ทรมานกับสังคมที่ทำงานครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย redeye127, 3 มิถุนายน 2014.

  1. redeye127

    redeye127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,474
    ผมได้ทำงานในบริษัทอันดับดีในประเทศมีแต่คนอยากมาทำงานที่นี้ แต่พอเข้ามาแล้วทำให้รู้เลยว่ามันไม่ใช่เลยครับ สังคมที่เหยียบหัวคนอื่น นินทาลับหลัง พยายามทำลายเราลับหลัง ซึ่งทำให้ผม ทรมานมากครับ ที่ยังไม่ออกเพราะ พ่อแม่ ภูมิใจกับการที่ได้ทำงานที่นี้ครับ แต่ส่วนตัวทรมานมาก ไม่รุ้ว่าชาติที่แล้วเราไปทำอะไรคนพวกนี้ ถึงได้เจอกลับมาหนัก โดนโขกสับ ตลอดเวลาจนบางครั้ง เราเป็นคนที่ไม่มีใครเอาเลย เพราะมีการนินทากันนิแหละ เจ็บปวดมากครับ ช่วยผมที
     
  2. nun-rayong

    nun-rayong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +1,312
    อย่าพึ่งรีบลาออกนะครับลองอดทนอยู่ไปก่อน ซักปี ทำใจเฉยๆชั่งหัวมันคนดีๆยังมีอยู่นะครับไม่ใช่เราคนเดียว แต่ว่าเรายังหาคนรู้ใจไม่ได้ให้เวลามันอีกหน่อย เดี๋ยวมันจะค่อยๆชินไปเอง ถ้าเราไม่อดทนไม่ปล่อยวางย้ายไปอยู่ที่อื่นมันก็ไอ้แบบนี้เหมือนกัน แล้วเราก็จะหลักลอยไปอยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้ จะเสียโอกาสของชีวิตอย่างน่าเสียดาย ที่สำคัญพ่อแม่เสียใจ
     
  3. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    ผมก็โดนเหมือนกัน

    ยิ่งองค์กรใหญ่ยิ่งเจอ เพราะจะต้องมีคนที่ต้องการไต่เต้ายิ่งมากตาม
    และวิธีการไต่เต้าแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

    คนที่ความสามารถน้อย จะใช้วิธีดึงกำลังพลให้เป็นพวก
    แน่นอนเค้าต้องทำได้เพราะอยู่รอดมาได้ คนไม่มีความสามารถ
    แล้วยังดึงคนมาอยู่ใต้อำนาจไม่ได้ก็ผ่านขึ้นไปไม่ได้อยู่แล้ว

    ปัญหาคือ ยิ่งองค์กรมั่นคงแล้ว ยิ่งนานวันนานปี จะยิ่งมีคนเหล่านี้มาก
    เพราะว่าองค์กรไม่ค่อยมีงานที่ต้องการคนมีความสามารถมาลุยเท่าไร
    เมื่อไม่มีงานท้าทายมา หัวหน้าหลายคนยิ่งรุ่นหลังๆแยกไม่ออกว่าใครเก่งกว่าใคร
    หัวหน้าคนที่มองออกก็ต้องตามน้ำ เลือกคนที่เอาหน้าสร้างหน้าตาเป็นพวก
    เพราะอย่างน้อยก็พาตนเองให้ปลอดภัยมั่นคง

    เพราะฉะนั้น หากจะปลอดภัยต้องมีพวก และยอมสวามิภัก ตามนำ้ครับ
    และเรียนรู้กฎมารยาทการอยู่ในกลุ่มด้วยครับว่า ต้องทำอะไรบ้าง

    เอวัง

    ดีแค่ไหนที่ทหารออกมารื้อระบบรัฐวิสาหกิจแล้ว
    เริ่มตั้งแต่กรรมการบอร์ด บอกเลยว่าใครไม่ได้ทำประโยชน์
    คือคอยออกเสียงอนุมัติงบต่างๆ ให้ผ่านเท่านั้น
    ให้พิจารณาตนเองเชิญออก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  4. mai261

    mai261 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +508
    สังคมการทำงานก็แบบนี้หละค่ะที่ไหนก็เปน เรายังโดนหนักกว่านี้ บางแห่งทะเลาะชกต่อยกันถมเถ๋ เอาเงินส่วนหนึ่งไปทำอาชีพส่วนตัว เล่นหุ้น ด้วยค่ะจะได้ไม่เซ็ง
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เห็นใจครับ เพราะอดีตผมก็เคย ทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียง มีออกโฆษณาสินค้าทางทีวีไม่เคยขาด แต่พอไปทำเรากลับพบความจริงว่า

    บริษัทใหญ่โตเหล่านั้น เขาต้องมีระบบมากมายเพื่อรับรองสินค้าของเขา พนักงานระดับกลางและระดับล่างจะต้องเหนื่อยหนักอย่างยิ่งในการสร้างระบบ สร้างแล้วต้องควบคุมรักษา และพัตนาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในกลุ่มออุตสาหกรรมอาหาร แล้วนั้นมีระบบมากมายที่จะต้องจัดทำ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถค้าขายกับลูกค้าบางกลุ่มได้

    ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องรับผิดชอบมากมาย หากโครงสร้างของ องค์กร บุคคลากรไม่ดีก็มีปัญหามาก อีกทั้งหาก ประกอบกับนโยบายที่ผู้บริหารต้องรู้ลึกถึงปัญหารากหญ้า จึงจะแก้ไขได้ อีกทั้งปัจจุบัน ทุกบริษัท ต้องทำโครงการลดต้นทุน ค่าใช้จ่าย cost down ดังนั้นผลงานที่ถูกวัดด้วยค่าKPI จึงเป็นเรื่องที่ต้องเหนื่อยหนักเป็นอย่างยิ่ง

    ในแง่ของผู้บริหาร ระดับผจก ขึ้นไป ก็มีหน้าที่บริหาร ผลงานต้องได้ตามเป้า จึงเกิดปัญหากับพนักงานระดับกลางและรากหญ้า ที่มีภาระที่ต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่ยากและหนักมากเลยทีเดียว

    ด้วยสภาพการทำงานที่ดูแล้วคือต้องแข่งขันทั้งกับตนเองและผู้อื่น จึงทำให้ชีวิตไม่มีความสุข ดังนั้น ผมขอแนะนำว่า หากคุณคิดว่าตนเองไม่เหมาะในสภาพแวดล้อมการทำงานดังกล่าวก็ควรวางแผนชีวิตตนใหม่ ด้วยการหางานใหม่
    1ว่าด้วยตัวเนื้องาน ทั้งนี้จะต้องศึกษาถึงบริษัทที่เราสมัครให้ดีว่า บริษัทเขาทำอะไร ผลิตอะไร ความซับซ้อนของธุระกิจ การผลิต หรือการทำงานเป็นอย่างไร ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเรา ภาระและความรับผิดชอบของเราเป็นอย่างไร คือต้องประเมิณก่อนจนแน่ใจ
    2ว่าด้วยกลุ่มบุคคลผู้ร่วมงานของที่ทำงานใหม่ ข้อนี้ไม่สามารถทราบได้ แล้วแต่วาสนาบารมีที่เคยร่วมกันมาครับ แต่ทั้งนี้ไม่สำคัญเท่าตัวคุณเอง
    3ว่าด้วยตัวคุณเอง ต้องมีความคิดเชิงบวกที่ต้องสร้างเอง และมีความเป็นผู้ใหญ่และเป็นมืออาชีพที่ต้องฝึกฝนเอง หากคุณทำได้ สิ่งภายนอกก็ทำอะไรคุณไม่ได้ครับ


    ขอให้อดทนและพยายามต่อไปครับ สักวันที่ดี วันแห่งความสุขต้องเป็นของเราครับ
     
  6. newpin

    newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ เจอแบบนี้คงเซงมากเหมือนกัน แต่งานดีแล้วก็น่าเสียดายนะค่ะ คนอีกมากที่อยากเข้าบ.ใหญ่ สวัสดิการดีๆ
    มีผู้ใหญ่ท่านนึงเคยแนะนำค่ะ ลองทำบุญกรวดน้ำให้คนที่ไม่ถูกกันดูค่ะ ถ้าไม่เยอะก็ระบุชื่อไปเลย แต่ถ้าเยอะจัดก็อาจจะรวมว่าให้แก่ บริวาร/เพื่อนร่วมงานไปเลยค่ะ ทำไปสักพักแล้วสังเกตดูว่าสถานการณ์เบาลงไหม?
    สุดท้ายถ้าแย่จริงๆ เสียสุขภาพจิต ก็ลองหาลู่ทางใหม่ค่ะ
     
  7. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    การสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์ สวดเพื่ออะไรครับ
    โห ถามดีมากนะฮะ ถามดีมากฮะ จักรพรรดิ์คือใคร ไม่มีใครรู้นะฮะ
    ถ้าไม่ศึกษา จักรพรรดิ์นี่คือ สุดท้ายคือพระอรหันต์นะฮะ พระอรหันต์
    ทรงเครื่องฮะ แต่เป็นแก้ว

    พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ถ้าไม่บวชก็เป็นจักรพรรดิ์นะฮะ
    จักรพรรดิ์คือพระแก้วมรกตอ่ะนะฮะ พระทรงเครื่องนะฮะ นั่นคือจักรพรรดิ์
    คนที่จะไปเกิดเป็นจักรพรรดิ์คือโพธิญาณ 90% ต้องโพธิญาณนะฮะ
    ต้องปรารถนาเป็นโพธิสัตว์หรือพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งในกาลข้างหน้า
    ท่านก็สร้างบารมีไปเรื่อยๆ

    พุทธเจ้ามี 3 ระดับ คือ
    ปัญญา ศรัทธา วิริยะนะฮะ

    องค์ปัจจุบันนี่ท่านเป็นปัญญานะฮะ ใช้เวลาน้อยหน่อย

    คือ ท่านบอกเรื่องของจักรพรรดิ์เนี่ยนะฮะ
    มันเป็นบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์
    ที่ท่านให้สวดเพราะอยากให้เข้าใจในโลกของวิญญาณ
    โลกวิญญาณที่เราตายเนี่ย ทุกคนสัมผัสได้นะฮะ
    ไม่มีใครสัมผัสไม่ได้หรอก มีความรู้สึกนะฮะ ลองสวดไป
    เวลาสวดที่ไหนก็น้อมไปแถวๆนั้น ให้ภพภูมิทั้งหลาย
    คือ โลกวิญญาณมาสวดกับเรา เรามีรูปนามนะฮะ เรามีกายใจ
    ครบองค์ประกอบของกรรมที่เราทำ แต่เวลาตายไป
    มีแต่ใจ เป็นโลกของโอปาติกะ เป็นโลกผีฮะ ไม่มีธาตุ
    เพราะงั้นทำบุญไม่ได้นะฮะ ต้องผ่านที่เรา

    เพราะฉะนั้นเวลาเราสวดเนี่ย เราจะมีความรู้สึกว่า
    เราไม่ได้สวดคนเดียว นี่คือการสัมผัส

    ท่านให้เชื่อนะ ท่านอยากให้เชื่อเรื่องพวกนี้
    ถ้าไม่เชื่อแล้วยากนะฮะ ถ้าไม่เชื่อนี่ ยาก ท่านบอก
    มันไปทำบาป ถ้าไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ท่านบอก
    เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเนี่ย เรื่องกรรมท่านว่า
    เรื่องการบันทึกนะ

    ทุกวันนี้ เราใช้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ลบมาก
    หรือบวกมาก นั่นคือข้อมูลนะฮะ
    สิ่งที่เราทำอะไรไว้ในโลกนี้ ไม่สูญไปไหนนะฮะ
    ไม่สูญไปไหนฮะ อยู่ นึกเมื่อไรก็มาเมื่อนั้นล่ะ
    โกหกไม่ได้นะฮะ กรรมนี่ โกหกไม่ได้ นึกเมื่อไรก็มา
    ถ้าเราไม่นึกล่ะ ไม่มา

    เพราะฉะนั้น ท่านบอกว่า พุทธศาสตร์นะ
    เราเป็นพุทธศาสตร์นะ หยุดที่เรา เรื่องราวทั้งหมดเลยนะฮะ
    หยุดที่เรา
    อย่างในที่ทำงานนี่นะฮะ ถ้ามีปัญหากัน
    หยุดที่เรา แล้วก็จบ ท่านบอกเราจะไม่เป็นทุกข์
    นี่คือพุทธศาสตร์นะฮะ มีประโยชน์มาก
    เพราะฉะนั้นลองสวดดูฮะ จิตอยู่ที่พระ แล้วก็สวดไป
    สวดสบายๆนะฮะ สวดใช้อิริยาบถทั้ง 4 นะ
    ไม่ใช่เข้าห้องพระแล้วสวด
    ไม่ใช่นะฮะ ตอนกินข้าวก็สวดได้ ตอนขับรถมาทำงานก็สวดได้
    ก่อนนอนก็สวด ตื่นนอนก็สวด ใช้เวลาไม่นาน ไม่กี่ปี จะเข้าใจนะฮะ
    ง่ายๆ ไม่ยากหรอก


    ที่มา : หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม วันที่ 26 มีนาคม 2556
     
  8. momogo

    momogo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    570
    ค่าพลัง:
    +1,158
    เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้ากรรมนายเวรคือใครและมีจริง

    เราจะไปเชื่อได้ยังไงล่ะ เออ เรายังไม่รู้เลย
    เราเคยฆ่าเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ฮะ เออ
    ชาตินี้เรารู้ว่าฆ่าใคร ฆ่าปลา ฆ่าสัตว์มากี่ตัว รู้
    นั่นน่ะคือเจ้ากรรมนายเวรคือสิ่งที่เราฆ่าล่ะ
    ทุบเขา ทรมานเขา นั่นล่ะคือเจ้ากรรมนายเวรจริงๆ
    เราเคยทำหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้
    ถ้าเขาอยู่สวรรค์หรือพรหมเนี่ย เขาก็ไม่เอาเรื่องกับเราแล้วฮะ
    ถ้าเขาเป็นมนุษย์เนี่ย เราก็จะเจอเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้
    ถ้าเขาอยู่ข้างล่างเนี่ย เขาก็ติดคุกอยู่อ่ะ
    ที่ท่านให้แผ่เมตตาทุกวัน ครูบาอาจารย์ท่านสอน
    จริงๆแล้วคือให้มีเมตตานะฮะ เราอ่ะ มีเมตตา
    มันเป็นพรหมท่านบอก ถ้าคนแผ่เมตตาบ่อยๆเนี่ย
    มันเริ่มด้วยเมตตา กรุณาก็ตามมา มุทิตาก็ตามมา
    อุเบกขาก็ตามมา มันบวกเข้าไปให้หมด มันบวก

    เจ้ากรรมนายเวรจริงๆเนี่ย ที่เห็นๆเลยนะฮะ
    คนใกล้ชิดนะฮะ ผัวเมียญาติพี่น้องทั้งหลาย
    ญาติโกโหติกา อยู่ๆก็ฆ่ากันนะน่ะ
    นั่นล่ะเจ้ากรรมนายเวร จองเวรไม่เลิกฮะ
    พอตายแล้วก็ กูจะจองเวรมึงตลอดไปนะน่ะ


    อย่างที่ดูข่าวลูกฆ่าแม่เมื่อวานนี้

    อย่างนั้นน่ะคือ ฆ่ากันมานานแล้วนะฮะ
    ไอ้อย่างเราไปเมาเหล้าแล้วไปต่อยกันแล้วตีกันแล้วฆ่ากัน
    ไอ้นั่นยังแผ่ให้กันได้ง่ายๆนะฮะ เพราะมันตายมันรู้ฮะ
    เพราะไม่ได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมา
    เพียงแต่ไปมีเรื่องกันแค่นั้นแหละ
    ก็อย่างทหารมันไปฆ่ากัน มันก็ไม่อยากไปอ่ะ ใช่ไหม
    อืม แต่มันไปฆ่ากันอย่างนี้มันก็แผ่กันง่ายฮะ

    แต่ไอ้เจ้ากรรมนายเวรจริงๆ ผัวเมียเนี่ย ญาติเนี่ย
    ที่มันฆ่ากันเนี่ย ที่มันด่าๆกันเนี่ย
    บางคนอธิษฐานทุกวันนะฮะ จองเวรทุกวันนะฮะ
    นั่นคือยากนะฮะ เกาะเลยไม่ค่อยไป ถ้าเจอนะฮะ
    แต่เราไม่รู้เขาอยู่ไหนเท่านั้นเอง ระวังฮะ

    ระวังนะฮะ อย่างเราเจอใคร มีความรู้สึกจะฆ่าเขาเนี่ย
    ระวังดีๆ นั่นคือเจ้ากรรมนายเวรเราฮะ เพราะไม่ใช่ญาติ
    ไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่อะไรกันเลย เดินไปเดินมา
    ไอ้นั่นมันน่าหมั่นไส้ จะฆ่ามัน อันนั้นระวังดีๆ เจ้ากรรมนายเวรนะน่ะ
    ถ้ามีเรื่องกัน ฆ่ากันฮะ สวดมนต์ไว้ฮะ มันจะหลีกจากพวกนี้ไป



    เรื่องการแผ่เมตตาเจ้ากรรมนายเวรเรานะฮะ

    มันต้องหยุดที่เราก่อนนะฮะ ตั้งสัจจะอธิษฐานนะฮะ
    ว่าใครเคยทำอะไรกับเราไว้ในอดีต ทำอะไรให้เราช้ำใจ
    ฆ่าเราอะไรพวกนี้ ไม่รู้อ่ะ เราไม่ขอจองเวร เราจะหยุดในชาติปัจจุบัน
    เราจะหยุดไม่จองเวรกับใคร หยุดอยู่ที่เรานะฮะ
    อธิษฐานตลอดชีวิตเลย
    มันจะประกอบกับที่เราแผ่
    ประกอบกับกรรมฐาน ประกอบกับศีล สมาธิ ปัญญาอะไรพวกนี้
    มันจะไปคู่กันหมดฮะ แล้วก็อโหสิกรรมบ่อยๆฮะ

    บางคนชีวิตไม่ค่อยราบรื่นนะฮะ เพราะในอดีตทำไม่ราบรื่นนะฮะ
    ชอบไปแกล้งเขามั่ง อะไรเขามั่งนะฮะ ชีวิตคนเราไม่แน่นอนนะฮะ
    พอตัวเป็นใหญ่แล้วไปแกล้งเขานะฮะ เคยเห็นหลายคนนะฮะ
    แก้ยากฮะ เพราะฉะนั้นอธิษฐานเลยฮะ ไม่จองเวรกับใคร
    จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ข้าพเจ้าอโหสิกรรม
    หยุดอยู่ที่เราแล้วแผ่ออกไปตอนเนี้ย ง่ายนะฮะ มันไม่มีการกระทบนะฮะ
    ถ้าเจอไม่มีนะฮะ เพราะมันหยุดอยู่ที่เราไง

    เหมือนเราเจอคนรักน่ะแหละ ถ้ามันจะทิ้งเรา เรามองหน้ามัน
    เรามองตามันปั๊บ เรารู้เลยว่ามันจะทิ้งเราไอ้คนเนี่ย อ้าวจริงๆ
    เรื่องจริง ใช่ไหม เหมือนกันน่ะแหละ หยุดที่เรา จบที่เรา


    การอุทิศบุญกุศลเราสามารถนึกย้อนได้หรือไม่ครับ

    ได้ฮะ นึกย้อนได้เลยฮะ


    ที่มา : หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม 26 มีนาคม 2556
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    [FONT=&quot]...ผลที่ปรากฏนั้นย่อมชี้เหตุที่มาที่สอดคล้องเสมอ ..หากท่านผู้ถามทราบว่า ในอดีต ท่านเองเคยทำเช่นเดียวกับที่ผู้ร่วมงานรอบตัวทำแก่ท่าน ท่านอาจนึกสงสารพวกเขา มากกว่าจะเคืองขุ่นเดือดร้อนในบัดนี้...

    [/FONT]
    [FONT=&quot][FONT=&quot]การที่จะคบกับใครนั้น ก็พึงแบ่งความสำคัญในการคบหา หากบุคคลใด ก่อทุกข์แก่ท่านมาก ท่านก็พึงคบค้าเฉพาะเท่าที่งานจะจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกัน นิสัยของใคร ก็เป็นเรื่องของใครคนนั้นจะพิจารณาและแก้ไขด้วยตนเอง ท่านผู้ถามก็พึงวางใจอุเบกขาให้มาก เขากำลังสร้างเหตุใหม่ (เหตุเสีย) และเขาก็ต้องเป็นคนที่มีปัญหาในใจมาแต่ไหนๆแล้ว ดังนั้น การแสดงออกทางกายวาจาของเขา จึงออกอาการที่กดทับ ข่มเขื่องแก่บุคคลอื่นอย่างนั้นนั่นแหละ เขาทำอย่างนั้น เพราะสำคัญผิดว่า เขาทำแล้ว เขาดีขึ้น ดูดีขึ้นในความรู้สึกของตนเอง...ดังนั้น ท่านก็ต้องยอมรับว่า เขาเป็นอย่างนั้น ไปตกแต่งแก้ไขอะไรไม่ได้เลย..

    ท่านผู้ถามมิควรกระทำความใส่ใจในอาการท่าทาง หรือวาจาของเขาที่กำลังก่อร้ายอยู่อย่างนั้นเลย แต่ท่านผู้ถาม พึงสำรวม กาย วาจา และใจของตนเอง อย่าให้กลายเป็นใจร้าย.... พึง รักษาใจที่ดีของตนไว้ อย่าให้กลายเป็นใจร้าย เพราะนี่เป็นเหตุใหม่ของท่านเอง ใครจะร้าย ก็ใช่ว่าเราจะต้องร้ายตามเขา...

    [/FONT]เขากำลังแผ้วถางสร้างทางแห่งความทุกข์ ท่านเองก็ไม่จำเป็นต้องทำตามเขา ด้วยการปล่อยใจให้กระเจิงไปกับการกระทำทั้งทางกายวาจาของใครเขาแม้แต่อย่างใด รักษาใจของตน รักษาวาจา และกายของตนให้ตั้งมั่นในศีล สำรวมด้วยดี ขณะนั้น ศีลกุศลเกิดแล้ว เกิดขึ้นมาเว้นการการล่วงกาย วาจาที่หยาบออกไป เห็นไหมว่า บุญที่เกี่ยวกับศีลเกิดได้บ่อยทีเดียว ตราบเท่าที่ยังต้องเกี่ยวข้องกับคนอย่างนี้อยู่ เห็นไหมว่า อารมณ์ที่ไม่ดีนั้น เราสามารถนำมาสร้างกุศลใหม่ได้ง่ายดายนัก คนมีปัญญา ย่อม นำเอาอกุศลวิบาก มาเป็นปัจจัยแก่กุศลเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่มีขาดทุน มีแต่กำไร...

    อนึ่ง สิ่งที่เกิดทั้งดีและร้ายเรียกว่าโลกธรรม๘ เมื่อเกิดแล้วก็ตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วย่อมยุติหมดไปไม่อาจตั้งมั่นถาวรอะไร .. ใครจะทราบว่า เมื่อท่านทำตัวนิ่งสงบ ไม่สั่นไหวเพราะการกดดันของพวกเขา พวกเขาอาจนึกแปลกใจเปลี่ยนที่ท่าเป็นตรงข้ามได้ สิ่งที่คิดไม่ได้คาดไม่ถึงมีปรากฏให้เห็นเสมอ พึงอดทนทำตนเป็นเหมือนคนดูละคร โดยไม่ร่วมแสดงให้เขาดู..คนที่ยังพอมีคุณธรรมบ้างคงยังมีอยู่แถวนั้น เขาย่อมทราบความที่ท่านผู้ถามไม่ใช่อันธพาล..เขาย่อมคิดที่จะมาแสดงไมตรีคบหา.....

    เป็นกำลังใจให้ท่านพ้นความทุกข์เดือดร้อนได้โดยเร็วครับ..

    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  10. grandki

    grandki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +794
    นึกถึง คาถานี้บ่อยๆ ค่ะ ช่างหัวมัน

    คุณจะต้องเจอในทุกสังคม ของโลกใบนี้ จะต้องอยู่กับมันให้ได้ และหนี้ไม่พ้น การหนีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
     
  11. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    เป็นผมก็คงไม่ทนนะ...มีเงินสักก้อน หางานใหม่ทำเลย....งานอะไรก็ได้ ที่เป็นเจ้าของ ทำแล้วสบายใจ ได้เงินน้อยก็มีความสุข....ได้เดือนล่ะแสนผมก็ไม่เอาถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข....ออกมาทำสวน ดูต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ไม่ไปแก่งแย่งกับใคร ๆ ได้อยู่บ้าน เหนื่อยพัก อยากนอนก็นอน อยากทำงานก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ ....อยู่อย่างพอเพียงสบายใจที่สุด....ว่าง ๆ ก็มองดูต้นไม้ นั่งภาวนา....สมบัติหาให้ตาย หาไว้เยอะ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักชิ้น สักบาทเดียว....หุหุ มีก็ใช้ ใช้เท่าที่เรามีเงิน เหลือก็เก็บไว้....ชีวิตที่สบาย อิสระเสรี.....อยู่บ้านดูแลสวนยางไป ว่างมากก็มาทำเห็ด ทำไมมันมีความสุขกว่างานที่เคยได้ทำเดือนเกือบแสน....ได้เงินน้อยแต่ใจมีสุขมาก.

    ดีที่ผมกล้าออกจากกรอป...ความสุขมันไม่ได้อยู่ไกลเลย มันอยู่ใกล้ ๆเรานี่เอง...หาให้เจอครับ.
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    แล้วยังไงละ ?

    ลาออกเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ เจอเหมือนเดิมใหม่ ลาออก หาที่ไหม่ เจอใหม่ ลาออก ไปเรื่อยๆ หรอ ?

    ผมแนะนำนะครับ ดูที่ใจตัวเอง ไม่ต้องไปดูใจ คนอื่นครับ ^^

    กฏแห่งกรรม ใครสร้างกรรม ก่อกรรมอะไรไว้ ก็ย่อมได้รับผลกรรมนั้นตอบแทน


    แทนที่จะมามัววิตกให้จิตตัวจขกทเองเศร้าหมอง เอาเวลาไป สร้างบุญ ทาน ศีล ภาวนากรรมฐาน ดีกว่านะครับ

    แนะนำว่าให้ภาวนาคาถาเงินล้าน วัดท่าซุง วันละ 1000 จบได้ยิ่งดี

    แล้วการทำงานจะคล่องตัว ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ^^


    .

    หาเวลาว่างๆ ศึกษาคำเทศน์สอนบ้างก็ดีนะครับ ดีกว่าจิตตกเพราะมัวแต่ไปสนใจ ใจ คนอื่น

    แนะนำลองหาอ่านใน Link จะได้มี ภูมิ ครับ
    .
    เมื่อถูกกลั่นแกล้งให้ภาวนา "สัมปจิตฉามิ" <hr style="color:#998049; background-color:#998049" size="1"> ถาม : (คุยเรื่องความไม่พยาบาท)
    ตอบ : มีคาถาอยู่บทหนึ่ง มีผลรุนแรงมาก คือ "สัมปจิตฉามิ"

    เมื่อมีคนมากลั่นแกล้งเรา เราไม่ต้องไปตอบโต้ ไม่ต้องไปทำอะไรเขา ให้เราจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ โดยมีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "เรวัตตะ" เป็นที่สุด ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้เราพ้นจากเรื่องเดือดร้อนนี้ด้วย

    แบบนี้คนทำจะซวยเอง ถ้าเขาทำดีกับเรา เขาก็รับดีไปหลายเท่า ถ้าเขาทำไม่ดีกับเราก็เละไปเอง เราไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก กฎแห่งกรรมสนองเขาเอง

    ถาม : ................................
    ตอบ : เป็นงานของ สมเด็จพระพุทธเรวัตตะท่านโดยตรง สมัยของท่านเขาแกล้งกันซึ่ง ๆ หน้า ท่านเทศน์อยู่ก็แกล้งให้คนฟังดิ้นพราด ๆ อยู่กลางศาลา ต้องการจะให้คนเสื่อมศรัทธาท่านให้ได้ เพราะว่าเมื่อท่านตั้งศาสนาพุทธขึ้นมาศาสนาอื่น ๆ เขาเสียลาภผลไปเยอะ ก็พยายามจะแกล้งท่านทุกวิถีทาง

    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ถนัดที่สุดกับการรับมือพวกช่างแกล้ง ท่านเคยให้พรไว้เลยว่า ถึงเวลาถ้าเดือดร้อนขึ้นมาแล้วให้บอกท่าน จุดธูป แล้วภาวนาคาถาบทนี้เดี๋ยวคนแกล้งก็เจ๊งไปเอง

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

    http://watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3015
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  13. redeye127

    redeye127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,474
    ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้เหมื่อนรู้สึกว่าตัวเองดูไร้ค่าในสายตาคนอื่นๆ เลยครับ หัวหน้าไม่คุยด้วยอีกต่างหาก เซง
     
  14. ป้าสวย

    ป้าสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +162
    การลาออกในตอนนี้คงยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม ณ ขณะนี้ แต่การใช้ช่วงเวลา
    ใช้ความอดทน ประกอบแต่กรรมดี ฝึกการปล่อยวาง พลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยใช้เหตุการณ์ที่มีอยู่ในขณะนี้เพื่อฝึกพัฒนา ยกระดับจิตใจของเราขึ้นมาเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งค่ะ ซึ่งเมื่อคุณทำได้ ผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้กุศลจะจัดสรรคุณไปอยู่ในที่ทำงาน
    ที่มีสภาพแวดล้อม ทรัพยากร รวมทั้งผู้คนที่มีระดับจิตใจที่สูงในระนาบเดียวกับคุณได้เองค่ะ สู้ๆ ค่ะ ยิ้มให้เยอะๆ นะคะให้เขาเห็นว่ายิ่งเขาทำร้ายเรามากเท่าไหร่เราก็ยังมีความสุขอยู่ได้
    จากประสบการณ์ส่วนตัวเอง กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้เวลานานหลายปีดีดักเหมือนกัน สู้กับอารมณ์โมโหของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง ก็นั่งดูจิตตัวเองไปค่ะ ดูแล้วก็วาง แล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีนักดีหนา พอเวลาโมโหขึ้นมานี่มันก็คิดแผนฆ่าคนที่รังแกเราเป็นฉากๆ ทีเดียวเชียว(ยอมติดคุก) แฮะ !!!!
    สังคมสมัยนี้ไม่รู้เป็นนิสัยเฉพาะของคนไทยหรือเปล่า คนเก่ง คนมีความสามารถ คนขยัน ถ้ามีมากกว่าคนอื่นเป็นไม่ได้เลย จะต้องจับกลุ่ม สร้างพวกพ้อง ทำลอบบี้เพื่อขจัดออกไป เพราะที่มีอยู่จะเดือดร้อน คิดแล้วกลุ้มค่ะ "สังคมแบบหมาล่าเนื้อ" น่าเบื่อสุดๆ เมื่อไหร่ขจัดนิสัยขี้อิจฉาริษยาจากผู้คนออกไปได้ เมื่อนั้นประเทศชาติเจริญไปถึงไหนๆ แล้วค่ะ
     
  15. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท อย่าได้เอาใจไปให้ความสำคัญกับ"การคุย"ของหัวหน้าเลย เพราะท่านหรือใครๆย่อมไม่มีอำนาจเข้าบังคับควบคุมอัธยาศัยของคนอื่นๆได้ .. อย่าว่าแต่คนอื่นนอกตัวเลย ลองบังคับใจตนเองให้สงบยอมรับสิ่งที่เป็นไปเหล่านี้ คิดว่าเป็น"เรื่องธรรมดา" ที่ใครๆก็พบเจอกันทั้งนั้น(ดูความเห็นท่านผู้รู้ข้างบน)..

    ไม่ใช่ท่านคนเดียวในโลกหรอกที่ต้องพบ ดูสิว่าทำได้ใหม... ถ้าทำได้จริง ท่านจะหมดความกังวล หมดความทุรนทุรายในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่หวังให้หัวหน้าหรือคนอื่นๆมาคุยด้วย ท่านย่อมเพ่งเล็งไปเฉพาะเรื่องงานในหน้าที่และจะพูดคุยกับใครๆที่เกี่ยวข้องด้วยหน้าที่เท่านั้น ..ท่านน่าจะพอใจยินดี ที่ไม่ต้องคุยกับใครๆโดยเฉพาะหัวหน้าอันเป็นความเสี่ยงในหลายด้าน เช่นการกระตุ้นตนให้มีกิริยาประจบสอพลอ เพราะเล็งประโยชน์คือการที่ตนคาดไว้ ท่านจะถึงความอึดอัด เพราะต้องคอยระวังคำพูดว่าถ้าไม่ถูกใจนายท่านจะถูกเพ่งเล็ง..หรือคาดโทษ แม้หากสามารถเป็นคนสนิทนายได้ แม้หากนายเป็นผู้ทุศีล มีปรกติทุจริตในหน้าที่ท่านก็ต้องร่วมมือสนับสนุนเขา อย่างนี้ มีแต่โทษแก่ตนแต่ถ่ายเดียว..

    หรือการเพ้อเจ้อกับใครๆในที่ทำงาน ก็หาใช่สิ่งดีน่าบันเทิงไม่ เพราะคนส่วนมาก ดังที่ท่านทราบ ยอมนำความที่ท่านกล่าว ไปบอกแก่คนอื่น และนำความของคนอื่นมากล่าวแก่ท่าน ความชอบใจ อคตินานัปการย่อมเกิดในใจท่านและคนอื่นๆทั้งๆที่ไม่เคยนึกมาก่อน ..ดังนั้น การสำรวมตนไว้ในความสงบ ไม่แสดงอะไรๆให้ชาวบ้านเห็น ท่านย่อมเป็น"ผู้ดู"ที่ฉลาด..ไม่เป็นที่หมั่นไส้หรือปองร้ายของคนที่เขาประจบนายอยู่....ย่อมทราบอัธยาศัยของคนอื่น ย่อมระวังตนได้ในยามที่ต้องข้องเกี่ยวกับเขา..

    ท่านยังอายุน้อย แต่มีความเพียรที่ดีจึงสามารถเข้าในองค์กรระดับชาติเช่นนี้ได้ ท่านเคยกังวลมาก่อนในคราวที่ยังศึกษาอยู่ แต่ความกังวลนั้นก็หมดไปเพราะท่านประสบความสำเร็จในการได้งานที่นี่ ...

    แม้ปัญหาที่ท่านกังวลในเวลานี้ก็จะคลี่คลายไปในที่สุดด้วยความอดทนและปัญญาและความเพียรของท่าน...ท่านพึงทราบว่า ชีวิตคนเรานั้นมีปัญหาในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ เริ่มตั้งแต่เกิดในท้องมารดานั่นเทียว ไม่มีสักชั่วครู่เลยที่จะไม่มีปัญหา แต่เมื่อท่านบรรลุวัยวุฒิเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านนั่นเองต้องเรียนรู้การแก้ไขไปตามลำดับ..ดังนั้น ปัญหาคือบททดสอบที่เป็นแบบฝึกหัดให้ท่านแก้ไข ย่อมเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์อย่างหนึ่งเพื่อความอยู่รอด..

    จึงอย่ามองสิ่งต่างๆรอบตัว ว่าเป็นปัญหาไปเสียทั้งนั้น เพราะนี่เป็นการ
    สร้างปัญหาขึ้นมาเองด้วยการคาดเดาไปเอง วิตกเอง ย่อมทุกข์ไม่จบ..เวลานี้นายอาจไม่มีเวลาหรืออารมณ์จะมาคุยด้วย แต่ต่อไป มันไม่แน่หรอก นายอาจมาคุยทุกวันก็ได้ ให้เตรียมใจไว้เผื่อความไม่แน่นอนด้วยนะครับ..

     
  16. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941

    ....ขออนุโมทนาท่านป้าสวยในการใช้วิบากเลวเป็นเหตุปรารภให้เจริญกุศลได้ครับ....

    ความอิจฉา ริษยา จับกลุ่มกันเพื่อทำร้ายคนอื่นๆที่มีคุณสมบัติดีๆ มีอยู่ทั่วโลกครับ แม้ในประเทศที่ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ มี technologyอันดับต้นของโลกก็มีปรากฏการณ์เช่นเดียวกับที่ท่านป้าสวยกล่าวมาครับ..

    ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ กิเลสทั้งหลายย่อมมีบริบูรณ์ ไม่แปลกกันเลยแม้ต่างชาติต่างเผ่า...
    และแม้แต่"ต่างพันธุ์"!
     
  17. หัว-หอม

    หัว-หอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +1,547
    เข้าใจครับเพราะว่าจากประสบการณ์ผมก็เคยผ่านแบบนี้มาเช่นกัน และจากประสบการณ์ที่เห็นมาโดยตลอดก็เห็นว่าน่าจะเจอกันมาทุกคน แม้แต่คนที่เขาไม่ชอบเราหรือเราไม่ชอบเขา เขาก็ต้องเคยเจอมาก่อนอย่างแน่นอนครับ มันเป็นธรรมดาครับเรื่องนี้ เราก็อยู่ของเรา ทำงานหาเงินเพื่อครอบครัวไปครับ ให้มีกำลังใจจากครอบครัวก็น่าจะพอ แต่ที่อยากจะเน้นก็ตรงที่ว่าถ้าจะออกก็ต้องมีงานรองรับอยู่นะครับ เพราะไม่เช่นนั้นจากประสบการณ์ที่ผมเห็นมาจะหางานยากมากๆ ยิ่งถ้าต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบครอบครัวแล้ว จะยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ เพราะว่าสมัยนี้งานหายากมาก คนเก่งๆก็เยอะ พวกบริษัทเขาก็จะรับแต่ผู้สมัครที่profileดูดี ยิ่งถ้าทำได้ไม่กี่เดือนแล้วออกนี่เหตุผลต้องเป็นความน่าเห็นใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะปฏิเสธเราอย่างแน่นอน แต่อย่ากระนั้นเลย แค่หางานที่ถูกใจเราและคุณสมบัติที่เขาต้องการตรงกับเราด้วย(ไม่งั้นเขาก็จะไม่รับ) แค่นี้ก็หาจนน้ำตาแทบจะตกแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องคิดให้ดีนะครับ ด้วยความปราถนาดี
     
  18. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    แต่ละคนให้เหตุผลดีมากๆครับ
    ผมก็เจอกรณีเดียวกับจขกท. ผมทำงานในหน่วยงานนึง ทุกคนต่างเห็นแก่ตัว แม้แต่ระดับผู้คับบัญชา ซึ่งก็โตมาจากการประจบ สอพลอ แสแสร้ง ทำงานไม่เป็น แต่สร้างภาพเป็น (เป็นผุ้หญิงครับ) เมื่อเจ้านายไม่ดี ลูกน้องที่เข้ากับแกได้ก็พวกประเภทเดียวกัน ผมเจอปัญหาหนักกว่าคุณเยอะครับ ผมเคยถูกรุมให้ร้ายใส่ความและแกล้งกันเป็นระบบ ทั้งๆที่คนบางคนไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ก็ร่วมกลุ่มด้วย ตอนนั้นผมถึงขั้นหมดศรัทธาไปหลายอย่าง หมดศรัทธาในความดี ผมอุตส่าห์เสียสละ เหนื่อย ทุ่มเททำเพื่อคนหมู่มาก แต่ไม่มีใครช่วยผมเลย เราทำดีแทนจะได้ดี กลับได้โทษ ทำงาน 150 แต่ได้ผลตอบแทนแค่ 100 แต่พวกทำงานแค่ 50 ก็ได้ผลตอบแทน 100 เหมือนเราเหนื่อยเปล่า ตอนนั้นผมตัดสินใจแบบนี้
    1.ผมเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ผมเริ่มวางแผนการเงินให้กับตัวเอง ผมคิดแบบนี้นะครับ ผมเป็นคนตรงๆ ถ้าผมทนไม่ไหวกับใครแม้แต่ ผู้บังคับบัญชา ผมอาจหลุดกระโดดเตะปากไปตรงนั้นเลย แล้วผลที่ตามมาผมอาจจะต้องอยู่ในคุก แต่ผมอยู่ในคุกแล้วเงินผมก็ยังคงทำงานอยู่ครับ มันทำงานตลอด ดีไม่ดีอาจออกจากคุกแล้วกลายเป็นเศรษฐีก็ได้ ยิ่งหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาต่ำๆเวลาผ่านไปกิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราเจ้งก็ไม่เจ็บเท่ากับทำงานดีแล้วได้รับโทษ เพราะเราทำเอง เราก็พร้อมจะยอมรับ แต่การทำงานมันตรงกันข้าม ทำงานดีแทนที่จะได้รับผลที่ดีมันกลับตรงกันข้ามเพราะคนมันอิจฉา มันกลั่นแกล้ง แบบนี้เจ็บใจกว่า
    2.ตอนนี้ผมไม่สนใจใครในที่ทำงานเลย ใครจะเกลียดผมก็ช่าง ผมไม่กลัว เรื่องของมัน ผมก็ทำงานของผมให้ดีที่สุด ผมไม่มีใครคบน่ะในที่ทำงานนะ (จริงๆคือผมไม่ไปคบพวกมันต่างหาก) แต่เมื่ออยู่ข้างนอกที่ทำงาน ผมแทบจะหลบหน้าเพื่อนไม่ค่อยทัน เพราะเพื่อนเยอะมาก คนรู้จักเยอะมาก คนที่ดีกับเราเยอะมาก และเราก็เป็นที่รักของคนอื่นๆ แต่ในที่ทำงานเป็นที่เกลียดชังกันหมด ซึ่งผมก็ไม่สน ผมไม่กลัวว่าจะไม่มีใครคบ ถ้าเราดีจริงนะ ออกจากที่ทำงานแล้วคนเค้าก็เข้าหาเอง ผมกลัวคนดีมีศีล ไม่มายุ่งกับผมมากกว่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าเราเลวมาก จนกู่ไม่กลับแล้ว (ซึ่งมันดีที่ยังไม่เกิดขึ้น)
    3.ผมไม่ชอบคนในที่ทำงานมาก มันตอแหล สอพลอ และก็ชอบแสแสร้ง ไม่มีใครจริงใจต่อกัน เห็นแต่ผลประโยชน์ ซึ่งจะเป็นเพราะเนียนตามกลุ่มคนอื่นๆ หรือเป็นสันดานจริงๆก็เหอะ ผมไม่ยุ่งด้วยเลย ...

    ผมก็เจอสภาวะการณ์เหมือนคุณครับ ไม่รู้จะพูดยังงัย มันทำให้ใจเราขุ่นมาก แต่เราก็พยายามภาวนานะ ภาวนาสวดมนต์ในใจตลอด เพื่อเผลอตายไปจะได้ไปดี
     
  19. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    เจ้าของกระทู้เอาที่ทำงานกลับบ้านทำไมคะ ถ้าวางไว้ที่องค์กร ก็คงไม่มานั่งเซงกับเรื่องแค่หัวหน้าไม่คุยด้วย

    ดิฉันทำงานมานานแล้ว (นิสัยดิฉันเปลี่ยนไปมากค่ะ จากคนที่เคยหน่อมแน้ม พูดเบา ฯลฯ)
    ใครไม่คุยด้วย-ดิฉันก็ไม่คุย
    ใครนินทา-ไม่ได้ยิน(โว้ย)
    ใครอิจฉา-ขอบคุณที่เห็นค่า


    ไม่มีใครเห็นค่าของคุณหรอก ถ้าคุณยังไม่เห็นด้วยตัวเองค่ะ
     
  20. redeye127

    redeye127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,474
    ครับ ขอบคุณทุกๆความเห็นครับ ตอนนี้ผมปรับทัศคติใหม่ได้แล้วครับ คือผมอายุยังน้อยได้เริ่มงานเป็น วิศวกร บ ใหญ่มากๆ ผมจะทำเพื่อเก็บประสบการณ์เท่านั้น ผมจะไม่สนใจใครแล้ว เราแค่มีจิตใจดีเหมื่อนเดิม แล้วคิดว่าซักวันเราจะเอาประสบการณ์จากที่นี้ไปแค่นั้นพอ ผมจะไม่ใส่ใจใครให้สุขภาพจิตเสียอีกแล้ว ครับ ขอบคุณทุกๆคนมากๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...