3เหตุกับการบินมาเล ในระยะ19วัน นับจากเหตุแรกถึงเหตุที่3 คุณคิดอย่างไร

3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการเดินทางหรือโดยสารทางเครื่องบินของประเทศมาเลเซีย
3 เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของการโดยสารเครื่องบินของมาเลเซีย
3 เหตุการณ์กับ 1 ประเทศ กับการเดินทางประเภทเดียวกันในระยะเวลาเดือนเดียวกัน
3 เหตุการณ์ที่เกิดติดต่อกันในช่วงระยะเวลา 19 วันกับสายการบินของประเทศมาเลเซีย

เพื่อนสมาชิกคิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญหรือเหตุจงใจให้บังเอิญ


8 มี.ค. 2557 MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส (MAS)หายไปจนถึงวันนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมที่แท้จริง


24 มี.ค.2557 เครื่องบินโดยสารสายการบิน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH66 ประสบปัญหาระบบไฟฟ้าขัดข้อง ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินฮ่องกง สลับเปลี่ยนเครื่องบินให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปยังที่หมายเกาหลีใต้อย่างปลอดภัย



26 มี.ค.2557 เครื่องบินของสายการบิน มาลินโดแอร์ (Malindo Air) เกิดเพลิงลุกไหม้เครื่องยนต์ขณะทะยานขึ้นจากสนามบินในเมืองสุบัง (Subang) รัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย นักบินติดสินใจนำเครื่องลงจอดได้อย่างปลอดภัย

 

ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก มีอาวุธอยู่ในเครื่องบินเที่ยวนั้นเเละจะไปเเดนมังกรมี 2 สาเหตุคือ

- ไปทำลายเเดนมังกร เเต่ข่าวรั่ว ก็เลยโดนเจ้าภาพเก็บก่อน เเล้วเอาไปทิ้งมหาสมุทรอินเดีย เเต่ก่อนโดนทิ้งไปจอดบางที่ก่อน เอาของลง ก่อนเอาไปทิ้งลง มหาสมุทรอินเดีย เพราะเเถวนั้นพายุคลื่นลมเเรงมากยากที่จะค้นหาได้เจอ ซึงมันบังเอิญเกินไปว่ามะ

- มีตัวอย่างอาวุธใหม่ล่าสุด ถ้ามังกรได้ไป อินทรีย์หนาว ก็เลยต้องเกิดปฏิบัติการ มิสชันอินพอสซิเบิลขึ้น ดาวเทียมอินทรีย์สามารถเเสกนพื้นผิวดาวอังคารได้ เเค่มหาสมุทรอินเดียทำไมหาไม่เจอ

สาเหตุคือ ต่ำเเหน่งเครื่องบินมันเเวบไปเเวบมาได้นี่เเหละสาเหตุมันไปได้ไกลเกินไป

เเต่ไม่รู้ผลเป็นยังไง ผู้โดยสารตายหมด นี่คือเท็จจริง คนที่รู้น่าจะเพื่อนบ้านเราตอนนี้

 

ช่วงหลังๆนี้ดินเเดนอินทรีย์เจอเงินหนาของ มังกร ตีจากภายใน เเถม อินทรีย์ยังเป็นหนี้มังกรใช้ 20 ปีก็ไม่หมด จากพันธบัตรของอินทรีย์ เเละมังกรตอนนี้ เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายในอินทรีย์ เช่น โรงหนังเป็นต้น มังกรได้โรงหนังในดินเเดนอินทรีย์เกือบหมดเเล้วคิดดูว่า นี่เเค่บันเทิงอย่างเดียวนะยังมีอีกเยอะที่มังกรล่ออินทรีย์ซะเละ ในสงครามการเงิน ไม่เเปลกที่อินทรีย์จะเอาคืนมังกร

 

เพิ่มเติมลองคิดดูนะ

ถ้ามีปืน 1 กระบอกรุ่นใหม่ ไปอยู่ในมือคนที่มีปืนอยู่เเล้ว กับ ไปอยู่กับคนที่ไม่เคยมีปืนมาก่อนเลย เราเป็นบุคคลที่สาม ควรจะกลัวคนไหนมาากกว่ากันหละ

เป็นผมกลัวคนที่ไม่เคยมีปืนมาก่อน ก็ยกตัวอย่างเห็นๆในบ้านเรานี่เเหละ เมื่อก่อนเป็นคนใช้ได้นะ เเต่ได้อำนาจมาเเล้ว ก็หลงอำนาจทำเลวต่างๆนาๆ เพื่อให้ตัวเองได้อำนาจมาอยู่กับตัว ไม่สนว่าจะทำเลวทรามขนาดไหน อำนาจมันทำคนเปลี่ยนได้หมด

 

อีกแล้ว มาเลเซีย


ระทึกอีก! เครื่องบิน “มาเลเซีย แอร์ไลน์ส” มุ่งหน้าอินเดีย ต้องลงจอดฉุกเฉิน หลังฐานล้อไม่ทำงาน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2557 02:10 น.



รอยเตอร์/เอเจนซี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกิดเหตุระทึก เมื่อเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส พร้อม 166 ชีวิตบนเครื่องต้องบินกลับมาลงจอดฉุกเฉินยังสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ในวันจันทร์ (21) หลังไม่สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองบังกาลอร์ในอินเดียได้ เพราะเกิดปัญหากับ “ฐานล้อ”

คำแถลงของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สระบุว่า เครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737-800 เที่ยวบิน “MH192” พร้อมผู้โดยสาร 159 คนและลูกเรืออีก 7 คน ประสบปัญหาการทำงานผิดปกติของฐานล้อด้านขวา ระหว่างการทะยานขึ้นฟ้า เป็นเหตุให้นักบินต้องพยายามนำเครื่องกลับมาลงจอดฉุกเฉิน ณ สนามบินกัวลาลัมเปอร์

ขณะที่เว็บไซต์ “flightradar24” ซึ่งแสดงข้อมูลจราจรทางอากาศสด เผยให้เห็นเที่ยวบินดังกล่าวทำการบินวนซ้ำๆ เป็นวงกลมก่อนจะลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเมืองหลวงของมาเลเซียได้ในที่สุด

ด้านฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย เผยผ่านทวิตเตอร์ในวันจันทร์ (21) โดยระบุ เที่ยวบิน “MH192” สามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยแล้ว และตัวเขากำลังเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว เที่ยวบิน “MH370” ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ซึ่งมีจุดหมายที่กรุงปักกิ่งของจีน ได้หันหัวกลับและบินออกนอกเส้นทาง ก่อนจะหายไปอย่างเป็นปริศนาพร้อม 239 ชีวิตบนเครื่องและยังหาไม่พบจนถึงขณะนี้ ท่ามกลางความร่วมมือของหลายประเทศในการค้นหาร่องรอยของเที่ยวบินดังกล่าวทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ที่คาดว่าอาจเป็นจุดที่เครื่องดิ่งลงทะเล

 

อีกเหตุการณ์แล้วที่เกิดขึ้นกับการเดินทางอากาศของมาเลเซีย


โศกนาฏกรรมบินมาเลย์ถูกยิงร่วงในยูเครนดับยกลำ295ศพ
เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกยิงด้วยจรวดต่อต้านอากาศยานตกทางภาคตะวันออกของยูเครน ผู้โดยสารพร้อมลูกเรือ 295 คนเสียชีวิตทั้งหมด ยูเครน-กลุ่มกบฎต่างกล่าวหาอีกฝ่ายเป็นผู้ยิง ด้านกต.สั่งสถานทูตไทยในเนเธอร์แลนด์-รัสเซีย-มาเลย์ ตรวจสอบมีคนไทยตกเหยื่อด้วยหรือไม่







สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ว่า เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินแห่งชาติมาเลเซียถูกยิงตก ทางภาคตะวันออกของประเทศยูเครนเมื่อวันพฤหัสบดี โดยรายงานระบุ เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบินที่ เอ็มเอช 17 บรรทุกผู้โดยสาร 280 คน นักบินและลูกเรืออีก 15 คน ออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงเนเธอร์แลนด์ เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 17 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น มุ่งหน้าสู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงมาเลเซีย กำหนดถึงจุดหมายในเวลา06.10 น.วันที่ 18 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบินเมื่อเวลา 14.15 น.ตามเวลามาตรฐานสากล หรือตรงกับเวลา 21. 15 น.ตามเวลาในประเทศไทย ก่อนตกแถบชานเมืองชาห์ตาร์สก์ เขตโดเนตส์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ใกล้กับเขตแดนรัสเซีย ผู้โดยสารนักบินและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด

รายงานระบุว่า เที่ยวบินดังกล่าวถูกยิงโดยจรวดต่อต้านอากาศยานแบบพื้นสู่อากาศ บียูเค ขณะบินอยู่ในระดับความสูง 10,000 เมตร (33,000 ฟุต) จากพื้นดิน ซึ่งเป็นพิสัยการบินปกติของเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศ และจุดที่ตกเหลือระยะทางอีกประมาณ 50 กิโลเมตร เครื่องบินลำดังกล่าวก็จะบินเข้าสู่เขตน่านฟ้าของรัสเซีย แลอยู่ในพื้นที่ที่เกิดกรณีพิพาท และการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอด 4 เดือน ระหว่างทหารกองทัพยูเครน กับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย

นายแอนตัน เกราชเชนโก เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยยูเครน เผยที่กรุงเคียฟ ว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงตกโดยกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งเป็นคำที่ทางการยูเครนใช้เรียกกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย โดยยิงด้วยจรวดต่อต้านอากาศยาน บียูเค และผู้ที่อยู่บนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด ขณะที่ประธานาธิบดีเปโดร โปโรเชนโก ผู้นำยูเครน กล่าวยืนยันหลังรับทราบรายงานว่า ทหารยูเครนไม่ได้ยิงเป้าหมายใดๆ บนท้องฟ้าขณะเกิดเหตุ

ทางด้าน นายอเล็กซานเดอร์ โบราได หัววหน้ากลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนภาคตะวันออกยูเครน เผยต่อผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ รอสซิยา 24 ของทางการรัสเซีย ว่า กองทัพอากาศยูเครนเป็นผู้ยิงเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียตก ส่วนผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ เผยว่า เห็นซากเครื่องบินลำดังกล่าวบนพื้นดิน ไฟกำลังลุกไหม้ เศษซากชิ้นส่วนเครื่องบินกระจายตกในรัศมีประมาณ 15 กิโลเมตร และเห็นผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 ศพศพ ในเขตหมู่บ้านกราโบโว ห่างจากเขตแดนรัสเซียประมาณ 40 กิโลเมตร และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในการยึดครองของกลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซีย

สมาชิกกลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนยูเครน จากเมืองกราสนี ลุช ที่อยุ่ติดกับเมืองชาห์ตาร์สก์ ซึ่งเผยชื่อเพียงนายเซอร์เก เผยต่อผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ว่า ขณะเกิดเหตุเขายืนอยู่บนเฉลียงบ้าน เห็นเครื่องบินลำดังกล่าวลดระดับลงต่ำอย่างรวดเร็ว และได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น 2 ครั้งหลังจากนั้น นายเซอร์เกกล่าวอีกว่า กรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ก็จากการยิงของเครื่องบินรบ หรือไม่ก็จรวดแบบพื้นสู่อากาศ แต่กลุ่มกบฎของเขาไม่มีอาวุธที่สามารถยิงเครื่องบินที่บินอยู่ในความสูงระดับนั้นได้

ด้าน นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย 3 แห่ง คือ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศต้นทาง สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซียซึ่งเป็นประเทศที่เครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ ตก และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศเจ้าของสายการบิน ให้ทำการติดต่อกับทางสายการบินดังกล่าวเพื่อหาทางตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารว่ามีคนไทยอยู่ด้วยหรือไม่โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ประเทศไทยขอแสดงความเสียใจกับมาเลเซียที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นด้วย.

โศกนาฏกรรมบินมาเลย์ถูกยิงร่วงในยูเครนดับยกลำ295ศพ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

มาเลเซียลั่นต้องมีคน 'รับผิดชอบ' โศกนาฏกรรมเอ็มเอช 17
รัฐบาลมาเลเซียเผยตะลึงกับโศกนาฏกรรมเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส พร้อม 298 ชีวิต ถูกจรวดยิงตกทางตะวันออกของยูเครน ประกาศกร้าวต้องมีคน "รับผิดชอบ"


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ว่านายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ผู้นำมาเลเซีย แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ว่าสร้างความตกตะลึงให้กับชาวมาเลเซียทั้งประเทศ เนื่องจากเกิดขึ้นเพียง 4 เดือน หลังการหายสาบสูญของเที่ยวบินเอ็มเอช 370

เบื้องต้นรัฐบาลมาเลเซียส่งคณะทำงานพิเศษเดินทางไปยังยูเครนเป็นการด่วนแล้ว เพื่อร่วมสืบสวนการตกของเครื่องบิน ใกล้เมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน แม้เป็นพื้นที่ขัดแย้งระหว่างทหารกับกลุ่มกบฏ แต่มาเลเซียยังไม่ขอยืนยันในเวลานี้ ว่าเครื่องบินตกหลังถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศแบบ "บั๊ก" ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องถูกจับกุมมารับโทษตามกฏมาย

ผู้นำมาเลเซียกล่าวด้วยว่า การที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ไอซีเอโอ ) ประกาศให้น่านฟ้ายูเครนเป็นพื้นที่ปลอดภัย ทำให้เครื่องบินพาณิชย์เกิดความไว้วางใจและเลือกเดินทางผ่าน กระนั้นหลังเกิดเหตุ ผู้บริหารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส มีคำสั่งให้เที่ยวบินของบริษัททั้งหมดที่มีเส้นทางเข้า-ออกทวีปยุโรป ปรับเปลี่ยนเส้นทางโดยเลี่ยงบริเวณนี้แล้ว

ขณะที่รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ กล่าวถึงกรณีเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ว่าไม่ใช่ "อุบัติเหตุ" ซึ่งวอชิงตันจะให้ความช่วยเหลือกับทุกฝ่ายในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ บรรทุกผู้โดยสาร 283 คน ในจำนวนนี้ 154 คนเป็นชาวฮอลแลนด์ และลูกเรืออีก 15 คน มีเส้นทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ มุ่งหน้ากรุงกัวลาลัมเปอร์ ในมาเลเซีย ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินพลเรือนของยูเครนเมื่อบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนประสบเหตุถูกยิงตกที่ทุ่งหญ้าใกล้เมืองโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน จนถึงเวลานี้ยังไม่มีผู้ใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ด้านรัฐบาลและกบฏยูเครนต่างออกมากล่าวโทษกัน

 

รัฐบาล-กบฏยูเครนออกโรงโบ้ยอีกฝั่งสอยบินมาเลย์ร่วง
รัฐบาลและกบฏยูเครนยังคงกล่าวโทษกัน ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ยิงเครื่องบินโดยสารของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ตกทางตะวันออกของประเทศ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 298 ศพ



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ว่าประธานาธิบดีเปโตร โปรโรเชนโก ผู้นำยูเครน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งในนามของรัฐบาล ไปยังครอบครัวของผู้ที่อยู่บนเที่ยวบินเอ็มเอช 17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ซึ่งถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธ ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏทางตะวันออกของยูเครน ห่างจากชายแดนรัสเซียเพียง 40 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 298 ศพ ในจำนวนนี้ 154 ศพ เป็นชาวเนเธอร์แลนด์

พร้อมกันนี้ โปโรเชนโกประณามกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโดยมีรัสเซียให้ท้าย อ้างข้อมูลของหน่วยข่าวกรอง ที่สามารถดักสัญญาณโทรศัพท์ของสมาชิกกลุ่มกบฏ 2 คน สนทนากับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองรัสเซีย แจ้งเรื่องการยิงจรวดโดนเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งฐานยิงอยู่ห่างจากจุดตกของเครื่องบินไปทางตอนเหนือเพียง 25 กิโลเมตร

ต่อมาไม่นาน นายอเล็กซานเดอร์ โบโรได ผู้นำกลุ่มกบฏปกครอง "สาธารณรัฐปกครองตนเองโดเนตสก์" ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลยูเครนกลับ ว่ากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน และอาวุธที่มีอยู่ไม่มีศักยภาพเพียงพอจะยิงเครื่องบินซึ่งบินอยู่ในระดับความสูงถึง 33,000 ฟุตได้ อย่างไรก็ตาม โบโรไดเผยอยู่ระหว่างหารือด่วนกับโปโรเชนโก เรื่องการหยุดยิงชั่้วคราวบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เกิดเหตุด้วย

รัฐบาล-กบฏยูเครนออกโรงโบ้ยอีกฝั่งสอยบินมาเลย์ร่วง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

'บู๊ค มิสไซล์' ผู้ต้องสงสัยยิง MH17 ร่วงที่ยูเครน



โบอิ้ง 777 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ตกที่ยูเครน พร้อมชีวิตผู้โดยสาร 295 คน โดยทางการยูเครนมุ่งเป้าไปที่ 'บู๊ค มิสไซล์' ในฐานะผู้ต้องสงสัยเป็นอาวุธมรณะสอยเครื่องบินโดยสารตก แล้ว บู๊ค มันคืออะไร...

ท่ามกลางข่าวสารหลังจากเกิดเหตุเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH17 ตกที่ยูเครน ชื่อของ 'บู๊ค มิสไซล์' ก็ปรากฎขึ้นมาจากทางรัฐบาลยูเครนในฐานะผู้ต้องสงสัยเป็นอาวุธมรณะสอยเครื่องบินโดยสารตก ว่าสงสัยกันไหมว่า มันคืออะไร

เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 17 ก.ค.2557 มีการรายงานว่าเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH17 หายไปจากจอเรดาร์ และไม่สามารถติดต่อได้ โดยเครื่องบินลำดังกล่าวนำผู้โดยสารจำนวน 280 คนและ ลูกเรืออีก 15 คน ออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม มุ่งหน้าสู่ปลายทางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ต่อมามีการเผยภาพของเศษซากเครื่องบินจากสื่อต่างประเทศ ที่เมื่อดูจากซากก็สามารถยืนยันรูปพรรณได้ ว่านั่นเป็นเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ ที่หายไปในน่านฟ้ายูเครนใกล้กับชายแดนรัสเซียนั่นเอง

หลังจากนั้น นายแอนทอน เกราเชนโก้ ที่ปรึกษาของรัฐบาลยูเครน ออกมาระบุว่า เครื่องบินถูกยิงตกโดยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านอากาศยาน หรือ จรวดแซม (SAM) จาก บู๊ค ลันเชอร์ (Buk launcher) อันเป็นอาวุธที่พัฒนาโดยอดีตสหภาพโซเวียต แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนว่าอาวุธชนิดดังกล่าว ทำให้เครื่องบินตกจริงอย่างที่เขาอ้างหรือไม่ ทั้งนี้ตามรายงานระบุว่า เครื่องบินบินที่ความสูงประมาณ 33,000 ฟุต หรือ 10 กม.จากพื้นผิวโลก เหนือน่านฟ้ายูเครนใกล้กับชายแดนติดกับรัสเซียก่อนที่จะตก


ระบบมิสไซล์ บู๊ค

เว็บไซต์ Mashable ได้สัมภาษณ์ นายซิม ทัก นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของ Stratfor ระบุว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้นมาการวางระบบป้องกันภัยทางอากาศหลากหลายแบบทั้งของยูเครนและรัสเซีย และทั้งหมดนั้นก็มีโอกาสที่จะยิงเครื่องบินตกได้ อันที่น่าสงสัยในเรื่องนี้มากที่สุดเห็นจะเป็น ระบบมิสไซล์บู๊ค (Buk Missle System) หรือที่นาโตรู้จักมันในชื่อ เอสเอ-11 แกดฟลาย และ เอสเอ-17 กริซลีย์ และยังมีระบบ S-300 และ S-400 ที่ใช้ยิงในระยะไกล แต่ไม่มีการยืนยันว่าอาวุธเหล่านี้มีการวางไว้ที่จุดใด หรือ มีจำนวนมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อได้ว่าน่าจะมีระบบบู๊คอยู่ในพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุ


ระบบแซม Buk-M1-2 บนเครืองยิงเคลื่อนที่ติดระบบเรดาร์ (TELAR) 9A310M1-2

อย่างไรก็ตามทั้งทางการของรัสเซียและยูเครนออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือ สั่งให้มีปฏิบัติการทางทหารใดๆ ต่อเครื่องบินโดยสารของพลเรือน หรือ กระแสข่าวที่ว่ากลุ่มกบฎในโดเนสก์ที่นิยมรัสเซียได้มีระบบอาวุธบุ๊กมิสไซล์ครอบครองอย่างน้อย 1 ระบบ ก็ไม่ได้เป็นที่ยืนยัน หรือถ้าเข้าถึงได้ก็อาจสามารถใช้งานได้ แต่จะต้องมีการฝึกใช้งานมาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเครื่องบินของทางการยูเครนถูกยิงตก จากอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบบุคคล หรือ MANPADS ที่สามารถถือเคลื่อนที่ไปมาได้ แต่อาวุธแบบนี้มีระยะยิงแค่ 10 กม.ในระดับเพดานบินไม่สูงมากเท่านั้น

สำหรับ ระบบมิสไซล์บู๊ค (Buk Missle System) หรือที่นาโตรู้จักมันในชื่อ เอสเอ-11 แกดฟลาย และ เอสเอ-17 กริซลีย์ ในรัสเซียใช้รหัสเรียกว่า 9М38 หรือ 9M317 เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านอากาศยาน พิสัยกลางนำวิถีด้วยเรดาร์เซมิแอคทีฟ (ใช้คลื่นเรดาร์นำทางตลอดเวลาจนกว่ากระทบเป้าหมาย) จุดระเบิดด้วยเรดาร์เฉียดระเบิด (Radar proximity fuse) หัวรบเป็นระเบิดแรงสูงและสะเก็ดหนัก 70 กก.ยิงได้ไกล 30 กม. ยิงได้สูงถึง 46,000 ฟุต (บางรุ่นยิงได้ถึง 80,000 ฟุต) ความเร็วสูงถึง 4 มัค โดยจรวดจะติดตั้งกับยานสายพานหุ้มเกราะ พร้อมชุดยิง เรียกว่า Buk-M2 ออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นอากาศยานปีกนิ่ง-ปีกหมุน ขีปนาวุธร่อน และอากาศยานไร้นักบิน เป็นต้น


Buk-M2E บนเครืองยิงเคลื่อนที่ติดระบบเรดาร์ (TELAR) 9A317

นิค เดอ ลารินากา นักวิเคราะห์ของ IHS Jane’s Defence ยืนยันข้อสงสัยของนายทัก ว่า ระบบบู๊ค 9K37 หรือ S-300 หรือ ชื่อนาโต เอสเอ-10 กรัมเบิล น่าจะมีส่วนในเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ โดยรัสเซียและยูเครนต่างมีระบบแซมชนิดนี้อยู่ในคลังอาวุธของตัวเอง


ระบบมิสไซล์ บู๊ค ในเมืองโตเรซ ไม่ไกลจากจุดที่เที่ยวบิน เอ็มเอช 17 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ตก (ภาพจาก @Dbnmjr)

ก่อนหน้านี้ นักข่าวของเอพี รายงานว่าพบระบบบู๊คใกล้กับทางตะวันออกของยูเครนในเมือง Snizhne ขณะที่มีภาพจากทวิตเตอร์ของกลุ่มกบฎที่นิยมรัสเซีย โพสภาพของระบบมิสไซล์บู๊คที่ในเวลาต่อมาได้มีการลบภาพนี้ออก ทำให้เป็นข้อสงสัยว่ากลุ่มกบฎมีระบบอาวุธชนิดนี้ในครอบครองอย่างน้อย 1 ระบบ

พล.อ.เควิน ไรอัน นายทหารเกษียนอายุ ผู้อำนวยการโครงการกลาโหมและข่าวกรองที่ Belfer ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิเทศสัมพันธ์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า ระบบบุ๊คมีความสามารถในการสอยเครื่องบินโดยสารตกจากความสูงมากกว่าระดับนั้น แแต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่กลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนที่นิยมรัสเซียเหล่านี้ สามารถที่จะควบคุมระบบอาวุธที่ซับซ้อนแบบนี้ แล้วใช้มันยิงเครื่องบินโดยสารตก เนื่องจากต้องใช้เวลาฝึกอบรมนานพอสมควร และ จะต้องมีการประสานการทำงานเพื่อที่จะยิงให้มิสไซล์กระทบเป้าหมาย ดังนั้นหากมันถูกยิงตกจริงนั่นต้องเป็นฝีมือของทหารมืออาชีพ หรือ ไม่มันก็เป็นเรื่องอุบัติเหตุ เพราะระบบบู๊คมิสไซล์ไม่ใช้อาวุธแบบที่ใครก็สามารถลากออกมาจากโรงรถแล้วเอาไปยิงได้


ระบบป้องกันทางอากาศ Buk-M1-2

แดน วอสเซอบลีย์ บรรณาธิการของ IHS Jane’s Defence อเมริกา กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ว่า โดยทั่วไปแล้วชุดยิงมิสไซล์ต่อต้านอากาศยาน ต้องมีรถควบคุมสั่งการ รถที่ติดตั้งระบบเรดาร์ ชุดยิงเคลื่อนที่ได้ พร้อม ระบบรถบรรทุกลูกมิสไซล์และตัวโหลดมิสไซล์ จึงถือเป็น 1 ฐานยิงที่สมบูรณ์

ทั้งนี้ ระบบต่อต้านอากาศยาน บู๊ค มีใช้งานในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศในเอเชีย อาทิ อินเดีย จีนเกาหลีเหนือ และ เวียดนาม ที่เพิ่งสั่งซื้อ Buk-M2E ไป 6 ระบบ

ที่มาข่าว : ซีเอ็นเอ็น

 

เผยเหยื่อ MH17 ส่วนใหญ่เป็น “นักวิชาการ” ที่จะไปประชุม “เอดส์นานาชาติ” - สหรัฐฯ จี้ตรวจสอบอย่าง “โปร่งใส-ไร้แทรกแซง”

ภาพถ่ายเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ขณะกำลังทะยานขึ้นฟ้าจากสนามบิน Schiphol ในเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม

เอเอฟพี - ผู้โดยสารบนเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ซึ่งตกในยูเครนเมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว ที่กำลังจะเดินทางไปร่วมการประชุมเอดส์นานาชาติครั้งที่ 20 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สืบหาต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้อย่างฉับไวและปราศจากการแทรกแซง

มิเชล ซิดิเบ กรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจผ่านทวิตเตอร์ว่า “ขอแสดงความอาลัยและภาวนาแก่ครอบครัวของผู้ที่จากไปพร้อมเที่ยวบิน MH17 ผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังจะเดินทางมาร่วมประชุม AIDS 2014 ที่เมลเบิร์น”

Joep Lange นักวิจัยด้านโรคเอดส์ผู้มีชื่อเสียง และอดีตประธานสมาคมเอดส์สากล (International AIDS Society) เป็นหนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางมากับเที่ยวบินดังกล่าว ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะถูกยิงตกโดยขีปนาวุธชนิดจากพื้นดินสู่อากาศ ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 298 คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด

“มีรายงานว่า Joep Lange ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินมาเลเซียตกในวันนี้ พร้อมกับนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนที่จะเดินทางมาประชุมโรคเอดส์ นี่เป็นข่าวที่น่าเศร้าเสียใจยิ่ง” ข้อความในทวิตเตอร์ของกองทุนเนชันแนล เอดส์ ทรัสต์ ระบุ

ด้านสมาคมเอดส์สากลก็ออกมาแถลงยืนยันว่า “เพื่อนร่วมงานและมิตรสหายของเราหลายคน” กำลังเดินทางมาร่วมประชุมด้วยเที่ยวบิน MH17

การประชุมเอดส์นานาชาติซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ถือเป็นเวทีเสวนาสำหรับนักเคลื่อนไหวที่ต้องการเน้นย้ำปัญหาการแพร่กระจายของโรคเอดส์ในระดับรากหญ้า รวมถึงงบประมาณที่ยังขาดแคลน โดยมีกำหนดเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์นี้ (20) และมีผู้ลงนามเข้าร่วมการประชุมราว 12,000 คน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐฯ


ภาพถ่ายเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ขณะกำลังทะยานขึ้นฟ้าจากสนามบิน Schiphol ในเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม

ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาเรียกร้องวานนี้ (17) ให้สืบสาเหตุการตกของเที่ยวบิน MH17 “อย่างฉับไว” และ “ปราศจากการแทรกแซง”

ระหว่างการโทรศัพท์พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาร์ก รัตต์ แห่งเนเธอร์แลนด์ โอบามา ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อ “การเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า” ของพลเมืองดัตช์ 154 คนบนเครื่องบินลำดังกล่าว

“สหรัฐฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือทันที และขอสนับสนุนให้นานาชาติเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างฉับไว เต็มที่ เชื่อถือได้ และปราศจากการแทรกแซง” ถ้อยแถลงจากทำเนียบขาวระบุ

“ท่านประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ เห็นพ้องว่าควรให้เจ้าหน้าที่นานาชาติเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุทันทีเพื่อดำเนินการเก็บกู้ซากและตรวจสอบโดยละเอียด”

ก่อนหน้านั้น โอบามาได้ต่อโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน และนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เพื่อเตือนว่าหลักฐานทุกชิ้นจะต้องไม่ถูกนำออกนอกแผ่นดินยูเครนจนกว่าจะมีการตรวจสอบอย่าง “ถี่ถ้วนและโปร่งใส” แล้วเท่านั้น

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีเชื่อว่า เครื่องบินโดยสารลำนี้น่าจะถูกยิงตกโดยขีปนาวุธชนิดจากพื้นดินสู่อากาศ แต่ยังไม่ทราบแน่ว่าผู้ใดเป็นคนยิง และยิงมาจากจุดใด

โศกนาฏกรรมการบินที่เกิดขึ้นซ้ำสองในเวลาเพียง 4 เดือน บั่นทอนภาพลักษณ์ของสายการบินแห่งชาติมาเลเซียอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้เที่ยวบิน MH370 ก็ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 8 มีนาคม และเชื่อว่าน่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียอันไกลโพ้น ทว่าก็ยังไม่มีการพบซาก


นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย (คนกลาง) เปิดแถลงข่าวด่วนที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองเซปัง ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลังทราบข่าวการตกของเที่ยวบิน MH17 วานนี้(17)

 

ญาติผู้โดยสาร “MH370” ที่หายไปกว่า 4 เดือนชี้ เหตุ MH17 โหม่งโลกไม่ใช่ “เรื่องบังเอิญ”


เอเอฟพี - บรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสาร “เที่ยวบิน MH370” ที่อันตรธานหายไปนานกว่า 4 เดือนชี้ว่า เหตุการณ์อากาศยานสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ตกในยูเครนไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า เหตุสลดที่เกิดขึ้นจะจุดชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สายการบินเจ้านี้ให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม


ญาติผู้โดยสาร “MH370” ที่หายไปกว่า 4 เดือนชี้ เหตุ MH17 โหม่งโลกไม่ใช่ “เรื่องบังเอิญ”
วานนี้ (17 ก.ค.) เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 หรือเที่ยวบิน MH17 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 298 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองเนเธอร์แลนด์ โหม่งโลกในยูเครนตะวันออก ซึ่งสถานการณ์ความขัดแย้งกำลังระอุคุกรุ่น

ญาติพี่น้องของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 ซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ได้ออกมากล่าวหาสายการบินเจ้านี้ และรัฐบาลมาเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพยายามปกปิดข้อมูล และแสดงพฤติกรรมน่าสงสัย ระหว่างดำเนินการสืบสวนภัยพิบัติทางอากาศครั้งนั้น

ซาราห์ บัจก์ (Sarah Bajc) คนรักของ ฟิลิป วูด ผู้โดยสารชาวอเมริกันบน MH370 กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเวลา สาเหตุที่สายการบินแห่งชาติมาเลเซียที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน (กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์) ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมระลอกใหม่ก็เพราะ “เมื่ออาการของโรคถูกละเลย โรคนั้นร้ายก็จะกัดกินจนแผลเน่าเปื่อย”

เจ้าหน้าที่อเมริกันต่างลงความเห็นว่า MH17 ถูกกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซีย ที่ลุกฮือก่อเหตุรุนแรงในยูเครนตะวันออกใช้ขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศยิงตก

บัจก์ระบุในอีเมลที่ส่งถึงเอเอฟพีว่า “มีเที่ยวบิน (ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส) ตกอีกเที่ยว แถมยังเป็นเครื่อง (โบอิ้ง) 777 เหมือนกัน จึงเป็นไปได้น้อยมากที่ 2 เหตุการณ์นี้ครั้งจะไม่เกี่ยวพันกันในทางใดก็ทางหนึ่ง”

เธอกล่าวว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่า MH370 ไม่ได้ประสบเหตุการณ์เดียวกันนี้”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานหายไประหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต โดยที่ 2 ใน 3 ของผู้โดยสารเป็นพลเมืองจีน

ทั้งนี้ เชื่อกันว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777-400 ลำดังกล่าว ประสบอุบัติเหตุตกทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ทว่าแม้นานาชาติจะระดมกำลังค้นหาอย่างครอบคลุม แต่ก็ยังไม่พบซากเครื่องบินแม้แต่ชิ้นเดียว ส่งผลให้ครอบครัวผู้โดยสารซึ่งกล่าวหาว่า รัฐบาลเสือเหลืองปกปิดความจริง พากันสิ้นหวังและเจ็บปวดใจ

สตีเฟน หวัง ผู้นำกลุ่มญาติผู้โดยสารชาวจีนบนเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่า โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดได้จุดประกายให้พวกเขาเกิดความเห็นอกเห็นใจครอบครัวผู้โดยสารเที่ยวบิน MH17 อย่างลึกซึ้ง

หวัง ผู้ที่แม่วัย 57 ปีของเธอหายสาบสูญไปกับเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่า “น่าผิดหวังมาก ที่สายการบินเดียวกันจะเผชิญเหตุการณ์แบบนี้” 2 ครั้งซ้อน

อินตัน ไมซูรา โอธมัน พลเมืองมาเลเซียซึ่งเพิ่งให้กำเนิดบุตร 2 เดือนหลังจาก สูญเสียสามีของเธอ ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับของมาเลเซียแอร์ไลน์สเช่นกันไปกับเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่าเธอ “ยังหยุดร้องไห้คิดถึงสามีไม่ได้” แล้วตอนนี้ยังต้องเสียน้ำตาให้เพื่อนร่วมอาชีพบนเที่ยวบิน MH17 อีก

เธอระบุในทวิตเตอร์ว่า “ยังหวังจะให้ฉันบินต่ออยู่อีกหรือ??? ฉันคิดว่าคงจะต้องแขวนเครื่องแบบเร็วๆ นี้แล้ว”

มาเลเซียแอร์ไลน์ส และรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ได้ออกมาแถลงแก้ตัว เรื่องที่ยังบินผ่านน่านฟ้ายูเครนตะวันออก ซึ่งถูกกบฏยึดครองว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจด้านการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศเห็นว่า เส้นทางบินนี้ยังมีความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม สายการบินใหญ่สองเจ้าของเกาหลีใต้ ได้แก่ โคเรียนแอร์ และเอเชียนาแอร์ไลน์ส ตลอดจนสายการบิน แควนตัส ของออสเตรเลียกล่าวว่า ได้ปรับผังเส้นทางบินใหม่ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมีนาคม เมื่อทหารรัสเซียเคลื่อนกำลังเข้าสู่สาธารณรัฐไครเมีย จนจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งในยูเครน





เครดิต โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

ใครไม่รักชีวิตก็คงต้องเลือกสายการบินนี้แหละครับ เหมือนเล่น Russian roulette ตามนั้น...

 

อาหารยอดนิยม
ร้านอาหารน่านั่ง
แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี
ที่เที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี
ร้านอาหารอุบล
ร้านอาหารไทยแนะนำ

 

หมีแพนด้าส่งซิกให้หมีขาว จัดมันหน่อย
งานนนี้มีการเอาคืนนนนนนนนนนนนน แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ลูกผู้ชายตัวกิง
หมากัน+มะละยู สมน้ำหน้ามัน

 

2 ลูกเรือ MH17 รอดตายหวุดหวิดหลัง “ไม่ยอมขึ้นบินผ่านเขตสงคราม” - แฉ “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ถูกเตือนล่วงหน้าหลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ

เอเจนซีส์ - ลูกเรือเที่ยวบินMH17 จำนวน 2 คนที่ขอแลกเวรทำหน้าที่ขึ้นบินเพราะ “ไม่ต้องการบินผ่านน่านฟ้ายูเครนที่อยู่ในเขตสงคราม” ในขณะมีแหล่งข่าวเปิดเผยว่า นักบินอาวุโสและลูกเรือได้แจ้งเตือนบริษัทมาเลเซียแอร์ไลน์สเรื่องเส้นทางการบินล่วงหน้าหลายสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุสลด

สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(20)ว่ามีลูกเรือเที่ยวบิน MH17 จำนวน2 คนขอแลกเวรทำหน้าที่หลังจากทั้งนักบินอาวุโสและลูกเรือมีการส่งสัญญาณเตือนบริษัทสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สหลายสัปดาห์ถึงเส้นทางการบินที่เสี่ยงภัยสงครามในยูเครนตะวันออก ถึงแม้ว่าคืนวันเสาร์(19)บริษัทสายการบินสัญชาติมาเลย์ออกมาปฎิเสธว่า “ไม่ได้เพิกเฉย” ต่อคำเตือนของลูกเรือMH17

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีลูกเรือของ MH17 ที่ทราบว่าต้องปฎิบัติหน้าที่ในขณะเครื่องบินโบอิ้ง 777 ต้องบินผ่านเขตสงครามปฎิเสธที่จะทำหน้าที่เนื่องมาจากเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะหลังจากเครื่องบินของรัฐบาลยูเครนจำนวน 2 ลำถูกกลุ่มติดอาวุธยูเครนยิงตก

นอกจากนี้แหล่งข่าวเปิดเผยว่า นักบินแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยในเส้นทางการบินของโบอิ้ง777 ล่วงหน้าต่อเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน และได้แจ้งเป็นการภายในกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) แต่ "บริษัทมาเลเซียแอร์ไลน์สไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางการบินเช่นเดียวกับบริษัทสายการบินอื่น"

บริติชแอร์เวย์ บริษัทสายการบินสัญชาติสหรัฐฯ ลูฟต์ฮานซา แอร์ฟรานซ์ และแควนตัส ล้วนต่างเปลี่ยนเส้นทางการบินโดยหลีกเลี่ยงเขตสงครามในยูเครน “ที่ส่งผลให้ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น 20 นาที” ในการเดินทางสู่ปลายทาง และทำให้บริษัทมาเลเซียแอร์ไลน์สถูกกดดันให้ตอบคำถามว่า เหตุใดทางบริษัทจึงไม่เลี่ยงที่จะบินเช่นเดียวกับสายการบินชั้นนำอื่นๆ

อิสมาอิล นาซารูดด์ (Ismail Nasarudd) ประธานองค์กรพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแห่งชาติมาเลเซีย (National Union of Flight Attendants) ให้สัมภาษณ์ในวันเสาร์(19)ว่า ต้องมีการตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงอนุญาตให้เครื่องบินโดยสารสามารถบินผ่านเขตสงครามได้ “พวกเรารู้สึกโกรธมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ICAO ที่ให้ไฟเขียว MH17สามารถบินผ่านยูเครนตะวันออกได้ในระดับความสูงเหนือ32,000 ฟุต และสายการบินอื่นก็ทำตามเช่นเดียวกันนั้น เราต้องการรู้ว่า ICAOตระหนักถึงภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ และหาก ICAOคาดว่าอาจมีความเสี่ยงต่อชีวิตผู้โดยสาร ทางเราต้องการทราบเหตุผลว่าเหตุใดICAOจึงยังอนุญาตให้ทำการบินต่อไป เราต้องการอยากทราบว่ามาเลเซียแอร์ไลน์สนั้นตกเป็นเป้าหรือไม่” นาซารูดด์กล่าว

หน่วยงานควบคุมความปลอดภัยทางอากาศของอังกฤษได้แจ้งเตือนสายการบินให้ระวังการบินผ่านโดเนตสค์ แต่หน่วยงานควบคุมความปลอดภัยทางอากาศของสหภาพยุโรป และICAO ไม่ได้สั่งห้ามการบินเหนือเขตสงครามในยูเครน

โฆษกมาเลเซียแอร์ไลน์สปฎิเสธในคืนวันเสาร์(19)ว่า ไม่มีลูกเรือคนใดแจ้งเตือนถึงเส้นทางการบินผ่านยูเครนตะวันออก และอ้างว่ามาเลเซียแอร์ไลน์สเป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัทสายการบินที่ยังมีเส้นทางการบินผ่านดินแดนความขัดแย้งในยูเครนตะวันออก ที่ได้รับอนุญาตจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) และICAO ซึ่งในเส้นทางนั้นมีเครื่องบินผ่าน 150 เที่ยวต่อวัน

Tan Bee Jeok Singh วัย43 ปี เป็นหนึ่งใน 2 ของลูกเรือที่ได้ขอแลกเวรเพื่อไม่ต้องขึ้นบิน MH17 ที่สุดท้ายถูกยิงตกในวันพฤหัสบดี(17)ที่ผ่านมา แต่ทว่า Sanjid Singh สามีของเธอที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเช่นกันต้องจบชีวิตลงในวันพฤหัสบดี(17)จากการที่เขาต้องแลกเวรกับเพื่อนพนักงานคนอื่นเพื่อทำหน้าที่บนMH17 บินกลับไปมาเลเซีย

บิดาของ Singh วัย 71 ปีให้สัมภาษณ์กับสื่อมาเลย์ Malaysian Insider ว่า “ลูกชายของผมมักโทรศัพท์หาพวกเราก่อนเริ่มเดินทาง และก่อนหน้านี้เขาบอกพวกเราว่าได้ขอแลกเวรปฎิบัติหน้าที่กับเพื่อนเพื่อเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมกลับบ้าน และทั้งภรรยาของลูกชายและ Singh อยากพบลูกชายวัย 7 ปีที่อาศัยอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์มาก และแม่ของ Singhได้เตรียมทำอาหารที่Singhชอบรอต้อนรับกลับบ้าน”

นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าเหตุใดTan Bee Jeok Singh จึงขอเปลี่ยนเวรแต่เธอยังเป็นลูกเรือ MH370 ที่รอดชีวิตมาได้จากการที่เธอขอแลกเวรกับเพื่อนพนักงานคนอื่นโดยไม่ต้องขึ้นบินใน MH370 เที่ยวบินสูญหายนั้นในนาทีสุดท้าย บุตรสาวของคนทั้งคู่ที่อาศัยอยู่ในอิตาลีได้รับแจ้งเหตุร้ายในวันศุกร์(18)ที่ผ่านมา

 

เครื่องตกเองครับไม่ได้โดนยิงตก

 

มีหลักฐานไหมครับ หรือฝันมา

 

กบฏยูเครนส่งมอบกล่องดำMH17ให้มาเลเซีย ประกาศหยุดยิงรัศมี10กม.


เอเอฟพี/เอเจนซี - ฝ่ายกบฏนิยมรัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน ส่งมอบกล่องดำ 2 กล่องที่เก็บกู้มาได้จากบริเวณที่เที่ยวบิน MH17 โหม่งโลก แก่เจ้าหน้าที่มาเลเซีย ในแถลงข่าวร่วมวันอังคาร(22) พร้อมทั้งยังประกาศหยุดยิงในรัศมี 10 กิโลเมตรรอบจุดตก เพื่อเปิดทางให้คณะสืบสวนนานาชาติปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่

"เราตัดสินใจส่งมอบกล่องดำให้แก่ผู้เชี่ยวชาญมาเลเซีย" นายอเล็กซานเดอร์ โบโรได ผู้อ้างตนเป็นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ บอกกับผู้สื่อข่าว

จากนั้นคณะผู้เชี่ยวชาญมาเลเซียและตัวแทนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนก็ลงนามในข้อตกลงฉบับหนึ่ง ก่อนมีการส่งมอบกล่องสีส้มอย่างเป็นทางการในพิธีที่จัดขึ้นที่เมืองโดเนตสก์

"ในนามของรัฐบาลมาเลเซีย ผมขอขอบคุณรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนโดเนสตสก์ สำหรับมอบกล่องดำ 2 กล่องซึ่งเป็นทรัพย์สินของมาเลเซีย ให้แก่เรา" ตัวแทนของคณะผู้เชี่ยวชาญมาเลเซียกล่าว

"เรายังไม่พบกล่องดำของเที่ยวบิน MH370 (ซึ่งสูญหายเหนือมหาสมุทรอินเดียในเดือนมีนาคม) ดังนั้นเราจึงยินดีมากกับการเก็บกู้กล่องดำได้ในครั้งนี้ ผมเห็นว่ากล่องดำยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และได้รับความเสียหายแค่เล็กน้อย"

รายงานข่าวระบุว่ากล่องดำกล่องหนึ่งบรรจุเสียงสนทนาในห้องนักบิน ส่วนอีกกล่องบันทึกข้อมูลการบินทั้งหมดเอาไว้ อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามันจะใช้ประโยชน์เพื่อสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนี้ได้หรือไม่ ขณะที่เคียฟและเหล่าผู้นำโลกปักใจเชื่อว่ามันถูกยิงตกโดยขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ

พวกแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ซึ่งควบคุมพื้นที่ในบริเวณที่เครื่องตก กลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่ายิงขีปนาวุธเข้าใส่โบอิ้ง777ลำนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาได้กล่าวโทษไปที่ทหารยูเครน

เกิดความไม่พอใจกระพือขึ้นจากทั่วโลกต่อกรณีที่คณะผู้ตรวจสอบนานาชาติไม่สามารถเข้าไปยังจุดเกิดเหตุได้อย่างเต็มที่ ท่ามกลางความกังวลว่าฝ่ายกบฏอาจทำลายหลักฐาน อย่างไรก็ตามนายโบโรได ใช้โอกาสนี้ประกาศว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องสำหรับการหยุดยิง เพื่อเปิดทางให้คณะผู้เชี่ยวชาญเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างเต็มที่

"เราจะสั่งให้หยุดยิงในพื้นที่ 10 กิโลเมตรโดยรอบ ซึ่งมีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 298 ศพ" เขากล่าว

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของกบฏแบ่งแยกดินแดน มีขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์(21) นายเปโตร โปโรเชนโก ประธานาธิบดียูเครน สั่งให้กองกำลังรัฐบาลหยุดปฏิบัติการต่างๆในรัศมี 40 กิโลเมตร ของจุดที่เครื่องบินตก