กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ขอถามอีกข้อหนึ่งนะครับ พอดีอ่านหนังสือเล่มหนึ่งมาครับ "อานาปานสติสามารถนำเอากรรมฐานกองอื่นมาเป็นเมืองขึ้นได้" คืออะไรยังไงครับ ในเมื่อเรารู้แค่ลมหายใจ เราจะดึงกรรมฐานกองอื่นมาเป็นเมืองขึ้นได้อย่างไรครับ ยัง งง งง กับคำพูดนี้เลยถามพี่ ๆ เลยดีกว่าครับ ^^
     
  2. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เดี๋ยว ตอบให้นะครับ ตอนนี้ รอคำตอบจากท่านระมิงก่อน ที่ผมถามท่านระมิงน่ะ

    คำว่าอานาปานะสติ แปลว่า เอาสติมาอยู่กับลม และก่อนที่จะสามารถอยู่กับลมได้ โดยเรียกอานาปานสตินั้น คุณต้องผ่านการฝึกสติปัฏฐานสี่ มาแล้วคือ ดูกาย ดูเวทนา ดูจิตใจ ดูความจริง(ธรรม) เมื่อคุณวางกายได้ วางเวทนาได้ วางใจได้ จนสุดท้าย วางจิตอวิชชาได้ ถือว่าคุณผ่านการฝึกสติ (หรือคือกรรมฐานเส้นที่ตรงที่สุด) ดังนั้น เมื่อคุณเข้าถึงอนัตาธรรม หลังจบการฝึก สติสัมปะชัญญะทั้งหมด มันปล่อยวางตนเองได้ ปล่อยวางสมมุตได้ทั้งหมด ก็คือ มันไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งใดใดแล้ว มันก็จะว่างเปล่า บริสุทธิ์อยู่อย่างนั้น ไม่เกาะสิ่งใด ไม่ยึดสิ่งใด แค่รู้ว่า มีอยู่เต็มทั้งจักรวาล โดยไม่มีที่ยึดเฉพาะเลย นั่นหมายถึง ปล่อยวางได้ทั้งหมดเพราะเข้าถึง อนัตตาธรรม

    ที่นี้ มันจึงต้องเหมือน กลับมาเข้าร่างกายใหม่อีกครั้ง ที่โลกมนุษย์เหมือนดั่ง สติสัมปะชัญญะมันรวมเข้ากับร่างกายอีกครั้ง เหมือนวิญญาณเข้าร่างหรือ เหมือนการได้กลับบ้านอีกครั้ง ตอนมารวมกันนี่แหล่ะ การมีอยู่ รู้อยู่ของ ตัวรู้ที่บริสุทธิ์นี้ (สัมปชัญญะเดิมที่เคยมีนั่นแหล่ะแต่มันทำลายอัตตาตัวตนในตนได้แล้ว)มันก็จะอยู่โดยรู้กายรู้ใจ ทั่วทั้งหมด ทีนี้ กรรมฐานกองอื่น ก็เปรียบเหมือน ของเล่นไปเลย นั่นก็คือ อยากรู้อะไรในสิ่งใด คุณก็เอาสัมปชัญญะนี้ ที่รู้กายรู้ใจได้ (แปลว่าอยากเอาสัมปชัญญะนี้ อยู่ระหว่างกายและใจก็ได้ซึ่งก็คือ ลมนั่นเอง อยู่กับลม ก็ไม่ยึดกายใจ เบากายเบาใจ)เอาสัมปะชัญญะนี้ ไปสัมผัส ดิน ก็จะรับรู้ สิ่งที่เป็นดินนั้น นั่นหมายถึง ปัญญารู้ต่างๆที่มีอยู่แล้วในโลก คุณ เอาสัมปะชัญญะนี้ ไปสัมผัส คุณจะรู้ว่า ปัญญาที่สะสมในดินนั้น มีอะไรบ้าง เช่นเดียวกัน ปัญญาในธาตุต่างๆ ในโลกนี้ ในตัวคนอื่น คุณก็รู้ได้เช่นกัน

    จึงเรียกปัญญาที่ได้จาก การสัมผัสหรือกรรมฐานทั้งหลายว่า เขาให้เรารู้ เหมือนเขาเป็นเมืองขึ้นที่ส่งปัญญาให้เราได้ นั่นเอง

    ไม่รู้ว่า จะเข้าใจหรือเปล่านะ

    ซึ่งสัมปะชัญญะที่บริสุทธิ์ที่ผมพูดถึงนี้ผมเรียกมันว่า อายตนะใจ นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2014
  3. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    อยากให้คุณตอบนะครับ เพราะเป็นการทดสอบตัวคุณเองด้วยไงครับ
    ผมบอกแล้วว่าผมอนุญาติ ให้ คุณ เข้ามาดูได้ ทุกส่วนทั้งหมดเลย
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730

    สวัสดีค่ะคุณกลายแก้ว
    ท่านพี่ระมิงค์ ท่านมีแต่ความเมตตาค่ะ
    เรื่องเพลงในหลุมดำคงเป็นถ้อยคำอุปมา อุปไมย
    เพราะเท่าที่จำได้ดูเหมือนจะไม่เคยไปฟังเพลงที่ห้องหลุมดำ
    จะมีก็ที่ห้องคาราโอเกะ ที่ท่านพี่ระมิงค์น่าจะไม่ไปฟัง
    (เพราะไม่เคยเห็นท่านแวะเวียนไปแถวนั้น)

    "รักแท้ แพ้ใกล้ชิด" เป็นสำนวนที่ได้ยินบ่อยค่ะ
    แต่ในที่นี้ เป็นมิตรภาพและความปรารถนาดีล้วนๆค่ะคุณกลายแก้ว
    ^-^

     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    เอ๋อ เอ๋อ เอ๋อ เอ๋อ เอาว่าส่วนตัวพอคาดคะเนได้บ้างครับ..คุณ rungdao
    เด่วจะพยายามอธิบายให้เห็นภาพแบบรวมๆนะครับ..
    พระอาทิตย์กับพระจันทร์ มีมานานมากแล้ว.ตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่าน
    มาก็มีการนำเอาพลังส่วนนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากมายเช่นกัน..
    ในส่วนของพลังงาน ง่ายๆลองเดินออกไปข้างนอกแต่ไม่ต้อง
    ให้โดนแดนนะครับ เด่วดำจะมาโทษกันไม่ได้นะครับ ๕๕๕๕
    แล้วแบมือและภาวนา โอม มณี ปัทเมฮูม ดูก็ได้ครับ
    จะพบว่ากิริยาจี๊ดๆ ตึงๆขึ้นบนก่อน แล้วก็จะพัฒนา
    หมุนๆเป็นวงกลมแบบบางๆเรียบๆจะ
    ต่างกันที่ความร้อนและความเย็น..
    แต่ของคุณ rungdao ตอนนี้อาจจะหมุนเป็นวงกลม
    ประมาณเท่าลูกไข่ไก่.ที่ทิศทางของลมจะหมุนเข้ามาในตัว..
    แต่พลังงานพวกนี้ถ้าหากมากไปก็จะร้อนเหมือนๆกันได้
    ไม่ว่าจะมีจากพระอาทิตย์หรือพระจันทร์
    ..ถึงจำเป็นต้องมาเรียนรู้เรื่องการ
    ถ่ายเทพลังงานร่วมด้วยนั่นหละครับ...

    และที่สำคัญก็สามารถรับและส่งผ่านร่างกายๆทุกๆส่วน
    หรือตรงต่ำแหน่งจักระสำคัญๆก็ได้และอีกอย่างพลังงาน
    ความร้อนยังสามารถใช้รักษาโรคบางโรคในร่างกายได้อีกด้วย
    เป็นการรักษาในระดับของส่วนธาตุคือไปปรับส่วน
    ของธาตุ ๔ ที่ประกอบเป็นร่างกาย พวก ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
    ธาตุใดธาตุหนึ่งที่มันพร่องหรือมีมากไปให้สมดุลย์เราเลยรู้สึก
    ว่าอาการดีขึ้น หรือ หายทันทีสำหรับบางโรค.
    สังเกตุได้ว่าพลังงานพวกนี้จะเคลื่อนที่ได้จะต้อง
    อาศัยรอากาศธาตุที่มีอยู่แล้วเป็นปกติเช่นกันภายนอก
    ที่ทำหน้าที่เป็นเสมือนพาหนะในการนำพลังงานความร้อน
    ความเย็น เดินทางเข้ามารักษาภายในร่างกาย.
    หรือว่าพลังงานจากคำภาวนาเฉพาะ หรือบทคาถาเฉพาะ..
    หรือพลังงานกสิณกองต่างเหล่านี้ให้เคลื่อนที่ได้..
    พระคาถาที่เรากล่าวถึงกัน.ถ้าพอคาดคะเนคำแปล
    ได้จะเห็นว่าจะกล่าวถึงพลังงานภายนอก.ที่เป็นพลังงาน
    เฉพาะทางอีกอย่างนอกจากที่เล่าให้ฟังมา.ก็คือพลังงาน
    จากภพภูมิระดับต่างๆนั่นเอง..บางคนเรียกพันธมิตร
    ทางภพภูมิ บางคนเรียกพลังงานจากครูบาร์ อาจารย์
    พลังงานจากพระพุทธ แต่เราเหมาเรียกรวมๆง่ายๆ
    ว่าการขอบารมีนั่นหละครับ...

    ในหลักการที่เราจะไปขอบารมีได้..เราก็จะทำอย่างไร
    ก็ได้เพื่อให้จิตเรามันทำงานให้ได้ก่อน เพื่อให้มันเข้าถึง
    สภาวะที่ก่อให้เกิดพลังงานให้ได้ก่อนตรงนี้ในเบื้องต้น.
    จะฝึกสมาธิ จะสวดมนต์ หรือจะฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม.
    พอจิตเริ่มเข้าสู่สภาวะสัมผัสพลังงานได้.ซึ่งไม่จำเป็น
    ว่าจะต้องสัมผัสได้ชัดหรือเห็นได้ชัดตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก
    .เราก็จะต้องมาดูว่า การที่พลังงานเรามันจะสามารถไปขึ้น
    พาหนะในที่นี้ที่เป็นอากาศธาตุได้นั้น.เราไปขึ้นพาหนะชนิด
    ใด.บางคนก็เปรียบว่าไม่ได้ขึ้นคือเดินไป บางคนก็ จักรยาน
    จักรยานยนต์ รถยนต์ รถไฟ รถไฟด่วน เครื่องบิน ฯลฯ
    ขึ้นพาหนะใดได้ ก็ไปได้คล่องได้สดวกกว่าแตกต่างกันไป.
    ถามว่าถึงที่หมายไหม ก็ถึงเหมือนกันหมดแล้วแต่ว่าใครจะชอบ
    เดินทางอย่างไร...ที่นี้ในเรื่องการขึ้นพาหนะที่เปรียบให้ฟัง
    จะไม่เหมือนทางโลกที่ว่า จะเน้นที่ทรัพย์สินทางโลกที่เป็นรูปธรรมแล้ว
    จะสามารถขึ้นได้..ทางนามธรรมเค้าเน้นทรัพย์สินทางด้านนามธรรม
    ที่สร้างจากการสะสมบุญ ด้วยการทำทานอย่างต่อเนื่อง..และด้วยการ
    อุทิศส่วนกุศลให้กับฝ่ายนามธรรมต่างๆที่จะมาสนับสนุน.เริ่มต้นจาก
    ระดับรากหญ้าก่อนจนไต่ไปถึงระดับสูงๆขึ้นไปเรื่อยๆ และห่างไกลไป
    เรื่อยๆ..การจะไปได้ไกลแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิของเราเพื่อ
    ไปเพิ่มวงสมาธิเพื่อเป็นเสมือนกำลังในการไปเชื่อมให้ถึงแหล่งพลัง
    เฉพาะแบบนี้..เพราะฉนั้นเราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า จำเป็นจะต้องมีกำลัง
    สมาธิสะสมเพื่อเป็นพื้นฐานร่วมด้วย..ไม่ว่าจะเจริญสติระหว่างวัน
    จะสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง จะนั่งสมาธิในระดับสงบ

    หรือจะฝึกสร้างกำลังจิตอะไรก็ตาม ทุกวิธีใช้ได้หมดเพื่อมาหนุน
    การเดินทางของวงสมาธิตรงนี้..ที่นี้การเข้าถึงพลังงานเฉพาะนั้นก็มีลักษณะ
    ความแตกต่างของฐานคลื่นความถี่แตกต่างกันเช่น ลักษณะคลื่นที่มีหิริโอตะปะ
    คลื่นที่มีหิริโอตะปะและมีความสามารถพิเศษ หรือคลื่นที่มีเมตตาและ
    มีความสามารถพิเศษ หรือคลื่นที่มีเมตตาอย่างประมาณไม่ได้ และความ
    สามารถมากล้นเดินพรรรณนา หรือคาดเดาได้ด้วยการใช้ความคิดของเรา..
    เพราะฉนั้นถ้าเราจะไต่ระดับเพื่อให้เข้าถึง พลังฐานต่างๆนั้น..เราจึงจำเป็นต้อง
    มาสร้างให้จิตเรามีฐานคลื่นๆความถี่ให้คล้ายๆกันเพื่อให้เดินทางไปถึง
    และสามารถเข้าถึงได้เช่นกัน..เริ่มต้นด้วยหิริโอตะปะ ซึ่งศีล ๕ จะทำให้เรา
    เข้าถึงตรงนี้ได้ ตามด้วยความสามารถบางอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยการฝึก
    สมาธิรูปแบบต่างๆจะวิชาพิเศษหรือจะฝึกอย่างไรก็ได้หมด และต่อด้วย
    การฝึกให้จิตมีเมตตาเป็นฐานเพื่อเข้าสู่พลังงานเฉพาะลำดับต่อไป
    ด้วยการรู้จักเสียสละต่อส่วนร่วม ไม่เบียดผู้อื่น
    รู้จักการให้อภัย.ฯลฯหรือทำให้ผู้อื่น ไม่ว่าจะคน หรือ นามธรรมต่างๆ.
    ร่วมทั้งมีเมตตาต่อ คน สัตว์ และนามธรรมที่อยู่ภายนอกก่อน ต้องนี้ต้อง
    อาศัยการเดินปัญญาเพื่อให้จิตคลายเรื่องความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ
    ถึงจะสร้างเรื่องที่กล่าวก่อนหน้านี้ได้.และเพื่อให้ตัว
    จิตเริ่มมีเมตตาจริงๆออกมาจากภายใน.
    จิตของเราก็จะสามารถปรับระดับ
    ให้เข้าถึงฐานพลังงานที่มีเมตตาและมีฤิทธิ์ได้...
    ที่นี้พลังงานเฉพาะที่เมตตาไม่มีประมาณ ไม่มีกิเลส มากมาย
    เครื่องรู้และความสามารถต่างๆนั้น เราก็ต้องมาเดินปัญญา
    ต่อเพื่อลด ละ กิเลส ในจิตของเราให้มันน้อยลงเรื่อยๆ จนถึง
    น้อยให้มากที่สุดถึงที่สุด..ไม่ว่าจะวิปัสนาด้วยกำลังสมาธิ
    แบบเล็กน้อย แบบไม่มาก และแบบกำลังสูง แบบไหนๆก็ได้
    ทั้งนั้นไม่มีวิธีไหนดีที่สุด จิตเราก็จะเริ่มเข้าถึงฐานที่จะเริ่ม
    เข้าไปเกาะฐานของพลังงานเฉพาะระดับนี้ได้เช่นกันนั่นเองครับ..
    ส่วนการใช้พลังงานแบบหนังจีน หนังฮ่องง อะไรต่างๆนั้น
    เป็นระดับความความหนาแน่ของพลังงานครับ..ซึ่งสุดแล้ว
    แต่ว่าใครอยากจะฝึกหรือไม่ฝึกแล้วแต่จริตและการเป้าหมาย
    ในการใช้งาน..พวกการถ่ายเทพลังงาน แบบถ่ายทอดกำลัง
    ภายในแบบหนังจีน ถ้าเราตาดีหน่อย.เราก็จะสามารถมองเห็นได้
    ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยครับ.หากเข้าถึงเรื่องพลังงานที่เคยเล่า
    ให้ฟังผ่านๆมาใน #Rep ก่อนๆได้และถ้าหากว่าพอทำได้..
    ส่วนทางหนังจีนจะมีพิเศษคือ การถ่ายทอดกำลังภายในให้
    ให้กับจอมยุทธ์ต่างๆที่เรามองดูว่าเค้ามีวาสนานั้น ให้เราลอง
    สังเกตุดูว่านอกจากวาสนาแล้วพื้นฐานนิสัยที่ทำให้เค้าได้รับ
    กำลังภายในภายในระยะเวลาอันสั้นมันมักจะสมเหตุสมผลกัน
    และให้ดูว่าลักษณะนิสัยจอมยุทธ์แต่ละคนเป็นอย่างไร.

    .จะเห็นว่ามีความชำนาญแตกต่างๆกันในแต่ละด้าน ลักษณะนิสัย
    พื้นฐานที่จะได้พลังงานต่างๆก็แตกต่างกัน แม้จอมยุทธบางคน
    จะสามารถฝึกเองได้แม้ใช้เวลา ๒๐ ถึง ๓๐ ปีจนเป็นยอดฝีมือ
    ก็ยังติดในกิเลสเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง เรื่องใดเรื่องหนึ่งทั้งนั้น
    และก็จะยังส่งผลต่อร่างกายตนเองอีกด้วย.สุดท้ายพวกนี้ก็จะปล่อย
    วางทุกๆเรื่องๆได้ แต่ก็พากันสร้างกรรมมามากมายไม่รู้เท่าไร
    มาด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..เราจึงค้นพบว่า.ผู้ที่กำลังภายในสูงส่ง
    มากกว่าพวกจอมยุทธมีชื่อทั้งหลาย.กับเป็นพวกที่ปล่อยวางได้
    จริงๆเกือบทุกเรื่องไม่ว่าอะไร.และใช้กำลังภายในเพื่อ
    การศึกษาทดสอบเรียนรู้แต่ไม่ได้มุ่งทำร้ายหรือเพื่อยกระดับตน
    แต่หากเพื่อใช้รักษาอาการต่างๆของเหล่ายอดจอมยุทธ์ทั้งหลาย
    บวกกับมีปัญญาทางธรรมยอดเยี่ยม.ที่พูดจนทำให้จอมยุทธ์บางคน
    สามารถกลับตัวกลับใจได้ เพราะได้เห็นทั้งผล.และได้รู้ว่าจริงๆ
    แล้วสุดท้ายของปลายทางมันคืออะไรกันแน่...เรื่องที่เล่าให้ฟัง
    มานี้ให้ลองมาวิเคราะห์ดูได้ครับว่า เราต้องการเลือกทางเดิน
    แบบไหนด้วยตัวเราเองได้เลยครับ..

    ปล.อ่านช้าลงอีกนิดไม่ต้องรีบ..จะทำให้เข้าใจที่สื่อได้ดีครับ
    แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ....
    ..
     
  6. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ขอบคุณมากครับ คงยากสุด ๆ ไปเลย กว่าจะปล่อยวางโดยไม่ยึดมั่นถือมั่น แค่ไม่ให้ฟุ้งก็ยากแล้ว ขณิกสมาธิมาหลายปีแล้ว 5555+ สงสัยต้องอาศัยทำให้บ่อยขึ้นครับ ^^
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ลบโพสต์แล้วนะคะพี่ระมิงค์ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะต้องกินรากไม้ต้ม 3 หม้อ หรอกค่ะ
    พี่บอกก็ลบแล้ว ^____^
     
  8. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ที่ที่ทำมา ก็ยากอยู่ เจ็ดแปดปีทีเดียว ถ้านับตั้งแต่เริ่มฝึกสติดูกาย แต่เมื่อผ่านพ้น ถึงรู้ว่า มันยากไม่ไช่น้อย แต่ก็ ไม่ยาก ถ้าตั้งใจจริง และมีคนชี้ทางที่ถูก ที่ง่าย ที่ไม่ต้องหลง นะครับ
     
  9. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    คุณนพกาน คุณมองเห็นดอกบัวสีขาวใหญ่ในประเทศไทย สามดอกนั้นหรือเปล่าครับ หลับตาดูนะครับ แล้วลองเข้าไปในดอกบัวเพื่อ รับพลังในดอกบัวนั้นดูหน่อยสิครับ ว่า ท่านนพรู้สึกยังไง บ้าง ไม่เป็นอันตรายหรอกครับ ที่กรุงเทพมีดอกหนึ่ง ที่เลย มีดอกนึง

    อยากให้ท่านลองสัมผัสพลังนั้นแล้ว ลองวิจารณ์ดูครับ

    ท่านอื่นก็ลองได้นะครับ เชิญเที่ยวชมแดนสุขาวดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2014
  10. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ใครที่ยังไม่เห็นก็ขอดู ขอให้ได้เห็นนะครับ
     
  11. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    รอฟังคำตอบอยู่อ่ะนะ ว่า เห็นดอกบัวหรือเปล่า

    เงียบจุงเบย
     
  12. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154


    เพิ่งจะทราบว่าเป็นคุณครูคณิตศาสตร์นี่เอง ดีล่ะ
    <O:p</O:p
    แบบว่า ตอนนี้กำลังพล๊อตพิกัดตำแหน่งของทวีปต่างๆ เช่น จามรทวีป อมรโคยานทวีป อุตตรกุรทวีปและอื่นๆ ตามที่ทราบตำแหน่งมา ไว้ในระบบพิกัดทางวิชาดาราศาสตร์สมัยปัจจุบัน (ที่เคยเล่าไว้ในห้องวิทยาศาสตร์ทางจิต-ลึกลับ) น่ะครับ
    <O:p</O:p
    ทีนี้ ความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ที่ใช้ในวิชาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ จำพวกประมาณว่า ระบบสมการเชิงอนุพันธ์ สมการเชิงอนุพันธ์ย่อย อินทิกรัลเชิงเส้น การแปลงลาปลาซ อนุกรมฟูเรียร์ เป็นอาทิ และอื่นๆอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่ทยอย ร่อยหรอ คืนกลับไปสู่ครูบาอาจารย์ไปหลายส่วน ตามกาลเวลาที่ผันผ่าน เหลืออยู่ติดตัวไว้นิดๆหน่อยๆ พอไว้ใช้ทำมาหากิน ทีนี้พอจะต้องมารื้อฟื้นกันใหม่ เป็นไปด้วยความฝืดครับคุณครู
    <O:p</O:p
    เอางี้ ต่อไป หากผมมีข้อติดขัด ในเรื่องคณิตศาสตร์ ที่จะใช้ในการวิเคราะห์ทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ถ้าคุณครูจะให้ความกรุณา ก็จะขออนุญาตนำเรียนข้อติดขัด เพื่อปรึกษากับคุณครูติงติง และขอคำชี้แนะต่อไปด้วยนะครับ
    <O:p</O:p
    ปล.1 ข้อคำถามของคุณครูในห้องจักวาลคู่ขนาน กรุณารอสักแป๊ปนึงนะครับคุณครู ยังไม่ลืมแน่นอน แต่ตอนนี้ พอดีมีท่านผู้ที่มาให้คำสั่งสอนกับ ยอยุทธ จำนวนหนึ่ง ในกล่องจดหมายส่วนตัว หรือ pm ซึ่งผมก็รู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กรุณาสละเวลา มาให้การสั่งสอนกับผม ยังไง ตอนนี้ ต้องขอตัวไปรับการสั่งสอนจากท่านสมาชิกทั้งหลาย ใน pm ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ หากเสร็จธุระในการรับการสั่งสอนจากท่านสมาชิก ใน pm แล้ว จะมาส่งการบ้านให้ครูติง ต่อไปครับ (ตามคิวนิดนึงครับคุณครูครับ)

    ปล.2 ถ้าส่งการบ้านให้ครูติง ช้าไป จะถูกตีไหมครับนี่???<O:p</O:p
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    ประเด็นนี้.เผื่อคุณพี่ raming2555 แวะมาอ่าน.
    เอาว่าทั่วๆไปที่ผ่านมาพอเข้าใจที่สื่อครับ
    และคาดคะเนพื้นฐานสมาธิได้ตั้งแต่เบื้องต้น
    ก่อนที่จะมีการเล่าประสบการณ์ให้กันฟัง
    ..โดยปกติเห็นว่าถ้ากำลังสมาธิเราสูง
    เป็นทุนเดิมเรื่องการโดนห้ามจากครูบาร์อาจารย์คงจะเป็นเรื่องเหมาะสมแล้ว
    ส่วนตัวเคยได้สัมผัสกรณีนี้มาบ้างเพียงแต่ว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่
    พอมีชื่อเสียงพอสมควร..เพราะในโหมดใช้ฤิทธิ์นั้นค่อนข้างส่ง
    ผลกระทบต่อภายนอกอย่างรุ่นแรง.น่าจะพอเทียบเคียงและพอใช้
    เทียบเคียงกรณีคุณ raming2555 ที่ผ่านมาในอดีตได้บ้างเล็กน้อย
    ยกเว้นกรณีที่ฐานสมาธิสะสมระหว่างวันไม่สูง.
    แค่พอมีบ้าง พอใช้งานได้บ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง..
    หากวาระและเวลามาถึง..
    ก็จะโดนท่านมาตามว่าตกลงจะฝึกไม่ฝึก.
    และถ้าฝึกก็จะได้เทคนิคคอลเทอมต่างๆ
    เป็นเหตุให้เข้าถึงผลสำเร็จได้ค่อนข้างเร็ว
    ถ้าเทียบในเรื่องของเวลา
    ประเด็นนี้คิดว่าพอเข้าใจนะครับ...

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อถึงระดับที่จะใช้งานได้.
    ก็ยังจะต้องผ่านด่านทดสอบ
    การนำใช้งานก่อนในเบื้องต้นจากทางภพภูมิ..
    สภาวะที่ใช้ได้ก็จะยังคงอยู่ปกติและไม่เสื่อม
    และนับวันความชำนาญก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
    หากว่าการใช้งานเป็นไปเพื่อประโยชน์
    ต่อผู้อื่นและเป็นไปในทางธรรม..
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าจะได้สำเร็จในระดับนั้นๆ
    ที่เราเคยตั้งเป้าหมายและปลายทางไว้แล้ว.
    แต่หากการใช้งานบ่อยๆ.จะทำให้เราพบว่า
    เราควรจะต้องเสริม จะต้องทราบ จะต้องทำ
    อะไรเพิ่มเติมขึ้นมาอีกบ้าง เพราะว่าเรื่องพวกนี้
    มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการขอบารมี
    เพื่อให้เรามีเพื่อให้เราเกิด.แม้ว่าการอฐิษฐาน
    บารมีควรมีเป็นเบื้องต้นเพื่อเป็นแนวทางของจิต
    เราให้เดินเข้าสู่เส้นทางนั้นได้เร็วขึ้นก็ตาม
    แต่ว่าผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้นั้นจะเป็น
    ไปในลักษณะของการสะสมบารมีเพิ่มเติมๆ
    ให้มีมากยิ่งๆขึ้น เพื่อเป็นฐานให้เพียงพอ
    เพื่อหนุนให้เราถึงปลายทางต่อไปที่เราตั้ง
    ต้นไว้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงและพอมีผลเกิดขึ้นได้..
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงเป้าหมายเดิมคือ
    เพื่อยังประโยชน์ให้บุคคลอื่นๆ
    หรือเพื่อก่อนให้เกิดประโยชน์กับบุคคล
    ในทางธรรม.ว่าอะไรควรแนะ อะไรไม่ควรแนะ
    ซึ่งประเด็นนี้.ผู้ที่ฝึกผ่านมาได้จะมีเครื่องรู้เรื่อง
    ทำนองนี้เป็นปกติวิสัยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..


    และการที่จะกล่าวต่อไปเพื่อให้ถึงเครื่องรู้ หรือเทคนิค
    ต่างๆนั้น.แน่นอนว่าในกรณีคนที่มีครูบาร์อาจารย์
    ท่านย่อมให้เราเรียนรู้ ให้เราปฏิบัติ ให้เราสร้างบารมี
    เพิ่มให้มากขึ้น..ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคงของศีล
    ที่ละเอียดขึ้น เรื่องทานบารมีด้านต่างๆรวมทั้งทาง
    ด้านภพภูมิ.เรื่องกำลังสมาธิสะสม..และเรื่องของ
    การวางกิเลสต่างๆที่มันควรจะน้อยๆลงไปเรื่อยๆ.
    ตลอดจากการแนะแนวทางปฏิบัติก็เป็นส่วนหนึ่ง
    ในการสร้างบารมีเช่นกันครับ..ประเด็นนี้บางที
    คุณพี่ raming2555 อาจจะพอคาดคะเนได้นะครับ..
    คำว่าเอาตัวรอดที่คุณพี่ raming 2555 บอกทิ้งไว้
    ส่วนตัวจะบอกว่าคือประเด็นนี้นี่หละครับ
    นี่นี้หละครับคือการเอาตัวรอดครับ..

    ตอนนี้ส่วนตัวพอมีพัฒนาการไปอีกซึ่งสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ
    สถานที่อยู่ของหลวงปู่มีชื่อสายบารมีที่คุณพี่ให้ความเคารพด้วยครับ..
    คือการไปอยู่ในสภาวะที่มีการหน่วงของเวลา..ที่ไม่ใช่ส่งจิตไป
    เหมือนๆวิชาพิเศษเฉพาะ ไม่ใช่เข้าอุปจารฯแล้วถอดจิตไป
    หรือยกกายทิพย์ไป..เป็นสภาวะที่ใช้เทคนิคคอลเทอม
    อีกอย่างแบบลืมตาที่ไปแล้ว และเคลื่อนย้ายตัวเองไป
    อยู่ในสถานที่แห่งนั้นสมัยท่านยังดำรงชีวิตอยู่
    .สามารถทำให้บุคคล ณ สถานที่แห่งนั้น
    สัมผัสได้ รู้สึกได้..คือสภาวะที่เราสามารถพอไปสกิดเค้าได้..
    และก็ได้เทคนิคอะไรอีก ๒ ถึง ๓ อย่างอย่างมาเพิ่มเติม.
    เพียงแต่ว่าพึ่งพอทำได้..เพราะท่านๆพึ่งเปิดโอกาสให้
    พอเข้าถึงได้บ้าง..ยังไม่มีชำนาญอะไรเลยครับ...คงต้องขอใช้เวลา
    ไปทำการปฏิบัติ ไปฝึกฝน ให้เข้าถึงสภาวะนี้ให้พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
    ในระดับเพียงพอที่จะนำมาเล่าให้ฟังได้ตามสไตด์ส่วนบุคคล
    ไว้อนาคตข้างหน้า..เพื่อคุณพี่ ออกมาแล้วเกิด
    มีความสนใจ..จะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ..

    ปล.ประมาณนี้ครับ..
     
  14. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    คุณนพคะ เส้นสายพลังงานไม่ได้มีมาเฉพาะตอนสวดมนต์เท่านั้นนะคะ ???

    ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำนอกจากฝึกกสิณแล้ว ก็ต้องรอให้จักระทุกจุดมันเปิดเองใช่ไหมคะ ...

    โอม มณี เป็ง เม ฮุม ดิฉันเปิดอยู่บนหิ้งพระมาร่วมเกือบสิบปีแล้วค่ะ ทราบว่าเป็นมนต์สลายความชั่วช้า ไม่คิดว่าจะมาเกี่ยวด้วยเลย แต่เมื่อกี้ก็ลองๆทำดูล่ะค่ะ แต่ดูท่าจะต้องลองใหม่ เมื่อกี้กลับมาจากวัด เดินไปด้วย ทำไปด้วย อากาศเย็นๆฝนปรอยๆ ไม่ดำแน่ค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕

    สรรพนามท่านระมิงค์เรียกดิฉันนั้น ทำเอาคิดมากไปหลายวัน ไหนบอกจะให้ดิฉันหายสงสัย นี่กลายเป็นสงสัยมากกว่าเดิมซะอีก ก็ด้วยความโง่ที่ยังมีอยู่มากนั่นเอง ....

    แต่ดิฉันว่า "ท่าน" ของดิฉันนั้นคงไม่ส่งดิฉันไปในที่ไม่ชอบไม่ชอบหรือเปล่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่นี่ขอบาย ขอให้ดิฉันคิดมาก เพ้อเจ้อทีเถอะ ... ถ้าฝึกไปแล้วต้องไปท่องวิทยายุทธ์แนวนั้นๆนี่ เดี๋ยวจะไปขอหลวงตาอยู่ที่หลุบหวาย ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะเลย แต่ขนาดคุณนพว่าถ้าเข้าป่าไปตอนนี้เตรียมขุดหลุมศพไว้รอ แล้วอย่างดิฉันเนี่ยจะเหลืออะไร ....

    ใช่ค่ะ แม้จะเก่งมีฤทธิ์มากขาดไหน ก็ไม่พ้นตายอยู่ดี มันทำให้เศร้าสลดใจจริงๆค่ะ พาลทำให้คนโง่อย่างดิฉันจะไม่อยากฝึกเอาดื้อๆ
    แต่ก็คิดได้ล่ะค่ะ ไม่งั้นก็วนอยู่อย่างนี้แหละ ดิฉันจำเป็นจะต้องเข้าถึง "ความจริง" ให้ได้

    ไม่แหย่ ไม่เขี่ยล่ะค่ะ เดี๋ยวท่านผู้ชมโผล่มา ดิฉันจะเผลอโยนก้อนหินอีก งั้นดิฉันก็จะเก็บงำความสงสัยไว้กับตัวต่อไป สักวันหนึ่งข้างหน้าจะกลับมาอ่านข้อความนั้นๆอีก ...อันนี้ก็ขอขอบคุณครูติง ติงที่อ้างอิงไว้รอให้ดิฉันได้ก๊อปไว้ทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งนั่นแหละ :boo:


     
  15. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ขอเล่าเรื่องส่วนตัวสั้นๆ การปฏิบัติผมเริ่มมาจากการเจริญสติก่อน พอมาถึงระยะหนึ่ง มันไม่ไปต่อ อยากรู้ อยากเห็น อยากมีฤทธิ(ของเดิมที่เคยทำได้ มันเรียกร้อง จะให้กลับไปทางเดิม) จนละเลยการเจริญสติไประยะหนึ่ง ไปฝึกกับฆราวาส ที่มีอภิญญาซึ่งมีญาณรู้เห็นหลายอย่าง พระอาทิตย์ทรงกรดทำให้ดูได้ ทรงกรดครึ่งวงก็ทำได้..แต่พอไปใกล้ชิดระยะหนึ่ง จิตมันเตือนขึ้นมา ทำให้ระลึกขึ้นมาได้ว่า ไม่ใช่ทางหลุดพ้น ไม่ใช่ทางของเรา จริยวัตรและปฏิปทาของอาจารย์คล้ายฤาษี ไม่ใช่แนวที่จิตภายในต้องการ

    จึงปลีกตัวออกมาอย่างเด็ดขาด มุ่งปฏิบัติภาวนาอย่างเดิม เจริญสติ และปฏิบัติสมาธิตามแนวบุญฤทธิ ของหลวงปู่ดู่(เพราะของเดิมๆเคยฝึก กรรมฐานแบบนี้มาก่อน จึงทำได้อย่างสบายๆ) เพื่อเป็นการเสริมกำลังสมาธิให้หนุนการปฏิบัติภาวนาวิปัสสนาให้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น(นี้คือสิ่งสำคัญที่ต้องฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นกสิน หรือกรรมฐานต่างๆ เพื่อเป็นกำลังในการเจริญวิปัสสนาต่อไป อย่าลืมหลักสำคัญส่วนนี้ไป) ส่วนอภิญญาเครื่องรู้ต่างๆเป็นสิ่งที่แถมติดมาด้วย แม้จะตื่นเต้นที่พอจะเริ่มได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็พยายามสอนใจตัวเองเสมอ อย่าไปติดกับสิ่งเหล่านี้ จนละเลยการปฏิบัติวิปัสสนา ..แต่นำสิ่งเหล่านี้ วิชาเหล่านี้ ช่วยเหลือภพภูมิต่างๆ ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม เท่าที่เราจะทำได้ ควบคู่กับการเจริญวิปัสสนา
    (และโชคดีที่เจอคุณนพ ซึ่งเก่งทางด้านกสิน สมาธิ วิชชาต่างๆ ควบคู่กับการ เจริญวิปัสสนา เป็นแนวทาง และข้อคิดในการปฏิบัติหลายๆอย่าง)

    สิ่งสำคัญที่สุด ต้องรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร และจะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไร..การปฏิบัติผม ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด..เป็นบทเรียนสอนใจตัวเองเป็นอย่างดี..แม้จะไปอย่างช้าๆ แต่ถ้าไปได้ถูกทาง สักวันหนึ่ง ก็จะถึงเป้าหมายอย่างแน่นอน

    สาธุธรรมทุกๆท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2014
  16. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    กสิณ ต้องการฝึก ให้ได้ระดับไหนกันล่ะครับ

    จิตสงบ ใจสบาย หรือเอาจิตมีกำลัง หรือเอามีกำลังจิต

    หรือ ให้จิตมีอำนาจ มีพลานุภาพ

    มันมีหลายระดับนะครับ
     
  17. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    สาวกท่านอาจารย์คุณป๋า ก็แอบอ่านนา ไม่รำคาญเลย ชอบค่ะสนุกดีมีประโยชน์ ไม่เบื่อๆจร้า
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    จักระ ๑ อาจร้อนบ้างตอนนี้ จักระที่ท้องก็หมุนเบาๆภายในกายขยาย
    มาถึงหน้าอก ที่หน้าอกหมุนเบาบริเวณผิวและหมุนบางๆเบาๆอยู่
    มีความรู้สึกตึงๆไหลๆลามๆลงมาที่กลางจมูกบ้าง
    ความรู้สึกเหนือระหว่างคิ้วขยายได้ถึงหน้าฝากแม้ตึงบ้างแต่ก็เหมือน
    เป็นปกติเพราะว่าคุ้นเคย
    ที่เด่นคือความรู้สึกตรงกลางกระโหลก..
    .ไม่มีอะไรฝึกต่อไปเรื่อยๆครับ.ลองไปไล่ดู.

    ปล.อาการของใครก็ไม่รู้..๕๕๕


    การรู้และเข้าใจเหมือนคุณตุ้มโฮมถือว่าความเข้าใจมาถูกทางแล้วครับ..
    ส่วนถ้าจะพูดเฉพาะกสิณก็ขึ้นอยู่กับตัวเราครับ.ว่าเราตั้งเป้าหมาย
    ปลายทางไว้ว่าจะฝึกถึงระดับไหน
    อย่างไรเหมือนหมูดิน 1 พูดก็ถูกครับ..แต่ทั้งนี้ทั้ง
    นั้นไม่ว่าเราจะฝึกถึงระดับไหน จะฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม
    มันไม่มีอะไรที่ดีที่สุด. มันไม่มีของฉันผิดของฉันถูก มันไม่มีของ
    ฉันเก่งกว่าดีกว่าของฉันด้อยกว่า..
    หากเพียงแต่เรารู้ว่าเราฝึกกรรมฐานๆกองใดๆก็ตามเพื่อเป้าหมาย
    ที่แท้จริงคืออะไรครับ..เพราะถ้าเดินมาถึงระหว่างทางหนึ่งแล้วไซร์..
    จะพบได้เองว่าทุกๆกองมันจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนี่องด้วยกันทั้งนั้นครับ.

    แต่ด้วยเหตุและปัจจัยที่แตกต่างกันตามแต่ละบุคคล
    ทำให้.เราจึงเริ่มต้นไม่เหมือนกัน..เมื่อทุกกองมันส่งเสริมให้ถึง
    ปลายทางได้ทั้งนั้น.แน่นอนว่ามันย่อมเห็นข้างทางแตกต่างกัน
    เราจึงไม่ควรหมายมั่นปั่นมือว่าข้างทางจะต้องเป็นอย่างนั้น
    หรือควรจะเป็นแบบที่เราเห็นเท่านั้นจนถึงปลายทาง.
    การถ่ายทอด
    ควรตั้งต้นพื้นฐาน
    ของเราใน
    ควรเป็นไปในทางกุศลให้มากที่สุด.
    ไม่ว่าจะออกจากตัวจิตของเราหรือต่อความรู้สึกที่มีต่อบุคคลอื่นๆ
    .เราจึงควรมาพูดมาคุยกันเพื่อช่วยเสริมช่วยหนุน
    ในสิ่งที่ตนได้ประสบเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
    ที่จะยังประโยชน์ต่อตนและบุคคลอื่นๆ.คนที่เข้ามาอ่านก็จะได้ความรู้
    สภาพแวดล้อมในอ่านก็จะดีขึ้น..
    ตัวเราก็จะได้มีประสบการณ์เพิ่มขึ้น เครื่องรู้เพิ่มมากขึ้น
    จากประสบการณ์ที่เราถ่ายทอด...
    โดยส่วนตัวเห็นว่าจะยังประโยชน์กว่า..ประมาณนี้ครับ...
     
  19. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    จักระ ๑ อาจร้อนบ้างตอนนี้ จักระที่ท้องก็หมุนเบาๆภายในกายขยาย
    มาถึงหน้าอก ที่หน้าอกหมุนเบาบริเวณผิวและหมุนบางๆเบาๆอยู่
    มีความรู้สึกตึงๆไหลๆลามๆลงมาที่กลางจมูกบ้าง
    ความรู้สึกเหนือระหว่างคิ้วขยายได้ถึงหน้าฝากแม้ตึงบ้างแต่ก็เหมือน
    เป็นปกติเพราะว่าคุ้นเคย
    ที่เด่นคือความรู้สึกตรงกลางกระโหลก..
    .ไม่มีอะไรฝึกต่อไปเรื่อยๆครับ.ลองไปไล่ดู.
    ปล.อาการของใครก็ไม่รู้..๕๕๕

    :':)':)'(
    ยอมเลยค่ะ ตรงกลางกะโหลกนั่นน่ะ ....

    และรู้สึกจะถี่ขึ้นเรื่อยๆนะคะ เยื้องๆมาทางซ้ายนี่ตอนไม่มีน้ำโหนะคะ ตอนปรกติ แบบนี้พลังงานจากไหนคะเนี่ย
    ...............................................................


    คุณนพคะ เห็นคุณนพพูดเรื่องวิญญาณแฝง ขอคุณนพเล่าเรื่องที่มีพลังานอยู่รอบๆที่ไล่ก็ไม่ไป หรือพวกที่เกาะ , แฝง , อะไรพวกนี้ค่ะ ปีแรกนะคะ ก่อนเข้าถ้ำ ดิฉันสวดมนต์อยู่ดิฉันจะวูบลงให้ได้เลยค่ะ ก่อนหน้านั้นมันมีเหตุอยู่นะคะ ความรู้สึกชัดเจนรุนแรงดิฉันตกใจอยู่เหมือนกัน ดิฉันโดนรุมสองครั้งนะคะ ในความรู้สึกมีมารอบตัวนี่มากกว่าหนึ่งกว่าสอง เอาเป็นว่าดิฉันโดนรุมละกัน ดิฉันแผ่ทันทีเลยค่ะ ครั้งแรกใช้บทสัพเพฯเชิญพระเข้าตัว ครั้งที่สองดิฉันสวดยอดพระกัณฑ์ฯอยู่ซึ่งพอจบบทก็มีบทแผ่อยู่แล้ว แต่อาการวูบนั้นเริ่มตั้งแต่นั้นมาเลยค่ะ นั่งสวดไม่ได้เลยค่ะจะวูบตลอด ชนิดที่ว่าจะน๊อคคาที่เลย แต่ดิฉันประคับประคองกันไปอย่างทุลักทุเลมาก บางคืนเอาไม่อยู่ก็สั้นๆจบ ไปหายเอาที่ถ้ำนั่นแหละค่ะ

    คำถามคือ ต้องทำยังไงบ้างคะ ถ้ามีอาการแบบนี้ เพราะแผ่ก็แล้ว ยังเหนียวอยู่เลยประมาณนี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2014
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,013
    อืม...พอจะเข้าใจครับ.ขอเปลี่ยนวิญญานเป็นคำว่ากระแสพลังงานนะครับ
    .มีเงื่อนไขว่าเป็นกรณีที่เป็นกระแสพลังงานที่มีเจตนาที่
    เป็นอกุศลต่างๆไม่ว่าจะพอมีฤิทธิ์บ้างเช่น พวกภูต หรือ อสูรกาย
    ที่มีฤิทธิ์แต่ไม่มาก ไม่ว่าจะโดนหรือไม่โดนบังคับเพื่อส่งมา
    หรือกระแสพลังงานแบบต่างๆที่เจตนาไม่ดี
    และเรามั่นใจแล้วว่าไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรเรานะครับ
    และไม่ใช่กรณีที่เราเคยไปพลาดพลั้งอยากได้
    เรื่องสัมผัสพิเศษโดยที่เรายังฝึกเจริญสติไม่มากพอจนมีกำลังสติ
    และกำลังสมาธิมากพอที่จะควบคุมการถูกควบคุมจากภายนอกได้..
    แบบที่โดนเค้าเจาะเข้าตรงท้ายทอยเราแบบเราอาจไม่รู้ตัวและ
    เค้าก็ยังพยายามส่งมาหาเราหรือพยายามควบคุมเราเรื่อยๆนะครับ..


    ส่วนคำตอบกรณีแบบนี้คือเราควรจะตั้งต้นด้วยการรวบบารมีพระรัตน์ตรัย.พระพุทธเจ้า
    ทุกๆพระองค์ พระปัจจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยเจ้าทั้งหลาย
    ตลอดจนบารมีครูบาร์อาจารย์ทุกๆท่าน ให้มารวมเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ ณ
    เบื้องหน้าเราให้ได้ก่อน อย่างน้อยให้ปรากฏเป็นอุคคนิมิตรวงกลม และก็ขอบุญใดๆ
    ก็ตามที่เราเคยทำมาตั้งแต่ชาติต้นยันชาติปัจจุบัน.ขอให้มารวมเป็นหนึ่งเดียว
    กันกับบารมีธรรมทั้งหลายของท่านเหล่านั้น.และลูกขอน้อมอุทิศส่วนกุศลนี้
    แปรสภาพเป็นอะไรก็แล้วตามแต่ที่ท่าน(..เช่น เจ้าของเสียงหรืออะไรก็ได้
    ที่สื่อว่าเป็นแหล่งพลังงานนั้น)

    ต้องการและขอให้เป็นขอท่านดังปรารถนาเถิด
    และขอให้ท่าน(.....)ได้โปรดจงรับ..
    และหากท่านใดเมตตารับ.ข้าพเจ้าขอให้
    ครูบาร์อาจารย์ของข้าพเจ้าได้ช่วยปรับภพภูมิให้ท่านเหล่านั้นด้วยเถิด.......


    ก็จะแก้ปัญหาได้.เพราะพลังงานอกุศลจะเป็นพลังงานร้อน เราก็ดับด้วยพลังงาน
    เย็นของ พระรัตน์ตรัยบวกอื่นๆฯลฯ เนื่องจากว่า ถ้าเราเพียวกำลังตัวเอง กระแส
    พลังงานเย็นของเราอาจจจะยังไม่เพียงพอ..ที่จะไปดับกระแสร้อนพวกนั้นได้ครับ
    พูดตรงๆก็คือ เค้าอาจจะยังไม่เกรงใจเราครับ..เนื่องจากอาจเห็นว่าความดีเรายัง
    ไม่มากพอนั้นเองสำหรับเค้านะครับ...และกรณีเราพอมีฤิทธิ์พวกที่
    มีฤิทธิ์เค้าก็จะแซะเราเหมือนกัน.แต่เราต้องใช้เพื่อการต้าน
    มิใช่เพื่อสะท้อนหรือทำลายกลับ..ไม่งั้นจะเข้าทำนอง
    "ไล่หมาอย่าให้จนตรอก..
    อำนาจมีอย่าใช้หมด
    ตัดหนทางจะสิ้นบุญ
    วาสนาจะสิ้นตาม''

    คงพอเห็นภาพนะครับ..

    ที่นี้ในกรณีที่เจอกระแสร้อนแรงกว่าปกติ
    โดยวิสัยของนิสัยเค้าแล้วจะรับไม่รับกระแสเย็นง่ายๆ
    มักจะมีลักษณะนิสัยที่จะต้องส่งกระแสร้อนๆมารบกวนเราก่อน..หน้าที่เราก็คือ
    รวมบารมีและส่งกระแสเย็นซ้ำไปเรื่อยๆ..จนกว่ากระแสร้อนพวกนั้นจะจางลงไป..
    และก็ไม่ลืมที่จะบอกให้ครูบาร์อาจารย์ช่วยปรับภพภูมิให้..

    หลักสำคัญ ไม่ว่าเราจะมีกำลังจิตแค่ไหน ดีแค่ไหน ห้ามใช้ความสามารถและบารมี
    เราเพียวๆในการปรับภพภูมิครับ..เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเรา.อย่างน้อยต้องอ้าง
    บารมีพระรัตนตรัยเป็นทุน..เพราะเรื่องปรับภพภูมิอย่างนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเราโดยตรง
    แม้ว่าเราจะเคยทำได้..แต่ควรให้เลิกทำ.ถ้าจะทำอย่างที่บอกต้องอ้างพระรัตน์ตรัยฯลฯ
    ไว้ก่อน..เพราะกำลังใจมนุษย์ทั่วๆไปมันมีขึ้นมีลง ไม่มั่นคงหรือมากล้นเหมือนครูบาร์
    อาจารย์ทางภพภูมิในระดับที่กระแสพลังงานร้อน
    ต่างๆจะเกรงใจได้.สำคัญเราต้องนึกถึงบารมีพระรัตนตรัย
    และบารมีอื่นๆฯลฯให้ออก..หน้าที่เราคือเป็นตัวกลางสำหรับเรื่องนี้ก็พอ

    และแม้ว่าเราจะมีความสามารถทางจิตที่ทำอะไรได้ก็ตาม..ไม่ควรไปทำอะไรโต้ตอบ
    เค้าเป็นอันขาด ให้จำไว้ว่า เราจะต้องไม่เป็นศัตรูกับภพภูมิใดๆทั้งสิ้น..ไม่งั้นญาติพี่
    น้องเค้า หรือ พันธมิตรเค้าที่นับย้อนรวมกันไปย้อนหลังไม่รู้ว่ากี่ภพกี่
    ชาติเค้าจะรวมมาสหเราทันทีตอนที่เรากำลังอ่อนแอได้.
    ประเด็นนี้เราอาจจะยังคาดไม่ถึงครับ..
    .

    ปล.ถ้าจะขึ้นหลังเสือก็ควรขึ้นอย่างสง่างามด้วยครับ
    เหตุเพราะเราสร้างความดีจนเสือเชิญเราให้ขึ้น
    และถ้าจะลงจากหลังเสือก็ควรจะ
    ลงอย่างสง่างามเพราะเสือได้ร่วมเดินทาง
    มากลับเราและในระหว่างทางเราก็มิได้ไปทำร้าย
    หรือทำลายใคร.มาอย่างนี้เมื่อถึงปลายทางแล้ว
    เราก็จะได้รับการตอนรับที่ดีด้วยครับ
    จากพันธมิตรระหว่างทางที่เราเจอ
    เค้าจะเล่าๆบอกๆกันมา..
    หากได้ขึ้นแล้วเราเผลอไปพลาดพลั้ง
    ไปทำร้ายไปทำลายใคร ด้วยหมายมั่นปั่นมือ
    ว่าเรามีเสือเป็นพาหนะแล้วไซร์
    ..เราก็จะโดนพวกที่เค้ารอเราลงจากหลังเสือ
    มาขวางช่วงปลายทางตอนที่เสือมาส่งเราครับ.
    ประเด็นสุดท้ายเล่าให้ฟังเฉยๆครับ...
    แค่นี้ก่อนนะครับ กรณีอื่นๆถ้าสนใจจะมาเล่าให้ฟังครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...