อยากถามเรื่องกรรมที่ทำให้แอบรับคนอื่นข้างเดียวค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Shio_Ri, 1 พฤษภาคม 2014.

  1. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    สวัสดีค่ะ อยากจะถามจากผู้รู้เรื่องกรรมที่ทำให้แอบรับคนอื่นข้างเดียวและวิธีแก้ค่ะ

    อยากทราบว่าการที่แอบรับคนอื่นข้างเดียวเกี่ยวกับกรรม (ที่เราเคยทำไว้กับเขา) ด้วยหรือเปล่าค่ะ คือ ทรมานจากการรักเขาข้างเดียว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจทำอะไรเลยอะคะ หรือ จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกับกรรมเลยแต่เป็นเพราะเราจิตใจฟุ้งซ่านและหลงไปเองเท่านั้น

    นอกจากนั้น อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีแก้หรือทางที่ทำให้ตัดใจได้ค่ะ เพราะ
    ตอนนี้ เราแอบชอบผู้ชายคนนึง (เป็นเพื่อนที่รู้จักแต่ไม่สนิท) อยู่มานานสักพักแล้วค่ะ เวลาเห็นเค้าอยู่กับคนอื่นยิ่งเสียใจ เลยพยายามสวดมนตร์ นั่งสมาธิ แต่ก็ยังนึกถึงเค้าอยู่ตลอดทุกวัน แก้ไม่หายเลยค่ะ (หรืออาจเพราะสมาธิเรายังไม่แข็งพอหรือเปล่าไม่รู้) มีธรรมะข้อไหน หรือ ทางแก้ใดที่จะทำให้หายได้บ้างหรือเปล่าค่ะ เศร้ามากค่ะ

    ;9k

    แต่อย่างไร ตอนนี้เราจะพยายามสวดมนตร์ นั่งสมาธิ อย่างสม่ำเสมอเรื่อยๆ และศึกษาธรรมะให้มากกว่านี้คะ อยากเริ่มลองฝึกวิปัสสนากรรมฐานดูด้วยคะ

    ปล. เคยได้ยินมาว่า คนที่มาเป็นคู่กันในแต่ละชาติจะถูกกำหนดมาแล้วเพราะทำกรรมมาร่วมกัน ถ้าไม่มีกรรมที่ต้องชดใช้ต่อกันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เราพยายามใช้ความคิดนี้คิดว่าถ้าเค้าต้องคู่กับคนอื่นก็เป็นเพราะกรรมของเขาถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องคู่ใคร (เราเชื่อว่าทุกคนมีกรรมแม้จะอยู่ศาสนาใดก็ตามค่ะ-คนที่เราแอบชอบไม่ไ้ด้เป็นชาวพุทธคะ) พยายามใช้ความคิดนี้ให้ตัวเองสบายใจอะคะ

    หากมีใครต้องการเสนอแนะหรือแชร์ประสบการณ์ แนะนำมาได้เลยนะคะ รับฟังคำแนะนำจากผู้รู้ทุกท่านค่ะ

    ขอบคุณมากๆนะคะ
     
  2. ladyinblack

    ladyinblack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +155
    อนุโมทนาบุญค่ะ ที่ใช้วิธีปฏิบัติกรรมฐานในการแก้ไขเพื่อให้หลุดพ้น หรืออย่างน้อยเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน ขอให้ทำต่อไปนะคะ...

    ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกค่ะ แต่อยากบอกว่าอย่างน้อยคุณก็ได้รู้โทษของมันแล้ว...มันก็มีอยู่สองทางแหละค่ะพูดง่ายๆ คือ "ตัดใจ" ทำอย่างไรนั้นมันก็มีหลายวิธี แต่ไม่มีวิธีไหนที่แบบสองวันลืมแน่ ๆ ค่ะ มันต้องค่อย ๆ เป็นไป ถือว่าเป็นบทเรียนในชีวิต และอย่างที่สองคือถ้าไม่อยากแอบรักคุณก็สามารถเลือกที่จะเดินหน้าบอกเค้าไปเลยว่าชอบเค้าถ้าเค้ายังว่างนะคะ...จากนั้น...จะเป็นไงต่อ...

    คราวนี้ก็ต้องมาพิจารณาเรื่องเหตุผลค่ะว่า "ทำไมเราถึงชอบ/รักเค้า?" คือ สมมตินะคะว่า "ถ้าเค้าเกิดชอบคุณเหมือนกัน" ถ้าคุณได้เค้ามาเป็นคนรักเป็นแฟนแล้วมันจะเป็นยังไงต่อ? คุณอยากได้เค้ามาเป็นแฟนเป็นคนรักจริงรึเปล่า? หรือว่าแค่อยากให้ความรักของคุณสมหวัง? หรือคุณแค่เหงาไม่มีใคร? ถ้าคุณหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ได้ คุณก็น่าจะรู้ว่าคุณควรจะทำยังไงต่อไป...

    เรื่องความรักมันก็มีหลายรูปแบบค่ะ คุณเลือกที่จะรักเค้าข้างเดียวแต่ทำสิ่งดี ๆ ให้กะเค้าโดยที่คุณไม่หวังผลตอบแทนได้ แต่อยากให้ใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจให้คุณทำแต่เรื่องดี ๆ อย่าให้มันมาทำร้ายเรา อย่างกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะพอเราผ่านจุดนั้นมาได้บางทีเรามองย้อนไปเราก็จะรู้ว่า สมัยก่อนเราทำอะไรลงไปเนี่ยะ? มุมมองของเรามันอาจจะเปลี่ยนไปเลยพอเราโตขึ้น...

    ยังไงก็ตามเป็นกำลังใจให้นะคะ...ติดขัดอะไรขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    โอ้ยยยย..อ่านแล้วแทงใจค่ะ สำหรับเรานะ มันต้องใช้เวลาเป็นยาใจค่ะ เป็นอยู่หลายปีเลยแหละ ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งอยากตัดใจกลับยิ่งพัวพันค่ะ พยายามดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้เก่งแล้วค่ะ ไม่แอบรักแอบชอบใครแล้ว หันมาดูแลตัวเองดีกว่า

    เราว่ามันเป็นที่จิตใจค่ะ อย่างคนปฏิบัติธรรมมาดี เค้าจะมีอินทรียสังวร(การระวังการกระทบทางอารมณ์6) ดังนั้นทุกอย่างจะไม่เข้ามาถึงใจค่ะ จะตัดตั้งแต่รู้ตัวเลยว่า เฮ้ย..จิตมันไปรับอารมณ์เข้าแล้วนะ อารมณ์ยินดียินร้าย หรืออารมณ์รักหลง นี่ก้อเหมือนกัน คือถ้าได้เจอกันแล้วรู้ว่ามีจิตปฏิพัทธ์ใคร มันจะรู้ทันและความรู้สึกนั้นจะตัดไปเลย เพราะมันรู้ว่าความรักก้อคือความทุกข์ ถึงเป็นคู่ครองกันจริงก้อต้องจากกันในวันใดวันนึง

    แต่สำหรับเคสอย่างคุณจขกท.หรือเราๆ ไม่ได้ปฏิบัติธรรมถึงขนาดนั้น อินทรีย์ยังอ่อนอยู่ เราว่า อย่าฝืนใจเลยค่ะ ให้เปิดใจกับตัวเองนิ่งๆ เปิดรับความรู้สึกว่ารักว่าชอบ..อันนี้ขึ้นมาเลย ยอมรับกับตัวเองไปเลยว่าชอบเค้า โอบกอดความรู้สึกนี้ไว้ค่ะ ความรักไม่ใช่สิ่งผิด มันทำให้โลกสวยงามค่ะ ..มันไม่ใช่สิ่งผิด ตราบใดที่ไม่ทำผิดศีล ถ้าตัวเองเข้มแข็งแล้ว ก้อหันนำความรู้สึกรักนี้ขึ้นมาพิจารณาให้เห็นไตรลักษณ์ค่ะ ว่ามันไม่เที่ยง ลองค่อยๆทำไปทีละสะเต็ปค่ะ เอาใจช่วย ^_^
     
  4. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    มีวิธีแก้อยู่ 2 วิธีสำหรับผม

    1.ก็ปล่อยให้ผิดหวังและอกหักไป เดี๋ยวไปเจอคนใหม่เราก็ไปชอบอีกไปหลงรักอีก แล้วก็อกหักไป เจ็บเพราะรักข้างเดียวมันยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่จะได้ปัญญามาก ต้องรักเค้าและเค้าก็รักเราแต่สุดท้ายเค้าก็หลอกเราหรือลังเลเปลี่ยนคน แต่ไม่เปลี่ยนใจ เคยเจอกรณีนี่หรือเปล่า รักผู้ชายคนนี้ เป็นแฟนกับผู้ชายอีกคน แต่ไปนอนกับผู้ชายอีกคน เจอแบบนี้แล้วเบื่อ เกิดปัญญาขึ้นทันทีว่า อย่าไปจริงจังอะไรกับความรักเลย มันก็แค่ช่วงเวลา พอนานไปมันก็ค่อยๆหาย แต่ ณ เวลานี้แหละมันจะทุกข์ให้ประคองเวลาไป อย่าฟังเพลงเศร้า อย่าไปเร้าอารมณ์ด้วยนิยาย หรือบทความเกี่ยวกับความรัก ที่บอกนี่ผ่านมาหมดแล้วนะเนี่ย (เดี๋ยวจะเล่า Part 2)
    2.รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายสิ รู้สึกว่าเราจะอายุสั้นซิ ลองคิดว่าเราติดเชื้อ HIV สิ ลองคิดว่าเราเป็นมะเร็งระยะที่ 3 สิ แล้วมันจะไม่สนใจใครทั้งสิ้น ชีวิตเราจะไม่มองอนาคต มองแต่ปัจจุบันและอดีต เรื่องความรักแบบหนุ่มสาว เพศเดียวกันหรือเพศตรงข้ามมันจะเริ่มหาย เพราะรู้แล้วว่าเราไม่มีอนาคตไกล เพราะฉะนั้นเตรียมตัวตาย ในขณะที่เตรียมตัวตาย เราก็หมั่นทำบุญ ทำใจให้สว่าง เพื่อจะได้ตายสบาย เราจะรู้ว่า ทรัพย์สินเงินทอง เริ่มจะมีความหมายน้อยกว่า พ่อ แม่ ผุ้มีบุญคุณ พี่น้อง หรือ บุญกุศล พอเราจะตายไม่มีใครมาสนใจเราหรอก ถึงสนใจก็ช่วยเราไม่ได้ ถ้าเราไม่เตรียมตัวก่อนตายให้ดี เราจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ยิ้มแย้ม ทำประโยชน์ให้มากที่สุด (เค้าเรียกมรณานุสติ)
     
  5. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    หารูปคนที่หล่อกว่าเขาดีกว่าเขา พวกดาราฝรั่งก็ได้ มานั่งดูทุกวัน
    ไปไหนก็พกติดกระเป๋าไปด้วย
    พอเจอเพื่อนชายคนนั้น เราก็งัดภาพดารามาเพ่งความหล่อความเท่ห์แทน
    ทำไปบ่อยๆ เดี๋ยวก็ลืมเขาคนนั้นได้เอง
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    Part 2 ในชีวิตผมเคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมา
    1.สมัยอายุ 15 เพื่อนที่ออกทอมบอยหน่อย แต่เธอน่าตาดีนะมาชอบ ไอ้เราก็หยิ่ง ไม่ค่อยสนใจ สนใจแต่เรียนอย่างเดียว สุดท้ายไปเผลอหลงรักเธอตอนไหนไม่ทราบ จะเป็นแฟนกันอยู่แล้วแต่ก็ต้องจากกัน เสียดาย จบม.ต้นไปต่อม.ปลายคนละที่ คราวนี้กลายเป็นว่าผมไปหลงเธอหัวปักหัวปำทั้งที่ไม่ได้เห็นหน้าเลย มีอยู่ครั้งนึงเราได้เจอกันโดยบังเอิญ เธอรีบทักผมแล้วก็เดินมาหา แต่ผมกลับทำเป็นทักทายนิดหน่อย แล้วเดินจากไป ทั้งๆที่ในใจโครตดีใจ (แต่ขี้แก๊กไปหน่อย) เลยโดนเพื่อนสอยไปแทน แปลกมาก ผู้หญิงเค้าบอกชอบเราแต่กลับมีแฟนอีกคน ผมอาจจะเป็นคนหัวโบราณ(สมัยนั้น) ตรงที่ผมจะรักใคร เค้าก็ต้องรักเราด้วย ไม่ใช่ไปจีบเป็นแฟนกันแล้วคนมารักกัน ผมไม่ชอบคบๆกันไปก่อนเดี๋ยวก็รักกัน ก่อนที่ผมจะจากเธอไปตอนจบ ม.ต้น ผมกับเธอสัญญากันว่าจะกลับมาหากันเป็นแฟนกัน ตอนที่ผมอยู่อีก ร.ร. ด้วยความที่ผมมีนิสัยเจ้าชู้นิดๆ แต่ไม่ชอบจีบใคร ชอบแต่ให้ความหวังผู้หญิง ชอบไปอยู่ใกล้ๆ ชอบให้กำลังใจ ชอบช่วยเหลือ ชอบให้ผู้หญิงคิดไปเอง การทำแบบนี้ระยะเวลานานๆ ผมก็เข้าใจนะว่านี่จะทำให้ผู้หญิงเค้าเข้าใจผิดและคิดเลยเถิด แล้วมันก็จริงครับ ผู้หญิงคนนั้นเค้าคิดกับผมมากกว่าที่ผมคิด ทั้งๆที่มีผู้ชายมาชอบเธอมากมาย แต่ผู้หญิงแต่ละคนเนี่ยมันมีจุดจุดหนึ่งในใจ ถ้าผู้ชายไปสะกิดจุดนั้นได้เค้าจะคิดเพ้อไปไกลเลยครับ ผู้หญิงคนนี่เธอเป็นคนสวย แต่เธอแต่งตัวและดูแลตัวเองไม่เป็น และไม่คิดจะแต่งตัวด้วย ผมก็เข้าไปหาสิครับ เข้าไปใกล้ๆก่อน ทำดีกลับเธอก่อน ยิ้มให้ คอยช่วยเหลือ ถ้าเธอต้องการ แอบเซอร์ไพร์วันเกิดนิดๆ แนะนำเสื้อผ้าสวยๆให้ เวลาเธอชวนไปเลือกเสื้อผ้า เราก็ไปด้วย คราวนี้แหละคุณครับ เธอเปลี่ยนไป สวยมากๆ เราก็ทำเหมือนในหนังเลย ถอดแว่นที่เธอใส่เพราะเธอบอกว่าสายตายสั้น แอบกระซิบเบาๆว่า อยู่นิ่งๆนะ แล้วผมก็คอยๆถอดแว่นเธอออก เธอก็พูดว่ามองไม่เห็นอ่ะ ผมก็ทำเป็นพูดเสียงเบาๆว่า สวย สวยมาก... เธอถามว่าอะไรนะ เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ... ผมก็เบี่ยงไม่พูด ไปพูดเรื่องอื่นซะ (ผมรู้นะผู้หญิง เค้าชอบคำลม ไม่ชอบคำจริง พูดแค่นี้ก็ลอยแล้ว) หลังๆมาเธอดูดีขึ้นมาก ประมาณว่าเดินมาในโรงเรียนผุ้ชายมองหมด ผมแตะบอลอยู่เธอเดินมา ยังกะหนังเกาหลี ออร่าออกทั่วตัว เดินมามีแต่คนมอง เพื่อนผมเรียกผมว่ามีคนมาหา ผมหันไปมอง โอ้วแม่เจ้า หัวใจเต้นรัว เธอยิ้มให้ แล้วโบกมือให้เราไปหา แต่อนิจจาก้มดูตัวเอง เหงื่อเต็มเสื้อนักเรียน เปื้อนรอยบอล เสื้อหลุดออกจากกางเกง เหมือนนางฟ้า กับหมาวัดเลย แต่ผมก็เดินออกไปแต่ไม่พูดอะไร เดินไป เธอก็เรียก แต่ผมเดินผ่านเธอไปเสียไปล้างหน้าล้างตา เธอก็ตามมา ผมเป็นคนที่แปลกมากสมัยนั้น ไม่ชอบให้ผุ้หญิงทำอะไรให้ เหมือนเธออยากจะดูแลผม อยากจะทำการบ้านให้ เป็นห่วง เสื้อเปื้อนก็ปัดให้ ไอ้เรามันเด็กต้องรับผิดชอบตัวเองมาตลอด เลยเฉยๆ สุดท้ายผมก็ตีตัวออกห่างเธอ (ผมไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับเธอนะครับ) เพราะผมยังจำคำสัญญาที่ผมเคยให้ไว้กับคนก่อนหน้านั้นไว้ว่าผมจะกลับมาเป็นแฟนกับเธอ ผมว่ามันไม่แฟร์เท่าที่ผมเจอคือสมัยก่อนผุ้ชายและผู้หญิงเวลาสัญญากันไว้ผู้ชายมักเป็นฝ่ายผิดสัญญา ไปมีลูกมีเมียใหม่เสีย ผู้หญิงสมัยก่อนก็ซื่อสัตย์มากๆ รอเป็นสิบๆปี บางคนได้ยินข่าวผูกคอตายก็มี ผมต้องไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น ผมจะกลับไปหาเธอ ผมอาจจะทำร้ายผุ้หญิงคนที่ข้างผมตอนนี้ แต่ออกไปตอนนี้ยังดีกว่าก่อนที่จะเกินเลยไปกว่านี้ ผมเลือกที่จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนก่อน แต่อนิจจา(หมาไม่แดก) คนที่สัญญากับผมไว้เธอดันไปมีแฟนก่อนผมซะล่ะ และก็ไม่ใช่ใครเพื่อนผมเพื่อนเธอ เพื่อนกันนี่แหละ แล้วผมทำงัยล่ะ จะกลับไปหาคนที่ผมตีตัวออกห่าง เธอเกลียดผมไม่มองหน้าผมไปแล้ว สรุป ผมผิดใช่มั้ย ทำร้ายจิตใจผุ้หญิงแสนดี เพื่อไปหาผู้หญิงแสนเลว ....... นี่คือ บทเรียนที่ 1 ที่สอนให้ไม่ควรโง่กับความรัก
     
  7. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    บทเรียนที่ 2 รักเค้าข้างเดียว แล้วลืมไม่ได้
    เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจว่ารักแรกพบเป็นยังงัยครับ มันมีจริง ตอนผมไปปฎิบัติธรรมม.ปลาย ผมเหนื่อย และเครียดกับชีวิตมาก เลยลองไปดู ปรากฎว่าแค่ผมเห็นหน้าผู้หญิงคนนึง มันทำให้ผมถึงกับสงสัย ความสงสัยเกิดขึ้นในใจว่า ทำไมผมถึงคุ้นกับผู้หญิงคนนี้มาก คุ้นเคยมาก ทั้งๆที่ความจริงผมไม่เคยเจอเธอเลย แม้แต่ชื่อยังไม่รู้จัก
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อยากหาย ไปพบคนนั้น หรือ คนอื่นๆ เหล่านั้น แล้ว เอ่ยปากขอเป็นแฟน เอ้ยผิดๆ ขออโหสิกรรม แล้วให้เค้าเอ่ยปาก ตกลงนะครับ จะได้ตัดกรรมเก่าที่เคยมีกันมาให้หมดครับ

    ว่าแล้วก็ ภาวนา มุงไม่รักกุ กุก็ไม่รักมุง กุก็ไม่รักมุง กุก็ไม่รักมุง ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายนะคับ
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2014
  9. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    เรื่องรักนี่ผม ไม่หนี ทุกก็รู้จักว่าทุก สุขก็รู้จักว่าสุข ปวดใจเจ็บปวดก็รู้จัก
    เจ็บจี้ดๆแบบทิ้งแทงก็รู้จัก อาการจะเป็นยังไง ก็ไม่ทิ้งรัก
    ที่ว่า ผู้ ญ มักถือจิตถือใจ คือ ถือความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง
    พอรู้สึกว่ารัก พอรู้สึกเจ็บปวดพอรู้สึกทุกก็จะหนีไปหาสุข
    แต่ตรงที่เรารู้สึกทุกในร่างกายเรานี่หละ
    เราถือความรู้สึกนึกคิดว่าเป็นตัวตนที่ตรงไหน ก็ทุกที่ตรงนั้นหละคับ
    ท่าเจ็บปวดที่ไหนก็ถือตัวตนที่ตรงนั้น
    ท่าจะหนีทุกหนีรักเมื่อไหร่ ก็เลยไม่ได้รู้เลย
    ท่ารู้จักทุกจริงๆ มันก็ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรคับ
    ไม่จำเป็นต้องเลิกรักรักได้คับท่ารู้จักทุก
    ท่าเขามีกรรมร่วมกับเรายังไงก็หนีกรรมไปไม่พ้น
    เรื่องรักนี่เหตุผล เอามาคิดไตร่ตรองไม่ทัน
    โชคดีคับ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=V8YgiyLs_h4]Kait Weston "Til Death Do Us Part" Official Music Video from Romeo & Juliet - YouTube[/ame]
     
  10. toyhonda

    toyhonda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +1,782
    สำหรับตัวแล้วความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย ถึงเราจะแอบรักใครชอบใคร นั่นก็คือความรู้สึกดีๆให้กับตัวเอง .. ความรักไม่จำเป็นต้องให้ได้มาเป็นเจ้าของ แค่รักเค้าชอบเค้าแล้วอย่าทำให้เรารู้สึกว่าการแอบรักเค้ามันเป็นทุกข์ก็น่าจะเพียงพอแก่คำว่าแอบรักได้นะค่ะ (ความรักทำให้โลกสวยงาม แต่อย่าไปยึดติดกับมันมากค่ะ) เป็นความเห็นส่วนตัวที่อาจไม่ตรงใจนะค่ะ
     
  11. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    ต้องพิจารณากายคตาสติกับอสุภกรรมฐานให้มาก ๆ จะได้เป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง
     
  12. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    คุณนวลปรางพูดถูก ต้องใช้เวลาเท่านั้นครับ สำหรับคนที่ยังฝึกการปิดทวารไม่แข็งแรง

    ถ้าฝึกสติมาดีแล้วจะควบคุมสติได้ จิตเกิดความชอบรู้ว่าจิตชอบ
    จิตเกิดความกำหนัดรู้ว่าจิตเกิดความกำหนัด
    จิตเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ปล่อยไปตามนั้น นั่งดูมันห่างๆ เหมือนคนเฝ้าสังเกตการณ์เฉยๆ
    ไม่ได้ไปร่วมแจมกับเขา
    หลังจากนั้นจิตจะค่อยๆ คลายความกำหนัดขึ้นมาเอง
    เด่วพอไปทำอย่างอื่นก็ลืมไปแล้ว

    แต่ถ้าไม่ฝึกมาจะทำไม่ได้เลย
    มันจะเก็บไปคิด เก็บไปฝัน เก็บไปนอน
    กอดภาพเขาเอาไว้แน่น เหมือนคนนอนคู้ตัวกอดหมอนข้างในผ้าห่ม

    ทำไงดีละ? ก็คิดสะว่า เขามาทำให้เรามีความสุขทางใจ ก็โอนะ โลกสวยมากเลยช่วงนี้
    แล้วเด่วพอนานไป เค้าจะทำให้เราเสียใจ เราก็จะเสียใจมาก
    พอหมดบุญ กรรม เราก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก มองก็เฉยๆ ก็จะคิดว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นเอาหนักเลยนะ
    มันจะวนลูป ประมาณนี้แหละคับ

    สิ่งที่ทำได้ช่วงนี้คือ เริ่มถือศีล 5 ศึกษาพุทธพจน์เพิ่มเติม อย่าไปทำกรรมไม่ดีเพิ่มครับ
    ต้องรอให้เวลาค่อยๆ เยียวยาเอา
     
  13. Bar

    Bar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +164
    หารูปซากรูปศพที่น่าเกลียดมาดูบ่อยๆ ดูศพลักษณะต่างๆ ดูตับไตไส้พุง ถ้ากลัวไม่กล้าดูก็ดูรุปคนแก่ไปพรางๆ ก่อน แล้วพิจารณาว่าเราเขาก็เหมือนกัน
     
  14. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ..ไม่ใช่เรื่องกรรมเก่านะครับ ..เเต่เป็น"กรรมใหม่"ในปัจจุบันที่มีตัณหาเป็นแม่บทชักใยอยู่...ท่านจขกท.จึงเข้าใจถูกแล้วว่านี่เป็น.."เพราะเราจิตใจฟุ้งซ่านและหลงไปเองเท่านั้น.."..

    พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า..."สิ่งใดที่จะยังใจของชายให้หวั่นไหวได้เท่าการได้เห็นรูปของหญิงแล้วเป็นไม่มีเลย "..แม้ใจหญิงเองก็ย่อมหวั่นไหวเพราะการได้เห็นรูปของชายเหมือนกันฉะนั้น...นี่เป็นความจริงแท้ที่ท่านจขกท.ได้ประจักษ์แล้วในบัดนี้..


    ความเศร้าโศกโทมนัสที่เกิดขึ้น ก็เพราะตนเองคิดคาดหวังในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ ครั้นไม่ได้สมปรารถนาหรือเห็นรูปการณ์ว่าจะไม่ได้ดังคาด ก็เข้าถึงความพิไรรำพันก่นโศก ..

    ท่านจขกท. ลองย้อนคิดไปในตอนที่ท่านยังไม่ได้นึกรักใคร่อยากเกี่ยวข้องกับเพื่อนชายคนนี้ดู จะพบว่า ตอนโน้น ท่านมีใจเบาสบายไร้น้ำหนัก แม้เขาจะไปคุยหรือเดินกับสาวอื่น ท่านก็ไม่รู้สึกหนักใจ สะดุ้งผวาอะไร นั่นเพราะตอนนั้น ตัณหาเขายังไม่แสดงบทบาท..จึงไม่ได้รู้สึกว่าตนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชายคนนั้นอะไร ก็สิ่งใดที่ไม่ใช่ของเรา ไม่เกี่ยวกะเราในที่ใหนๆ แม้สิ่งนั้นจะอยู่ให้เห็นหรือหายสาปสูญไป เราย่อมไม่สะดุ้งสะเทือนหรือเศร้าหงอยอะไร...จริงใหมครับ?...แต่ทันทีที่เห็นผิดขึ้นมาว่า "เอ้ย คนนี้นี้เรารัก เขาคือของเรา"...เท่านั้นแหละ ทุกข์ประดามีในโลกย่อมท่วมทับใจตนจนแทบตายทีเดียว จริงใหม?..

    พอตัณหามีกำลังกล้า ย่อมเกิดอุปาทาน ว่านี่ละใช่เลย เขาคือคู่ของเราในอดีตชาติ นั่นแน่!.. เข้าใจคิดเข้าข้างตัวไปได้ ก็ถ้าเขาเป็นคู่เราจริง คงวิ่งโร่มาสมานไมตรีเพื่อครองคู่กันตั้งแต่แรกพบแล้ว จริงใหม?..แต่ดูเถิดเขาไม่ได้อินังขังขอบเราเลย...ทั้งๆที่เราแผ่รังสีรักไปหาเขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นี่ เห็นใหม..เห็นใหม...แล้วเราจะทำตนให้ทุกข์ไปคนเดียวเพื่อประโยชน์ใดฤา..

    คนที่เกิดมาเพื่อเสียเวลาไปกับการเพ้อพร่ำรำพันทุกข์ไปคนเดียวนั้น ไม่ควรเลย อุตส่าห์เกิดเป็นคนด้วยบุญอันดี ใยไม่พิจารณาด้วยปัญญาว่า มีประโยชน์โภคผลใดบ้างใหมกับความเศร้านี้?..คนเกลียดตนเท่านั้นชอบทำแต่สิ่งมีโทษให้ตนเดือดร้อน ก็ตัวเองยังเกลียดตนเองเช่นนี้ จะให้แมวที่ใหนมารักตนเล่า?..


    บัดนี้เป็นเวลาแห่งการประกาศตนเป็นอิสระจากการเป็นทาสของตัณหาแล้ว ยุติความเห็นผิดว่า คนที่เป็นคู่กันนั้นถูกอะไรๆกำหนดมาแล้ว ยังกับทฤษฎีบร้ะเจ้าที่ทำได้..ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหลหาสาระเหตุผลไม่ได้..เอาใจไปใคร่ครวญในคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าดีกว่า ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ตัวเรายังไม่มี แล้วของเราจะมีมาแต่ใหน...ยุติการเอาใจไปยึดว่านายคนนั้นคือคนรัก"ของเรา"เสีย คิดเพียงว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์คนหนึ่ง ..


    เมื่อจะรักก็รักด้วยเมตตาไม่เพ่งเล็งว่าเขาต้องมาเกี่ยวข้องเป็นของเราคนเดียว ถ้าเขามีคนรักก็ยินดีด้วยที่เขาได้ความสุขจากคนที่เขาเลือก ..เพราะรักด้วยเมตตาเราจึงปรารถนาให้เขามีความสุข แต่ถ้ารักด้วยตัณหาแล้ว จะคิดว่าตนเท่านั้นต้องได้ความสุขเพราะการครอบครองเขา ..เขาจะไปกับใครที่ใหนก็ไม่เกี่ยวกับเราเลย เราเองก็มีกิจแห่งทุกข์ประการต่างๆมากมายที่ต้องบริหารอยู่แล้ว ..ความจริงตนมีขันธ์๕ที่เป็นทุกข์ให้ต้องแบกหนักอยู่ทุกวินาทีทีเดียว นี่ถ้าได้ขันธ์๕อื่นมาเพิ่มจะสาหัสสักเพียงใด...เราเองเจ็บป่วยได้ พิการและตายได้ แม้ขันธ์๕อื่น ที่แสนหล่อเหลาก็เป็นได้ทุกอย่างเช่นนั้น..คุ้มใหมที่จะดิ้นรนเพิ่มภาระให้กายใจตนอีก..ตนเมื่ออยู่คนเดียวอาจนอนตื่นสายได้ในวันหยุด...แต่ถ้าได้ขันธ์อื่นมาเพิ่มแล้ว กลับต้องดิ้นรนตื่นแต่เช้าทำหน้าที่ดูแลปรนนิบัติเขา แล้วใครจะรู้ว่า เขาจะจงรักภักดีกับเราตลอดไป ไม่หนีไปทิ้งหนี้พร้อมลูกให้แบกรับคนเดียวแทบกระอักอย่าง Link นี้...ในอนาคต?..ใครรับประกัน?


    http://palungjit.org/threads/ฉันเสียใจยังไม่พออีกหรือ.509846/



    และดูเถิด..นี่ขนาดยังไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกะเขาเล้ย เเค่เห็นเขาคุยกะสาวอื่น เราก็แทบสิ้นลมล้มประดาตายทีเดียว..ถ้าวันใดเกิดได้เขามาครองคู่ แล้วเกิดไปเห็นเขายืนดื่มน้ำปะปาที่ก๊อกสาธารณะ มีสาวสวยยืนข้างๆ จะถึงกับช็อคหัวใจวายตายหรือเปล่า หากตายด้วยใจที่เสียเช่นนั้น จะไปที่ใหนดีระหว่างทุคติกับสุคติ?..

    ท่านจขกท. พึงอบรมเตือนตนไปตามลำดับเถิดว่า .. ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สัพพันตัง นิโรธธัมมัง สิ่งนั้นทั้งหมดก็มีความดับไปเป็นธรรมดา...ความทุกข์ที่เกิดนี้ ตนทำขึ้นเองเพราะความหลงความไม่รู้ บัดนี้ท่านได้รู้แล้วด้วยปัญญาว่าการคาดหวังในสิ่งใดย่อมนำความทุรนทุรายมาสู่ตนทั้งนั้น ..เมื่อไม่คาดหวัง ความผิดหวังจะมีมาแต่ใหน..แล้วรักษากายใจตนให้อยู่ในความสงบรำงับ ไม่ขวนขวายจะถือครองใครๆว่าเป็นของตน ในที่ทั้งปวงความทุกข์โศกย่อมระงับดับลงได้ ...ดังนี้..

    เอาใจช่วยครับ
     
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,436
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063


    ...ตอบตามชื่อกระทู้


    ถ้าจะโทษวิบากกรรมเก่า ก็เป็นได้ทั้งผลจากการผิดศีลห้าข้อ3


    หรือ ไม่ก็ ...การจองเวรจองกรรมกันส่วนตัว ไม่อโหสิกรรมต่อกันสักที...



    -----------------------------


    แต่ในวิสัยปุถุชนทั่วไป ที่ไม่อาจหยั่งรู้ด้วยวิชชาที่ฝึกไว้เอง

    การที่มีเหตุการณ์อะไร ก็โทษกรรมเก่าในอดีตหมด ก็ไม่ถูกนัก


    หลายอย่าง อาจเป็นเพราะ กิเลส ในชาติปัจจุบัน

    ที่อยากเอง ทุกข์เอง วุ่นวายไปเอง


    ก็ต้องเรียนรู้ที่จะนำคำสอนมาผ่อน จาง คลาย ระงับ ดับลง ซึ่งทุกข์ในปัจจุบัน
     
  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,436
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,022
    ค่าพลัง:
    +70,063
    [​IMG]



    ทุกข์จากความรัก

    หลวงตาม้า สอนว่าความทุกข์จากความรักนั้นมันเป็นพลังงาน ที่เสียเวลายาวนาน บางคนยึดมั่นในรัก ติดอยู่ในภพภูมิ เสียเวลายาวนาน กว่าจะได้เจอกัน และมารอกันอีก หากอีกคนแยกไปก็เกิดการฆ่ากันอีก เกิดเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีก หรือเรียกว่าทั้งรักทั้งแค้น ผูกกันไปอีก ยาวนาน นี่คือทุกข์ของความรักที่เจือปน ไม่ใช่ความรักที่แท้จริง การอธิษฐานแก้ไขในกรรมประเภทนี้ หลวงตา ให้ใช้ กรรมฐาน การฝึกจิต สมาธิ ฝึกให้ขึ้นพรหม (อันมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) จะแก้ไขในเรื่องทุกข์ของความรักนี้ได้ เพราะว่าพรหมไม่มีเพศ จึงหมดเรื่องพวกนี้โดยปริยาย หลวงตากล่าวเน้นว่า "ความรักคือความปรารถนาดีกับทุกๆคน ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร นี่แหละความรักที่แท้จริง"

    หลวงตาม้า อธิบายว่า เจ้ากรรมนายเวรโดยตรงต่อเราในชาติปัจจุบัน ก็คือ คนที่รักเราหรือคนที่เรารักมากที่สุดนั่นแหละ ที่งี้เราไม่รู้หรอกว่าเจ้ากรรมนายเวรเราอยู่ที่ไหน หากอยู่เทวดาหรือพรหม เขาก็ไม่เอาเรื่องเราหรอก ถ้าติดอยู่ข้างล่างก็เหมือนติดคุก เขาก็เอาเรื่องเราไม่ได้ ดังนั้นเจ้ากรรมนายเวรเราอยู่ที่โลกมนุษย์เรานั้นแหละ หากเราทำกรรมฐานอยู่ แผ่ให้เจ้ากรรมนายเวรเราเสมอ หากเจ้ากรรมนายเวรเราอยู่ในภูมิที่ลำบาก ถามว่าจะทำอันตรายเราใหม หลวงตาตอบว่าไม่ทำหรอก เพราะว่าเราเป็นตัวบุญอย่างดี ดังนั้นเจ้ากรรมนายเวรที่อันตรายที่สุดคืออยู่ในมนุษย์เรานั้นแหละ (ญาติ ลูก เมีย เรา รวมถึงเพื่อนรักเรา พี่น้อง เจ้านาย หรือคนที่เราไม่ชอบ นี่คือ เจ้ากรรมนายเวรเราในโลกมนุษย์ทั้งนั้น)

    การเวียนว่ายตายเกิด ในช่วงที่เกิดเป็นมนุษย์ จะมารับเศษกรรมในอดีต และมาทำเพิ่มใหม่ต่อไปทั้งดีและไม่ดี พอตายไปก็จะไปรับกรรมตอนที่ทำอยู่ในมนุษย์ ทั้งดีและไม่ดี แต่ถ้าเราฝึกจิต โดยการทำกรรมฐานไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้แล้วว่าเราจะเกิดหรือไม่เกิด หรือสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี หลวงตาท่านสอนว่า “พวกเราตายแน่ๆ และเกิดแน่ๆ”

    จะเดิน.. นั่ง.. กิน.. แม้แต่ตอนนอน ภาวนาไว้ อย่าได้ขาด..
    ปฏิบัติ ทุกลมหายใจเข้าออก ทรงอารมณ์ดีดี
    อย่าให้กระแสไม่ดี เข้ามากระทบ...

    หากเรานึกในสิ่งดีๆ จิตจะเพิ่มแต่ในสิ่งที่ดีๆ
    อย่าจุดประกายในสิ่งที่ไม่ดี เพราะจิตจะเพิ่มในสิ่งที่ไม่ดี
    อย่ามัวนึกแต่กรรมเก่าในอดีต มันทำให้เราเศร้าหมอง

    การคิดถึงในสิ่งที่ไม่ดี นอกจากกรรมจะเข้าเราเร็ว
    ตามสิ่งที่เราคิดแล้ว ยังทำให้เราตายผ่อนส่ง
    คือตายเร็วกว่ากำหนดอีกด้วย

    ทุกวันนี้เราฝึกไว้เพื่อเตรียมตัวตาย
    ถ้าไม่ฝึกไว้ เวลาตาย มันจะเคว้งไม่รู้จะไปไหน
    การฝึกสมาธิ ไม่เกี่ยวกับการนั่งนานหรือไม่นาน
    แต่เกี่ยวกับว่า ทำแล้วอารมณ์สบายๆใหม

    อย่าจมอยู่กับความเศร้าหมอง...
    ไม่มีใครไม่มีทุกข์ เกิดมาก็ทุกข์
    เพียงแต่ว่าจะทุกข์มากหรือทุกข์น้อย

    ผู้ปฎิบัติธรรม ให้ดูที่จิต อารมณ์ดี จิตสบาย
    ไปไหนก็มีแต่คนรัก ทำอะไรก็มีแต่คนช่วยเหลือ
    ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เกินกำลัง

    การบันทึกบุญอยู่ที่อารมณ์ หากอารมณ์ดี
    ก็จะบันทึกบุญได้ตลอด หากอารมณ์ไม่ดี
    จะบันทึกบุญไม่ได้เลย...

    อย่าจมอยู่กับความเศร้าหมอง...

    ต้องทำตัวเองให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน


    . . .

    เรียบเรียงเนื้อหาจากคติธรรมคำสอนของ
    พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)
    วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
    ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ผมสวดชินปัญชร
    เปิดหนังสือหัดสวด ยังไม่ทันได้เก้าจบแรกเลย
    มือเย็นเท้าเย็น ทนไม่ได้อยากจะลุึกขึ้นเดินพร่าน
    ผมว่าสวดชินณปัญชรเยอะๆ
    ถ้ามีเงินเหลือกินเหลือเก็บ เปลี่ยนอาชีพเป็นสวดชินณปัญชรเลย
    สวดวันละสาม สี่ห้าร้อยจบขึ้นไป
     
  18. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    สวัสดีค่ะ เรา จขกท. เองนะคะ เราอยากขอบคุณทุกท่านจากใจจริงที่มาช่วยตอบกระทู้ของเราค่ะ ทุกๆความเห็นมีความหมายกับเรามากและทำให้เราเรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวเราจริงๆค่ะ เราจะเก็บเล็กผสมน้อยคำแนะนำทุกท่านไปประยุกต์ใช้ ก่อนหน้านี้เราคุมจิตใจตัวเองแทบไม่ได้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ นึกถึงแต่เพื่อนคนนั้น ตอนนี้ยังมีอยู่บ้างแต่ถี่น้อยลงแล้วค่ะ อาจจะต้องใช้เวลาเยียวยาสักพักหนึ่ง เรารู้สึกดีที่ได้มาตั้งกระทู้ถามทุกท่านที่นี้มากคะ ก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่าจะเล่าให้ใครฟังหรือขอคำปรึกษาใครดี เราเพิ่งมาสังเกตุและได้ข้อคิดเล็กน้อยจากเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่อย่างหนึ่งคะ คือ ช่วงชีวิตที่เรามีความสุข มันทำให้เราหลงไปกับความสุขโดยไม่ได้ใส่ใจกับธรรมะเลย หรือนานๆใส่ใจที แต่พอทุกข์ปั๊บ เรากลับหันหน้าพึ่งธรรมะ จากที่สวดมนตร์บ้าง ไม่สวดบ้าง กลับสวดบ่อยขึ้น ศึกษาตัวคำสอนของศาสนาเพื่อเยียวยาจิตใจมากขึ้น เราจะพยายามมองในแง่ดีว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สอนเราว่า ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ต้องพยายามศึกษาธรรมะอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพื่อแก้ แต่เพื่อสร้างให้จิตใจเรามีเกราะที่เข้มแข็งป้องกันอะไรที่เข้ามา ไม่ใช่จริงจังแค่เมื่อเป็นทุกข์เท่านั้น (ต้องเตือนตัวเองเวลาสุขมากกว่าทุกข์ว่า ห้ามขี้เกียจ!!!!!) ก่อนหน้าเราฟังเพลงเศร้าบ่อยๆ แล้วก็เสียใจๆๆๆฟุ้งซ่านๆๆๆๆ แบบนี้เป็นลูปไปเรื่อยๆทุกวันค่ะ ยิ่งตอนนี้เรามาเรียนต่อไกลบ้าน ห่างพ่อแม่พี่น้อง มีเวลาอยู่คนเดียวเยอะ เวลาฟุ้งซ่านเลยเยอะตาม ตอนนี้เราจะเลี่ยงอะไรที่มันไม่เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับเราค่ะ แล้วพยายามสวดมนตร์ภาวนาและฝึกสติซึ่งจะดีกับเราในระยะยาวค่ะ เราเชื่อว่าสิ่งที่เข้ามาจะทำให้เราจิตใจเข้มแข็งขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ

    อย่างไรก็ตาม เราขอขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งหนึ่งนะคะ เรามีกำลังใจมากขึ้นจริงๆจากคำแนะนำของทุกๆท่าน ทุกๆความคิดเห็นค่ะ :)

    (ปล. เราเขียนยาวนิดนึงนะคะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...