เมื่อผู้พิทักษ์ความดีออกส่งกรรมให้แก๊งรถซิ่งนรก

เมื่อหลายปีก่อน แก๊งค์ซิ่งรถแข่งรถมอเตอร์ไซด์ระบาดมาถึง

ย่านจังหวัดที่กระผมอาศัยอยู่ ในต่างจังหวัดแก๊งค์สวะพวกนี้อาจจะไม่เลวร้าย

และใหญ่โตเหมือนดั่งในเมืองหลวง แต่ก็เริ่มมีปัญหาด้านต่างๆตามมาในกลุ่ม

วัยรุ่น กลุ่มนักเรียน และกลุ่มเด็กที่ไม่เรียนหนังสือ พวกนี้หลงผิดคิดนิยมชม

ชอบในความเร็วและการเสี่ยงตาย(พวกมึงจะได้ตายสมใจ) เมื่อมีการแข่งขัน

การพนันก็เริ่มขึ้น มีทั้งยาเสพติด ลักขโมย ไถตังพ่อแม่ นำรถมอเตอร์ไซด์ใช้

งานของที่บ้านมาแต่งเป็นรถแข่ง และที่เลวร้ายที่สุด มีการพนันในตัวเด็กสาวใจ

แตก ผู้หญิงที่นิยมชมชอบและเห็นว่า ผู้ที่ขับรถเร็วแบบไม่เกรงใจชาวบ้านเป็นฮี่

โร่

 

ท่าน หัตถ์พระเจ้า มองเป็นเหตุเป็นผลดีครับ ผมกำลังคิดว่า จะสมัครใหม่ ใช้ชื่อว่า ฝ่ามือยูไล จะได้มาลองปะทะฝ่ามือ วัดพลังลมปราณกันดู น่าสนุกดี อิอิ...

ว่าแต่ ข้อความท่าน ต้องการสื่ออะไรหรือครับ หรือ ที่มาและความสำคัญของปัญหา แก๊งรถซิ่ง หุๆๆ

 

คุณ God Hand กำลังจะบอกว่าตนเป็นผู้ส่งกรรมให้พวกนักซิ่งเหล่านั้นใช่หรือไม่ครับ? ถ้าใช่...
มีสัญญาณอะไรบอกคุณเอ่ยว่าคุณกระทำในนามของพระเจ้า?

โอ้วหรือว่าคุณนั่นเอง Ghost Rider ว้าว

ส่วนตัวผมก็เชื่อเหมือนกันในบางส่วนเกี่ยวกับภารกิจที่พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้ทำ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข เพื่อความยุติธรรม - -" สำหรับบางคนมันติดอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกที่ดี แต่กลับใช้จิตใต้สำนึกที่ไม่ดีควบคุมมัน มันเลยทำให้ผิดกฏบนโลกมนุษย์ ทั้งๆ ที่ทำไปด้วยความตั้งใจดี และหวังดี... คุณได้รับจิตใต้สำนึกนี้จาก หนังหรือเกมส์ใดขอรับ...?

ส่วนตัวผมได้มาจาก The Masquerade - Redemption. เกมส์เกี่ยวกับแวมไพร์ครับ เนื้อเรื่องสุดยอดมากผมชอบหมดใจ มันเลยทำให้บางทีก็คิดว่าตัวเองทำภารกิจนั้นๆ อยู่โดยไม่รู้ตัว แล้วยิ่งมันเหมือนจริงเท่าไรใจเราก็ยิ่งเชื่อ แต่ทั้งหมดมันก็บอกแล้วว่ามาจากจิตใต้สำนึก

ผมว่าความจริงแล้ว พลังที่คุณคิดว่ามีมันมาจากจิตใต้สำนึก ผมก็เคยรู้สึกถึงสัมผัสแปลกๆ อย่างเช่น Doppelganger ในตัวเองแต่ว่า ทั้งหมดนั้นผมสรุปได้แล้วว่ามันมาจากจิตใต้สำนึกของเราเอง ที่ทำให้เรามีความสามารถ หรือสมรรถภาพในการมองเห็นหรือคิดมากขึ้น...

เคยได้ยินอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับพลังจิตคนหนึ่ง บอกไว้นะว่า คนเราปกติแล้วใช้พลังจากจิตใต้สำนึกในชีวิตประจำวันไม่ถึง 10% นั่นก็หมายความว่าทุกคนสามารถรู้สึกเทพได้ด้วยตัวเอง... ถ้าสามารถนำพลังจิตใต้สำนึกมาใช้ได้มากถึง 50% ...อืม

อันนี้ผมกล่าวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางจิตนะครับ ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์อะไร
ผมว่าส่วนตัวแล้วผมคงเข้าใจไม่ถ่องแท้ เท่านักวิชาการที่ศึกษาทางด้านพลังจิต หรือจิตใต้สำนึก เท่าไรนักนะครับ

ผมว่าบุคคลเหล่านั้นคงจะกล่าวได้เข้าใจมากมายกว่า lol

เพราะงั้นผมจึงคิดว่าการปฏิบัติธรรมมะ นั่งสมาธิ ต่างๆ เป็นการส่งเสริมและดึงพลังจากจิตใต้สำนึกที่ดีมาใช้งาน ยิ่งชำนาญ ก็ยิ่งทำให้เห็น และรู้แจ้ง...

เอาเถอะผมไม่กวนละ เล่าต่อเถอะติดตามอยู่ เหอเหอเหอ

 

ยังไงต่อคะ

 

เห็นได้ว่า กระทู้นี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมน้อยนิด เมื่อตั้งชื่อหัวข้อกระทู้ว่าผู้พิทักษ์ความดี ต่างกับ กระทู้มนุษย์คือตัวอสุจิ ที่มีบุคคลเข้าเยี่ยมชมนับพัน

นั่นแสดงให้เห็นว่า พวกท่านมีความกระหายใครรู้ในกาม มากกว่าใครจะทำความดี แต่กลับปฏิเสธการถือกำเนิดของตัวเองอย่างก้าวร้าว
ด้วยการก่นด่าอย่างขาดสติ

 

สมควรมั้ยเมื่อท่านเข้ามาด่ากันในเว็บศาสนา เว็บแห่งความศักสิทธิ์


การด่ากันนั้นแสนง่าย เหมาะกับผู้อ่อนแอและโง่เขลาจะนำมาใช้เป็นอาวุธ เมื่อท่านคิดว่า เอาล่ะกูเกลียดมัน กูไม่ชอบอย่างนี้นะ ไอ้นี่มันไม่ใช่ สมควรจะด่า
กระผมรู้ว่า ใจท่านคิดอย่างไร ท่านจะคิดว่า ตอนนี้ท่านนั่งเล่นเน็ตอยู่ใต้หลังคา มีกำแพงบ้านล้อมรอบแน่นหนา ไม่มีใครสามารถทำอะไรท่านได้ ท่านกำลังคิดเหมือนผู้หญิง เพราะผู้หญิงนั้นเป็นเพศอ่อนแอไม่สามารถสู้รบปรบมือกับชายชาตรีได้ด้วยกาย พวกหล่อนจึงมักจะระบายความไม่พอใจด้วยการด่า
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือพวกโสเภณี พวกผู้หญิงขายตัว เรียกง่ายๆก็คือกะหรี่ ที่เมื่อโดนลูกค้าขี้เมาเอาเปรียบ เบี้ยวค่าใช้บริการ พวกเธอก็จะด่า เอามือเท้าสะเอวยืนด่า

ท่านอยากเป็นเช่นนี้หรือ

 

เรียนคุณ Masquerader การกระทำทั้งหลาย ไม่ได้เกี่ยวโยงกับหนังหรือเกมส์แต่อย่างใด หากแต่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจาก สามัญสำนึกแห่งความดีดำรงค์ไว้ซึ่งความถูกต้องเท่านั้น

 

ท่าน หัตถ์พระเจ้า มีแนวความคิดที่น่าสนใจ คนที่ชอบเอาแต่ด่าผู้อื่น ย่อมแสดงความโง่เง่าของตนเองออกมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้ ทำเป็นแต่ด่า หรือไม่ก็เหน็บแนมเสียดสี การด่ากันจึงไม่สมควรให้เกิดในเว็บพุทธศาสนาเช่นนี้

แต่การโต้แย้งกันด้วยธรรม อันนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะจะช่วยเสริมสร้างปัญญาให้กับคู่สนทนาได้

ผมไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบของท่านสักเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่สมควรเอาผู้หญิงมาเปรียบเทียบในทางเสียๆหายๆ ฟังดูแล้วเหมือนไม่ใช่สุภาพบุรุษยอดอัศวินสักเท่าไหร่นัก หากสามารถหาตัวอย่างอื่นได้ ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย...

 

การให้อภัยแก่ผู้กระทำผิด
เมื่อท่านยืนอยู่อย่างสบายอารมณ์ มีชายผู้หนึ่ง เอามีดมาปักลงที่ท้องท่านจนไส้ทะลุ แล้วเขาผู้นั้นก็กล่าวว่า "ขอโทษครับพี่ กระผมจำคนผิด อย่าถือสาหาความกันเลยครับ เอ่อ ผมขอมีดคืนด้วยครับ"

คำขอโทษของเขาจะไร้ซึ่งความหมาย

 

แล้วทำไมถึงไร้ความหมายละ

 

ทำไมถึงไร้ความหมายหรือขอรับ ก็เพราะการขอโทษแสดงถึงความมักง่าย ทำผิดแล้วขอโทษ "ขอโทษนะทีหลังจะไม่ทำอีกแล้ว" เชื่อว่าในชีวิตประจำวัน คำนี้จะได้ยินกันจนชินหู ไม่ได้เป็นคำขอโทษที่มาจากความสำนึกผิดที่จริงใจแต่อย่างใด

ไม่ทำผิดเลยซะดีกว่า จะมากล่าวคำว่าขอโทษ เพราะฉนั้นจะคิดทำอะไรให้ไตร่ตรองให้ดี เพราะเวลาไม่สามารถย้อนเปลี่ยนสิ่งที่ทำไปแล้ว และคำขอโทษก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างเป็นอย่างเดิม

 

เป็นไปได้ที่ไหน คนจะเผลอสติ เขาก็ต้องเผลอ

นี่เขาก็อุตสาห์จิ้มแล้วดูหน้า แล้วยังมีสติขึ้นมา

เห็นว่าไม่ใช่ แล้ว ยังมีสติเอ่ยคำขอโทษอีกนะ

 

เรียนท่านเล่าปัง

ท่านเล่าปังเข้ามาโต้กับกระผมอีกแล้ว ท่านขอรับ คนเรานั้น

เมื่อจะทำร้ายผู้อื่นด้วยการใช้มีดแทง ย่อมเล็งเห็นผลที่จะตามมา ถ้าทาง

กฎหมายเค้าเรียกว่าเจตนาหรือพยายามฆ่า ถือเป็นการทำผิดทางอาญาอย่าง

แน่นอน แต่ในกรณีของสามัญสำนึก การที่ถือมีดไปห้ำหั่นชีวิตผู้อื่นย่อมไม่ดีแน่

และการกระทำนั้นผิดเป้าหมายไปโดนหนุ่มผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รึอาจจะไปโดน

คุณลุงเคราะห์ร้าย ผู้ที่เป็นลูก พี่ น้อง ญาติ หรือใครก็ตาม คนที่ทำอย่างนี้ถือว่า

เป็นบุคคลอันตราย ถึงเค้าจะให้คำขอโทษแล้วเดินจากไป หลังจากนั้นชายที่

โดนแทงเกิดเลือดตกในตาย คำขอโทษจะไปมีความหมายอะไรล่ะทั่น คนแบบ

นี้แหละที่กระผมพยายามบอกว่า ต้องกำจัดให้สูญพันธุ์

 

นั่นก็มุมมองหนึ่ง

เอาอย่างงี้

นาย เอ มาจิ้ม ลุง ซี แล้วหนีเลย ไม่ตรวจผลงานเลยว่า

กับ

นาย บี มาจิ้ม ลุง ซี แล้วตรวจผลงานเสียหน่อย แต่อุตสาห์ขอโทษอีก เพราะผิด

อย่างนี้ ผมถามซื่อๆ คุณว่า นาย เอ กับ นาย บี คนไหนดูดีกว่า

 

การทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะเลวร้ายสักแค่ไหน แต่ถ้ารู้จักสำนึกผิด ก็สมควรให้อภัย ตามหลักของกรรม การที่นาย ก มาแทง นาย ข ถึงแม้จะสำคัญผิดก็ตาม ย่อมมีสาเหตุมาจาก กรรมที่ นาย ข เคยทำไว้กับ นาย ก ในอดีตชาติ อย่างแน่นอน จึงพอสรุปได้ว่า เป็นการชดใช้หนี้กรรมกันไป

แต่หากการทำร้ายผู้อื่น แล้วขอโทษแบบขอไปที ไม่ได้รู้สึกสำนึกใดๆ ก็ไม่สมควรให้อภัย อันนี้แล้วแต่กรณี

บอกตามตรง ผมก็เห็นด้วยกับ คุณ หัตถ์พระเจ้า คนเลวๆ บางครั้งก็ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไอ้สารเลวพวกนี้ ไม่ควรเอาไว้ให้รกโลก เพราะขืนอยู่ต่อไป ก็จะมีแต่ทำร้ายผู้อื่นสืบไป

แต่หากพิจารณาตามหลักธรรมด้วยปัญญา จำเป็นต้องให้อภัย เพราะคนเหล่านั้น มีอวิชชาอยู่ในใจ ทำไปด้วยกิเลสต่างๆ นานา หากเขารู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี ส่งผลเป็นบาปที่ต้องชดใช้ และมีความละอายต่อบาป เขาคงไม่ทำเช่นนั้น แต่การให้อภัยไอ้เลว หากเราเข้าไม่ถึงหลักสัจธรรมและพรหมวิหาร ก็คงทำใจได้ยากยิ่ง...

 

คนเราเกิดมากีกิเลส ย่อมมีพลาดพลั้งได้ทั้งตั้งใจ-ไม่ได้ตั้งใจ
หากรู้ตักว่าทำผิดแล้ว ขอโทษด้วยความจริงใจต่อบาปที่ได้ทำไปแล้วแล้วจะไม่ทำอีก ก็สมควรให้อภัย แต่ดีที่สุดก่อนจะทำอะไรลงไปควรมีสติ คิดก่อนทำ

 

คำของท่านวิมุตติ ถูกใจกระผมจริงๆ
ส่วนน้อง onlyli คิดดีแล้วขอรับ (ขออภัยที่เรียกน้องเพราะเห็นหน้าอ่อนๆ)
ส่วนคุณเล่าปังนั้น ไอ้ บี ดีกว่านิดนึงขอรับ

 

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ตัวเอกของเรื่องนี้ก็คือเส้นลวดขอรับ ไม่โป้งป้างตึงตัง ไม่อึกทึกครึกโครมแถมยังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ


เมื่อเกิดแก๊งสวะเหล่านี้มาป๊วนเปี๊ยนแถวย่านบ้านท่าน ย่อมเป็น

พิษเป็นภัยกับสังคมแถวนั้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเยาวชน ที่มัก

นิยมหลงผิดไปในทางต่ำ เมื่อเกิดแก๊งค์ซิ่งรถกวนเมือง แน่ล่ะขอรับเจ้าหน้าที่

ของทางการก็ย่อมเข้ามาดูแล จับรถ ตั้งด่าน ตรวจค้น แล้วก็หยุดเพราะเจ้า

หน้าที่ขี้เกียจ คิดดูสิขอรับ คนเราทำงานมาเหนื่อยทั้งวันย่อมอยากกลับไปพัก

ผ่อนนอนที่บ้านหลังเลิกงานเป็นธรรมดา แล้วใครมันจะมาตามจับแก๊งค์นรก

พวกนี้ได้ทุกวันขอรับ

 

สมมตินะสมมติ

ถ้าเผอิญ คนขี่รถซิ่งนรกที่มาถึงเส้นลวดคนแรก คือ คนที่กำลังจนปัญญา
กำลังมีปัญหาชีวิต พ่อป่วยหนัก ต้องการเงินอีกนิดหน่อย ซึ่งด้วยปัญญาอัน
น้อยนิด พอทราบมาว่า ถ้าแข่งรถชนะ จะได้รถของฝ่ายตรงข้าม ส่วนสาวนั้น
แท้จริงใจเขารู้เต็มอกว่าเป็น กาเมสุมิจฉา จึงไม่ได้คิดอะไรตรงนั้น ต้องการได้รถมา
แล้วเอามาขาย คงได้สัก สี่ส้าห้าพัน ก็พอเป็นค่ายา หรือ ไม่ก็ค่ารถนำส่งพ่อไปรักษาในตัวเมือง
ครั้นจะขายรถตัวเองนั้น ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องใช้ทำมาหากินในสัมมาอาชีวะ
ทุกอย่างทำดีมาตลอด แต่ติดปัญหาต้องการเงินเร่งด่วน ไม่อาจตัดทุนกิจการออกมาใช้ได้

จึงตัดสินใจ มาซิ่งรถ

แล้ว ผู้หนึ่ง ด้วยความไม่รู้ชัด แก้ปัญหาอย่างขลาดเขลา

ทั้งหนุ่มผู้นั้น และ พ่อ และ น้องๆ ต้องสาแหรกขาดไปในคราวเดียว

น้องสาวต้องดิ้นรนหางานทำ ถ้าหาไม่ได้ ก็อาจจะมาหาหัตถ์พระเจ้าเพื่อ
เสนอบางอย่าง แต่อาจจะไม่มีปัจจัยเอื้ออำนวย......โอ้....ชีวิต

ทุกอย่างติดวังวนที่น่าบัดสบกว่าเดิม

ชีวิตของครอบครัวนี้ต้องบัดสบกว่าเดิมเพราะน้ำมือคนเช่นไร

คนเช่นนั้นถ้ามีสมองกว่านี้ จะเข้าไปสอนสั่ง จะกล้าพอเดินเข้าไปหา
ไม่มุดหัวทำตัวแย่ยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดา ตัดสินทำไปเพราะความเขลา
และ ขลาด โดยแท้

สมมติ นะ สมมติ

 

อืม...แต่ถ้าทำให้พวกเขากลับตัวได้ แล้วมาอยู่ฝ่ายเราแทน มันก็น่าจะดีกว่า ประหารฆ่าให้สิ้นซากนะครับ

ตามตำราพิชัยสงครามเลย ฮ่าๆๆๆ