อาการแบบนี้คืออะไร อันตรายหรือเปล่าคะ

คุณNongnewinbkk จากประสบการณ์ที่ผมได้ทดสอบให้ละเอียด
เกี่ยวกับ พลังกุณฑาลินี ไม่ว่าจะเป็นพลังจากชายสู่หญิง
หรือจากหญิงสู่ชาย เป็นการเดินจักระขับเคลื่อนพลังลมปราณที่สะอาด
บริสุทธิ์ เพื่อเข้าไปซ่อมบำรุงรักษา จักระของคนที่เสียสมดุลให้เป็นปกติ
จนท่านสามารถ หมุนจิตได้อย่างอิสระเป็นธรรมชาติ เมื่อคุณหายดีแล้วด้วยพลังชีวิตที่หล่อหลอมขึ้นมาใหม่ของคุณเองคุณจะเข้าใจโลกในเชิงลึกซึ้งขึ้น ก่อนหน้าที่ผมจะค้นพบ การรักษาอาการของจิตที่คลาดเคลื่อนไปจาก ความจริง ผมก็ได้ฝึกจากคุรุ แต่เมื่อผมกลับมาฝึกต่อที่บ้านผมก็เดินจิต ตามขั้นตอนที่ฝึกมา ฝึกไปได้สักพักผมกลับมีอาการสะบัดอย่างแรง ทำให้ผมรู้ว่าต้องมีอะไรที่ผิดปกติไป จนผมได้มาพบคำตอบจากรุ่นพี่ ที่งานวิทยาศาสตร์ทางจิต ที่จัดที่ห้างพันทิป
ผมได้บอกเล่า อาการที่เป็นให้พี่เค้าฟัง พี่เค้าก็ปรับเปลี่ยนการเดินจิต
ของผมเสียใหม่ มันช่วยผมได้อย่างมากทำให้ผมเข้าถึงองค์ความรู้ของวิชชาพลังกุณฑาลินีอย่างทะลุปรุโปร่ง ผู้เชี่ยวชาญได้ปูทางให้ผม

บอกและเขียนภาพประกอบการสอน สาเหตุที่เกิดพลังรั่วเพราะผมเดินจิตเป็นเส้นตรง ไปกระตุ้นจักระที่สามตรงแนว
สะตือ ทำให้ จักระที่เชื่อมโชงกัน เกิดการกระตุ้นตรงเกินไป
เมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุด จะทำให้เส้นประสาทสมองไหม้ ถ้าไม่รีบแก้ไข
พลังก็จะรั่ว พลังไม่สมบูรณ์ มีอาการแบบเด็กทารกที่นอนหลับแล้วสะดุ้ง
ตื่นขึ้นมา ร้องให้ วิธีการไม่ให้เด็กที่หลับรู้สึกตัว ต้องโอบพลังอ้อมไปแต่
ละจักระ ฟังมาถึงตอนนี้ ช่างน่ากลัวนัก ทำให้ผมต้องกลับไปฝึกใหม่ ค้นคว้าอย่างละเอี่ยดโดย ไม่เดินจิตเป็นเส้นตรงอย่างเก่า แต่เป็นการโอบไข้วพลังเป็น
ลักษณะแบบข้าวต้มมัดโดยไล่พลังขึ้นลงให้สมดุลกัน
ทำให้ผมรู้แจ้งในขณะนั้นเองว่าได้ผ่านความเป็นความตาย
ได้แล้ว ไม่มีผลข้างเคียง ที่เกิดในลักษณะที่เดินจิตเป็นเส้นตรง


อุปการณ์คือโทรศัพท์ พร้อมหูฟังเช่นเดียวกับที่เราใช้ในทุกวันนี้
เพื่อส่งพลัง ไปสู่จักระของผู้เลือกการรักษาทางเลือกแผนใหม่ ประหยัดทั้งเงิน
และพลังงานอย่างมากคับ

สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจกรรม ให้จัดเตรียมดอกไม้
ธูป เจ็ดดอก เที่ยนหนึ่งคู่ น้ำเปล่าหนึ่งแก้ว

ถ้าคุณnongnewinbkkไว้วางใจผมSriaraya เชื่อในเรา ท่านจะได้รับความรอด

 

ตอนนั้น เปิดจักระให้ น้องที่อยู่สระบุรี

คืนนั้น ภายหลังจากเปิดจักระให้น้องเค้าไปแล้ว

ขณะที่นอนอยู่ ที่บ้านนนทบุรี คืนนั้นพอหลับไปแล้ว

กลับ เห็นต่างดาวสายพันธุ์ ที่ดุร้ายเข้ามาในห้องนอน

พวกมันเป็นเอเลี่ยน ไม่ต่ำกว่า สามตัว ไล่งับ กัด

กายทิพย์ของผมให้วุ่นวายไปหมด พอหลับตา เอเลี่ยนพวกนี้ก็เล่นงาน

เราในความฝัน แม้นแต่หลับลึกไปแล้ว จนไม่สามารถข่มตาให้หลับนอนได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตะลึง เอเลี่ยนพวกนี้สิ่งลักลอบเข้ามา ทางเส้นแสงจิตสมาธิ

ในขณะเปิดจักระ

กว่าจะหลับนอนได้ ต้องขับไล่ต่างดาวสายพันธุ์เอเลี่ยน ที่ดุร้าย

ให้ออกไป ส่งไปที่หลุมดำเหวี่ยงมันออกไป แล้วปิดมิติที่เราไปเชื่อมระบบ เท่า

นี้เค้าก็จะเข้ามาหาเราไม่ได้ การปิดกั้นมิติ ต้องใช้พลังจิตบวกกับมนต์ตรา

กำกับ พลังที่ไม่ดีไม่ให้ย้อนกลับเข้ามาได้อีก ถ้าไม่ปิดมิติ คนที่ช่วย

คนอื่นนี้แหละ จะถูกของเข้าตัว ถ้าแก้ไม่ทัน ก็จะถึงกับเป็นบ้า

ฉะนั้นคนที่จะรักษา หรือ ช่วยคนอื่นได้ จะต้องมีพลังอย่างมาก

เพื่อปิดกั้น มิติที่หยาบ

 

ไม่ว่าจะปฏิบัติ แบบไหน อย่างไรมาก็ตาม จะไม่เกิดผลร้าย
จากการฝึก จึงต้องถามคนที่เค้าปฏิบัติมาก่อน จะทำให้คุณ ไม่เสียเวลา

ไม่เป็นผลร้าย กลับจะเป็นผลดี กับ สุขภาพจิตที่ดี

 

ทำอะไรให้มันยุ่งยากไปเปล่าๆปลี้ๆ นะคุณศรี

เรื่องเอเลี่ยน จะกี่ตัว ต่อกี่ตัว เสนอว่า เอาชอล์คขีดวงไว้ แล้วอธิษฐานกำกับ แค่นี้ปลอดภัยหายห่วง

ผมคุยกับคุณศรี เป็นการเฉพาะนะครับ ท่านสมาชิกอื่น อย่าเอาอย่างที่ผมบอกเด็ดขาด เพราะหากกำลังใจไม่ได้ กำลังใจไม่ถึงจริงๆ วิธีนี้ ก็เป็นวิธีที่อันตรายอย่างที่สุด เช่นเดียวกัน

 

จักระ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่ใช่เรื่องของพุทธธรรมแต่อย่างใด

 

สหจะโยคะ เป็นรูปแบบง่ายๆรูปแบบหนึ่งของการฝึก โยคะสมาธิ ค้นพบโดยท่าน ศรีมาตาจี นิรมาลา เทวี ซึ่งได้รับการยกย่องในปัจจุบันนี้ว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของโลก คุรุท่านนี้ ได้หยิบยื่นไมตรีที่ดีกับผม มาถึงผม
ทำไมนะผมทิ้งโอกาสทองในครั้งนั้นไปได้ ท่านหญิงท่านนี้ ได้อ่านบทความ
ของผมที่ฉุดช่วยเวไนย์ผ่านทางเว็บไซต์ธรรมะ แล้วคุรุท่านนี้เห็นแวว ว่าถ้าได้รับการชี้แนะนำ หนุนนำ
จากท่าน จะทำให้ผมเข้าใจสมาธิมากขึ้น จึงได้มีจดหมายเชิญให้ไปยังสำนัก
ของท่านหญิงท่านนี้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ผมกับยืม คำบรรลือสีหนาท ของพระอรหันต์สาวก มาเป็นเครื่องสื่อแสดง ว่าตนได้ถึงภูมิที่ไม่ต้องศึกษาแล้ว ขีณา ชาติ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ ฯ(ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี)
แล้วได้ตอบจดหมายกลับ ท่านหญิง ศรีมาตาจี นิรมาลา เทวี ทางhotmail.com
เวลานั้นผมเหมือนคนโง่เขลา ปัญญาเบา
เพียงแค่ผมสละเวลา ลองไปตามคำเชิญชวน ของผู้นำจิตวิญญาณท่านนี้
ผมก็จะได้รู้อะไรอีกมาก ไม่ต้องมาค้นคว้าเอาเองให้เป็นการยากลำบากในการเป็นขึ้นมาในภายหลัง ผมได้รับสื่อจากผู้ทรงภูมิปัญญานอกโลก ว่า การเดินจักระ เป็นของชาวแอตแลนติส เค้าฝึกกัน จริงเสียยิ่งกว่านิยาย เป็นศาสตร์ของต่างดาว

ช่วงที่ผมยังติดฤทธิ์
ผมได้เข้าไปดูวิหารศักดิ์สิทธิ์ ของแอตแลนติส ที่ล่มสลาย กับทุ่งหญ้าที่เขียวขจี กับ ท้องฟ้าสีที่เย็นตาเบากายเบาใจ จนแอบอดคิดไม่ได้ ว่าตนเป็นชาวแอตแลนติส ที่กลับมาเกิดเพื่อแก้ไข ในเรื่องที่เคยผิดพลาด

<TABLE border=0 cellSpacing=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 1 กรกฎาคม 2554 22:24:23 น.-->คัมภีร์มรกต-หนทางวิถีแห่งการรู้แจ้งแทงตลอด
</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=secret-world&month=07-2011&date=01&group=1&gblog=191

 

เรื่องผีอำ จะป็นตอนนอนภาวนาซะมากกว่า ได้ปรากฏว่ามีเงาดำร่างใหญ่

เข้ามาทาบทับตัวของเราที่นอนอยู่ ขยับก็ไม่ได้ อ้าปากร้องเรียกให้ใครมาช่วย

เพราะจิตตกอยู่ในอาการ กลัวปรากฏการณ์แบบนี้

ก็ไม่มีเสียงออกมาเลย ร่างกายที่เคยคิดว่าเป็นของเรา เคยบังคับเค้าได้กลับ ใช้การอะไรไม่ซะเลย นอนแน่นิ่ง พยายยามขยับ ดิ้นให้หลุด จนลืมตาตื่นรู้ อาการที่ว่าถูกผีอำก็หายไป ทีนี้คุณจะแยกออกได้ไหมว่า อะไรคือ ผีอำ อะไรเป็นอาการของจิตรวม ในองค์ฌานสมาบัติ อย่างไหน เรียกว่าจิตรวมแบบมรรคสมังคี แล้วประหารกิเลสให้ตาย

 

ความเห็นส่วนตัวนะครับโปรดใช้วิจารณญาณ อาจจะ เป็นเสียงกายทิพย์ของตัวเองที่ได้ยิน เวลาที่สวดมนต์แล้วฟังเสียงสวดของตัวเองอาจมีส่วนทำให้เป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องหน่วงถือเสียว่าเอาไว้วางฐานจิต ลองบังคับให้มันเลื่อนไปตามจุดต่าง ๆ ตามร่างกาย เช่น กลางอก หรือจุดอื่น ๆ ที่จะวางฐานจิต เพื่อทำสมาธิ

ทำสมาธิเรื่อยๆ ไม่ต้องหักโหมครับ เช่น ก่อนจะหลับ บางครั้งหากตื่นขึ้นมา หากกายทิพย์เผลอหลุดออกมาก็ไม่ต้องตกใจ พยายามสวมเข้าไปที่กายเนื้อเดี๋ยวก็กลับคืนร่างได้ คนอื่นใช้วิธีไหนผมไม่ทราบ แต่ผมใช้วิธีนี้

 

เรื่องผีอำ ที่ดิฉันเล่านั้น ขอเล่าเพิ่มดังนี้คะ
อาการของดิฉัน เกิดขึ้น ตอนที่ดิฉันนอนภาวนา เพราะรตอนนอนรู้สึกว่า ตรงหน้าผากตึงหมุนวนแรงมาก ก็เลยนอนภาวนากำกับอาการดังกล่าว จนหลับไป

แล้วฝันว่าได้คุยกับชายชราผู้หนึ่ง หัวล้าน นั่งรถเข็น ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน คุยกันเรื่องมีองค์เทพมาอยู่ด้วย

สักพักก็เริ่มรู้สึกตัว กึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ความรู้สึกต่อร่างกายเรานั้นชัดเจน
คือเหมือนโดนทับมือ ทับเท้า แล้วตัวโยกขึ้น-ลง โยกเหมือนขยับขึ้นไปทางหัวนอน แล้วขยับลงมาปลายเท้า พอรู้ตัว ตั้งสติได้ คือไม่เห็นตัวเขานะคะ ก็สวดมนต์สู้

สวดอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ พยายามจะร้องให้แม่ช่วย แต่ร้องไม่ได้

แต่ในขณะที่ตัวขยับไม่ได้ ร้องไม่ได้ ก็ยังฝันต่อได้ด้วย เสียงนั้นก็คุยกับดิฉันตามที่ดิฉันได้เล่าไปแล้วตามนั้นคะ

แบบนี้ใช่อาการผีอำ หรือการรวมจิตคะ

 

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งคะ ดิฉันตื่นนอน ลุกขึ้นยืนแล้ว แต่กลับมองเห็นตัวเองนอนอยู่ ก็แปลกใจ เลยนอนลงไปใหม่ แล้วก็รู้สึกตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ก็ยืนขึ้นแล้วมองไปที่นอนก็ไม่เห็นแล้ว ยังยืนงงกับตัวเองเลย ว่าถ้าฝันไป แล้วทำไมความรู้สึกเราตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่ฝัน เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมาก โดยที่ยังไม่ทันคิดไรมาก พอเห็นก็รีบนอนลงทับไป ด้วยความตกใจ

 

นานมาแล้ว เมื่อก่อนผมเกลียดของพวกนี้ อยากให้หาย ๆ ไป อยากอยู่ปรกติธรรมดา ไม่อยากรับรู้รับทราบ ผมหาวิธีสารพัด แก้ยังไงก็ไม่หาย ทั้งกินเหล้า ทั้งเที่ยว แต่ว่ามันไม่หาย ปรึกษาใครก็ไม่ได้ แถมพัฒนาการเพิ่มขึ้นอีกตะหาก ท่าทางคุณจะแนวๆ Road map มีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง เจออีกเยอะเลยครับผม สารพัด กว่าจะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข ตอนนี้ผมก็ โอเคแล้วล่ะครับ

สำหรับเอฟเฟ็คอื่นๆ ที่คุณไม่ชอบ หรือเรื่องป้องกันผีสางเทวดารบกวน วนเวียน ยุ่งย่าม มาตามตื้อเพราะเห็นว่าคุณมีสัมผัส ปรึกษาผมได้นะครับ ผมมีประสบการณ์ตรง PM มาเลยครับ

 

เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็กังวลว่า กลัวจะทำผิด ผิดทางกาย วาจา ใจ มีคนเตือนว่าทำอะไรก็อย่าเพลอทำอะไรผิดเข้าละ เช่นกินก็ อย่ากินผิด เดี๋ยวโดนลงโทษ ดิฉันก็เลยระวังซะทุกเรื่อง นี่แหละหนา จริตเราเป็นคนเชื่อง่าย ใครว่าอะไร ก็จะเชื่อง่ายไป อย่างมีคนบอกว่า ถ้าอยากรู้อะไร ให้จุดธูป16 ดอก กลางแจ้งก่อนเที่ยง ถามเขาไป แล้วจะรู้คำตอบ นี่ก็เชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ลองทำ จะจริงหรือเปล่านะ นี่ไม่ได้หมิ่นคนที่บอกนะ แต่ว่าความสงสัย ก็คือสงสัย

 

ส่วนใหญ่ สัมผัสของดิฉัน คือ ความฝันคะ แต่ก็หลายคนที่บอกว่า ความฝันเชื่อไม่ได้ ดิฉันก็เลยเฉยไป

แต่มีอยู่ครั้ง ฝันว่า หวยออก 52 น่ะ
ก็ลองซื้อไป 150 บาท
แล้วก็ออก52 จริงๆ
อ้าวแล้วซิ ว่าความฝันเชื่อไม่ได้ แล้วนี่...
มันบังเอิญ หรอ
แต่ก็ต้องเฉยๆคะ เพราะ ว่ากันว่า ความฝันเชื่อไม่ได้

 

เคสนี้ ถือได้ว่า ผีอำกับจิตรวมมาพร้อมๆกัน

อันที่จริงหากแยกธาตุให้เป็น ผีก็มีส่วนช่วยให้

เราถอดกายทิพย์ได้เพราะอาการกลัว เมื่อกลัว

ก็เร่งภาวนาถี่ยิบ จนเห็นกายทิพย์ที่ทับซ้อนอยู่ใน

ขันธ์อีกที่ เราเรียกว่าการซ้อนขันธ์ห้าอีกที เมื่อผม

พบกายทิพย์ เรื่องสนุกจึงเกิดขึ้น เพราะเราไม่กลัว

แต่เราชอบเอากายทิพย์ออกไปในที่คนอื่นไปไม่ได้

 

ไม่มีอะไรนะคับ ธรรมดา มันเป็นธรรมดา

ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นธรรมดา

มันเป็นเช่นนั้นเอง เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน

ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

พอเอาจิตเข้าไปยึดมั่น ถือมั่น มันก็จะเป็นอย่างที่คุณว่าขึ้นมาทันที

ปล่อยวาง นะจ๊ ปล่อยวางจ้าา

(เขา เหน็บแหนม ว่าให้ ปล่อยวางได้ไหม?

ถ้าปล่อยวางไม่ได้ก็จะมีอาการขึ้นมาทันที

เดิน ทางระยะไกล หนทางอีกยาวไกล เห็นงู เหลือมกินงุจงอาง

ใจก็เฝ้าถาม เฝ้าแค่คิดว่าทำไม ทำไม ห่างจากจุดเกินเหตุมาหลายกิโล

ใจก็ยังคิดว่าแปลก เอะ ทำไม คาใจ เป็นไปได้ไง ปล่อยวางไม่ได้สักที

เรื่องราวต่างๆเป็นอีดีตไปหมดแล้ว จะเฝ้าถาม ว่าทำไม อยู่เพื่อออะไร

ก้าวไปข้างหน้า มุง่สู่เป้าหมาย ท่ีตั้งใจไว้ จะเสียเวลาอยู่ใย

 

สิง่ที่วครสนใจ เราปฏิบัติมานี่

เราได้อะไรบ้าง สติดีขึ้นไหม

มีการยั้งคิดมากน้อยเพียงใด

มโนธรรมสูงขึ้นหรือเปล่า

ความโกรธเบาบางลงบ้างไหม

กิเลสตัณหา อุปทาน มันลดน้อยทอยลงไปสักเพียงใด

ใจเรายังหนัก ยังแบก ยังกอด ยังพอใจ เก็บ รักษาสิ่งเหล่านี้

ไว้เป็นที่รักกยิ่งหรือเปล่า เห้นโทษมันชัดเจนมากน้อยแค่ไหน

 

อาจจะต้องเล่าให้ฟังยาวนะครับ.แต่มีเวลาคุณเจ้าของกระทู้ควรจะต้อง
อ่านไว้นะครับ.จะพยายามเขียนให้คลอบคลุมที่สุดครับ..
เรื่องพวกนี้หมายถึงจักระนะครับ..ไม่จำเป็นต้องฝึกต้องรู้และเข้าใจอะไร
ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ..ถ้าเราเคยมีของเดิมทางด้านนี้มาก่อน.
.ท่านที่สอนผมบอกว่าบางคนหากเค้ารู้แนวทางแค่นิดเดียวเค้าสามารถฝึกจน
สามารถพลิกจักรวาลรู้ได้ทุกเรื่องในจักรวาลก็มีครับและส่วนมากเค้า
มักจะชอบไปทางสายพระโพธิสัตว์กันครับ...
.แต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ตามมันก็ยังเป็น
กิเลสอย่างหนึ่ง.และจะเอาเรื่องจักระมาเป็นตัวชี้วัดระดับความดีของบุคคล
นั้นก็ไม่ได้ครับ..เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องระดับกิเลสที่มีอยู่ในใจด้วยครับ..
หลักสังเกตุในกรณีที่จักระเปิดเอง..
ถ้าดูจากจักระของคุณที่เปิดเองแล้วพอจะบอกได้ว่าเคยมีจุดเด่น
ของเรื่องการเจริญสติทางธรรมแสดงว่าเคยเดินทางด้านการเดินปัญญามา
จากจักระที่เปิดเองที่ปลายจมูกซึ่งนับว่าหาบุคคลอย่างนี้ได้น้อยมากนะครับ
..และมีจริตเรื่องการสอนและการถ่ายทอดทางธรรมจากจักระ
ที่บริเวณคอ.ต้องเป็นต้นคอที่ติดกับกระดูกซี่โครงนะครับ
ถ้าเป็นชายก็คือใต้ลูกกระเดือก.ส่วนบริเวณนี้ปกติจะใช้สำหรับบุคคลที่ต้อง
การลดน้ำหนักครับ..และถ้าบริเวณเหนือลูกกระเดือก
ใช้ในกรณีที่เรานอนไม่หลับครับถ้าไปกระตุ้นจะทำให้หลับง่าย..
แต่ของคุณจะพิเศษตรงที่อาการสัมพันธ์กับทางลูกตาทั้ง ๒ สองข้าง
ยังบอกได้ว่าคุณไม่เพียงจะสามารถเปิดได้แค่ ๗ จักระทั่วๆไปนะครับ
คุณยังต้องเคยมีอดีตชาติที่สัมพันธ์กับวิชาพุทธจักร ๑๒ คือนอกจาก
จักระ ๗ ทั่วไปแล้วจะมีตรง ปาก จมูก ลูกตาทั้ง ๒ ข้าง ท้ายทอย
และตรงจุดเหนือท้ายทอยที่ตรงกับต่อมไฟเนียลแกนอีกด้วยครับ..
และก็วิชาพวกนี้เป็นเอกลักษณ์ของครูบาร์อาจารย์ผู้เป็นใหญ่แห่ง
เมืองบาดาลครับ.เป็นวิชาเฉพาะครับ จำชื่อท่านไม่ได้ครับ..ชื่อลงท้าย
ด้วยมุณีนี้หละครับ.ซึ่งท่านเป็นเลิศทางด้านวิชาเดินธาตุโบราณครับ
.
ส่วนการที่จักระไปหมุนกลางศรีษะหมายถึงถ้าขีดตรงๆลงมาจะตรงกับใบหูนั้น
เค้าเรียกว่าสมองส่วนกลาง.เป็นการเชื่อมกระแสพลังงานกับระดับเทพพรหมครับ..
ส่วนอาการที่มันขยายวงไปทั่วบริเวณศรีษะนั้นเป็นอาการก่อนที่มันจะเชื่อม
กับภายนอกได้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ.และการขยายวงก็จะเป็นเกือบ
ทุกจักระครับ.
ส่วนการที่จักระไปกระตุ้นตรงบริเวนอวัยวะเพศหรือตรงก้นกบหรือเรียกจักระหนึ่งนั้น
เป็นเอกลักษณะอย่างหนึ่งในการใช้จุดนี้เป็นจุดแรกในการเปิดเพื่อเป้าหมายให้
ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไพเนียลแกนครับ...ซึ่งการกระตุ้นต่อมนี้ โดยปกติ
สามารถใช้เรื่องราวไปกระตุ้นได้ ๓ เรื่องคือ เรื่อง ความรัก หรือความกลัว
และเรื่องเซกต์ ซึ่งเรื่องเซกต์ปัจจุบันเราถือว่าอยู่นอกระบบไปแล้ว..และทางพุทธศาสนา
ท่านจะใช้เรื่องความกลัวในการกระตุ้นต่อไพเนียลแกน.พอเปิดได้แล้วท่านมักจะเน้น
ไปทางด้าน ศีล สมาธิ และปัญญา ส่วนเรื่องความสามารถพิเศษมันจะมีมาของมันเอง
เป็นปกติครับจากความสามารถในการเชื่อมพลังงานภายนอกต่างๆเพียงแต่ท่านจะไม่
เน้นเพราะเห็นว่ามันไม่ใช่ทางหลุดพ้น..ส่วนกลุ่มที่กระตุ้นด้วยความรักนั้น.จริตจะเน้น
ไปทางด้านเส้นสายพลังงาน.การเชื่อมโยงองค์ความรู้จากการเชื่อมเส้นสายพลังงาน
ซึ่งถ้าเน้นไปทางด้านศีล สมาธิและปัญญาก็สามารถหลุดพ้นได้.แต่เพียงว่าหาได้น้อย
คนครับถ้าใช้เรื่องความรักไปกระตุ้นต่อมไพเนียลแกนนะครับ...
ส่วนจักระถ้าคุณสังเกตุดีๆนะครับ..มันจะหมุมแบบเป็นวงกลมธรรมดา
คล้ายใบพัดลมทั่วไปซึ่งจะมีความรู้สึกบ้าง.ซึ่งถ้ากำหนด
ดีๆมันจะหมุนได้ทั้งซ้ายและขวาครับ..และควรจะเป็นอย่างนี้.และมันก็จะเป็นอย่างนี้ได้
เป็นปกติครับ...
ถ้าสังเกตุมาอีกหน่อยหนึ่งถ้ามันเริ่มหมุนแบบเหวี่ยงๆ นึกภาพใบพัดลมที่เป็นคล้ายๆ
ตัวอินฟินิตี๊ หรือ คล้ายเลข ๘ แบนๆนะครับ..กรณีอย่างนี้ถ้ามันหมุนวงขวาเมื่อไรแสดง
ว่าเรากำลังรับพลังงานจากภายนอกเข้ามาในร่างกายครับ...และในกรณีที่เราใช้เป็นแล้ว
กรณีเราไปดูดพลังงานออกจากคนอื่นๆมันจะหมุนวนทางด้านซ้ายครับ...
และถ้าจักระมันเปิดได้แล้วนะครับ.ยิ่งถ้าจุดที่ ๑ หรือ จุดที่ ๗ เปิดแล้ว.ในเวลาปกติ
จุดอื่นๆจะหมุนของมันเองได้ปกติเป็นวงกลมนิ่งๆครับ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของคนที่เข้าใจเรื่่องพลังงาน..
แต่ที่อันตรายที่สุดนะครับก็คือการที่มันหมุนแบบวงกลมเป็น
คล้ายพายุครับที่หมุนคล้ายๆก้นหอยครับ นั่นคือมันกำลังดูดซับ
เกี่ยวกับเรื่องวิญญานครับจุดนี้อันตรายมากครับ.โดยเฉพาะ
จุดตรงท้ายทอยถ้าเปิดนะครับจุดนี้จะดูดง่ายที่สุดและคนที่
เข้าใจหรือสัมผัสเรื่องพลังงานระดับกำลังจิตไม่สูงได้จะเห็น
เป็นภาพจากจักระจุดท้ายทอยจุดนี้ได้นี่หละครับ..
ถ้าปริมาณน้ำในสมองคุณมากมันจะหมุนเร็วมาก..
และการรับรู้ได้มากขึ้นอยู่กับปริมาณ
แร่เหล็กในเส้นเลือดดำของเราเองครับ...
ปล.เด่วเล่าต่ออีกประเด็นนะครับ

 

ถ้าบุคคลทั่วไปต้องฝึกเจริญสติให้มากพอและมีกำลังสมาธิสะสมมากพอในระดับ
ที่จะต้านทานพลังงานจากภายนอกได้ครับ..ถ้าตัวยังกระตุก ตัวยังสั่น ควบคุมการ
เคลื่อนไหวของร่างกายบางส่วนไม่ได้..ตัวเซๆเมื่อไปยังบางสถานที่..หรือปวดศรีษะ
ขั้นรุนแรง มีอาการจำอะไรไม่ได้บางช่วง อย่างนี้บอกได้ว่ากำลังสติทางธรรมยังไม่พอ
และกำลังสมาธิยังไม่พอครับ...
ต้องแก้ด้วยการฝึกจิตให้มีกำลังจากกสิณกองต่างๆหรือกสิณพระในระดับบังคับภาพ
ให้เคลื่อนไหวได้..และเจริญสติให้ต่อเนื่องมากพอที่จะควบคุมจิตตนเองได้ครับถึง
จะแก้อาการอย่างนี้ได้ ถ้ามี ๒ สิ่งนี้ถ้าอยากเดินต่อก็ไม่ว่ากันครับ..
ไม่งั้นการไปให้คนมีกำลังจิตเปิดให้..หรือการอยากได้สัมผัสที่พิเศษ.และยิ่งสายตา
เราไม่ดีพอแล้วหมายถึงทิพยจักขุนะครับ.แล้วหละก็.เสร็จทุกรายครับ.
จะโดนพลังงานไม่ดี ที่เราเรียกว่า ผีมีฤิทธิ์ วิญญานมิจฉาทิฐิ แทรกเข้ามาควบคุม
ดวงจิตเราได้..แม้ว่าจะชอบทำบุญแต่ทำอะไร สร้างบารมีอะไรเค้าก็เอาไปหมดครับ
ส่วนคาถาจักรพรรดิ์นะครับ..ถ้าคุณมีจริตมาทางนี้..การตรวจสอบต้องดูว่าคุณเข้าใจ
เรื่องการเชื่อมพลังงานหรือไม่..และคุณสามารถเชื่อมทั้งตัวได้หรือยัง..สิ่งที่จะบอกว่า
คุณจะสามารถเชื่อมทั้งตัวได้ในเบื้องต้น..ไม่ใช่ดูจากจักระ ๗ หรือ ๑ แต่เค้าจะดูจาก
จักรตรงกลางลิ้นปี่ของคุณ ว่ามีกระแสออกไปเชื่อมกับระดับพระพุทธฯหรือเชื่อมกับ
พระพุทธรูปจากจุดนี้ได้หรือไม่ครับ...

และที่สำคัญยิ่งกว่าสำคัญที่เป็นเรื่องง่ายๆแต่คาดไม่ถึงที่จะผลให้
บุคคลที่เปิดจักระได้และสามารถดูดซับพลังงานได้จากการสังเกตุ
ลักษณะจักระต่างที่หมุนไปแล้วที่ได้เล่าให้ฟังใน #Repก่อนหน้านะครับ
ก็คือว่าเรื่องของพลังงานตกค้างครับ...
เนื่องจากจักระเป็นการเปิดรับพลังงานภายนอกที่มีอากาศธาตุเป็นตัวกลาง
และผ่านเข้ามาในร่างกายเข้าแทรกซึมกับระบบธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในร่างกาย
ของเรา..บางคนรับพลังงานบางอย่างจึงมีความรู้สึกว่าร่างกายหายได้เป็นปกติ
ได้.แต่ว่าสิ่งที่จะตามมาก็คือเรื่องของพลังงานตกค้างที่ถ้าหากสะสมไว้นานๆ
เค้าแล้วไม่รู้วิธีการถ่ายเทพลังงานออกจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง
ต่างๆตามมาได้..เช่น โรคมะเร็ง โรคพุ่มพวง โรคไต เป็นต้นครับ..
เคยเห็นคนที่เป็นร่างทรงไหมครับ ที่กระดูกเค้าจะบวมโตบางข้อนั้นหละครับ
หรือพวกพระทางธิเบตที่ชอบเล่นพลังงาน.โดยมากอายุจะสั้นครับส่วนมาก
จะตายตอนอายุประมาณ ๔๕ ปีไม่น่าเกินนี้..อาการที่สังเกตุได้ว่าเรามีพลัง
งานตกค้างหรือไม่ ก็คือ อาการตึงๆที่ผิวหนังที่บริเวณจุดจักระคือกดไม่ลง
ให้แก้ด้วยการค่อยๆทุบเบาๆ หรือหาอะไรทุบเบาๆเพื่อสลายพลังงาน..
หรือไม่ก็อาการที่ร่างกายไปโดนวัตถุแล้วไฟซ๊อต.นี้ก็เหมือนกันให้แก้ด้วย
การไปเหยียบดินหรือหญ้าด้วยเท้าเปล่า.แล้วสบัดแขนออกไปทั้ง ๒ ข้าง
ให้กำหนดจิตไปอยู่ที่ปลายนิ้วเพื่อให้พลังงานส่วนเกินวิ่งออกที่ปลายนิ้ว
ส่วนอาการปวดตึงๆศรีษะก็เช่นกันให้แก้แบบเดียวกัน.เพราะพวกนี้ทานยา
แก้ปวดมักจะไม่ค่อยได้ผลครับ..
แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการรู้จักถ่ายเทพลังงานส่วนเกินทั้งหมดออกให้หมดเด่ว
ค่อยว่ากันอีกทีในรายละเอียดนะครับ..

ส่วนพระคาถาจักรพรรดินั้นเป็นบทคาที่ส่งเสริมไปถึงขั้นระดับบุญฤิทธิ์ได้ครับ.
ซึ่งจะเลยเรื่องอิทธิฤิทธิไปอีกขั้นครับ...การที่ใครก็ตามจะไป
ถึงขั้นบุญฤิทธิ์ได้.มีหลักสังเกตุดังนี้นะครับคือว่าต้องมีเมตตาเป็นทุน..
จักระตรงกลางลิ้นปี่สามารถเชื่อมกับทางภพภูมิ
ได้เพราะเป็นจุดที่แสดงถึงความมีเมตตาในจิตของผู้นั้น...
และต้องกว้างมากด้วยครับแบบหาขอบหรือมองขอบการหมุนไม่เจอ
ซึ่งระดับหลวงปู่ที่ละสังขารไปแล้วชื่อเสียงโด่งดัง หรือพระพุทธฯ
ท่านต่างๆเรียกว่าแทบจะกว้างแบบมิสามารถประมาณได้
เวลาเราระลึกถึงท่านยามมีภัยจึงได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที
แม้ว่าเสี้ยววินาทีนั่นหละครับ..
และการเชื่อมกับพลังงานภายนอกนั้นต้องสามารถเชื่อมได้ทั้งตัวครับ
ไม่ว่าจะทางผิวหนัง.นั่นหมายความว่าจักระที่เท้าและมือทั้งสองข้างก็
ต้องเปิดหมดแล้วนะครับ..
ถ้าบุคคลทั่วไปเราไปอยู่ใกล้ใครเราจะรู้ปลอดภัย หรือรู้สึกเย็นๆถ้าจิต
เค้ามีเมตตาเป็นทุน.หรือถ้าใครตาดีหน่อยหรือเชื่อมกระแสได้.
.เราจะพบหรือสัมผัสได้ว่า ครูบาร์อาจารย์อย่างหลวงตามีชื่อ.หรือ
หลวงปู่มีชื่อบางท่าน.จะมีกระแสที่เย็น.ยิ่งถ้าเมตตามากยิ่งเย็นมาก
บางท่านเย็นเหมือนน้ำในลำธารก็มี..และกระแสเมตตาของท่านจะออก
ทั้งตัวด้วยครับ..ไม่ใช่แสงออร่านะครับคนละประเด็น.คนที่เห็นออร่าแสดง
ว่ามีสิทธิ์เป็นโรคร้ายแรงบางอย่าง..
ส่วนฤิทธิ์หรือเรื่องพิเศษที่จะเกิดขึ้นในระดับบุญฤิทธิ์
.ก็ได้มาจากกำลังสนับสนุนจากภายนอก บางคนเรียกว่าภพภูมิ.เพราะฉนั้นต้องสร้างบารมีด้วยการอุทิศ
ส่วนกุศลจากตรงนี้ให้มากๆ.สร้างทานบารมีไว้เยอะๆ
ซึ่งแล้วแต่บุคคลครับ..เค้าจึงเรียกว่าฤิทธิ์ที่เกิดจากบุญไงครับ..
หากสังเกตุจะพบว่าทางสายบุญฤิทธิ์นี้มักจะกล่าวเรื่อง
ภพภูมิคลอบคลุมเกือบทั้งหมดนั่นหละครับ.
เพราะแต่ละภพภูมิก็จะมีความชำนาญในแต่ละด้าน
แตกต่างกันไปเค้าไม่มีการแบ่งแยกแยกแยะ
แยกเป็นพวกตนตัวตนเหมือนเราๆจะสอนและแนะนำ
เฉพาะในส่วนที่ตนเองชำนาญและจะไม่ก้าวก่ายกัน
บุคคลที่เก่งๆจึงมีครูบาร์อาจารย์ หลายๆท่านแตกต่างกันไปนั้นหละครับ
ยกเว้นระดับของบุญบารมีของท่านที่จะแตกต่างกัน.
ซึ่งเราก็ต้องมีเมตตาในจิตเป็นทุนเดิมครับถึงจะไปถึงตรงจุดนี้ได้
แต่ถ้าชอบแนวฝึกสมาธิแบบจักระก็ให้มาฝึกเดินจักระไปตามจักระต่างๆตามร่างกาย
เพื่อพัฒนากำลังสมาธิของตัวเองให้ขึ้นอรูปฌานให้ได้..เป็นหลักของวิชาเดินธาตุครับ
ซึ่งในระดับกำลังสมาธิระดับสูงก็ต้องอาศัยปัญญาทางธรรมในระดับที่ปล่อยวางเรื่อง
ที่จะเข้ามารบกวนจิตใจในช่วงของการไต่ระดับฌานให้ได้ด้วยครับ.ถึงจะต่อยอดให้
ตนเองได้สำหรับเรื่องนี้..
ประเด็นนี้ส่วนตัวนะครับ..ถ้าเหตุปัจจัยเท่ากันนะครับ..ถ้าคุณได้มาฝึกปฏิบัติ
พร้อมๆกันนะครับ ร่วมกับผมหรือใครๆก็ตามนะครับ.ผมว่าในเวปนี้คุณจะเป็น
คนที่เก่งที่สุดเรื่องการใช้กำลังสมาธิระดับสูงเท่าที่เคยเจอมาครับ..
เพราะคุณจะมีปัญญาทางธรรมในระดับสูงที่จะวางได้เร็วเป็นเหตุให้
ถึงตรงจุดนี้ได้ง่ายกว่าทุกคนที่เคยสัมผัสมาตอนนี้นะครับ..
ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ

 

เข้ามาอ่านบทความของคุณnopphakan ที่ตอบท่านอื่น ..ทำให้เข้าใจเรื่องจักระและภพภูมิเพิ่มขึ้น ขอบคุณครับ..

 

ขอบพระคุณ คุณnopphakan ที่มาให้ความรู้โดยละเอียดคะ
วนไปอ่านอยู่หลายรอบเหมือนกันคะ
กระจ่าง ชัดเจนดีคะ
ถ้าตัวดิฉันเป็นไปตามที่คุณnoppakhanว่า ตามประเด็นส่วนตัว ตามข้างบนนั้น
จากที่ดิฉันไม่รู้อะไรเลย แล้วกลายเป็นผู้มีปัญญาทางธรรมได้ขั้นนั้น คงเป็นบุญเป็นกุศล แก่ดิฉันเป็นอย่างยิ่งคะ

ดิฉันก็แอบรู้สึกดีใจนิดๆคะ และหวังว่าจะเป็นดังเช่นที่คุณว่าคะ แต่ด้วยความที่คิดดูแล้ว เราจักเป็นเช่นนั้นได้จริงหรือ ยังมองไม่หนหนทางความเป็นไปได้ ก็เลยรับฟัง และเตือนตัวเอง ว่า หากจะเป็นเช่นไร ก็ปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้น ตามกาลเวลา ด้วยบุญ ด้วยบารมี ส่วนเรานั้น ก็จะ ปฏิบัติตน ให้เป็นไปตามที่ควร

ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งคะ ทีทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
คำชี้แนะต่างๆ นอกจากเป็นประโยชน์แก่ดิฉันแล้ว หยั่งประโยชน์ไปสู่ผู้อื่น ที่ได้เข้ามาอ่านอย่างมากมาย

และหวังว่าจะได้รับคำชี้แนะจากคุณnoppakhanอีกนะคะ
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งคะ