ทำสมาธิแล้วมีอาการแบบนี้ มันเป็นอะไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย data44, 3 มีนาคม 2014.

  1. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    1. หัวสมองไม่ยอมคิดอะไร เช่นต้องคิดว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง กำลังคิดอยู่ความคิดก็จะหายไป พยายามสั่งให้มันคิดก็เหมือนมันไม่อยากคิด แต่ผมก็จำเป้นต้องคิดเพราะผมต้องทำงาน ทำให้เป้นอุปสรรคต่อการทำงานมาก ทำไงดี การที่บังคับให้ตัวเองคิดทำให้เกิดอาการปวดหัว คิดอะไรไม่ออกตามมา

    ถ้าตอนนี้ผมเป็นพระอยู่วัดอาการนี้คงน่าจะดีแต่มันไม่เหมาะกับคนทำงานครับผมแก้ไม่ได้ด้วย แย่แน่ๆครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จากโพสเดิม โพสที่เคยเข้ามา ปรึกษากรรมฐาน

    ในโพสสุดท้าย คุณไปสรุปตัวเองว่า จริตเป็นอย่างนั้น จริตตนเป็นอย่างนี้


    ไอ้อาการ สรุปเหมาเอาเองว่า จริตตนเป็นอย่างไร เชื่อหรือไม่ นี่แหละ คือ จริต
    ที่เป็นใหญ่ และ เพราะมันเป็นจริตนิสัย คุณจะต้องไม่เห็น จริตตัวเอง

    ดังนั้น จริตที่คุณเป็นไม่ใช่ วิตกจริต กับ โทษะจริต

    จริตของคุณคือ โลภ !!!! หรือ ราคะจริต

    ยกตัวอย่าง ปัญหากรรมฐานจากโพสที่แล้ว กับ โพสนี้ สังเกตดีๆ มันมี
    ส่วนหนึ่งที่ เหมือนกันเป๊ะ ไม่ได้เปลี่ยนเลย

    และความเหมือนกันเป๊ะ ก็มีเหตุมาจาก จริตของตน นั่นแหละ ซึ่งก็คือ โลภ!!

    โลภอยากได้ " สภาวะเมื่อก่อน "

    เหมือนเคยได้ เจอสาวที่ถูกใจ ก็มัวแต่ ทำทุกอย่างเพื่อให้เหมือนกับว่า
    ได้ชะเง้อเห็นสาวคนนั้น

    อยากได้จิตรวมแบบนั้น วันกระโน้น อะ อยากได้ อยากได้ ........


    มันก็เลยทำให้ การประกอบสมาธิ มี ตัณหานำ สภาวะมาหลอกให้ไล่จับ
    ว่า อย่างนี้ใช่ อย่างนี้ใช แล้ว ก็ มุดรูรวมจิตเข้าไป จมอยู่กับ รูสมาธิ รูจิตรวม

    ถึงขั้นสรุป จริตตนอย่างโน้น อย่างนี้ เพื่อให้ มันสอดคล้องกับ สภาวะในอดีต


    จริงๆ สมาธินั้น มันเป็น ของเกิด แล้ว ก็ดับ ..... เมื่อดับไปแล้ว เขาก็ต้อง
    เริ่มทำเอาใหม่ตั้งแต่ต้น เพียงแต่ว่า หากมันชำนาญ มันจะเริ่มตั้งแต่ต้นได้
    อย่างรวดเร็ว จนคล้ายว่า ไม่ต้องทำแบบเดิม

    วิธีพิสูจน์ว่า ราคะ หรือ โลภ มันกุมจิตไหม ก็ลอก แกล้งลืมการปฏิบัติธรรมไปก่อน

    เอาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ไปหาอะไรทีเป็นกุศลทำ โดยให้ใช้กายออกแรง
    เป็นตัวคุมความคิด ความอยากปฏิบัติ ให้มันหายไปจากใจก่อน เช่น สวดมนต์
    ทำบุญ ตักบาตร ล้างห้องน้ำวัด กวาดลานวัด ทำอะไรก็ได้ ที่เป็นไปเพื่อความ
    สงบ สงัด แต่ ไม่ใช่การปฏิบัติสมาธิ อย่าพึ่งเน้นจิตรวม ให้จิตมันกว้างๆ ออก
    ไปก่อน

    พอจิตเริ่มโปร่งเบา ก็ค่อย มาทำ สมาธิแบบเดิม แบบที่เคยทำได้ แล้วให้เริ่ม
    จาก 0 เหมือนคนไม่าเคยทำ อย่าเริ่มจาก ผลที่เคยได้แล้ว มุดรู ทำสมาธิแบบ
    มุดรู ไม่เอา แค่นั่นแหละ แล้วจะเห็นเลย จริตที่มันหลอกเรา พาเราไปเป็น ไปอยู่
    ไปอุปทาน มันมีหน้าตายังไง
     
  3. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    คุณบังคับจิตตัวเองหรือเปล่า?

    เพราะการทำสมาธิถูกวิธี หวัจะโปร่งควมาคิดจะแล่นเร็ว

    ก็อย่างที่บอก คนไหน นักเรียนก็ดี ที่สมาธิสั้น ความจำมันจะไม่ค่อยดี

    สมาธิไม่นิ่ง งานที่ออกมาก็ไม่ค่อยจะดี

    นักเรียน นักคิด นักค้น เขาจึงให้ฝึกสมาธิ เพราะมันช่วยให้ความจำดีขึ้น

    ช่วยให้การคิด การอ่านเร็วขึ้น การฝึกสมาธิ ก็คือการกำจัดขยะในสมอง

    ที่ไม่จำเป็นทิ้งอออกไป มันเคลียร์ สมองก็จะโปร่งโล่ง

    เหมือนกับการ อัพเดทและ กำจัดขยะ

    ในวินโดวส์ นั่นแหละครับ เครื่องคอมก็จะเร็วขึ้น ถ้าทำถูกนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  4. ปิญญ์

    ปิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +385
    จะยากตรงไหนคะ

    ทำงานเก่งแค่ไหนเชียว ปั่นเงินหลายล้านเหรอ


    แค่ลองนั่งนิ่งๆ หลับตา นับลมหายใจเข้า-ออก จับลมหายใจให้ทัน ว่าเข้า หรือออก

    แค่นี้......วันละ 30 นาที แค่ 1 เดือน เห็นผล

    กล้าทำหรือเปล่า หรือแค่ทำหลอกๆ ....หึ....หึ.....หึ....
     
  5. Bonejankel

    Bonejankel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2010
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +147
    สงสัยจะเป็นแบบธรรมดาที่คนฝึกสมาธิส่วนใหญ่เขาเป็นกันล่ะ- -ก็ควรจะปล่อยวางให้ได้เป็นปกติ ไม่ยึด ไม่ติดอยู่ แม้ในอารมณ์อันแสนสุข สงบ สะอาด ของสมาธิ ต้องมีสติสัมปัชชัญยะ ระลึกรู้ กำกับตนเอง ให้อยู่กับปัจจุบันตลอดเวลา เช่น ขณะนี้ตื่นแล้ว-ขณะนี้ออกจากสมาธิแล้ว เป็นต้น แนะนำว่าให้เพิ่มในส่วนวิปัสสนา และหากรู้สึกว่าอะไรมันสุดฝืน ไม่อาจเอาชนะในใจตนได้ ในอันที่จะเป็นคุณงามความดี แนะนำให้เพิ่มในส่วนสมาธิแบบ ชินะสา สมาธิ เป็นต้น
     
  6. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    อยากทราบว่าปฏิบัติอย่างไรครับ จะได้แนะให้ถูกทางครับ
    อยากทราบอารมณ์ขณะปฏิบัติด้วยครับ
     
  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เป็นโรคสมาธิสั้น ชอบเหม่อลอยมั้งครับ ลองไปปรึกษาจิตแพทดู
     
  8. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    1.ผมฝึกแบบทุกเวลาสติให้อยู่กับพุทโธให้ได้มากที่สุดครับ ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรพยายามระลึกพุทโธพร้อมลมเข้าลมออก
    และ2.ถ้ามีความรู้สึกใดๆเข้ามาก็จะพยายามปล่อยออกให้ได้มากที่สุดโดยคิดว่าทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา
    3.ตอนเย็นสวดมนต์นั่งสมาธิ แผ่เมตตาครับ

    พอฝึกนานๆ ผลที่เกิดก็อย่างที่เล่าครับ มันไม่ยอมรับสิ่งใดๆ แม้ขณะที่จะพิมพ์กระทู้นี้ก็ใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ ตั้งใจฝึกเพื่อให้สติตั้งมั่น กลับกลายเป็นเหมือนแย่กว่าเิดิม เหมือนคนตั้งสติไม่ได้ แต่ใจก็ไม่ฟุ้งซ่านนะครับ ไม่รู้จะบอกยังไง
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฝึกผิดหรือป่าว

    ผลของสมาธิ ไม่มีทางที่จะทำให้เป็นได้หรอกนะครับ

    แนะนำว่า เวลาจะทำงาน ทำงานอาชีพ ให้เลิกทำสมาธินะ

    คลายสมาธิออกมา ถ้ามันไม่คิดอะไร แล้วก็ทำงานไปนะครับ

    การปฏิบัติ ต้องรู้กาล รู้เวลา นะครับ จขกท.

    ต้องแบ่งหน้าที่ที่ต้องจัดการให้ออกนะครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  10. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    ไม่มีอะไรครับ สมาธิมันลึกไปนิดครับ ถอนออกมา

    บางทีนะพอจิตเริ่มได้ฌาณ เหมือนผีอัมเลย เอ๊ะ! ทำไมตัวเรา

    กว่าจะขยับแขนได้ ขยับขาได้ ทำไมมันช้าจัง ทำไมประสาท

    ตอบสนองช้าจัง ท่ีจริง ใจเรา ตัวเรา มันเริ่ม แยกออกจากระบบ

    สั่งการประสาทแล้ว ถ้าปกติ ทั่วไป เราคิดจะยกแขนก็ยกขึ้นได้เลย

    ใจกับร่างกาย หรือใจกับระบบประสาท เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

    แต่พอจิตเริ่มได้ฌาณลึกๆ ความรู้สึกเรามีอยู่ แต่ระบบการเชื่อมต่อ

    ใจกับประสาทร่างกายนี่สิ แทบจะไม่เชื่อมต่อกัน

    (เหมือนสายไฟขาดใน ข้างนอกดูดี ทำไมเสียบไฟไม่ติด
    ข้างในมันไม่เชื่อมต่อ ไฟมันก็ไม่ติด )

    ..ง่ายๆ สบายๆ ก็ดูนก ดูไม้ ดูหนังฟังเพลงปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ

    หาตัวช่วย แต่ถ้าชำนาญแล้ว ไม่ต้องหาตัวช่วย หรือหาเครื่องช่วย

    ..แค่ลดกำลังจิตลงมา เท่านั้นล่ะครับใช้ได้เลย

    ถ้าเข้าฌาณ4นี่ ตัวแข็งเลยนะ แข็งปึ๊งเลย ยิ่งกว่าคุณเป็นเยอะ

    กาย กับประสาทแยกจากัน ถ้าฌาณ4 เต็มกำลัง ประสาทหูไม่ได้ยินอะไรแล้ว

    ระเบิดตูมๆ ยิงกันอุตะรุด ปังปัง! เราเฉย นั่งสบาย เพราะใจไม่รับรู้ประสาททางกายแล้ว

    ฌาณ4 กำลังถึงนี่ ออกอย่างเดียว ออกทั้งตัว ถอดกายได้ แยกกายทิพย์

    ออกจาก ร่างกายที่เป็นโครงร่าง เนื้อหนังกระดูกได้

    เสวนาแลกเปลี่ยนกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ลองอ่านดูนะ
     
  12. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    สภาวะตรงนี้เรียกว่าอุเบกขาธรรมคือปล่อยวางในอารมณ์ทั้งปวง ที่มันไม่อยากคิดก็เพราะมันไปติดที่อารมณ์นี้ ความจริงมันเกิดเพราะคุณนั้นละชี้นำและกระทำไว้บ่อยๆ นั้นเอง เป็นอารมณ์ที่ดีครับ แต่เมื่อไปติดมันก็ทุกข์
    ทางแก้ก็ต้องวางซ้อนวางครับ คือว่าให้เข้าใจว่าอารมณ์นี้มันก็เป็นธรรมดาเช่นกัน อย่าไปสนใจและส่งเสริมมัน สิ่งใดทำไม่ได้ก็ต้องปล่อยอย่าไปบังคับให้มันทำ สิ่งพอทำได้ก็ทำเท่าที่ทำได้ ให้พิจารณาในขณะที่มันเกิดอารมณ์นี้รุนแรง แต่ห้ามไปพิจารณาในขณะปฏิบัติธรรม
    การปฏิบัติอย่าทิ้งนะครับ หากทิ้งอารมณ์นี้จะติดอยู่นาน ให้ปฏิบัติแบบอย่าไปพิจารณาอารมณ์ แบบว่าพุท-โธลูกเดียว อารมณ์ไหนก็ช่าง อย่าพิจารณา ขณะนี้สมาธิคุณจะดีมากแต่เอามาใช้ไม่ถูกเท่านั้นครับ
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  13. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    สมอง

    สมองไม่ได้มีหน้าที่คิดครับ

    ใจตางหากที่มันคิด
     
  14. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณเล่ามายังไม่ละเอียดพอ เช่น คุณนั่งสมาธิตั้งแต่กี่โมง ถึงกี่โมง นั่งตอนกลางคืน ดึกมากไหม นอนหลับจริงๆกี่ชั้วโมง ที่ข้าพเจ้ากล่าวไป ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการสมองล้า สมองบางส่วนหยุดทำงาน เหลือแต่ ภวังคจิต คือ เหลือแต่ระบบการทำงานของจิตที่คุณไม่สามารถรับรู้ได้
    อีกประการหนึ่ง คุณนั่งสมาธิ แบบไหน ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ เห็นโน่นเห็นนี้หรือไม่ สิ่งที่ข้่าพเจ้ากล่าวไป ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้สมองของคุณทำงานหนักขณะปฏิบัติสมาธิ เมื่อออกจากสมาธิแล้ว นอนหลับเพียงพอหรือไม่ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้สมองของคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อถึงตอนกลางวันไปทำงาน สมองเกิดล้า ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่ได้กล่าวไป จึงทำให้สมอง(และใจ)ไม่สามารถปรุงแต่งทางด้านความคิด ความจำ ฯลฯ เหลือแต่ ภวังคจิต ที่ทำงานอยู่ ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2014
  15. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เคยเป็นเหมือนกันค่ะ..ว่างจากความคิดค่ะ ในหัวสมองเหมือนมันโบ๋ๆไม่มีอดีตไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบัน ดิชั้นก็ตามดูอาการไม่มีความคิดนี้ไปค่ะดูไปเรื่อยๆจนไม่รู้ว่าอาการว่างจากความคิดหายไป ตอนไหน ตอนที่ความคิดหายดิชั้นใช้สติเฝ้าดูค่ะ ไม่งั้นทำอะไรไม่ได้จริงๆ ตอนแรกก็ทุรนทุราย แต่พอเราพยายามมันก็เหนื่อยตอนหลังก็เลยรำคาญไม่เอาแระ ไม่ค้งไม่คิดมันแล้ว ช่างมัน..เหนื่อย พอไม่เอาแล้วนั่นแหล่ะมันก็กลับมาค่ะ ใช้เวลาอยู่พักนึงน่ะค่ะ
     
  16. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ แต่จะพยายามค่อยๆอ่านค่อยๆทำความเข้าใจ เพราะสมองมันไม่ค่อยแปล
     
  17. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณครับ ผมยอมรับเลยว่าผมอยากที่จะเข้าสมาธิได้อีก และอยากให้คล่องด้วย เพราะชีวิตประจำวันของผม หมายถึงงาน เป็นงานที่ต้องใช้สมองมาก ดังนั้นแต่ละวันสมองจะล้ามากๆ เมื่อเคยเป็นสมาธิแล้วเลยอยากเป็นอีกเพื่อที่เวลาเหนื่อยจะเข้าพักได้เพื่อมีแรงมาสู้งานต่อ

    ขอบคุณในคำแนะนำในวิธีปฏิบัติด้วยครับ สรุปคือให้ผมเลิกทำก่อนแล้วไปหาอะไรทำใช่ไหมครับ แต่งานผมไม่มีเวลาให้ไปนะสิครับ หอบงานกลับมาทำที่ห้องด้วย แล้วพอจะเลิกทำมันก็ทำไม่ได้เพราะเมื่อว่างทีไรมันก็จะคิดถึงพุทโธทันที

    สุดท้ายผมขออนุญาติสอบถามทีนะครับ คือผมได้ฟังเทศน์ของหลวงพ่อพุธ เรื่องการทำสติในชีวิตประจำวัน แล้วท่านยกตัวอย่างประมาณว่ากำลังทำอะไรก้ให้เอาสติไปกำกับไว้กับสิ่งท่านเช่นซักผ้า ก็เอาสติไปไว้กับการซักผ้า อยากถามว่า เอาสติไปไว้นี่เอาไปไว้ยังไงครับ งงงงงง เพราะผมรู้สึกว่าผมจะตีความอันนี้ผิดแล้วทำผิดทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    " เอาสติไปไว้ "

    หรือ

    " ให้กำหนดรู้ "

    หรือ

    " รู้รู้รู้ มีแต่รู้"

    หรือ

    " รู้ลงที่จิต "

    ทั้งหมดนี้เป็น คำเดียวกัน

    ถามว่า แล้วคุณมีไหม ..........เอ่อ ที่คุณ โพสมาหลังสุดนี่
    ที่บอกว่า พอการบ้านการเรือนการงานหมด แล้ว จิตมันเกาะพุทโธ
    ต่อทันที

    ตรงนี้ " คุณลืมกำหนดรู้ รู้รู้รู้ รู้ลงที่จิด เอาสติไปไว้ "

    ถ้าคูณไม่ลืม จังหวะที่จิตไปเกาะพุทโธ คุณจะต้องเห็น จิตมัน ชะวื๊บบบ

    ไอ้ตรง ชะวื๊บไป ไหลไป ตรงนั๊นแหละ หากเห็น อาการ ชะวื๊บ ได้
    ตรงนั้นเรียกว่า กำหนดรู้ รู้อยู่ที่รู้ รู้โดยไม่รู้ว่าอะไร หรือ เอาสติไปไว้ มันเกิดแล้ว
    แต่ มันเกิด แว๊บเดียว ตอนที่ชะวื๊บ หลังจากนั้น ก็กลายเป็น พุทโธๆ อันนั้น
    การกำหนดรู้ ก็หายไป กลายเป็น วิหารธรรม

    พอวิหารธรรมหมด เกิดการเคลื่อน ชะวื๊บ อีก ก็กำหนดรู้

    ดูมันไหลไป ไหลมา ไหลไปไหน ไม่ใช่สาระ จะไปอยู่กับพุทโธ ไม่ใช่สติ
    จะไปอยู่กับงาน ก็ไม่ใช่สติ

    แต่ ทำงานไป แล้วไหลไปบริกรรม หรือ บริกรรมอยู่แล้วไหลไปงาน เห็น
    มันชะวื๊บ ชะแว๊บ จิตเห็นอาการของจิต ฝึกบ่อยๆ มันจะค่อย ยิบๆ แย๊บๆ

    ทีนี้ก็เหลือแต่ วิหารธรรม ว่าจะให้อามิสอะไร ไหลไปไหน แต่ไม่ว่าจะไหล
    ไปไหน ไหลไปพักผ่อน หรือ ไหลไปตรึก ก็เรื่องของ อามิส

    ส่วนที่เป็น นิรามิส มีแค่จังหวะสั้นๆ ที่ฝึกเห็นมันไหลไปไหลมา

    ลองดูนะ

    แล้วจะเห็นว่า ทำงานอยู่เนี่ยะ ก็ ภาวนาได้ สมาธิมันก็มีอยู่ แต่ คนหละชนิด
    กับ สมาธิที่เราไปฟังตามๆกันมาจากผู้อื่น

    สมาธิที่มีอยู่ ตรงนั้นไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีใครสอนได้ มันเป็น สุญญาตสมาธิ อนิมิตสมาธิ
    และ อัปณิหิตสมาธิ

    แต่สมาธิที่ไม่มีใครขี้ได้ ไม่มีใครสอนได้ แต่ มันปรากฏอยู่ เฉพาะตัว จะบอกว่า สมาธิ
    ไม่มีอยู่ ก็กล่าวไม่ได้ .....ตรงนี้จะเป็น นิรามิส

    เมื่อไหร่มี อามิส เมื่อนั้นเรียกว่า พัก

    เมื่อไหร่เป็น นิรามิส เมื่อนั้นเรียกว่า เพียรเผา

    เมือไหร่ พัก กับ เพียร มันไม่มานั่ง เกี่ยงกัน ไม่มานั่ง ขอเวลาแวะมานะ
    แต่มันเหมือนว่า มีอยู่พร้อมกัน ตรงนี้ค่อยมาพิจารณาว่า "อยู่ในทาง" หรือยัง

    ดังนั้น

    ทำงานก็เป็นการปฏิบัติได้ อยู่ที่ กำหนดรู้ เอาสติไปไว้ รู้รู้รู้ รู้จบลงที่รู้ รู้บ่อยๆ
     
  19. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    กล้านะครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาจริงๆ แต่ละวันแทบหลับไปกับงาน
     
  20. data44

    data44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +158
    ขอบคุณครับ ผมชอบการตอบแบบนี้จังครับ แต่ผมก็ไยังไม่ค่อยเข้าใจครับ เอาสัพท์ง่ายๆได้ไหมครับ ผมโง่ครับ ใช้ภาษาบาลีมากๆ งง ครับ งง:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...