" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

.... ที่ได้ยินมานั้นไม่เกินจริงไปหรอกคะ ... มันก็เป็นประมาณนั้นแหละคะคุณ .. แต่แบบที่เราเจอไม่ใช่วิมานนะ .. ตอนเด็กนี้เจอบ่อยเพราะจิตเรามักออกไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ตอนแรก ๆ ก็คิดว่าเป็นแค่ฝัน ... แต่ทุกวันนี้มาลองคิดทบทวนดูแล้วมันไม่ใช่ฝัน .. อ.ต๋องท่านก็ช่วยยืนยันว่าสิ่งเหล่านั้นที่เราเจอไม่ใช่แค่ฝันธรรมดา แต่เขาเรียกว่านิมิต ... ท่านก็ได้บอกเราเกี่ยวกับเหตุที่เราต้องฝันแบบนี้ หรือ เจอพวกนี้มาเข้าฝันบ่อย ๆ มาชวนไปอยู่ด้วย มาขออยู่ด้วย มาชวนเป็นพวก ฯ ... ท่านพูดไว้จนเราเองยังต้องตาค้าง และ ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้แบบนั้น .. มันหนักเกินไปไหม๊ .. เรามองไม่เห็นแม้แต่หนทางที่เราจะทำได้แบบที่ท่านพูดเลย .... นั้นเป็นที่มาของการที่เราเองไม่ค่อยนั้งสมาธิ .. ไม่ฝึกอะไรก็ตามที่จะทำให้ตนเองเข้าใกล้เรื่องแนวภพภูมิ .. จริง ๆ ท่าานห้ามแม้แต่สวดมนต์ยาว ๆ เสียด้วยซ้ำ ... ท่านอนุญาติให้ทำได้แค่ " ทำบุญทำทาน " แค่นั้น เพราะท่านถามเราว่าเราต้องการมีชีวิตแบบไหน ... ตอนนั้นเราตอบท่านว่าเราอยากมีชีวิตแบบคนปกติทั่วไป ( เพราะเราคิดว่าเราทำไม่ได้ ) ท่านเลยแนะแบบนี้มา ... แต่ท่านก็บอกประมาณว่า " กรรมจะบีบบังคับให้เราต้องเป็นแบบนั้นอยู่ดี " เราคิดว่าเหตุเพราะเราเกิดมาด้วยเหตุแห่ง กรรมมะพันธุ หรือ เปล่านะ

... แต่พระท่านอื่น ๆ ที่ท่านเมตตาเรากลับแนะเราให้ฝึกนั้งสมาธิ สวดมนต์ภาวนาแม้แต่พระอาจารย์บุญชู ... ถามว่าท่านสอนอะไรเราบ้างสำหรับรูปนี้ ... ไม่มีคะ นอกจากเราจะถามท่านเอง .. ท่านถึงจะตอบเราทุกคำถาม .. อย่างเราถามว่าทำยังไงเราจะดูดวงแม่นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ( มีช่วงหนึ่งบ้ามากคะ เราจะเป็นพวกบ้าเป็นพัก ๆ ) ท่านบอกว่า " ให้เจ้าไปนั้งสมาธิ ท่อง พุธ - โธ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าท่านจะได้ยินเสียงคนมาบอกท่านที่เรียกว่าพรายกระซิบ นั้งช่วงตีสองไปถึงตีสี่นะจะดีมาก " ท่านสอนแค่นี้คะเพราะท่านก็ทำแบบนี้เหมือนกัน .. เห้อ ๆ ว่าแล้วท่านก็เพิ่งบอกว่าเดือนพฤษภาที่จะถึงท่านจะไม่อยู่แล้วจะข้ามไปจำพรรษาอยู่ฝั่งลาวแถว ๆ ลาวใต้ มีโยมนิมนต์ไปจะสร้างวัดเล็ก ๆ ให้ท่านจำพรรษา ท่านบอกเบื่อที่นี้แล้ว .. เราก็ถามว่าแล้ววัดนี้ละจะทำไง ท่านก็บอกว่าแล้วแต่ชาวบ้านจะหาพระมาอยู่สิ ...เราถ็ถามว่าไม่ไปไม่ได้เหรอ อยู่ที่อื่นก็ไม่เหมือนที่นี้หรอกเราไม่อยากให้ท่านไป .. ท่านบอกว่านึกถึงท่านก็ได้เดี๋ยวท่านจะมาในฝัน .. เราเลยบอกว่าเราไม่ให้ไปเราจะจะจุดธูปบอกเจ้าที่ที่นี้ไปตามกลับมา ท่านก็หัวเราะยิ้มใส่เรา ... ขอบอกว่าท่านเปลี่ยนเบอร์มือถือบ่อยมากคะ .. ทำหายบ้าง มีคนมาเอาไปบ้าง .. เราไปรอบนี้ท่านก็เปลี่ยนเบอร์ใหม่อีกแล้ว ... เราก็เป็นห่วงท่านว่า แถบลาวใต้ติดเขมรนั้นคุณไสยย์ถือว่ามีมาก และ มีคนเก่ง ๆ อยู่เยอะมากที่ไปอยู่ตามป่าเขา .. ขนาดคนไทยยังข้ามไปเรียนมาก็มากโขเลยละคะ .. แล้วท่านจะไหวเหรอ รู้ว่าท่านมีวิชาเอาตัวรอดได้ .. แต่คนเรามันก็ย่อมมีวันที่พลาดที่เผลอจริงไหม๊คะ ..

 

พายุ มีลูกน้อง

ตอนนี้ แกลาออกไปแล้ว

วันพระ แกจะอยากกินประมาณ ลาบเลือดค่ะ แล้วหิวทั้งวัน

บ้านแกก็ ประมาณว่าสืบทอดวิชาอาคม มีสักน้ำมัน บอกว่ามีผูกผี ไว้รับใช้ และแกชอบเลี้ยงกุมารทอง ด้วยน่ะค่ะ

ข้าน้อย ชอบคิดว่าแกเป็นยักษ์ มาเกิดมั้ง

แล้วสังเกตุวันพระ แกหิวมากๆ เลย
บอกให้ไปทำบุญ สำรับขันข้าวให้ ผีบรรพบุรุษ สงสัยพวกเค้าจะหิว ไม่รู้กินที่ไหน ก็มาแฝงลูกหลาน เอามั่ง ก็ไม่รู้

ข้าน้อยแนะส่งเดช ไป ไม่รู้ถูกต้องรึป่าวนะคะ
คุณกาลีนะ และท่านระมิงค์เห็น เป็นอย่างไรคะ

 

...... แนะนำถุกแล้วคะ .. ต้องมีการเลี้ยงอาหารบ้าง และ ต้องมีการทำบุญให้พวกท่านเรื่อย ๆ ... และ มีการบอกกล่าวพวกท่านด้วยว่าอยากได้อะไรให้มาบอกดี ๆ อย่ามาเข้าลูกหลานเพราะมันจะเป็นบาป

.... ส่วนลูกน้องคุณพายุนี้ ... คาดว่าเขาคงไปทำอะไรที่ผิดมาหรือเปล่าคะ ... เขาถึงถูกแฝงได้แบบนี้ .. ก็ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่นะคะ .. ผิดครูร้ายแรงขึ้นมานี้ก็แก้ไขลำบากพอสมควร ... แรก ๆ อาจแค่แฝงเพื่อเสพอาหารนาน ๆ จะกินตัวเองคะ และ จากข้อมูลที่ให้มานี้คือ ปอบ คะ

 

... แต่การที่เขากลายเป็นปอบก็ไม่ได้หมายความว่า " จะต้องฆ่าคน " ทุกตนนะคะ .. บางทีก็ไปกินพวกสัตว์บ้าง .. เวลาเจ้าของมันไปงาน ศพ , งานกินเลี้ยงตามหมู่บ้านที่มีการฆ่าสัตว์มันก็จะตามไปแฝงกิน , หรือ ดลใจให้เจ้าของอยากกินของสด ๆ พวกมันก้เสพธาตุขันธ์แทน .. หรือ กินของที่เจ้าของมันนำมาเลี้ยง ...

... แต่ถ้าเจ้าของมันป่วย หรือ ดูแลไม่ดี ทีนี้แหละคะ .. ได้ลุ้นกันสนุกสนานแน่ ๆ แต่ถ้ามันได้ลองกินคนสักครั้งหนึ่งมันก็จะติดใจ .. และ ยิ่งกินคนมากเท่าไหร่มันก็จะเฮี้ยนมากขึ้นเท่านั้น .. แต่ถ้าพวก " ปอบอาคม " ส่วนมากจะดุร้ายคะ .. และ พวกนี้แหละที่มันชอบกินคนมากที่สุดตามที่เราทราบมานะคะ

 

... งั้นขอเล่าเรื่องพี่คนหนึ่งที่เคยเจอแกแค่ครั้งเดียวในระยะห่างกันประมาณ 6 เมตร และ บอกตัวเองว่าจะไม่ขอเจอกันอีก .. พี่คนนี้มีตำหนักเป็นของตนเอง มีลุกศิษย์ลุกหาเยอะมากน่าจะเป็นพันคนได้ที่เคยแวะเวียนไปหาแก .. และ เป็นคนที่ลงเสน่ห์ + เอาพวกเครื่องรางของขลังต่าง ๆ มาให้เพื่อน อ. เราบูชา ..

... พี่คนนี้แกสมมติว่าชื่อ อ๊อด แกเป็นคนผิวพรรณหน้าตาดี และ เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม มีฐานนะดี และ มีตำหนักร่างทรงของตนเองในนาม " พ่อปู่ ... " เพื่อนเราได้ทำงานที่หนึ่งในจังหวัดนั้นเป้นพวกงานขาย เด้กในที่ทำงานจึงแนะนำให้มาที่นี้เพราะ " ของเขาดีจริง " นางเลยมาเลยคะ .. พี่เขาถามว่านางมานี้นางต้องการทำอะไร .. นางก็แจ้งเลยคะว่า " ทำอะไรก็ได้คะที่ทำให้ใครเห็นใครรัก เอ็นดู พูดอะไรใครก็เชื่อ ผู้ใหญ่เมตตาเอ็นดู ประมาณนี้ละคะ " ... พี่เขาเลยจัดให้นางไปคะ ... แต่นางต้องจัดเครื่องบรวงสรวงมาเซ้นไหว้เป็นบายศรี ดอกไม้ธูปเทียนคำหมาก ฯ จัดใส่ในกรวยใบตอง คือ ใช้ประมาณร้อยกว่าชุด .. และ ต้องรักษาศีล 5 มาคาราวะพี่เขาทุกปี มีอะไรก็ให้ระลึกถึงพี่เขา ... ตอนที่เราทราบเราก็บอกนางเลยคะว่านางโดนแล้ว

... ตอนนางทำมาใหม่ ๆ นางได้ทุกอย่างที่นางต้องการจริง ๆ นางหลงระเริงไปกับสิ่งเหล่านั้น .. เรื่องศีลนางรักษาไม่ได้สักข้อ ... แล้วสภาพนางตอนนี้ไม่ตายก้เหมือนตายทรมาน ... แถมมาเจอคำสาปเข้าไปอีก .. สองเด้งเลยทีเดียว .. ตอนนี้นางก็น่าจะกลายเป็นพวกมันไปแล้ว .. ที่กล้าพูดเพราะนางมาเข้าฝันเราบ่อยมาก ๆ และความรู้สึกบอกว่านางเป็นพวกเขาไปแล้วและท่าทางจะเก่งสะด้วย

.... เราได้เอาพานบายศรีไปไหว้พี่เขาช่วยนาง .. พอเราไปถึงรู้สึกไม่อยากลงรถรู้สึกไม่ดีอึดอัด .. พอเอาพานไปวางตรงใกล้ประตูก็มีคนอยุ่ข้างในหลายคนที่เป็นลุกศิษย์ของเขา .. เราไม่ชอบที่นี้เอาเสียเลย หงุดหงิด โกรธ มาทำไม ไม่อยากอยุ่ ไม่ชอบ ... เลยขอตัวไปรอที่รถดีกว่า ... ทั้งที่พี่เขาพอเห็นหน้าเราก็กวักมือเรียกเราเข้าไปหานะ .. เพื่อนก็มาไล่ให้ไปแต่เราไม่ไป ... ตอนที่พระอ.ต๋องบอกเราให้กระจ่างใจ ... โคตรโล่งเลยที่ไม่เข้าไปวันนั้นไม่งั้นคงโดนดีแน่ ๆ

.... พี่คนนี้มีวิชาอาคม และ ตละกูลของพี่เขาก็เป็นพระที่เก่งเรื่องวิชาอาคม .. เลี้ยงผีไว้ใช้งาน ... เป็นร้อย หรือ อาจมากกว่านั้น .. เพราะที่แฟนเขาทำงานมันเป็นที่ชุมนุมของคนตายทุกวันนั้น คือ โรงพยาบาล .. การจะเอามาทำบริวารนี้คงไม่ยาก ... ถ้าถามว่าเก่งแค่ไหน .. ก็สามารถคุมแม้แต่ วิญญาณเสือสมิง กระสือ ตะขาบ ฯ เอาแค่ที่เราเจอดีกว่า เรียกว่าใครไปเป็นศิษย์เขาได้ของแถมกลับมาทุกคน .. เขาจะส่งบริวารของเขามาสอดส่องว่าพวกคุณทำอะไรไปไหน ไปสำนักอื่น หรือ เปล่าเรียกว่ากระดิกตัวเขาก็รู้แล้ว .. เพื่อนเรามันโชคดีที่ อสุรกายหลายตนเลือกมัน ... ทั้งที่เขาส่งมา และ แฝงมาในรูปของที่มันไปบูชามาจากพี่เขาแม้แต่รถที่มันขับมันก็ให้พี่เขาเจิมให้ ... ซึ่งมันเคยแผลงฤทธิ์ใส่เรามาแล้ว ... คือมันไม่ให้เราขึ้นรถคะมันสตาร์ทไม่ติดเลย .. พอเราบอกว่าเราจะขับรถเราไปเองมันสตาร์ทติดคะ ... เป็นผีที่กวนต ี น มาก ..... พอขับมาได้สัก 5 โล อยู่ ๆ เครื่องรถพังเลยคะควันออก ... อันนี้วีระกรรมย่อ ๆ

... เคยลองเอารูปไปทดสอบมาแล้ว และ สอบถามผู้ที่เชื่อถือได้ว่าจริงไหม๊ ... คำตอบว่ามีจริง .. ที่หลัก ๆ ที่ตามเพื่อนเรา 3 ตน ชาย 1 ตนใส่หมวกแปลก ๆ ( เสือสมิง ) หญิงสองตนผมยาว ๆ คอยาว ๆ ( อันนี้น่าจะตะขาบกับกระสือ ) สมิงสิงในรูปหลวงปู่จรัญ วัดที่สิงห์บุรี อีก 2 ตน สิงในตุ๊กตาบลาย ... ซึ่งเราเอามันไปถวายวัดที่พอเชื่อถือได้ .. ยังจำได้เลยว่ารูปพระท่านมองด้วยสาตาแข็ง ๆ เหมือนคนโกรธแค้นกันเลย .. รถเราก็เอาไปให้พระเจิมให้ใหม่ .. ยังมีการส่งท้ายด้วยการปิดฝาท้ายเก๋งใส่พระตอนรถน้ำมนต์ด้วยนะคะ .. ลมก้ไม่มีด้วยสิ ... ดีนะตอนนั้นร่างของหลวงปู่ขาวยังอยู่วัดยังไม่ได้เผา ..

.... สำหรับศิษย์ของพี่คนนี้ที่เราทราบข่าวนั้นมีแค่สองคน .. คนแรกก็เพื่อน อ. เราที่ตอนนี้สามวันดีสี่วันป่วยนอนซมลุกไม่ได้ ชักบ่อยขึ้นน้ำลายไหลไม่รู้ตัวก็มี ความจำเสื่อม .. จากที่ตอนแรกเขาจะเอาให้ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถ .. แล้วเราดันหวังดีไปช่วยเขาไว้ .. เพื่อนเรารอดมาได้แต่สภาพนี้ก็น่าเวทนาเหมือนกัน .... รายที่สองน้องคนที่แนะนำไป .. คนนี้เป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศ .. อวัยวะภายในเริ่มเน่าไปเยอะแล้วตอนที่ทราบข่าว .. และน่าจะตายแล้ว ... เพื่อเราเล่าให้ฟังด้วยความสะใจเพราะมันแช่งชักหักกระดูกเขาทุกวัน ... และมันก็ชอบพูดบ่อย ๆ ว่า .... ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถทำให้มันไม่ตายได้มันยอมทุกอย่าง จะผีห่าซาตานก็ช่าง .. มันจะขอแบบนี้บ่อย ๆ ...

... ใครสนใจอยากได้ของแถมแบบนี้ก้อาจจะติดต่อเรามาได้นะคะ เราจะบอกทางไปเป็นศิษย์เขาให้ถ้าคุณสมัครใจ แต่ถ้าไปลองของนี้แนะนำว่าอย่าคะไม่คุ้มเสีย .. เพราะพวกที่เป็นนั้นล้วน " ผิดครู " ทั้งสิ้นทำตัวเองแล้วยังไม่สำนึกทำผิดซ้ำ ๆ ทำแต่ความไม่ดีก็รับกรรมกันไปคะ

 

คือ

...

คิดว่า แก มีความเป็นไปได้ว่าปอบ ค่ะ

ก็เตือนแกแล้ว ว่าคนสมัยก่อนเค้าฝึกวิชาอาคม น่ะ เค้ารักษาสัจจะกัน
อาคมจึงเข้มขลัง

แต่นี้ พี่ว่า น้องจะรักษาไม่ไหว ของเข้าตัวนะ
ที่จริงคิดว่า ญาติ แกที่เคยมีวิชา และตายไป ก็คงเป็นปอบ เป็นยักษ์ นี่ล่ะค่ะ

ตอนแรกบอกแกไป ตรงๆ
ว่า
อาจมีบรรพบุรุษเราที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นปอบอยู่ ไม่มีไรไรกิน ก็จะมากินกะลูกกะหลานนี่ล่ะนะ

แกคงเคืองข้าน้อยน่าดูชม

แกก็ตอบว่า แล้วมาสิงลูกหลานทำไม ผมจะแช่ง(ลูกน้องเราอาฆาตพยาบาทประมาณผีอีแพงค่ะ)

ข้าน้อยก็ว่า

ก็เค้าไม่มีที่ไปนี่ คงหิวด้วย แล้วอย่าไปโกรธเค้าเลย ถ้าไม่มีกรรมผูกกันมา เป็นญาติกันมา ก็คงมาใกล้กันไม่ได้ (ในใจคิด ตัวแกเองตายไป จะรอดไหมเนี่ยน้อ)

 

ก่อน ลูกน้อง ข้าน้อย ลาออกไป

มีถามด้วยนะ

ว่า

พี่ยุ เคยถูกผีสิง มั่งไหม (ชักยังไงเนี่ย ๕๕๕๕)

เลยต้องถามกลับว่า

ก็มึง เห็นผี ไม่ใช่เหรอ มีตาทิพย์ รึมิใช่ ก็ดูเองดิ ว่ามีสิง พี่มั่งรึป่าว

มันก็ บอก ผมไม่เห็นครับ....และไม่เคยเห็นพี่ป่วย ด้วย




มาคิดคิดดู ก็น่ากลัวแฮะ

 

มาคิดคิดดู ก็น่ากลัวแฮะ

... ใช่คะ ... น่ากลัวจริง ๆ ด้วย .. หมายถึงคุณพายุนะคะ .... อิอิ .. ชักจะน่ากลัวกว่าผีเสียแล้วสิ ...

..... พอดีมีพี่ส่งงานให้ไปตรวจดูคะ .. ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว .. อิอิ

 

อ้าว เอ๋...

ไหงเป็นงั้น

ไม่ใช่ว่า คุณกาลีนะ ต้องเป็นห่วง ข้าน้อยสิ ที่แลดูคล้ายๆ ตกใน อันตรายหน่อยๆ เชียวนะ ๕๕๕๕๕

 

นึกออกเรื่องหนึ่ง

ตอนข้าน้อยย้ายมาทำงานนี่ใหม่ๆ นะ

หัวหน้าบัญชีการเงินของบริษัท เธอ ประมาณว่ามีสัมผัสพิเศษ ระลึกชาติได้บ้าง สามารถเห็นผีได้

ก็ได้ ทำนายทายทักข้าน้อย(ผู้้ร้องเพลงเพราะ) ว่า
คุณ เป็นคนที่ มี ๒ วิญญาณ

(ข้าน้อย งง ไป ๓ วินาที)

แล้ว ยิ้มเยื้อน (เห็นฟันแหลม ๘ ซี่ ๒๐ เปอร์เซนต์) หรี่ตา ลงข้างหนึ่ง


แล้ว ตอบว่า

คุณพี่เก่งนักนะ ที่สามารถ รู้ได้ ว่า ข้าสิงสู่ ร่างนี้มานานนักหนาแล้ว ฮึ หึ หึ ๆๆๆ


คุณพี่หัวหน้าฝ่ายบัญชีการเงิน ช๊อคเหงื่อแตกเลย สงสัยข้าน้อย คงน่ากลัวหน่อยๆ จริงแฮะ (แต่คิดว่าตัวเองน่ารักมากมาโดยตลอด สงสัยเข้าใจผิดแฮะ)

 

... 55555555 เล่ยแรงจังนะคะ .. บางทีสัมผัสที่รับได้มันก็มีคะที่อาจผิดพลาดได้ไม่เที่ยงแท้เสมอไป .. มันต้องใช้ประสบการณ์ และ สิ่งรอบข้างเป็นองค์ประกอบด้วยคะ ..

 

... ช่วงนี้จะรุ้สึกว่าเราหายไปจากการโพสกระทู้ของตัวเองไม่มาลงมาเล่าอะไร ทั้งนี้เกิดจากหลายสาเหตุบางประการ หลัก ๆ เลย คือ รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาเฉย ๆ และ เหนื่อย ๆ ใจอย่างบอกไม่ถูก .. ต้องขออภัยทุกคนที่ตามอ่านโพสของเราด้วยนะ แม้ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่แต่ก็จะพยายามสานต่องานคะ

.... เมื่อไม่กี่วันนี้มีพี่ที่เราเคารพท่านหนึ่งได้มาคุยเรื่องตำหนักทรงที่หนึ่ง กับ เราว่าเราเคยไปไหม๊ เป็นยังไง รู้สึกอย่างไร .. แต่พอดีเราไม่เคยไป และ ไม่ได้รู้สึกว่าน่าไปเราจึงตอบพี่เขาไปตรง ๆ แล้วมานึกได้ตอนหลังเมื่อวานนี้เองว่า พี่ที่เราเคารพอีกท่านหนึ่งน่าจะไปมาแล้วเพราะมันไม่ไกลจากบ้านพี่เขาเท่าไหร่ .. พี่เขาบอกว่าพอไปถึงที่นั้นแล้วมันไม่ใช่แบบที่พี่เขาคาดไว้ .. และ เห็นท่าไม่ค่อยดีเลย .. เซย์กู๊ดบายดีกว่า .. ( ไม่แน่ใจว่าที่เดียวกันไหม๊ ) เจ้าตำหนักนางเป็นผู้หญิงน่าจะแก่กว่าเราไม่เกินยี่สิบปี ... เราได้ไปทำการค้นข้อมูล และ ศึกษาเรื่องราวของที่นี้มาจากที่เราสามารถหาได้ .. และ ที่พี่เขาเล่าให้ฟัง ... ที่นั้นไม่ใช่แบบที่พวกเขาโฆษณาตนเองตามโลกออนไลน์ .. แต่ไม่ใช่ไม่มีความสามารถไม่มีฤทธิ์นะ " มีฤทธิ์ และ มากด้วย " เราจึงคิดว่าจะเล่าเรื่องที่เราได้เจอเมื่อเช้าตอนใกล้จะเข้านอนในกระทู้ ร่างทรง หรือ ปอบ ฯ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจลงกระทู้นี้ดีที่สุดเพราะตรงประเด็น และ มีความเสี่ยงน้อยกว่า ( หลบมุม อิอิ )

.... วันนี้เป็นเช้าวันพระเรากำลังจะเข้านอนตอนหกโมงเช้า แฟนเราทักว่า " ไม่สวดมนต์เหรอ " ( คนที่เสียแล้วนะคะ ต่อไปจะเรียกรวมกันเลยไม่แยก ) ด้วยช่วงนี้เรามักรู้สึกเหนื่อย และ ง่วงนอนตลอดเวลาจึงบอกแฟนว่า " ขอนอนก่อนละกันตื่นขึ้นมาค่อยสวดนะ " แล้วเราก็หลับไปเลย ..

.... มันเป็นภาพนิมิตขึ้นมาทันทีว่า เหมือนเรายืนอยู่ที่ในบ้านไม้แห่งหนึ่งในห้องนั้นมีเรา กับ แฟน ยืนอยู่ในห้องเรายืนกลางห้องแฟนยืนตรงใกล้หน้าต่างที่เปิดไว้ ... ด้านนอกมืดสนิท ... แล้วจู่ ๆ ก็มีเหมือนหน้าคนเรืองแสงได้มาโผล่ตรงมุมหน้าต่างด้านหลังแฟนเรา .. เป็นหัวของผู้ชายวัยกลางคนไปแล้วจะว่าหน้าตาเหมือนคนไหม๊ .. มันไม่เชิง .. เคยเห็นหัวสิงโตตัวผู้ไหม๊คะแบบนั้นเลยแต่ตรงใบหน้าเป็นหน้าคน .. มีแผงขนสีส้มทองเป็นกรอบหน้า .. หน้าตาออกไปแนวดุร้ายกำลังจ้องมองเราอยู่แต่พอสักพักมันก็ลอยออกไปจากตรงนั้น แฟนเรายืนเฉย ๆ แค่แหล่ตามองดูแบบถ้าเข้ามาก็อาจมีปะทะกันได้ .. แต่มันเลือกที่จะลอยหนีออกไป .. แต่ใจนึ่งคิดว่ามันกำลังหาทางเข้ามาด้านใน และ เหมือนอยากพุดอะไร กับ เรา

... แล้วต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกส่วนนี้เราจำไม่ได้รู้แค่แฟนเราอยู่กับเราตลอดห่างระยะ 1 เมตรได้ .. รู้แต่ว่าเจ้าหัวหน้าคนมันพูดกับเรามาคำหนึ่งว่า " ท่านเข้าใจไหม๊ มัน คือ ธุรกิจ " เหมือนเขาไม่ต้องการให้เราเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาประมาณนั้น แล้วเราก็สดุ้งตื่นขึ้นมา เราพิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้วว่านั้น คือ ฝัน หรือ นิมิต ที่จะบอกอะไรกับเราสักอย่างแน่นอน .. เหตุผลประกอบ คือ ตอนที่เราตื่นมาอาบน้ำจะไปวัด .. แฟนเราก็ตื่นมาเล่าให้ฟังว่า .. เขาฝันอะไรเยอะมากเลย .. แต่รู้ว่า " วันนี้เขาโดนเสือตัวหนึ่งกัดมือ " ทำให้เราแน่ใจว่าใช่แน่ละ และ ช่วงนี้เราไม่ได้ไปยุ่งกับใครเลยนอกจากเรื่องตำหนักที่พี่เขาเอามาถามเท่านั้น ... ทำให้คำตอบที่เราให้พี่เขาไปมีน้ำหนัก และ ชัดเจนมากขึ้น

 

... แล้วเราก็ได้ความรู้ใหม่มาเพิ่มเติมอีกว่า .. ปอบ + กระสือ + กระหัง + เสือสมิง ฯ พวกนี้เป็นพวกเดียวกัน ... กล่าวคือ เกิดจากการกระทำ " ผิดครู " " พวกเลี้ยงผี " หรือ " รับขันธ์ผี " จนตัวเองต้องกลายเป็นพวกลูกครึ่ง .. คนก้ไม่ใช่ .. อสุรกาย .. ก้ไม่เชิง ... คือ ยังคงมีร่างกายเป็นคนอยู่ .. แต่มีจิตของพวกอสุรกายมาแฝงอยู่ .. นานไปเมื่อจิตของเจ้าตัวอ่อนแอลงพวกนี้ก็จะมีพลังกล้าแข็งขึ้น และ ครอบงำดวงจิตของเจ้าตัวไว้ในปกครอง .. ทำให้พฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป .. คอยชักจูงให้กระทำผิดอยู่ตลอดเวลา ..

 

... เคยมีใครสงสัยไหม๊คะว่า เราเจอเรื่องแนวภพภูมิร่างทรงอะไรมามากมาย .. ทำไมเรากลับมองไม่เห็นพวกเขา .. ตอนแรกคิดว่าจะเล่าดีไหม๊ .. แต่ก็ตัดสินใจเล่าเพื่อคนอื่นจะไม่บ้าทำเหมือนเรา ..

.... ความจริงเราก็เหมือนจะเคยเห็นพวกเขานะตอนเด้ก ๆ แต่ไม่บ่อยนัก ..ที่บอกว่าไม่แน่ใจเพราะเราแยกไม่ออกว่าอันไหนคือผี อันไหนคือคน .. เหมือนที่ตอนเด็ก ๆ เราไม่รู้ว่าเราเป็นเพศอะไรนั้นเอง .. แต่ใจเรามักบอกเราว่าเราเป็น " ผู้ชาย " มากกว่า .. อิอิ

... พอดตขึ้นมาหน่อยเริ่มถูกสอนให้กลัวผี ..พ่อเราเองที่สอนให้กลัวเพราะตอนเด็กทั้งซ่าทั้งห้าวไม่กลัวใคร .. พอเริ่มกลัวผีบวกกับเริ่มโตเริ่มแยกแยะอะไรออกแล้วเพราะเข้าโรงเรียนแล้ว .. เราเริ่มกลัวทุกอย่างรอบตัว .. แม้แต่ตัวเอง .. จากที่เคยคุ้นเคยกับเสียงของคนที่ตอบคำถามต่าง ๆ ในหัวตัวเองก็เริ่มกลัว .. ไม่กล้าแม้แต่มองกระจกเวลากลางคืน .. เพราะยิ่งมองยิ่งเหมือนคนในกระจกไม่ใช่ตนเอง .. มันหลอน ๆ แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราทำอะไรกับตัวเองเพราะคิดว่ามันอาจทำให้เรามองไม่เห้น ไม่ต้องรับรู้เรื่องแบบนี้อีกก้ได้

... นั้นคือ เราขอพรให้ตัวเองไม่ต้องมองเห็น ผี อีกไม่ว่ากรณีใด ๆ แบบว่าถ้ามาให้เห็นด้วยตาเปล่าเราจะแช่งให้ไม่ได้ผุดได้เกิดไปเลย .. แต่ถ้าจะมาติดต่ออะไรก็ให้ หรือ จำเป็นต้องเห็นจริง ๆ ก็ขอให้รับรู้ในความรู้สึก ให้สัมผัสได้ หรือ มาในฝัน หรือ ผ่านคนอื่นมาบอกก้ได้ .. ( จำได้แค่นี้มันยาว ) ทั้งพูดทั้งร้องไห้ไปด้วยเพราะตอนนั้นหลอนมากแล้ว .. มันคอยจะแว๊บ ๆ มาให้เห็นโดยเฉพาะผู้หญิงผมยาวหุ่นดีแต่มองไม่เห็นหน้าแต่รู้สึกว่าสวยใส่ชุดคล้ายคลุมยาว ๆ สีดำ อันนี้จะมาหลอนบ่อยเรากลัว .. เคยโดนพระท่านว่า " คนอะไรกลัวแม้แต่ตนเอง " แต่ด้วยเหตุนั้น เราก็ไม่ค่อยจะเห็นอะไรอีกก็ร่วม ๆ เกือบสามสิบปีแล้วที่เคยทำแบบนั้นไป .. ไม่รู้ว่าจะใช่ไหม๊ .. กับการที่เราจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อไปข้างหน้า ..

... เรามาเรียนรู้ตอนหลังเมื่อไม่นานมานี้ว่า คนประมาณเรานั้น " สมควรคิดก่อนพูดให้มากที่สุด " ยิ่งสั่งสมบารมีให้ตนเองมากเท่าใด .. ยิ่งสมควรรักษาศลีข้อที่ว่าด้วย " คำพูด " ให้มากเท่านั้น .. ดีนะที่ อ.ต๋องท่านให้เราค่อย ๆ ปรับตัวไป .. แต่ถ้าได้ระดับหนึ่งแล้ว .. ท่านบอกว่าถ้าต้องให้เลือกระหว่างการโกหกที่ทำร้ายผู้ที่บริสุทธิ์ท่านบอกให้เลือก " กัดลิ้นตนเองซะ " ... เห้อ ๆ ตอนพูดหน้าท่านน่ากลัวมากขอบอก .. และ เมื่อมีบารมีถึงขั้นสูง ๆ ท่านห้ามแม้แต่การบ้วนน้ำลายในสถานที่สาธารณะ หรือ ที่ที่คนอื่นสามารถเอาน้ำลายเราไปได้ ... เพราะมันสามารถเอาไปทำอย่างอื่นได้ด้วย ... ตอนแรกบอกตามตรงไม่ค่อยเชื่อคะแต่ก็ฟังผ่านไปเท่านั้น .. คิดว่าแกพูดเล่น หรือ แค่ขู่ใหกลัวเฉย ๆ .. แต่ทุกวันนี้คิดหนักเลยคะ

.... ท่านบอกว่า .. เราควรให้พรคนอื่นมากกว่าแช่งคน .. แถม อ.บุญชู ท่านก็บอกใครเขาด่าเขาว่าเราอย่าไปเถียงเขา จะว่าเราบ้าเรื่องแนวนี้ก็จง สาธุรับเอา .. เดี๋ยวพวกเขาจะได้ผลกรรมนั้นเองเราไม่ต้องไปทำอะไรพวกเขาหรอก ... น่านมามุกแนวนี้อีกคน .. แต่ก่อนที่ผลกรรมจะไปแสดงกับคนอื่น .. ตัวเรานี้สิต้องเจอก่อนชาวบ้านเสมอ .. ไม่ว่าจะไปช่วยใครเขา แค่ตรวจดวงกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ ดูดวงจากไพ่ หรือ ไปทักชาวบ้านเขา ( ส่วนมากเจอแต่พวกดวงแบบหนัก ๆ แรง ๆ ) พอช่วยเขาแล้วตัวเองก็จะจบลงด้วย ... ร่างกายเกิดแผลอักเสบขึ้นบริเวณส่วนบนของร่างกาย ... จำได้ว่าครั้งแรกที่เป็นขึ้นที่หน้าเสียโฉมข้างซ้ายไปเยอะแผลน่ากลัวด้วย .. หลัง ๆ มาจะเกิดที่บริเวณคอมากที่สุด และ บ่อยที่สุด .. แล้วจะมีส่วนอื่นประปรายมีช่วงหนึ่งมีคนมาให้ช่วยตรวจดูเยอะ ๆ มีเป้นรอยคล้ายหูดเล็ก ๆ หลายอันเกิดที่ขอบตาล่าง .. จนวันหนึ่งเกิดนิมิตว่าตาเราเกือบบอดเพราะเจ้าสิ่งนี้มันลามกินตาเราเกือบหมดเราร้องไห้มากในฝัน ... จากนั้นมาก็เชื่อ อ.ต๋อง เลยว่าจะไม่ทำอะไรซี้ซั่วแบบนี้อีกแล้ว เพราะมันทรมานมาก ๆ นอกจากนั้นแล้วยังมีอาการอย่างอื่นด้วย .. คือ จากที่เคยเป้นคนตัวเย็น แต่เดียวนี้กลับร้อน ถึงร้อนมากในบางวัน .. ร้อนขึ้นหัวเหมือนมันระอุอยุ่ข้างใน .. เกิดตุ่มคล้ายสิวบวมแดงอักเสบตรงแถว ๆ หู ไรผมสองข้างปวดแสบปวดร้อนทรมานมาก .. เราไปหาหมอมาหลายที่ทั้งหมอเฉพาะทาง .. แต่ก้ได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก ... หมอทุกที่สรุปว่า โรคนี้รักษาไม่หาย .. " มันอยู่ในกระแสเลือด ต้องรักษาตามอาการ " ส่วนทางอาจารย์เราทั้งสองท่านบอกเราแค่ว่า " มันเป็นโรคเวณ โรคกรรม " เราก้ถามว่ากรรมนั้น คือ อะไรท่านบอกแค่ว่า " กรรมมะวาจา " ที่เหลือท่านไม่บอกเราเลยต้องมานั้งสังเกตตนเองเรื่อยมา .. จนบอกตนเองว่า .. ที่เราเป็นแบบนี้เพราะเราไปยุ่งกับกรรมของคนอื่น และ บารมีเราไม่พอ คนที่มาช่วยท่านบารมีมากกว่าเกิดความไม่สมดุลกัน และ เราต้องรับผลแห่งการไปยุ่งเกี่ยวกับกรรมของผู้อื่นจึงต้องทรมานแบบนี้ .. ซึ่งสมัยก่อนมันแค่นอนเหมือนคนเหนื่อยมาก .. ตื่นขึ้นมาก็เหมือนไปทำอะไรที่หนัก ๆ มาจนปวดร้าวไปทั่วร่างกายเฉย ๆ แต่ไม่ได้เป้นแบบนี้ ... ทุกวันนี้ก็ยังเป้นแบบนี้อยู่แต่ดีขึ้นมากแล้ว .. ไม่ได้น่าสยองเหมือนแต่ก่อน .. ใครที่เจอเราตัวจริงจะเห็นว่าที่คอเราสองข้างจะมีรอยผิวเป้นสีดำคล้ำอยู่นั้นแหละคือ โรคที่เราต้องเผชิญอยู่ .. ส่วนไอ้ที่เป็นบนหัวเราแก้ด้วยการย้อมสีผมด้วยไฮโดรเจน .. มันจะหายภายในไม่เกินสองวันอันนี้ช่างผมประจำเราแกจะรู้ดีที่สุด ตอนแรกแกไม่เชื่อแต่ตอนนี้แกไม่ถามอะไรเราเลยพอเจอหน้าแกจะถามเลยว่าย้อมผมไหม๊ 5555555555

... เราได้แต่คิดว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่นี้มันก็ยังดีกว่าที่เราต้องตายไปแบบคนอื่น ๆ เขา .. และ ไม่ได้คิดเสียใจในการที่เราไปช่วยคนเหล่านั้น เพราะ อ.ต๋อง ท่านเคยบอกเราว่า " นับต่อแต่นี้ไปถ้าคิดจะช่วยใครต้องทำใจยอมรับกับคำว่า เนรคุณ " เพราะเราต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ไปตลอดแน่นอน .. ทำให้เราเลือกคนที่มีวาสนาต่อกันมากกว่า และ ปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ ลงไปมากจากแต่ก่อนที่คิดแต่น้อยใจเสมอ ๆ ว่าแหละตอนนี้ก็ยังคันหัวตรงที่ตุ่ม ผื่นขึ้นอยู่เลย 555555 คอก็ยังไม่หายแสบ .. กะว่าจะเงียบ ๆ สักพักก็อดไม่ได้คนมันเคย ๆ 5555555 มาบ่นให้ฟังรอบดึกคะ

 

เหนื่อย ก็พักผ่อนบ้างนะคะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ไว้ มีกำลังใจ ดี แล้วค่อยมา เล่าให้ฟังใหม่ก็ได้ค่ะ ไม่เป็นการติดค้างอะไรหรอกค่ะ

คุณกาลีนะ ใจดีมากแล้ว
ด้วยความรักเพื่อน ญาติมิตร จึงลำบากสารพัด คนไหนช่วยไม่ได้ ก็ปลงว่า กรรมของสัตว์ นะคะ

ขอให้สุขภาพแข็งแรง สดชื่นนะคะ

 

...... ขอบคุณนะคะ (deejai)(deejai)(deejai)

.... ก็ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกคะ ... ตอนเด็ก ๆ ออกแนวเห็นแก่ตัว และ ขี้เหนียวอีกต่างหากคะ 5555555 เพราะเป็นพวกกินเก่งม๊ากกกกกกกก ... ยิ่งของหวาน ๆ จะชอบมาก .. มารู้ตอนหลังว่า " กรุ๊ปเลือดตัวเอง " เป็นพวกขาดหวานไม่ค่อยได้ เพราะอินซูลินมันไม่ค่อยปกติ เรียกว่า ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดไม่ค่อยได้ ของเรานี้ คือ มักจะขาดน้ำตาลเรียกว่ากินขนมหวานแล้วจะรู้สึกดีขึ้นจากที่เหนื่อยเพลัย ไม่มีแรง บางครั้งตัวเย็นแบบผิดปกติ ( รู้สึกตัวเย็นแต่เหงื่ออก ) พอโตขึ้นถึงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง .. พูดง่าย ๆ นิสัยเดิมยังติดมาเยอะเลยต้องปรับตัวพอสมควร ... ด้วยความดื้อรั้นหัวชนฝา + ทิฐิที่แรงกล้ามาก + กล้าพุดมากเกินไป ฯ ... ทำให้เราต้องเจอกับเรื่องร้ายแรงต่าง ๆ มากมาย .. เราก็ต้องเจอมรสุมมามากได้มีโอกาศเห็นโลกทั้งสองด้าน ทั้งมืด และ สว่าง .. อาจารย์เราบอกว่าเราเป้นพวกที่หาครูที่เป็นคนลำบากเพราะเป็นพวก " สอนยาก ดื้อ " ถ้าเราเถียง หรือ พูดไม่ได้จะเถียงในใจคะ 5555555 แต่ที่ทุกคนเห็นเราในทุกวันนี้นั้น คือ เราโดนสั่งสอนมาแล้ว เรียกว่าปราบพยศจะดีกว่า ทั้งจากท่านที่เป็นคน และ ท่านที่ไม่ใช่คน ... เราเคยเสียใจที่เราเกิดเป็นผู้หญิงเพราะข้างในเขาพูดกับเราตอนเด้ก ๆ ว่าที่ตั้งใจไว้นั้น คือ ชาตินี้จะเกิดเป็นผู้ชาย .. แล้วจะบวชชั่วชีวิตอยู่ในป่าท่องไปเรื่อย ๆ เรียนรู้โลกใหม่ ๆ มันคือความฝันของเราตั้งแต่จำความได้ .. แต่อีกใจหนึ่งก้บอกเราว่า " โตขึ้นเราอยากแต่งงานกับคนที่เรารัก .. ถ้าเราได้แต่งงานเรามีคนคนนั้นเพียงคนเดียวตลอดชีวิต ... ใช่เราฝันอยากเป็นเจ้าสาว " ... ถ้าสมัยเราเด็ก ๆ มีข้อมูลให้ศึกษามากมายขนาดนี้เราคงไม่ต้องเดินช้าไปหลายก้าว ... และ เข้าใจแล้วว่าทำไมพอเริ่มโตความสามารถหลายอย่างเขามันมันค่อย ๆ หายไป .. เข้าใจตอนที่พี่ระมิงค์บอกเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ....

.... ถ้าพี่คนหนึ่งได้เข้ามาอ่านข้อความนี้นะคะ ... อ.ต๋อง ท่านให้คำภาวนามาเหมือนกันคะ .. แต่เป็นคำบูชาเทพประจำตน แต่เป็นสองภาค ภาคดี และ ภาคนักรบ ... ท่านให้พยายามทำทานบารมีให้มาก ๆ ให้รับข้อปฏิบัติ 3 ข้อ และ ให้วางอุเบกขาให้มาก .. เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ขาดสติ โมโหขึ้นมา ... จะมาทันทีเลยคะ ... จากการสังเกตที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คะ ..... ส่วนพระอ. บุญชู เพิ่งเข้าไปหาท่านมาพอดีท่านอาพาธมาจะร่วมอาทิตย์แล้วเอาน้ำจับเลี้ยงไปถวายให้ท่านลองฉันท์แก้ร้อนดู กับ เอาปลากระป๋องไปถวายเพื่อให้ท่านจะได้มีอาหารเลี้ยงแมว ( ท่านมีแมวสิบกว่าตัวมีคนเอามาถวายวัดท่านเลยต้องหาซื้ออาหารกระป๋องให้แมวเดือนหนึ่งก็หลายตังค์ ) .. สิ่งที่คิดได้พอทราบว่าท่านอาพาธ คือ เพราะท่านจะไปอยู่ที่อื่นนั้นเอง ..

.... ก็เลยขอคาถาท่านมา .. เป็นคาถาเปิดตาที่สาม ... ท่านก็พูดปากเปล่าให้เราจดเอาเอง .. ยังไม่ได้ตรวจทานว่าถูก หรือ เปล่า ... ที่สำคัญยังไม่กล้าทดลองใช้คะ 55555 ขอทำใจสักแป๊บหนึ่งก่อน .. อิอิ

 

นี่มันก็ปี 2014 เข้าไปแล้ว มันหมดยุคแม่มดไปนานมากแล้ว...ที่จริงผมบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2000 แล้วว่าทำไม เรื่องผีสางคางแดง เวทย์มนต์คุณไสย ร่างทรงองค์เทพพวกนี้ยังมีอยู่อีกหรือ?
นี่มันยุคไหนแล้ว...ตอนนี้จะไป 5G แล้วนะ...นี่คนที่งมงายเหล่านี้จะบ้ากันไปถึงไหน...

ทั้งบ่นทั้งว่า...แทนที่เรื่องพวกนี้จะลดๆลงกันบ้าง...กลับมีเยอะขึ้นไปอีก...นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...แล้วโกนหัวห่มเหลืองก็เอากะเขาด้วย ชักไปกันใหญ่แล้วนะ...ผีสางนางไม้ นับวันก็จะเฮี้ยนกันขึ้นเรื่อยๆ...มันอะไรกันนักกันหนา...
เมืองไทยมันจะอยู่ยากซะแล้วสิเนี่ย...

วันก่อนเพื่อนเปิดร้านอาหาร ระดับไฮโซ ... ชวนไปกินข้าว แต่จริงๆต้องการให้ไปคุยกับเจ้าที่ให้ว่าจะทำยังไงดี...
ยังไม่ทันไปเจ้าที่ผู้หญิงก็มาหา ท่าทางเฮี๊ยบมาก เอาเรื่อง บริวารตามมาอีกหลายตน...ระหว่างเดินทางไปท่านผู้มีพระคุณก็ได้เตือนว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ให้พระอาจารย์ เอ มาแผ่เมตตาให้...ทั้งนี้ก็เพราะพระอาจารย์องค์นี้ เคยเกิดร่วมสมัยกับคนกลุ่มนี้ จะช่วยเกื้อกูลกันได้...ก็เลยไปกินข้าวเฉยๆ ไม่ว่าอะไร ทำตัวเป็นเชลไม่ชวนก็ควรชิม...

เพื่อนคนนี้จะไปเข้าพิธีไหว้ครูประจำปี ของพระอาจารย์อีกองค์ที่เชียงราย ...
พระรูปนี้เป็นร่างทรงฤษีขาว ฤษีดำ...
ในพิธีจะมีให้ครอบเศียรพ่อแก่ และให้กินเกสรดอกบัว...เธอผู้นี้ไปเข้าร่วมพิธีมา 2 ปีแล้ว...ปีนี้จะเป็นปีที่ 3 จึงถามว่า เมื่อห้อยครุฑที่ผมให้ไปแล้ว ไม่ควรจะไปครอบครู และกินอะไรในพิธีอีกหรือเปล่า...
ก็บอกว่าอย่าดีกว่า เอาเป็นว่าไปร่วมทำบุญอย่างเดียวละกัน...แต่เวลานั้นรู้มาว่า นั่นไม่ใช่ร่างฤษี แล้วเขาต้องการเธอผู้นี้เอาไว้ใช้เป็นบริวาร ... ของที่กินเข้าไปแล้ว เอาออกยาก...

ตกดึกหลังจากออกจากสมาธิแล้วก็เอนกายลงนอน...
แหม...แห่กันมาถึงห้องนอน ร่วม 10 หน่วย...มาใกล้ตัวได้ขนาดนี้นี่ก็ต้องถือว่าของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ...
นี่ถ้าไม่ได้ครูบาอาจารย์ท่านคุ้มครองอยู่ มีหวังจะเดี้ยงเป็นแน่แท้...
ขนาดนี้แล้วยังจุกไปแอ่กนึง...ด้วยข้อหาไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน หมูเขาจะหาม...นิ...

เมืองไทย เมืองพุทธแท้ๆ ทำไมเรื่องพวกนี้มันเยอะมาก...
เยอะพอๆกับกระเทย...มีทั่วทุกเสาไฟฟ้า อย่าที่อาจารย์เสรี ว่าไว้ไม่มีผิด...
อยู่ต่างประเทศสบายกว่าเยอะ เดินไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่มีอะไร...
อยู่เมืองไทย จะเดินไปปากซอย ผ่านโรงเจ ยังต้องตั้งการ์ดไว้แน่นๆ...อะไรของเขากันนะ เล่นแต่คุณไสย มนต์ดำ เต็มไปหมด ปล่อยไปไหนไม่ได้ก็ฝังไว้ที่ต้นกล้วย...
กล้วยธรรมดาๆ พ่อซัดซะก้านดำ เครือดำไปเลย...
อืม...กล้วยพันธุ์ใหม่มั๊งนะ...
ว่าแต่ เจ้าสำนักโรงเจ ไหงไม่กล้ากินกล้วยพวกนี้นะ...
มันอะไรกันนักกันหนานะ...เมืองไทยเนี่ย...

 

ขอบคุณคุณกาลีนะมากค่ะ..สำหรับกระทู้ที่สนุก น่าติดตาม ได้ความรู้และอุทาหรณ์ในหลายเรื่องค่ะ ไปตามอ่านมาหลายกระทู้ค่ะ ปอบ ผีอำ คนทรง ...ข้อเขียนของคุณมีคุณค่ามากๆค่ะ มันสะดุดใจเราเหมือนกันค่ะ เพราะจริงๆแล้วชีวิตของเราก้อน่าจะไปได้ดีกว่านี้ แต่ทิ้งการปฏิบัติธรรมไปหลายครั้ง ชีวิตมีเหตุพลิกผันหลายอย่าง ดื้อด้วย เอาแต่ใจด้วย มีทิฏฐิมานะด้วยค่ะ ..ที่เรายังอยู่เป็นคนได้ถึงทุกวันนี้ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธ ท่านเมตตาช่วยเอาไว้...

ขอให้คุณและครอบครัวเจริญรุ่งเรือง และประสบแต่สิ่งที่ดีนะคะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ..

 

.... ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจ ...

... ไม่รู้สิอ่านแล้วรู้สึกตื้นตันเหมือนจะร้องไห้ ...5555555 ... เพราะเราก็กลัวว่าคนที่มาอ่านจะมองจุดประสงค์เราผิดไป .... เราไม่ได้หมายว่า " เทพท่านไม่ดี หรือ คนที่เป็นร่างทรงจริง ๆ ไม่ดี .. เราอยากชี้ให้เห็นถึงผลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น .. เพราะอย่างน้อยถ้าคุรเลือกอะไรมันคือความเต็มใจของพวกคุณเอง .. ส่วนตัวเราก็เคยได้กล่าวกับ อ.ต๋อง ในตอนที่ท่านตัดสินใจช่วยเราว่า .. เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ที่ท่านช่วยให้มีโอกาสแก้ตัวใหม่ให้มีประโยชน์ต่อคนที่ดีคนอื่น ๆ ให้มีโอกาสเริ่มต้นใหม่เหมือนเรา .. การเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเราเอง .. เผื่อจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย "

 

นี่มันก็ปี 2014 เข้าไปแล้ว มันหมดยุคแม่มดไปนานมากแล้ว...ที่จริงผมบ่นเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2000 แล้วว่าทำไม เรื่องผีสางคางแดง เวทย์มนต์คุณไสย ร่างทรงองค์เทพพวกนี้ยังมีอยู่อีกหรือ?
นี่มันยุคไหนแล้ว...ตอนนี้จะไป 5G แล้วนะ...นี่คนที่งมงายเหล่านี้จะบ้ากันไปถึงไหน...

ทั้งบ่นทั้งว่า...แทนที่เรื่องพวกนี้จะลดๆลงกันบ้าง...กลับมีเยอะขึ้นไปอีก...นี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน...แล้วโกนหัวห่มเหลืองก็เอากะเขาด้วย ชักไปกันใหญ่แล้วนะ...ผีสางนางไม้ นับวันก็จะเฮี้ยนกันขึ้นเรื่อยๆ...มันอะไรกันนักกันหนา...
เมืองไทยมันจะอยู่ยากซะแล้วสิเนี่ย...


...... พี่คะหนูขอบอกว่า .. เดี๋ยวนี้มัน " คลั้งแนวนี้กันมากกว่าสมัยก่อนอีกคะ " ไม่เอาด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องด้วยคาถา .. แต่ว่าส่วนมากจะมาจากฝ่ายมืดซะมากกว่า .. เพราะ เข้าถึงง่าย