ผม-วัดท่าซุง-อภิญญา ใครมีญาณหรือให้คำแนะนำดีๆมาช่วยผมหน่อย

เรื่องเริ่มจากผมได้ไปวัดท่าซุงมาครับ เพราะตอนนั้นผมอยากฝึกมโนมยิทธิมาก จะให้รอต้นเดือนเพื่อไปที่บ้านสายลมก็ไม่ไหว คือตอนนั้นคิดแต่ว่าถ้าจะทำอะไรก็รีบทำอย่ามัวรออะไร เหมือนกับไม่ไปไม่ได้หรือโดนใบแดงน่ะครับ เลยทำให้ผมเดินทางไปที่วัดครับ ช่วงเลือกตั้งพอดีครับ หลังจากนั้นผมก็ไปขอพักที่วัด ปรากฎว่าพอผมเข้าไปถึงก็เห็นมีพี่ท่านนึงแกนอนอยู่ผมก็ตกใจเล็กน้อยว่าทำไมเขาให้พักกับคนอื่นด้วยเหรอ
แกเห็นผมเปิดประตูเข้าไปแกก็ลุกดึงเสื่อหลบให้ผมวางเสื่อผมได้พอจัดแจงอะไรเสร็จกะจะคุยกับแก แกก็นอนไปแล้วผมเลยออกไปช่วยคนดูแลวัดกวาดพื้นถ้าท่านที่ไปจะทราบดีว่าใบไม้ร่วงเยอะมาก พอผมกลับมาแกก็ยังนอนอยู่อีก ผมก็เลยไม่รู้จะคุยยังไงกับแกดี จนได้เวลาทำวัตรเย็นแกยังนอนอยู่ผมไม่อยากกวนแกเลยไปคนเดียว หลังจากทำวัตรเสร็จกลับมาที่ห้องแกก็หายไปไหนไม่รู้ในใจก็นึกคิดว่าใช่ผีปล่าวว้า นั่งเล่นอยู่เกือบครึ่ง ชม. แกก็ยังไม่มาผมเลยเดินไปอาบน้ำ พอกลับมาแกดันมานอนในห้องแล้วผมก็งงใหญ่ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากก็จัดการวางเสื้อให้เรียบร้อยเงียบจะได้ไม่กวนแก ระหว่างนั้นแกก็พูดขึ้นมา
พี่คนนั้น: น้องเปิดไฟก็ได้มองเห็นเรอะ
ผม: ไม่เป็นไรครับแปปเดียว
พอผมวางเสื้อผ้าเสร็จแกก็เริ่มพูดต่อ
พี่: อยากฝึกอภิญญาใช่มั้ย?
ผม: ... (ชะงักหน่อยนึง)
พี่: เอาล่ะฉันจะคุยกับเธอ เธอสามารถจะถามฉันได้ทุกเรื่องที่เธออยากรู้ และฉันจะตอบเธอทุกเรื่อง
ผม: ... ครับ
พี่: ฉันน่ะมารอเธอที่นี่ เธอน่ะเป็นคนที่จะได้อภิญญาในไม่ช้านี้
ผม: ครับ
พี่: แต่ฉันจะเป็นคนสอนเธอเอง เธอคุยกับฉันในตอนนี้นะ ฉันก็ทำหน้าที่เหมือนลำโพง พอเข้าใจมั้ย
ผม: ... ยังไงครับ
พี่: เธอคุยกับฉันตรงนี้ เหมือนคุยกับหลวงพ่อฤาษี และพระพุทธเจ้า เพราะฉันเหมือนตัวกลาง ธรรมะที่ฉันจะสอนเธอต่อไปนี้เป็นธรรมะแบบที่พูดให้เธอเข้าใจคนเดียว(ประมาณว่าการสอนคนแต่ละคนไม่เหมือนกันที่แกพูดให้ผมฟังคือพูดแบบที่ผมเข้าใจง่ายๆกระมังครับ)
ไม่เล่ายาวไปกว่านี้แล้วกัน จากนั้นแกก็พูดๆไป ผมฟังแล้วเออเข้าใจดีแฮะ แต่ในใจผมก็คิดตลอดว่าแกจะมาไม้ไหนมาหลอกเงินหรือเปล่าหว่า แต่คนมาปฏิบัติ
ธรรมกันไม่น่าจะทำกันได้นา เท่าที่คุยกับแกๆจะพูดว่าแกจะมาที่วัดเฉพาะมีเรื่องให้มาเท่านั้นเพราะหลวงพ่อฤาษีแกไม่ให้เข้ามาเพราะมาตอนนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หลังจากคุยกันไปก็สรุปได้ว่า สิ่งที่แกให้ผมทำต่อจากนี้คือ
1.ให้รักษาศีล 5 แบบครบถ้วนห้ามขาดและหรือด่างพล้อย
2.ทำสมาธิหัดทรงสมาธิ และท่องบท สัมปะจิตฉามิ ทุกวันไปก่อน
3.แกให้ผมบริจาค CD คำสอนหลวงพ่อ และหนังสือ ในวัดที่ห่างไกลตามป่าเขา เพื่อให้เสียงหลวงพ่อไปดังในที่นั้นๆ
4.สำหรับผมแกบอกให้บริจาคเทียน หลอดไฟ หรือสิ่งที่ให้แสงสว่าง แล้วให้อธิฐานจิตขอให้ทิพจักขุญาณแจ่มใจดั่งพระอนุรุทธ
ประมาณนี้น่ะครับ แล้วแกบอกว่าหลังจากนี้เมื่อผมเริ่มได้ของเก่าคืนแล้วแกจะเป็นคนฝึกผมต่อเอง

จากเหตุการณ์ที่ผมเล่ามาผมควรทำยังไงดีครับ คือว่าผมหาวิธีติดต่อแกไม่ได้ และเท่าที่ลองคิดดู แกก็ไม่ได้มีเจตนามาหลอกเงินผมแต่ที่แกให้ทำผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีครับ อีกอย่างคือแกอยู่ไม่เป็นที่ครับแกจะไปตามวัดที่ไม่ค่อยเจริญและก็ไปสอนคำสอนหลวงพ่อ+ช่วยฟื้นฟูวัดนั้นๆ ผมว่าน่าสนใจดี ผมควรทำอย่างที่แกบอกไปเรื่อยๆก่อนหรือปล่าว และถ้าสมาชิกท่านใดมีญาณหรือพอดูให้ผมได้ช่วยดูให้หน่อยนะครับว่าผมจะเป็นอย่างที่พี่แกว่าหรือเปล่าหรือแกมาหลอกผมหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาผมก็ปฏิบัติอย่างที่แกว่ามาเรื่อยๆน่ะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ยังไงช่วยบอกผมด้วยนะครับ

 

ทาน ศีล ภาวนา ทำไปเถอะครับ มีแต่สิ่งดีๆให้ปฏิบัติ

จะได้หรือไม่ได้ มันเป็นเรื่องของความเพียร ไม่ต้องไปคิดมาก

ไม่ว่าจะมีของเก่า หรือ ไม่มี ถ้าไม่มีความเพียรก็ยากครับ

อนุโมทนาครับ

 

สิ่งดีๆ ทำแล้วไม่เดือดร้อนตัวเอง ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ทำไปเถอะ (จริงๆ แล้วผมแอบอิจฉาคุณนะ ถ้าสำเร็จแล้วมาสอนผมบ้างนะ อิอิ)

 

ขอโมทนาครับ ยินดีด้วยนะจ๊ะ ไว้เหาะหนีระเบิกกัน มันส์หยด

 

ในอนาคตใช่มั้ยครับ ระเบิดน่ะครับ

 

คำแนะนำเขาก็ดีนี่ ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ ศีลดีสมาธิก็ดี สัมปะจิตฉามิเป็นคาถาเร่งอภิญญา สำหรับการบริจาคถ้าตัวเองไม่เดือดร้อนก็ทำไปเถอะ ถ้ายังไม่มีก็อย่าไปเบียดเบียนตัวเองเลย (แล้วไม่ได้ไปฝึกกับคนอื่นที่ศาลาเหรอ)

 

...เมื่อเราต้มน้ำร้อนในกา...น้ำก็ต้องร้อนฉันใด
...เมื่อถึงเวลา...............เธอ(คุณ)ก็ต้องมาฉันนั้น...
...หมั่นทำความดี และปฏิบัติทุกวันนะจ๊ะ...

 

ลองทำดูคับขณะนี้ผมก็เริ่มศึกษาธรรมของหลวงพ่ออย่างจริงจังและจะทดลองปฎิบัติมโนมยิทธิดูคับ...อนุโมทนาสาธุด้วยคับ
หมั่นรักษาศีล 5 นะคับ

 

อนุโมทนาด้วยครับที่ไปเจอะดีเข้าให้ ผมไปยังไม่เจอเลยครับ มิหนำซ้ำยังอยู่ไม่ครบเจ็ดวันทางบ้านก็โทรตามให้มารายงานตัวเข้าทำงาน ผมก็ใช้เรื่อยๆครับคำถาสัมปะจิตฉามิเนี่ย เพราะผมโดนหมอไสยศาสตร์เล่นงานมาตลอดเลยครับ แต่คาถาท่านก็เยี่ยมมากๆ ผมไม่เคยเสียท่าให้คนพาลเลย แต่แม่และน้องชายผมโดนเต็มๆรักษาเกือบไม่ทัน บางครั้งเขาทำมาใส่ผมแล้วมันกลับไปเข้าพวกเขาเองแล้วยังหาว่าผมทำใส่อีกครับ แต่ผมก็เฉยๆ แค่ยึดพระนิพพานให้มั่นเท่านั้นพอ สงสัยว่าชีวิตนี้ผมคงมีวาสนากับคาถานี้จริงๆครับเพราะมีเหตุให้ต้องท่องต้องใช้อยู่เรื่อยเลย และผมก็ขอกราบแทบเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยเจ้าบนพระนิพพานทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ได้เมตตามอบพระคาถานี้ให้ลูกหลานได้ใช้และพรหมเทวดาทุกท่านที่รักษาครับ ขอท่านทั้งหลายจงจำข้าพเจ้าไว้ว่าเป็นผู้มีนิพพานเป็นที่หวังโดยส่วนเดียวครับ
อนุโมทนากับทุกท่านที่ได้อภิญญาด้วยนะครับ








เชิญบูชาวัตถุพลังแสงทิพย์
http://palungjit.org/showthread.php?t=105421
เชิญร่วมสร้างองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา
http://palungjit.org/showthread.php?t=105420
อัตตนา โจทยัตตานัง
จงกล่าวโทษโจษความผิดตนเองเสมอ

 

ข้าพเจ้า ต้อง ขออภัยต่อผู้ศรัทธาในพระสงฆ์ และต้องขออภัยต่อพระสงฆ์บางกลุ่มบางรูปที่ได้ตั้งสำนักปฏิบัติธรรม รวมไปถึง เหล่าผู้เป็นฆราวาส ที่ได้ตั้งตัวตั้งตน เป็นผู้รู้ สอนหลักวิธีปฏิบัติพุทธศาสนา ในทางที่ผิดๆมาโดยตลอด
ความจริงข้าพเจ้าไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว แต่เพราะความจำเป็น ถ้าข้าพเจ้าไม่ไขข้อเท็จจริง ศาสนาก็จะเสื่อมโทรมลง จนในที่สุดก็ยากที่จะแก้ไข
ท่านทั้งหลายต้องทำความเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าศาสนาเสื่อม ก็จะมีผลหรือย่อมมีผลต่อมนุษย์,สัตว์,พืช หรือสรรพสิ่งทั้งหลาย บนโลก และใต้พิภพ เนื่องจากศาสนาเป็นกลไกหนึ่ง ของระบบสุริยจักรวาล ดังนั้นข้าพเจ้าจะอธิบายเพียงสั้นๆพอให้เข้าใจว่า
"อภิญญา " มีจริง เป็นจริง เกิดขึ้นได้จริง แต่มีขั้นตอน ไม่ใช่ว่า ฝึกปฏิบัติแล้วจะได้อภิญญามีฤทธิ์ มีเดช หูทิพย์ ตาทิพย์ หรือ อื่นๆ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ
อภิญญาจะเกิดขึ้นในบุคคลผู้ปฏิบัติธรรมได้ ก็ต่อเมื่อ บุคคลนั้นสามารถขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้เป็นอันดับแรก การขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้นั้น ก็จะมีเครื่องชี้บ่ง หรือเครื่องแสดงให้รู้ว่า ขจัดกิเลสได้ นั้นก็คือ "ฉัพพรรณรังสี"
ฉัพพรรณรังสี ก็คือ แสงสีต่างๆ อันเกิดจากอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ในจิตใจของบุคคลนั้นๆ จะเรียกว่า เป็นความโลภ ความโกรธ ความหลงก็ได้ แต่กว้างไป ถ้าเอาแบบแคบๆ ก็คือ อารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด การได้รู้ การได้เห็น การได้เข้าใจ ฯลฯ ล้วนเป็นอาสวะแห่งกิเลสทั้งสิ้น
ดังนั้น อภิญญา จะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก ก็คือ การขจัดอาสวะแห่งกิเลสได้ก่อน แล้วอย่างอื่นก็จะตามมา
แต่จะเกี่ยวข้องกับความรู้ ความเข้าใจต่างๆ อย่างมากมาย โดยเฉพาะ ความหนักแน่นของจิตใจ หรือสมาธิ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะอภิญญาบางข้อ จะคล้ายอาการของ ประสาทหลอน หูแว่ว และ ภาพหลอน เนื่องจากเกี่ยวของกับสภาพกาล ต่างๆมากมาย อันนี้ถ้าใครสนใจจะอธิบายในภายหลัง ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน แล้วจะเอากระทู้นี้ตั้งเป็นกระทู้อีกครั้ง

 

ก็บอกเค้าไปสิลุง ว่าลุงประกาศตัวเป็นพระศรีฯ แล้ว

รับสมัครสาวกเบื้องซ้าย-เบื้องขวา เลยลุง

 

ทำตามที่แกบอกไปโลดครับ

แต่เราทำด้วยความคิดอ่านของเรา คือ ปัญญาเราเอง.. ทุกอย่างทีว่ามาเป็นความดี เป็นบุญ ..ถ้าทำได้ก็ทำเลยครับ

ส่วนเรื่องอื่นนั้น ไม่ทราบฮะ คงต้องรอวาระ

 

ลองพิจรณาสิ่งที่ดี สิ่งที่ควรเอาเถิดครับ