ประสบการณ์กรรมฐานเมตตาใหญ่-กรรมฐานกับดวงจิตวิสาขบูชา66น.91พิธีจุติคุรุเทวากรรมประสิทธิ์ปฐมฤกษ์"

วันนี้บังเอิญได้ฟังเรื่องของบุญกุศลจากวิทยุแห่งหนึ่ง ว่า กามาวจรกุศลให้ผลแล้วหมดไป แต่โลกุตรกุศลสามารถสะสมต่อไปได้ทีละเล็ก ทีละน้อย ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าดวงจิตจะถึงที่สุด คือพระนิพพาน

 

จากสิ่งที่ได้ฟังทางวิทยุ จึงตั้งใจสอบถามท่านอาจารย์เรื่องบุญโลกียะ และบุญโลกุตระ และการกลั่นกรองบุญที่เราทำจากบุญโ,กียะเป็นบุญโลกุตระ ซึ่งในระหว่างที่สนทนาพระองค์ที่ 11 (พระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐม) ท่านทรงเมตตาตรัสสอนผ่านท่านอาจารย์ จนทำให้ผมปิติปลื้มใจอย่างมาก

องค์ประกอบในการเกิดบุญโลกุตระคือมรรค8 หรือ ศีลอริยะมรรค กายชอบ วาจาชอบ ใจชอบ

รายละนั้นมีมากฟังได้ง่ายแต่จะเข้าใจมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับการสะสมการปฏิบัติครับ

 

ตอนเช้าวันจันทร์ก่อนออกไปทำงานก็สวดมนต์สั้น ๆ แล้วก็ออกจากบ้าน พอเดินออกมาสัก 20 เมตร ก็สวดบทพระอุปคุตของสำนักเวียงนาคราชซะ ตอนแรกก็งง สวดบทอื่นก็ไม่ได้วนมาที่บทพระมหาอุปคุตซะงั้น ก็เลยสวดจนไปถึงที่ทำงานราว ๆ 15 นาที

ตอนเที่ยงนำพระไปส่งให้พี่ที่เดินทางมาไกล สุดท้ายเขาถามว่าบูชาพระอุปคุตไหม ก็บอกว่าบูชาเขาก็จะเอาให้ดู สุดท้ายได้มา 1 องค์เป็นพระอุปคุตเขมร ครับ ได้รับมาแล้วบางอย่างบอกว่า แก้อาถรรภ์อัปมงคล 555 หลายรอบเลย ก็เลยหยุดรับ

ตอนบ่ายมาถึงที่ทำงานนึกขึ้นได้ว่าทำไมสวดคาถาพระมาหาอุปคุตซะยาว 555 ก็เพราะปู่พระอุปคุตที่จะได้นี่เองทั้ง ๆ ที่ไม้ได่คุยถึงท่านเลย

 

จากการที่ได้พระอุปคุตมาจากพี่ท่านหนึ่งซึ่งมีอาชีพเสริมด้วยการขายพระงั่ง ตอนพบเจอกันก็เล่นเอามึน ลองเข้าไปดูในเว็บยิ่งมึนเพราะสารพัดของคาว

และจนเมื่อคืน 4/3/57 ก็สั่งให้ลูกนอนแล้วก็ไปเลือกพระที่จะไปแจกงานทอดผ้าป่าเสาร์นี้ พอเสร็จก็จะสวดมนต์ต่อแต่รู้สึกมีอะไรบางอย่างโผล่มาตรงทางเดินเข้าห้องพระที่ไม่มีประตู เห็นแว็บ ๆ เหมือนผู้หญิงผมยาว ๆ เละ ๆ เหมือนผีโบราณในหนัง อ้าวคิดไปเองหรือป่าว

ก็ตัดใจไม่สนใจหันมาสวดมนต์ต่อ พอสวดมนต์เสร็จก็ตรวจดูรอบห้อง(คอนโด)แล้วปิดไฟมาล้มตัวลงนอน ก็โดนเลยครับเริ่มชาแข็ง เห็นแว็บ ๆ หน้าคน และเป็นผู้หญิงยืนมองขึ้นมาเหมือนเขาอยู่หลังบ้าน พอเริ่มอาการก็ คาถาปู่พระพิราพ เริ่มนิ่ง ต่อด้วยคาถาปู่พญายมราช บอกกล่าวปู่พญายมและบริวาร ขอท่านช่วยเคลียร์หน่อย มาเยี่ยมอย่างนี้ผมไม่ไหว แล้วทุกอย่างก็ปกติแล้วผมก็ขอหลับต่อครับ แต่นึกแล้วไม่ไหวเหนื่อยต้องคอยเคลียร์ครับ

 

วันนี้เอาความลับบางอย่างมาเปิดเผยดีกว่าครับ

เรื่องพระผงหรือเหรียญ 2 หน้า ผมขอสรุปข้อมูลให้ฟังว่า หมายถึงหลวงปู่ 2 องค์ คือ ด้านที่เป็นหลวงปู่อุ้มบาตรคือหลวงปู่โสนะ ส่วนด้านที่เป็นหลวงปู่ยืนบนพญานาค 7 นั้นคือหลวงปู่โลกุตระ และวันนี้ไปงานทอดผ้าป่าสายหลวงปู่เทพโลกอุดร ได้เหรียญหลวงปู่ใหญ่มาอีก 1 เหรียญ สอบถามท่านอาจารย์ทราบว่า คือหลวงปู่ใหญ่ภูริยะ ครับ เอาไว้ในไม่ช้าจะนำมาให้ทำบุญกันนะครับเพื่อเผยแพร่บารมีหลวงปู่ท่าน

ความเข้าใจของผมตามที่ได้สอบถามจากท่านอาจารย์ สรุปได้ว่า

หลวงปู่เทพโลกอุดรนั้นเป็นพระโบราณเป็นพระอรหันต์อภิญญา บารมีของหลวงปู่ท่านแต่ละองค์นั้นไม่เหมือนกัน และลูกหลานที่สร้างรูปหลักษณ์หลวงปู่ออกมานั้นโดยปาฏิหาริย์และบารมีธรรมนั้นเหมือนกันแต่ความเด่นที่หลวงปู่แต่ละองค์ท่านมีนั้นแตกต่างกัน
หลวงปู่โสนะ ท่านจะมีบารมีในด้านโปรดสัตว์ ตั้งแต่ต้นจนสูงสุด
หลวงปู่อุตระเถระ ท่านมีบารมีด้านปาฏิหาริย์สูง
หลวงปู่มูนียะ ท่านมีบารมีด้านความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรืองสูง
หลวงปู่ภูริยะ ท่านมีบารมีด้านการรักษาโรคต่าง ๆ ได้
หลวงปู่ฌาณียะ ยังไม่ทราบ

เท่ากับว่าตอนนี้ผมได้พบและได้กราบหลวงปู่แล้ว อย่างละเอียดถึง 4 องค์ รอกราบหลวงปู่ใหญ่องค์ที่ 5 แล้วจะมาบอกกล่าวให้ทราบครับ

ขอแจ้งว่าเป็นความเชื่อความเข้าใจส่วนตัวนะครับ

 

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบนมัสการบูชาพระคุณของ หลวงปู่เทพโลกอุดร ครับผม

มารอติดตามครับผม ^ * ^ พี่นิรันดร์

 

สำหรับหลวงปู่เทพโลกอุดรองค์ที่ 5 ท่านอาจารย์ได้มีโอกาสพบ ญาติธรรมที่มีบารมีหลวงปู่หลวงปู่ฌาณียะ แล้วแต่ยังไม่ได้ทราบรายละเอียดมากนักจึงยังไม่สามารถนำมาบอกกล่าวได้ และผมในฐานะผู้เล่าก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้ทราบเรื่องราวเลย

การที่หลวงปู่แต่ละองค์ท่านมีบารมีแตกต่างกันก็เนื่องมาจากการสร้างสมที่หลวงปู่ท่านได้ทำมา ซึ่งก็เฉกเช่นหลวงปู่พระสีวลีทีี่ท่านมีบารมีเด่นด้านลาภมากมายนัก เป็นต้น

จะว่าไปแล้วผมท่านอาจารย์นั้นมิได้ตามหาหลวงปู่ท่านแต่อย่างใด ท่านอาจารย์จะแล้วแต่ว่าจะได้มีโอกาสได้พบเจอใหม แต่ตัวผมเองกลับมีความรู้สึกอยู่ภายในว่าขอให้ได้พบหลวงปู่ทั้ง 5 องค์ด้วยเทอญ อยากกราบแทบเท้าให้หายคิดถึงหลวงปู่ทั้ง 5 องค์มาก ๆ

 

ขอเก็บไว้เป็นข้อมูลครับ


yok94
สมาชิก


Originally Posted by ransang View Post
ใช้มวลสารเดียวกันครับ แต่มีความแตกต่างกันบางประการเท่านั้นครับ ใช้ได้เหมือนกันครับ

ไม่มีคาถากำกับครับ วิธีใช้ระลึกถึงหลวงปู่เทพโลกอุดรขอบารมีองค์พระแหวกม่านให้ช่วยสงเคราะห์อะไรก็ว่าไป แล้วตามด้วย พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอ 3-5 จบ

องค์พระแหวกม่านของพี่จะมีเกศาหลวงปู่ใหญ่ครับ ซึ่งผมสร้างรุ่นที่พี่ได้ไปพร้อมกับรุ่นฝังไก่ชุดนี้และรุ่นฝังไก่อีกแบบ แต่รุ่นฝังไก่นี้ไม่ได้ใส่เกศาหลวงปู่ใหญ่ รุ่นที่มีเกศาหลวงปู่ใหญ่เคยออกให้ทำบุญนานแล้วครับ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ามีเหลือหรือไม่หลังจากนั้นผมยังไม่ได้สร้างเพิ่มเลยครับรอเวลาอยู่ครับ

********************************************
ขอบคุณครับ สำหรับคำชี้แจงและแนะนำการใช้เพื่อขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์
เดิมทีตั้งใจจะมอบให้คนสนิทกันไปใช้ ตอนนี้เปลี่ยนใจ เก็บไว้ใช้เองแล้วละ
ผมมีประสบการณ์เล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับพระผงสี่เหลี่ยมหลวงปู่เทพโลกอุดรที่คุณนิรันดร์แถมให้ผมที่ร่วมถวายสังฆทาน (เป็นรูปหลวงปู่ยืนทั้ง 2 หน้า ด้านหนึ่งมีคำว่า มหาบารมี อีกด้านหนึ่งมีคำว่า ปาฏิหารย์) ผมได้มอบให้กับรุ่นน้องที่รู้จักกัน ทันทีที่น้องเขารับแล้วนำขึ้นมาดู เขาอ่านคำว่า ปาฏิหารย์ แล้วแสดงอาการดีใจสุด ๆ พร้อมทั้งพูดว่า "ขอให้เกิดปาฏิหารย์ด้วยเถิด เพราะเหลืออีกแค่ 2 วันเท่านั้น ผมได้ยินก็คิดในใจว่า "ลูกมอบหลวงปู่ให้น้องเขาไป ขอหลวงปู่เมตตาเขาด้วยเถิด
รุ่งขึ้นผมไปทำงาน แฟนน้องเขา (ทำงานที่เดียวกับผม) เห็นผมก็รีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข พร้อมกับถามผมว่า ได้พระหลวงปู่มาจากไหน ผมก็ตอบเค้าไปว่าทำบุญสร้างสมเด็จฯโตกับคุณนิรันดร์ เลยถามว่ามีอะไรหรือ น้องเค้าตอบว่า มีปาฏิหารย์เกิดขึ้นจริง ๆ เหลือเชื่อ ต่อไปนี้เป็นคำเล่าของแฟนน้องเค้า " รู้มัย เมื่อวานที่แฟนเค้าได้รับพระไป เขาพูดในรถตลอดทางระหว่างขับรถขอปาฏิหารย์ ขอปาฏิหารย์ พอตกค่ำแฟนเค้ากลับเข้าบ้านเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วยื่นเอกสารให้ดูพร้อมทั้งบอกว่า"เกิดปาฏิหารย์จริง ๆ "
สรุปเรื่องเล่าก็คือ น้องเค้าเป็นผู้จัดการฟิตเนส เดือนก.พ. ยังไม่ได้ลูกค้าสักรายเลย จนกระทั่งวันที่ 26 กพ วันที่ผมมอบพระให้ ตอนนั้นประมาณบ่าย 2 โมง พอน้องเค้าขับรถกลับไปที่สถานฟิตเนสประมาณ 4 โมงเย็น จู่ ๆ ก็มีลูกค้า(เป็นผู้ชายสูงอายุ)เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งบอกสมัครเป็นสมาชิก 40 ชั่วโมง (เป็นเงินก็หมื่นกว่าบาท) น้องเค้าบอกว่าเอาแค่ 20 ชั่วโมงก็พอ แต่ลูกค้าไม่ยอมยืนยัน จะเอา 40 ชั่วโมงอย่างเดียว (เงินจากลูกค้ารายนี้ ช่วยให้น้องเค้าได้จ่ายค่างวดบ้านที่น้องเค้าคิดว่า จะเอาที่ไหนจ่ายเน้อ)
ผมยืนฟังแฟนน้องเค้าเล่าให้ฟังอย่างมีความสุข และคิดในใจว่า "หลวงปู่ช่างเมตตาต่อลูก ๆ จริง ๆ "
ต้องขออภัยท่านผู้อ่านที่เล่าซะยืดยาว และโปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่านด้วยครับ ขอขอบคุณ คุณนิรันดร์และคณะที่ได้มอบสิ่งดีๆ ให้แก่สมาชิกผู้มีใจเป็นบุญ กุศลทุกๆท่าน

 

แอบไปแจกของที่ห้องแจกฟรีครับ 555

 

จริง ๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะแยกแยะการได้พบเจอหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ท่านทราบกัน ที่บอกกล่าวก็เพื่อให้รู้ว่าหลวงปู่แต่ละองค์มีจริง ๆ (ในความรู้ที่ผมได้มา) ซึ่งอาจจะค้านกับหลาย ๆ ท่าน แต่เอาเป็นว่าผมขอล่าวในส่วนของผมแล้วกัน

รูปลักษณ์ของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่เรากราบไหว้กันนั้นมีทุก ๆ ประการของหลวงปู่ทุก ๆ องค์ครบถ้วนซึ่งท่านสามารถมาแสดงความสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านรูปลักษณ์ได้ทุกๆ องค์ เพียงแต่เราจะเข้าใจในการขอบารมีของหลวงปู่ช่วยหรือไม่

 

วัดพุทธพรหมปัญโญ : วัดถ้ำเมืองนะ
ประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

ทางสายกลาง . . .

หรือมัชฌิมาปฏิปทา คือ ความพอดี ถ้ามากเกินหรือน้อยเกินไปจะมีผลต่อจิตใจ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เคยกล่าวเกี่ยวกับคนที่เสียจริตไว้ว่า กรรมอะไรที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนั้น หลวงปู่ดู่ท่านตอบแบบปัจจุบันกรรม คือ กรรมในชาตินี้ว่า "ผู้ที่เสียใจสุดขีด หรือดีใจสุดขีด จะทำให้เป็นบ้าได้"

นอกจากนี้ หลวงปู่ดู่ยังได้กล่าวถึง คนที่อารมณ์ของตนไม่ปกติ ท่านบอกว่า เป็นโรคลมบาดจิต บาดทะยักเกิดขึ้นกับร่างกาย บาดจิตเกิดขึ้นกับจิตใจ มีผลถึงประสาท ดังนั้น การรักษาอารมณ์ของคนจึงมีความจำเป็น บุคคลบางประเภทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่แน่นอน หรือที่เรียกว่า "ลมขึ้นลมลง" เนื่องจากไม่ได้มีการฝึกจิตหรือฝึกสติให้มั่นคง การชำระแต่เพียงร่างกาย ถ้าไม่ได้ชำระจิตใจเสียบ้าง ในที่สุดจะเกิดการหมักหมมของอารมณ์ เช่นเดียวกับผลไม้ที่เกิดการหมักหมมกลายเป็นเหล้า ทำให้เกิดการมัวเมาหาทิศทางไม่เจอ จิตใจเต็มไปด้วยอธรรม มีการแก่งแย่งชิงดี ริษยา อาฆาตไปต่างๆ นานา เมื่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ จิตก็เกิดการล้มละลายได้ ลำพังความรู้ทางโลกอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถนำมาปฏิรูปจิตได้

มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านอ่านวิชาการทางโลก
เมื่อเจ้าของหนังสือได้เรียนถามว่า
"หลวงพ่ออ่านเรื่องอะไร"

หลวงพ่อ "ข้าอ่านไปอย่างนั้นแหละ ข้าถามหลวงปู่ทวดว่า อ่านแล้วจะได้อะไร ท่านตอบข้าว่า อ่านยังไงก็ไม่พ้นทุกข์ ที่ท่านทำอยู่นั้นคือ ทางพ้นทุกข์ นั่นคือการปฏิบัตินั่นเอง"

พระพุทธองค์ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วตรัสถามพระภิกษุว่า

พระพุทธองค์ "ปริมาณของใบไม้ในมือกับในป่า อันไหนมากกว่ากัน"
พระภิกษุ "ในป่ามีมากกว่ากันจนประมาณไม่ได้"
พระพุทธองค์ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ที่ตถาคตนำมาสอนพวกเธอก็เช่นเดียวกัน เพราะความรู้มีมากมาย แต่ที่ให้พ้นทุกข์
คือสิ่งที่นำมาสอนพวกเธอเท่านั้น"

 

วัดพุทธพรหมปัญโญ : วัดถ้ำเมืองนะ
10 ชั่วโมงที่แล้ว

หลวงตาม้ากล่าวถึงโทสะจริตและหากต้องการที่จะแก้ไขนิสัยจะต้องปฏิบัติหรือเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไร?

หลวงตา: "ถ้าพวกเอ็งมีโทสะจริต จุดเดือดของเอ็งจำต่ำกว่าคนอื่น อย่างเห็นได้ชัด เอ็งจะโมโหง่าย รำคาญง่าย ดังนั้น หากเอ็งเริ่มรู้ตัวว่า เริ่มโกรธ เริ่มโมโหและเริ่มคำคาญใจ ให้นึกว่า ตัวเอ็งเป็นดั่งขอนไม่ที่นิ่งและสงบ ต้องหยุดมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรมที่เป็นอกุศลทุกประเภทก่อนเพราะอกุศลกรรมดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเสียหายทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นการสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้อื่นไม่ว่าจะโดยวจีกรรมหรือกายกรรมก็ตามในที่สุดแล้วจะส่งผลกลับมายังตัวเราเสมอ ดังนั้นหากอารมณ์เอ็งเริ่มขยับด้วยความโกรธแล้วให้เอ็งตั้งสติทำตัวเป็นขอนไม้ทันทีมิฉะนั้นจะสร้างกรรมเวรเพิ่มขึ้นอย่างมากมายและร้ายแรง ส่งผลเสียหายที่ไม่อาจแก้ได้ จึงต้องหัดดูสังเกตอารมณ์ของตัวเองเป็นประจำ ว่า โกรธ รำคาญ อึดอัด ขุ่นเคือง และความรู้สึกอื่นๆ เพราะส่วนหนึ่งเป็นเพราะเอ็งได้สร้างกรอบไว้ข้งตัวเองตีเส้นให้ตัวเองเดินเลี้ยวขวาอยู่ตลอดเวลา"

การที่ฝึกแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ท่านจะเริ่มเห็นอารมณ์ของตัวเองชัดเจนขึ้น ในยามที่ความโกรธกำลังจะครอบงำจิตใจหากสังเกตเห็นอารมณ์ในยามนั้น ก็เห็นความโกรธและเห็นความเกรี๊ยวกราดของสภาวะอารมณ์ก็จะช่วยดึงสติกลับมาได้ทันก่อนที่เอ็งจะทำอะไรรุนแรงออกไป และยิ่งดูอารมณ์ต่อไปเรื่อยๆ จิตก็จะเข้าสู่สภาวะปกติได้โดยง่าย ความโกรธก็จะหายเป็นปลิดทิ้้งไปเองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องบังคับตัว เพราะจิตจะมีกลได้ดับความโกรธตามสภาวะธรรมชาติของมัน พวกเอ็งจงจำไว้ว่าสิ่งที่ปฏิบัติในถ่ำเมืองนะนี้ หลวงตาขอแค่ สวดมนต์พระมหาจักรพรรดิ หรือ ไตรสณคมส์ ไปเรือยๆ และ นึกภาพพระพุทธเจ้าภาพหลวงปู่ทวดหลวงปู่ดู่ไว้เยอะๆ ทุกวัน

1.หัดเจริญเมตตาให้มากๆ
2.พูดทีละคำ ฟังทีละเสียง
3.ให้ฝึกคิดว่า โลกนี้ไม่ต้องจริงจังมากนัก โลกนี้ก็เป็นอย่างนี้
4.ต้องเปิดใจกว้างรับความคิดใหม่ๆ
5.ต้องคิดก่อนพูด คิดให้นานๆ เข้าไว้
6.ให้พิจารณาว่าความโกรธทำให้เกิดความเสื่อมโทรมดูเพิ่มเติม

เรียบเรียงจากคติธรรมคำสอนของ
พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร
(หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ
(วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

 

มีเรื่องมาเล่าต่อ

ถ้าท่านผู้อ่านจำความย้อนหลังได้ เรื่องที่ว่าผมกับไปพักทานข้าวเที่ยงที่บ้านในวันใสเศียรปู่พญามัจจจุราชวันแรก แล้วนอนพัก 10 นาที แล้วเห็นวิญญาณเด็กมาหา แล้วผมก็น้อมบุญให้เขาปรับไปเป็นเทวดาแล้ว

จากวันนั้นถึงวันนี้ก็หลายเดือนนะครับ มาเมื่อวันก่อนหล่อพระวันที่ 14/2/57 ก็มีเหตุว่าลูกชายรู้สึกมีใครมาแอบดู เห็นเป็นเงา ๆ แล้วภรรยาก็ฝันถึงเด็ก ผมก็คิดว่ากุมารมาอีกแล้ว จากไหนเนี่ย ก็จัดการโดยสวดคาถาปู่พระพิราพ และคาถาปู่พญายมราช แล้วก็ถามท่านอาจารย์ท่านก็ว่าใช่ แล้เรื่องก็เงียบไป

มาสัปดดาห์นี้ลูกชายก็เอาอีก โดนเงาดำวูบไปมา ผมก็คิดว่ากุมารเจ้าเดิมแน่เลย ก็เลยบ่น ๆ กับเจ้ากุมาน้อบซะ แล้วถามท่านอาจารย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านก็ว่าใช่ เขาก็ไม่ได้คิดร้ายอะไร แต่สิ่งหนึ่งก็คิดว่าแล้วเขาเป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกับเราเนี่ย 555 แว็บมาว่า กุมารนี้ก็คือ ดวงวิญญาณเด็กที่เราปรับเขาไปเป็นเทวดาไง 5555 อึง ๆ ท่านอาจารย์ก็ว่าใช่ เล่นเอามึนเหมือนกันครับ แต่ก็เบาใจ แต่คงต้องหาร่างให้เขาอยู่แล้วล่ะ

ที่บ้านมีกุมารเทพอยู่หลายองค์
พี่จุก ท่านพี่จอมแสบ จากวัดดังแฟนไปบูชามา
พิชิตชัย หนุ่มน้อยใจดี มาจากบ้านเพื่อน ไปเห็นเขาในจิตเลยตามมาอยู่ซะงั้น ขนาดให้เลือกว่าจะอยู่ไหนก็เลือกมาอยู่กับเรา
มั่งมี เจ้าอ้วนจ้ำม่ำ ตามแฟนมาจากที่ไหนไม่รู้
ศรีสุข เจ้าตัวน้อยจอมซน ตามแฟนมาจากที่ไหนไม่รู้
โชคชัย กุมารตนใหม่ที่มาก่อกวนในตอนนี้ จากดวงวิญญาณเด็กที่ปรับเป็นเทวดา

555 นี่ขนาดไม่ได้หานะครับไม่รู้มาจากไหน แต่เขาก็เป็นเด็กดีกันหมด จะมี โชคชัยนี่ท่าจะมีฤทธิ์เยอะกว่าเพื่อน

ผลจากการมีกุมารเลยมีเด็ก ๆ มาให้แฟนเลี้ยงทุกวันบางวันเต็มบ้าน ร่วม 10 คน 5555

 

จิตที่ผ่านภพผ่านชาติมามากมันสะสมอะไรมามากมาย การปฏิบัติตามแนวทางคำสั่งสอนเป็นเครื่องกลั่นกรองสิ่งที่สะสมเหล่านั้นให้เหลือแต่สิ่งที่เหมาะสมและจำเป็น เปรียบเทียบได้ก็ดั่งแก้วที่เราเห็นกันอยู่กว่าจะมาเป้ฯแก้วใสได้ต้องผ่านกระบนการมากมายกลลั่นกรองหลอม ขัดแต่ง แต่ในกระบวนต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนเสร็จสิ้นก็มีรายละเอียดของมันอยู่หากทุกอย่างเหมาะสมก็จะออกมาเป็นแก้วที่ใสสะอาดสวยงามมีราคา แต่หากกระบวนการต่าง ๆ ขาดความเหมาะสม เช่นคุณภาพ เครื่องมือ วัสดุคุณภาพต่ำแก้วก็จะออกมาไม่ดี หมองมัว เปราะบางแตกง่าย เป็นต้น ก็เปรียบได้ดั่งการปฏิบัติของเราที่ทำกันอยู่ครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการที่ไม่ว่่าพลาดกี่ครั้งก็ต้องทำใหม่ เริ่มใหม่ให้ได้ เพื่อให้ดีกว่าเดิม

 

มรรค (ภาษาสันสกฤต : มรฺค; ภาษาบาลี : มคฺค) คือ หนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ (เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)หรือการลงมือปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากทุกข์ และนับเป็นหลักธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยกรอบการปฏิบัติ 8 ประการด้วยกัน เรียกว่า "มรรคมีองค์แปด" หรือ "มรรคแปด" (อัฏฐังคิกมรรค) โดยมีรายละเอียดดังนี้

สัมมาทิฏฐิ คือ ปัญญาเห็นชอบ หมายถึง การปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามความเป็นจริงด้วยปัญญา
สัมมาสังกัปปะ คือ ดำริชอบ หมายถึง การใช้สมองความคิดพิจารณาแต่ในทางกุศลหรือความดีงาม
สัมมาวาจา คือ เจรจาชอบ หมายถึง การพูดต้องสุภาพ พูดในสิ่งที่สร้างสรรค์ดีงาม
สัมมากัมมันตะ คือ การประพฤติดีงาม ทางกายหรือกิจกรรมทางกายทั้งปวง
สัมมาอาชีวะ คือ การทำมาหากินอย่างสุจริตชน ไม่คดโกง เอาเปรียบผู้อื่น
สัมมาวายามะ คือ ความอุตสาหะพยายาม ประกอบความเพียรในการกุศลกรรม
สัมมาสติ คือ การไม่ปล่อยให้เกิดความพลั้งเผลอ จิตเลื่อนลอย ดำรงอยู่ด้วยความรู้ตัวอยู่เป็นปกติ
สัมมาสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น สงบ สงัด จากกิเลส นิวรณ์อยู่เป็นปกติ


ท่านอาจารย์กล่าวว่า มรรค 8 รวมลงแล้วเหลือ 3 อย่าง กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์จะถึงซึ่งความพ้นทุกข์ได้ หากกาย วาจา ใจ เราบริสุทธิ์ในการกระทำบุญกุศลหรือการปฏิบัติในขณะนั้น ๆ ก็จะทำให้มีผลสูง

 

กระจกที่ใสสะอาดจริง ๆ เวลามองก็จะเห็นสิ่งที่อยู่อีกฝั่งได้ชัดเจน แม้จะสะท้อนเงาของเราเองบางแต่น้อยมาก ๆ หากมองได้ถูกมุมถูกเวลา ก็จะอาจจะไม่เห็นเงาสะท้อนเลยด้วยซ้ำ

ตรงกันข้ามหากกระจกที่เรามองมีความข่นมัว หมองมากก็มองไม่เห็นสิ่งตรงข้าม ซ้ำยังสะท้อนตัวเราออกมาอีก บางทีการหมองมัวของกระจกไม่มากแต่ทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ถนัดซ้ำร้ายยังมาซ้อนกับภาพเราจนแยกไม่ออกอีก

ผลของจิตใจที่ปฏิบัติก็เช่นกัน ลองทบทวนดูครับ

 

ช่วงนี้เริ่มใกล้วันทำบุญใหญ่ ก็เลยเจอเรื่องวุ่น ๆ ที่ทำงาน แสดงว่ายังไม่ได้เรื่องเพราะสอบตกอีกแล้ว 5555

 

มีพี่ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า ผมช่วยงานครูบาอาจารย์ที่มีบุญบารมีสูง มีความละเอียดสูง บทเรียนและบททดสอบของผมจึงมากและหนักทั้งกายและใจ บอกตรง ๆ ว่าบางทีก็ท้อ อยากจะหยุดสักพัก เพราะไม่ได้ดีและไม่ได้เก่งอะไรเลยได้แต่ทำตามที่ท่านอาจารย์บอกกล่าวแนะนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยเดิมเป็นพวกปลีกวิเวกด้วยพอเจอความมั่ว ความงี่เง่า ก็อยากจะหลบให้พ้น แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ต้องไถ ๆ ไป บททดสอบที่เจอจะผ่านบ้างตกบ้างก็ต้องปล่อยมันไป เพราะเหตุและปัจจัยกับสังคมปัจจุบันมันไม่ง่ายที่จะปฏิบัิตอย่างเช่นสมัยก่อน สิ่งกระทบมันเยอะจริง ๆ ถู ๆ ไถ ๆ

 

เรื่องเล่าเล็ก ๆ จากการปล่อยปลาในครั้งนี้

ท่านอาจารย์ได้เล่าหลังจากเสร็จพิธีปล่อยปลาและพอดีกับที่ผมจะถาม พระองค์ที่ 11 ท่านเมตตามาเป็นประธาน ผมลองขอย้อนไปดูเห็นองค์กายคล้ำยืนตระหง่านอยู่ข้างท่านอาจารย์ ตั้งแต่ต้นจนเสร็จพิธี ปลื้มใจมาก ๆ

และวันนี้ก็ได้ทราบจากผู้ร่วมบุญท่านหนึ่งเป็นคนสนิทกัน ซึ่งภรรยาเขาได้เสียไปประมาณ 3 ปี ผมพอจะทราบว่าจิตวิญญาณนั้นยังติดพันไม่สามารถขึ้นไปสูงได้ ผมก็ช่วยไม่ได้เพราะเป็นกรรม(ท่านอาจารย์บอกไว้) ที่ผมทำได้คือบอกเขาให้เข้าร่วมพิธีหล่อพระของท่านอาจารย์หลายครั้งเท่าที่จะทำได้ และได้บอกให้ไปปล่อยปลาหรือปล่อยชีวิตให้ได้สัก 3 ครั้ง และก็ได้ร่วมบุญปล่อยปลาในครั้งนี้ด้วย

จนเมื่อเย็นเขาโทรมาเล่าว่าได้ฝันถึงภรรยาที่เสียไป ว่ากำลังจะจากไปอยู่คนละที่ ฝันอยู่ 3-4 คืน ซึ่งก็เป็นสัญญาณบอกว่า ผลบุญที่ได้ทำได้ผลที่จะช่วยให้จิตวิญญาณสามารถหลุดพ้นจากกรรมที่ติดพันได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ในกองบุญที่ตั้งไว้ที่จะช่วยในการสร้างและส่งผลบุญนั้นให้เป็นผลมากน้อยเพียงใดด้วย บุญปล่อยปลานี้ช่วยทั้งจิตวิญญาณและคนที่มีกายเนื้ออยู่ได้ทุกคนตามคำอธิฐานครับ

พบกันในงานหน้าครับผม

 

ขอเล่าอีกเคสหนึ่งแล้วกันเพราะชวนทำบุญปล่อยปลางานนี้เหมือนกัน แต่

เมื่อปลายปีที่แล้วผมบังเอิญทราบว่าคุณแม่ของเพื่อนบ้านเสียมประมาณ 1 ปี (คุณแม่เขาอาศัยอยู่คนละบ้านกัน) เนื่องมาจากว่าผมต้องเดินผ่านห้องพี่เขาเพื่อขึ้นไปนอนที่ห้องชั้น 2 ทุกวัน แล้มีวันหนึ่งในขณะที่เดินผ่านผมรู้สึกมีอะไรให้พูดกับพี่คนนี้บางอย่าง ได้แต่งและก็ต้องฝืนเพราะคิดว่าพี่เขาคงไม่เชื่อ แต่กลายเป็นว่าพอขึ้นบ้านซึ่งไม่แน่ใจว่าผมนอนหลับหรือนั่งสมาธิ (จำไม่ได้) เห็นเป็นเงาคนผมสั้นใส่ชุดขาวนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านพี่เขา 555 ตื่นมาได้จแต่งง ก็มาเล่าให้แฟนฟัง แฟนผมบอกว่าแม่ของพี่เพื่อนบ้านเสียไปหลายเดือนแล้ว เลยได้งานมาอีกเรื่อง

จากนั้นอีก 2 เดือนกว่า ๆ ผมจึงมีโอกาสพูดในสิ่งที่จิตวิญญาณเขาให้บอกเรื่องการยึดติดของพี่เพื่อนบ้านที่เขายังจมยังยึดในความรักแต่แม่ ได้แต่บอกให้ปลงในชีวิตให้ไปฟังธรรมะหลวงพ่อต่าง ๆ ดูเผื่อจะดีขึ้น หลังจากบอกไปประมาณ 7 วันดก็รุ้สึกจิตใจพี่เขาคลายลงบ้างพอควร และผมก็ได้ชวนพี่เขาทำบุญปล่อยปลาด้วยตามแต่เขาจะสะดวก ตอนแรกผมก็นึกว่าเขาจะไม่ได้ทำแล้วคงเพิ่งนึกได้จึงฝากเงินร่วมทำบุญมากับแฟนในเช้าวันงาน

ซึ่งผลที่พี่เพื่อนบ้านท่านนี้ได้ไปน่าจะใกล้เคียงกับคนรู้จักผมที่เล่าไปแล้วในข้อความด้านบน แต่ในกรณีแรกของคนรู้จักผมจะเห็นผลได้ชัดกว่าเพราะผมแนะนำให้เขาอธิฐานบอกกล่าวต่อหน้าพระด้วยซึ่งจะช่วยให้เจตนาและการส่งผลชัดเจนขึ้น

จาก 2 เรื่องนี้มีข้อคิดดี ๆ คือ หากต้องจบชีวิตลงแล้วยังมีความยึดติดทั้งผู้ตายหรือผู้มีชีวิต กลายเป็นว่าจะเกิดการผู้มัดกันโดยเฉพาะจิตวิญญาณ ที่จะไม่สามารถไปในที่ที่ควรไปได้นั่นก็เพราะกรรรม

ขอให้โชคดีครับ