เหตุใดพลังจิต จึงหยุดสงครามไม่ได้

ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี
ศาสนาพุทธก็เช่นกัน
แต่มีบางด้านของความเชื่อในอิทธิปาฏิหารย์
ก็มีความสงสัยกันว่า ทำไมไม่ใช้ในการระงับสงคราม ไม่ให้รบกัน
ซึ่งแนวคิดการใช้พลังจิตมาช่วยสังคมช่วยรัฐนี้ ในอเมริกาหรือยุโรป
ก็มีพวกมีพลังจิต มาช่วยตำรวจในการสืบค้นหาคนร้าย แต่ก็ไม่เป็นที่รับรองกันแพร่หลายนัก
ในไทยไม่ปรากฏการช่วยเหลือเช่นว่านี้ จากเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายมีแต่ว่าจะช่วยให้รวย ช่วยให้หายทุกข์ต่างๆแล้วท้ายสุด ก็จะกลายเป็นแค่เหมือนคนไข้ไปหาหมอทางจิตวิทยาเท่านั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ใครรู้ช่วยตอบที่

 

โห.....ตอบไม่ยาก

1. ทำไมพลังจิต จึงหยุดสงครามไม่ได้
ตอบ คนที่มีพลังจิตเลวมีมากกว่าพลังจิตดีหลายล้านเท่า
สงครามเป็นปรากฏการณ์ของจิตทางด้านลบของมนุษย์อันเป็น
ธรรมชาติของโลก พลังจิตไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ในทุก
กรณีเสมอไป เพราะนั่นเป็นการฝืนกฏแห่งกรรม

2. ทำไมผู้มีพลังจิตไม่ไปช่วยในการสืบหาคนร้าย ช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ตอบ ก็คล้ายๆกับข้อ 1 คนที่มีพลังจิตอ่านออกรู้ว่า อาจจะช่วยไปไม่มี
ประโยชน์เพราะคนที่มาขอให้ช่วยไม่ได้ดีไปกว่าโจรผู้ร้ายที่กำลัง
ติดตามอยู่ หรือช่วยไปแล้วอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง
และครอบครัวในภายหลัง หรือไปรู้ไปเห็นความเลวของคนทั้งสอง
ฝ่ายจนเลือกที่จะไม่ช่วยและไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นดีที่สุด
ปล่อยให้กรรมทำงานไปตามวัฏจักรดีกว่า

หวังว่าคงคลายข้อข้องใจได้ไม่มากก็น้อย น่ะครับ

 

ผู้ที่มีพลังจิตหลายคนก็ไม่ได้เป็นคนเลวอะไร แต่การที่เค้าไม่ยอมช่วยเพราะมันเกิดจากความคิดของมนุษย์นั่นเอง

มนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง การที่อยู่ๆมีพลังจิตขึ้นมาบนโลกทำให้มนุษย์หลายคนกลัว และมีความปรารถนาที่จะกำจัดความกลัวนั้นทิ้งไป

คนที่มี empathy เขารู้ถึงสิ่งนี้ เลยไม่ช่วย

พวก mind read ยิ่งแล้วใหญ่

คนที่รู้อนาคตได้เค้าก็เห็นอนาคตที่เกิดจากการเปิดเผยตัวเอง

ส่วนพวกที่ต้องดูดพลังชีวิตของคนอื่นเพื่อดำรงชีพ คงไม่มีใครเปิดเผยตัวหรอก

มีแต่พวกถอดวิญญาณกับเข้าทรง ที่คนไม่รังเกียจ

อิจฉาจริงๆ -*-

 

ทางพุทธะ คือ

ถ้าใช้วิธีอย่างนั้น มันคือ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

แม้ว่าเราจะแสดงอิทธิปาฏิหารย์อย่างไร แต่ใจของคน
ย่อมศรัทธาได้ไม่มั่นคง ย่อมแปรปรวน ย่อมตกอยู่ใต้กิเลสตัฌหา
เมื่อนั้นอิทธิปาฏิหารย์ในสายตาปุถุชนยังอาจมองไปได้ว่าเป็นการกดขี่

เราจึงต้องแก้ที่ จิต ที่ สันดาน ที่ภูมิจิต ภูมิธรรม ให้ถูกต้องตรงความเป็นจริง
ซึ่งของแบบนี้ อิทธิปาฏิหารย์ ไม่สามารถใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องของการ
ยอมรับพร้อมด้วยพละ 3 คือ ศรัทธา+ศีล+ปัญญา เมื่อแก้ที่จิตที่ใจได้
ก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการแก้ที่ต้นเหตุ อย่าลืมว่า ยังอาจเป็นไปได้ที่
ต้องแก้แบบนี้ในหลายๆ ชาติ

อิทธิปาฏิหารย์ แสดงให้เขาประจักษ์นั้น อย่างมากก็ได้ชาติเดียว
แถมการเห็น อิทธิปาฏิหารย์ ก็รับประกันไม่ได้ว่าเห็นด้วยสัมมาทิฏฐิหรือไม่

แต่ถ้าแก้กันที่ จิต ที่ ปัญญาธรรม จะแก้ได้หลายชาติกว่ามาก
แต่การเห็น ที่ปัญญาธรรม รับประกันได้ว่าอาจมีสัมมาทิฏฐิเป็นที่ไป

 

จุดประสงค์ของอภิญญาของทางพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นจะแตกต่างจากจุดประสงค์ของนักพลังจิตทั่วๆไปน่ะครับ สังเกตได้ว่าอภิญญาแต่ละข้อนั้นเป็นการพิจารณาให้เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เข้าใจถึงลักษณะของธาตุหลักต่างๆในโลก เกี่ยวกับการเข้าใจในความเป็นไปเป็นมาของกายใจของตนเองและผู้อื่นอย่างถูกต้องแท้จริง รวมแล้วเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วิชชา8 (วิชชาแปลว่าความรู้) เป็นการปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจและเข้าถึงสรรพสิ่งอย่างแท้จริงนั่นเองครับ ถ้าเข้าใจกฎเกณฑ์ความเป็นไปของสรรพสิ่งอย่างถ่องแท้แล้วก็จะทราบเองว่าควรจะต้องทำเช่นไรในสิ่งต่างๆจึงจะถูกต้องเหมาะสมครับ

 

คำถามเหมือนสมัยที่พระพุทธเจ้าเสด็จขวางการจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศากยะเลย
ถ้าพระพุทธเจ้าสมัยนั้นห้ามหรือใช้ฤทธิ์ห้ามก็ไม่เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรอก
แต่กรรมของศากยะนั้นหนัก จึงไม่ทรงห้าม ปลอยไปตามกรรม นี้ขนาดผู้ที่ได้ชื่อว่ามีพลังจิตสูงสุดก็ไม่ทำ(ทำไม่ได้ ไม่ควรทำ) แล้วพลังจิตของท่านทั้งหลายในปัจจุบันหรือจะมีพลังพอที่จะห้ามไม่ให้เกิดสงคราม(เป็นไปตามกรรม)

 

สาธุ คุณ สี บุญมา

ความเห็นนี้ของท่านจะนำไปสู่สิ่งที่ท่านหวัง
ได้อย่างไม่เลี้ยวเอนไปไหน ไม่ข้องแวะกับโลก
มีวิเวกวุธโดยไม่ยาก

ช่างน่ายินดี

 

เบื่อมาก คำถามสร้างสรรค์เสียเหลือเกิน

ฮ่าวเตรียมตัว มดเอ็กซ์ มดวาย มดแซด กาโม่ กาเม่ ก๊อตซิล่า คิงคอง และอื่นๆ เท่าที่นึกได้ ช่วยกันผดุงคุณธรรมให้กับชาวโลกหน่อย จัดการอย่าให้เหลือ พลังจิตไม่ต้องมี มีก็ไม่ต้องใช้ เอาพวกนี้แหละเก่งนักเชียว จะได้ชำระล้างโลกใบนี้เสียที

 

หลวงปู่ท่านได้เทศน์ไว้ว่า โลกมนุษย์เป็นศูนย์กลางแห่งการใช้กรรมของมนุษย์
ผู้สำเร็จ ผู้บำเพ็ญโพธิสัตว์บารมี ได้พยายามให้มนุษย์ทั้งหลายทำดีละบาป
โดยไม่เหนือกฎแห่งกรรม
โลกวิญญานย่อมมีกฎของโลกวิญญาน ดีชั่วขึ้นกับจิตวิญญานที่มาเสวยกรรม
วิบากในโลกมนุษย์จะกระทำ
ในภาวะปลายกลียุค เหล่าวิญญานในนรกโลกถูกปลดปล่อยมาใช้กรรมในโลกมนุษย์จำนวนมาก อนุสัยของเหล่าวิญญานที่มาจากนรกโลก ยากที่จะขัดเกลา
จะเห็นว่า ปัจจุบันมนุษย์เสื่อมศรัทธาจะศีลธรรม

 

1. เมื่อท่านคิดจะใช้พลังจิตในการชนะ หรือยุติสงคราม แต่ฝ่ายตรงข้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์ ผู้ใดชนะก็ย่อมจะเล็งเห็นอยู่

2. เจ้าพ่อเจ้าแม่ ร่างทรงทั้งหลาย ล้วนมีมากมายตามความต้องการ ต้องการแบบนั้นท่านก็ไปตามสรรพคุณของสำนักนั้น
บางสำนักชักนำผู้คนไปในทางชั่ว เมามัวกับกิเลศและการพนัน คนโง่และไร้ปัญญา หวังพึ่งพากับเรื่องงมงายในความฝัน แต่ของพวกนี้ก็มีไว้เพื่อความสุขทางใจของคนบางกลุ่ม จะบอกว่าไม่ดีเสียทีเดียวก็ไม่ได้

 

เห็นด้วยในหลายส่วนของหลายท่าน
แท้จริงผมมีคำตอบของตนเองเหมือนกัน
เอาแบบหยาบๆ
คือพลังจิตที่เป็นทั้งโลกียะและโลกุตตละนั้น
ล้วนอยู่ในกุศลกรรมจิต
คือพระปฏิบัติ เมื่อมีกุศลกรรมจิตแล้ว ท่านก็ช่วยด้วยการให้มนุษย์ปฏิบัติเอง
จะได้รู้ ได้เห็น ได้เข้าใจเหมือนท่าน
ถ้าทุกคนบนโลกปฏิบัติเหมือนๆกัน รู้เหมือนๆกัน สงครามมันก็ไม่เกิด
แต่เมื่อมนุษย์ปฏิบัติไม่เหมือนกัน สงครามมันจึงเกิด เพราะส่วนใหญ่มนุษย์ยังมีกิเลศหนาทึบอยู่แทบทุกคน สงครามมันจึงเกิด
ใครที่บวชและปฏิบัติได้ดีก็พ้นทุกข์ไปเฉพาะตน แต่บอกแนวทางพ้นทุกข์ให้เท่านั้น
แต่ไม่สามารถช่วยได้ไปมากกว่านี้ เพราะแค่ช่วยชี้ทางให้ปฏิบัติยังฝ่าฝืนกิเลศใจและกายยากแล้ว
ลำพังตัวท่านเอง กว่าจะปฏิบัติด้วยตนเองและพ้นทุกข์ได้ก็แทบล้มประดาตายแล้ว
ดังนั้นด้วยกิจของสงฆ์เองยังต้องปฏิบัติเฉพาะตนจึงไม่มีเวลาไปช่วยโลกช่วยผู้คนที่ยังหลงติดอยู่กับกิเลศ
แต่ถ้าท่านสำเร็จแล้ว ด้วยภาวะทางจิตที่สำเร็จโลกุตตละ ธรรมชาติก็ไม่ให้ไปช่วย
คงช่วยด้วยพระมหากรุณาธิคุณ หรือ ความกรุณาชี้ทางสว่างให้เท่านั้น
นอกนั้นมนุษย์ต้องรับกรรมกันเอง ถ้าไม่ปฏิบัติความดีเอาเอง
เข้าใจแบบนี้น่าจะถูกไหมนี่

 

มัน ไม่ มี จริง (มั้ง)

เพราะ ผม ยัง ไม่ เคย เห็น กับ ตา ตัว เอง

แล้ว ถ้า มี จริง ก็ เอา มา ให้ ผม ดู แบบ ใกล้ๆ หน่อย นะ

ขอ แบบ เทเลพอท อะไร แบบเนี่ย



- ผมได้คุยกับ คนที่ศึกษาเรื่องพลังจิตอยู่คนนึง

ผมบอกว่าในประเทศไทยมีใครทำได้ไหม แบบว่า ทำให้ของลอย

เขาบอกว่า ทำได้ เป็น พระ อ่ะนะ แต่ทำให้เราดูไม่ได้

เหอๆ ผมก็เลยบอกว่า..

งั้นก็ไม่มีใครเคยเห็น อ่ะนะ

เขาบอกว่า มีคนเคยเห็นอยู่นะ

ผมก็ อื้มๆ เออๆ ออๆ ตามเขาไป

ตกลงแล้ว มันยังไงหว่า

เก่งจริงๆ ทำได้จริงๆ แต่กลับบอกว่า ทำให้คนอื่นดูไม่ได้ เด๋วจะทำไมก็ไม่รุ ?

 

เรื่องแสดงฤทธิ์ให้คนดูไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ ยิ่งถ้าเป็นพระด้วยแล้วเป้าหมายที่สำคัญกว่าการแสดงฤทธิ์ให้คนดู ก็คือการช่วยให้คนพ้นทุกข์ และการจะพ้นทุกข์ได้นั้น แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ทำได้แค่แนะนำเท่านั้น ส่วนการปฏิบัติเราๆท่านๆต้องทำกันเองครับ

แม้แต่ตามพุทธประวัติเอง การแสดงฤทธิ์ของพระพุทธเจ้าในแต่ละครั้งนั้น ก็เป็นไปเพื่อจูงใจคนให้เข้าหาพระธรรมเพื่อความหลุดพ้นทั้งนั้นครับ

 

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

คำนี้ ไง ....คือคำตอบ

 

หากคุณอยากรู้ จริงๆๆ
ก้อ ศึกษา แล้วไปให้ถึง
แล้วคุณจะได้คำตอบ ไม่ต้องไปรอให้ใครมาโชว์ให้เห็น

คุณจะทำได้เอง
คุณอยากคุยกะผี อยากไปนรก สวรรค์
คุณจะทำได้เอง

ไปให้ถึง ได้คำตอบด้วยตนเอง ไม่ดีกว่าหรือ

 

พระเค้าห้ามครับ มันผิดวิสัยสงฆ์

ความจริงแล้วพระสงฆ์ไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้ครับ แต่มันจะมาเอง

มาหลอกล่อให้พระสงฆ์ห่างไกลจากวิธีการหลุดพ้น

เป็นบททดสอบอย่างหนึ่งอ่านะ

 

อันที่จริงที่พลังจิตมันหยุดไม่ได้เพราะพลังต้านมันมีมากกว่า เช่นหนึ่งกองทัพก็ต้องมีมากกว่าร้อยแล้ว แล้วคนที่มีพลังจิตก็น้อยอาจจะหนึ่งในร้อย ถ้าเป็งั้นก็ 1:100 สิครับ มันไม่ได้หรอกครับ ถ้ามันต่อต้านทั้งร้อยก็หมดสิทธิ์

 

แน่ใจว่าหยุดไม่ได้ หรือ จริง ๆ ได้หยุดไปแล้ว ที่คุณเห็น อาจเป็นผลของสงคราม ที่เหลืออยู่ ที่คุณเห็น อาจเป็นสงคราม ที่ได้ลดความสูญเสียไปบ้างแล้ว ที่คุณเห็นอาจเป็นสงคราม ที่จบเร็วกว่ากำหนด

และที่คุณไม่เห็น อาจเป็นสงครามที่ไม่เกิดขึ้น แต่เป็นภัยพิบัติแทน ก็เป็นได้

และเช่นกัน การปฏิวัติ ที่ไม่มีคนตายสักคนเดียว อาจเกิดจากการที่ ท่าน ๆ ได้ช่วยไว้แล้ว แม้กระทั่ง การปฏิวัติในปีนี้ที่จะเกิดหรือไม่เกิดจะแรงไม่แรงก็ยังไม่รู้ หรือสงครามในภาคใต้ที่อาจจบลงด้วยภัยพิบัติแทนหรือจะจบด้วยการสูญเสียจากสงคราม เป็นต้น

เหมือนที่เรามองข้าม ความดีของพ่อแม่ ที่ดูแลเราทุก ๆ วัน แต่ เรารู้ค่าบุญคุณของท่าน ก็ต่อเมื่อเราเป็นพ่อแม่ซะเอง และ เราเสียพ่อแม่เราไปแล้วด้วย

ก็เช่นกัน ถ้าคุณเป็น เป็นหนึ่งในผู้มีพลังจิต และ ได้สวดมนต์ หรือ ทำพิธีอยู่ทุก ๆ อย่าง ตามสายพลังต่าง ๆ ที่ทำเป็นเหมือนหน้าที่ ที่ทำทุก ๆ วัน เป็นเดือนและเป็นปี จึงจะเข้าใจได้ว่า ได้ช่วยโลกหรือไม่ และ ที่ ช่วยมากที่สุด ก็ ผู้มีบารมี หรือ เกจิอาจารย์ ที่ละสังขาร เพื่อแลกกับ ความสงบระดับหนึ่ง ในโลก ในประเทศไทย ครับ

ด้วยใจอนุโมทนากับท่านผู้ละสังขารเหล่านั้น และ ทุก ๆ ท่านที่ได้กระทำการช่วยประเทศและโลกอยู่ อยู่ในทุกวันนี้

 

อย่างนี้ต้องตั้งกองทัพยูริ เหมือนในเกมส์ C&C รับรองว่าหยุดสงครามได้ชงัดดีแท้

 

แปลกๆนะ ก็ฟังดูดีนะคุณ 108

แต่มันแปลกตรงที่ คนดี ตามที่คุณว่า นั้นสูญไปจากโลก เหลือไว้แต่นามธรรมค้ำจุน
แต่คนที่เป็นที่มาของความวุ่นวาย ก็ยัง คิดหาทางของเขาอยู่ ไม่ได้สูญหาย และก็ไม่
ได้มารับรู้ถึงคุณธรรม นามธรรมที่เกิดจาก การสูญไปของ คนดี บางรายอาจรู้สึกดีขึ้น
ด้วยซ้ำ ที่คนดี จากไป แต่อาจจะทำทีเป็นระงับไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ภาพภายนอกเสีย
ส่วนเรื่องภายในนั้น คิดวางแผนใหม่หมด ว่าจะทำอย่างไรให้ไม่อาจจับผิดได้

พิจารณาไปๆมาๆ นี้ ออกแนวนักบุญ ยอมโดนทรมาร ยอมโดนตรึง เพื่อรับล้างบาป
ดูเหมือนบางอย่างจะไปรับมาโดยไม่รู้ตัวเสียมากกว่า สิ่งที่ถ่วงดุลได้ น่าจะเป็นการ
อุบัติ หรือ เกิดขึ้นของ คนดี ไม่น่าจะใช่การจากไปของคนดี การคงอยู่ของคนดี
เพื่อสร้างคนดี ย่อมเป็นที่เชื่อได้ว่า สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น แต่การจากไปของคนดี มัน
จะเกี่ยวกับการสร้างสิ่งดีๆได้อย่างไร

นอกจากจะคิดไปว่า เป็นการต่อรอง เป็นการรับบาปโดยมีผู้ต่อรองคือ สิ่งดี กับ สิ่งไม่ดี
แล้วคิดไปว่า นั้นคือหลักปรมัตถ์ แล้วคิดไปว่า นั้นคือ สิ่งน่ายกย่อง คิดแบบนี้ เดี่ยวก็คิด
ทำนองเดียวกับ คุณหัตถ์พระเจ้า(เอ่ยถึงได้เพราะเป็นแค่นามสมมติ) คือ ไล่เก็บคนดีส่งไปซะ
แลกกับดุลยภาพ ....... !!! เก็บคนดีให้หมด โลกจะได้ปลอดภัย !!!???

ในพระไตรปิฏก พระพุทธองค์เสด็จดับขันท์ ก็ไม่เห็นว่าจะแลกกับอะไร มีแต่แลก
กับ ต่อไปเธอจงยึดสัทธรรม เป็นดังสิ่งประเสริฐ ที่จะทำให้เจริญในตน

คือ แลกกับการปฏิญญาของสาธุชน ที่จะปฏิบัติด้วยตัวเอง ไม่ต้องหวังพึ่งพระองค์
ในทางใดๆอีก ถ้าต้องการพึ่งพิงพระองค์ ก็ให้ยึดที่พระธรรม และให้ระลึกคุณ
ในไตรสรณะ

อย่าเผลอไปรับวัฒนธรรมที่สุ่มเสี่ยง ไม่ทั่ว โดยไม่รู้ชัดในต้นสายของหลักการ