชื่อมให้ฟังด้วยครับ
    ผมบอกให้ก็ได้ว่าคุณก็เปิดได้ แต่เป็นแบบไม่ได้ตั้งใจ
    และยังขาดเทคนิคในการเชื่อมเฉยๆ เลยนึกไม่ออก
    ว่าถ้าจะทำแบบตั้งใจจะทำอย่างไร
    ซึ่งมันมีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องนี้พอสมควร..
    และขอคิดดูก่อนเรื่องเปิดและเชื่อมจะเล่าหรือไม่.เพราะคุณอาจจะเห็นว่า
    ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไร..แต่ถ้าอยากพิสูจน์นั้นไม่อยาก
    ..

    ปล.มิติหรือประตูมิติ มันมีแบบที่อยู่ปกติอยู่ขึ้นอยู่กับสายตาเราจะเห็นได้หรือไม่.
    และแบบที่สามารถสร้างขึ้นมาได้แบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ..
    ให้ตั้งข้อสังเกตุไว้อย่างหนึ่งว่า ทำไมบางวัดต้องสร้างซุ้มประตูทางเข้าวัดให้ดู
    สูงๆไว้มองแล้วเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีอะไรมาห้อยๆไว้ตรงกลาง
    ที่ด้านบนและทำไมต้องสร้างพระประธานองค์ใหญ่ๆไว้ตรงนี้ตรงนั้น รวมถึง
    การสร้างพระธาตุต่างๆไว้ตรงต่ำแหน่งนั้นๆ..
    อืมมมม.เอาทริคไปเลยก็ได้ครับ.ถามว่าพอทราบไหมครับว่า
    ทำไมหลวงปู่ ชื่อย่อ ด. ที่มีชื่อเสียงเวลาท่านจะทำทำพิธิปลุกเสกวัตถุมงคล
    ท่านถึงอยู่แต่ในกุฏิไม่ได้ออกมาแต่ให้เตรียมที่นั่งไว้ให้ท่าน.
    .

    ถ้าเข้าใจประโยคหลังสุดได้ก็แสดงว่าเข้าใจเรื่องประตูมิติที่
    ส่วนตัวอาจจะเล่าให้ฟังได้ครับ..เป็นอันว่าเข้าใจแบบรู้ๆกันครับ...
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณ คุณ nop คุณ yooyut ครับที่กรุณาแนะนำให้ความรู้เพิ่มเติมแก่ข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าเองก็ได้ความรู้เพิ่มเติมจากคุณทั้งสองมามากครับ

    ถามเรื่องการเชื่อมกับมิติอื่นนั้น ข้าพเจ้าเองก็พอมีประสบการณ์บ้างจากตัวเองบ้างจากเพื่อนในกลุ่มบ้าง แต่ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะใช่อย่างที่คุณ nop จะอธิบายให้หรือเปล่า

    1.เพื่อนพระท่านหนึ่งที่ท่านถอดจิตได้ ท่านบอกว่าท่าน จะมีจุดขาวๆอยู่ตรงบริเวณ มโนทวาร และท่านใช้เพ่งตรงนี้ แล้วจิตมันก็พุ่งทะลุออกไปเลย

    2.ส่วนอีกวิชาหนึ่งใช้การเพ่งภาพ คล้ายของมโนมยิทธิ แต่วิชานี้ใช้การเพ่งพุ่งจิตเข้าไปที่ภาพนิมิตนั้นอย่างเร็ว ในช่วงขณะที่จิตกระทบกับภาพนิมิตนั้นจิตจะขาดจากกายอย่างฉับพลัน (เข้าสู่ความว่าง) แล้วจึงเกิดสิ่งที่เราต้องการไว้ปรากฏขึ้นมา (วิชานี้ใช้ได้ทั้ง อ่านใจ รู้สภาวะทางกายและอารมณ์ผู้อื่น สร้างสภาวะทางกายและอารมณ์ต่างๆทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ดูอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไปภพภูมิอื่น)

    3.ส่วนมโนมยิทธิ ใช้การประครองสมาธิไปตามลำดับขั้นของสมาธิ

    ในวิธีที่ 2 และ 3 นั้นใช้นิมิตเหมือนกัน (แต่วิธีที่ 2 ใช้ภาพนิมิตของสิ่งที่ต้องการรู้ เช่นถ้าต้องการรู้ว่านาย ก.อยู่ที่ไหน ก็ใช้รูปนิมิตนาย ก. เป็นต้น) และใช้การอธิษฐานก่อนจะเข้าไป แต่ถ้าชำนาญมากๆและกำลังสมาธิสูงก็ไม่ต้องอธิษฐานแล้ว แค่นึกก็ไปเลย แต่วิธีที่ 1 ไม่ใช้ภาพนิมิต ไม่ต้องอธิษฐาน และอันตรายกว่ามาก (ข้าพเจ้าเองก็เคยคิดจะพยายามฝึกการถอดจิต แต่โดนทางภพภูมิห้ามไว้ ท่านบอกยังอันตรายเกินไปสำหรับข้าพเจ้าในตอนนี้)
    และข้าพเจ้าก็คุยเรื่องอะไรพวกนี้กับพวกกลุ่มเพื่อนไม่ได้สะดวกแล้ว เพราะตอนนี้พวกท่านยังบวชอยู่ และมุ่งทางตรงกันหมดแล้วครับ

    อีกอย่างสำหรับข้าพเจ้าเคยฝึกมาทั้งวิธีที่ 2 และ 3 แต่ปัจจุบันข้าพเจ้ามักจะใช้การรู้อารมณ์และนิมิตในสมาธิ อืม..คือ พอถึงช่วงที่ข้าพเจ้ารู้ว่า สามารถใช้ได้ ถ้าข้าพเจ้าจะทำก็จะทำในตอนนั้นครับ

    ไม่รู้ว่าความรู้ที่คุณ nop จะบอกกล่าวเป็นเช่นใด ข้าพเจ้าเองก็อยากรู้ และจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆที่สนใจด้วย

    เอ่อ ส่วนคุณ yawamon ข้าพเจ้าขออนุญาตนะครับ
    ถ้าอยากให้มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ อยากให้จิตใจเบาลงจากความวุ่นวายทางโลก ก็ต้องอย่าตามกระแสโลกอย่าตามกระแสสังคมมาก อย่าเอาเขามาเป็นตัวเรา ถึงแม้สถานะไม่อำนวยที่จะทำได้ ก็ต้องตั้งใจทำให้ได้ น้อยๆค่อยๆไป แล้วค่อยเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ การปฏิบัติธรรมให้ได้ผล ไม่ว่าจะทางใด เพื่ออะไร ไม่ใช่ให้รู้เส้นทางอย่างเดียวแต่ต้องเดินไปด้วย เช่น อยากลดละกิเลส เราก็ต้องกระทำเพื่อให้ลดละกิเลสให้ได้ อย่างง่ายๆ วันนี้เรามีเงิน ปกติเราเป็นคนชอบสรรหากินของอร่อย แพงไม่ว่า ลองไม่กินของอร่อยและแพง แต่ไปกินข้าวแกงธรรมดาดู นั่นก็ถือได้ว่าเราเริ่มที่จะทำแล้ว เราเริ่มที่จะละจากความอยากในรสชาติแล้ว นะครับ
    ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2014
  18. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ขอขอบพระคุณ คุณ อีวานอฟ เป็นอย่างยิ่งนะครับ ที่ได้กรุณากล่าวชม ก็เป็นเหมือนกำลังใจ ให้ผู้เขียนกระทู้อย่างผม ได้พัฒนาการเขียนต่อไปได้อย่างดียิ่งเลยครับ

    สำหรับประเด็นที่ทาง คุณ อีวานอฟ ได้กรุณาสอบถามมานั้น ก่อนอื่น ต้องขอเรียนให้ทราบไว้ก่อนว่า ในบรรดาภพภูมิต่างๆนี้ ก็จะมีท่านที่มีวิสัยที่หลากหลาย แล้วแต่ว่าเราจะมี “กรรม” อย่างไรให้มาพบเจอกัน ส่วนท่านที่มีวิสัยอย่างที่ผมเล่ามาให้อ่านกันนั้น ถ้าเป็นตามภาษาของเราๆ ท่านๆ ก็ต้องกล่าวว่า ท่านออกจะมีวิสัย “ขี้เล่น” เล็กน้อย คือมาสอนวิชชาด้วย แล้วก็ให้เราได้มีโอกาสลองวิชชากับท่านไปด้วย ซึ่งสำหรับท่านเหล่านี้ ท่านคงไม่ได้จริงจังอะไรมากนักหรอกครับ (อย่างที่คุณ อีวานอฟ ว่าไว้นั่นล่ะ ว่ารู้สึกว่า ท่านจะ “ชิล ชิล” ยังไง ยั้งงั้น)

    อีกอย่างหนึ่ง สำหรับผมนั้นจะถือว่า สำหรับท่านที่มาแนะ มาสอนนั้น ต้องนับเนื่องว่าท่านเหล่านั้น เป็นครูของผมทั้งสิ้น และอีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นพวกที่ชอบ “บู๊ล้างผลาญ” แต่โดยสามัญสำนึกแล้ว ผมก็ไม่มีวิสัยที่จะ “บู๊ล้างผลาญ” กับครูบาอาจารย์ ดังนั้น ถ้าเจอกับการสอนอย่างนี้ ปกติถ้าเลี่ยงได้ ก็จะพยายามหลีกเลี่ยงครับ เพราะไม่ชอบเลยกับการวัดฝีมือกับครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้

    แต่ก็มีกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะเงื่อนไขของตัววิชชาเอง หรือว่าเป็นเงื่อนไขที่มาจากท่านผู้สอนเป็นสำคัญ ก็จำเป็นต้องดำเนินการนะครับ เพราะถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขของตัววิชชาหรือว่าเงื่อนไขของท่านผู้สอน ก็จะไม่สามารถผ่านการเรียนการสอนไปได้ นั่นเองครับ

    เหมือนๆกับว่าเป็นการสอบวัดผล จากท่านผู้สอนยังไง ยังงั้นเลยนะครับ

    สำหรับเรื่องการวางกำลังใจ ก่อนอื่นเลย ถ้าเจอกับการเรียนการสอนแบบนี้ ก็ต้องกำหนดจิต กำหนดใจ ขอขมาลาโทษจากครูเสียก่อน (ส่วนมากครูทางภพภูมิท่านก็ไม่ติดใจเอาความหรอกครับ แต่ก็ต้องขอขมากันเพราะว่าเราเป็นศิษย์ ก็ต้องให้ความเคารพครูบาอาจารย์) จากนั้นก็ทำใจให้สบายๆ จะได้แสดงศักยภาพของตัวเราได้อย่างเต็มที่

    ถ้าจะถามว่าเวลาลองวิชากับครู ได้ใส่กำลังลงไปแค่ไหน ตอบได้ว่า หากมีกำลังอยู่เท่าไหร่ ก็ต้องใส่ลงไปให้หมดทั้งตัวนั่นล่ะครับ เหตุผลเป็นเพราะว่า ถ้าหากอยู่ต่อหน้า ผู้ที่มีกำลังเหนือกว่าเรามากๆ นั้น การที่จะมาออมกำลังหรือยั้งๆ กำลังไว้ ท่านผู้สอนที่มีกำลังสูงๆ จะไม่รู้สึกรับรู้อะไร เนื่องจากระดับของกำลังต่างกันมากเกินไปนั่นเอง ดังนั้น เรามีกำลังอยู่เท่าไหร่ ต้องใส่ไปให้เต็มที่ครับ (ใครมีกำลังมากหรือน้อยเท่าใด ดูได้จากเส้นสายพลังงาน ก็รู้กันแล้วครับ ว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเรา ท่านมีกำลังเหนือกว่าเรามากมายเพียงใด)

    เมื่อลงไม้ลงมือกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็จะเป็นการปรับแก้ไขข้อผิดพลาดกันต่อไป ตามความพอใจของผู้สอน ที่จะแนะนำกันต่อไป จากนั้น ก็ได้เวลาที่เราจะต้องนำความรู้ที่ได้มา ไปทำการทบทวนด้วยตัวเองต่อไปครับ

    หลักๆ ก็จะเป็นประมาณนี้ครับ สำหรับเรื่องประสบการณ์โลดโผนพิสดารอย่างนี้ ปกติจะไม่ได้นำมาเขียนให้อ่านกัน เพราะผมถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะตัว ที่ไม่ได้มีสาระประโยชน์อะไรกับท่านสมาชิกทั้งหลาย ดังนั้น โดยมากแล้ว คุณ อีวานอฟ คงจะสังเกตได้ว่า เรื่องที่ผมนำมาคุยกับท่านสมาชิก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการปฏิบัติทั่วๆไป ที่พิจารณาแล้วว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับท่านสมาชิกทั้งหลายมากกว่าครับ

    ส่วนเรื่องการคุยแนวๆประสบการณ์โลดโผนพิสดาร ที่ไม่อยากเอามาคุย อีกอย่างก็เพราะว่าเดี๋ยวจะถูกทางทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด โดยเฉพาะผู้ดูแลเว็บบอร์ด อย่างเช่น คุณครูติงติง และผู้ดูแลเว็บบอร์ดท่านอื่นๆ ท่านจะทำการ “แบน” เอาได้ เนื่องจากเป็นการทำให้บอร์ดเละเทอะ ไร้สาระ โดยไม่มีเหตุอันควร

    สำหรับคุณ อีวานอฟ หากสนใจเรื่องประสบการณ์โลดโผนพิสดารอย่างนี้ และอยากจะคุยต่อ ก็ขอเชิญคุยกันทาง PM จะสะดวกมากกว่านะครับ และก็จะไม่เป็นการรบกวนพื้นที่ในกระทู้ของคุณ Supop เขาด้วยครับ ซึ่งตรงนี้ ผมเอง ก็รู้สึกเกรงใจคุณ Supop อย่างมากอยู่แล้ว ซึ่งผมต้องขออภัยต่อทางคุณ Supop มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

    ขอเรียนชี้แจงข้อสงสัยต่อ คุณ อีวานอฟ เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ขอขอบพระคุณครับ
     
  19. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    เรียนคุณ อีวานอฟ

    กรุณาเช็ค PM ด้วยนะครับ ผมตอบเรื่องการเดินกำลังของเตโชธาตุ ให้ตามที่คุณ อีวานอฟ ได้ PM มาถามแล้วนะครับ ประเด็นหลักๆ ที่วิเคราะห์จากที่เล่ามา เห็นว่า คุณ อีวานอฟ ทำการหนุนธาตุ ยังไม่ถูกต้อง จึงควบคุมกำลังของเตโชธาตุ ไม่ได้ดังใจ ผมทำการปรับแก้อักขระและคำบริกรรมให้ใหม่แล้ว จากประสบการณ์ ใช้อย่างนี้ จะควบคุมกำลังของเตโชธาตุได้สะดวกมากกว่านะครับ ซึ่งได้ทำการแจ้งรายละเอียดต่างๆ ทั้งวิธีการปฏิบัติและการวางกำลังใจและเทคนิคที่จำเป็นอื่นๆ โดยละเอียดให้กับทางคุณ อีวานอฟ ทาง PM เรียบร้อยแล้วนะครับ โปรดทำการศึกษาได้จากข้อความใน PM โดยตรงได้เลยครับ

    ถ้าหากยังมีประเด็นอื่นใดอีก ขอเรียนเชิญได้ทาง PM ตลอดเวลานะครับ ขอขอบพระคุณครับ
     
  20. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ขอขอบคุณ คุณพรตพเนจร เป็นอย่างยิ่งครับ ที่ได้กรุณากล่าวตักเตือนไว้ และจะได้นำคำเตือนของคุณพรตพเนจร ไว้คอยระวังในการฝึกต่อไปครับ

    ปล.เวลาจะกล่าวว่าผู้ใดมีความรู้ ความสามารถสูงนั้น ขอความกรุณา คุณพรตพเนจร ช่วยยกเว้นผมไว้สักคนเถอะครับ อย่าเพิ่งเอาชื่อของผมไปอยู่ในระดับเดียวกับท่านๆ ที่มีความรู้ ความสามารถสูง ท่านอื่นๆ เลยครับ เพราะตระหนักดีว่า ตัวผมนั้น ยังเป็นผู้รู้น้อย ด้อยปัญญา การปฏิบัติก็ยังไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราวใดๆ เรียกว่ายังเป็นแค่ "หางอึ่ง" เท่านั้นเองครับ

    ขอขอบพระคุณในความกรุณาของคุณพรตพเนจร ที่่ได้ให้ความอนุเคราะห์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...