พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ผมมีข้อสงสัยนิดเดียวครับ มีคนฝากถาม...เบอร์ติดต่อคุณเพชรเบอร์อารายครับเขาจาติดต่อไปขอครับ(deejai)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณnongnoooครับ ผมว่าคุณเพชรอาจจะให้ประมูลนำเงินไปเป็นการกุศลเพื่อขอเบอร์คุณเพชรครับ

    (good) (tm-love)

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณnongnoooครับ ผมว่าคุณเพชรอาจจะให้ประมูลนำเงินไปเป็นการกุศลเพื่อขอเบอร์คุณเพชรครับ

    (good) (tm-love)
    .




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หมายถึงประมูลเบอร์ใช่ไหมครับ ....แล้วถ้าประมูลได้ปุ๊บเปลี่ยนเบอร์ปับล่ะครับ55555

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณnongnoooครับ ผมว่าคุณเพชรอาจจะให้ประมูลนำเงินไปเป็นการกุศลเพื่อขอเบอร์คุณเพชรครับ

    (good) (tm-love)





    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    หมายถึงประมูลเบอร์ใช่ไหมครับ ....แล้วถ้าประมูลได้ปุ๊บเปลี่ยนเบอร์ปับล่ะครับ55555




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ่า อย่างนี้ต้องมีกติกากันครับ ว่าห้ามเปลี่ยนเบอร์โทร. ดีหรือเปล่าครับคุณเพชร คิคิคิ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณnongnoooครับ ผมว่าคุณเพชรอาจจะให้ประมูลนำเงินไปเป็นการกุศลเพื่อขอเบอร์คุณเพชรครับ

    (good) (tm-love)






    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    อ่า อย่างนี้ต้องมีกติกากันครับ ว่าห้ามเปลี่ยนเบอร์โทร. ดีหรือเปล่าครับคุณเพชร คิคิคิ

    .




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านพี่ทั้งสอง ทั้งสาม และหลายๆ ท่าน
    กลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไปแล้วมั้งครับ







    ห้ามใจไม่ไหว หัวใจไม่อยากรับฟัง
    มีแต่ข้อมูลให้อยากๆ ทั้งน้าน อยากได้ ...


    แล้วก็
    ให้อยากแล้วจากไป


    ตอนนี้ ผมไม่อยากแล้วนะครับ
    ตามวาระ (เดี๋ยวโดนย้อนศรท่านพี่ ฯ)
    ไม่อยาก ไม่จากไป

    555 ทำบุญ
    สาธุครับ
    ผมขอเพิ่มเติมสักนิด
    บางครั้งของการอ่าน
    ก็ทำให้เราอยาก (โลภ)
    ทำให้หาช่องทางเข้าถึง
    เมื่อไม่ได้ก็โกรธ ก็เผลอตัว
    ทำอะไรออกไป (หลง)

    เจ้าโลภ โกรธ หลง
    ๓ ตัวนี้ หมุนเวียนสับเปลี่ยนไปกันได้

    ลองมองที่ใจตัวดูซิครับ
    มองอย่างเป็นกลาง

    ผมว่าเมื่อถึงวาระ ก็มีให้ทำบุญกันครับ

    ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง
    ใจเย็นครับ

    พี่ท่านใจดีครับ

    เมื่อมีแล้ว ก็ขอเรียนว่า ขอท่านอยู่ในศีล ๕ เป็นอย่างน้อยครับ

    ทำเท่าที่ทำได้ครับ
    ทำให้เป็นปกติไปในตัว
    มิต้องคิดติดขัดอันใดครับ

    ค่อยๆ ทำครับ ผมก็ทำด้วยครับ

    สาธุครับ

    <TABLE class=tborder id=post897743 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 08:44 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#13313 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>kittipongc<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_897743", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:55 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2006
    ข้อความ: 11 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 17 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 59 ครั้ง ใน 10 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_897743 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ครับ เห็นด้วยครับ(ทั้งๆที่ใจก็อยากได้เหมือนกัน อิอิ) แต่ของบางอย่าง ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ถึงวาระ หรือ บารมีไม่พอก็ต้องทำใจครับ และร่วมอนุโมทนากับคนที่ได้ไป คิดอย่างนี้ สุขใจกว่านะ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message -->


    <TABLE class=tborder id=post897775 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 08:55 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#13314 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>nongnooo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_897775", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 09:00 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2006
    ข้อความ: 654 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 11,205 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 5,103 ครั้ง ใน 660 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 589 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_897775 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ chaipat [​IMG]
    ท่านพี่ทั้งสอง ทั้งสาม และหลายๆ ท่าน
    กลายเป็นบุคคลต้องห้าม ไปแล้วมั้งครับ







    ห้ามใจไม่ไหว หัวใจไม่อยากรับฟัง
    มีแต่ข้อมูลให้อยากๆ ทั้งน้าน อยากได้ ...


    แล้วก็
    ให้อยากแล้วจากไป


    ตอนนี้ ผมไม่อยากแล้วนะครับ
    ตามวาระ (เดี๋ยวโดนย้อนศรท่านพี่ ฯ)
    ไม่อยาก ไม่จากไป

    555 ทำบุญ
    สาธุครับ




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ่ะผมไม่ใช่บุคคลต้องห้ามนะครับ(แค่2ท่านพี่คนดังครับ)....ผมก็แหย่ให้สนุกเท่านั้นเองครับ ได้คุยกับท่านปา-ทานเหมือนกันครับ ว่าชีวิตของเราได้ครอบครองพระพิมพ์หรือสิ่งใดแค่ชั่วคราวเท่านั้นครับอย่าไปยึดติดสิ่งใด เราจากไปพระพิมพ์ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ใดครับก็คงมีผู้เหมาะสมดูแล แทน ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวได้เป็นเทวดาเฝ้าพระพิมพ์นะครับ(*)




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message -->
    วันนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยด้วย เพราะติดภาระกิจ post เรื่องราวที่น่าเทิดทูนของท่านเจ้าคุณนรฯ และงานบริษัทก็วุ่นวายตั้งแต่ต้นปี เลยผลุบโผล่ๆ ขอคุยด้วยแบบรวมๆละกันนะครับ ไหนๆก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ถือว่าแลกเปลี่ยนทัศนคติกันครับ..

    คำถามคุณน้องนู๋เกี่ยวกับเบอร์ติดต่อนั้น ปกติพวกเราจะทราบกันภายในว่ากว่าจะได้ของแต่ละคนก็ยากเย็นเหลือเกินครับ คุยกันในบอร์ดนี้ไปซักพักจะรู้วิธีคิดของแต่ละท่าน ผมเปิดเผยเสมอครับให้ได้เท่าที่สามารถให้ได้ ที่ไม่สามารถจะสนองได้นั้น ก็ขออภัยด้วย บางครั้งผมจะใช้ความรู้สึกแว๊บ! ขึ้นมาครั้งแรกรู้สึกอย่างไร และเชื่อความรู้สึกแรกนี้เสมอ จะเรียกว่าอะไรดี..สุดท้ายผมก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องของ"วาระ"ของแต่ละท่านอยู่ดี หากมีบุพกรรมร่วมกันมาก่อนไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่"ข้างบน"จัดสรรไว้แล้ว เมื่อก่อนเพียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งตามหลักกาลามสูตร จนผมได้มาพบวิชา"โหราศาสตร์ 8 เทวดา ๙ อรหันต์"จากอาจารย์ของผมท่านหนึ่งจึงเห็นจริงตามนั้นจริงๆ รู้สึกว่าเราไม่ต้องไปดิ้นรนมาก หากวาสนา คลื่นพลัง กระแสจิต บุพกรรม ๔ ส่วนนี้พ้องกันในเวลาที่เหมาะเจาะ จะเหมือนฟ้าประทานให้ครับ จนหลายปีนี้จะเป็นเหมือนสัญญาณให้เรารู้ และเราก็รู้สึกเฉยๆ ยิ่งได้คุยประเด็นนี้กับ"พี่ใหญ่"ของคณะเราแล้ว ผมยิ่งสบายใจเพราะเข้าใจตรงกัน ตรงนี้บอกตรงๆว่าเพียงคิดว่าน่าจะเคยเป็นของเรามาก่อน หรือเคยได้ครอบครองมาก่อนในอดีตชาติ ไม่นานเกินรอก็ได้ตามนั้นจริงๆ ซึ่งก็อยากเปิดเผยวิธีการเหมือนกันนะครับว่าทำอย่างไร สมบัติเก่าๆถึงจะมาถึงเราได้ในชาตินี้ขนาดนี้ มันไม่ใช่ความ"บังเอิญ"ทุกเรื่อง ผมก็อยากให้ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆบ้าง ผมได้พบวิธีการนี้โดย"บังเอิญ" และผมก็ใช้คำว่า"บังเอิญ"นี้กับเพื่อนๆได้พบบ้าง จะได้หายสงสัย ก็ขอให้เพื่อนๆได้"บังเอิญ"พบนะครับ อยากให้เป็นไปตามวาสนามากกว่าการบอกเล่าของผมครับ เมื่อนั้นผมเชื่อว่าเพื่อนๆจะรู้สึกเฉยๆ และจะรู้สึกว่าป่วยการจะบอกเล่าให้ใครฟัง เพราะบอกไปเขาก็ทำแบบเราไม่ได้ เอาคร่าวๆนะครับว่า หากอยาก"บังเอิญ"บ่อยๆ ต้องถามว่าชาตินี้เคยมีโอกาสได้ทำบุญแบบกระทันหันบ้างไม๊? เช่นมีคนบอกบุญปุ๊บทำปั๊บแบบนี้ ไม่ใช่คิดนานกว่าจะทำ หรือทำอย่างเสียไม่ได้เป็นต้น บุญแบบที่ ๒ คือเคยทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลบ้างไม๊? บุญนี้เป็นบุญเร่งบารมีให้เต็มเร็ว หากทำด้วยกำลังตนเองมันเต็มช้า ต้องอาศัยกำลังบารมีของผู้มีกำลังสูงกว่า เช่นองค์ในหลวง องค์สมเด็จพระพี่นางฯ องค์สมเด็จพระเทพฯ และพระบรมวงศานุวงศ์เป็นต้น เหมือนอาศัยกำลังบารมีของพระองค์ท่านนำ แบบนี้บารมีเต็มเร็วมาก กรณีอื่นๆที่เพิ่มความ"บังเอิญ"นั้นต้องหาเอาเองแล้วครับ ไม่เหลือกว่าวาสนา บารมีของทุกท่านแน่นอนครับ "ข้างบน"ไม่อนุญาตให้บอกครับ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร ปฏิบัติเองแล้วจะทราบเองครับ เทวดาประจำตัวจะพาไปเอง นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เทวดาประจำตัวกัน

    ผมมักรู้สึกอิจฉาน้องๆที่ได้มาพบเรื่องราวของ"พระวังหน้า"นี้นะครับ สมัยก่อนราวเกือบ ๑๐ ปี ไม่ทราบจะไปหาข้อมูลที่ไหน ต่างปกปิด และหวงแหนกัน ใครรู้มากขณะนั้นเขาตั้งให้เป็นอาจารย์ ทั้งๆที่ข้อมูลวันนี้ที่คุณหนุ่มลงเผยแพร่นี้ทั้งมากกว่า มีคุณภาพมากกว่า เข้มข้นกว่า มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้มากกว่า แล้วพวกท่านมาพบได้แบบนี้จะไม่ให้ผมเรียกพวกท่านว่า ผู้มีวาสนาได้อย่างไร? เพียง ๑ ปี ท่านมีได้รวดเร็วกว่าผมตั้ง ๑๐ ปีแบบนี้ ไม่เรียกว่าวาสนา จะให้เรียกอะไร จะบอกอะไรให้นะครับ ไม่เพียงรวดเร็วกว่าผม และคุณหนุ่มเท่านั้น แต่ได้ของที่ทั้งแท้ และราคาถูก แถมด้วยพบ"ผู้รู้"ที่พูดคุยได้โดยตรง ทั้งตรวจสอบให้ทั้งรูป และนามแบบนี้อีกต่างหาก ไม่เรียกว่าวาสนา จะให้เรียกอะไร มีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากบอกเล่าให้ฟัง แต่...ยังไม่ถึงเวลาครับ เช้าวันนี้ได้พูดคุยกับคุณหนุ่มถึงความรู้สึกอันนี้ หัวเราะกันอย่างมีความสุข หากบอกไปสงสัยพระวังหน้า....หึ..หึ...
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ก็อย่างที่คุยกันแหละครับว่า เรามักจะเป็นกองหน้า ไปรบก่อน ถ้าเจ็บก็ต้องเจ็บก่อน ถ้าตายก็ต้องตายก่อน

    ผมเองก็ยังเป็นผู้มาทีหลัง มีหลายๆท่านที่มาก่อนผม ซึ่งท่านเหล่านั้นได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย เราเป็นเพียงผู้ที่เดินตามรอยของท่านเหล่านั้นเท่านั้น

    ดังนั้น องค์ความรู้ที่มีนั้น ถึงแม้รุ่นหลังๆเราจะโชคดีกว่าเราที่ไม่ต้องค้นหา เทียวหา คลำหา แต่ความแม่นนั้น เราก็ยังแม่นกว่า แต่ถึงเราแม่นกว่ารุ่นหลังๆ เราเองก็ยังไม่แม่นเท่ากับหลายๆท่านที่มาก่อนเรา

    ท่านอาจารย์ประถมท่านบอกว่า เราต้องเรียนรู้กันไปทั้งชีวิต เรียนกันไม่มีวันจบสิ้น บางสิ่งบางอย่าง ท่านอาจารย์ประถมท่านเองก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็มี ทั้งๆที่อายุของท่านอาจารย์ประถม 86 ปีแล้ว รู้จักวงการพระเครื่องเมืองไทยดี ถ้าพูดถึงชื่อนี้ เซียนในสมัยเก่าๆมักจะรู้จักดี ท่านรู้จักพระสมเด็จวัดระฆังตั้งแต่พระที่เช่ากัน 40 บาท ดังนั้น เราจึงต้องเชื่อฟังท่านในสิ่งที่ท่านบอกเล่าและเตือนให้พวกเราได้รับฟังกัน

    คณะเรายังต้องเรียนรู้และต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ให้มากขึ้นกันครับ



    .
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอนำรายชื่อที่จัดส่งพิมพ์หนังสือแจ้งให้ทราบเพื่อแก้ไขอีกครั้งครับ โดยขอประกาศไว้ทุกหน้าการ post ๒ วัน เมื่อครบกำหนดจะลบ post ต้นๆออกเหลือ post สุดท้ายเพียงอันเดียวเท่านั้น เพื่อร่วมกันประหยัดพื้นที่ของเวบไซด์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • .gif
      .gif
      ขนาดไฟล์:
      39.6 KB
      เปิดดู:
      62
  4. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ผมขออนุโมทนาสาธุครับกับทุกท่านที่ร่วมพิมพ์หนังสือครับ

    ผมขออนุญาตขยายความรู้สึกสักเล็กน้อยครับ

    ความรู้ที่นำมาเผยแพร่ยิ่งนี้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง
    เคารพบูชา และเทิดทูน

    ครั้งแรกนั้นๆ อยากได้ และได้ด้วยการทำบุญ

    เมื่อได้แล้ว กลับต้องระมัดระวังใจอย่างยิ่ง เน้นใจ
    เพราะใจเป็นประตูเปิดถึง วาจา และการกระทำต่างๆ

    ดีก็ดีสุดยอด ในมุมกลับถ้าทำไม่ดี ก็ สุด สุด เหมือนกัน

    ทำให้ผมบรื้อเลย ตอนนี้เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ไม่ค่อยพูดมาก
    เหมือนแต่ก่อน

    จุดเน้นของท่านพี่ทั้งสอง ก็ให้ท่านๆ ศึกษา ทำความเข้าใจก่อน
    และเมื่อวาระมาถึง ท่านๆ ก็ทำบุญกันครับ
    ผมเชื่อว่าท่านๆ ก็จะได้กันไป

    สาธุครับ
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    โมทนาสาธุด้วยครับ น้อง chaipat การพบกันมีวาระ การจากกันก็มีวาระเช่นเดียวกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็สามารถวางอุเบกขาได้ ใช้จิตสื่อจิตแทน เมื่อนั้น ไม่ได้พบก็เหมือนได้พบ...

    วันนี้เวลา ๖.๒๐ น.ได้พบเรื่องราวทางธรรม+จิต พิจารณาไปก็ขนลุกไป เหมือนวาระที่ต้องได้พบ หากเราเข้าใจหัวข้อธรรมชั้นสูงนี้ราวกับว่า"พระผู้รู้ธรรม"ข้อนี้จะทราบวาระจิต ก็จะมาสงเคราะห์ในธรรมข้อนั้น ขอน้อมนำไปลองปฏิบัติเองดูก่อน หากได้ผลที่ดี จะนำมาบอกเล่ากันครับ ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นอาจไม่เกิดความยินดีที่อยากบอกเล่าแล้วก็ได้นะครับ เหมือนเกิดความไม่อยากเฉยๆซะงั้น ก็เป็นไปตามวาระครับ ปกติผมไม่ค่อยจะ post อะไรซ้ำๆหรอก ตั้ง ๖๔๐ กว่าหน้านี้ แล้วแต่วาสนาแต่ละคน และวาระแต่ละท่านจะเปิดเจอหน้าไหน สนใจหน้าไหนเป็นพิเศษครับ ผมก็มักใช้สภาวะแบบนี้เลือกซื้อหนังสือที่สนใจเช่นกันครับ ซื้อ ไม่ซื้ออยู่ที่การเปิดหนังสือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
     
  6. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099

    สาธุครับ

    ใจนึกคิด เพราะกลัวท่านอื่นทุกข์
    ท้ายสุดจะกลับมาเรานี่

    ขอวางครับ จริงๆ อย่างท่านพี่ว่า

    อุเบกขา

    สาธุครับ
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เช้านี้..ผมขอนำเรื่อง"คำนำ"บางส่วน และ "ความนำ"บางส่วนของหนังสือ"พระราชประวัติสมเด็จกรมพระราชวังบวร มหาสุรสิงหนาท" มาให้อ่านกันก่อน อ่านแล้วรู้สึกกันอย่างไรบ้าง? รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อสยามประเทศเราบ้างหรือไม่? และนี่คือมูลเหตุของการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ครับ อ่านจบแล้วผมอยากจะขอเรียกว่า "เสียดาย..คนตายไม่ได้พิมพ์"

    คำนำ

    ...................(ความเป็นมาของสถานที่ตั้งของศาลเทพารักษ์สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทุกรัชกาลที่กว่าจะเป็นมาถึงทุกวันนี้)

    สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท(บุญมา) พระอนุชาธิราช ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ นับว่าทรงเป็นกรมพระราชวังบวรฯพระองค์แรกในกรุงรัตนโกสินทร์ และถือกันว่าทรงเป็นประมุขของศาลเทพารักษ์แห่งนี้ พระองคืได้ทรงทำสงครามเพื่อกอบกู้เอกราช และเพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของชาติในฐานะขุนพล และจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ตลอดมาจนถึงรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ต้องออกรับทัพจับศึกมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนทรงพระชรา ภายในเวลา ๓๗ ปี ต้องทรงนำกองทัพออกรบถึง ๒๔ ครั้ง พระองค์ทรงใช้พระสติปัญญาความสามารถเด็ดขาด ตลอดจนความกล้าหาญอย่างที่จะหาแม่ทัพนายกองผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ จึงได้ทรงรักษาบ้านเมืองให้คงความเป็นไทยไว้ให้พวกเราทั้งหลายได้อาศัยอยู่เป็นสุขจนตราบเท่าทุกวันนี้ จึงเป็นที่น่าชื่นชม
    และซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณของอาณาประชาราษฎร์อย่างสูง นอกจากนั้นพระองค์ยังได้ทรงทะนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนาอีกเป็นอันมาก

    ส่วนกรมพระราชวังบวรฯ ของรัชกาลอื่นๆต่อมาในกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้ทรงบำเพ็ญราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์มหาศาลแก่ประเทศชาติตลอดมาทุกๆพระองค์สมควรแก่การเทิดทูนบูชา

    ด้วยความจงรักภักดี และมั่นอยู่ในความกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ผู้ทรงคุณอันล้ำเลิศในการกอบกู้ชาติไทย ดิฉัน(ผู้รวบรวม)จึงได้รวบรวมพระราชประวัติโดยย่อของทุกพระองค์ไว้ในหนังสือเล่มนี้ และตีพิมพ์ออกเผยแพร่พระเกียรติคุณเพื่อให้ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอนุชนรุ่นหลังได้ทราบ และน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณอันไพศาลของพระองค์ ให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดชั่วกัลปาวสาน

    พเยาว์ ศรีหงษ์
    ผู้รวบรวม
    ๑ ก.ค. ๒๕๒๔

    ความนำ
    ปูมจดหมายเหตุได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญในพ.ศ. ๒๓๑๐ ไว้ว่า กรุงศรีอยุธยาได้เสียแก่ข้าศึกในวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน นพศก วันนั้นตรงกับวันเนา คือวันถัดจากวันมหาสงกรานต์

    การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้ายนี้ ได้ทำความเสียหายให้แก่ประเทศไทย และตัวกรุงศรีอยุธยาอย่างร้ายแรงที่สุด อย่างที่ชนชาติไทยไม่เคยประสบมาก่อน บ้านเรือน ประชาชน วัง และวัดในกรุงศรีอยุธยาถูกปล้น และถูกเผา ผู้คนภายนอกพระนครถูกรังแกข่มเหงจนสุดจะทน ต้องอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ตามบ้านป่าลึกก็มี ที่หลบหนีออกไปจากกรุงก่อนที่จะแตกก็ไม่น้อยด้วยคาดคะเนการณ์ได้แล้วว่ากรุงศรีอยุธยาจะต้องแตกแน่ เพราะรัฐบาลในขณะนั้นไม่เป็นโล้เป็นพายเสียแล้ว ปล่อยให้ข้าศึกต่างชาติคุมกำลังกันเที่ยวปล้นสดมภ์ประชาชนอยู่เกือบทั่วประเทศมาถึง ๓ ปี ก้ปราบปรามขับไล่ออกไปไม่ได้ การทหารก็อ่อนแอ ขาดการทำนุบำรุงซักซ้อม กระทั่งทหารที่อยู่ประจำป้อมรอบกรุง ก็ยิงปืนใหญ่ไม่เป็นส่วนมาก ในส่วนที่พอจะยิงได้ก็ต้องขออนุญาตก่อนยิง ด้วยพวกผู้หญิงผู้ดีพากันสวิงสวายกลัวเสียงปืน รวมความว่ากรุงศรีอยุธยาแตกคราวนั้น ประเทศไทยหมดเนื้อหมดตัวจริงๆ เพราะความอ่อนแอของคนไทยเอง

    ประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็น ๖ ก๊ก
    เมื่อศูนย์อำนาจในกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายลง ไม่มีองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นหลักของประเทศ และขาดพลังอำนาจทางการทหารเสียแล้ว บรรดาผู้ปกครองหัวเมืองใหญ่ๆที่อยู่ห่างไกลจากเงื้อมมือข้าศึก ยังมีกำลังทหารและเสบียงอาหารสมบูรณ์อยู่ก็ตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ รวมด้วยกัน ๖ ก๊ก คือ
    ๑.ก็กสุกี้พระนายกอง ที่ฝ่ายข้าศึกได้มอบให้รักษากรุงศรีอยุธยา(เหลือแต่ซาก) และเมืองธนบุรี เพื่อคอยรีดเก็บทรัพย์จากคนไทยที่เหลืออยู่
    ๒.ก๊กเจ้าพระยาพิษณุโลก ผู้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าปกครองพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ตั้งแต่เมืองนครสวรรค์ขึ้นไปถึงเมืองพิชัย
    ๓.ก๊กพระเจ้าฝาง เจ้าพระฝางเป็นพระราชาคณะเมืองสวางคบุรี ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าปกครองตอนเหนือของประเทศตั้งแต่เมืองพิชัยขึ้นไปจนถึงเมืองแพร่ และเมืองหลวงพระบาง
    ๔.ก๊กพระยานคร พระปลัด(หนู) ผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราชขณะนั้น ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้านครอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช ปกครองตั้งแต่เมืองชุมพร ลงไปจนจรดมลายู
    ๕.ก๊กกรมหมื่นเทพพิพิธ กรมหมื่นเทพพิพิธเป็นราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ์ เคยทำความผิดต้องโทษมาหลายครั้ง เมื่อเสียกรุงแล้วได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ ผู้คนเห็นว่าอยู่ในราชตระกูลจึงเข้าร่วมมากพอสมควร ได้ระเหระหนไปตั้งก๊กอยู่ที่เมืองพิมาย
    ๖.ก๊กพระยาตากสิน พระยาตากสินเป็นคนเข้มแข็งในการรบ ทหารจึงนับถือมากได้นำทหาร ๕๐๐ คนหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อเห็นว่าจะต้องแตกแน่แล้ว จากนั้นได้เดินทางอ้อมหนีข้าศึก ไปทางเมืองปราจีนบุรีแล้ววกลงมาทางใต้ไปยังเมืองชลบุรี ในที่สุดไปยึดได้เมืองจันทบุรี ที่เหลือรอดจากเงื้อมมือข้าศึก และยังอุดมสมบูรณ์ด้วยผู้คน และข้าวปลาอาหารไว้ เพื่อเป็นฐานตั้งตัวเป็นใหญ่ต่อไป

    คนดีของกรุงศรีอยุธยา
    ในบรรดาก๊กทั้งหกนี้ ก๊กพระยาตากสินสามารถปราบก๊กอื่นๆอีก ๕ ก๊กลงได้ นำอิสรภาพ และความสงบสุขความเป็นปึกแผ่น มาสู่ประเทศไทยได้สำเร็จในเวลาเพียง ๓ ปี ทั้งนี้เพราะมีวีรบุรษ ซึ่งมีความเข้มแข็งกล้าหาญในการสงครามอยู่ในก๊กนี้ถึงสามท่านด้วยกัน คือพระยาตากสิน หลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี(ทองด้วง) และนายสุดจินดา(บุญมา)

    คำพังเพยที่ว่า"กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"ยังเป็นความจริงที่ใช้ได้อยู่สำหรับบุคคลทั้งสามที่กล่าวนามมาแล้วนั้น เพราะท่านทั้งสามต่างก็เป็นชาวกรุงศรีอยุธยาด้วยกันทุกคน เฉพาะพระยาตากสิน และหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุร(ทองด้วง)นั้น ได้มีผู้เขียนสดุดีวีรกรรมของท่านไว้มากมาย และแพร่หลายแล้ว ต่างกับนายสุดจินดา(บุญมา) ซึ่งไม่ใคร่จะมีผู้หยิบยกเรื่องราวของท่านขึ้นมาเผยแพร่ ทั้งๆที่ตลอดชึวิตของท่าน ท่านได้กระทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติไว้มากมายไม่น้อยกว่าสองท่านนั้นเลย เว้นแต่ว่าในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ชื่อเสียงของอีกสองท่านที่ทำงานกู้ชาติมาด้วยกันได้บดบังความใหญ่ยิ่งของท่านไว้หมด ทั้งๆที่ถ้าจะเปรียบเทียบท่านเหมือนก้อนเส้าก้อนหนึ่งในสามก้อน ที่ได้หนุนรองหม้อข้าวงานกู้ชาติของก๊กพระยาตากแล้ว ก็จะถูกต้องเหมาะสมเป็นที่สุด ท่านน.ม.ส. ทรงเปรียบหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี กับนายสุดจินดานี้เหมือนแขนขวาซ้ายของพระยาตากสินในการกู้แผ่นดิน หากขาดแขนหนึ่งแขนใดเสียแล้ว พระยาตากสินก็จะทำงานใหญ่ยิ่งนั้นไม่สำเร็จ(ดูเรื่อง"สามกรุง")

    ฉะนั้น ต่อไปนี้จะได้ยกเอาเฉพาะชีวประวัติ และผลงานของนายสุดจินดา(บุญมา) มากล่าวเป็นลำดับต่อไป...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010480.jpg
      P1010480.jpg
      ขนาดไฟล์:
      358.6 KB
      เปิดดู:
      75
    • .gif
      .gif
      ขนาดไฟล์:
      39.9 KB
      เปิดดู:
      63
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โสฬสคาถา บทสวดเพื่อให้คลายโรค..
    http://palungjit.org/showthread.php?t=70401


    <TABLE class=tborder id=post479913 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">07-02-2007, 09:24 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_479913", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดฮิต



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:51 AM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    อายุ: 42 ปี
    ข้อความ: 2,393 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 15,515 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 23,832 ครั้ง ใน 2,455 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2637 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_479913 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->โสฬสคาถา บทสวดเพื่อให้คลายโรค..
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมได้พบคาถาบทนี้จากการวัดราชคีรีหิรัญญาราม ที่จังหวัดพิษณุโลก หรือพิจิตร เป็นสถานที่ประดิษฐานพระกวนอิมหยกขาว ซึ่งจะเย็นทั้งปี ทั้งๆที่ไปสัมผัสองค์ท่านขณะตากแดดตอนเที่ยงๆ

    ผมได้ลองสวดครั้งแรก ตั้งจิตให้สงบนิ่ง นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ตั้ง นะโม 3 จบ และ เริ่มสวดโสฬสคาถาบทนี้ ผมมีอาการขนลุกซู่ตลอดเวลาของการสวด ผมได้บอกให้เจ้านาย และรุ่นพี่ที่นับถือกัน มาลองสวดดูบ้างไม่เพียงแต่ผมคนเดียวครับที่มีอาการดังกล่าว ทั้ง 2 ท่าน ก็เกิดอาการขนลุกซู่เช่นกัน ผมจึงนำมาเผยแพร่ เพื่อเป็นกุศลให้กับผู้จัดสร้างคาถาบทนี้คือคุณพิจิตรา จิระธนะวัฒน์ หากเพื่อนๆ เห็นว่ามีประโยชน์ และเกิดผล อยากจะพิมพ์เผยแพร่ อย่าได้ลืมใส่ ชื่อผู้จัดสร้างท่านนี้นะครับ ...ผมกับท่านไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน

    ตัวคาถาว่าดังนี้



    พระสิทธัตถะ<O:p</O:p

    โสฬสคาถา สำหรับผู้ป่วยท่อง





    โอมพุทโธ นะโมพุทธายะ เชิญพุทธะเหยียบหัวช่วยตัวข้า<O:p</O:p
    เชิญพระธรรมคำสอนพระสัมมา เป็นดวงตาวิเศษเห็นเหตุไกล
    เชิญหมู่สงฆ์ฤทธาอารหันต์ ประทับสานเรือนร่างให้โรคหาย<O:p
    ขอถวายชีวิตพร้อมดวงใจ พาพระรัตนไตรยไปช่วยคน<O:p</O:p
    ข้าเข้าสมาธิบริสุทธิ์ ฤทธิ์พระพุทธสิงสถิตย์ทุกขุมขน
    เชิญพระธรรมพร้อมสงฆ์องค์มงคล ประทับดลจิตต์ข้าให้ยาดี
    เชิญบิดรมารดาอันศักดิ์สิทธิ์ มาสถิตย์อยู่ช่วย ณ บัดนี้<O:p</O:p
    ให้โรคร้ายหายสิ้นทั้งอินทรีย์ พลีชีวีรับใช้ชาวประชา<O:p</O:p
    ขอเทวาอารักษ์ทั่วจักรวาล สุขสำราญรับบุญแห่งตัวข้า<O:p</O:p
    ขอมนุษย์ทุกชาติศาสนา พ้นโรคามีสุขทั่วทุกคน<O:p</O:p
    สัตว์มีจิตตวิญญาณทุกชนิด จงเลิกคิดเบียดเบียนทุกแห่งหน
    อยู่ร่วมธรรมคำสอนพุทธมนต์ ประสพผลสำเร็จตามต้องการ
    ข้าทำบุญทุกอย่างที่ผ่านมา ให้เทวามนุษย์สัตว์ทุกสถาน<O:p</O:p
    ให้เปรตผียักษ์พรหมยมพบาล รับบุญทานศีลที่ข้าทำมา
    โอมพุทโธ โอมะ โอมนะโม พระพุทโธประทับนั่งในใจข้า
    ช่วยดับทุกข์ดับโศกโรคา ดับกิเลสบูชาพระพุทโธ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    หายใจเข้าว่าพุทธ หายใจออกว่าโธ วันละหลายๆครั้ง ปลอดภัยหายเร็ว
    <O:p</O:p

    พิจิตรา จิระธนะวัฒน์
    ผู้สร้างถวาย แด่ วัด.....

    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]



    </FIELDSET>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรื่องเบี้ยแก้...ผมขอไม่แจ้งแหล่งที่มาว่ามาจากไหน เพราะมีบางส่วนที่ผมไม่ค่อยเห็นด้วย อีกทั้งการนำมา post ไว้ที่กระทู้พระวังหน้านี้ ก็ไม่ได้มีเจตนาให้ไปหาบูชาเบี้ยแก้ที่ใดๆ แต่หากวาสนาบารมีที่แต่ละท่านจะพึงได้รับในอนาคตข้างหน้านี้ไม่ว่าจากที่ใดที่เราศรัทธา ขอให้ตั้งจิตขึ้นระลึกถึง"ครู"ผู้ประสิทธิวิชาเบี้ยแก้นี้ก็เป็นอันใช้ได้แล้วครับ

    ขอขอบคุณคุณ 3K และคุณKen มา ณ ที่นี้

    เบี้ยแก้คืออะไร
    เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางชนิดหนึ่ง ซึ่งมีอุปเท่ห์การใช้มากมายหลายอย่าง ทั้งกันและแก้สิ่งชั่วร้ายเสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี บาเบื่อ ยาเมา ทั้งหลาย คณาจารย์ยุคเก่าที่สร้างเครื่องรางประเภทเบี้ยแก้เอาไว้มีด้วยกันหลายรูป แต่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เห็นจะมีอยู่เพียง ๒ รูปคือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรง นอกนั้นก็มีชื่อเสียงอยู่เฉพาะพื้นที่ เช่น หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ จ.อ่างทอง, หลวงพ่อม่วง, หลวงพ่อทัต, หลวงพ่อพลอย วัดคฤหบดี บางยี่ขัน, หลวงพ่อแขก วัดบางบำหรุ, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ, หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน จ.อ่างทอง และมีอาจารย์อื่นอีกที่สร้างได้แต่ไม่แพร่หลาย

    วิธีการสร้างเบี้ยแก้
    เมื่อหาตัวเบี้ยมาได้แล้ว (เบี้ยพวกนี้ไม่ค่อยพบในบ้านเรา สมัยก่อนต้องหาซื้อตามร้านเครื่องยาจีน เข้าใจว่าเบี้ยที่นำมาใช้นี้จะถูกนำเข้ามาพร้อมกับสินค้าจากประเทศจีนในอดีต.....) คณาจารย์ผู้สร้างก็บรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ย แล้วหาวิธีอุดมิให้ปรอทไหลออกมาได้ (ปรอทที่ใช้นี้เป็นปรอท หรือปรอทดินโบราณมีวิธีการจับปรอทโดยนำไข่เน่าไปทิ้งไว้ในน้ำครำไม่ช้าปรอทจะกิน
    ไข่เน่าจนเต็ม)

    ปรอทมีคุณสมบัติเป็นของเหลวลื่นไหลการจะนำปรอทมาบรรจุเบี้ยแก้ คณาจารย์ผู้สร้างจำต้องมีพระเวทเข้มขลัง เพราะต้องใช้พระเวทฆ่าปรอทหรือบังคับให้ปรอทรวมตัวกันอยู่ในเบี้ยบางราย ถึงกับบริกรรมพระเวทเรียกปรอทเข้าในตัวเบี้ยได้เอง การปิดปากเบี้ยเพื่อกันไม่ให้ปรอทไหลออกมาได้นั้นนิยมเอาชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้วมาอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย แล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ผ้าแดง แผ่นตะกั่ว แผ่นทองแดง วัสดุที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์และปลุกเสกกำกับด้วย เช่นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วจะมีลวดทองแดงขดเป็นห่วง ๓ ห่วง เพื่อให้ใช้เชือกคล้องคาดเอว เบี้ยแก้ที่ผ่านการบรรจุปรอทจนกระทั่งถักหุ้มเรียบร้อยแล้ว ก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสิ้นขึ้นตอนกรรมวิธี เพราะคณาจารย์เจ้าผู้สร้างท่านต้องปลุกเสกกำกับอีกจนมั่นใจว่าใช้ได้จริงๆ แล้วเล่ากันว่า คณาจารย์บางรูป และสามารถปลุกเสกเบี้ยแก้จนตัวเบี้ยคลานได้เหมือนหอย


    อิทธิคุณและพิธีกรรมการใช้เบี้ยแก้
    ข้ออธิบายต่อไปนี้ คัดลอกจากต้นฉบับเดิมของวัดกลางบางแก้ว เพื่อให้ท่านที่มีเบี้ยแก้ได้ทราบถึงอิทธิคุณและการใช้อย่างถูกต้อง อันจะบังเกิดผลดีแก่ผู้ใช้

    - ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล

    - ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชักรางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลงในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล

    - เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนแสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล

    - ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล


    หลวงปู่เจือ ปิยสีโล พระเกจิอาจารย์ที่สืบสานตำนานสายพระเวทย์ของสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังในอตีต หลวงปู่บุญ ขันธโชติ เจ้าตำรับเบี้ยแก้และเหรียญเจ้าสัวเศรษฐี แห่งวัดกลางบางแก้ว หลวงปู่เจือท่านได้สร้างเบี้ยแก้ขึ้นตามตำรับหลวงปู่บุญ โดยมีพุทธคุณและความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมทุกประการ โดยช่วงหลังท่านได้สร้างเบี้ยแก้ขึ้นเป็นจำนวนมาก(ท่านจะกรอกเบี้ยเองทุกตัว กว่าจะได้และสำเร็จแต่ละตัวนั้นยากลำบากมาก)เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่ศรัทธาและนำไปใช้ป้องกันตัว จนท่านเหน็ดเหนื่อยและพักผ่อนน้อย ลูกศิษย์ลูกหาขอร้องให้ท่านหยุดพักผ่อนเสียบ้างแต่ด้วยความมีเมตตาของหลวงปู่ท่านก็ยังสร้างให้เรื่อยๆ ผู้ที่จะไปบูชาเบี้ยแก้ที่วัดนั้นยากลำบากมากต้องต่อคิวยาวบางครั้งก็หมดก่อน บางครั้งก็ไม่ได้ และยังมีข้อจำกัดให้บูชาได้คนละไม่เกินสองตัวในแต่ละครั้ง แต่ไม่ว่ายากลำบากอย่างไรก็ยังเป็นที่ต้องการของประชาชนทั่วไป อันเนื่องมากจากพุทธคุณของเบี้ยแก้นั่นเอง

    เบี้ยแก้ถักเชือกลงรัก ขนาดประมาณ 1.5 นิ้ว ให้หลวงปู่ปลุกเสกให้อีกครั้งหนึ่งก่อนรับ พลังจึงสุดเข้มขลัง เป็นของดีที่ควรมีไว้ติดตัวเป็นอย่างยิ่งครับ

    อิทธิคุณเบี้ยแก้วัดกลางบางแก้ว
    กันถูกกระทำย่ำยี กันคุณผีคุณคนคุณไสยเวทย์อาถรรพณ์ ยาสั่ง ฝังรูปฝังรอยผีเข้า เจ้าสิงมิลงเลย กันไข้ป่าสารพัดผีป่า โป่ง โป้ง ผีเปิ่ง ผีปอบกองกอย พาให้ผิดท่าหลงทาง เข้าสิงให้วิกลจริตพลุ่งพล่าน เฉียบพลันอยากตายด้วยอัตวินิบาตกรรม ผูกคอล่อพิษ โดดน้ำ ลุยไฟ โดดสูง จูงค่าง ผีเข้า เจ้าสิง ถ้าจริงหาย กันจิตคิดวิกล ด้วยอุปทาน กันมนต์ยายำ ย่ำยีด้วยเล่ห์กลมายา สารพัดอุปาทานอันวิกลพิการแล

    แก้เจ็บปวดด้วยโรคร้ายแต่ เวรกรรมแต่กรรม เมื่อมีมรณะสัญญา ให้มีเวทนา ทุรนทุรายด้วยสัมภะเวสี โอปะปาติกะของเปรต อสุรกาย ให้เร่าร้อน ทุรนทุราย เจ็บแสบ ปวดร้อนร้อนร้าวหนาวสั่นก็ดี เพราะกรรมเก่าเวรก่อนนั้นเป็นวิบาก

    สู้ไว้ข้างหน้า ไม่กล้าไว้ข้างหลัง เมตตามหานิยมไว้ขวา กันอาวุธศาสตราไว้ซ้าย แขวนคอแก้ลมเพลมพัด อัมพาต แขน ขา ปาก คอ หลัง ลิ้นกระด้าง ถอนคุณไสยรูปรอยลงบนใบหมอน คลึงแป้งถอนคุณ คลึงปูนถอนพิษ ถอนเสา ถอนพระภูมิ ศาลเจ้า เจว็ด เสมา กำแพง เสกภาวนา สสมุหเนยยะ สะมุหะนะติ สะหุหะคะโต สีมาคะตัง พันธะเสมายัง สะมุหะ นิตัพโพ เอวังเอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาเคลื่อน ยะเลื่อนหลุดลอย สวาหะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2008
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra02040151&day=2008-01-04&sectionid=0131


    วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10891

    พลิกประวัติศาสตร์แคว้นสุโขทัย แล้วชำระประวัติศาสตร์ไทย ตามหลักฐานจริงๆ เสียทีเถอะ

    คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม





    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
    [​IMG]
    วัดมหาธาตุ ศูนย์กลางของรัฐสุโขทัย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ปรับปรุงจากบทนำหนังสือพลิกประวัติศาสตร์แคว้นสุโขทัย รวมบทความทางวิชาการของ นักวิชาการหลายท่าน เช่น รศ. ดร.ธิดา สาระยา, รศ. ศรีศักร วัลลิโภดม, ศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์, ฯลฯ, สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2540

    จนถึงทุกวันนี้ ประวัติศาสตร์ไทยของทางราชการยังยึดถืออย่างมั่นคงว่า ถิ่นกำเนิดของคนไทยอยู่ทางทิศเหนือขึ้นไปตั้งแต่เทือกเขาอัลไตถึงอาณาจักรน่านเจ้า เหตุที่ต้องอพยพหนีลงมาจากน่านเจ้าเพราะถูกกองทัพจีนรุกราน เมื่อเข้ามาถึงดินแดนประเทศไทยทุกวันนี้คนไทยต้องตกเป็นทาสเขมรกับมอญก่อน ภายหลังจึง "ปลดแอก" จากเขมร แล้วสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทยเมื่อราว พ.ศ.1800 ประวัติศาสตร์ไทยอย่างนี้ยังเผยแพร่ทั่วไปทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนแล้วบังคับให้เชื่อถืออย่างศิโรราบ

    แต่น่าเสียดายที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีไม่สนับสนุนให้เชื่อถือตามที่ทางราชการของประเทศไทยเผยแพร่ได้เพราะ

    ประการแรก อาณาจักรน่านเจ้าไม่ใช่ของคนพูดภาษาตระกูลไทย แต่เป็นของกลุ่มชนพื้นเมืองที่พูดภาษาตระกูลอื่นๆ เช่น จีน-ทิเบต หรือพม่า-ทิเบต ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณนั้นมาแต่ดั้งเดิม ถ้าจะมีคนพูดภาษาตระกูลไทยอยู่บ้างก็เป็นพวกที่อยู่ตามพรมแดนแล้วถูกต้อนไปเป็นข้าทาสใช้แรงงานซึ่งมีอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    ประการที่สอง กองทัพจีนยึดอาณาจักรน่านเจ้าได้เมื่อราว พ.ศ.1797 มีจารึกที่น่านเจ้าระบุว่า ฝ่ายจีนตั้งเชื้อสายเดิมให้เป็นเจ้าปกครองบ้านเมืองต่อไปในชื่ออาณาจักรต้าหลี่สืบเนื่องต่อมาอีกนาน ถ้าหากคนไทยหนีจากอาณาจักรน่านเจ้าลงมาจริงก็ไม่น่าจะผ่านดินแดนอาณาจักร

    คุนหมิงที่เมืองคุนหมิงลงมาได้ และไม่น่าจะผ่านดินแดนโยนกบริเวณเชียงราย-พะเยา สมัยโบราณที่กลุ่มชนใหญ่ปกครองตนเป็นอิสระมาได้อีก และถึงจะผ่านมาได้ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะสร้างแคว้นสุโขทัยได้ในปี พ.ศ.1800 ซึ่งหลังจากอาณาจักรน่านเจ้าแตกเพียง 3 ปีเท่านั้น ฟังแล้วเป็นเรื่องตลกมากกว่า

    ประการที่สาม ถ้าคนไทยที่อพยพลงมาจากน่านเจ้าแล้วมาสร้างกรุงสุโขทัยจริงๆ ทำไมศิลาจารึกสมัยสุโขทัยซึ่งมีหลายหลักไม่เคยเอ่ยถึงอาณาจักรน่านเจ้าเลย ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงที่น่าสงสัยก็ยังไม่พูดถึงบ้านเมืองเดิมที่ยิ่งใหญ่อย่างอาณาจักรน่านเจ้า

    กล่าวโดยสรุปแล้ว เรื่องเทือกเขาอัลไตกับเรื่องน่านเจ้า เป็น "นิยายอิงประวัติศาสตร์" ที่สังคมไทยยุคที่ถูกปกครองโดย "เผด็จการคลั่งชาติ" ใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองเท่านั้น ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อ แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าคิด ว่าทำไมพวกเผด็จการต้องเขียนประวัติศาสตร์ไทยอย่างนั้น? ประวัติศาสตร์อย่างนั้นช่วยให้ปกครองประชาชนได้มากน้อยขนาดไหน? แล้วส่งผลร้ายต่อสังคมไทยอย่างไรบ้างทั้งในยุคนั้นและยุคนี้?

    แต่ก็ยังมีคำถามว่าถ้าเช่นนั้น คนไทยมาจากไหน

    คำอธิบายเรื่องนี้ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจผู้คนชนเผ่าในภูมิภาคอุษาคเนย์สมัยโบราณ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
    [​IMG]
    แผนที่ประเทศไทยแสดงพื้นที่ภาคกลาง ที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    คนไทยอยู่ที่นี่ ที่อุษาคเนย์

    บริเวณที่เป็นภาคใต้ของประเทศจีนทุกวันนี้ สมัยโบราณไม่ใช่ดินแดนจีน เพราะเอกสารจีนโบราณหลายฉบับระบุตรงกันว่า เป็นถิ่นฐานของพวก "ป่าเถื่อน" มากมายหลายเผ่าพันธุ์ รวมทั้งพวกพูดตระกูลภาษไทยด้วย

    จดหมายเหตุ "หมานซู" ของฝันฉัว แต่งเป็นภาษาจีน เมื่อ พ.ศ.1410 มีความโดยสรุปว่า ตั้งแต่บริเวณมณฑลยูนนานลงมาถึงภูมิภาคอุษาคเนย์ปัจจุบัน ถือเป็นดินแดนเดียวกันของพวกหมาน ไม่ใช่ของพวกจีนหรือฮั่นที่เพิ่งขยายอำนาจลงมาครอบงำปราบปราม แล้วผนวกเอาผู้คนและดินแดนไปเป็นของจีนในสมัยหลังๆ

    หมาน-เป็นชื่อโบราณที่จีนใช้เรียกมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว หมายถึงชนชาติต่างๆ ทั้งหลายที่ไม่ใช่จีนหรือฮั่น และล้วนอยู่ทางถิ่นใต้ คือตั้งแต่มณฑลยูนนาน ทุกวันนี้จนถึงฝั่งทะเลของอุษาคเนย์โดยไม่ระบุเผ่าพันธุ์ และมักมีความหมายดูถูกว่าเป็นพวก "ป่าเถื่อน"

    บริเวณภาคใต้ของจีนตั้งแต่มณฑลยูนนานและดินแดนใกล้เคียงกับบริเวณที่เป็นอุษาคเนย์ มีรูปแบบทางวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกันมาช้านานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์โดยเฉพาะยุคโลหะตอนปลายที่พบโบราณวัตถุทำด้วยสำริดมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน เช่น กลองทองหรือมโหระทึก แสดงให้เห็นว่ามีการติดต่อไปมาหาสู่กันทั้งทางบกและทางทะเล

    สรุปว่า บริเวณภาคใต้ของจีนนับตั้งแต่มณฑลยูนนาน รวมทั้งดินแดนใกล้เคียง เช่น มณฑลกวางสีกับมณฑลกวางตุ้ง ต้องนับเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาค "อุษาคเนย์สมัยโบราณ" ที่มีดินแดนประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านรวมอยู่ด้วย

    และเป็นที่รู้ว่า "ชนชาติไทย" ก็คือพวกพูดตระกูลภาษาไทยที่ถูกจัดเป็นพวก "ป่าเถื่อน" พวกหนึ่งอยู่ในภูมิภาคนี้มาแต่โบราณด้วย ฉะนั้น "ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย" จึงไม่ได้มีขอบเขตจำกัดอยู่ใน "กรอบ" ทางประวัติศาสตร์ของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มีอาณาบริเวณกว้างขวางแผ่ไพศาลจนเป็นส่วนหนึ่งของ "ประวัติศาสตร์ภูมิภาคอุษาคเนย์สมัยโบราณ"

    ภูมิภาคอุษาคเนย์สมัยโบราณ นับตั้งแต่มณฑลยูนนานและดินแดนใกล้เคียงลงมาถึงชายทะเลเป็นถิ่นฐานของชนเผ่า "ร้อยจำพวก" หรือ "ร้อยพ่อพันแม่" หมายถึงมีจำนวนมากเป็นร้อยๆ เผ่าพันธุ์จนนับไม่ถ้วน มีทั้งพวกมอญ-เขมร พูดพม่า-ทิเบต หรือจีน-ทิเบต พูดม้ง-เย้า พูดไทย-ลาว หรือจ้วง-ต้ง และ ฯลฯ

    เอกสารจีนโบราณเมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว เรียกรวมๆ พวกนี้ว่า "ไป่เยะ" แปลว่า "เยะร้อยเผ่า" หรือ "เยะร้อยจำพวก" หรือ "เยะร้อยพ่อพันแม่" นั่นเอง

    จะเห็นว่าถิ่นฐานของชนชาติไทยกระจายอยู่ตามลุ่มน้ำสำคัญทางตอนใต้ของจีน หรือทางตอนเหนือของภูมิภาคอุษาคเนย์ แล้วเคลื่อนย้ายไปมาผสมกลมกลืนกับกลุ่มชนพื้นเมือง

    แต่การ "เคลื่อนย้าย" ไม่ใช่ "อพยพ" แบบถอนรากถอนโคนจากที่เดิมสู่ที่ใหม่ หากเป็นเพียงการเคลื่อนย้ายของผู้คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังกระจัดกระจายอยู่ที่เดิม

    ถิ่นฐานของชนชาติไทยกระจายอยู่ใกล้แหล่งอารยธรรมดั้งเดิมของภูมิภาคอุษาคเนย์สำริด-เหล็ก ทางภาคใต้ของจีนปัจจุบัน และเป็นอารยธรรมร่วมกับคนอีกหลายชนชาติที่มีหลักแหล่งในที่ราบลุ่มเดียวกัน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ฉะนั้น ร่องรอยทางวัฒนธรรมที่พบตามแหล่งต่างๆ จึงไม่ใช่ของชนชาติไทยเท่านั้น หากเป็นของคนหลายชนชาติ แต่มีชนชาติไทยเป็นกลุ่มใหญ่เพราะตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่กว้างขวางรวมอยู่ด้วย ทำให้มีการยอมรับ "ภาษาไทย" ของชนชาติไทย ที่ไม่ซับซ้อนและอ่อนไหวต่อความเปลี่ยนแปลง จึงมีศักยภาพเป็นภาษาในการสื่อสาร

    คนหลายชนชาติที่ใช้ภาษาในการสื่อสารเหล่านี้ ต่อมาถูกเรียกจากคนกลุ่มอื่นว่า "สยาม" เมื่อเคลื่อนย้ายมาประสมกลมกลืนกับคนพื้นเมืองแถบลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา คนทั้งหมดที่สื่อสารกันด้วยภาษาไทยจึงถูกเหมารวมเรียกว่า "สยาม" ไปด้วย และในทางกลับกันพวกสยามที่ประกอบด้วยคนหลายเผ่าพันธุ์ก็ถูกเรียกว่า "ไทย" เพราะพูดจาสื่อสารด้วยภาษาไทย

    ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ไทยสยาม" เพื่อให้แตกต่างจาก "ไทยน้อย" และ "ไทยใหญ่" เพราะในระยะเริ่มแรกพวก "ไทยสยาม" คงเป็นชนชาติไทยพวกเดียวกับ "ไทยน้อย" และ "ไทยใหญ่" แต่เมื่อประสมกลมกลืนกับบรรดาชนเผ่าและชนชาติพื้นเมืองดั้งเดิมกับพวกอื่นๆ ที่เคลื่อนย้ายเข้ามาใหม่แล้ว พวก "ไทยสยาม" จึงแตกต่างจาก "ไทยน้อย" และ "ไทยใหญ่"

    แม้คนบางกลุ่มโดยเฉพาะชนชั้นสูงและชนชั้นปกครองจะเรียกตนเองว่า "คนไทย" โดยมี "ภาษาไทย" เป็นภาษาสำคัญเพื่อการสื่อสารภายในประเทศ แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ทึกทักว่าคนทั้งหมดของประเทศเป็น "คนไทย" และบ้านเมืองเป็น "ประเทศไทย" หากยังคงเรียกกันว่า "ชาวสยาม" และ "กรุงสยาม" หรือ "ประเทศสยาม" เรื่อยมา

    ต่อมาในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนชื่อ "ประเทศสยาม" เป็น "ประเทศไทย" พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศขึ้นมาใหม่ คือให้ความสำคัญเฉพาะ "ชนชาติไทย" เป็นหลัก แต่ไม่ให้ความสำคัญเรื่อง ดินแดนและผู้คนซึ่งประกอบด้วยชาวพื้นเมืองดั้งเดิมและกลุ่มชนชาติพันธุ์อื่นๆ ที่เข้ามาประสมกลมกลืนจนกลายเป็นชาวสยามหรือ "คนไทย" สืบมาถึงปัจจุบัน

    ฉะนั้น บรรพชนของ "คนไทย" ทุกวันนี้คือ "ชาวสยาม" ที่มีทั้งเม็ง-มอญ ขอม-เขมร ลัวะ-ละว้า ข่า-ช้อย ลาวและ "แขก" อย่างมาเลย์ จาม รวมทั้งเจ๊ก-จีน ฯลฯ คนพวกนี้เกือบทั้งหมดมีถิ่นฐานเป็นคนพื้นเมืองอยู่ในดินแดนประเทศไทยนี้มาแต่ดั้งเดิม ส่วนน้อยมาจากที่อื่น แต่ก็อยู่ที่นี่มาช้านาน แล้วต่างก็มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง และดูเหมือนจะมีจำนวนมากกว่าพวกที่เป็นชนชาติไทยเสียอีก

    เพราะฉะนั้น บรรพชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากที่ไหน เพราะอยู่ที่นี่ แม้จะมีชนชาติไทยอยู่ที่โน่นด้วย คือกระจายอยู่นอกประเทศไทย แต่พวกนั้นก็ไม่ได้อพยพหลบหนีการรุกรานมาจากไหน ล้วนมีถิ่นฐานอยู่ที่โน่นบ้างอยู่ที่นี่บ้าง คืออยู่ในภูมิภาคอุษาคเนย์มาแต่ครั้งดั้งเดิมดึกดำบรรพ์อย่างน้อยก็ 3,000 ปีมาแล้ว

    แล้วก็มีคำถามตามมาอีกว่า ถ้าอย่างนั้นแคว้นสุโขทัยมาจากไหน? กรุงศรีอยุธยาล่ะมาจากไหน?

    คำอธิบายเรื่องนี้ ไม่ยาก แต่ไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจ



    พลิกประวัติศาสตร์แคว้นสุโขทัย

    กรมศิลปากรเคยจัดสัมมนาทางวิชาการเรื่องสุโขทัยครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 มีนักปราชญ์ราชบัณฑิตไปร่วมมากมายหลายท่าน

    หลังจากนั้น ความก้าวหน้าทางวิชาการเรื่องสุโขทัยเงียบไป เงียบจนน่ากลัว แต่มีเรื่อง "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย" โด่งดังขึ้นมาแทน ควบคู่ไปกับอำนาจและอิทธิพลของ "วัฒนธรรมท่องเที่ยว" โด่งดังจนนักวิชาการต้องหวาดผวา เพราะหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ที่ค้นพบใหม่หมดความสำคัญ ไม่ได้รับการเหลียวแล และไม่มีใครใส่ใจ ราวกับว่าทุกคนพอใจให้แคว้นสุโขทัยเป็น รัฐในอุดมคติ" อยู่แค่นั้น คือหล่นลงมาจากฟากฟ้าสรวงสวรรค์เมื่อราว พ.ศ.1800 ด้วยผลของการอพยพของชนชาติไทยแท้ๆ จากอาณาจักรน่านเจ้าโน่น ต่อจากนั้นก็มีประเพณีลอยกระทง โดยนางนพมาศ "สนมพระร่วง" และอื่นๆ ฯลฯ เพื่อให้ความเป็น "รัฐในอุดมคติ" มีอยู่จริง

    แต่หลักฐานไม่มี ที่มีอยู่คือความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ สุดแต่ใครจะมีอำนาจฝันขึ้นมา

    การศึกษาเกี่ยวกับกำเนิดของแค้วนสุโขทัยวนเวียนอยู่แต่เรื่องการอพยพ วัด วัง และความเป็นไทยแท้ที่ไม่มีอยู่จริงในโลก แต่อธิบายไม่ได้ว่าทำไมแคว้นสุโขทัยเป็นรัฐที่มั่งคั่งเพราะมีการสร้างวัดมากมายเหลือเกิน แล้วสร้างซ้ำซ้อนกันมากี่ครั้ง กี่หน ประเด็นสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือทำไมชาวแคว้นสุโขทัยถึงมีความรู้และความสามารถถลุงโลหะสำริดได้สวยงามและยิ่งใหญ่ เขาเอาความรู้เรื่องโลหะมาจากไหน อนึ่ง ทำไมเมืองสุโขทัยถึงมีการจัดผังเมืองได้อย่างวิเศษ ฯลฯ

    ประวัติศาสตร์ไทยมักบอกว่า กรุงสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของคนไทย เมื่อแคว้นสุโขทัยล่มสลายลงแล้วก็เกิดกรุงศรีอยุธยาขึ้นมาแทนที่ นี่เลอะเทอะ เพราะกรุงสุโขทัยไม่ใช่ราชธานีแห่งแรกของคนไทย ในยุคกรุงสุโขทัยมีขึ้นมายังมีบ้านเมืองแว่นแคว้นของตระกูลไทย-ลาวอีกหลายแห่ง อย่างน้อยก็มีแคว้นละโว้-อโยธยาที่มีพัฒนาการเป็นกรุงศรีอยุธยาอยู่ด้วย

    ราชวงศ์ที่ปกครองสุโขทัยกับละโว้-อโยธาหรืออยุธยา มีความขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยแรกๆ ต่อมาราชวงศ์ในกรุงศรีอยุธยาที่มาจากสุพรรณภูมิเป็นใหญ่เหนือสุโขทัย ราชวงศ์สุโขทัยถูกลดอำนาจกลายเป็นขุนนางอยู่ในพระนครศรีอยุธยา แต่ด้วยความขัดแย้งทางการเมืองภายในกรุงศรีอยุธยาเองทำให้ราชวงศ์สุโขทัยยึดอำนาจกรุงศรีอยุธยาได้ แล้วสถาปนาราชวงศ์สุโขทัยขึ้นปกครองกรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งอพยพไพร่พลครอบครัวจากเมืองสุโขทัยลงมาเป็นประชากรอยู่ในกรุงศรีอยุธยา แคว้นสุโขทัยก็ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ได้หมดราชวงศ์สุโขทัย หากได้ขึ้นเป็นใหญ่ปกครองกรุงศรีอยุธยาต่างหาก

    ก็เรื่องสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดาสมเด็จพระนเรศวรนั่นยังไง อย่าแกล้งทำเป็นลืม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01epe01040151&day=2008-01-04&sectionid=0147


    วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10891

    โปรดระวัง.... อันตรายของ อี-การ์ด


    คอลัมน์ Active Opinion



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>กล่องจดหมายอี-เมลของแต่ละคนในวันนี้ คงทำงานหนัก ยิ่งช่วงเทศกาลปีใหม่และวันหยุดยาวอย่างนี้ อี-การ์ด (e-card) จึงเป็นสื่อไฮเทคส่งความสุข ความสนุกสนานอย่างดี รวมถึงเจ้าเหล่าสแปมเมอร์และแฮกเกอร์ ก็ยังใช้ยุทธวิธีอี-การ์ด ให้ตรงกับวันสำคัญในปฏิทิน และซ่อนภัยร้ายไว้เบื้องหลังบัตรอวยพรแห่งความสุขด้วย

    แม้อี- การ์ดวายร้ายจะไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่มันก็ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และวิธีการเล่นงานเหยื่อก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยที่ยังมีเหยื่อที่หลงกลอยู่ไม่น้อย แค่การคลิกลิงค์ อี-เมลลวงก็นำเหยื่อไปยังสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เว็บไซต์ช็อปปิ้งที่เต็มไปด้วยโฆษณาไปจนถึงซอฟต์แวร์อันตรายที่พยายามดึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ออกมา

    สำหรับอี-การ์ดแท้จริง สมาคมบัตรอวยพร ประมาณการว่าในปี 2551 บัตรอวยพรออนไลน์ของแท้มีมากถึง 500 ล้านฉบับ ถูกส่งไปทั่วโลก โดยอเมริกัน กรีทติ้ง ผู้เผยแพร่อี-การ์ด รายใหญ่ที่สุด พบว่าการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ในปีนี้เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2549 (แต่บัตรอวยพรในรูปกระดาษยังคงมีจำนวนแซงหน้าอี-การ์ดในสัดส่วน 20 ต่อ 1)

    ในขณะที่กล่องจดหมายแต่ละคนเต็มไปด้วยแค็ตตาล็อกสินค้า แต่เจ้าสแปมเมลก็พุ่งเช่นกัน เป็นเรื่องยากที่จะคาดการ์ณจำนวนอี-เมลขยะที่เป็นอีการ์ดปลอม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสแปมจำนวนมากเห็นว่าสัดส่วนของอี-การ์ดออนไลน์มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    นายนิค นิวแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ในศูนย์อาชญกรรมแห่งชาติ ในเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า เนื่องจากผู้คนกำลังรอคอยการได้รับการ์ดช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ สแปมเมอร์จึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ด้วยการสร้างอี-เมลของพวกเขาขึ้นมาให้ตรงกับเทศกาล

    "โปรดจำไว้ว่าไวรัสอี-เมลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจะมีชื่อเรื่องว่า "I LOVE YOU" และ "Merry Christmas" นายเดวิด เพอร์รี ผู้อำนวยการส่วนงานการศึกษา เทรนด์ ไมโคร เตือน

    สำหรับอี-เมลรูปแบบอื่นๆ ปีนี้ ยังใช้เทคนิคแบบเดิมๆ นั่นคือใช้โลโก้ของฮอลล์มาร์คเป็นตัวลวง และล่อลวงให้เข้าไปใช้แม่แบบอี-การ์ดเพื่อส่งต่อ ลิงค์ทั้งหมดนี้นำไปยังเว็บไซต์ Hallmark.com ยกเว้นบรรทัดที่ว่า "To see it, click here." (อยากดู ให้คลิกที่นี่) ลิงค์นี้จะดาวน์โหลดโปรแกรมร้ายลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อปลดล็อคคอมพิวเตอร์ให้กับแฮกเกอร์

    วิธีตรวจสอบอี-การ์ดจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี

    - ตรวจสอบผู้ส่ง อย่าเปิดอี-เมลจากผู้ที่คุณไม่รู้จัก ทั้งนี้ อี-การ์ดของจริงจะบอกชื่อและอาจมีที่อยู่อี-เมลของผู้ส่ง นี่เป็นกฎข้อแรกที่นำไปใช้ได้กับอี-เมลทุกรูปแบบ

    - มองหารหัสยืนยัน ซึ่งบริษัทอี-การ์ดรายใหญ่ส่วนมากในขณะนี้จะรวมหมายเลขเฉพาะตัวให้กับอี-การ์ดแต่ละฉบับด้วย เพื่อให้คลายกังวลเกี่ยวกับที่มาของไฮเปอร์ลิงค์

    - ระวังเล่ห์เหลี่ยมอื่นๆ ด้วยปริมาณการช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการหลอกลวงในรูปแบบ "ฟิชชิง" ก็เพิ่มขึ้นด้วย คณะกรรมการการค้าสหรัฐ (เอฟทีซี) ได้รับรายงานจากเว็บไซต์ต่างๆ 24,000 แห่งว่าพยายามหลอกขอข้อมูลบัตรเครดิตจากผู้ใช้

    - อย่าปล่อยให้ระบบความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ลดน้อยลง เพราะเอฟบีไอออกคำเตือนเกี่ยวกับ "รูปแบบการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต" ที่มาพร้อมกับบัตรอวยพร ข้อความอี-เมลที่เป็นสแปมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งหลอกลวง และควรถูกลบทิ้งในทันที
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    รู้แล้วครับ

    สงสัยตามที่ บอกครับ
    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=1 width="95%" align=left border=0><TBODY><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 05:49 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ตอนนี้ ผมอยุ่ที่ voicechat </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 05:49 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ใครว่างๆ เชิญเข้าไปหน่อยครับ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 05:50 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">vociechat ตัวนี้กำลังพัฒนา คาดว่าจะนำมาใช้ใน webเรา </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 05:58 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ว้าวมีคนเข้ามาแล้ว เชิญเข้ากันมาอีกครับ vociechat </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 05:59 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">สำหรับท่านที่เข้ามาใหม่ ต้องการได้ยินเสียงพูด กดที่ voice /on/off ตรง ซ้ายมือบน </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:04 PM] vanco: </TD><TD align=left width="100%">เชิญชวนกันครับ :cool: (deejai) </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:06 PM] BirdSoul: </TD><TD align=left width="100%">พยายามเข้าตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เข้าไม่ได้จ๊ะที เด๋วลองใหม่ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:08 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ลองใหม่ครับ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:08 PM] BirdSoul: </TD><TD align=left width="100%">ต้องลงทะเบียนใหม่เหรอคะ ทำไมใช้ชื่อเก่าไม่ได้ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:09 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ไม่ต้องลงทะเบียน </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:09 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ให่้เข้าแบบ guest ได้เลย http://www.gchats.com/red5chat/visichat/ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:19 PM] BirdSoul: </TD><TD align=left width="100%">รู้สึกมันอืดอืด พิมพ์ไม่ค่อยได้น่ะค่ะ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:20 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">สำหรับท่านที่ไม่ได้ยินเสียงเราคุยกัน </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:21 PM] BirdSoul: </TD><TD align=left width="100%">ส่งข้อความก็ไม่ไป ใครเป็นแบบเราบ้างคะ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:25 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">สำหรับท่านที่ไม่ได้ยินเสียงเราคุยกัน ให้กดที่ voice on/of ตรง ซ้ายมือบน (My Webcam) </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:28 PM] vanco: </TD><TD align=left width="100%">เสียงที่พูดจะช้านะครับ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:31 PM] pum_anatta: </TD><TD align=left width="100%">นิ่งไปแล้วค่ะ สงสัยคอมปุ๋มไม่ค่อยดี </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:31 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ลองเข้ามาใหม่ครับ </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:31 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ค่อนข้างจะช้า </TD><TR><TD style="WHITE-SPACE: nowrap" vAlign=top align=left width="1%">[วันนี้ 06:38 PM] [​IMG] WebSnow: </TD><TD align=left width="100%">ตอนนี้มีคนอยู๋ในห้อง voicechat 13 คน </TD></TR></TBODY></TABLE>


    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีของเล่นใหม่มาบอกกันครับ


    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: Re: การเปิดเว็บพลังจิต</TD></TR><TR><TD class=alt1>Recipients: <!--sithiphong-->sithiphong, <!--vanco-->vanco, <!--WebSnow-->WebSnow

    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 07:47 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>MBNY<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    Administrator
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:40 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    ข้อความ: 3,120 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 47,010 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 14,286 ครั้ง ใน 1,548 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 50000 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] Re: การเปิดเว็บพลังจิต
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
    ตอนนี้เว็บมีอะไรหรือเปล่าครับ เวลาเปิดเว็บพลังจิตแล้วจะปรากฎหน้าต่าง(ตามรูป)นี้ด้วยครับ

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ๋อ พี่หนุ่มคะ

    เว็บสโนว์ กำลังทดลอง ให้สมาชิกเข้าไปทดลอง แค่ 2-3วันค่ะ

    voice chat กันค่ะ อันนี้ใช้พูดได้ ค่ะ ใช้กล้องก็ได้

    สามารถใช้จับ กลุ่มสนธนาธรรมะ หรือ จับกลุ่มประชุมกัน ... หรือ ห้องเพลงเปิดเพลงเป็นดีเจกัน
    หรือใช้ทดสอบการอ่านพระไตรเสียง ตรงคำบาลียากๆ จับกลุ่มช่วยกันติวได้

    ตัว voice chat นี้จะมีแป่ะไว้ที่เว็บพลังจิต ในอนาคตค่ะ ...สามารถเข้าไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องมาโหลดเหมือน msn หรือ camfrog ค่ะ

    บางที msn อาจมีจลาจล บ้าง ..ตัว voice chatของเว็บพลังจิต จะช่วยได้ค่ะ

    ทราบมาว่า ช่วงนี้ เว็บสโนว์กำลังทดลองอยู่ค่ะ
    อาจจะติดขัด หรือมีหลุดบ้าง ในเรื่องของserver ทางโน้นเขา

    ขอเชิญชวนให้ พี่หนุ่ม หรือท่านอื่นๆ ถ้ามีเวลาทดลองเข้าไปใช้งานดูนะคะ ...


    [​IMG]

    [​IMG]

    : capture เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว webcam เว็บสโนว์กับหนูบูบี้
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    .
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต พระเณร

    เชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วม สร้างพระไตรปิฎกเสียง Web Version


    กด 1900 222 200 ทำบุญให้ วัดพระบาทน้ำพุ

    กด 1 ครั้ง ทำบุญ 9 บาท

    ร่มราคาคันละ 99 บาท รายได้ช่วยคนตาบอด ในชนบททั่วประเทศ

    เรียนฟรีตลอดหลักสูตร พระอภิธรรม ทางไปรษณีย์

    ขอเชิญร่วมฝึกกสิณที่ วัดยานนาวา ทุกวันอาทิตย์ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

    ''มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย'' รับสมัครแม่ชีและสตรีทัวไป เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีมีทุนจนจบ 4 ปี

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    แต่ผมจะมาบอกว่า ไม่มีไมค์ ไม่มีกล้อง ทำไม่เป็น ติดตั้งก็ไม่เป็น ว่าจะให้น้องเอหรือน้องอีกท่านนึง มาช่วยดูให้ซะหน่อย เผื่อไปคุยกับคนอื่นได้บ้าง

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เศษสตางค์
    วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10893
    คอลัมน์ บทความธรรมดา

    โดย หลวงเมือง

    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01col02060151&day=2008-01-06&sectionid=0116

    เมื่อข้าพเจ้ายังเล็กๆ เงินตราเป็นสิ่งมีราคาสูงกว่าบัดนี้ เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดว่า "เงินแพงทองถูก เงินถูกทองแพง" ทองคำจึงเป็นสิ่งที่ชี้บอกค่าของเงิน ดังที่ข้าพเจ้าเคยอ้างหลายครั้งว่า เมื่อราวๆ พ.ศ.2482 ทองรูปพรรณ ร้านแม่สมบุญสะพานหันหนักบาทละ 20 บาท ครั้นฝรั่งรบกันราคาทองคำก็ขึ้นสูงไปอีก ผู้ใหญ่คนหนึ่งประกาศว่าถ้าทองคำบาทละ 50 บาท จะขายทันที สมัยนั้นทองรูปพรรณรวมทั้งทองที่เลี่ยมฟันในปาก เป็นสิ่งที่ชี้ฐานะการเงินของคนในสังคมแถวบ้านข้าพเจ้า โปรดอย่าเขียนมาคัดค้านว่าไม่จริง เพราะหมายถึงสังคมของคนที่ตำบลตลาดพลู ธนบุรี ครั้งนั้นเท่านั้น

    แว่วว่ารัฐบาลขอร้องราษฎรให้ใช้เศษสตางค์จับจ่ายใช้สอยแทนธนบัตรบ้าง และการค้าขายก็ควรกำหนดราคาที่เป็นเศษสตางค์ มิใช่ปัดเศษเป็น 20 บาท ไปเสียทั้งหมด

    ตั้งแต่จำความได้การซื้อขายแถวบ้านข้าพเจ้าแม้ใช้ระบบชั่งตวงวัดก็จริง แต่ยังไม่เป็นมาตรฐานคือ ขายผ้าเป็นหลา ทั้งที่ไม้ที่ใช้วัดก็เป็นไม้เมตร น้ำหนักก็ใช้ชั่งจีนหรือตาเต็ง สิ่งของที่ใช้นับจำนวนคือไข่เป็ดฟองละ 4 สตางค์ 2 ฟอง 7 สตางค์ จนรัฐบาลเห็นเป็นภาวะสุดแสนที่จะทนทานได้จึงประกาศใช้มาตราเมตริกเป็นมาตราชั่งตวงวัด ซื้อขายผ้ากำหนดราคาเป็นเมตร เพราะแต่ก่อนคนขายกำหนดราคาเป็นหลาซึ่งมีความยาวเพียง 90 ซม. สำหรับน้ำหนักก็เป็นกิโลกรัม และปริมาตรก็กำหนดเป็นลิตร

    และเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนในการซื้อเครื่องอุปโภคโดยไม่ต้องเสียเปรียบพ่อค้านักจึงผลิตเหรียญกระษาปณ์ราคาครึ่งสตางค์ออกใช้หมุนเวียนในตลาดก็ไม่เกิดปัญหาอะไรใดๆ ทั้งสิ้น น้ำแข็งกดซึ่งแต่เดิมกดละ 1 สตางค์ก็ซื้อได้ในราคาครึ่งสตางค์โดยปริมาณเท่าเดิมโรยน้ำหวานเป็นสีธงชาติ ไข่เป็ดฟองละ 3 สตางค์ครึ่ง เป็นที่พอใจด้วยกันทุกฝ่าย ส่วนสิ่งที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว เช่น หนังที่วิกข้างบ้านข้าพเจ้าค่าผ่านประตูราคา 15 สตางค์ เด็ก 10 สตางค์

    เมื่อเร็วๆ นี้มีคนไปซื้อของที่ตลาดสด ราคากี่บาทไม่ทราบมีเศษ 2 สลึง ลูกค้าได้จ่ายธนบัตรและเหรียญ 25 สตางค์ 2 อัน แม่ค้าโกรธร้องว่ากูขับรถมาขายเองนะโว้ย ไม่ได้โหนรถเมล์มา ลูกค้าได้ฟังจึงจ่ายเป็นเหรียญ 10 บาท แต่ผู้ขายทอนเหรียญสลึงมาให้ 2 อัน คนเราเกิดมาต้องอดทน

    มนุษย์ติดต่อกันยากขึ้นทุกวันด้วยพูดกันไม่เข้าใจ ตอนสงครามเพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้าบ้านอยู่ซอยท่ากลางปากคลองตลาดอพยพไปอยู่ที่วัดไทรบางขุนเทียน ไปซื้อถ่านหุงข้าวที่บรรทุกเรือมาจอดริมคลอง เพื่อนถามว่าถ่านถังละเท่าไรครับ เพื่อนข้าพเจ้ากำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยม 6 คนขายตอบว่าถังละ 6 สลึง นะจะซื้อไหวหรือ เพื่อนไม่รู้ประเพณีของคนขายถ่านจึงบอกว่า "2 บาทก็ซื้อได้" คนขายถ่านคว้าดาบกระโจนขึ้นตลิ่ง 2 คน หาว่าเพื่อนข้าพเจ้าด่า มีตำรวจกิ่งท่าข้ามผ่านมาและรู้จักกัน ข้าพเจ้าจึงเล่าให้ฟังเขาเข้าไปพูดกับคนขายถ่านไม่กี่คำ คนขายถ่านหน้าซีดเหลือ 2 นิ้ว พูดกับเพื่อนข้าพเจ้าอย่างพินอบพิเทา

    ข้าพเจ้าถามตำรวจว่า น้าพูดกับเขาว่าอย่างไร แกตอบว่าก็บอกมันว่ามึงไม่มีบ้านอยู่ เป็นคนจรจัดขายถ่านบังหน้า กูจะจับมึงส่งไปนิคม "มันแข็งนักเราพูดคำเดียวนิ่ม" ตำรวจกล่าวก่อนที่จะจากเราไป
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ความสุขปีใหม่-ความสุข 2 เด้ง
    วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10893
    http://www.matichon.co.th/matichon/...g=01fun03060151&day=2008-01-06&sectionid=0140

    คอลัมน์ แท็งก์ความคิด

    โดย นฤตย์ เสกธีระ max@matichon.co.th



    ว่างๆ ช่วงขึ้นปีใหม่ลองหยิบพจนานุกรมขึ้นมาพลิกอ่าน

    "ปีใหม่" แปลว่าอะไรหว่า

    หาเจอคำว่า "ใหม่" แปลว่า "เพิ่งเกิดขึ้น" และ "วกมาอีกครั้งหนึ่ง"

    แล้วคำว่าปีใหม่หมายถึง ปีที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือว่าเป็นวันเวลาที่กำลังจะวกมาอีกครั้งหนึ่ง?

    คิดไปคิดมาแล้วนับถือคนโบราณ ช่างเข้าใจวางมาตรฐานโลกให้มีการหมุนเวียน คือ แทนที่จะนับวันต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหากมาถึงวันนี้ก็อาจจะเป็นวันที่กี่ล้านแล้วก็ไม่ทราบ

    ท่านบรรพบุรุษชาวโลกก็กำหนดให้วันเวลานับไปเพียงแค่ 12 เดือนตามวงโคจรของโลกที่หมุนรอบดวงอาทิตย์

    12 เดือนเรียกว่า 1 ปี

    ใน 1 เดือนก็ยังกำหนดให้มี 30 วันตามวงโคจรของดวงจันทร์ที่หมุนรอบโลก

    ใน 1 วันก็ยังกำหนดให้เป็น 24 ชั่วโมงตามระยะเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง

    มะ-หัด-สะ-จอ-รอหัน-การัน-ยอ หรือมหัศจรรย์ เสียจริงๆ

    พอบรรพบุรุษของชาวโลกตั้งต้นคิดวันเวลามาเช่นนี้ ลูกหลานของท่านเหล่านั้นที่มีอยู่หลายเผ่าพันธุ์ก็ขยายผล

    มองดูดาวบนฟ้ากำหนดเป็นราศี 12 ราศี

    มองดู ฝน พืชพรรณ ความร้อน และความหนาว แล้วกำหนดเป็นฤดูกาล

    ทุกอย่างมีเริ่มต้น และสิ้นสุด

    พอสิ้นสุด แล้วก็เริ่มต้นใหม่ หมุนเวียนกันไปเช่นนี้ไม่มีวันจบสิ้น

    เหมือนวงกลม วงรี สี่เหลี่ยม หกเหลี่ยม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันสามารถวกเวียนมาครบรอบของตัวเองได้

    แล้วก็ไม่ทราบเพราะเหตุใด ชีวิตของพวกเราจึงมักดำเนินไปเป็นวงรอบอยู่เรื่อย

    หากเป็นนักประวัติศาสตร์ จะสังเกตุเห็นปรากฏการณ์ "ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอย"

    นักเศรษฐศาสตร์ เข้าใจถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่ดำเนินไปเป็นวงจร

    ชาวบ้านร้านตลาดเองก็ยังเคยเอ่ย คำว่า "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน"

    หมายถึงชีวิตเรามันก็มีเรื่องดีๆ ร้ายๆ สลับปะปนกันเข้ามา

    แม้แต่ศาสนาที่ชาวโลกนับถือ ยังผูกพันกับวงรอบ

    ศาสนามีความเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด

    อียิปต์เชื่อเรื่องวิญญาณกลับคืนสู่ร่างมัมมี่

    พราหมณ์เชื่อเรื่องการคืนสู่อัตตมัน

    พุทธเชื่อเรื่องวัฏสงสาร

    คริสต์ มีวันพิพากษา

    เป็นต้น

    ด้วยปรากฏการณ์เป็นวงรอบเช่นนี้เองจึงทำให้มนุษย์ที่มีสมองสามารถ "คาดเดา"อนาคตได้

    มนุษย์สามารถคาดเดาฤดูกาลเพื่อปลูกพืชพรรณธัญญาหาร

    มนุษย์คำนวณการเคลื่อนตัวของดวงดาวเปรียบเทียบกับปรากฏการณ์อันเวียนซ้ำ จนกลายเป็นคำทำนายโชคชะตาราศี

    ในคำทำนายก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า คำว่า "เคราะห์ดี" หรือ "เคราะห์ร้าย"

    นี่แสดงว่าพวกเราทั้งหมดไม่มีใครอยู่นอกเหนือ "วงรอบ"

    ทุกคนคลุกคลีอยู่ในวังวนของความสุขและความทุกข์ตลอดเวลา

    และหากใครเคยสังเกตห้วงเวลาที่เรามีควาามสุข ต้องยอมรับว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี่แหละ พวกเราส่วนใหญ่จะมีความสุข

    เหตุที่เป็นเช่นนี้เห็นจะเป็นเพราะวันสิ้นปีเสมือนกับเส้นชัยที่พวกเราก้าวไปถึง และวันขึ้นปีใหม่เสมือนกับการได้เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ให้แก่ชีวิต

    เหมือนกับความรู้สึกตอนที่ทำงานเสร็จ

    เหมือนกับความรู้สึกที่ได้รับมอบหมายงานใหม่ที่เราชอบ

    เหมือนกับเวลาครบรอบวันเกิด หรือวันสำคัญต่างๆ ของตัวเอง

    มันเป็นความรู้สึกสุขที่ได้เดินทางมาถึงเส้นชัย และสุขที่จะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยความหวังจะแก้ไขสิ่งที่เคยบกพร่อง หรือต่อยอดสิ่งที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว

    เส้นชัย และจุดเริ่มต้น เช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกคน

    ความสุขเช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับทุกคนเช่นกัน

    เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นความสุขที่เกิดขึ้นเป็นรายบุคคล หรือกลุ่มคน ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน

    ทำให้ความสุขไม่มีพลังเหมือนกับความสุขในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่

    เพราะเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นเทศกาลที่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าได้เดินทางมาถึงเส้นชัยพร้อมกัน

    และทุกคนก็กำลังฝันหวานถึงความหวังในปีใหม่ไปพร้อมๆ กัน

    เทศกาลขึ้นปีใหม่จึงเป็นเทศกาลแห่งความสุข ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่สากล 1 มกราคม หรือวันตรุษจีน หรือวันสงกรานต์ ซึ่งเป็นปีใหม่ไทย

    เทศกาลเช่นว่าจึงเป็นเทศกาลแห่งความสุข

    เพราะเป็นห้วงเวลาบรรจบระหว่างเส้นชัยกับจุดเริ่มต้น

    บางทีชีวิตมันน่าจะมีเส้นชัย และการเริ่มต้นใหม่ให้มากกว่านี้ เพื่อทำให้ชีวิตมีความสุข

    ส่วนใครจะกำหนดระยะเวลาใด เป็นเส้นชัยของตัวเอง ก็สุดแล้วแต่

    บางคนกำหนดเส้นชัยคือการเลิกบุหรี่ได้

    บางคนกำหนดเส้นชัยคือการลดความอ้วนลงได้

    ใครจะกำหนดเป็นแบบใดก็ตาม หากเมื่อเราทำได้ คือการเข้าสู่เส้นชัยนั้น

    ความสุขก็บังเกิด

    และเมื่อถึงเส้นชัยแล้วก็น่าจะตั้งเป้าหมายใหม่ในการดำเนินชีวิต

    แล้วความสุข ความหวัง ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ๆ ที่ไม่จำเจก็เกิดขึ้นอีก

    ณ ห้วงเวลานี้เราก็มีความสุขอีก

    ถือได้ว่าเป็นความสุข 2 เด้ง
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เคล็ดลับลดน้ำหนักให้ถูกวิธี อยู่ที่เลือกอาหาร โภชนาการ
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=technology&content=74057


    [​IMG]“ต้องลดน้ำหนักให้ได้” นี่อาจเป็นหนึ่งในรายการที่ใครหลายคน กำลังคิดว่าจะต้องทำให้ได้ในปีใหม่นี้
    ก็นับว่าดีอยู่หรอกค่ะที่มีความหวังความตั้งใจในปีใหม่ที่จะทำ เรื่องดีๆ แต่ขอบอกเสียก่อนว่าจะลดน้ำหนักทั้งทีก็ต้องลดให้ถูกวิธี ด้วยการเลือกกินอาหารให้ถูกถ้วนตามหลักโภชนาการดีกว่าจะได้ ไม่เสียใจ เสียสุขภาพในภายหลัง
    ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเตือนว่า คนที่อยากลดน้ำหนักนั้นไม่จำเป็นต้องงดกินอาหารอย่างขาดสติ แต่วิธีที่ถูกที่ควรนั้นอยู่ที่การเลือกกินอาหารง่ายๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักให้ได้ตามเป้าหมาย
    กลอเรีย ซาง ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กล่าวว่า ผู้หญิงมักจะตกเป็นเหยื่อมากที่สุดในการเลือกกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทุกวันนี้เราอาจจะยุ่งเกินกว่าที่จะเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อ สุขภาพ แต่ที่จริงแล้วก็มีหลักง่ายๆ ในการเลือกกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักให้ถูกวิธีได้ นั่นคือหลีกเลี่ยงการกินเนื้อที่ผ่านกรรมวิธี ไม่ควรงดอาหารเช้า และควรหลีกเลี่ยงการกิน ข้าวหรือขนมปังขัดขาวที่มีคุณค่าทางโภชนาการน้อยกว่า
    เมื่องดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น แล้ว ก็ควรจะกินอาหารจำพวกผักที่มีสีสันสดใส จำนวนมากๆ หน่อย เพราะในผักมีใยอาหารมากและมีแคลอรีต่ำ และถ้าอยากกินของหวานก็ควรเลือกของขบเคี้ยวที่เป็นผลไม้สดหรือผลไม้แห้งก็ได้
    ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารยังแนะนำด้วยว่า ควรจะกินป๊อปคอร์น เพราะว่าเป็นอาหารที่มีกากใยและสารต้านอนุมูลอิสระ และแทบจะไม่ให้พลังงานซักกี่แคลอรีเลย แต่ถ้าจะกินป๊อปคอร์นจริงๆ กลอเรีย ซาง ย้ำว่า ต้องเลือกอย่างที่ไม่อบเนย จึงจะดีและมีประโยชน์จริง.
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ สำหรับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญทุกๆอย่าง ที่บ้านปู่ ในความคิดเห็นผม ทุกๆท่านมีความสุขใจ ความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจกันทุกๆท่านครับ

    และที่สำคัญ หลายๆเรื่องที่ทำกันมา เป็นเรื่องของการเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่จบ ยังต้องทำกันต่อๆไป ยังต้องสู้กันต่อไปอีก

    น้ำใจและมิตรภาพ กว่าจะได้มานั้น แสนยากลำบาก
    แต่การรักษาน้ำใจและมิตรภาพที่ได้มาให้ยืนยาวนั้น ยากเย็นแสนเข็นกว่ากันมากมายนัก

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tep.JPG
      tep.JPG
      ขนาดไฟล์:
      17 KB
      เปิดดู:
      440
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...