กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    อุตส่าห์เขียนตั้งเยอะ..เออเร่อซะงั้น

    หมุนซ้าย..หมุนขวา ให้ผลต่างกัน

    การเดินปราณ เดินกำลังจิตตามทางศาสตร์แห่ง เครื่องหมายสวัสดิกะ ..

    เดินวงจรหมุนทวนเข็มนาฬิกา=เผาผี สู่ภพภูมิ ล้างอาถรรพ์

    เดินวงจรหมุนขวาตามเข็ม = บวชพระเข้าโบสถ์ สู่สันติธรรม เจริญจิตวิญญาณ

    อิตเลอร์ นาซี เดินทางไหน....ที่พระพักต์องค์ยูไล คนจีนหมุนทางไหน?

    โค๊ดรหัสในโลก ในจักรวาลบางอย่าง..ต้องหัดสังเกตุ

    ...จะได้ง่าย...ได้ยาก กลายเป็นสัญญลักาณ์ของจอมมาร, โพธิสัตย์ ได้เปรียบทางการพัฒนาธาตุวิญญาณ...
    เขามีสัญลักษณ์ทีพึงศึกษา

    หากเดินสวนทางวงจรจักรวาล..ใช่ว่าไม่สำเร็จ
    แต่อาจล้าช้า..เหนื่อยล้ายาวนาน อ่อนแรง จนยอมถอดใจในที่สุด

    เผลอไผล...กลายเป็นจอมมารซะเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2014
  2. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ถ้านิมิตควบคุมการหมุนได้ แล้วจักระที่เห็นว่าเปิดออกนี่ควบคุมการหมุนในแบบต่างๆ ได้ไหมครับ?

    เรื่องนิมิตลม ถ้ายังไม่มั่นใจ อย่าเพิ่งไปยุ่ง อย่างนี้ดีแล้วครับ เอาเรื่องน้ำให้สุดซอยก่อน แต่ถ้าความเห็นผม ผมว่ากำลังของคุณได้แล้ว เนื่องจากว่านิมิตทั้ง 10 อย่าง ปรากฏมาหมดแล้ว ติดอยู่ที่วิธีใช้เท่านั้นเอง เพราะอย่างนี้ ผมถึงเล่าเรื่องตามความเห็นที่ 88 ในหน้า 5 ให้คุณได้อ่าน แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ ก็ค่อยๆไป เอาแบบช้าแต่ชัวร์ ดีที่สุดครับ

    อย่างไรก็ตาม คุณมีการสังเกตอาการได้ดีครับ ถ้าจะลองดูจากอาการที่เล่ามาในครั้งล่าสุดนี้ ที่เล่าว่าอาการนี้จะเกิดก็ต่อเมื่อส่งจิตออกนอกไปอยู่กับนิมิตร

    ถ้ามองกันเฉพาะตรงจุดนี้ อาจพอจะทำให้กำหนดวงได้แคบเข้ามาอีก ไม่ทราบว่าในการปฏิบัติ กำหนดระยะห่างของจิตที่ใช้ควบคุมนิมิตนั้น ไว้แค่ไหนครับ? หรือว่าให้จิตไปอยู่กับนิมิตที่เดียวกันเลย?

    ถามเป็นข้อมูลไว้ก่อน เผื่อมีท่านผู้รู้มาช่วยไขข้อข้องใจกันต่อไปครับ
     
  3. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    นั่นสิครับคุณ ท่านจึงว่าไว้ว่าต้องมีสติกำกับในทุกขั้นตอน ให้รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็ต้องขึ้นกับวัตถุประสงค์ของปัจเจกบุคคล ที่จะเลือกหนทางเดินของตัวเอง ว่าจะไปทางใด
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    คุณพี่ raming2555 พอจะเข้าใจอาการตรงลิ้นปี่อยู่บ้างครับ..
    คือลักษณะมันจะไม่ใช่การหมุน
    และหลักสังเกตุอื่นๆที่คุณพี่เห็นก็ถูกแล้วครับ
    และถ้าลองสังเกตุจากภายนอก
    มันจะเหมือนว่าภายหลังเนื้อเราตรงลิ้นปี่มันบุ๋มๆเป็น
    รูปขันที่มีก้นไม่ลึกเท่าไร.และมันก็เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยง
    ลงตามแนวของร่างกายเราด้วยครับ..

    คืองี้ครับ.โดยทั่วไปแล้วเรื่องเทคนิคเรื่องอะไร
    สำหรับคุณพี่แล้วไม่น่าห่วง.แต่คุณพี่อาจจะลืม
    ไปอย่างหนึ่งนะครับว่า..กำลังสมาธิสะสมเพื่อ
    ใช้งานของคุณพี่ มันไม่เหมือนๆกับฆารวาส
    ที่ฝึกทั่วๆไปนะครับ..ลักษณะกำลังใช้งาน
    ของคุณพี่ มันระดับน้องๆเกจิอาจารย์เลยนะครับ..
    ซึ่งผลของการใช้งานได้มันจะค่อนข้างมีผลกระทบ
    กับภายนอกค่อนข้างชัดเจนมากครับ..
    ครูบาร์อาจารย์ให้คุณพี่ ฝึกมาได้อย่างนี้ก็ถือว่า
    ดีมากแล้วครับ.แต่การจะผ่านตรงจุดนี้ไปได้นั้น
    ยังไงๆก็ต้องผ่านเรื่องการใช้ฤิทธิ์ของตนเองก่อน
    อย่างที่คุณพี่จะหลีกเหลี่ยงตรงจุดนี้ไม่ได้ถ้าหาก
    ว่าอยากผ่านตรงจุดนี้ไปนะครับ
    พวกนี้จะรวมถึงความฉลาดในการเลือกใช้ร่วมด้วยครับ.
    ต้องนี้อาจต้องหลายครั้งด้วย และจนสุดท้าย
    ทางภพภูมิเห็นว่า เราใช้งานในแบบที่มีเมตตา
    และผ่านการรู้จักการนำไปใช้เป็นปลายทางครับ
    .
    และที่สำคัญที่ละเลยไม่ได้ก็คือ ต้องสร้างเมตตาที่ออก
    จากตัวจิตเราจริงๆให้ได้ก่อนด้วยครับ.คือเมตตา
    แบบที่ไม่มีแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ไม่มีเลือกข้าง
    และสร้างพันธ์มิตรทางภพภูมิพวกที่มีฤิทธิ
    เอาไว้เป็นเพื่อนให้ได้ด้วยครับ...
    อาการที่เป็นอยู่ถ้าฝึกต่อไป
    มันถึงจะหายครับ..

    หลักสังเกตุเมตตาที่ออกจากจิตเราก็คือ
    ถ้าเราไปใกล้กับพระพุทธรูป..จะสัมผัส
    ถึงกระแสที่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าพุง
    ออกจากหน้าอกเราเชื่อมกับท่าน
    เพียงแต่เราจะไม่เห็นตำแหน่งที่เชื่อมกับ
    ท่านซึ่งเป็นเรื่องปกติแต่จะเห็นเส้นสายพวกนี้
    แบบเป็นแผ่นคลื่นดูใสๆวิ่งออกจากหน้าอกเราชัดเจนครับ

    ประมาณนี้ครับ
    .
     
  5. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ตามที่อยากจะให้ฟังความเห็นของคุณ nopphakan ก่อน ก็เพราะว่า คุณ nopphakan เป็นผู้ให้การแนะนำกับคุณ raming2555 มาตั้งแต่ต้น เมื่อ คุณ nopphakan มาให้ความเห็นประกอบไว้แล้ว ก็ต้องขอขอบคุณ คุณ nopphakan ที่สละเวลามาให้ความเห็น แม้ว่าจะเป็นเวลาดึกดื่นแล้วก็ตาม

    เมื่อฟังความเห็นของคุณ nopphakan แล้ว ผมก็จะขอเสริม ในบางส่วน ต่อเนื่องกันไปนะครับ

    ในประเด็นของคุณ raming2555 นั้น จัดว่า มีข้อกำหนดจากครูบาอาจารย์ ค่อนข้างมาก ซึ่งครูบาอาจารย์ ย่อมจะมีเหตุผลของท่าน ที่กำหนดมาไว้อย่างนี้ เรื่องอย่างนี้ อย่าไปพยายามฝืนครับ

    นั่นคือ ขอให้ “เคลียร์” ตัวเองให้ได้ก่อน ทั้งในส่วนของครูบาอาจารย์ที่มีขันธ์ 5 และครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้เป็นสำคัญนะครับ

    โดยเฉพาะเรื่องของการฆ่าคน จะทำได้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ว่า เมื่อได้มีการฝึกกรรมฐานแล้ว การฝึกอบรมใจดังกล่าว จะช่วยให้มีความยับยั้ง ชั่งใจ มีสติ รู้ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ นั่นเอง

    ลองพิจารณาดูว่า นักดาบฝีมือดี ในพริบตาหนึ่ง จะสามารถฆ่าคนได้สักกี่คน? ประมาณว่าเต็มที่ ให้ฆ่าได้สัก 10-20 คน ประมาณคร่าวๆ

    แต่ถ้าเป็นผู้มีวิชชาพิเศษ ประมาณการว่า ในพริบตาหนึ่ง การฆ่าคน ย่อมต้องทำได้มากมายกว่านั้น เป็นหลายๆเท่า

    ดังนั้น จึงจำเป็นอยู่เอง ที่ครูบาอาจารย์ จะต้องพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องของการถ่ายทอดวิชชา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในสังคม เรียกว่า ในตัววิชชาเอง ก็จะมีการ “คัดเลือก” ผู้เรียนอยู่เหมือนกัน

    แม้แต่ในวิชาเดินธาตุ ที่คุณถามถึง นั้น ผมมั่นใจว่า ในขณะนี้ ก็ยังมีผู้รู้ในวิชาเดินธาตุ อยู่มาก แต่ที่ความรู้ด้านนี้ ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ เรื่องของ ตัววิชชา เอง ที่มีการ “คัดเลือก” ผู้เรียนอยู่เหมือนกัน ซึ่งบรรยากาศการเรียนการสอน ก็เป็นอย่างที่ ผมได้เล่าไว้ให้ “ครูติง” อ่าน ในความเห็นที่ 121 หน้าที่ 7 นั่นเอง ซึ่งก็มีอยู่มาก ที่ความรู้บางอย่างในวิชชานี้ ได้ตายไปกับผู้ครอบครอง โดยที่ไม่มีการสืบทอด ทำให้น่าเสียดาย ที่ความรู้บางอย่าง ต้องหายสาบสูญไป

    สำหรับคุณ raming2555 คุณเป็นคนเก่ง และที่สำคัญเป็นคนไม่ยอมใคร ตรงนี้ผมถึงบอกว่า ผมชื่นชมในความตั้งใจในการฝึกวิชชาของคุณ และก็อยากจะคุยด้วยนะครับ

    ซึ่งเรื่องที่คุณถาม สำหรับผมแล้ว ยินดีตอบให้ทราบครับ เพราะในความเห็นของผม มองว่าวิชชานี้ เป็นวิชชาที่ดีและมีประโยชน์ สมควรที่จะเผยแพร่กันโดยทั่วไป แต่ก็นั่นล่ะ การเอามาเล่าในพื้นที่สาธารณะ ผมก็เล่าได้เฉพาะเรื่องราวที่เป็นทั่วไปเท่านั้น แต่ในส่วนที่ลึกซึ้ง ลงไปแล้ว ก็คงจะต้องขอยกเอาไว้ เนื่องจาก ก็ต้องระวังรักษาสัจจะ ตามข้อกำหนด ที่ให้ไว้กับครูบาอาจารย์ที่มีขันธ์ 5 และครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชชาให้ เป็นสำคัญเหมือนกัน นะครับ

    ประเด็นสำคัญ เรื่องเดียว ที่คุยกันวันนี้ คือ การ “เคลียร์ประเด็น” ของครูบาอาจารย์ เสียก่อน ก็ขอฝากไว้เพื่อพิจารณาต่อไปครับ
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,556
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    จากหัวข้อกระทู้ "กสิณอะไรฝึกง่ายที่สุดหนอ?"


    ขอตอบว่า....ที่เคยง่ายสำหรับใคร ปัจจุบันอาจไม่ง่ายแล้ว

    เพราะ ให้ความอยาก ที่เกินพอดี นำหน้าจิตใจ มากเกินไป
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,556
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,034
    ค่าพลัง:
    +70,092
    ปรับระดับความอยาก ให้พอดี จะพลิกอกุศลธรรมเป็นกุศลธรรม เป็นระดับความยินดีที่จะกระทำด้วยใจเป็นสุข คือ เป็นฉันทะ


    สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ให้มีแรงต่อเนื่องของ ความพอใจทำด้วยปิติสุขในการกระทำแต่ละครั้งต่อเนื่องกัน
    แม้มีอุปสรรคต่อต้านขัดขวาง แรงส่งของปิติสุขที่ได้กระทำ จะผลักดันให้กระทำต่อไป ฝ่าฝันไป ไม่เลิกละ
    นี้เรียกว่า วิริยะ


    จิต จดจ่อในสิ่งที่ถูกกำหนด อย่างต่อเนื่อง
    คล้ายเส้นไข่ปลา ยิ่งถี่ขึ้น ก็ยิ่งใกล้กับความเป็นเส้นตรง เช่นนั้น
    เรียกว่า จิตตะ


    อาศัยปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ สุขุมรอบคอบ ว่าจะอาศัยและเจริญเหตุใด แล้วการกำหนดองค์กสินจะก้าวหน้า ละเหตุใดการกำหนดองค์กสิณจะก้าวหน้า
    เรียกว่า วิมังสา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 สิงหาคม 2014
  8. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    ขอยกมืออนุญาต..ท่านประธานที่เคารพ กระผมถูกกล่าวพาดพิงถึง

    ขอใช้สิทธิอันชอบธรรมชี้แจงต่อ ธารกำนันครับ

    ข้อแรก...บันทัดแรก...
    ขอบคุณป๋า toplus99 ที่ทักท้วงเอาไว้ครับ เป็นประเด็นที่น่าคิดทีเดียว

    ผมไม่ได้ทักท้วงครับ.. บ่นขึ้นมาลอยๆ ตามประสา ที่ผมลองตั้งข้อสังเกตุดูอะไรบางอย่างแค่นั้นเอง..ว่ามันมีเหตผลสอดคล้องกัน..

    แม้กระทั่งสีประจำจักระทั้ง 7 ในร่างกายคนเรา มันให้พลังงานสอดคล้องกับจิตใจคนเรา
    สีไฟจราจร สีแดง = หยุด (หงุดหงิด รีบเร่ง)
    เหลือง = เตรียมหยุด (การตระเตรียม เข้าสู่อีกสภาวะ)
    เขียว = ไปได้ (ใจดี สดใส)

    เคยลองๆ เอาคืบนิ้วชี้กับหัวแม่มือของเราเองถ่างออกจนสุด แล้วค่อยขยับไต่คืบขึ้นลงจนครบ7 คืบ จากจุดจักระบนสุด กระดื๊บลงยันล่าง แต่ละจุดของคืบนิ้ว ก็ตรงหรือใกล้เคียงกับแต่ละจุดจักระในร่างกายพอดีซะด้วย..เออแปลกดี!!

    =====
    เรื่องแผ่เมตตานั้น ผมอาจจะทำต่างไปสักหน่อยคือแผ่ออกไปจากจิตเราทั้ง360องศาเหมือนทรงกลมสีขาวสว่างจ้าออกไปในทุกทิศทุกทาง แผ่ไปยังทุกภพภูมิสุดนิพพาน ล่างสุดไปถึงหลุมดำของป๋า Toplus99

    ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงข้อที่ 2
    หลุมดำ...ไม่ใช่ของผม มันมีมาเนิ่นนานแล้ว แต่ผีถุงก๋วยเตี๋ยวหนะ..ใช่
    เรื่องการแผ่เมตตา ครั้งหนึ่งทราบข่าวว่าพระอาจารย์ท่านป่วย จนต้องนอนหยอดให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล นึกสงสารท่าน คืนนั่นเลยทำสมาธิแล้วแผ่เมตตา ส่งพลังใจเพื่อช่วยรักษาท่านนานร่วม 2 ชั่วโมง พอเช้ามาลุกขึ้นแทบไม่ไหว แข้งขา มือไม้อ่อนเปลี้ย เพลีย จิตใจหวิวๆเหมือนจะเป็นลม แทบหมดแรงเดินทั้งวัน

    สอบถามพระอาจารย์ท่านว่า"..เพราะการแผ่เมตตาแบบนี้เป็นโทษ
    1.เจือด้วยกิเลสใช้จิตมุ่งมั่นไปในทิศทางใดทางหนึ่ง แม้เพื่อรักษาผู้อื่นด้วยปารถนาดีก็ตาม
    2. มีการใช้พลังจิตมาก เกินฐานกำลังที่ตนเองมีอยู่
    3. เจริญสมาธิไม่ครบซึ่งองค์ฌาน 4 จึงขาดกำลังรักษาสมดุลย์ธาตุในร่างกาย จึงเกิดผลคล้ายกับในหนังเรื่องเดอะ แสกนเนอร์ ที่ใช้พลังจิตสู้กันจนเลือดความดัน พุ่งออกปาก ออกจมูก

    สรุปคือแผ่เมตตาผิดรูปแบบ กลายเป็นเพ่งกระแสจิตแบบมีเงื่อนไข จนกลายเป็นโทษแทน
    ==================
    เดิมผมสงสัยว่าอาการเจ็บอกเหมือนโดนเข่าลอยของป๋า Toplus99 กระแทกใส่นี้

    ใช้สิทธิชี้แจงในกรณีถูกพาดพิงถึง ครั้งที่3

    "ผมถูกใส่ร้าย...ผมถูกใส่ร้าย..ชะ ชะ ช่า ...."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2014
  9. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ ส่งการบ้านค่ะ อาการแรกของดิฉันนี่คล้ายๆของท่านระมิงค์แต่ไม่ใช่เพราะดิฉันฝึกถึงตรงนั้นแบบท่านระมิงค์นะคะ เพราะแม้แต่ดวงกสิณดิฉันยังตั้งให้สว่างและนานๆไม่ได้เลยค่ะ แต่ อาการของดิฉันคือพอนั่งกำหนดดวงกสิณที่มีความชัดบ้าง หายไปและกลับมาใหม่บ้างโดยที่ยังนั่งอยู่และทำต่อเนื่อง จิตสบายเบากำลังจะไปต่อก็เกิดเวทนาดิฉันอยากไปต่อเลยไม่สนใจโดยจิตก็อยู่ที่จักกระที่ ๖ เหมือนเดิม แต่จู่ๆ ก็เกิดอาการร้อนจี๊ดขึ้นมาในอก จะเรียกว่าจุกก็ไม่ใช่ เสียดก็ไม่เชิงเหมือนลูกไฟก้อนหนึ่ง จี๊ดจนต้องออกจากการฝึก อาการนี้บางครั้งไม่ได้นั่งสมาบางทีก็เป็นค่ะ ใช่จิตที่เป็นอกุศลประมาณนั้นหรือเปล่าคะ มันแน่นร้อนไปหมด

    ส่วนเมื่อกี้ดิฉันทำการฝึก คืนนี้จักระที่ ๖ ขยายและขยับขึ้นไปถึงไรผมด้านบนมีอาการเหมือนโดนเข็มทิ่มจิ้มๆๆอยู่ แสบๆเหมือนกันค่ะ เกิดจากอะไรคะนี่เป็นครั้งแรกค่ะที่มีอาการแบบนี้ ส่วนพลังงานที่สัมผัสได้ในคืนนี้มาทางขมับด้านขวาค่ะ

    ส่วนการสวดมนต์แผ่เมตตานั้นดิฉันไม่เห็นแสงพุ่งออกมาจากองค์พระ ไม่เห็นเป็นเหมือนก้อนลมที่ท่านระมิงค์ว่า นึกแล้วก็น่าน้อยใจที่ตายังไม่ค่อยดีเหมือนท่านอื่นๆ จะมีก็แต่เส้นสายเต็มไปหมด พูดแล้วก็ให้คิดขึ้นมาได้ อ้อ .. สงสัยเราจะเด็กเส้นน่ะ ไม่ใช่เด็กเส้นจะเห็นได้ไงใช่ไหมคะท่านระมิงค์ ฮี่ๆๆๆๆ ...

    อ้อ คุณนพคะ การถ่ายเทพลังงานดิฉันไม่เห็นเส้นของลักษณะที่เป็นหัวหอมวิ่งออกมาจากนิ้วทั้งสิบ แต่มีอาการตุ๊บๆๆ ออกมาจากนิ้วแทน แบบนี้พอไหวใช่ไหมคะ แล้วการที่เราจะมาสร้างกำลังจิตโดยการถ่ายเทพลังออกทางหน้าผากเลยนี่ก็ใช้วิธีเดียวกันหรือเปล่าคะ คือดิฉันจะลองกำหนดถ่ายเทออกทางหน้าผากแทนกลางกะโหลกศรีษะเวลาที่ไปรับกระแสพลังงานที่ไม่ดีที่มาจากทางขมับซ้ายเหนือใบหูน่ะค่ะ เพราะเวลาที่รับได้นี่มาแบบรุนแรงเลย แต่ก็ยังไม่ลองทำนะคะ มาถามคุณนพก่อนค่ะ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013

    ตอบ นั่นหละครับคือใช่ครับ..หัวหอม แบบเข็มจิ๊ดๆ ร้อนตึงแล้วมีไอ เป็นเส้นสาย

    คล้ายควัน เป็นเส้นสายใสๆ ถือว่าดีเหมือนกันทั้งหมด. ส่วนการถ่ายออกที่หน้า
    ฝากให้ใช้การกำหนดครับ..แต่ควรจะทำหลังจากที่จิตเคยชินจากการถ่าย
    ออกตามนิ้ว ตามร่างกาย ด้วยการยืนบนหญ้าด้วยเท้าเปล่าก่อนจนคล่องครับ..
    ปล.อีก ๒ วันถึงจะพอว่างครับ..
     
  11. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..การทำกรรมฐานท่านให้เลือกเอา ทำอันไหนแบบไหนคำภาวนาแบบไหน ทำแล้วเป็นที่สบายแก่จิตใจไม่ติดขัดคับข้องใจก้อให้ถืออันนั้นเป็นที่ถูกจริต..

    ..หากทำแล้วหรือทำมาตั้งนานแล้วยังหาความสงบใจไม่ได้เลย ก้อต้องเอะใจคิดพิจารณากันใหม่ว่ามันเป็นเพราะอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหนมีเรื่องอะไรให้วิตกกังวล ก้อจะได้แก้ไขไตร่ตรองดูตนเอง ตนเองเป็นผู้ทำย่อมรู้ตนเอง..
     
  12. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..หากหวังจะทำจิตใจสมาธิของตนให้เข้มข้นมั่นคง ก้อจะต้องเติมพลังใจด้วยการรักษากาย วาจา ใจ ของตนเองให้ปกติอย่าหาเรื่องอะไรมาทำให้จิตใจวุ่นวาย งานการบุญกุศลอันใดก้อขวนขวายเพิ่มเติมมาใส่จิตใจสะสมไว้ จะช่วยส่งเสริมให้ทำสมาธิได้ดี..

    ..คนเราอุปนิสัยการสั่งสมมาแตกต่างกันแม้แต่ธาตุขันธ์ร่างกายก้อไม่เหมือนกัน จะเลือกกินข้าวกินน้ำ เราก้อยังเลือกข้าวน้ำที่เหมาะกับร่างกายถูกปากกินเข้าไปแล้วไม่เป็นโทษกับร่างกาย การกรรมฐานก้อเหมือนกัน เราก้อต้องเฟ้นหาออกมาให้เป็นที่สบาย ทำไปแล้วไม่สงบอึดอัดใจก้อต้องพิจารณาแก้ไขกันใหม่..
     
  13. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..ก่อนจะเข้านอนตั้งใจไว้ว่าจะทำกรรมฐานภาวนาให้นานหน่อย ก้อเว้นจากการสื่อสารต่างๆ เสีย แล้วก้ออย่าไปกินมื้อเย็นให้อิ่มเยอะ เอาแค่พอจะอิ่ม หรือเว้นไปเลยก้อจะดีมาก มันจะง่วงยากสัปหงกน้อยขี้เกียจน้อย ไม่อืดอาด..

    แผ่เมตตาไปกว้างๆ เจือเมตตาไปในกรรมฐานด้วย จะช่วยให้ง่ายต่อการทำภาวนา
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ มีจักระแถวๆคางหรือเปล่าคะ หรือว่าเป็นพลังงานภายนอกกันแน่ อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ แต่ก็เพิ่งสัมผัสได้
    และกลางหลังค่ะ มีเสียวๆกลัวจะล้มหมอนนอนเสื่อเหมือนคราวที่แล้ว เลยรีบแผ่ทันที แต่ก็ไม่มีอะไร ดิฉันจะเสียวๆตรงที่เดิมหรือด้านหลังค่ะเพราะมันย่ำแย่มาก พอมีอะไรแถวด้านหลังนิดๆหน่อยๆก็จะกลัวๆเกรงๆแล้วค่ะ ขยาดไปเลยค่ะ. แต่คืนนี้ไม่มีอะไร ตรงด้านหลังตรงกลางนี้สองครั้งแล้วค่ะ แต่คนละคืนกัน
    อ้อ ตรงหน้าอกร้อนอีกแล้วค่ะ เมื่อเช้าไปถ่ายเทพลังมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ตอนบ่ายจนถึงตอนนั่งฝึกก็สัมผัสโน่น นั่น นี่ บ่อยๆ คำถามคือแทนที่มันจะน้อยลงทำไมมันมากขึ้นหรือบ่อยกว่าเดิม ดิฉันต้องแผ่อีกหลายรอบในเวลาไล่เลี่ยกัน
    คือเราจะเอารอบเดียวจบไม่ได้เหรอคะ เอ หรือว่ามากันคนละที่คนละเวลา คนละพวก ...
    มีแบบนี้ด้วยเหรอคะ คือตั้งแต่เท้า แขนด้านซ้าย หูซ้าย แล้วก็ด้านขวา ... ประมาณนี้ค่ะ
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    อืมมมม...ถามได้ถูกตรงวันพอดีเลยนะครับ..พึ่งสดวกพอดี.๕๕
    จะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ..อาการที่เป็นอยู่นี้
    เป็นกิริยาก่อนที่จักระจะเข้าสู่การสร้างสภาวะวงรอบการหมุนที่สมบูรณ์ได้ครับ
    ถือว่ามาดีและเป็นปกติครับ.ที่รู้สึกได้อย่างนี้เพราะว่าสัมผัสมันดีขึ้นครับ
    โดยปกติก่อนที่เราจะจัดระเบียบพลังงานหรือคลื่นจักระพวกนี้ได้
    เราจะต้องมีวงรอบการหมุนของจักระที่มันสมบูรณ์ก่อนเป็นปกติครับ

    .ไอ้ที่หมุนๆที่คางสังเกตุดีๆนะครับ.มันจะพยายาม
    เหวี่ยงไหลๆลงมาตาลำคอ ซึ่งต่อไปมันจะผ่านตรงต่ำแหน่งลูกกระเดือก(เทียบ
    กับชายให้พอเป็นหลักสังเกตุไม่ได้บอกว่ามีลูกกระเดือกนะครับ ๕๕๕๕)
    และ
    สุดท้ายมันจะมาหยุดตรงต่ำแหน่งคอด้านล่างหรือบนของซี่โครงด้านหน้า
    ที่ต่ำกว่าลูกกระเดือกลงมาประมาณ ๑ นิ้วครับ..คือตรงนี้ต่อไปนอกจาก
    ใช้กำหนดเพื่อให้นอนหลับได้ มันจะเป็นต่ำแหน่งที่ใช้ฝึกส่งพลังงาน
    ในรูปแบบแท่งปริซึม.ที่มีฐานมาจากร่างกายส่วนหลังบางจุดได้(เด่วไว้เล่าให้ฟังในอนาคตครับ)

    เพราะตรงต่ำแหน่งนี้ถ้าเราทำได้ เราจะสามารถเป่าพรวดอะไรบางอย่างในอนาคต
    ที่ดีๆที่สามารถช่วยเหลือคนได้
    ผ่านอากาศไปยังปลายทางได้.ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ปกติจะต้องทำได้
    ตรงนี้ส่วนตัวเรียกว่าการฝึก หนุนเพื่อส่งพลังงานในอนาคตครับ
    .โดยที่เราไม่ต้องไปส่งทางศรีษะเหมือนทั่วๆไป.
    เพราะทางศรีษะ.หากว่าจิตไม่มีกำลังมากพอ(ถ้าฝึกกสิณไม่ถึงขั้นดึงพลังงาน
    ได้หรือไม่มีพันธ์มิตรทางภพภูมิช่วยหนุนแล้ว
    หรือมีกำลังสมาธิสะสมที่ดีมาก่อน หรือมีครูบาร์อาจารย์คอยหนุนหลัง)
    .
    .มันจะสุ่มเสี่ยงกับการโดยย้อนคืนและการเกาะกับมาติด
    กับร่างกายเราได้.

    เช่นยกตัวอย่าง กรณีพวกไปเคลียร์พลังงานให้คนอื่นๆที่ชอบ
    ส่งและเชื่อมทางนี้ แล้วไปช่วยคนที่เคยทำแท้งมา โอกาสที่วิญญาน
    เด็กจะมาเกาะร่างกายคนที่ช่วยคืนสูงครับ และที่สำคัญตัวเองจะ
    ไม่สามารถเอาออกได้ง่ายด้วยครับ เผลอๆเอาออกไม่ได้
    และถ้าปล่อยไว้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นขอโรคบางอย่างที่จะ
    เกิดกับร่างกายเราด้วยครับ..ส่วนตัวพึ่งเจอ
    เคสนี้มาสดร้อนๆนี่เองครับ เลยเล่าๆให้ฟังก่อน.

    หรือกรณีที่ชอบไปลองของแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ
    ก็จะโดนพันธ์มิตรเค้าส้อยเราคืน
    ทางช่องนี้หละครับ..

    ส่วนตอนนี้ที่ให้ลองสังเกตุดูเพิ่มเติมคือ ถ้ายืนขึ้น จะรู้สึกว่าบริเวณมือทั้งสองข้าง
    จะมีลมมาหมุนรอบๆได้เด่นชัดซึ่งมันจะหน่วงๆมาจนทำให้เรารู้สึกว่าแขนของเรา
    มันคล้ายๆหมุนได้ โดยภาพรวมๆเหมือนเราทำไมตัวเซๆหน่อย
    รวมทั้งหมุนบริเวณรอบหน่องทั้ง ๒ ข้าง และการหมุน
    บริเวณหลังจะหมุนพร้อมกับที่หน้าฝากตรงบริเวณไรผม
    และแอบมีหมุนๆที่ท้องด้วยเล็กน้อยแบบขยายเต็มท้อง
    ส่วนอาการร้อนที่ผิวบริเวณหน้าอกจะร้อนพร้อมกับหลังช่วงล่าง
    ซึ่งการร้อนที่ผิวในลักษณะนี้ถือว่าเป็นปกติ ให้เราขยันถ่ายพลังงาน
    ออกบ่อยๆและพอปล่อยให้มันหมุนตามกิริยาของจักระต่อไป ก็จะมีจักระที่หมุน
    เพิ่มเติ่มได้คือตรงจุดต่ำกว่าลูกกระเดือกนั่นหละครับ..

    พอตรงนี้ชัดเจนต่อไปจะเริ่มส่งพลังงานผ่านจุดนี้ได้ก่อน
    แบบแท่งปริซึมและต่อยอดไปเป็นเป่าพรวดในอนาคตได้ครับ..
    ต่อไป ก็ให้ฝึกสังให้ลองยืนปล่อยแขนออกด้านข้างธรรมดา
    แล้วกำหนดให้จักระหมุน แล้วสังเกตุดูว่า จะหมุนคล้ายๆ
    อาการที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้หรือไม่..ถ้าตรงนี้ทำได้
    ก็จะพัฒนาเข้าสู่สภาวะการสร้างแนวกระดูกสันหลัง
    ให้เป็นสนามแม่เหล็กได้ในขั้นต่อไปครับ.
    .
    เด่วพอผ่านจุดที่เล่าให้ฟัง..เส้นสายเราจากร่างกาย
    ก็จะเริ่มเชื่อมข้างบนได้แบบเป็นเส้นตรง นอกจากที่เชื่อม
    ผ่านกลางกระโหลกแบบ ณ ปัจจุบันนี้ เรียกว่าเชื่อมได้
    ทั้งตัวครับ..และพัฒนาเป็นความหนาแน่นของพลังงาน
    ที่มากขึ้น จนพัฒนาออกไปเป็นแสงกระจายๆรอบๆตัวได้
    อีกในอนาคต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะให้ถึงเร็วและเห็นผล
    ได้ชัด ทางลัดคือ การสวดพระคาถาสายบุญฤิทธิ์
    ของท่านที่มีชื่อเสียงให้ได้อย่างน้อย ๑๐๘ จบถ้าสัมผัสดี
    จะประมาณวันที่ ๗ จะเข้าใจ..
    ก็จะเข้าถึงกิริยาที่กล่าวได้แต่ทำไมต้อง ๑๐๘ จบ
    ก็เพราะสำหรับท่านที่เรียกพลังงานกสิณ ๑๐ กอง
    ยังไม่ได้ หรือไม่เคยฝึกกสิณ หรือฝึกกสิณยังไม่ถึง
    ระดับใช้งานได้..จะสามารถเข้าถึงได้ครับ.เป็นไงหละครับ
    พระคาถาบทนี้..คงไม่ต้องบรรยายอะไรเพิ่มเติมนะครับ
    ลองคิดเอาเองครับ...

    ประมาณนี้ครับ
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    บันทึกค่ะ คืนวานนี้ดิฉันรู้สึกว่ารับเส้นสายพลังงานมาจากแขนทั้งสองข้าง ซึ่งปรกติแล้วจะรับรู้แค่ที่จมูก แต่เพิ่มมาที่แขนไม่ทราบว่าใช่หรือเปล่านะคะ ก็รู้สึกยังกับว่าตัวเองคล้ายโดนพันเหมือนมัมมี่ แต่มันเป็นเส้นๆยาวออกไปหาจุดเชื่อมที่ไหนสักแห่งประมาณนี้ค่ะ ส่วนที่หัวหรือกลางกะโหลกพลังเหมือนลงมาตรงๆเลยค่ะแต่เป็นเหมือนเข็มจิ้มๆอีกล่ะ .... แต่คืนนี้จับเส้นสายพลังงานจากแขนไม่ได้ ยังคงปรกติที่จมูกเหมือนเดิม แต่รู้สึกว่าน่องด้านซ้ายเวลาเดินเหมือนมีอะไรเกาะอยู่ไม่ค่อยแน่ใจว่าใช่จุดจักระหรือเปล่า แต่แผ่กันเหนียวตลอดค่ะ

    สวด ๑๐๘ จบ จำได้ว่าถ้าอยู่ที่ถ้ำจะสวดเกินอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยอยู่ถึง ๗ วันนะคะ พอมาถึงบ้านก็สวดเกือบทุกวัน(เว้นไม่สบายหนัก) แต่ไม่ถึง ๑๐๘ จบค่ะ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พอจะ "เข้าถึงอารมณ์หนึ่ง" ได้ แต่แค่ผิวเผินค่ะ ไปต่อไม่ได้ ติดที่ตัว "ปัญญา" ไม่มี เลยไปต่อไม่ได้ จากนั้นมันก็เริ่มถอยออกมาจนแทบจะไปอยู่ที่ ๐ แล้วค่ะ แต่พอๆจะดึงได้ อันนี้เล่าก็เหมือนไม่ได้เล่านะคะเพราะไม่ถึงที่สุด เล่าไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆขึ้นมา

    เอาเป็นว่าดิฉันจะเริ่มใหม่ค่ะคุณนพ สาธุ


    ลบๆๆๆ ….…………………………… คุณนพไม่ทันแล้วว:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2014
  17. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ถามพี่ๆนะครับ บางทีผมนั่งทำอานาปนสติ ตอนกลางคืนก่อนนอน บางครั้งสงบบ้างไม่สงบบ้าง ฟุ้งซ่านบ้างไม่ฟุ้งซ่านบ้างอยากถามพี่ว่า
    1.กรณีที่นั่งๆอยู่แล้วเกิดจิตก็คิดปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิบ้าง เช่น ปรามาสเทวดา เป็นต้น ทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการหรือมีเจตนาคิดแบบนี้เลย พอคิดขึ้นมาผมก็พยายาม ประมาณว่าเปลี่ยนเรื่องไปเป็นนึกหน้าสาวน่ารักคนหนึ่ง(นี้ผมไม่ได้กวนหรือไร้สาระนะครับ) ประมาณว่าเปลี่ยนเป็นนึกภาพสวย ๆ งาม ๆ จิตมันจะดีขึ้น บางทีจิตตัวนี้ก็หยุด พอหยุดผมก็ตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ จนบางทีลมมันก็เบาจนแทบหายไป...บางทีก็ฟุ้งขึ้นมาอีก สงบและก็ฟุ้งสลับๆกันไป

    2.การที่คิดปรามาสนี้มันเป็นบาปไหมครับ ผมจะต้องขอขมาทุกครั้งที่ถอนสมาธิหรือขอขมาในขณะนั่งสมาธิครับ

    3.ดูลมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้มันยากจริง ๆ ครับ (สงสัยผมคงนั่งได้แค่ขณิกสมาธินั่งไปอีก20ปี แน่ ๆ กว่าจะเป็นอุปจารสมาธิได้) T-T
     
  18. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ ดิฉันมีเรื่องเล่า คือเมื่อคืนน่ะค่ะหลังจากที่สวดและนั่งเสร็จ จริงๆก็ไม่เสร็จล่ะค่ะ คือดิฉันนั่งไปสักพักก็รับกระแสที่เข้ามาทางขมับซ้าย ดิฉันเลยเลิกไปเฉยๆนะคะ คิดว่าเลิกเถอะ คือไม่ชอบกระแสที่มาทางนี้เลยลุกค่ะ คิดว่าจบไปแล้วตัดกระแสดีกว่า แล้วไปนั่งพิมพ์ในข้อความข้างบนนั่นแหละค่ะ และทีนี้พอจะไปนอนมันไม่จบสิคะ พอดิฉันจะหลับตาทีนี้กระแสมาเลยค่ะ เข้าทั้งสองข้างทำเอามึนๆหัวไปเลย ดิฉันทำยังไงดีล่ะรู้ว่าไม่ได้นอนแน่ ชั่วอึดใจที่กำลังอึดอัดในหัวนั้นดิฉันก็นึกขึ้นถึงวิธีการที่คุณนพให้ไปปล่อยพลังที่บนสนามหญ้านั่นแหละค่ะ

    ดิฉันกลั้นลมหายใจและสั่งจิตให้ "เอากระแสพลังงานนี้ออกไป!" ประมาณนี้ค่ะ เท่านั้นแหละหลุดผึงเลยค่ะ ดิฉันรู้สึกได้ชัดเจน ตอนกลางวันคิดๆถึงความรู้สึกนี้ดิฉันยังตลกๆอยู่นะคะ มันหลุดยังไงล่ะ เหมือนลูกโป่งน่ะค่ะ ลองนึกถึงตอนที่เราบีบลูกโป่งไว้นะคะบีบที่จะให้มันแตกทีนี้มันไม่แตกแต่มันหลุดมือ ผลุบ ไปอีกทิศทางหนึ่งประมาณนี้ค่ะ .. พอกระแสพลังงานออกไป(ข้างซ้ายนะคะ) ก็โล่งเลยค่ะในหัวน่ะ ดิฉันเลยนอนจนถึงเช้า แต่วันนี้ไปทำงาน เมื่อเช้าเลยไม่ได้เข้ามาเล่าให้ฟังค่ะ

    แต่สิ่งที่ตามมาในหัวค่ำวันนี้คือมีอาการปวดหัวหรือหนักหัว เอ่ ไม่สิคะ มันหนักขมับซ้ายด้านเดียวค่ะ เหมือนพลังงานมันจะจ่อเข้าอยู่ตลอดเวลา ทางขวาก็มีมานะคะ แต่ทางซ้ายอาการเหมือนขมับดิฉันมันเป็นรูหรือรอยรั่วที่มีสาเหตุมาจากขับพลังงานออกเมื่อคืน ประมาณนี้ค่ะ อันนี้อ่านแล้วจะหัวเราะกันก็ไม่เป็นไรนะคะ เพราะตอนนี้ก็รู้สึกอยู่อย่างนั้นค่ะ จะเป็นไรไหมคะเนี่ย หรือถ้าไม่ใช่ขอคุณนพอธิบายให้หน่อยค่ะ แต่อาการหลุดผึงเมื่อคืนดิฉันจำได้แม่นเลยค่ะ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2014
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    อาการที่ถ่ายพลังงานได้แบบนั้นถือว่าดีนะครับ แสดงว่าจิตมันเริ่มคุ้นเคยแล้วครับ..
    ส่วนอาการที่หลงเหลือทางขมับซ้ายและต่อให้ด้านขวาด้วยตอนนี้
    มันแค่ตึงๆเฉยๆนิครับ.อาจมีอาการ
    ร่วมกับบริเวณกลางศรีษะที่ความรู้สึกลมที่มันหมุนอยู่มันหมุน
    ได้เร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากได้ และก็ขยายวงได้เกือบบริเวณทั้งศรีษะ
    ส่วนบนครับ..ซึ่งถือว่าเป็นกิริยาปกติครับ...การถ่ายเทพลังงานเข้าออกนะครับ..
    ในระหว่างวันเราควรกำหนดจิตให้พลังงานออกทางระหว่างคิ้วร่วมด้วย
    ให้เป็นนิสัยครับ.หรือจะหาแหวนแบบที่เคยบอกมาเป็นออฟชั่นเสริม
    ก็ได้ครับ..เพราะการรับเข้ารับออกของพลังงานมันเกิดขึ้นได้เป็นปกติ
    แม้ว่าจะแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจครับ.
    บางครั้งส่วนตัวถ้าลืมเรื่องถ่ายเข้าถ่ายออกแบบนี้ซัก ๓ ถึง ๔ วันก็เป็นเหมือนกันครับ

    ปล.ประมาณนี้หละครับ
     
  20. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    :cool::cool: โล่งอกเลยค่ะ .. ขอบคุณมากค่ะ แสดงว่าดิฉันไม่เลยครูนะคะ ก็ไม่เคยได้ยินคุณนพพูดว่ากระเด้งออกทางเดิมได้นี่คะ ฮ่าๆๆๆๆ (เจอนักเรียนแบบนี้มั่งเปล่าคะเนี่ย) เห็นแต่บอกให้ออกทางหัวมั่งทางหน้าผากมั่ง... งั้นขอตัวไปเก็บแต้มก่อนนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...