เกาะติดสถานการณ์ ดิน น้ำ ลม ฝน พายุ **เฝ้าระวัง !!!!2556(2013)**

พายุลูกเห็บถล่ม'ด่านช้าง' โรงเรียน-บ้านหลังคาพัง

พายุฤดูร้อน พามาทั้งลม ฝน ลูกเห็บ พัดถล่มในพื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หลังคาอาคารเรียนปลิวหายทั้งกระบิ บ้านพัง เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด ผอ.โรงเรียนเผยกำลังกินเลี้ยงต้องหนีกันชุลมุน เร่งซ่อมแซมให้ทันเปิดเรียน...
วันที่ 20 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังหมู่บ้านละว้าวังควาย หมู่ 4 ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หลังรับแจ้งว่า เกิดเหตุพายุถล่ม สร้างความเสียหายให้อาคารบ้านเรือนและโรงเรียน พบว่าตัวอาคารเรียนทั้ง 3 หลังของโรงเรียนบ้านละว้าวังควาย ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังคาอาคารถูกแรงลมพัดจนหลุดเกือบทั้งหลัง ภายในห้องเรียนเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน ทรัพย์สินที่อยู่ภายในห้องเรียนที่มีทั้งคอมพิวเตอร์ เอกสาร หนังสือเกี่ยวกับการเรียนการสอนเสียหายทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังพบว่าบ้านเรือนของราษฎรในละแวกใกล้เคียงได้รับความเสียหายด้วยรวม 56 หลังคาเรือน โดยมี 10 กว่าหลังคาเรือนที่หลังคาถูกแรงลมยกไปทั้งกระบิ สภาพภายในหมู่บ้านยังมีน้ำท่วมขังอยู่หลายจุด โดยเฉพาะหน้าโรงเรียนที่แม้จะอยู่ในพื้นที่ดอนในเขตป่าเขายังถูกน้ำท่วมขัง

นายบุญรอด พลเสน ผอ.ร.ร.บ้านละว้าวังควาย เผยว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนในโครงการกองทุนการศึกษาที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี รับดูแลอยู่ เมื่อตอนใกล้ค่ำวานนี้ (19 มี.ค.) ขณะที่ชาวบ้านและคณะกรรมการสถานศึกษา ได้มาช่วยสร้างบ้านพักครู และอาคารอเนกประสงค์ให้กับโรงเรียนตามนโยบายของกองทุนการศึกษา หลังทำงานเสร็จก็ได้มีการจัดเลี้ยงอาหาร ระหว่างนั้นได้เริ่มมีลมกระโชกอย่างรุนแรง ต่อมาได้กลายเป็นพายุหมุน พร้อมกับมีฝนและลูกเห็บตกลงมาด้วย ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างพากันวิ่งหลบภัยจากพายุและลมฝนกันชุลมุน ซึ่งเหตุการณ์พายุลักษณะนี้ชาวบ้านแถบนี้เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก

ขณะที่ นายจักรพรรดิ์ จิตมณี ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 3 กล่าวว่า หลังได้รับรายงานได้ส่งคณะเข้าไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นประเมินค่าเสียหายมากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะรีบดำเนินการจัดหางบประมาณมาซ่อมแซมเพื่อให้ทันเปิดเรียน ซึ่งเหตุครั้งนี้ถือโชคดีอย่างหนึ่งที่เกิดระหว่างโรงเรียนปิดภาคเรียน จึงทำให้ไม่มีนักเรียนได้รับอันตราย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่าที่โรงเรียนบ้านวังยาว ตำบลเดียวกัน ก็เจอลมพายุเช่นกัน แต่อาคารเรียนได้รับความเสียหายเล็กน้อย ขณะนี้ได้สั่งการให้ครูในพื้นที่รับผิดชอบทุกโรงเรียนจัดเวรยาม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่เวรเฝ้าโรงเรียนตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามทิ้งโรงเรียนเด็ดขาด.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Proprety Perfect
วันที่ 20 Mar 2014

 

เรื่องนี้ไม่ใช่ภัยพิบัติแต่อยากนำมาเผยแพร่ต่อเพราะมันเป็นจิตวิบัติ มันเป็นอันตรายที่อยู่รอบๆตัวเราและคนที่เรารักครับ

'กรุงเทพ' แชมป์คดีข่มขืนมากสุด! วันละ 87 ราย

พบสถิติความรุนแรงในรอบปี ชี้กรุงเทพฯ ครองแชมป์คดีข่มขืนมากสุด มีผู้หญิงและเด็กถูกกระทำกว่าจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย กว่า 59% เป็นนักเรียนนักศึกษา ซึ่งเหล้ายังเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญ...

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 57 ในเวทีเสวนา "สถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี2556" จัดโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากการรวบรวมสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด คมชัดลึก และมติชน พบว่า ข่าวการกระทำความรุนแรงทางเพศ มีทั้งหมด 169 ข่าว ประเภทข่าวที่พบมากที่สุด คือ ข่าวข่มขืน 51.5% รองลงมา ข่าวอนาจาร 17.1% ข่าวพยายามข่มขืน 13.6% ข่าวรุมโทรม 7.1% ข่าวพรากผู้เยาว์ 2.4% นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ คือการค้าประเวณี 3.6% ข่าวชายกระทำต่อเพศชาย 4.7% ในจำนวน 169 ข่าวนี้ มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศทั้งสิ้น 223 ราย เสียชีวิต 29 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการถูกข่มขืนมากถึง 22 ราย หรือ 75%

"ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศ 37.7% มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงมา มีปัญหาการควบคุมยับยั้งอารมณ์ทางเพศ 24.5% ต้องการชิงทรัพย์ 20.8% สำหรับช่วงอายุผู้ที่ถูกกระทำ ได้แก่ 11-15 ปี 35.1% รองลงมา 16-20 ปี 22% และ 26–30 ปี 10.1% ที่น่าตกใจ คือผู้ถูกกระทำที่อายุน้อยที่สุดเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 1 ขวบ 9 เดือน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำที่มากที่สุด คือ 85 ปี ซึ่งถูกกระทำในกรณีข่าวข่มขืน สำหรับผู้กระทำที่อายุน้อยสุด อายุเพียง 10 ปีกระทำในข่าวรุมโทรม และผู้กระทำที่อายุมากที่สุด อายุ 85 ปี กระทำอนาจารเด็ก" นางสาวจรีย์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังพบความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำคือ 47.5% เป็นคนแปลกหน้ามากที่สุด รองลงมา 41.8% เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน 5.6% เป็นคนในครอบครัว/เครือญาติ และ 5.1% เป็นคนที่รู้จักผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก

สำหรับอาชีพผู้ถูกกระทำ พบว่าเป็นนักเรียน/นักศึกษามากที่สุด 59.2% รองลงมาเป็นกลุ่มเด็กเล็ก 6.6% พนักงานบริษัท 5.4%

ส่วนผู้กระทำมีอาชีพเป็นลูกจ้าง/รับจ้าง 19.2% รองลงมาว่างงาน 14.3% เป็นนักเรียน/นักศึกษา 12.8% ครู/อาจารย์ 8.5% และขับรถตู้/รถแท็กซี่ 7.8% ทั้งนี้
พื้นที่เกิดเหตุมากที่สุดยังเป็นกรุงเทพฯ 26.6%รองลงมา ชลบุรี 11.8 % สมุทรปราการ 8.3% นนทบุรี 5.9% ปทุมธานี 5.3%

ความรุนแรงทางเพศดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกายจิตใจ 1 ใน 3 มีอาการหวาดผวา ระแวง ซึมเศร้า รองลงมา คือ ผู้กระทำใช้อำนาจบังคับข่มขู่ละเมิดทางเพศ ทำให้ผู้ถูกกระทำขัดขืนต่อสู้จนถูกฆ่าเสียชีวิต หลายรายถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส และมีที่ไม่กล้าแจ้งความเอาผิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 กับ ปี 2554 พบว่า ปี 2556 มีจำนวนข่าวความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น (ปี 2554 มีจำนวน 158 ข่าว) โดยประเภทข่าวที่ครองแชมป์อันดับ 1 ยังคงเป็นข่าวข่มขืน

ด้าน นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากสถิติการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก มีแนวโน้มสูงขึ้น ปี 2556 มีจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือทุกๆ 15 นาที มีผู้หญิงและเด็กถูกทำร้าย 1 คน ซึ่งผู้ที่กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ และจากการให้บริการคำปรึกษาของมูลนิธิฯ พบว่า มีผู้ขอรับบริการ 261 ราย ในจำนวนนี้ประสบปัญหา 385 กรณี โดยจะมีระบบบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและด้านสังคมสงเคราะห์

"ผู้กระทำเป็นคนมีความรู้มีการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ควบคุมอารมณ์ แม้กฎหมายจะเปลี่ยนไป แต่ผู้กระทำก็ยังใช้อำนาจ เช่น ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้กระทำเป็นเจ้าหนี้ หรือกรณีหญิง 17 ปี ถูกเพื่อนในชั้นเรียนข่มขืนถ่ายคลิปข่มขู่ เด็ก 7 ขวบ ข่มขืนเด็ก 7 ขวบ และกรณีหญิงถูกข่มขืนขณะตั้งครรภ์ หรืออดีตแฟนใช้อุบายหลอกข่มขืน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือ กระบวนการส่วนใหญ่ยังปกป้องผู้กระทำ หลายกรณีเอาผิดไม่ได้ คดีล่าช้า การให้ยอมความ ขณะเดียวกันศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC ของบางหน่วยงานขาดการจัดระบบรองรับ โดยเฉพาะการช่วยเหลือดำเนินคดีและกระบวนการส่งต่อที่ยังขาดความคล่องตัว แม้มีนโยบายประกาศชัดเจน แต่ยังขาดงบประมาณในการสนับสนุน และมีข้อจำกัด หรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางสถานี อ้างเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ให้รอไว้ก่อน" นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าว.





ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Proprety Perfect
วันที่ 20 Mar 2014

 

ช่วงนี้พื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะแถวอีสานโดนพายุฤดูร้อนกับลูกเห็บถล่มบ่อย ท่านใดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องระมัดระวังกันหน่อยน่ะครับ ส่วนพื้นที่เสี่ยงคือส่วนไหนบ้างก็ติดตามจากประกาศกรมอุตุฯได้น่ะครับ

พายุฤดูร้อนถล่มร้อยเอ็ด บ้านเรือนประชาชนเสียหายเพียบ เดือดร้อนกว่า10 ตำบล

วันพฤหัสบดี 20 มีนาคม 2557
เมื่อวันที่ 20 มี.ค นายพิทยา กุดหอม หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ดพร้อมทีมงานได้ออกสำรวจความเสียหายในอำเภอธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด หลังจากพายุฤดูร้อนพัดถล่มในช่วงกลางคืนที่ผ่านมาโดยชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนในขณะนี้มี 10 ตำบล 12 หมู่บ้าน 250 หลังคาเรือนโดยที่หนักสุดอยู่ที่ตำบล เมืองน้อย หมู่ที่ 2 โดยเฉพาะฟาร์มไก่ของนาง

ลัก วงศ์คำแก้ว อายุ 44 ปีได้ถูกลมพายุฤดูร้อนพัดพังถล่มลงมาทั้งหลัง

นางลัก เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเวลาประมาณ22.00ของวันที่ 19 มี.ค ที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักรุนแรงจนทำให้ฟาร์มไก่พังถล่มลงมาแต่ยังโชคดีที่ในช่วงเช้าก่อนจะเกิดเหตุได้ถึงกำหนดที่ส่งไก่กว่า6000 ตัวขายพอดีเลยทำให้ไม่มีไก่ตายนอกจากนี้ลมพายุยังได้พัดเอาต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกใว้หน้าบ้านหักลงมาทับรถไถนาเดินตามที่จอดอยู่หน้าบ้านจนพังเสียหายทั้งคัน นอกจากนี้ที่บ้านของ นางอุดร รวมแผว อายุ 57ปี ราษฎรบ้านเดียวกันได้มีวัวเพศเมียอายุ5 ปี ถูกยุ้งข้าวที่ถูกลมพายุพัดพังถล่มลงมาทับจนเสียชีวิตไป 1ตัวและยังมีลูกวัวได้บาดเจ็บอีก 5 ตัว

ด้านนายพิทยา กล่าวว่าในเบื้องต้นจะได้เร่งสำรวจความเสียหายและจะได้นำเสนอนายสมศักดิ์ ขำทวีพรม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด

เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนในครั้งนี้ต่อไป

พายุฤดูร้อนถล่มร้อยเอ็ด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

พายุพัดถล่มโคราชบ้านเสียหายแล้ว 250 หลัง

ปภ. โคราช ล่าสุดได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ 24 หมู่บ้านบ้านเรือนพังเสียหายกว่า 250 หลังคาเรือน ...
เมื่อเวลา 13.30 น วันที่ 20 มี.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดนครราชสีมามีล่าสุดความเสียหายในพื้นที่ 3 อำเภอประกอบด้วยอ. ขามทะเลสอ, อ. สีคิ้วและอ. โนนแดงบ้านเรือนราษฎรเสียหายรวมกว่า 250 หลังคาเรือน


อย่างไรก็ตามหลังจากที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 มี.ค. 57 ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฤดูร้อนในเขตพื้นที่อ. ขามทะเลสอส่งผลให้มีพายุลูกเห็บ 6 ในพื้นที่หมู่บ้านของต. หนองสรวงซึ่งจากการสำรวจล่าสุดพบว่า 114 หลังคาเรือน และเสาไฟฟ้าหักล้มลงหลายต้นทั้งนี้ ขณะที่ทางอบต. หนองสรวง ทั้งนี้ เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าช่วงระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2557 จะมีฝนฟ้าคะนอง ภาคกลางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ





ที่มา: ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - Site
วันที่ 20 มีนาคม 2014

 

พายุร้อนถล่ม2จังหวัด ยุ้งข้าวพังทับวัวตาย


พายุฤดูร้อนแผลงฤทธิ์พัดถล่มพื้นที่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ยุ้งข้าวใส่ข้าวเหนียวไว้ 7 ตัน พังทับวัวตัวเมียตายคาที่ ลูกวัวบาดเจ็บอีก 5 ตัว ส่วนที่ อ.ดงหลวง มุกดาหาร แม่บ้านถูกต้นงิ้วโค่นทับกลางหลังเจ็บสาหัส ทางการเร่งสำรวจประกาศพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน
เวลา 22.00 น. วานนี้ (19 มี.ค.) ได้เกิดลมพายุฤดูร้อนพร้อมฝนและลูกเห็บตกในท้องที่หมู่ 10 ตำบล ใน อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ทำให้บ้านเรือนชาวบ้าน โดยเฉพาะหลังคาบ้านพังเสียหายจำนวนกว่า 250 หลัง โดยเฉพาะยุ้งข้าวขนาดกลางของนางอุดม ร่วมแผ้ว อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 บ้านมะยาง หมู่ 4 ต.เมืองน้อย อ.ธวัชบุรี มีวัว 6 ตัว ขังอยู่ในคอกที่ใต้ถุนยุ้งข้าวถูกลมพายุพัดพัง ทำให้ยุ้งพร้อมข้าวเปลือกเหนียวน้ำหนักรวมกว่า 7 ตัน พังลงมาทับวัวตัวเมียอายุ 5 ปี ราคากว่า 4 หมื่นบาทตายคาที่ ลูกวัวตัวเมียอายุ 6 เดือน 1 ตัวบาดเจ็บสาหัส เดินไม่ได้ ที่เหลืออีก 4 ตัว บาดเจ็บเล็กน้อย ชาวบ้านต้องช่วยกันโกยเอาข้าวเปลือกเพื่อช่วยลูกวัวออกมา



ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ ฝนตกหนัก มีลูกเห็บตกจำนวนมากนานกว่า 20 นาที ส่งผลให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านปลิวว่อนต้นไม้ล้มระเนระนาด ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด 6 ตำบล และมีต้นไม้ขนาดใหญ่หักโค่นล้มทับชาวบ้านบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนางประนอม วงศ์กระโซ่ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 10 บ้านบก ต.ดงมอน อ.ดงหลวง ถูกต้นงิ้วอายุกว่า 40 ปี ที่อยู่ข้างบ้านหักโค่นลงมาทับร่างนางประนอมที่กลางหลังช่วงเอว ขณะทำงานอยู่ในครัวหลังบ้าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ญาตินำส่งรักษาที่ รพ.มุกดาหาร


ด้านนายสันติ สังขธูป นายอำเภอดงหลวง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เร่งรัดให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว

เบื้องต้นได้รับรายงานเหตุพายุพัดถล่ม อ.ดงหลวง มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 6 ตำบล จำนวน 44 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ซึ่งได้รายงานให้นายสกลสฤษฏ์ บุญประดิษฐ์ ผวจ.มุกดาหาร ทราบแล้วเพื่อประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไป.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Proprety Perfect
วันที่ 20 Mar 2014

 

พายุฤดูร้อน ถล่ม 2อำเภอ'นครพนม'อ่วม



ผูู้ว่าฯ นครพนม สั่งจังหวัดระดมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยจาก "พายุฤดูร้อน" ที่พัดถล่มอย่างหนัก 2 อำเภอ ในคืนเดียว ทำเอาบ้านเรือนเสียหายกว่า 120 หลัง...
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มี.ค.57 นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม สั่งการให้ นายคนึง มีพรหม นายอำเภอนาแก จ.นครพนม พร้อมด้วย นายเกษม วงศ์ตาหล้า นายก อบต.บ้านแก้ง นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเร่งด่วน หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดพายุฝนตกหนัก และมีลมพายุฤดูร้อนพัดแรง ในพื้นที่ จ.นครพนม เป็นเหตุให้บ้านเรือน ต.บ้านแก้ง อ.นาแก จ.นครพนม ได้รับความเสียหายประมาณ 70 หลังคาเรือน ส่วนบ้านนาโสกได้รับความเสียหายอย่างหนัก ประมาณ 15 หลัง เจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจ เพื่อให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้าน ให้มีที่อยู่อาศัย ชั่วคราว และประเมินความเสียหาย โดยการเกิดพายุฤดูร้อนครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบ 5 ปี รวมพื้นที่ จ.นครพนม มีบ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหาย 2 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นาแก จำนวน 70 หลังคาเรือน และ อ.นาหว้า จำนวน 52 หลังคาเรือน รวมทั้งหมด 122 หลังคาเรือน ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ด้าน นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย นางจุรัตน์ เทพอาสน์ นายกเหล่ากาชาด จังหวัดนครพนม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่ประสบวาตภัย พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และประสานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณเข้าไปช่วยเหลือตามกรอบอำนาจ แต่หากไม่เพียงพอทางจังหวัดจะได้จัดสรรงบประมาณเงินทดรองจ่าย ในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เข้าไปสมทบ นอกจากนี้ยังได้ประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ข่าวพยากรณ์อากาศ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ Proprety Perfect
วันที่ 20 Mar 2014

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุฤดูร้อน"
ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2557
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว และจะแผ่เข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบนต่อเนื่องจนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2557 ประกอบกับในระยะนี้จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่าเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกได้ในบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลงได้ 5-7 องศาเซลเซียส
ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง อุตรดิตถ์ แพร่ เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง

ประกาศ ณ วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 05.00 น.

(ลงชื่อ) วรพัฒน์ ทิวถนอม

(นายวรพัฒน์ ทิวถนอม)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา


​

 

ชุมพร แล้งหนักในรอบ 30 ปี สวนกาแฟ สวนทุเรียน เสียหายหลายพันไร่







เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ผู้สื่อข่าว รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ม.18 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่ามีสวนกาแฟและสวนผลไม้ที่ได้ความเสียหายจากสภาวะความแห้งแล้งอย่างหนักจึงเดินทางไปยัง อบต.รับร่อ เพื่อขอทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่ อบต.รับร่อได้นำหนังสือขอรับความช่วยเหลือจาก อบต.ของชาวบ้านร่วมพันรายมาให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งจากการลงสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง12 หมู่บ้าน กินพื้นที่ไม่ต่ำกว่า5,000 ไร่ และพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือหมู่ที่ 18 ซึ่ง ได้รับความเสียหายมากถึง 2,000 ไร่ ซึ่งความเสียหายที่พบส่วนใหญ่คือสวนกาแฟและสวนทุเรียนอยู่ในสภาพยืนต้นตายเนื่องจากขาดน้ำ

เจ้าหน้าที่ อบต.รับร่อ กล่าวว่า ตำบลรับร่อเป็นตำบลใหญ่ที่สุด ใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีพื้นที่ทางการเกษตรมากถึง200,000 ไร่ เกษตรกร60 % ทำสวนกาแฟ ส่วนที่เหลือเป็นสวนผลไม้ ยางพาราและปาล์มน้ำมัน อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์เพราะอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์และป่าสงวน แต่ชาวบ้านก็อาศัยอยู่ในพื้นที่มามากกว่า 30-40ปีส่งผลให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบากเพราะติดขัดทางข้อกฏหมาย ทำให้อบต.รับร่อต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะป่าไม้จังหวัดชุมพรทำให้การช่วยเหลือเกษตรกรล่าช้าไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งผลกระทบจากภัยแล้งครั้งนี้มีความรุนแรงมาก ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในตำบลรับร่อมา 30 กว่าปีก็เพิ่งพบเห็นเป็นครั้งแรกที่ความแล้งรุนแรงหนัก ถึงขั้นต้นทุเรียนและกาแฟ ยืนต้นตายจำนวนหลายพันไร่

นายทองใส แหนบทอง อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.18 ต.รับร่อ กล่าวว่าเกษตรกรชาวสวนกาแฟและสวนผลไม้ในพื้นที่ ได้รับผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งมาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. 2556 และส่งกระทบอย่างรุนแรงในเดือนมี.ค. 2557 ทำให้ต้นกาแฟและต้นทุเรียนในพื้นที่ยืนต้นตายมากถึง2,000 ไร่ และหากว่าฝนยังไม่ตกลงมาจะมีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มมากกว่านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากพื้นที่ ม.18 ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกษตรกรไม่มีน้ำมารดต้นกาแฟส่งผลให้ความเสียหายทวีความรุนแรงมากกว่าพื้นที่หมู่บ้านอื่นๆ และสิ่งที่เกษตรกรต้องการในขณะนี้คือต้องการให้ภาครัฐเร่งดำเนินการทำฝนเทียมและแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูสภาพสวนกาแฟและสวนผลไม้ต่อไป

 

เพิ่มช่องทางเพิ่มรายได้ให้คนกรุง เขตบางกอกใหญ่จัดฝึกอาชีพฟรี5หลักสูตร


นางสาวพรทิพย์วัชรินทร์ดิลก ผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ แจ้งว่าเขตฯ จัดโครงการฝึกอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ เพิ่มรอยยิ้มในวันที่ 26เม.ย.– 8 มิ.ย.57 เวลา09.00-16.00น.ณสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ จำนวน 5ประเภทวิชาๆละ 25คนหลักสูตรละ 2วัน ได้แก่วิชาตุ๊กตาผ้าสักหลาดอบรมวันที่ 26-27เม.ย.57 วิชาดอกไม้การบูรจากผ้าใยบัวอบรมวันที่ 17-18พ.ค.57 วิชากระเป๋าผ้าอบรมวันที่ 24-25พ.ค.57 วิชาโคมไฟขวดพลาสติกอบรมวันที่ 31พ.ค.-1 มิ.ย.57 วิชาต้นไม้มงคลอบรมวันที่ 7-8มิ.ย.57 ทั้งนี้ผู้สนใจสมัครได้ที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนฯสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ ชั้น5หรือสอบถามรายละเอียดโทร.02457 0069 5719-20, 0 2868 1253 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.

 

กทม.เตรียมซ่อมผิวถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยฯ21-23มี.ค.ปิดซ่อมตั้งแต่3ทุ่มวันศุกร์ยาวถึงบ่ายวันอาทิตย์ แนะประชาชนเลี่ยงเพื่อลดปัญหาจราจร


นายศุภชาติ จึงแสงสถิตย์พร วิศวกรโยธาฝ่ายปฏิบัติการ ศูนย์ก่อสร้างบูรณะถนน 6 สำนักการโยธา กทม. แจ้งว่ากทม. จะดำเนินการปรับปรุงถนนบริเวณรอบวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยช่วงวงเวียนออกถนนพหลโยธิน ต่อเนื่องถนนราชวิถีช่วงมุ่งหน้าสามเหลี่ยมดินแดง ความยาวประมาณ 220 ตารางเมตรหรือประมาณ 2-3 ช่องจราจร เนื่องจากถนนบริเวณดังกล่าวมีรอยร้าวลึกลงไปถึงชั้นในของถนนจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุง ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 21-23 มี.ค. 57 ตั้งแต่เวลา 21.00 น.ของวันศุกร์จนกว่าจะแล้วเสร็จในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ทั้งนี้ได้แจ้งเรื่องไปยังสน.พญาไทแล้วเพราะเกรงว่าจะเกิดผลกระทบด้านการจราจร

อย่างไรก็ตามทางศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร(บก.02)ได้แจ้งให้ผู้ใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยหากจะไปถนนพหลโยธินขาออกแนะนำให้ไปใช้ถนนพระราม 6 เลี้ยวขวาแยกประดิพัทธ์มุ่งหน้าแยกสะพาน แต่หากจะใช้ถนนพหลโยธินขาเข้าสามารถใช้การได้ปกติ หรือสามารถใช้ถนนศรีอยุธยามุ่งหน้าแยกพญาไท ออกดินแดงและใช้ถนนวิภาวดีรังสิตแทน เพื่อลดปัญหาการจราจรในพื้นที่โดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ.

 

แนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติ NGV ทรุด กระทบบ้านเรือน ชาวบ้านผวา เกรงจะเกิดความเสียหาย











วันศุกร์ 21 มีนาคม 2557 เวลา 11:29 น.
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 21มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าบริเวณพื้นที่ติดแนวก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติNGVแบบท่อเหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง28นิ้ว ของ บริษัท ปตท.จำกัด มหาชน ที่มีบริษัทจากประเทศจีนรับเหมา และอยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วยการฝังลงใต้ดินลึก4เมตร ริมถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงหลักกิโลเมตรที่13-14เขต ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เกิดการทรุดตัวลงจนดินด้านข้างแยกเป็นทางยาว และโครงสร้างอาคารริมถนนทรุดแตกร้าว รวมถึงเสาไฟฟ้าแรงดันสูงหลายต้นเริ่มเอียงและล่าสุดยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐใดเข้ามาตรวจสอบหรือร่วมดำเนินการแก้ไข

นายสุชาติ มานิตย์ เจ้าของบริษัท ส.เทพธิพงษ์ จำกัดซึ่งมีที่ดินและอาคารติดพื้นที่แนวท่อที่ดินเกิดการไลด์ตัว กล่าวว่า ทรัพย์สินในบริษัทได้รับความเสียหายทั้งอาคารชั่วคราว และที่ดินที่ติดกันได้แตกยาว 5-6 เมตร อยากให้ทางบริษัทออกมารับผิดชอบด้วย โดยขณะนี้ทางบริษัทผู้รับเหมายังไม่มีการชี้แจงในเรื่องดังกล่าว

 

เชียงใหม่ส่อวิกฤตหมอกควันค่าฝุ่นทะลุ 200 แล้ว แถมเครื่องบินลงไม่ได้ เหตุทัศนวิสัยเลวร้าย


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มีนาคม 2557 13:13 น.



เชียงใหม่ส่อวิกฤตหมอกควันค่าฝุ่นทะลุ 200 แล้ว แถมเครื่องบินลงไม่ได้ เหตุทัศนวิสัยเลวร้าย



ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่ส่อวิกฤต! หมอกควันเริ่มเลวร้ายที่สุดในรอบปี ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กพุ่งทะลุ 218 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ถึงระดับ “ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมาก” ขณะที่เครื่องบินหลายเที่ยวไม่สามารถนำเครื่องลงได้จนต้องบินกลับเนื่องจากทัศนวิสัยเลวร้าย

วันนี้ (21 มี.ค.) รายงานจาก จ.เชียงใหม่แจ้งว่า ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของเชียงใหม่มีความรุนแรงมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้ เห็นได้จากหมอกควันที่ปกคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่มีความหนาทึบกว่าทุกวันที่ผ่านมาชัดเจน มองเห็นได้แม้ในระยะใกล้รอบๆ ตัว ทำให้ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและแว่นตาเพื่อป้องกันตัวเองจากปัญหาดังกล่าว

ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ประจำวันนี้ (21 มี.ค.) จากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อเวลา 11.00 น. พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมงพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 100 ตามลำดับ โดยค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 พุ่งเกิน 200 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จนอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากแล้ว

สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 อยู่ที่ 218 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 143 ส่วนที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 อยู่ที่ 202 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ(AQI) อยู่ที่ 136

ขณะที่นายเกียรติศักดิ์ เรียนวัฒนา ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพหมอกควันที่รุนแรงส่งผลให้ช่วงเช้าวันนี้มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไม่สามารถนำเครื่องลงท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้เนื่องจากทัศนวิสัยเลวร้ายมาก ทำให้นักบินต้องตัดสินใจนำเครื่องบินกลับไปที่กรุงเทพฯ 2-3 เที่ยวบิน ซึ่งแม้จะมีอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขึ้นลง แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร

“ตั้งแต่ย่างเข้าเดือนมีนาคมเป็นต้นมามีเที่ยวบินที่นักบินตัดสินใจไม่นำเครื่องลงจอดเกือบทุกวัน เฉลี่ยวันละ 2-3 เที่ยวบินในช่วงเช้าถึงเที่ยง ซึ่งมีปัญหาหมอกควันหนาทึบ แต่เมื่อเข้าช่วงบ่ายที่สามารถทำการขึ้นลงได้ตามปกติ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่มีปัญหาหมอกควัน ซึ่งหากไม่ต้องการให้มีปัญหาก็ต้องงดการเผาให้ได้”

 

ประกาศภัยพิบัติไฟไหม่บ่อขยะสุราษฎร์ฯ หวั่นซ้ำรอย??ประกาศภัยพิบัติไฟไหม่บ่อขยะสุราษฎร์ฯ หวั่นซ้ำรอย

เหตุไฟไหม้บ่อขยะร้างพื้นที่บ้านพังจิก จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เผาลามเป็นวันที่ 2 แต่เคลียร์ไปได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติทางอากาศแล้ว ด้านผู้ว่าฯ-ชาวบ้านเร่งตรวจสุขภาพหลัง คลื่นไส้-หายใจไม่สะดวก

วันศุกร์ 21 มีนาคม 2557 เวลา 15:14 น.
จากกรณี เกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะร้างของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี พื้นที่บ้านพังจิก หมู่ 5 ต.วัดประดู่ ก่อนจะลุกไหม้ขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว แม้รถดับเพลิงจากเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เทศบาลเมืองท่าข้าม และป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 จะช่วยกันระงับ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่พยายามฉีดน้ำยับยั้งตลอดทั้งวันทั้งคืน ทำให้ไฟได้มอดลงไปมากแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางจังหวัดยังคงระดมรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำควบคุมเพลิงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกรงว่าไฟที่ลุกไหม้อยู่ใต้ดินจะลุกโชนขึ้นมาอีก เนื่องจากควันไฟยังคุกรุ่นในบางจุด ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและร่างกายเช่นเดียวกับเหตุไฟไหม่บ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

ด้าน นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ประกาศให้บริเวณพื้นที่ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติมลพิษทางอากาศแล้ว และมีคำสั่งห้ามชาวบ้านเข้าในพื้นที่เกิดเหตุเนื่องจากเป็นพื้นที่อันตราย นอกจากนี้ทางเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีได้นำแพทย์เคลื่อนที่ไปตรวจสุขภาพประชาชนในละแวกใกล้เคียงกับบ่อขยะ ในเบื้องต้นพบว่า มีเด็กๆ และผู้สูงอายุได้รับผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจแล้ว รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ เจ็บคอ และแสบตา เนื่องจากเข้าไปบัญชาการดับไฟในพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้กว่า 3 ชั่วโมง ส่วนสาเหตุยังเชื่อว่ามาจากการทับถมกันของขยะจนเกิดเป็นแก๊สมีเทน พอกระทบกับแสงแดดอันร้อนแรงทำให้มีประกายไฟขึ้นมา



ประกาศภัยพิบัติไฟไหม่บ่อขยะสุราษฎร์ฯ หวั่นซ้ำรอย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

แล้งหนักอ่างเก็บน้ำเข้าพระ-นครสวรรค์แห้ง

ภัยแล้งรุมเร้านครสวรรค์ ล่าสุดอ่างเก็บน้ำเขาพระ ใช้สำหรับการเกษตรและผลิตน้ำประปา แห้งขอด หวั่น1-2 เดือนไม่มีน้ำกิน-ใช้

วันศุกร์ 21 มีนาคม 2557 เวลา 15:04 น.
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ขณะนี้เริ่มสภาวะวิกฤติอย่างหนัก เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขาพระ หรืออ่างเก็บน้ำหลวงพ่อไกรทั้ง 1 และ 2 ที่หมู่ 10 ต.หนองกลับ เริ่มแห้งขอดอย่างหนัก ส่งผลให้เกษตรกร อ.หนองบัว ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวนาและผู้ปลูกมันสำปะหลังต้องงดการเพาะปลูกไปโดยปริยาย เนื่องจากน้ำมีไม่เพียงพอต่อการทำเกษตร อีกทั้งปริมาณน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้อาจส่งผลต่อการผลิตน้ำประปาในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า

จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่า ภายในอ่างเก็บน้ำดังกล่าวมีสภาพแห้งขอดจนเห็นทุ่งหญ้าปกคลุมเป็นวงกว้าง ส่วนคลองส่งน้ำสาขาต่าง ๆ ที่เชื่อมกับอ่างเก็บน้ำพบว่าแห้งสนิทไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่ จึงดูเหมือนเป็นคลองน้ำร้างไปในบัลดล ซึ่งจากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่า อ.หนองบัว เป็นอำเภอที่มีอ่างเก็บน้ำเขาพระเป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียว ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงทำให้เมื่อถึงฤดูแล้ง จะแล้งอย่างหนักเป็นประจำทุกปี แต่ในปีนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำถือว่าลดปริมาณลงรวดเร็วมาก และแห้งขอดมาตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย.จนถึงปัจจุบัน จึงมีความเป็นห่วงว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงเดือน เม.ย. ชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 5,000 คนที่อาศัยน้ำในอ่างเพื่ออุปโภคบริโภค รวมทั้งด้านการเกษตรจะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการขาดแคลนน้ำ

ด้านนายมานพศรีผึ้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่าทางฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ได้จัดทำแผนแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือราษฎรผู้ได้รับเดือดร้อนโดยได้มีการแจกจ่ายไปน้ำแล้วในหลายพื้นที่ อาทิ บ้านท่ารวก บ้านเนินกลางบ้านเนินกะพี้ บ้านเขาถ้ำพระ บ้านหนองเขาวัว ่อ.โกรกพระมีผู้ได้รับความช่วยเหลือกว่า 400 ครัวเรือน ที่อบต.บ้านไร่ อ.ลาดยาวที่ตำบลบางเคียน อ.ชุมแสง แจกจ่ายน้ำกว่า 500,000 ลิตรส่วนพื้นที่ไหนต้องการความช่วยเหลือในการรับน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค สามารถมาเขียนคำร้องได้ที่อบจ.นครสวรรค์กองช่าง ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 056803 567-70 ต่อ 503.

 

แผ่นดินไหวลำพูน 1.9 ริกเตอร์ ไม่พบความเสียหาย

เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก 1.9 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย...
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. มีรายงานว่า สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 1.9 ริกเตอร์ ในช่วงเวลาประมาณ 02.11 น. จุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานการรับรู้แรงสั่นสะเทือนและความเสียหายจากในพื้นที่.

 

แม่น้ำเมยแห้งขอด เรือสินค้าไปพม่าหยุดชะงัก

พิษภัยแล้ง แม่น้ำเมยแห้งขอด จนเห็นพื้นทราย เรือสินค้าจากไทยไปพม่าหยุดชะงัก ต้องอาศัยการขนส่งทางรถแทน ทำให้สินค้าตกค้างจำนวนมาก...

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ในพื้นที่ จ.ตาก ว่า เนื่องจากแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศไทย-เมียนมาร์ แห้งขอด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางน้ำ เนื่องจากเรือบรรทุกสินค้า ข้ามไปยังเมียนมาร์ไม่ได้ เพราะร่องน้ำตื้นเขิน ทำให้ต้องใช้การขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกแทน แต่เนื่องจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ บริเวณตลาดริมเมย ต.ท่าสายลวด รถบรรทุกขนาดใหญ่ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ เนื่องจากสะพานชำรุดหลายจุด จึงอนุญาตให้รถบรรทุกได้พียง 25 ตันเท่านั้น ส่งผลให้สินค้าตกค้างเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังส่งผลให้เชิงสะพานรถติดยาวเหยียด


นายบุญชัย ปันแก้ว เจ้าของท่าเรือท่าที่ 2 ต.ห้วยม่วง เปิดเผยว่า แม่น้ำเมยไม่เคยตื้นเขินจนเห็นพื้นทรายเช่นนี้มาก่อน ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือต้องหยุดชะงัก มีสินค้าตกค้างจำนวนมาก ซึ่งทางไทยและเมียนมาร์จะต้องร่วมมือหาทางแก้ไข ด้วยการขุดลอกร่องน้ำที่ตื้นเขินออกให้หมด เพราะทั้งจังหวัดเมียวดี และแม่สอด ต้องอาศัยแม่น้ำเมยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น.




ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - Site
วันที่ 24 Mar 2014

 

ยอดป่วยมลพิษบ่อขยะรวมกว่า 1,200 ราย 


สธ.เผย มีประชาชนป่วยจากมลพิษไฟไหม้ขยะสมุทรปราการ รวมกว่า 1,200 ราย ส่วนใหญ่ระคายเคือง แสบตา ตาแดง ขณะที่เด็กอายุ 1 ขวบ 8 เดือน อาการดีขึ้น แพทย์ให้กลับบ้านแล้ว ล่าสุดไฟดับ แต่ สธ.ยังจัดทีมเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพ และตรวจสารปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง...

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะที่ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ว่า ที่ประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์มลพิษจากไฟไหม้บ่อขยะ ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 มี.ค. เจ้าหน้าที่สามารถดับควันไฟบ่อขยะได้แล้ว โดยยังได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกไปแจกเอกสารให้ความรู้ คำแนะนำแก่ประชาชนที่อยู่ในรัศมีรอบบ่อขยะ ในการปฏิบัติตัว เพื่อลดความเสี่ยง ผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสควันไฟอีกระยะหนึ่ง

นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ส่วนหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ของกระทรวงสาธารณสุข ยังออกให้บริการตรวจรักษาประชาชนที่วัดแพรกษา โดยจะให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ทั้งนี้ ผลรวมจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบและสัมผัสควันไฟบ่อขยะที่เข้ารับการตรวจรักษา ที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวมทั้งที่โรงพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน รวม 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.57-22 มี.ค.57 รวม 1,200 ราย ส่วนใหญ่มีอาการระคายเคืองตา แสบคอ แสบจมูก สำหรับเด็กอายุ 1 ขวบ 8 เดือน ที่เข้ารับการรักษาใน รพ.สมุทรปราการ ด้วยอาการปอดติดเชื้อ ในวันนี้อาการดีขึ้น แพทย์อนุญาตให้ใกล้กลับบ้านได้แล้ว

ทางด้าน นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะ ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า วันนี้ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง (PM10) วัดได้ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
ทั้งนี้ ภายหลังควันไฟไหม้บ่อขยะดับแล้ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการได้วางแผนจัดมาตรการเฝ้าระวังผลกระทบ 2 ด้าน ได้แก่ 1. การเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพในคน โดยให้บริการตรวจสุขภาพในกลุ่มนักผจญเพลิง พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ต้องอยู่เฝ้าสถานประกอบการ ผู้สื่อข่าว รวมทั้งประชาชนที่พักอาศัยอยู่รอบบ่อขยะ ในรัศมี 200 เมตร โดยจะนัดให้ไปรับบริการตรวจที่งานอาชีวเวชกรรม รพ.สมุทรปราการ โดยไม่เสียค่าบริการ และ 2.การเฝ้าระวังในด้านสิ่งแวดล้อม การตรวจหาสารปนเปื้อนในน้ำ อาหาร และอากาศ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนที่อยู่อาศัย.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - Site
วันที่ 24 Mar 2014

 

ภัยศาสนาวิบัติ


ตะลึงภาพพระปิดทองใบหน้าสีกา แบบคลินิก'เสริมสวย'

อึ้ง! คนแห่ร้องเรียนภาพไม่เหมาะสม “พุทธิศักดิ์คลินิก” แต่งกลายคล้ายพระเสริมความงามแม่ชีรวมทั้งหญิงวัยกลางคน

วันจันทร์ 24 มีนาคม 2557 เวลา 09:53 น.
อึ้ง! คนแห่ร้องเรียนภาพไม่เหมาะสม “พุทธิศักดิ์คลินิก” แต่งกลายคล้ายพระเสริมความงามแม่ชีรวมทั้งหญิงวัยกลางคน มาส์กหน้าด้วยแผ่นทองคำให้หน้ากระจ่างใส ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เร่งตรวจสอบ หวั่นบ่อนทำลายศาสนา ให้เสื่อมลง

วานนี้ (23 มี.ค.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนพร้อมทั้งภาพถ่ายการประพฤติตัวที่ไม่เหมาะสมของบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์จากเครือข่ายฯ ซึ่งใช้ชื่อว่า “ชมรมคนรักพระพุทธศาสนา” โดยผู้ที่ส่งภาพดังกล่าวมาระบุชื่อภาพว่า “พุทธิศักดิ์คลินิก” ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพของผู้ที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ กำลังทำพิธีกรรมในการปิดแผ่นทองคำเปลวลงบนหน้าหญิงสาววัยกลางคน ทั้งยังมีรูปทำพิธีกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยปิดแผ่นทองคำเปลวลงบนใบหน้าของบุคคลที่แต่งกายคล้ายแม่ชี ซึ่งการกระทำดังกล่าวหากพบว่าบุคคลในภาพเป็นพระสงฆ์จริง เข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์อย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระทำที่มีลักษณะไปในทางไสยศาสตร์ ทั้งยังเข้าข่ายการอวดอุตริ ซึ่งตามวินัยสงฆ์แล้วจะถือว่า มีความผิดอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นพระทันที

นายสงกานต์กล่าวต่อไปว่า การตั้งชื่อว่า “พุทธิศักดิ์คลินิก” เชื่อว่าบุคคลในภาพต้องการให้คล้ายกับชื่อของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง และการปิดทองลงบนใบหน้า เชื่อว่าอาจจะมีการทำให้เชื่อว่าเพื่อเป็นการเสริมความงามให้กับใบหน้าจะทำให้ใบหน้าสดใส อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้รับภาพและข้อมูลบางส่วนแล้ว จะรับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่าบุคคลที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ และแม่ชีที่ปรากฏในภาพเป็นพระสงฆ์และแม่ชีจริงหรือไม่เพราะจากการตรวจสอบภาพดังกล่าวแล้วเชื่อว่ามีการจงใจที่จะนำออกมาเผยแพร่เนื่องจากหากไม่ใช่บุคคลที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว จะไม่สามารถถ่ายภาพ ในลักษณะมุมกล้องตามภาพดังกล่าวได้ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวสามารถแจ้งเบาะแสมาที่ 09-1409-9499 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลหลักฐาน เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษยังกองบังคับ การปราบปราม (บก.ป.) ต่อไป

ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติฯกล่าวด้วยว่า กรณีร้องเรียน ดังกล่าวจะคล้ายกับการร้องเรียนการพบภาพพระสงฆ์ทำแพลงกิ้ง หรือท่านอนคว่ำลงบนสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นกระแสนิยมอย่างมาก เมื่อประมาณปี 54 โดยครั้งนั้นก็มีผู้ส่งภาพ พระแพลงกิ้งมาและตรวจสอบจนสามารถพบพระที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมจนพบในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ายังพบภาพ ชุดเดียวกันมีการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย” พร้อมทั้งยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “พุทธิศักดิ์คลินิก มาส์กหน้าด้วยพระสงฆ์ หน้ากระจ่างใสประดุจทองคำ บอกลาพระธรรมคำสอนไปได้เลย” โดยมีผู้มาแสดงความคิดเห็นถึงภาพดังกล่าวจำนวนมากกว่า 100 ความคิดเห็น.

ตะลึงภาพพระปิดทองใบหน้าสีกา แบบคลินิก'เสริมสวย' | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์