ติดตามสถานะการณ์

เทพบุตร ชาวดิน

ไวรัสหวัดสเปนตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาอีกเพื่อ?
เวิลด์วาไรตี้ : ไวรัสหวัดสเปนตายแล้ว จะฟื้นขึ้นมาอีกเพื่อ?



เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุไข้หวัดใหญ่ระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เรียกกันว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน คร่าชีวิตผู้ป่วย 50 ล้านคนทั่วโลกเมื่อปี 2461 สูญพันธุ์ไปนานแล้ว แต่กลับมีนักวิทยาศาสตร์และทีมงานคณะหนึ่งได้สร้างขึ้นมาใหม่ จากยีน 8 ยีนในสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดนกที่พบในเป็ดป่า โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า รีเวิร์ส เจเนติกส์ จนได้ไวรัสที่มีความเหมือนสายพันธุ์เมื่อ 96 ปีก่อน 97%

จากนั้นนำไปทดลองกับสัตว์จำพวกกระต่ายในห้องแล็บ ทำให้มันติดเชื้อ เพื่อดูว่าเชื้อร้ายนี้สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายเพียงใดในสัตว์ที่อาจใช้เทียบเคียงกับมนุษย์ได้

ประเด็นของการศึกษาคือเพื่อประเมินความเสี่ยงของไวรัสหวัดนกที่วนเวียนอยู่ในธรรมชาติ นักวิจัยพบว่ายีนในไวรัสไข้หวัดนกหลายชนิดมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับไวรัสปี 2461 และจะสามารถประเมินศักยภาพการระบาดได้ หากไวรัสคล้ายปี 2461 อุบัติขึ้นใหม่

การศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งทำในห้องแล็บที่มีการรักษาความปลอดภัยด้านชีวภาพสูงสุดอันดับสอง พบว่าเมื่อไวรัสกลายพันธุ์ 7 อย่าง จะสามารถแพร่จากสัตว์หนึ่งไปสัตว์อีกตัวอย่างง่ายดาย บ่งว่าเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว อาจทำให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างในมวลมนุษย์ได้ ฉะนั้น การเข้าใจกลไกเกี่ยวข้องกับการปรับตัว และบ่งชี้การกลายพันธุ์ จึงมีความสำคัญต่อการปรับปรุงวิธีการรับมือ

ประเด็นคือจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องฟื้นชีพไวรัสมรณะนี้ขึ้นมา เพื่อเข้าใจความเสี่ยงหรือเสี่ยงยิ่งกว่าเดิม

ฝ่ายวิจารณ์ประณามว่า เป็นการศึกษาที่ไร้สติและบ้าบิ่น เป็นความทะยานอยากส่วนตนของนักวิทยาศาสตร์ ประโยชน์ที่บอกว่าจะได้รับจากความพยายามสร้างไวรัสไข้หวัดใหญ่สเปน ฟังไม่ขึ้นเมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงหากไวรัสที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมชนิดใดชนิดหนึ่ง เกิดหลุดรอดจากห้องแล็บออกมาข้างนอกทั้งเจตนาและไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดการระบาดในวงกว้าง และเรียกร้องให้ผู้วิจัยหยุดเสีย

แต่ศาสตราจารย์โยชิฮิโร คาวาโอกะ จากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ยืนยันว่าการวิจัยของเขานั้น คือเพื่อการบอกว่า การพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่และมาตรการรับมืออื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ระบาดในอนาคต มีความจำเป็นแค่ไหน และผลการศึกษานี้จะช่วยให้ผู้ที่มีหน้าที่วางมาตรการความพร้อมรับมือและเฝ้าระวัง ตัดสินใจได้ดีจากข้อมูลวิทยาศาสตร์รองรับ แทนการคาดเดา ดังนั้นการวิจัยจึงยังประโยชน์ที่สำคัญและไม่อาจบรรลุได้ด้วยวิธีการอื่น พร้อมยืนยันว่า ทีมวิจัยไม่ได้เพิกเฉยความเสี่ยง แต่มั่นใจว่าสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศาตราจารย์คนเดียวกันนี้ถูกโจมตีมาก่อนแล้วจากการศึกษาเพิ่มขีดความสามารถในการแพร่เชื้อไวรัสสายพันธุ์ เอช5เอ็น1 ซึ่งทำให้ผู้ติดเชื้อมีอัตราการตายสูงแต่ไม่แพร่จากคนสู่คนง่ายนัก

มาร์ค ลิปชติทช์ ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า การสร้างไวรัสในจินตนาการที่รุนแรงและแพร่ง่ายในมนุษย์ เป็นกิจกรรมเสี่ยงเกินไป แม้แต่ในห้องแล็บปลอดภัยที่สุด นักวิทยาศาสตร์ไม่ควรเสี่ยงโดยปราศจากหลักฐานชัดเจนพอว่าผลวิจัยอาจช่วยชีวิตคนได้ แต่การศึกษานี้ยังขาดหลักฐานนั้น

ด้าน รอเบิร์ต โคลเทอร์ ศาสตราจารย์ด้านจุลชีววิทยา ส่วนไซมอน แวน ฮ็อบสัน นักไวรัสวิทยา สถาบันปาสเตอร์ ในกรุงปารีส กล่าวว่าการศึกษาไม่ได้ให้อะไรแก่มนุษย์มากนัก ความเสี่ยงที่ไวรัสจะหลุดออกนอกห้องแล็บมีน้อยแต่ไม่ใช่เป็นศูนย์ ส่วนตัวก็มองไม่เห็นประโยชน์ที่ได้เช่นกัน

 

'อิรัก'วิกฤติ!ผลความล้มเหลวมะกัน



นักวิชาการสหรัฐฯ ชี้การผงาดของนักรบสุดโต่งในอิรัก เป็นผลผลิตความผิดพลาดของสหรัฐฯ ที่บุกอิรัก เมื่อกว่า 10 ปีก่อน

14 มิ.ย. 57 การรุกคืบไล่ยึดเมืองในอิรักของนักรบสุดโต่งสุหนี่อย่างรวดเร็วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ที่เคยวิจารณ์การตัดสินใจบุกอิรักเมื่อปี 2546 ของรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ ออกมาวิจารณ์อีกรอบว่า เป็นอีกหลักฐานที่ยืนยันถึงหายนะจากสงครามในครั้งนั้น

นักคิดแนวอนุรักษ์นิยมใหม่ที่สนับสนุนการตัดสินใจของบุช เมื่อ 11 ปีก่อน โอ่ว่า สงครามอิรัก จะเป็นหนทางสร้างต้นแบบประชาธิปไตยในตะวันออกกลาง แต่ที่สุด เป็นการกระพือเชื้อความแตกแยกระหว่างอิรักสุหนี่กับชีอะต์ถึงจุดแตกหัก จนส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วภูมิภาคอยู่ในเวลานี้

ฆวน โคล ศาสตราจารย์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน นักวิจารณ์สงครามอิรักตัวยง กล่าวว่า รัฐบาลบุช อ้างผิดๆ ว่าจำเป็นต้องบุกอิรัก เพราะรัฐบาลแบกแดดเกี่ยวข้องกับอัลไกดา แต่จริงๆ ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องนั้น กลับกัน การบุกและยึดครองอิรักที่ทำให้อิรักอ่อนแอลง กลายเป็นการสร้างเงื่อนไขเอื้อให้นักรบสุดโต่งกลับมา และยึดครองดินแดนได้อีกครั้ง พร้อมโทษว่าปัญหาอิรักวันนี้ เป็นมรดกของลัทธิจักรวรรดินิยมยุโรปเมื่อศตวรรษก่อน ผู้นำในแบกแดดที่ยึดติดนิกาย และกองทัพอิรักที่ผ่านการฝึกของสหรัฐฯ ไม่ต่อสู้

เด็กซเตอร์ ฟิลคินส์ นักข่าว และนักเขียนของเดอะ นิวยอร์กเกอร์ ชี้ความผิดพลาดยุทธศาสตร์ฯ หลังบุกอิรัก เมื่อมีนาคม 2546 กรณีที่สหรัฐฯ ทำลายรัฐอิรัก ทั้งกองทัพ ระบบราชการ กองกำลังตำรวจ และอื่นๆ ที่อาจใช้เป็นกลไกสร้างความเป็นปึกแผ่นในประเทศนี้ได้ สหรัฐฯ ใช้เวลา 9 ปี พยายามสร้างรัฐใหม่แทนรัฐที่ถูกทำลาย แต่สิ่งที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้เบื้องหลัง คือ รัฐอิรักที่ไม่สามารถยืนบนขาของตัวเองได้

ด้าน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียได้เตือนไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า การสุ่มเสี่ยงของสหรัฐฯ และอังกฤษ จะส่งผลอย่างไร สถานการณ์ในอิรักเสื่อมทรามลงโดยลำดับตั้งแต่สหรัฐฯ โค่นซัดดัม ฮุสเซน แล้ว

แต่ จอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภาสายเหยี่ยวจากพรรครีพับลิกัน โทษวิกฤติการณ์ในอิรักว่า เป็นเพราะประธานาธิบดีบารัก โอบามา ส.ว.แมคเคน กล่าวว่า การเพิ่มจำนวนทหารสหรัฐฯ เมื่อปี 2550 ช่วยให้อิรักมั่นคงขึ้น แต่ทำเนียบขาวกลับทำลายความก้าวหน้านั้น ด้วยการถอนทหารออกจากอิรักเมื่อสามปีก่อน

ขณะฝ่ายรัฐบาล ยืนยันว่า อิรักไม่ยอมให้สถานภาพคุ้มครองทางกฎหมายแก่ทหารสหรัฐฯ ข้อตกลงที่จะคงทหารไว้ในอิรักจำนวนหนึ่งจึงต้องล่มไป


-------------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)

 

เปิดปูมไอเอสไอแอล นักรบสุดโต่งเขย่าอิรัก
เปิดโลกวันอาทิตย์ : เปิดปูมไอเอสไอแอล นักรบสุดโต่งเขย่าอิรัก



11 ปีหลังจากสหรัฐอเมริกานำทัพพันธมิตรบุกอิรักโค่นประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ด้วยข้อหาลวงโลกว่ามีอิรักครอบครองอาวุธทำลายล้างสูง จมปลักกับสงคราม 8 ปี (2546-2554 ) สูญเสียทหารเกือบ 4,500 นายและงบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนถอนทัพออกทั้งหมดเมื่อสามปีที่แล้ว

ในวันนี้ ไฟสงครามในอิรักกลับลุกโชนอีกครั้งหนึ่ง หาใช่แสงสันติภาพเรืองรองดังที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เคยประกาศไว้ไม่ เมื่อกองกำลังกลุ่มใหม่มาแรงแซงอัลไกดาที่มีชื่อว่า รัฐอิสลามแห่งอิรักและเลแวนต์ บุกยึดและปกครองเมืองใหญ่อย่างโมซุล เมืองใหญ่อันดับสอง ทางภาคเหนือเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยที่กองกำลังความมั่นคงอิรักที่สหรัฐฯได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปอาวุธและฝึกอบรม กลับถอดใจวางอาวุธ ถอดเครื่องแบบและหลบหนีง่ายดาย ทิ้งไว้เบื้องหลังคืออาวุธมากมายที่เวลานี้ตกอยู่ในมือกบฎเรียบร้อยแล้ว และประชาชนหลายแสนต้องหลบหนีออกไปจากเมือง

หลายคนที่ไม่ได้ตามข่าวอิรักมานานอาจไม่ทราบว่า ก่อนมาถึงโมซุล กองกำลังกลุ่มนี้ที่มีชื่อย่อภาษาอังกฤษ ISIL หรือ ISIS ( S ตัวหลัง มาจากคำภาษาอาหรับ al-Sham หรือ เลแวนต์ บริเวณกว้างใหญ่ในเอเชียตะวันตกทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมซีเรียในปัจจุบัน ) ได้ยึดเมืองฟัลลูจาห์ เมืองใหญ่อันดับเจ็ดทางตะวันตกของอิรัก ที่เคยเป็นสมรภูมิเดือดหลังโค่นระบอบซัดดัม ฮุสเซนมาตั้งแต่ต้นปีนี้ เรื่อยมายังเมืองน้อยใหญ่ทางเหนือและตะวันตก นอกจากนี้ยังควบคุมพื้นที่ไม่น้อยทางตอนเหนือของซีเรียอีกด้วย

แน่นอนว่าพวกเขาไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะมีเป้าหมายใหญ่คือ การตั้งรัฐอิสลามในดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างอิรักกับซีเรียตามชื่อของกลุ่ม โดยสบช่องจากสถานการณ์ความไม่พอใจของชาวมุสลิมสุหนี่ซึ่งเป็นชนส่วนน้อยของอิรัก ต่อวิธีปกครองและเลือกปฏิบัติจากรัฐบาลอิรักภายใต้นายกรัฐมนตรี นูรี อัล มาลิคี ซึ่งเป็นชีอะต์ กับสงครามกลางเมืองซีเรียที่เนื้อในยังเป็นความแตกแยกทางนิกายนอกจากความต้องการโค่นระบอบบาชาร์ อัล อัสซาด

ไอเอสไอแอล มีกำลังมากแค่ไหนไม่มีคำตอบแน่ชัด ส่วนใหญ่ประเมินจำนวนที่ 7-8 พัน แต่กลับประสบความสำเร็จในแง่การทหารอย่างน่าตกตะลึง นับจากยึดเมืองรัคกา ทางเหนือของซีเรียเมื่อมีนาคมปีที่แล้ว ก่อนขยายพื้นที่ยึดครองในอิรัก

กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาในนิวยอร์ค ซูฟาน กรุ๊ป ประเมินว่า มีนักรบจากต่างชาติถึง 1.2 หมื่นคนที่เดินทางไปร่วมรบซีเรีย และจำนวนนี้ 3,000 คนไปจากตะวันตก และราว 80 % เลือกรบกับไอเอสไอแอลที่มีแรงดึดดูดมากกว่ากบฎกลุ่มอื่น เพราะเป้าหมายไกลกว่าการโค่นระบอบอัสซาด คือการตั้งรัฐอิสลามอันยิ่งใหญ่

ไอเอสไอแอลพยายามดึงมุสลิมที่มิใช่อาหรับ ผ่านการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ทั้งจากการออกนิตยสารภาษาอังกฤษสองฉบับเมื่อเร็วๆนี้ และปล่อยวิดีโอเป็นภาษาอังกฤษ หรือทำซับไทเทิลภาษาอังกฤษ ดึงนักรบจากอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และแคบคอเคซัสไปร่วมรบได้

พลังและเสน่ห์ของไอเอสไอแอลมาจากตัวผู้นำอย่างอาบู บาคร์ อัล บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มฯ ผู้บัญชาการและวางเชิงยุทธในสนามรบ โดนใจนักรบรุ่นใหม่มากกว่า นายไอย์มาน อัล ซาวาฮิรี ผู้นำอัลไกดาวัยชรา ที่ในช่วง 10 ปีมานี้ กบดานในชายแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าออกแถลงการณ์ไม่กี่ฉบับกับวิดีโอไม่กี่คลิป ในขณะที่กองกำลังของบักห์ดาดี ยึดเมืองแล้วเมืองเล่าในซีเรีย

ปฏิบัตการกล้าบ้าบิ่นที่เดินคู่ไปกับพีอาร์อย่างฉลาด ทำให้ไอเอสไอแอลทรงอิทธิพลแท้จริงในประชาคมญีฮัดทั่วโลกในเวลานี้

ว่ากันว่านับจากอุสมา บิน ลาเด็น ผู้นำอัลไกดาผู้ล่วงลับแล้ว ยังไม่มีเคยมีใครได้รับการยอมรับนับถือในหมู่นักรบสุหนี่เท่ากับบักห์ดาดี

บินลาเด็นมาจากครอบครัวร่ำรวยมีสมบัติเก่าหนุนนำ แต่บักห์ดาดี เริ่มจากศูนย์ จากคนสามัญธรรมดาทางเหนืออิรัก จนมาเป็นผู้นำกลุ่มที่น่าเกรงขามของกองทัพในตะวันออกกลางมากที่สุดเวลานี้ก็ว่าได้

ชีวิตวัยเด็กของคนผู้นี้ไม่ปรากฎชัด แต่ข้อมูลตามเวบไซต์สนับสนุน ระบุว่า เกิดในครอบครัวเคร่งศาสนาในเมืองซามาร์รา ทางเหนือของแบกแดด เมื่อปี 2514 ศึกษาประวิตศาสตร์อิสลาม และจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแบกแดด ปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1990

ในช่วงที่สหรัฐฯบุกอิรักในปี 2546 เชื่อกันว่า บักห์ดาดีมีตำแหน่งทางศาสนานิกายสุหนี่ในเวลานั้น

ความโกรธแค้นที่ถูกรุกราน ได้เข้าร่วมจับอาวุธต่อสู้ ร่วมรบในจังหวัดอันบาร์ของอิรัก ฐานที่มั่นของกองกำลังทอว์ฮิดและญีฮัด นำโดยนายอาบู มูซาบ อัล ซาร์คาวี ที่ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มอัลไกดาในอิรัก

แต่สู้ได้ไม่นาน ก็ถูกกองกำลังสหรัฐฯจับตัวได้ในปี 2549 และกักขังในค่ายบุคคา เรือนจำหลักในอิรักที่สหรัฐฯดูแล หลังจากปิดคุกอาบูกราอิบ ที่มีเหตุฉาวโฉ่ทรมานนักโทษ และที่นี่เองที่นักวิเคราะห์โดยมากเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่ส่งบักห์ดาดีเข้าไปเกี่ยวข้องกับนักรบอัลไกดาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

เป็นคำถามว่าเหตุใดนักการศาสนาจากเมืองซามาร์รา จึงกลายเป็นนักรบดุดันและสุดโต่งที่สุดในตะวันออกกลาง พร้อมตัดสัมพันธ์กับอำนาจเก่าอย่างอัลไกดา และประกาศตั้งตนเป็นกองกำลังใหม่

นอกจากร่วมสงครามซีเรียเมื่อ 2556 แล้ว ไม่มีหลักฐานว่าบักห์ดาดี เคยไปสู้รบในต่างแดนเหมือนกับพี่น้องของเขาในกองกำลัง อีกทั้งในเวลาที่ถูกกองกำลังสหรัฐฯจับตัวได้ ก็ไม่ถือเป็นการจับนักรบคนสำคัญ น่าจะเป็นหลายๆเหตุการณ์รวมกัน ที่ทำให้เขาเป็นบักห์ดาดีในปัจจุบัน

หลังได้รับการปล่อยตัว ได้เข้าร่วมและต่อสู้กับกองกำลังรัฐอิสลามแห่งอิรัก ที่รู้จักในชื่อว่า ไอเอสไอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สืบทอดต่อจากอัลไกดาในอิรัก และต่อมากลายเป็นกองกำลังหลักของอิรักสุหนี่ ที่มุ่งโจมตีทหารสหรัฐฯ และศัตรูต่างนิกายด้วยระเบิดพลีชีพ ลักพาตัวและฆาตกรรม

ระหว่างนั้น ไอเอสไอถูกอัลไกดาตำหนิเรื่องความโหดและการสังหารคนไม่เลือกไม่เว้นแม้แต่มุสลิมสุหนี่ ถือว่าทรยศศาสนา

บักห์ดาดีก้าวขึ้นตำแหน่งสูงๆอย่างรวดเร็ว ในคณะกรรมการบริหารขององค์กร ก่อนขึ้นเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2553 หลังจากที่นายอาบู โอมาร์ อัล บักห์ดาดี ถูกกองกำลังอิรักและสหรัฐฯสังหาร

เมื่อสงครามซีเรียปะทุ บักห์ดาดีเห็นเป็นโอกาสที่จะทำความฝันให้เป็นจริง จึงส่งนายอาบู โมฮัมเหม็ด อัล จูลานี รองหัวหน้าไอเอสไอ ไปก่อตั้งกองกำลัง"อัล นูซรา ฟรอนต์" และสู้กับรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แต่ต่อมา บักห์ดาดีต้องการมีอิทธิพลเหนืออัล นูซรา ที่เริ่มมีแนวคิดต่างกัน จึงขยายปฏิบัติการของไอเอสไอ เข้าไปในซีเรียโดยตรง และเพิ่มคำว่า เลแวนต์ ลงไปในชื่อของกลุ่มด้วย โดยไม่นำพาคำเตือนของนายไอย์มาน อัล ซาวาฮิรี ผู้นำอัลไกดา ที่ต้องการให้ไอเอสไอรบอยู่ในอิรักเท่านั้น แต่บักห์ดาดีท้าทายและประณามผู้นำอัลไกดาอย่างเปิดเผยว่า อัลไกดาไม่ได้ยึดมั่นกับญีฮัดอีกต่อไป จึงต้องเดินคนละเส้นทาง

ไอเอสไอแอลแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดและโหดเหี้ยมในพื้นที่ใต้การยึดครองในซีเรีย อย่างอเล็ปโปและเมืองรัคกา ทางตะวันออก โดยตีความศาสนาและบังคับใช้กฎหมายอิสลามเคร่งครัด จากวิดีโอเผยแพร่บนเวบไซต์ แสดงให้เห็นขโมยถูกลงโทษด้วยการตัดมือ ผู้ใดไม่ละหมาดจะถูกโบยในที่สาธารณะ สั่งตรึงกางเขนชายคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาฆาตกรรม และสั่งประหารด้วยการตัดศีรษะ

ความโหดและสุดโต่งของไอเอสไอแอล เกินกว่าที่กุล่มอัลนูซราจะรับได้ รวมถึงอัลไกดา ที่สุด ความขัดแย้งทางอุดมการณ์และยุทธศาสตร์นำไปสู่การต่อสู้กันเองในซีเรีย

นักวิเคราะห์ที่ติดตามการขยายตัวของไอเอสไอแอลส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า การผงาดขึ้นมาของไอเอสไอแอลในหลายปี้มานี้ เพราะการก่อร่างวางแผนของบักห์ดาดี ที่นำเสนอตนเองเป็นผู้นำญีฮัดโดดเด่นกว่าใครในศตวรรษที่ 21 และแน่นอน คือการตั้งตนเป็นคู่แข่งของนายซาวาฮิรีด้วย

สำหรับสมาชิกไอเอสไอแอลสายยุโรป บักห์ดาดีคือตัวแทนในการสานต่ออุดมการณ์ที่บินลาเดนริเริ่มไว้ และซาวาฮิรีล้มเหลวในสานต่อ และการรุกคืบในอิรักยิ่งเสริมสถานภาพนี้แข็งแรงขึ้นอีกในสายตาของผู้ศรัทธา และในพื้นที่ ก็แข็งแกร่งขึ้นจริงในแง่เงินทุนที่มีรายงานข่าวว่าได้ ปล้นจากธนาคารหลายแห่งทางเหนืออิรัก 425 ล้านดอลลาร์ กับอาวุธอีกมากมายในฐานทัพ หลังทหารอิรักพากันหลบหนี ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงขีดความสามารถของไอเอสไอแอลในการทำศึกกับกองกำลังศัตรูในซีเรียต่อไปด้วย

 

โหด! "ตอลิบาน" ตัดนิ้วชาวอัฟกานิสถานที่ออกไปเลือกตั้ง
15 มิถุนายน 2557 เวลา 08:35 น.



โหด! "ตอลิบาน" ตัดนิ้วชาวอัฟกานิสถานที่ออกไปเลือกตั้ง
การเลือกตั้งอัฟกานิสถานปิดฉากลงเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนับคะแนน โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กว่า 7 ล้านคน ขณะมีรายงานกลุ่มตอลิบานตัดนิ้วผู้ออกไปใช้สิทธิ์ 11 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งอัฟกานิสถานเปิดเผยว่า ยอดผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสอง สูงกว่า 7 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งสิ้น 12 ล้านคน โดยสถิติดังกล่าวถือว่าพอๆกับการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์คิดเป็นชายร้อยละ 62 และหญิงร้อยละ 38 ขณะที่เจ้าหน้าที่เริ่มต้นนับคะแนนทันที แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่บางพื้นที่ยังกันดารและห่างไกล ก็ทำให้คาดว่า กว่าจะรู้ผลคงต้องรอถึงวันที่ 2 ก.ค.

ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า กลุ่มติดอาวุธตอลิบานออกมาก่อความไม่สงบ โดยแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ติดอาวุธตอลิบานดักจับตัวผู้ชาย 11 คน ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งมีขึ้นเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย. 57) โดยพวกเขาถูกตัดนิ้วที่ใช้ลงคะแนน แต่ทั้งหมดก็ได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองเฮรัต และเข้ารับการรักษา โดยหนึ่งในเหยื่อเหตุการณ์โหดร้ายนี้เล่าให้ฟังว่า ขณะที่พวกเขากำลังจะกลับบ้าน พวกเขาก็ถูกกลุ่มติดอาวุธตอลิบานจับตัวไปยังหมู่บ้านและตัดนิ้ว ขณะที่หัวหน้าแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลแห่งดังกล่าว ยืนยันกับสำนักข่าวว่า ผู้ชายทั้ง 11 คนถูกส่งตัวมาจากเขตโรบัตซิงกิจริงเพราะถูกตัดนิ้ว

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวอัฟกานิสถานจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเลือกระหว่าง นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์ (Abdullah Abdullah) อดีตนักรบต่อต้านกลุ่มตอลิบาน กับนายอาชราฟ กานี นักเศรษฐศาสตร์ที่เคยทำงานกับธนาคารโลก โดยทั้งคู่ต้องได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง จากผลการเลือกตั้งทุกครั้งรวมกัน เพื่อได้เสียงส่วนใหญ่ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของอัฟกานิสถาน นับเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก หลังจากอัฟกานิสถานผ่านสงครามที่ยืดเยื้อและยาวนานกับกลุ่มตอลิบานมาเป็นเวลานานหลายปี

ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

โหด! "ตอลิบาน" ตัดนิ้วชาวอัฟกานิสถานที่ออกไปเลือกตั้ง - Spring News

 

โรงเหล็กอินเดีย แก๊สพิษรั่ว! ดับแล้ว 6 ราย
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 14 มิ.ย. 2557 01:23



เกิดเหตุแก๊สพิษรั่ว หลังเกิดระเบิดที่โรงเหล็ก ในรัฐฉัตติสครห์ ของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย บาดเจ็บหลายสิบราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 13 มิ.ย.ว่า เกิดเหตุโรงเหล็ก ในรัฐฉัตติสครห์ ทางภาคกลางของอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย ประสบเหตุเตาหลอมระเบิดรุนแรง ทำให้แก๊สพิษรั่ว โดยเบื้องต้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บราว 30 ราย

ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บกว่า 30 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลของรัฐบาล ที่อยู่ในพื้นที่ในทันที ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตเบี้องต้นอยู่ที่ 6 คน และมีผู้ล้มป่วยอีกหลายสิบคน ขณะเดียวกัน หลังจากเกิดเหตุได้มีกลุ่มคนงานรวมตัวกันประท้วงในบริเวณโรงงาน กล่าวหาว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงจะไม่เกิดขึ้น หากโรงงานมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เคร่งครัด โดยการประท้วงของกลุ่มคนงานดังกล่าวยังมีอยู่จนถึงเช้าวันนี้

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของโรงงานและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดีย ยังไม่ออกมาตอบโต้ หรือแถลงและระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่โรงเหล็กแห่งนี้แต่อย่างใด ซึ่งโรงงานดังกล่าวอยู่ในความดูแลของบริษัท ฝ่ายบริหารการผลิตเหล็กแห่งอินเดีย จำกัด (SAIL) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดการผลิตเหล็กแต่เพียงผู้เดียวในประเทศอินเดีย

โรงเหล็กอินเดีย แก๊สพิษรั่ว! ดับแล้ว 6 ราย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

นักวิทย์พบหลักฐานใหม่ยืนยันทฤษฎีกำเนิดดวงจันทร์
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 01:50:40 น.



นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่งเปิดเผยว่า ตัวอย่างของดวงจันทร์ที่เก็บรวบรวมไว้ระหว่างช่วงยุคทศวรรษที่ 1960 และ 1970 แสดงให้เห็นหลักฐานใหม่ว่า ดวงจันทร์ก่อตัวขึ้นมาหลังจากที่โลกซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน ชนเข้ากับวัตถุท้องฟ้าอย่างอื่น

การปะทะกันระหว่างโลกเมื่อครั้งที่ยังเกิดขึ้นใหม่กับดาวเคราะห์ชื่อธีอาเมื่อราว4,500ล้านปีก่อน ได้รับการขยายต่อมาเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า สมมติฐานการพุ่งชนโลกของอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดดวงจันทร์ ซึ่งในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่สนับสนุนข้อสังเกตดังกล่าว แต่พวกเขาระบุว่าหนทางเดียวที่จะยืนยันทฤษฎีดังกล่าวได้คือ การศึกษาสัดส่วนระหว่างไอโซโทปของออกซิเจน ไทเทเนียม ซิลิคอน และอื่นๆ และจนถึงตอนนี้นักวิจัยที่ศึกษาตัวอย่างชิ้นส่วนของดวงจันทร์ที่ตกมายังโลกผ่านทางสะเก็ดดาวตกพบว่า โลกและดวงจันทร์มีการก่อตัวขึ้นมาที่คล้ายคลึงกันมาก

ทว่าการใช้ตัวอย่างขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) ที่เก็บได้จากพื้นผิวดวงจันทร์ในภารกิจของยานอพอลโล 11, 12 และ 16 ร่วมกับเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้ามากขึ้นนั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบบางอย่างใหม่ โดยผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารไซน์ซระบุว่า "นักวิทยาศาสตร์ค้นพบส่วนประกอบไอโซโทปของออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทว่าเด่นชัด ในตัวอย่างชิ้นส่วนของดวงจันทร์เหล่านี้ ซึ่งความแตกต่างเล็กน้อยนี้สนับสนุนทฤษฎีการพุ่งชนโลกของอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดดวงจันทร์"

อ้างอิงจากแบบจำลองทางทฤษฎีของการชนดวงจันทร์ก่อตัวขึ้นโดยมีองค์ประกอบส่วนใหญ่ระหว่าง70-90เปอร์เซ็นต์มาจากดาวธีอาขณะที่ราว 10-30 เปอร์เซ็นต์ มาจากโลก ทว่าถึงตอนนี้นักวิจัยระบุว่า ดวงจันทร์อาจจะเป็นส่วนผสมที่มาจากเศษชิ้นส่วนระหว่างโลกกับดาวธีอา แบบ 50/50 ทว่ายังคงต้องมีผลการศึกษาวิจัยมากกว่านี้เพื่อยืนยัน

"ความแตกต่างที่พบนั้นเพียงน้อยนิดและยากที่จะตรวจสอบพบทว่ามีอยู่"แดเนียลแฮร์วาร์ตซ์ แห่งมหาวิทยาลัยเกิตติงเกนในเยอรมนี ผู้นำในการวิจัยชิ้นนี้ระบุ และว่า "ถึงตอนนี้ เราแน่ใจอย่างมีเหตุผลได้แล้วว่าการพุ่งชนโลกของอุกกาบาตขนาดใหญ่เกิดขึ้นจริง"

ทั้งนี้ ผลการค้นพบใหม่นี้ได้รับการนำเสนอในงานประชุมธรณีเคมีโกลด์ชมิดต์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 11 มิถุนายน

นักวิทย์พบหลักฐานใหม่ยืนยันทฤษฎีกำเนิดดวงจันทร์ : มติชนออนไลน์

 

สหรัฐฯเคยทิ้งนิวเคลียร์ใน 'นอร์ธแคโรไลนา'!
13 มิถุนายน 2557 เวลา 16:01 น.

สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NSA เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมระดับโลก แต่เชื่อหรือไม่ว่าสหรัฐฯ ประเทศเดียวที่เคยใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มศัตรู เคยเกือบก่อมหันตภัยนิวเคลียร์ในประเทศตัวเองจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=107629" ></iframe>

มหันตภัยนิวเคลียร์ เป็นภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถกระทำได้ และถือเป็นโชคดีสำหรับมนุษยชาติ ที่แม้จะมีการข่มขู่คุกคามระหว่างชาติต่างๆถึงการจะครอบครอง ทดลอง หรือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ตลอดเวลา แต่ประเทศเดียวที่เคยเผชิญกับระเบิดนิวเคลียร์ ก็คือญี่ปุ่น

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในฮิโรชิมาและนางาซากิยาวนานต่อเนื่องหลายสิบปี ทำให้ผู้นำทั่วโลกเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ในทุกๆทางที่เป็นไปได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าสหรัฐฯ ประเทศเดียวที่เคยใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มศัตรู เคยเกือบก่อมหันตภัยนิวเคลียร์ในประเทศตัวเองจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน

เอกสารลับที่เพิ่งหมดอายุการเก็บเป็นความลับสุดยอดชุดใหม่ เพิ่งถูกปล่อยออกสู่สาธารณะโดยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ NSA หนึ่งในเอกสารเหล่านี้มีฉบับหนึ่งเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกือบจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมระดับโลก

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 1961 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ของสหรัฐฯลำหนึ่งเกิดเหตุขัดข้องกลางอากาศ ทำให้ระเบิดนิวเคลียร์ 2 ลูก ร่วงลงยังบริเวณเมืองโกลด์สโบโร ภาคตะวันออกของนอ์ธแคโรไลนา ก่อนที่เครื่องจะตกลงสู่พื้นดิน เป็นเหตุให้มีนักบินและลูกเรือเสียชีวิต 3 ราย

เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ในเอกสารลับที่เพิ่งมีการเผยแพร่สู่สาธารณชนครั้งล่าสุดนี้ ระบุชัดเจนว่าระเบิดทั้งสองลูก อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ เนื่องจากการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องบน ทำให้ระบบการจุดชนวนระเบิดเริ่มทำงาน โดยเหตุที่ทำให้สุดท้าย นอร์ธแคโรไลนารอดพ้นจากการถูกระเบิดนิวเคลียร์ถล่ม เป็นเพราะขณะที่ระเบิดตกลงสู่พื้นดิน แรงกระแทกทำให้กลไกจุดชนวนส่วนหนึ่งเสียหาย ระเบิดจึงไม่ทำงาน

เว็บไซต์ nuclearsecrecy.com ประเมินว่าหากระเบิดดังกล่าวจุดชนวนขึ้นในเวลานี้ คลื่นความร้อนจะแผ่รังสีได้ไกลถึง 15 ไมล์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 60,000 ราย และบาดเจ็บอีกไม่น้อยกว่า 50,000 คน แต่หากเทียบกับจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในนอร์ธแคโรไลนาเมื่อ 53 ปีที่แล้ว ซึ่งคิดเป็นเพียงร้อยละ 47 ของจำนวนประชากรในปัจจุบัน ก็จะทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตที่ใกล้เคียงความน่าจะเป็นที่สุด อยู่ที่ 28,000 ราย และบาดเจ็บประมาณ 26,000 คน

จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าว ยังน้อยกว่าเหยื่อนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ซึ่งประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตรวมกัน 2 เมืองมากกว่า 150,000 ราย แม้ว่าระเบิดที่สหรัฐฯทิ้งลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิจะมีขนาดเล็กกว่าคือขนาดเพียง 0.01 และ0.02 เมกะตัน เทียบกับระเบิดที่ตกที่นอร์ธแคโรไลนาที่มีขนาดถึง 3.8 เมกะตัน แต่ทั้งสองเมืองในญี่ปุ่นเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ระเบิดจึงสร้างความเสียหายมากกว่า

ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าอุบัติเหตุที่หมิ่นเหม่ต่อการเกิดโศกนาฏกรรมนิวเคลียร์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯเคยเปิดเผยว่ามีอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับระเบิดนิวเคลียร์ 32 ครั้ง ในช่วงปี 1950-1980 โดย 2 ใน 3 เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินบรรทุกระเบิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินตก สูญหาย หรือนักบินทิ้งระเบิดด้วยความผิดพลาด

สหรัฐฯเคยทิ้งนิวเคลียร์ใน นอร์ธแคโรไลนา! - Voice TV 21

 

21 มิ.ย. 'วันครีษมายัน' กลางวันยาวที่สุดในรอบปี
15 มิถุนายน 2557 เวลา 12:09 น.

21 มิ.ย. 'วันครีษมายัน' กลางวันยาวที่สุดในรอบปี
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ เผยวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เป็น "วันครีษมายัน" วันที่กลางวันยาวที่สุดในทางซีกโลกเหนือ นานสุดเกือบ 13 ชั่วโมง

<iframe width="640" height="360" frameborder="0" scrolling="no" src="http://www.voicetv.co.th/content/embed?id=107695" ></iframe>

ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดารองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือสดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่ประเทศทางซีกโลกเหนือได้รับปริมาณแสงจากดวงอาทิตย์นานที่สุดในรอบปีโดยในวันที่ 21 มิถุนายน นี้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุดและตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุดทำให้เป็นวันที่กลางวันยาวที่สุดในรอบปีของประเทศทางซีกโลกเหนือภาษาสันสกฤตเรียกว่า "วันครีษมายัน" (ครี-ษะ-มา-ยัน) หรือ SummerSolstice

สำหรับประเทศไทยในวันที่21 มิถุนายน 2557 ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเวลาประมาณ05:51 น. และตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเวลาประมาณ 18:47 น. ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลารวมเกือบ13 ชั่วโมง

ทั้งนี้คำว่า "Solstice" เป็นภาษาอินโดยูโรเปียน Sticeหมายถึง สถิต หรือ หยุด ดังนั้น Summer Solstice หมายถึงวันที่ดวงอาทิตย์ไม่เคลื่อนที่เพราะดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ไปทางเหนือเรื่อยๆตั้งแต่เดือนมีนาคมและหยุดที่จุดเหนือสุดในวันที่ 21 มิถุนายน หลังจากนั้นจะค่อยๆเคลื่อนที่ลงมาทางใต้ ในทางฤดูกาลนับเป็นวันเริ่มต้นฤดูร้อนในซีกโลกเหนือและเริ่มต้นฤดูหนาวในซีกโลกใต้

ดร. ศรัณย์ กล่าวว่า การที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นรูปวงรีทำให้โลกมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากันตลอดปีช่วงที่ใกล้ที่สุดประมาณต้นเดือนมกราคม (147 ล้านกิโลเมตร)ช่วงที่ไกลที่สุดประมาณต้นเดือนกรกฎาคม (152 ล้านกิโลเมตร) การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ที่มีระยะใกล้บ้างไกลบ้าง นั้น เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของใกล้-ไกล ถือเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากจึงไม่ได้มีผลต่อการเกิดฤดูกาลแต่อย่างใดแต่การที่แกนของโลกเอียง 23.5 องศา เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ทำให้ตำแหน่งขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้หันเข้าหาดวงอาทิตย์ ส่วนต่างๆของโลกจึงได้รับแสงอาทิตย์ไม่เท่ากัน จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใน 1 ปี เกิดฤดูกาลต่าง ๆ


ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์

21 มิ.ย. วันครีษมายัน กลางวันยาวที่สุดในรอบปี - Voice TV 21

 

พบเชื้อพิษสุนัขบ้าระบาดสายพันธุ์"ปอม" 13 มิถุนายน 2557 เวลา 20:54 น. |เปิด

+ เชียงราย-ปศุสัตว์ยันพบเชื้อสุนัขบ้าแพร่ระบาดสายพันธุ์ปอมเมอรเนียนกลางเมืองเชียงของ



เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.นายวันชัย ออสุข ปศุสัตว์อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย กล่าวว่า ได้รับการยืนยันว่ามีการตรวจพบสุนัขจรจัด และปอมเมอเรเนียน ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 2 ตัว ภายในหมู่บ้านทุ่งดุก ต.เวียง อ.เชียงของ ซึ่งทางปศุสัตว์ อ.เชียงของ จึงได้กำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวในพื้นที่บ้านทุ่งดุกและพื้นที่ใกล้เคียงให้เป็นเขตโรคระบาดชั่วคราวชนิดโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. -13 ก.ค.57 ห้ามเคลื่อนย้านสัตว์ทุกชนิดเข้าออกในพื้นที่

นายวันชัย กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการต่างๆทางอำเภอเชียงของได้ตั้งคณะกรรมการควบคุมและกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อให้การควบคุมและกำจัดโรคมีประสิทธิภาพรวดเร็ว มีนายอำเภอเชียงของ เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ส่วนพื้นที่สองพี่น้อง ต.ริมโขง ต้องเฝ้าระวังไปอีกสักระยะ นอกจากนี้ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.เชียงของ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจร่วมกันทุกหลังคาเรือนเพื่อสำรวจข้อมูล และหาทางป้องกันเนื่องจากบ้านทุ่งดุกเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับหลายหมู่บ้าน และมีทางเข้าออกหมู่บ้านหลายทาง ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อกำหนดเขตโรคระบาดไม่ให้มีการแพร่ระบาดออกไปนอกพื้นที่ควบคุม

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าระบาดที่บ้านสองพี่น้อง ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวไทยภูเขา จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกำจัดสุนัขกว่า 50 ตัวในหมู่บ้าน พบว่าสุนัขที่ติดเชื้อมีอยู่ 4 ตัว เจ้าหน้าที่ต้องประกาศเป็นเขตโรคระบาด ห้ามสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเข้าออกพื้นที่เป็นเวลา 1 เดือน และให้ชาวบ้านกักสุนัขเอาไว้เพื่อดูพฤติกรรม และเฝ้าระวังเป็นเวลา 3-6 เดือน โดยทางปศุสัตว์ อ.เชียงของตั้งวอร์รูมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอีก แต่ล่าสุดในวันที่ 13 มิ.ย.57 กลับพบว่ามีการแพร่ระบาดอีกครั้งที่ บ้านทุ่งดุก ต.เวียง อ.เชียงของ อีกครั้ง


พบเชื้อพิษสุนัขบ้าระบาดสายพันธุ์"ปอม" - โพสต์ทูเดย์ ข่าวกทม.-ภูมิภาค

 

The Event ได้แชร์ลิงก์

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/CkyxxaSvpNg" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


ซุปเปอร์ภูเขาไฟเยลโลว์สโตน เกิดแผ่นดินไหว 257 ครั้ง ใน 14 วัน - มันจะระเบิด?

Yellowstone Super Volcano 257 Earthquakes In 14 Days - Will It Blow?

 

The Weather Lover Club



เมื่อเวลา 18.11 น.(14-6-2014) แผ่นดินไหว Magnitude 6.4 กลางมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ที่ความลึก 10 กม.(USGS)

*** ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย

ขอบคุณ อาจารย์Jittasak Putjorn

 

แสงยูวีในย่างกุ้งสูงถึงระดับอันตราย
14 มิถุนายน 2557 | เปิดอ่าน 15648 | เพิ่มขนาด fontลดขนาด fontพิมพ์หน้านี้
refer



Asia Connect แสงยูวีในย่างกุ้งสูงถึงระดับอันตราย

เมียนมาร์เผชิญกับรังสียูวีที่มีค่าดัชนีสูงในย่างกุ้ง และอีก 17 เมืองในช่วงต้นเดือนมีนาคม และคาดว่าจะสูงสุดในเดือนพฤษภาคม

กรมอุตุนิยมวิทยาของเมียนมาร์ ชี้ว่า ดัชนีวัดค่ารังสีอัลตร้าไวโอเลตในย่างกุ้งและอีกหลายสิบเมืองของเมียนมาร์มีระดับสูงถึง 9 ซึ่งอยู่ในขั้นอันตรายมาก และจะเป็นอันตรายยิ่งขึ้นเมื่อรังสียูวีกระทบกับผิวหนัง พร้อมเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการออกแดดเป็นเวลานาน รวมทั้งควรสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิด

อย่างไรก็ตามบางอาชีพไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คนขี่จักรยานรับส่งผู้โดยสารบอกว่า เขาต้องใส่เสื้อแขนยาว หมวก และถุงมือเพื่อปกป้องตัวเองจากแสงแดดอยู่ตลอดเวลา เมียนมาร์เริ่มเผชิญกับรังสียูวีที่มีค่าดัชนีสูงตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งค่าดัชนีสูงที่สุดวัดได้ 10 และ 11 ระหว่าง 11 นาฬิกาถึง 14 นาฬิกา ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันตรายมากที่สุด

ภาพประกอบจาก Stock Photos, Images, Illustrations and Vectors - Royalty-Free - Thinkstock

แสงยูวีในย่างกุ้งสูงถึงระดับอันตราย– Asia Connect

 

ขอต้อนรับกลับสู่กระทู้ค่ะท่านสุกิจ โพสต์ซะอ่านอิ่มเลย

 

Kaokala Fc เพิ่ม 4 รูปภาพใหม่

16 มิ.ย. เมฆประหลาดโผล่ จ.ตรัง โยงคล้ายสึนามิ



ปรากฎการณ์เมฆประหลาดบนท้องฟ้า เหนือตลาดสดเทศบาลตำบลทุ่งยาวแห่งใหม่ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. มีลักษณะคล้ายคลื่นขนาดใหญ่กำลังซัดเข้ามา โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาบรรทัด รอยต่อ จ.ตรัง กับ จ.พัทลุง สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่พบเห็น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายสินค้า
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้ชมภาพดังกล่าวต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ขณะที่บางร้ายก็โยงว่าอาจเป็นลางร้ายที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง เพราะภาพดังกล่าวคล้ายกับสึนามิที่เคยพัดถล่มพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง



ขอขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊กคุณเจริญพร โมบาย

แตกตื่น! เมฆประหลาดโผล่ตรัง โยงคล้ายสึนามิ

 

Bugaboo News
นาซ่า เตือน!! เอเชียอาจเจอหายนะจากเอลนีโญ รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

ดูคลิปข่าว>>คลิปนาซ่า เตือน เอเชียอาจเจอหายนะจากเอลนีโญ รุนแรงสุดในประวัติศาสตร์

<iframe src='http://www.bugaboo.tv/embed/126822?w=800&h=450&auto=true&' allowtransparency='true' frameborder='0' width='800' height='450' scrolling='no'></iframe>

 

SNews

เตรียมไหว้ดาวพฤหัสมหาอุจจ์ แรงที่สุดในรอบ 12 ปี
17 มิ.ย. 57 | 11.05 น. font-dec font-inc Print พิมพ์หน้านี้ สนับสนุนเนื้อหา Sanook Horoscope

ในวันนี้ Sanook! Horoscope มีเรื่องราวเกี่ยวกับการไหว้ดาวพฤหัสจากหมอช้าง หรือ อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา มาฝากกันค่ะ โดยเฉพาะ ชาวราศีกรกฏ ราศีมังกร หรือคนที่เกิดในวันพฤหัสบดี ควรไหว้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ หมอช้างได้กล่าวไว้ดังนี่....

อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2557 เวลา20.24น. ดาวพฤหัสซึ่งถือว่าเป็นดวงดาวที่ให้ผลดีกับดวงชะตามากที่สุดจะย้ายเข้าสู่ตำแหน่งมหาอุจจ์และเป็นตำแหน่ง ที่แรงที่สุดในรอบ12 ปี

แนะนำให้ทุกๆราศีเตรียมทำบุญเพื่อรับกระแสดีๆในครั้งนี้และเน้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เกิดใน
ราศีกรกฎ (17 กรกฎาคม- 16 สิงหาคม)
ราศีมังกร(15 มกราคม- 12 กุมภาพันธ์)
หรือผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดี

โดยการเตรียมทำบุญในวันที่17มิถุนายน เช่น ใส่บาตร,ถวายสังฆทาน,สวดมนต์ หรืออย่างอื่นแล้วแต่ศรัทธา หรือถ้าศรัทธาที่จะไหว้ดาวพฤหัสในช่วงย้ายราศีแนะนำ ให้ไหว้ วันที่ 17 มิถุนายนเวลา 20.24น.เป็นต้นไป

*สำหรับผู้ที่เตรียมตัวในวันที่17มิถุนายนไม่ทัน แนะนำให้ทำบุญในวันพฤหัสที่ 19 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันพฤหัสแรกหลังจากที่ดาวย้าย และตรงกับวันที่19 ซึ่งเป็นเลขกำลังของดาวพฤหัสอีกด้วย
ของไหว้
1 พระพุทธรูปปางสมาธิ(ถ้ามี) ตั้งหันพระไปทางทิศตะวันออก
2 ผลไม้สีเหลือง 5 อย่างที่มีรสหวาน เช่น ขนุน สาลี่ กล้วย ข้าวโพด ส้มโอ
3 พวงมาลัยดอกดาวเรือง,ธูป 5 ดอก,เทียน 1 คู่
ขั้นตอนการไหว้
ไหว้กลางแจ้ง ผู้ไหว้หันหน้าไปทิศตะวันตก

บทสวดตามลำดับ
- ตั้งนะโม 3 จบ

- บทบูชาดาวพฤหัส
ปูเรนตัมโพธิสัมภาเร นิพพัตตัง โมระโยนิยัง
เยนะ สังวิหิตารักขัง มะหาสัตตัง วะเนจะรา
จิรัสสัง วายะมันตาปิ เนวะ สักขิงสุ คัณหิตุง
พรัหมะมันตันติ อักขาตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เหฯ

- คาถาบูชาดาวพฤหัส ( สวด19 จบ)
ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ

สวดเสร็จแล้วอธิฐานของขอพรตามปรารถนาและขอให้ความดีช่วยส่งผลให้เกิดความสำเร็จในทุกๆเรื่อง

*ของไหว้สามารถนำมาทานเพื่อความเป็นสิริมงคลเมื่อเสร็จพิธี

เคล็ดการเสริมดวงรับดาวพฤหัส

1.สีประจำดาวพฤหัสคือสีเหลือง,ทองซึ่งจะเป็นสีที่มีพลังมากที่สุดไปอีก 1 ปีควรเสริมด้วยเครื่องประดับหรือของใช้ที่เห็นเป็นประจำ ให้มีสีโทนเหลืองหรือสีทองเพิ่มมากขึ้น

2.เลขประจำดาวพฤหัสคือเลข 5 และเลขกำลังคือเลข 19 การทำบุญด้วยเลข 5เช่นใส่บาตรพระ 5 รูป หรือเลข19 เช่น ปล่อยปลา 19 ตัว หรือ บริจาคเงิน19,190บาทหรือจำนวนอื่นๆตามกำลังศรัทธา

3.การทำบุญเป็นประจำในวันพฤหัสเช่น สวดมนต์,ทำสมาธิ,ทานมังสวิรัติและอื่นๆอีกหลายอย่างที่ถือว่าเป็นบุญก็จะยิ่งส่งเสริมพลังในด้านที่ดีให้กับชีวิตมากขึ้น

**เคล็ดสำคัญที่สุดก็คือหลังวันที่ 17 มิถุนายน ขอให้เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความดี ลองตั้งใจกับตัวเองที่จะเพิ่มสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต แสดงออกซึ่งความกตัญญู ลด ละ เลิก อบายมุข "ดาวพฤหัสจะส่งผลดี กับผู้ที่คิดและทำความดีอยู่เสมอ"

ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook อ.ช้าง ทศพร ศรีตุลา


เตรียมไหว้ดาวพฤหัสมหาอุจจ์ แรงที่สุดในรอบ 12 ปี เตรียมไหว้ดาวพฤหัสมหาอุจจ์ แรงที่สุดในรอบ 12 ปี

 

Timeseasons Coffee Innovation Capital เพิ่ม 3 รูปภาพใหม่



สิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพอากาศของโลกที่เข้าสู่ความชื้นสูงในแถบอบอุ่น หิมะตกในฤดูร้อนที่ตุรกี สวิสเซอร์แลนด์ มาจากผลของพายุสุริยะที่ปะทะโลก 6 ลูกใน 2 วันที่ผ่านมา สภาพอากาศ เขตอบอุ่นจะเป็นขั้วโลก เขตเส้นศูนย์สูตรจะเข้าสู่พายุหมุนที่รุนแรงที่เรียกว่า พายุกังหัน เกิดในเวลากลางวันเมื่อความร้อนใต้พิภพปะทะความชื้นในอากาศจากมวลเมฆในท้องฟ้า เตรียมพร้อมนะค่ะ





สถานการณ์ภัยพิบัติ: สภาพอากาศวิปริตแปรปรวนหนักในทวีปยุโรป เมื่อเกิดเมืองฤดูหนาวในช่วง

 

Timeseasons Coffee Innovation Capital

Climate change having effect on Korean peninsula:

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/7HSyLxMe-Vw?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ทอร์นาโดลูกแรกในเกาหลี...แปลกมากๆ

 

Timeseasons Coffee Innovation Capital

 

Piyacheep S.Vatcharobol เพิ่ม 3 รูปภาพใหม่



ตามที่ขอมานะครับ รอยเลื่อนแม่ริม สันโป่ง และแม่โจ้ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งในช่วงเกือบ ๒ ปีที่มาอยู่แม่โจ้ รอยเลือ่นแม่โจ้ไหวมาประมาร ๕ ครั้งแล้วนะครับ ในขณะที่แม่ริมยังนิ่งอยู่ และผมเชื่อว่า รอยเลื่อนแม่โจ้แอคทีฟกว่าแม่ริม ด้วยตรวจพบปริมาณไฟฟ้า ปริมาณสนามแม่เหล็กมากผิดปกติบ่อยๆ



แต่หากถามว่ารอยเลื่อนแม่โจ้จะเคลื่อนตัวไหวรุนแรงไหม จากข้อมูลกาีรวัดค่าของผมเท่าที่หาข้อมูลเองในพื้นที่ หนักที่สุดไม่น่าเกิน ๖ ริคเตอร์นะครับ แต่โอกาสน้อยมาก เพราะมีการถ่ายเทพลังงานออกมาเสมอ เมื่อพลังงานปลดปล่อยได้ โอกาสหมักหมมพลังงานศักย์ก็น้อยหน่อยนะครับ

รอยเลื่อนแม่ริมน่าจะไหวรุนแรงกว่าในอนาคต แต่ก็ไม่น่าเกิน ๖ ริคเตอร์เช่นกัน ที่อยู่อาศัยบริเวณรอยเลื่อนแม่ริมมั่นคงกว่า สันโป่งและแม่โจ้ เพราะมีชั้นหินแข็งกว่า สันโป่งอ่อนที่สุด ด้วยเป็นดินลุ่มน้ำ และแม่โจ้ปานกลาง ด้วยเป็นดินปนทรายนะครับ
อ้าง เอ๊ะ แล้วทำไมมาเลือกตั้งที่หลบภัยช่วง ๒ ปีนี้ที่แม่โจ้

ก็อย่างที่บอกนะครับ เป็นศูนย์กลางที่ใครไม่มีที่ไปที่ไหนก็มาที่นี่ก่อน แล้วค่อยขยับขยายไป กอร์ปกับเคยดูชั้นหินผ่านภาพถ่ายดาวเทียมแล้วว่าชั้นหินชั้นดินใช้ได้ และเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็พิสูจน์แล้วว่าเลือกไม่ผิดที่ เมื่อแผ่นดินไหวจากแม่สรวยมาถึงแม่โจ้ ๕ กว่าๆ แผ่นดินไหวเป็นแนวคลื่น ตู้โยกสะบับไปมา แต่ไม่มีอะไรหล่นจากชั้นทุกตู้แม้นแต่กรอบรูป

ส่วนที่ผมจะย้ายไปอยู่เชียงรายไม่อันตรายหรือ ?
ผมไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมั่นคงนะสิครับ

ผมมั่นใจในข้อมูลผม เหมือนผู้สร้าง 2012 ว่า ภาคเหนือของสยามประเทศปลอดภัยที่สุด ปลอดภัยที่สุดนะครับ ไม่ใช่ไม่มีภัยเลย