ทวีปมู(Mu) หรือ รีมูเลีย(LeMUria) นครอันตธาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย svt, 8 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ทวีปมู(Mu) หรือ รีมูเลีย(LeMUria)
    คือ นครอันตธานที่จมหายลงใต้ทะเลแปซิฟิกใต้เมื่อกว่า ๑๓,๐๐๐ ปี ที่ผมจะนำมาเป็นประเด็นสนทนาครับ......

    จุดจบ คือจุดเริ่มต้น และ จุดเริ่มต้น ก็คือจุดจบ

    หลังจากจุดจบทวีปมู เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของอารยธรรมจุดต่างๆในโลกยุคหลังของผู้รอดจากภัยพิบัติ


    สายสัมพันธ์บรรพบุรุษ-กำเนิดแม่น้ำคงคา

    กำเนิดแม่น้ำคงคา
    '''''''''''''เริ่มต้นผมขอนำตำนานสำนวนหนึ่งของชาวอินเดียต่อแม่น้ำคงคา ลงมาก่อนนะครับ จากหนังสืออินเดีย แผ่นดินมหัศจรรย์ ผู้เขียนคือคุณอรุณ เฉตตีย์

    '''''''''''''ในอดีตนั้นมีฤาษีกปิละ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาหิมาลัย อยู่มาวันหนึ่งพวกโอรสของท้าวสักกะกษัตริย์แห่งอโยธยา ออกตามม้าที่หายไป เมื่อมาพบม้ายืนอยู่ข้างพระฤาษี ก็เลยยัวะ ตะโกนด่าและแกล้งท่านต่างๆนานา จนท่านตบะแตก จ้องมองไปที่กลุ่มเจ้าชาย เกิดไฟเผาผลาญเจ้าชายกลายเป็นเถ้าถ่าน และสาปสำทับไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับแม่น้ำคงคา
    [​IMG]
    ฤาษีกปิละใช้ตาไฟเผาผลาญโอรสของท้าวสักกะ
    (บางตำราว่า ท้าวสคระ)
    '''''''''''''ต่อมาท้าวภคีรส ผู้สืบเชื้อสายจากท้าวสักกะปฐมกษัตริย์ซึ่งมีความเศร้าโศกเสียใจมากที่บรรพบุรุษของตนโดนสาปเช่นนั้น จึงบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้าเพื่อขอพรพระอิศวร(พระศิวะมหาเทพ)ให้ช่วยวิงวอนแม่น้ำคงคาให้ไหลหลั่งลงมาสู่แผ่นดินเป็นการชำระบาปของผู้ที่ต้องคำสาป และแล้วพระแม่คงคาก็เห็นใจ ยอมหลั่งสายน้ำจากเขาไกรลาสลงสู่พื้นดิน เพื่อชำระอัฐิของพวกโอรสและมนุษย์ทั้งหลายให้พ้นมลทิน....
    นี่คือ ตำนานกำเนิดสายน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์สำนวนหนึ่ง
    '''''''''''''และขอเพิ่มมุมมองอีกมิติโดยขอนำเสนอ
     
  2. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ขอนำเข้าสู่ภาษา สัญลักษณ์ รหัสวิทยา ภาษาโบราณ บันทึกของทวีปมู
    เริ่มจากดอกบัว เป็นตัวแทนของทวีปนี้เสมอ และทุกที่ในอาณาจักร และอาณาจักรลูก
    [​IMG]
    ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้กันมานานประมาณ 50,000 -30,000 ปีมาแล้ว บนทวีปมู หมายถึง อาณาจักรมู
    สื่อเป็นภาษาภาพของอาณาจักร รวมสัญลักษณ์ตราราชวงศ์ และบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือศาสนธรรมโบราณ
    [​IMG]

    ขอเอาข้อมูลมาลงไว้ก่อนทีละลำดับ แล้ววันหลังมาเริ่มถึงวิธีถอดภาษาสัญลักษณ์(วิธีเดียวกับฮีโรกริฟิกของอิยิปต์)ที่ส่งผ่านโดยนักบวชอินเดียผู้รักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เขียนขึ้นโดยนักบวชนาอะคัล เมื่อประมาณ ๑๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว หรือนานกว่านั้น

    [​IMG]
    ท่านฤาษีวาลมิกิ(Valmiki) ผู้รจนารามายณะ หรือ รามเกียรติ์ นักปราชญ์ นักโบราณคดีของอินเดีย
    '''''''ท่านวาลมิกิผู้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวจากการอ่านบันทึกโบราณของวัด โดยนักบวชผู้สูงศักดิ์แห่งวัดริชี(Rishi) ที่เมืองอโยเดีย(Ayhodai) กล่าวถึงนักบวชนาอะคัลว่า " มาสู่พม่าจากแผ่นดินเกิดของพวกเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันออก"
    '''''''''จากนั้นเหล่านักบวชนาอะคัล(Naacal)นำความรู้วิทยาการต่างๆ, ศาสนาโบราณ ,การบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์มาสู่มายา-ไอยคุปย์(ตอนเหนือ)-อารยัน (ก่อนชาวอารยันเปลี่ยนชื่อเป็นวิษณุเทพเมื่อครั้งลงมาอยู่ชมภูทวีป) นักบวชนาอะคัลดังกล่าวเข้าสู่อินเดีย และไอยคุปย์อาณาจักรตอนเหนือ โดยการ เผยแพร่ศาสนาโบราณ และคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์
    และไอยคุปย์(ตอนใต้)ที่ซาอีร์ขณะนั้น ปฏิบัติตามศาสนธรรมของโธท(Thoht) บูชาเทพโอซิริส
    โธทเป็นนักบวชมาจากอาณาจักรแอตแลนติสที่ล่มสลายลงพร้อมกันอาณาจักรมู
    และคัมภีร์มรกต : http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?f=6&t=68 คือบางส่วนที่เป็นคำสอนของโธท
    ขอวกมาโฟกัสที่มูต่อครับ

    [​IMG]
    '''''''และขณะเดียวกันอีกชาวทวีปมูกลุ่มหนึ่งอพยพไปอยู่ที่ยูคาตัง เม็กซิโก และสร้างวิหารพีระมิดขึ้นจารึกว่า"เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่แผ่นดินตะวันตก ที่ซึ่งเราจากมา" รวมถึงปิรามิดแห่งเม็กซิโกซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเมืองเม็กซิโก ซิตี้(Mexico City) คำจารึกของปิรามิดกล่าวไว้ว่า ปิรามิดถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แด่การล่มสลายของแผ่นดินแห่งตะวันตก
    ลักษณะวิหารพีระมิดที่เป็นอารยธรรมเมโสอเมริกา แถบทวีปอเมริกากลาง http://www.crystalinks.com/pyramidmesoamerica.html
    รวมทั้งบันทึกการล่มสลายของแผ่นดินทวีปมู ที่รู้จักกันว่าคือชนเผ่ามายา
    ประโยชน์ส่วนนึงของวิหารพีระมิดใช้เพื่อนักบวชประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิเพื่อบูชาเทพเจ้าดวงอาทิตย์ รา, รามู เทพเจ้าสูงสุด
    ประเพณีต่างๆ ที่มาจากที่เดียวกัน
    ''''''''การนับถือเทพเจ้าดวงอาทิตย์เป็นสิ่งสูงสุด ของชาวอารยัน, มายาในยูคาตัง,ไอยคุปย์โบราณ ล้วนมาจากมาตุภูมิที่นั่นเรียก รา-มู สัญลักษณ์ผู้สร้าง นารายาณะ พยานาค ๗ เศียร , ความรู้เกี่ยวกับตำนานการสร้างโลก การกำเนิดจักรวาล และที่โมเสสที่ถอดมาจากภาษาฮีโรกริฟริกในไอยคุปย์ ลงสู่คัมภีร์เอซรา(Ezra) แล้วแปลลงเป็นภาษาฮิบรู เป็นพันธสัญญาเก่าและพันธสัญญาใหม่ในบทการสร้างโลก(Genesis)
    ''''''''จะค่อยเรียงเนื้อหาการล่มสลายโดยฉับพลันของทวีปมู เมื่อ ๑๑,๕๐๐ ปีที่แล้ว ,ศาสนาแห่งโบราณ ,ธรณีวิทยา ..ฯ ลงมาโดยลำดับต่อไปครับ
    [​IMG]
    เพื่อนสมาชิกท่านที่สนใจประวัติศาสตร์หน้านี้ สามารถหาหนังสือ มู นครอันตธาน ลองอ่านได้ครับ
    '''''''เนื้อหาที่จะนำมาลงไว้ โดยส่วนใหญ่อ้างอิงจากเล่มนี้และเนื้อหาบางส่วนที่ไม่มีในหนังสือเล่มนี้มาจากความรู้ความเห็นประสบการณ์เดิมเก่าๆ เพื่อประสานรอยต่อ และเติมเต็มให้ได้อรรถประโยชน์ในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และร่องรอยอารยธรรมประวัติศาสตร์มนุษย์ส่วนนี้มีความชัดเจน สมบูรณ์ที่สุด เท่าที่จะทำได้
    '''''''หรืออ่านศึกษาในเวปนี้ http://www.crystalinks.com/lemuria.html ไปพรางๆควบคู่ ก่อนได้ครับ

    ที่มา- http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 พฤษภาคม 2012
  3. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    สัญลักษณ์ของศาสนาโบราณทวีปมู

    '''''''' ศาสนาของคนโบราณ บ่งบอกได้ถึงจริยธรรม คุณธรรม จารีตในสมัยนั้นๆ

    ''''''''ผมเริ่มจาก ขอนำจารึกอักษรภาษาสัญลักษณ์ที่ใช้บนทวีปมู ที่เขียนจารึกโดยนักบวชชาวนาอะคัล(Naacal)เป็นสัญลักษณ์โบราณที่ใช้เมื่อนับย้อนไปประมาณ 50,000-30,000 ปีที่แล้ว

    [​IMG]
    สัญลักษณ์ที่ 15
    ''''''''หมายถึง ดวงตาที่ครอบคลุมดูแลทั่วทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล ภายใต้สามเหลี่ยมที่ทรงพลังที่สุดที่เป็นศูนย์กลางของทุกจักรวาลรวมทั้งเอกภพทั้งหมด

    ก่อนกาลทวีปมูใช้สัญลักษณ์นี้แทนพระเจ้า รา
    ในอียิปต์ หมายถึง ดวงตาแห่งเทพโอสิริส, ดวงตาที่สาม
    และยังใช้อยู่ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอริค
    และใช้กันในสมาคมfreemason ที่มีต้นสายที่ยาวนานย้อนไปได้ถึงยุคไอยคุปย์(สังเกตที่แบ็งค์ 1 ดอลล่าร์อเมริกา)

    สัญลักษณ์ที่ 16 และ 18
    หมายถึง ภาวะที่ดูแลสรรพสิ่งที่อยู่ภายใต้สมดุล
    ''''''''สามเหลี่ยมหัวตั้ง :ซึมซับรับพลังงานทุกๆจิตวิญญาณในจักรวาล พลังงานในรูปแบบจิตวิญญาณ และการกระทำ
    ''''''''สามเหลี่ยมกลับหัว : ส่งคืนผลของการกระทำ จิตวิญญาณ ภายใต้ภาวะสมดุลย์ของพลังงานของทุกสรรพสิ่ง
    ''''''''วงกลมภายใน : คือ ภาวะการหมุนเวียนจัดสรรของวงรอบ-วงกลม พลังงานที่ไหลเข้า-ไหลออก ภายใต้ภาวะสมดุลย์
    วงกลมภายนอก คือ ศูนย์กลางของทุกจักรวาล รา พระอาทิตย์ดวงแม่

    สัญลักษณ์ที่ 19
    ''''''''คือ ภาวะที่ถึงจุดกัลปวสานของทุกๆเอกภพ ก่อนเข้าสู่ยุคเริ่มใหม่ มีเพียงสามเหลี่ยมพลังงานที่ซ้อนกัน กลับกลายเป็นสภาพว่างไร้สรรพสิ่ง

    สัญลักษณ์ที่ 17
    ''''''''คือ การก่อกำเนิดเมล็ดพืชแรก อีกครั้ง หลังจากกาลสิ้นสุด เป็นการเริ่มใหม่ของทุกสรรพสิ่ง จากศูนย์กลางธรรมชาติภายใน
    เมล็ดพืชแรก =จุดแรกที่เริ่มต้น= พินทุ(บาลี)

    สัญลักษณ์ที่ 20
    คือ การรังสรรค์ การสร้างของพลังแห่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 ในตอนเริ่มต้น
    ''''''''ในแนวคิดศาสนธรรมโบราณทวีปมูมีอยู่ว่า :-
    ''''''''"ในตอนเริ่มต้นนั้น มีเพียงความยุ่งเหยิง(Chaos)ทั่วทั้งจักรวาลที่มืดมิด และลำดับต่อมา ภาวะทั้งหลายดำเนินไปเข้าสู่ภาวะสงัด ไร้สรรพเสียง ต่อมาผู้สร้างพร้อมด้วย"ความปรารถนา"ได้บัญญัติอำนาจเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ทั้งสี่ขึ้น เพื่อ สร้างกฏและระเบียบในจักรวาล เพื่อให้การสร้างได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อกฏและระเบียบได้ถูกสร้างให้บังเกิดโดยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ ตามความปรารถนา และบัญญัติของผู้สร้าง"
    *จารึกของนักบวชนาอะคัล(naacal)) อันมีชื่อเรียกว่า ข้อเขียนดลใจอันศักดิ์สิทธิ์แห่ง มู(The Sacred Inspired Writing of Mu)

    [​IMG]
    ''''''''แผ่นจารึกนิเวน พบที่เม็กซิโก ต่อเติมความขาดหายไป ที่จากรึกแห่งนาอะคัลอ้างถึง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ดังบัญญัติของผู้สร้าง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกฏ และการจัดระเบียบทั่วทั้งเอกภพแผ่นจากรึกเลขที่ ๑๒๓๑ จารึกแผ่นนี้เป็นดั่งกุญแจที่ไขสู่การทำงานและความเคลื่อนไหวของเอกภพ เป็นสัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 (Sacred Four)
    ''''''''ปัจจุบันอาจมีชื่อเรียกต่างกันมาก เช่น สวัสดิกะ เป็นต้น โดยชาวอารยันได้นำไปใช้เป็นเครื่องหมายหนึ่งในศาสนา และสมัยนาซีเยอรมัน..ฯ

    ทิศทางการหมุนวนของพลังงาน กุญแจคือปุ่มตรงกลาง เมื่อลองใช้นิ้วลองลากเส้นออกมาจากจุดเริ่มต้นวนออกมา
    นี้เป็นทิศทางการหมุนวนของพลังงานในเอกภพในทางสร้างสรรของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่

    ''''''''สัญลักษณ์และความหมายของจารึก ดังกล่าวมาแล้ว ก็จะทำให้ผู้สนใจติดตามอ่านมา เข้าใจรูปสัญลักษณ์ด้านล่าง
    .ความเป็นไปของสรรพสิ่งในเอกภพทั้งมวล
    [​IMG]

    ''''''''จากรูปสัญลักษณ์องค์ความรู้ทวีปมู เอกภพทั้งหลายกำลังขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลางทุกทิศทาง ดังที่กล่าวไว้ในสัญลักษณ์ที่ 15,16 , 18,20 และ๑๒๓๑
    ''''''''การเกิดและดับของบางดาราจักรของดาวฤกษ์(อาทิตย์ดวงอื่น) ที่สามารถสังเกตุได้จากบนโลกเราได้ หมายถึง การเดินทางภาพที่มากับแสง นับพันล้านปีแสง

    ''''''''และแสงใช้เวลาเดินทาง 3x10^8 เมตรต่อวินาที(^ ยกกำลัง) ;ดังนั้นสิ่งที่เราสังเกตุเห็นในวันนี้ เป็นอดีตของดาราจักรกลุ่มนั้น เมื่อหลายล้านปีมาแล้ว ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอสไตน์ และอีกหลายทฤษฎีพิเศษสามารถอธิบาย ประสานเชื่อมต่อความสัมพันธ์นี้ได้เป็นอย่างดี

    สัญลักษณ์อักษรภาพมี หลายร้อยภาพ ไว้ค่อยนำลงมาโดยลำดับครับ
    โดยจะเข้ามาเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวมากขึ้น มากขึ้น
     
  4. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    บันทึกของทวีปมู
    '''''''''จากจารึก นาอะคัล ที่ค้นพบในอินเดีย อันที่จริง จารึกแห่งนาอะคัลนี้ เขียนโดยสัญลักษณ์และอักขระนากา (Naga) จากตำนานกล่าวกันว่า เขียนขึ้นที่แผ่นดินมู จารึกนี้ ได้ถูกนำเข้ามาที่พม่าก่อนแล้วจึงนำมาที่อินเดีย มีอายุเก่าแก่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ปี

    [​IMG]

    [​IMG]
    '''''''''ค้นพบ ได้รับการแปล ค้นหาข้อมูล และเขียนออกเผยแพร่โดย พันเอกเจมส์ เชอร์ชวาร์ด เมื่อประมาณ ๕๐ ปีที่แล้ว เมื่อครั้งผู้เขียนได้เข้าไปช่วยบำบัดทุพภิกขภัยในอินเดีย ท่านได้รับความไว้วางใจจากนักบวชในวัดที่เก็บจารึกเก่าแก่นี้ สอนให้อ่านภาษาจารึกนี้

    ส่วนนึงของจารึก
    [​IMG]
    '''''''''ส่วนภาพแรก เป็นเส้นแสงจาก ศูนย์กลางพลังงานธรรมชาติของทุกเอกภพ ที่พาดผ่านจักรวาล -อ้างอิงจาก คห.ก่อนหน้านี้

    [​IMG]
    [​IMG]
    '''''''''ภาพที่ ๒ เส้นตรงหลายเส้นวางซ้อนกัน ในแนวนอน เป็นสัญลักษณ์ ของอวกาศ ส่วนสัญลักษณ์ของพญานาค ๗ เศียร เคลื่อนตัวอยู่ในอวกาศ วงกลม ที่ล้อมรอบอยู่นั้นหมายถึง เอกภพ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    '''''''''ลำดับทั้ง ๓ ภาพ คือ พลังงานแห่งดวงอาทิตย์ก็เกี่ยวพันของชีวิตบนโลกพลังที่ส่องมายังโลก ต่อสิ่งมีชีวิต เป็นที่มาของสิ่งมีชีวิตนั่นเอง จากแสงที่ส่องมานี้ ก็ทำให้เกิดธรรมชาติสิ่งมีชีวิตบนโลก

    [​IMG]
    ภาพแถวล่าง แถว๓-แถว๔
    เครื่องหมายรูป สี่เหลี่ยม แทนสัญลักษณ์ทวีปมู ในทุกที่ ทุกโอกาส
    มีการเกิดขึ้นของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ ใช้สัญลักษณ์ ดอกบัว(พุทธะ) และ ๐๐๐ แทนหมายเลขลำดับ ๓
    T ในภาษามูโบราณ หมายถึง การเกิดขึ้น ;การเกิดขึ้นนี้ ของคำแปลพิจารณาจากสัญลักษณ์ ข้างหน้าและข้างหลังของประโยค

    '''''''''ภาพแต่ละภาพ แทนเหตุการณ์ต่างๆของสรรพชีวิตที่ดำเนินไป ระยะห่างของเวลาแต่ละภาพที่บรรยาย อาจกินเวลานานเป็นล้านๆปี แสนปี พันปี หมื่นปี หรือ ร้อยปี...

    หลังจากนั้น...

    [​IMG]
    [​IMG]
    '''''''''ภาพที่นี้อธิบายถึง การยกขึ้นของภูเขา แผ่นดินเปลือกโลก และการก่อตัวของอากาศ ต้นต่อมาจากไฟและแมลงสการับ (Scarab : แมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในดิน และเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนชีพ) ของชาวไอยคุปต์ ที่ได้จาก ชาวนาอะคัล

    [​IMG]
    '''''''''ภาพนี้อธิบาย เกิดการไหวสะเทือนที่ส่วนล่าง คือ แผ่นดินเปลือกทวีปที่เกิดจากการยกตัวและชนกันของแผ่นดินทวีปส่วนเปลือกโลก ในส่วนต่างของโลกอย่างฉับพลันรุนแรง ก่อให้เกิดการยกตัวของภูเขาส่วนต่างๆ กล่าวถึงคือ ธรณีพิบัติครั้งรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑๑,๕๐๐ ปีที่แล้วที่ทวีปมู ส่วนที่เกิดกับทวีปแอตลันติส และส่วนต่างๆของโลกก็ประสบชะตากรรมเช่นเดียวกันนี้

    '''''''''กรณีของธรณีพิบัตินี้ ชนชาวทวีปมูที่รอดมาอยู่ที่ยูคาตัง คือมายา ได้เขียนจารึกถึงเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน
    [​IMG]

    '''''''''เนื่องจาก อักษรภาพ ที่มีการเขียนภาษาของชาวมายา นั้นมีการแจกแจงรายละเอียดมาก เพื่อนสมาชิกผู้สนใจสามารถหาอ่านรายละเอียดได้จาก หนังสือ มู นครอันตรธาน ได้ครับ


    แหล่งที่มา- http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2012
  5. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    สภาพความเป็นไป และการล่มสลายอย่างฉับพลันของอาณาจักร มู
    '''''''จากการถอดความจารึกแห่งนาอะคัล จารึกมายา-จารึกโตรอาโน จารึกโคเด็ก และคำบอกเล่าที่สืบทอดมาในส่วนอดีตของนักปราชญ์ต่างๆ ทำให้พันเอกเจมส์ เชอร์ชวาร์ด เขียนบรรยายถึงทวีปมูในอดีต ซึ่งจมหายสาปสูญไปโดยฉับพลันโดนธรณีพิบัติภัย ดังนี้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    '''''''''ทวีปมู เป็นประเทศที่มีอาณาเขตอันกว้างไกล ที่แผ่ขยายตั้งแต่ตอนเหนือของฮาวายถึงตอนใต้ อาณาเขตทางตอนใต้ของทวีปนี้คือ หมู่เกาะอีสเตอร์ และฟิจิ มีระยะทางจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกกว่า ๘,๐๐๐ กิโลเมตร จากทิศเหนือถึงทิศใต้ มีระยะทางกว่า ๔,๘๐๐ กิโลเมตร ทวีปนี้ประกอบไปด้วยผืนดิน ๓ ผืน ที่ถูกแบ่งออกจากันด้วยช่องแคบหรือทะเล
    '''''''''"เราพบเห็นเพียงผืนน้ำและผืนฟ้า"* แลุหมู่เกาะเล็ก ๆ ซึ่งรู้จักในนาม หมู่เกาะทะเลใต้
    มันเป็นประเทศในเขตร้อน "สวยงาม"** มี "ที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล"*** หุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าและทุ่งสำหรับเพาะปลูก ในขณะที่ "เนินเขาที่ทอดต่ำ"**** ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพืชผักเมืองร้อนที่อุดมสมบูรณ์ยิ่ง
    ______________
    * บันทึกลาซา (บันทึกของชาวธิเบต)
    **จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ***บันทึกกรีก
    ****แผ่นบันทึกหลายฉบับ
    _______________

    '''''''''แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์นี้ ถูกต้องด้วยสายน้ำที่ไหลเรื่อยเป็นลำธาร และแม่น้ำหลากหลาย สาย ก่อให้เกิดเส้นสายของน้ำอันคดเคี้ยว ที่ให้ความสวยงามอย่างประหลาดรอบ ๆ เนินเขาที่เต็มไปดด้วยต้นไม้ใบหญ้า
    '''''''''รวมทั้งตัดผ่านทั่วทั้งที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ พฤกษชาติ อันงดงามได้ปกคลุมผืนแผ่นดินด้วยเส้นใยอันนุ่มสีเขียว ที่ดูแล้วสบายตาสบายใจยิ่งนัก ดอกไม้ที่มีกิ่นอมอวล และสีสันสดใสช่วยแต่งแต้มสีให้กับหมู่มวลต้นไม้ ต้นปาล์์ม ที่สูงสง่า
    แม่น้ำได้ทอดตัวออกเป็นทะเลสาบที่มี "ดอกบัว"* ศักดิ์สิทธิ์ นับหมื่น นับแสนรายล้อมอยู่โดยรอบ ประดับประดาผิวน้ำที่เป็นประการดุจดั่งอัญมณีหลากสีที่ล้อมรอบผืนน้ำสีเขียวมรกต
    '''''''''เหนือแม่น้ำที่ไหลเย็น สีเสื้อ ปีกฉูดฉาดโผผินอยู่ตามเจาของต้นไม้ ขยับปีกขึ้นลงราวกับการเคลื่อนไหวของเทพยาดา มันทำเช่นนี้ราวกับว่าจะยลโฉมสีสันความงามของตนบนกระจกแห่งธรรมชาติ โผจากดอกไม้อกหนึ่งไปยังอีกดอกหนึง นกฮัมมิงเบิร์ด บินโฉบในระยะสั้น ส่องแสงเป็นประกายราวกับอัญมณีที่มีชีวิตภายใต้แสงของดวงอาทิตย์**

    '''''''''นกน้อยขับขานประสานเสียงอ่อนหวานแข่งกันตามสุมทุมพุ่มไม้*** เสียงขับขานอันสดใสของจิ้งหรีดล่องลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เสียงลับ กรรไกรของตั้งแตดังแหวกอากาศขึ้นมาเพื่อจะบอกให้โลกรู้ถึงความเป็นไปของมัน
    '''''''''ช้างดึกดำบรรพ์ และฝูงช้างป่าต่างท่องเที่ยวไปในป่า ในยุคแรก พร้อมทั้งสะบัด หูไปมาเพื่อขับไล่แมลงที่มารบกวน****
    __________________
    *จากจารึกหลายฉบับ
    **บันทึก เอสเอ
    ***จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ****บันทึกอินเดียและมายา
    _________________


    '''''''''ทวีปอันยิ่งใหญ่ คับคั่งไปด้วยชีวิตที่ร่าเริงและมีความสุขโดยมีมนษย์ กว่า ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน เป็นผู้ปกครองสูงสุด*
    '''''''''ทุกชีวิตอาศัยร่วมกันอย่างมีความสุขบนบ้านอันยิ่งใหญ่ ที่สวยสดงดงาม "ถนนหนทางอันกว้างใหญ่และราบเรียบ ทอดยาวไปทุกทิศทางราวกับเส้นของไยแมงมุม แผ่นหินที่นำมาสร้างถนน นั้นช่างราบเรียบ และชิดติดกันจนต้นหญ้าไม่สามารถเล็ดลอดระหว่างแผ่นหินได้"**
    '''''''''ในขณะนั้นประชากรทั้ง ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน ประกอบไปด้วยผู้คน ๑๐ เผ่าพันธุ์ หรือ ๑๐ กลุ่ม แต่ละเผ่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อยู่ภายใต้ การปกครองเดียวกัน***
    '''''''''หลายชั่วอายุคนก่อนหน้านี้ ผู้คนได้เลือกกษัตริย์และได้ตั้งชื่อของพระองค์ โดยมีชื่อ รา เป็นชื่อหน้า จากนั้น พระองค์ได้กลายเป็นผู้นำที่มีอำนาจศักดิ์์สิทธิ์ และองค์จักรพรรดิภายใต้ชื่อ รามู**** และจักรวรรดิได้รับสมญานามว่า ราชอาณาจักรแห่งดวงอาทิตย์

    '''''''''ทุกคนในราชอาณาจักรนับถือศาสนาเดียวกัน ซึ่งบูชาอำนาจพระผู้เป็นเจ้าผ่านสัญลักษณ์ ต่างเชื่อในความเป็นอมตะของดวงวิญญาณที่ว่า ดวงวิญญาณจะกลับไปสู่แหล่งอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่จากมาในที่สุด*****
    '''''''''สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือ ความเคารพนับถือต่อพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขามี พวกเขาไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยพระนามของพระองค์ ในบทสวดมนต์และในบทภาวนา พวกเขาจะอ้างถึงพระผุ้เป็นเจ้าโดยใช้สัญลักษณ์ รา ผู้เป็นเทพแห่่งดวงอาทิตย์ ได้เป็นคำที่ถูกใช้แทนพระองค์ในทุกโอกาส*******
    ____________
    * แผ่นจารึกโตรอาโน (จารึกจากมายา)
    **จารึกแห่งหมู่เกาะอิสเตอร์
    ***แผ่นจารึกโตรอาโน
    ****บันทึกลาซา และอื่น ๆ
    *****บันทึก ลาซา และอื่น ๆ
    ******บันทึก มายา และอื่น ๆ
    ____________



    '''''''''ในฐานะนักบวชผุ้สูงศักดิ์ รามู เป็นตัวแทนของพระผุ้เป็นเจ้าในการสอนศาสนา เป็นที่ชัดเจนและเข้าใจกันว่า รามู เป็นเพียงตัวแทน และจะไม่ได้รับการบูชาเสมือนพระผู้เป็นเจ้า

    '''''''''ในขณะนั้น ประชากรแห่งมู มีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรือง และทุกคน มีความรู้แจ้ง ไม่เคยมีความป่าเถื่อน ปรากฏให้เห็น เนื่องด้วยผู้คนทุกเผ่า เป็นบุตรแห่งมู และต่างก็อยู่ภายใต้อธิปไตย เดียวกันของแผ่นดินแม่ เชื้อชาติที่โดดเด่นในแผ่นดินมู เห็นจะเป็นชนชาติผิวขาว ผุ้ที่มีความงดงามเกินกว่าชนชาติใด เป็นผู้ซึ่งมีผิวพรรณสีขาวหรือสีมะกอก พร้อมด้วยดวงตากลมโตสีเข้ม และผมสีดำตรง นออกจากชนชาตินี้แล้วยังมีชนกลุ่มอื่นอีกที่มีผิวพรรณแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง น้ำตาล หรือผิวสีเข้ม อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร*
    '''''''''พลเมืองโบราณแห่งมู นี้เป็นนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ซึ่งเดินเรือจากฝั่ง ตะวันออกสู่ฝั่งตะวันตก ของมหาสมุทร และจากทะเลเหนือสู่ทะเลใต้ นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นสถาปนิก ผู้เชี่ยวชาญที่สร้างอารามอันยิ่งใหญ่และพระราชวังหิน** พวกเขาสลักและก่อตั้งแท่งหินให้เป็นอนุสาวรีย์

    '''''''''ในดินแดนแห่ง มู นี้ มีเมืองที่เป็นหลักสำคัญอยู่ ๗ เมือง เมืองซึ่งเป็นที่รองรับศาสนา ศาสตร์ และการเรียนรู้อื่นๆ*** นอกจากนี้ยังมีเมืองใหญ่และหมู่บ้านกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นดินทั้ง ๓ เมืองหลายแห่งถูกสร้างขึ้นบริเวณปากแม่น้ำใหญ่ที่มีอยู่หลายสาย แม่น้ำเหล่านี้เป็นแหล่งค้าขาย แลกเปลี่ยน และการพานิชย์ เนื่องจากเป็นที่มีซึ่งมาจากทุกส่วนของโลกแล่นผ่านผืนแผ่นดิน มู เป็นแหล่งกำเนิด และเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมความเจริญรุ่งเรืองของโลก รวมทั้งความรู้ต่างๆ การค้า และการพานิชย์ ประเทศอื่นๆในโลกล้วนแล้วแต่เป็นอาณานิคมของ มู
    _____________
    * แผ่นจารึกโตรอาโน ,โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส และอื่นๆ
    ** วัลมิกิ
    *** บันทึกลาซา

    _____________


    '''''''''ตามหลักฐานที่ปรากฏในบันทึก แผ่นจารึก และประเพณี การถือกำเนิดของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นบนดินดินแห่งมู และด้วยเหตุนี้ มู จึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ แผ่นดินแห่งกุย(Land of Kui)* อารามหินปราศจากหลังคาที่ถูกสลักอย่างสวยงามประดับประดาเมืองทั่วไป ความไม่มีหลังคานี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้รังสีแห่ง รา สาดส่องลงมายังศรีษะของผู้สวดภาวนาแสงที่สาดส่องนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งการยอมรับ โดยพระผู้เป็นเจ้า บุคคลผู้มั่งคั่ง ประดับประดาตนด้วยเครื่องแต่งกายที่เต็มไปด้วยอัญมณีและหินสีล้ำค่า พวกเขาอาศัยอยู่ในพระราชวังอันสง่างาม ที่เต็มไปด้วยคยรับใช้มากมาย** ดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นได้เริ่มมีขึ้นทั่วทั้งผืนโลก

    '''''''''ในการที่เป็นผู้เดินเรือที่ยิ่งใหญ่ เรือของพวกเขาได้บรรทุกผู้โดยสารและสินค้าจากดินแดนเมืองขึ้นต่างๆอย่างสม่ำเสมอ*** พลบค่ำอันแสนเย็นสบาย เราจะพบเห็นเรือสำราญที่เต็มไปด้วยสุภาพบุรุษสุภาพสตรีที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอันหรูหรา ประดับประดาไปด้วยอัญมณี กรรเชียงอันยาวของเรือเพิ่มจังหวะให้กับเสียงเพลงและเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของผู้โดยสาร

    '''''''''ในขณะที่ผืนแผ่นดินอันยิ่งใหญ่แห่งนี้กำลังพุ่งสูงสุด เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม ความรู้ การค้า และการพานิชย์ พร้อมด้วยวิหารหินอันยิ่งใหญ่และอนุสาวรีย์ที่ได้ถูกสร้างขึ้น**** การมาเยืยนของความกลัวได้ไล่ตามมาติดๆ
    ___________________
    * แผ่นจารึกโตรอาโน และอักขระอื่นๆ
    ** บันทึกลาซา
    *** วัลมิกิ
    **** ซากร่องรอยบนหมู่เกาะ

    ___________________


    '''''''''เสียงคำรามดังกระหึ่มจากใต้โลก ติดตามด้วยแผ่นดินไหวและภูเขาไฟที่เริ่มระเบิดจากส่วนใต้ของแผ่นดินทางชายฝั่งด้านใต้* มีคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวจากมหาสมุทรเข้ามาปกคลุมแผ่นดิน ผืนน้ำกลืนเมืองหลายเมืองให้จมดิ่งลงไป ภูเขาไฟพ่นไฟ ควัน และลาวาออกมา แต่ลาวาไม่ได้ไหลไป กลับทับถมกันจนเป็นรูปกรวย มียอดที่แหลมสูง ซึ่งกลายเป็นบริเวณส่วนหนึ่งของเกาะแถบทะเลใต้ในปัจจุบัน** ในที่สุดการระเบิดก็ได้สงบลงภูเขาไฟมอดดับและอยู่ในความสงบตั้งแต่บัดนั้นมา

    '''''''''หลังจากการระเบิดได้สงบลง ประชากรของแผ่นดิน มู จึงค่อยๆผ่านพ้นจากความหวาดกลัว เมืองที่ปรักหักพังได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ การค้าและการพานิชย์ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง กาลเวลาได้ผ่านไปหลายรุ่น จนเหตุการณ์อันน่าหวาดกลัวนั้นได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ แผ่นดิน มู ต้องตกเป็นเหยื่ออีกครั้งหนึ่งในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ผืนดินไหว ทวีปทั้งทวีปม้วนตัวราวกับคลื่นของมหาสมุทร แผ่นดินสั่นไหวสะท้านสะเทือนราวกับใบไม้ของต้นไม้ที่อยู่ท่ามกลางพายุ วิหารและพระราชวังพังราบลงสู่พื้นดินอนุสาวรีย์และรูปปั้นคว่ำทลายลง เมืองหลายเมืองกลายเป็นกองของซากปรักหักพัง***
    '''''''''ขณะที่แผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นลงนั้น ไฟจากเบื้องล่างได้ระเบิดขึ้น เปลวไฟลุกพุ่งสู่มวลเมฆ ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า ๔.๘ กิโลเมตร**** เปลวไฟได้บรรจบกับลำแสงของสายฟ้าที่มีอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ควันหนาสีดำปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน คลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวสู่ชายฝั่ง***** และขยายตัวสู่ที่ราบ
    ___________________
    * เกาะอีสเตอร์ และหมู่เกาะอื่นๆ
    ** เกาะอีสเตอร์ และหมู่เกาะอื่นๆ
    *** แผ่นจารึกโตรอาโน,โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส และบันทึกลาซา
    **** ฮาวาย เกาะนิอัวฟู(Niuafou) และอื่นๆ
    ***** บันทึกกรีก
    ___________________


    '''''''''เมืองและสิ่งมีชีวิตถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา เสียงร้องไห้ อันเจ็บปวดทรมานของผุ้คนมากมายดังไปทั่วบริเวณ พวกเขาต่างหาที่หลบภัยตามวิหารและป้อมต่าง ๆ แต่ก็ต้องพบกับเปลวไฟ และกลุ่มควัน สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในเครื่องแต่งกายที่หรูหรา ประดับประดาด้วยอัญมณีต่างเป็นร้องเป็นเสียงเดียว "มู ช่วยชีวิตพวกเราด้วย"*
    '''''''''ดวงอาทิตย์แสดงตัวที่ขอบฟ้าภายใต้กลุ่มที่ปกคลุมผืนแผ่นดินดวงอาทิตย์ช่างดุราวกับลุกไฟสีแดงดวงใหญ่ที่กำลังเผาผลาญด้วยความโกรธ เมื่อดวงอาทิตย์ได้ลับขอบผ้าไปแล้ว ความืดมิดจึงได้เข้าครอบงำ จะมีก้เพียงแต่แสงไฟที่มาจากแสงวูบวาบ ของสายฟ้า อันดัังกึกก้อง แผ่นดินผืนนี้ก็ถึงวาระที่จะจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ ลงไปสู่ปากทางแห่งนรกหรือถังแห่งไฟ ขณะที่แผ่นดินที่แหลกสลายจมลงสู่ห้วงเหวแห่งไฟนั้น เปลวไฟได้ ลุกล้อมรอบและหุ้มห่อแผ่นดินไว้*** เปลวไฟกำลังทวงสิทธิ์กับเหยื่อของมัน ซึ่งก็คือ ดินแดนมู และประชากรของเธอกว่า ๖๔,๐๐๐,๐๐๐ คน ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับไฟนี้ ****

    -----ขณะที่มู จม ลงสุ่อ่าวแห่งไฟนั้น พลังอำนาจ อีกอย่างหนึ่งก็ได้เข้ามาซ้ำเติม นั่นก็คือ ผืนน้ำกว่า ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งเข้าถาโถมไปทั่วบริเวณ น้ำและไฟพบกันตรงบริเวณที่เคยเป็นศูนย์กลางของแผ่นดิน และที่ตรงนั้นเองที่เกิดการเดือนพล่าน
    ___________________
    *บันทึก ลาซา
    **แผ่นจารึก โคเด็กซ์ คอร์เตซิอานุส (แผ่นจารึกของมายา) และโตรอาโน
    ***บันทึก ไอยคุปต์
    ****แผ่นจารึก โตรอาโน
    ___________________



    '''''''''มูดินแดนมาตุภูมิ ของมนุษยชาติ ด้วยเมืองทั้งหลายที่น่าภาคภูมิใจ พร้อมด้วยวิหาร พระราชวัง ศาสตร์ และศิลป์ของเธอได้กลายเป็นภาพความฝันในอดีต ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ ทำหน้าที่ดังผ้าผืนใหญ่ ที่ห่อหุ้มดินแดน ไว้เบื้องล่าง ความหายนะของทวีปครั้งนี้ เป็นก้าวแรกของการเสื่อมสลาย ของอารยธรรม อันยิ่งใหญ่อารยธรรมแรกของโลก เป็นเวลาเกือบ ๑๓,๐๐๐ ปี ที่ความเสื่อมสลายของมูได้แผ่อำนาจปกคลุมพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก

    '''''''''แม้ว่าในบางส่วนจะดีขึ้น ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ เมื่อทวีปได้แตกแยก ขาดสะบั้น และจมลง สันและยอดของแผ่นบางส่วนยังคงเหลืออยู่ให้เห็นเหนือผืนน้ำ นั่นทำให้เกิดเกาะและหมุ่เกาะทั้งหลายแตกแยก และมีลักษณะขรุขระเป็นเหลี่ยมแหลม เนื่องจากพลังภูเขาไฟ ที่ได้เกิดขึ้นภายใต้หมู่เกาะเหล่านั้น หมู่เกาะเหล่านี้ได้รองรับ มนุษยชาติ ที่หลบพนีจากดินแดนที่จมลงสู่พื้นน้ำ ดินแดนซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าของ หรือดินแดนที่เป็นมาตุภูมิ ซึ่งได้กลายเป็นส่วนประกอบของผืนน้ำ ที่พลุงพล่านอยู่รอบ ๆ เกาะ

    '''''''''หลังจากที่ได้กลืนผืนดินอันเป็นมาตุภูมิ ของมนุษยชาติ แล้วนั้น ผืนอันกว้างใหญ่ได้สงบนิ่ง ราวกับว่าพึงพอใจในผลงานอันร้ายกาจของตนและผืนน้ำที่ว่านี้ก็คือ มหาสุมทรปาซิฟิก ซึ่งมีความหมายถึง ความสงบ

    '''''''''บนเกาะเหล่านี้ประชากรของมูที่รอดชีวิตได้มารวมตัวกัน รอคอย ให้เหตุการณ์แผ่นดินไหวอันเลวร้ายบรรเท่าลง พวกเขาเห็นวิหารและพระราชวัง เรือ และถนนของพวกเขาพังทลายลง และถูกกลืนกินโดยผืนมหาสมุทร ประชากรเกือบทั้งหมดถูกดูดกลืนไปกับความหายนะครั้งนี้ ประชากรจำนวนน้อยของมู ที่เหลือรอดชีวิต พบว่าพวกเขาอยู่ในสถานะที่สิ้นเนื้อประดาตัว และหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

    '''''''''พวกเขาไม่มีอะไรเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยุ่อาศัย ผืนดิน และอาหารที่มีอยู่ก็มีเพียงน้อยนิด ล้อมรอบพวกเขาคือ ผืนน้ำที่กำลังเดือดพล่าน เบื้องบนคือกลุ่มเมฆหมอกอันหนาทึกที่ปประกอบไปด้วยด้วยไปน้ำ ควันไฟ และเถ้าถ่าน กลุ่มหมอกนี้ได้บนบังแสงสว่างจนหมดสิ้น ก่อให้เกิดความมืดมิดที่ยากจะทะลุ ผ่านได้ เสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องปิดฉากชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผู้รอดชีวิต มันช่างเป็นภาพที่น่่ากลัวสำหรับพวกเขา

    '''''''''ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากำลังเผชิญกับความน่ากลัวอีกแขนงหนึ่ง นั่นก็คือ ความตายจากการอดอาหาร และการตกแดดตากลมเนื้อจากไร้ที่อยุ่อาศัย มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถเอาชีวิตรอดจากความยากลำบากแสนสาหัสนี้ ผุ้คนส่วนมากเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภาพจินตภาพของชาวทวีปมู ที่สืบผ่านทางอารยธรรมมายา-ยูกาตัง(เม็กซิโก)

    ที่มา- http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 พฤษภาคม 2012
  6. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ร่องรอยอารยธรรมทวีปมูในอดีต ที่พบในปัจจุบัน ณ สถานที่ต่าง ๆ

    [​IMG]
    ทวีปมู ที่ ตองกาตาบู

    [​IMG]
    บาสทิน

    [​IMG]
    โมอัย

    [​IMG]
    ไทเนียน

    [​IMG]
    xochi

    [​IMG]
    xochicalo

    [​IMG]
    uxmal(ยูกาตัง-เม็กซิโก)

    [​IMG]
    โตรอาโน-แผ่นจารึกโตรอาโน

    [​IMG]
    xochicalo

    [​IMG]
    สัญลักษณ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของชาวนาอะคัล(naacal)หรือชาวทวีปมู

    ที่มา- http://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=29
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 พฤษภาคม 2012
  7. The Soul

    The Soul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +356
    อยากทราบว่าแอตแลนติสดินแดนที่หายสาบสูญ และทวีปมูมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึป่าวค่ะ
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ผมมาแบบชั่วคราวครับใช้โทรศัทพ์บ้านต่อมา/ พอดี ADSL เสียกะลังซ่อมอยู่ เลยไม่ได้ออนไลน์หลายวัน / เครื่องก็โดนไวรัสจนต้องล้างเครื่องใหม่ทั้งหมด โดนไวรัสครั้งนั้ หนักหนาสาหัส ๆๆๆ /
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** อดีตอันยาวนาน ***

    โลกุตตระ ...ปรากฏขึ้นบนโลกทุกหมื่นปี ณ ดินแดนที่โชคดี ในวินาทีนั้น
    เพื่อ นำพา ศาสนศาสตร์ ให้ปรากฏบนโลกมนุษย์
    เมื่อเวลาผ่านไป ...วิทยาการเจริญ... มนุษย์ จึงฝ่าฝืนโองการ คำบัญชาจาก โลกุตตระ...
    ....... ฟ้าจึงต่ำลงมา .......
    ความระส่ำระสาย จึงบังเกิดขึ้น


    *** อนาคตอันใกล้ ****

    โลกุตตระ ทรงเมตตาสัตว์โลก
    ได้โปรดมวลมนุษย์ ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติกึ่งพุทธกาล
    เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐...ว่า

    ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก
    " เราขอประกาศไว้ว่า.......สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น
    เพราะฉะนั้น ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ
    อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ
    ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใดประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ.......ฟ้าจะต่ำลงมา "

    "หนุมาน ผู้นำสาร"
    ผู้บันทึก
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** อย่าได้เอาท้องฟ้ามาเป็นสนามรบ ****

    เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น จึงขออธิบายความหมาย ดังนี้
    " อย่าเอาท้องฟ้า มาเป็นสนามรบ "
    หมายถึงว่า...เกี่ยวกับเรื่อง "พื้นดิน" นั้น.... ที่แล้วก็แล้วไป
    ประเทศต่างๆ อเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย พม่า ลาว เขมร และ ประเทศต่าง ๆ ทุกประเทศ
    ที่เคยครองสิทธิ ที่ดิน นานมาแล้ว...ก็แล้วไป

    ทุกชนชาติ...ไม่ควรเอาท้องฟ้าเป็นสนามรบ
    ให้เป็นโอกาสของดวงวิญญาณ ที่เขาจะมา

    หากไม่เชื่อ...รบกันแล้ว
    จะไม่มีใครเสีย....ใครสูญ
    มันระส่ำระสาย
    ไม่มีใครเสียหาย แต่ทำให้ปั่นป่วน

    เวลานี้...แต่ละประเทศ
    ถ้ากดปุ่มอาวุธนำวิถีเมื่อไหร่....มันจะเป็นไปทั้งหมด
    มันจะเกิดความผิดพลาด...ไปหมด
    แต่นี้...แน่นอนหรือไม่ ???
    ของเหล่านี้จูนระบบ...นำร่องด้วย "แสง"
    แต่ แสงหักเหได้
    มันอาจหักเหได้...ไปตกประเทศอื่น
    จะลุกลามใหญ่
    หลายประเทศ จะเอาข้อมูลไม่เป็นเรื่องมาอ้าง

    ดังนั้น...เรื่องภัยพิบัติโลกาวินาศ
    จะเกิดขึ้น หรือ ไม่
    ขึ้นอยู่กับ...ความคิด การตัดสินใจของผู้นำแต่ละประเทศ

    หาก...มีประเทศหนึ่ง ประเทศใด
    กดปุ่มยิงขีปนาวุธขึ้น
    โลก...จะเปลี่ยนแปลง...อย่างฉับพลัน !!!!
    จึงขอฝากไว้...ถึง ผู้มีอำนาจของแต่ละประเทศ

    หลายท่าน...ยังไม่รู้จักคำว่า "โลกุตตระ"
    จึงขออธิบายให้เข้าใจ ณ ที่นี้

    องค์โลกุตตระ
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เนื้อหาน่าสนใจดีครับ...
     
  12. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของชาวแอซแทค ที่ยูคาตัง(เม็กซิโก)

    [​IMG]
    ปฏิทินมายา

    [​IMG]
    ปฏิทินแอซแทค


    ปฏิทินของมายา และปฏิทินแอซแทค
    จากรูปเป็นปฏิทินหิน ปฏิทินแอซแทคที่พบในเฒ็กซิโกอันหนึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ ๑๒ ฟุต หนาประมาณ ๓ ฟุต หนักถึง ๒๕ ตัน

    ชาวแอซแทคเรียกปฏิทินหลักของตนว่า "โทนัลโปฮวลลี่"(Tonalpohulli)
    แปลว่า "ปฏิทินนับวัน" ซึ่งโดยทั่วไปแล้วใช้ระบบเดียวกับปฏิทิน "ทซอลกิ้น"ของชาวมายา
    คือประกอบด้วยวัฏจักรคู่ขนานที่มี ๑๓ กับ ๒๐ วันเหมือนกัน

    ปฏิทินของมายา และปฏิทินแอซแทคใช้การสังเกตการโคจรของพระอาทิตย์เป็นหลัก จึงมักเรียกว่า สุริยศิลา

    และความเชื่อเกี่ยวกับเวลาอีกอย่างนึงที่ชาวมายาและชาวแอซแทค ตลอดจนอารยธรรมอื่นๆมีเหมือนกัน คือวันสิ้นโลก ชาวมายาเชื่อว่าโลกนี้เป็นอนิจจังเช่นเดียวกันกับสิ่งอื่นๆ คือจะถูกทำลายลงและสร้างใหม่เป็นระยะๆ

    พวกเขาเชื่อว่าโลกถูกทำลายไปสี่ครั้งแล้ว และที่อยู่กันตอนนี้คือโลกยุคที่ห้า
    ปฏิทินของแอซแทคอันหนึ่งที่นักโบราณคดีขุดพบระบุว่า
    วันสิ้นโลกคือวันที่ ๔ โอลลิน หรือวันความเคลื่อนไหวที่ ๔
    วันนั้นจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่จนโลกปัจจุบันนี้โดนทำลาย

    นอกจากนั้นยังระบุวันสิ้นโลกที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ๔ ครั้งด้วย คือ
    วันเสือที่ ๔
    วันลมที่ ๔
    วันฝนที่ ๔
    วันน้ำที่ ๔
    อันนี้เป็นความเชื่อของความรู้โบราณที่พยากรณ์(ฟันธง)ลงไป
    หากท่านใดอยู่นานพอก็จะรู้ได้ว่าแม่นยำหรือไม่แม่น(ธงหัก)ครับ

    ''''''''''''*วันน้ำ ที่น้ำท่วมไปทั่วโลกก็มีอยู่ในตำนานคนหลายชนชาติด้วยกัน ที่จดบันทึกไว้มีของ เรืออาร์คของโนอาร์ที่ขนสิ่งมีชีวิตหนีน้ำท่วมใหญ่ อยู่ในคำภีร์ของคริสต์และยิว
    ''''''''''''ตำนานหนีน้ำของกิลกาเมซ ของชาวบาบิโลน ที่จดบันทึกไว้เป็นอักษรลิ่มบนแผ่นดินเหนียว เหมือนกันกับตำนานของโนอาร์มาก เพียงต่างกันที่ชื่อบุคคล
    ''''''''''''ทางเอเชีย ที่อินเดียก็มีตำนานของพระมนู หรือของชาวนาอะคัล(Naacal)ของทวีปมู ชาวมายา หรือชาวแอซแทคที่กล่าวถึงเหตุการณ์คล้ายๆกัน คือ วันแห่งน้ำ



    [​IMG]

    ความรู้ทางจิตวิญญาณศาสนธรรมโบราณ :

    ''''''''''''"ดวงจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นคนๆหนึ่งนั้น มีชีวิตอยู่แล้วก็ตายไปจากชีวิตนั้น วนเวียนไปอยู่ชั่วกัลปวสาน มีเพียงความมืดเป็นฉากคั่นระหว่างจากชีวิตเก่าไปยังชีวิตใหม่"

    ''''''''''''"หากคุณสูญเสีย พ่อ แม่ ญาติคนที่รัก สามี ภรรยา ...ฯลฯ คุณอย่าได้คร่ำครวญเสียใจฟูมฟาย ร่ำไห้ ตีอกชกตัวจนเกินไป เพราะไม่นานคุณจะได้พบพวกเขาอีก
    ''''''''''''พลังงานของดวงวิญญาณเขาเหล่านั้นไม่เคยสิ้นสูญ วิญญาณเพียงแต่กลับไปรอฟื้นคืนพลังงานรอบใหม่ ณ จุดศูนย์กลางพลังงานของธรรมชาติ แล้วก็กลับมาเกิดใหม่อีกเมื่อรอบใหม่มาถึง ด้วยพลังงานที่เคยได้กระทำกันไว้คุณจะได้เจอกันใหม่ในรูปแบบใหม่ และเงื่อนไขความสัมพันธ์ใหม่ ที่เกาะเกี่ยวสัมพันธ์กันไป แทบไม่มีจุดสิ้นสุด"

    ''''''''''''"ดังนั้น เมื่อพลังงานของความเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดผูกพัน ค่อยๆเลือนหายไป ดวงวิญญาณนั้นไปสู่ที่อื่นที่มีสัมพันธ์ ชาติแล้วชาติเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกคนในโลกพ่อแม่เป็นพี่น้องกัน เป็นคำกล่าวที่คงไม่เกินเลยความจริงไป

    ''''''''''''"มนุษย์ใช้ชีวิตมาแล้วไม่ถ้วน ชั่วกัลปวสาน ดวงจิตวิญญาณที่แสวงหาไปยังร่างกายต่างๆกัน ชีวิตแตกต่างๆกันแต่ละภพชาติ มนุษย์มิได้ทราบว่าเมื่อครั้งก่อนเคยเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงไหนเวลาใดมาบ้าง แม้บางหนบางครั้งปรากฏเป็นภาพนิมิต บางครั้งเป็นภาพฝันแต่ก็มีสามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าปมแห่งดวงจิตห้วงเวลานั้นๆที่ผันผ่านเป็นเช่นไร

    ''''''''''''*ดวงวิญญาณ บางเวลา บางสถานที่ของโลกเรียกว่า อาตมัน คำว่า อาตมัน หรือ อาตมา รวมมาจากคำว่า อัตตา(ตัวตน) + มนะ(หรือ มนัส) ใจ(มโน) แปลว่า ตัวตนที่มีใจครอง ของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม คือกระบวนการพัฒนาวิวัฒน์คุณธรรมทางจิตวิญญาณไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น เพื่อสู่พรหมัน หรือนิรวาณ หรือนิพพาน

    ''''''''''''ดวงจิตวิญญาณ คือระลอกคลื่นในทะเล เมื่อมันประจักษ์ความจริงแท้ว่า ตัวมันมิใช่ระลอกคลื่นทว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งมหานที ที่ไม่มีจุดเริ่ม จุดปลาย ไม่มีเสื่อมสลาย ห้วงมรรณพที่ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ดวงจิตวิญญาณนั้นย่อมพบทางถอดถอน


    '''''''''''' ดวงจิตวิญญาณยอมรับความจริง เมื่อเห็นรูปกายเหมือนเป็นห้องต่างๆ ที่เคยอยู่อาศัย ทุกๆห้องที่เคยอาศัยมาแล้ว เป็นลักษณะวงกลม วงกลมที่หมุนวน ไม่มีที่สิ้นสุด ...การยอมรับความจริงสูงสุดของธรรมชาติของจิตวิญญาณ จากสัจธรรม ในสิ่งที่มันเห็นเอง นำไปสู่ความสะทกสะท้อน การถอดถอน สำรอก ออกของปมเงื่อนต่างๆสิ่งที่ฝังอยู่ให้กำหนัดยินดีในดวงจิต นำดวงจิตคืนสู่ลักษณะความเป็นสามัญ คือธรรมชาติแท้แห่งจิต"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กุมภาพันธ์ 2007
  13. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    แอตแลนติส และทวีปมู มีความเกี่ยวข้องกัน คือเผชิญชะตากรรมเดียวกันครับ คือธรณีพิบัติภัย
    และคงเกี่ยวข้องกัน จากด้วยการคมนาคม ติดต่อค้าขาย ส่งผ่านแลกเปลี่ยนความรู้ และวิทยาการต่างๆ เทคโนโลยีต่างๆที่มีในสมัยยุคนั้นครับ
     
  14. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,790
    ค่าพลัง:
    +7,482
    อย่างบางทีเราฝันว่าท่องไปในดินแดนแปลก ทั้งๆที่เราไม่เคยไปมาก่อน และบางครั้งดูเหมือนจะคุ้นเคยกับดินแดนเหล่านั้น นั่นก็แสดงว่าในสัญญาเรายังมีอยู่ และติดตามวิญญาณมาจนถึงวันนี้ บางทีเราอาจจะเคยอยู่ในที่ดินแดนลึกลับและพิศวงเหล่านั้นจริงๆ กระมัง ...
     
  15. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    เป็นไปได้ในห้วงความฝัน นิมิต ที่บางนิมิตมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมในบรรยากาศในนิมิตนั้นกระทบที่ละเอียด มีความร่วมด้วย กรณีเหล่านี้มี 3 จุด 3 ช่องที่จิตได้จรไปคือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต

    -บางอย่างเป็นสภาพการณ์ห้วงอดีตของจิตที่ฝังสัญญาในส่วนลึก ของเหตุการณ์ ผู้คน สถานที่ ความทรงจำ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในปัจจุบันชาติแต่คุ้นเคยเพราะเคยชีวิตเคยผูกพันกับสิ่งต่างๆ เรื่องราวดังกล่าว

    -บางอย่างเป็นเหตุการณ์ ผู้คน สถานที่ในอนาคต ...เมื่อเจอเหตุการณ์เหล่านั้นสถานที่เหล่านั้น บางท่านจะรู้สึกได้ว่าเคยนิมิตถึง สถานที่นี้ เหตุการณ์นี้มาก่อนล่วงหน้า ซึ่งรายละเอียดอาจแตกต่างบ้าง น้อยบ้าง

    (ส่วนดังกล่าวข้างบนสามารถเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน บางคราหากก่อนหยั่งลงสู่ความหลับ มีความคุ้นเคยกับการวางจิตใจ ที่แน่วแน่ ใจเย็นๆ มอง(ตาใน)ไปวางรวมไว้ รู้สึกไว้ที่*จุดๆเดียวเบาๆ ..ว่างๆ.. นานไปๆๆ...จนหลับ)
    *จุดๆเดียว นั้นอาจเป็นได้ทั้งบริเวณผิวเปลือกตา หรือระหว่างคิ้ว ตาที่สาม หรือระหว่างอก หรือที่หัวใจ หรือที่บริเวณผิวหน้าผาก หรือบริเวณผิวกระหม่อม..ฯ ตามแต่ละคนจะมีความคุ้นเคยที่แตกต่างกัน ณ จุดบริเวณนั้นๆ


    นอกจากนี้ในส่วนอื่นๆก็มี...
    คือ หากไม่มีความร่วมด้วย มักเป็นฝัน หรือนิมิต ที่คล้ายกับดูภาพจอทีวี มาจากความประทับใจ หรือฝังใจในบางสิ่งที่มุ่งหมายผูกพันจิตปรุงแต่งไว้กับอนาคตบ้าง หรือกับสิ่งที่คั่งค้างในอดีตบ้าง... ฝัน หรือนิมิตเหล่านั้นจะเป็นตัวช่วยให้จิตใจได้คลายตัวออกจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ประทับฝังแน่นอยู่

    หรือบางครั้งเกิดจากธาตุในร่างกายไม่สมดุลย์คือร้อนไป(ไข้) เย็นไป มีระบบความดันของลมในร่างกายไม่สมส่วน หรือกิจวัตรประจำวันเปลี่ยนไป

    ซึ่งความฝัน หรือนิมิต เป็นรหัสของธรรมชาติให้มนุษย์ได้ไขปริศนาชีวิตตนเองได้เช่นเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2007
  16. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มกราคม 2008
  17. pakung

    pakung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,625
    ค่าพลัง:
    +429
    ข้อสันนิฐานของผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่า ทวีปแอฟฟริกาเคยอยู่ติดกับอเมริกาหรืออะไรสักอย่างทางด้านซ้ายของแอฟริกา ซึ่งตอนนี้มันเลื่อนมาติดกับเอเชียซึ่งสันนิฐานว่านั่นคือทวีปที่หายไป
     
  18. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    โอว้เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องลอยกระทงของบ้านเราซะด้วย
     
  19. jankhae

    jankhae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +58
    ขอบคุณมากๆที่นำความรู้ ที่หาอ่านได้ไม่ง่ายเลยมาให้
     
  20. Nefertiti

    Nefertiti Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +98
    ชอบมากเลยเรื่องแบบนี้ จะคอยตามอ่านเรื่อยๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...