ริชชี่ มนุษย์พลังจิตคนเชียงใหม่ที่โด่งดังในตอนนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nnn, 15 สิงหาคม 2007.

  1. ฟิล์มนรกภูมิ

    ฟิล์มนรกภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +669

    (good) (good) (good)

    Hma แหม แอบถอดจิตไปถามข้างบนมาสินะเคอะ อิๆๆ ได้ของจริงมานี่นา
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อ้างอิง
    สำหรับผมนะ จิตดวงใดก็ตามที่มีบารมีสูงพอที่ทำหน้าที่ของนารายณ์


    ,ศิวะ ,มหาพรหม ,อินทราธิราช ฯลฯ ในแต่ละยุค

    ซึ่งท่านไม่ได้มีรูปทิพย์ตามที่หลายคนจินตนาการ

    ท่านแสดงรูปทิพย์ตามวาระที่แปรเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

    เมื่อสัญญาความจำของสัตว์โลก เรียก ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นๆ ว่ามีรูปอย่างไร ท่านก็แสดงรูปนั้น

    ถ้าการเรียกชื่อท่านในโลก ไม่ว่าชื่อใด แล้วเป็นการยึดในทางดีไปก่อน

    ก็ต้องอนุโลมกันไป ท่านให้เกียรติกัน ไม่เบียดเบียน หักล้างกัน


    บางท่านอยู่มานาน จนจำชื่อเดิมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆในสมัยพระพุทธองค์รุ่นเก่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ได้แล้วละครับ



    มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละจำตัวเองไม่ได้ นี่ถ้าเป็นเทพแล้วจำตัวเองไม่ได้ ก็เปรียบกับคนบ้านะสิ
    สมมติอะไรเพ้อเจ้อ
    เรียกว่า มีหน้าที่อะไรก็ทำอย่างนั้น โดยไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใครอย่างนั้นหรือ
    คนเราเมื่อมีตำแหน่ง เมื่อผูกพันอยู่กับสิ่งใด ย่อมต้องมีหน้าที่ ต้องมีชื่อเรียก ต้องมีบัญญัติเรียก
    ถ้าไม่มีบัญญัต ก็ไม่มีหน้าที่ ต่อสังคม

    แม้แต่สุนัข ถ้ามีเจ้าของก็มีหน้าที่ มีชื่อเรียก ก็มีหน้าที่ เอาไว้ดูแลบ้าน เอาไว้ให้ความเพลิดเพลินให้เจ้าของ
    แต่ถ้าไม่มีเจ้าของ ก็ไม่มีหน้าที่กับสังคม แต่มีหน้าที่ให้กับตนเองคือหาเลี้ยงชีพ ไม่ยุ่งเกี่ยวผู้ใด

    จะเป็นอะไรดีหละ มีเจ้าของหรือไม่มี

    พวกสมมติชอบหาทางแก้ ปะนั้นปะนี่ ทำเป็นผ้าขี้ริ้วไปได้ ปะแล้วปะอีก


     
  3. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    ขอนำข้อความจาก www.superrichy.com ที่คุณความคิดแบบคนส่วนน้อย ได้มา Post ไว้ นำมาให้อ่านกันนะครับ คิดว่าคงเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านที่ได้อ่านหนังสือไปแล้วเช่นกัน

    -----------------------------------------------------------------------
    ดิฉันไม่ได้เป็นอาจารย์ในปัจจุบันค่ะ แต่อีกสิบหรือสิบห้าปีข้างหน้าอาจจะกลับมาเมืองไทยถาวรเพื่อถ่ายทอดความคิด (ที่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทย มักมองว่าแปลกใหม่เกินไป) และประสบการณ์ให้กับนักศึกษาและคนทั่วไปผ่านการสอนตามมหาวิทยาลัยโดยไม่จะไม่ประจำที่มหาวิทยาลัยใดเป็นพิเศษ แต่ดิฉันจะเดินทางไปสอนเป็นคอร์สสั้นๆเองไม่ว่าคุณจะเรียนที่ไหนก็ตาม เพื่อเป็นการกระจายโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทราบถึงแนวความคิดแนวใหม่ๆในแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยคิดกัน แล้วที่ไม่ค่อยคิดกันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่หรืออะไรแบบนั้นนะคะ เพียงแต่ว่าโอกาสที่คนไทยหรือเด็กไทยจะเข้าถึงวิธีการคิดแบบใหม่ๆที่ต่างไปจากที่เราคุ้นเคยโดยไม่เคยตั้งคำถามนั้นยังน้อยอยู่ บางครั้งเราก็ถูกสอนให้คิดหรือเชื่อในแบบที่เราคุ้นเคยและสอนๆกันมาโดยที่เรามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เห็นจะต้องตั้งคำถามเลย มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ถ้าเรามีวิธีและโอกาสที่จะรู้และคิดอย่างเป็นระบบมากขึ้น บางทีเราอาจจะมีข้อเปรียบเทียบกับความเชื่อหรือความคิดเดิมๆที่เราเคยมี แล้วเลือกสิ่งที่ดีของแต่ละความคิดออกมาใช้ประโยชน์เพื่อจัดการกับปัญหาที่เราเผชิญอยู่ด้วยเหตุและผล ด้วยสติและปัญญามากกว่าที่จะเชื่อและยอมรับไปโดยปริยายว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของเวรกรรม แก้ไขไม่ได้

    ดิฉันคิดว่า ถ้าเรามีสติ และปัญญา มีการคิดแบบใช้เหตุและผลแล้ว ทุกอย่างมีคำตอบและแก้ไขได้ เพียงแต่ว่า เราจะสามารถมีสติ และปัญญาแยกแยะและหาคำตอบได้หรือเปล่ามากกว่า ทั้งนี้ คนเราสติปัญญาไม่เท่ากัน บางคนอาจจะคิดได้ บางคนอาจจะคิดไม่ได้ แตกต่างกันไป

    ดิฉันคิดว่าคนอ่านบางคนอาจจะเข้าใจประเด็นของหนังสือริชชี่ผิดไปว่า เป็นการสอนให้แก้กรรมหรือไถ่บาปอะไรทำนองนั้น เพราะที่จริงแล้ว ในความคิดของดิฉัน การทำสมาธิตามที่หนังสือเล่มนี้บอกไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วสิ่งเลวร้ายที่คุณประสบจะหายไปหรือกลายเป็นดี แต่การทำสมาธิเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้คุณเข้าใจตัวเองและการกระทำของตัวเองที่ผ่านมามากขึ้น ทบทวนและไตร่ตรองถึงต้นเหตุของปัญหาโดยย้อนกลับไปมองที่การกระทำของตนเอง เมื่อจิตคุณนิ่ง คุณก็จะเกิดสติ และเข้าใจว่าอะไรเป็นต้นเหตุของปัญหาที่คุณประสบอยู่ทั้งในชาตินี้ ซึ่งคุณต้องรู้ได้ด้วยตนเองแน่ๆว่าทำอะไรมาบ้าง ส่วนถ้านั่งสมาธิแล้ว จะสามารถย้อนไปเห็นถึงการกระทำของตนเองในชาติก่อนๆได้หรือไม่นั้นเป็นผลพลอยได้ และเราจะไม่มีทางรู้ จนกว่าเราจะลองพิสูจน์ด้วยการนั่งเอง ซึ่งคนที่ทำได้ และคนที่ทำไม่ได้ก็มี ไม่ได้หมายความว่าทุกคนนั่งแล้วจะต้องเห็นการกระทำในชาติอดีตของตน

    ครูหนึ่งคน สอนเด็กหนึ่งห้อง ใช้คำพูดดียวกัน แต่มีคนที่ฟังแล้ว เข้าใจและทำคะแนนสอบได้ดี ในขณะที่บางคนฟังแล้วไม่เข้าใจ ทำคะแนนได้ไม่ดี ทั้งๆที่ครูก็คนเดียวกัน สอนเวลาเดียวกัน และเนื้อหาที่สอนก็เหมือนกัน แต่อยู่ที่ว่าสติปัญญาเราจะรับได้มากน้อยแค่ไหน การที่คุณไม่เข้าใจ ทำคะแนนได้ไม่ดี ไม่ได้แปลว่าคุณโง่กว่าอีกคนหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะวิธีการสอนแบบนั้นไม่เหมาะกับคุณก็ได้ เหมือนบางคนใช้วิธีนั่งสมาธิแล้วเห๋็นอดีตของตัวเอง แต่บางคนนั่งแทบตายไม่เห็นอะไร แต่พอเปลี่ยนวิธีกลับเห็น หรืออยู่ดีๆก็ได้ญาณเหมือนริชชี่ก็มี

    คนเรามักจะโทษกรรมเวร เจ้ากรรมนายเวร หรือโชคชะตาก่อนเป็นอันดับแรก เวลาที่เราเจอปัญหาที่ขบไม่ตก คิดหาทางออกไม่ได้ แต่ละเลยที่จะมองการกระทำของตนเอง และก็ไม่ต้องไปมองถึงชาติก่อนๆ แค่ชาตินี้ที่เห็นได้ จับต้องได้ มีการกระทำจริง เราก็มักไม่ค่อยคิดจะทบทวน แต่มักจะโทษว่าเป็นเพราะกรรมเวรจากชาติปางก่อนซึ่งเราพิสูจน์ได้ยากยิ่งกว่าสิ่งที่เห็นได้จะๆในชาตินี้

    ดิฉันทราบว่าคนอ่านบางท่านอ่านแล้วก็เริ่มหันมานั่งสมาธิกันเพราะริชชี่บอกว่ามันจะอาจจะช่วยให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้เราได้แล้วหลายๆอย่างก็อาจจะดีขึ้นได้ คนก็ตั้งหน้าตั้งตานั่งสมาธิกันใหญ่เพราะหวังว่าจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ถ้าเราไม่เข้าใจแก่นแท้ของการนั่งสมาธิหรือสิ่งที่ริชชี่พยายามจะสื่อ มันก็เหมือนกับการนั่งโดยไม่มีจุดหมาย หรือโดยไม่รู้ว่านั่งแล้วจะทำไมต่อ และจะเกิดอะไรขึ้น แล้วจะได้อะไร หรือ ถ้าคุณอ่านข้อความข้างต้นแบบตรงตามตัวอักษร คุณก็คงนั่งสมาธิไปเพราะหวังหรืออยากให้เจ้ากรรมนายเวรเห็นใจและยกโทษหรืออโหสิกรรมให้ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น

    แต่โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันคิดว่าถ้าเราอ่านแล้วกระเทาะความหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ริชชี่พยายามจะสื่อแล้ว ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ริชชี่พยายามจะสื่อกับคนอ่านนั้นไม่ใช่่ให้เราไปนั่งสมาธิเป็นหัวหลักหัวตอแล้วท่องคำแก้กรรม แล้วจะได้เจอกับเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ชีวิตคุณแย่ จากนั้นพอเจอแล้ว ก็ขอความเห็นใจกับเจ้ากรรมนายเวร หรือ ขออโหสิกรรมอะไรแบบนั้น หรือ หวังอะไรลมๆแล้งๆที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน หรือให้ใครซึ่งฟังดูไม่มีเหตุผล แต่สิ่งที่ริชชี่พยายามจะบอกก็คือ การนั่งสมาธิและตั้งจิตให้มั่นจะทำให้จิตคุณนิ่ง และเมื่อจิตคุณนิ่งไม่วอกแวก ไม่ฟุ้งซ่าน คุณจะเริ่มเกิดสติ เมื่อสติเกิด ปัญญาจะตามมา แล้วเมื่อคุณมีปัญญาคุณก็จะเข้าใจการกระทำของตนทั้งสารระบบตั้งแต่คุณจำความได้มั้ง แล้วเมื่อคุณเข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนี่มันมีเหตุและผลในตัวมันเอง ซึ่งคุณเองนั่นแหล่ะที่เป็นคนสร้่างเงื่อนไขหรือเหตุและผลนั้นขึ้นมาเอง คุณก็จะรู้ว่าต้องจัดการอย่างไรกับมันได้ในระดับหนึ่งที่จะเปลี่ยนให้ชีวิตคุณดีขึ้นระดับหนึ่ง

    สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ศาสนาพุทธพยายามสอนเรา แต่เราไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร หรือบางคนก็คิดว่าถ้านั่งสมาธิแล้วจะได้มีฤทธิ์ ติดต่อกับเทพได้ แล้วขอให้เทพแก้ไขสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตให้ ซึ่งมันไม่ใช่เหตุและผลของการนั่งสมาธิเลย เหมือนพระบางรูปหรือคนบางคนที่นั่งเพราะอยากไปนิพพาน แต่ไม่รู้ว่านิพพานมันอยู่ตรงไหน ยิ่งนั่งก็ยิ่งเห็นนู่นนี่ พอเห็นมากๆเข้า (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่คนทั่วไปไม่เห็น) ก็เหมาเอาว่าตัวเองบรรลุแล้ว มีฤทธิ์มากกว่าคนอื่น แล้วก็ลุ่มหลงอยู่กับญาณที่ตัวเองมี จนลืมไปถึงความตั้งใจแรกและดั้งเดิมที่ตนเองนั่งสมาธิหรือปฏิบัติธรรมซึ่งก็คือการพยายามหาทางปล่อยวางทุกอย่างเพื่อไปนิพพาน แต่ไปๆมาๆกลายเป็นว่าปล่อยวางก็ไม่ได้ แถมลุ่มหลงไปกับฤทธิ์ที่ตนเองได้มาอีกต่างหาก กลายเป็นยึดมั่น ถือมั่นไปซะอีก

    แต่ดิฉันก็ยอมรับและเข้าใจดีว่าในชีวิตของคนเรา บางครั้งมันก็มีบางกรณีเช่นกันที่มันผิดปกติ เช่นการเจ็บไข้ได้ป่วยแบบแปลกๆที่หาคำตอบและสาเหตุไม่ได้ วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ ศาสตร์ทุกแขนงไม่สามารถอธิบายได้ดีพอ หรือการเกิดเหตุการณ์เลวร้ายบางอย่างในชีวิตคุณอย่างซ้ำๆราวกับว่ามันมีพลังบางอย่างมาทำให้มันเกิดขึ้นทั้งๆที่คุณก็พยายามทำทุกอย่างที่คุณเชื่อว่าเป็นการกระทำดี (ส่วนจะดีจริงหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คุณอาจจะคิดว่าคุณทำทุกอย่างดีแล้ว แต่บางทีมันอาจจะไม่ได้ดีจริงก็ได้ เพราะมนุษย์มีแนวโน้มที่จะเข้าข้างตนเอง สิ่งที่สำคัญคือต้องมีสติไตร่ตรองและรู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่โดยไม่เข้าข้างตนเอง) ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ไม่ได้ให้ร้ายหรือเบียดเบียนใคร แต่ทำไมมันยังเหมือนมีอะไรไม่รู้กลั่นแกล้งให้ชีวิตคุณต้องมีแต่ปัญหา ทบทวนการกระทำของตัวเองอย่างเป็นเหตุเป็นผลก็แล้ว มันก็ยังรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณเป็นเรื่องผิดปกติ ตอนนั้นเอง ที่ริชชี่จะเข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางในการช่วยคุณค้นหา (แทนที่จะปล่อยให้คุณไปค้นหาเอง ซึ่งกว่าจะค้นหาเจอ แล้วก็รู้วิธีรักษา อาจจะทำให้ไม่ทันการณ์ และอาจจะทำให้คนป่วยนั้นๆไม่ว่าจะป่วยทางกาย หรือทางจิตก็ตาม เสียชีวิตเสียก่อนเป็นต้น) ว่าอะไรคือเหตุที่ทำให้คุณต้องเจอสิ่งเหล่านี้จากความสามารถพิเศษที่เขามีแต่เราไม่มี และถ้าจะมีได้ต้องใช้เวลานานมากซึ่งอาจจะไม่ทันการณ์ถ้าไม่ได้คนที่มีความสามารถพิเศษมาช่วยชี้แนะหรือรักษาให้ เช่นกรณีที่บางคนป่วยหนักมากแบบแปลกๆหาสาเหตุไม่เจอ เหมือนโดนของอย่างที่เรามักจะเรียกกัน หรือชีวิตมีปัญหารุมเร้าแบบหาสาเหตุไม่เจอ หรือถ้าจะให้เทียบก็คือริชชี่เหมือนหมอที่เข้าใจสาเหตุของความผิดปกติที่คุณเป็นอยู่ในแบบที่การแพทย์สมัยใหม่ให้คำตอบคุณไม่ได้ และรู้วิธีรักษา และใช้ความสามารถที่เขามีอยู่ในการรักษาให้คุณหายหรือดีขึ้น (ในสิ่งที่คนทั่วไปและแพทย์ทั่วไปไม่เห็น ไม่เข้าใจ และไม่รู้วิธี)

    นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ริชชี่พยายามให้คุณแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก่อนด้วยการทดลองทำในสิ่งที่เขาแนะ แต่เมื่อทำแล้วไม่ได้ผล ค่อยไปให้เขาช่วย เหมือนคุณเป็นหวัดแล้วหมอแนะว่าให้คุณทานวิตะมินซีมากๆ นอนพักผ่อนเยอะๆ พยายามรักษาร่างกายให้อบอุ่น อะไรทำนองนี้ก่อนเพราะเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่พอเพียง ร่างกายก็จะรักษาตัวเอง คุณก็อาจจะหายจากหวัดได้เองโดยไม่ต้องไปพบแพทย์เพื่อฉีดหรือกินยา แต่ถ้าคุณทำแบบที่หมอแนะอย่างเคร่งครัดแล้ว อาการหวัดคุณไม่ดีขึ้น คุณจึงไปขอให้แพทย์ช่วยตรวจวินิจฉัยให้ว่าคุณเป็นอะไรกันแน่ และรับวิธีการรักษาที่ (น่าจะ) ถูกต้องต่อไป และอีกอย่างหนึ่งที่ริชชี่กล่าวในหนังสือก็คือ ถ้าเขาช่วยแล้ว คุณกลับไปทำสิ่งเดิมอีกหรือยังไม่คิดจะทำในสิ่งที่เป็นการป้องกันไม่ให้โรคภัยหรือสิ่งเลวร้ายกลับมาอีก มันก็ต้องกลับมาอีก เหมือน คุณเป็นหวัด ไปหาหมอ กินยาเสร็จ หายเสร็จ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก เช่น เดินตากฝน พักผ่อนไม่พอ โหมงานจนร่างกายทรุดโทรม แล้วคุณก็กลับมาเป็นหวัดอีก แล้วก็ต้องไปหาหมอใหม่ เป็นต้น

    ขอย้ำอีกครั้งค่ะว่าความคิดเห็นข้างต้นเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับริชชี่ และทีมงาน เป็นความคิดและความเข้าใจในแบบของคนส่วนน้อยที่อาจจะสวนกระแสกับคนส่วนใหญ่ที่เชื่ออีกแบบ สิ่งที่ดิฉันกล่าวมาข้างต้นอาจจะผิดก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช่สิ่งที่ริชชี่พยายามสื่อกับผู้อ่านก็ได้ อ่านแล้วก็คิดเสียว่าเป็นอีกความคิดหนึ่งก็แล้วกันนะคะ ถ้ามันจะเป็นประโยชน์ และช่วยกระตุ้นให้คนอ่านคิดและมองในแง่มุมที่ต่างไปได้ ดิฉันก็ขอยกประโยชน์ให้หนังสือของริชชี่ที่ทำให้ดิฉันได้แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็คิดเสียว่า คนเราก็มีความคิดแตกต่างกันเท่านั้นเอง


    ^-^ ^-^ ^-^ ^-^ ^-^ ^-^
     
  4. นาย Touru

    นาย Touru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +1,160
    มา Update ข่าวของ ริชชี่ หน่อยนะครับ

    -----------------------------------------------------------------------
    วันจันทร์ที่ 15 ต.ค. 50 ออกรายการ VIP ทางช่อง 9 เวลา 20.30 น.

    วันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค. 50 ริชชี่จะไปงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 12 ณ ศูนย์ประชุมศิริกิติ์ ที่บูท H16 เวลา 13.00 น. สำหรับท่านที่อยู่กทม. อยากเจอตัวจริงก็ไปในงานได้เลยครับ
    -----------------------------------------------------------------------

    วันนี้มีเรื่องการนั่งสมาธิมาเล่าสู่กันฟังครับ เห็นแล้วคิดว่าคงเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่าน เลยนำมา Post ให้อ่านกันนะครับ :d

    -----------------------------------------------------------------------
    การนั่งสมาธิให้ได้ผลดี


    อยากให้คุณริชชี่ตอบ

    ดิฉันซื้อหนังสือมาอ่าน ข้อความที่ว่าการนั่งสมาธิไม่ควรนั่งในตอนกลางคืนนั้นคือถ้าเรานั่งโดยไม่เอ่ยถึงเจ้ากรรมนายเวรนั้นการนั่งสมาธิครั้งนั้นคือการสั่งสมบารมีของเรานั่น คือการเข้าใจถูกหรือปล่าวคะ แล้วถ้าเราต้องการนั่งให้ได้ผลดีมากที่สุดต้องทำอย่างไรคะ



    ผู้ตั้งกระทู้ bume :: วันที่ลงประกาศ 01-10-2007 21:48:19​


    ความเห็นที่ 2 (800382)


    การนั่งสมาธิเพื่อสั่งสมบารมี ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอิริยาบท เพราะหัวใจหลักของสมาธิคือ จิต ค่ะ

    นั่งสมาธิให้เจ้ากรรมนายเวรของเราทำเฉพาะตอนกลางวันนะคะ
    คิดว่าคุณbume คงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ใช่มั๊ยค่ะ ถ้าอยากจะนั่งสมาธิให้ได้ผลดี ต้องรักษาศีลให้หมดจด อย่างน้อยที่สุดศีล 5 ค่ะ เพราะศีลคือกำลังของสมาธิ ถ้ายิ่งเราสามารถรักษาศีลได้ครบถ้วนมากเพียงใด การนั่งสมาธิของเราก็จะยิ่งนิ่ง สงบเร็ว และสามารถนั่งได้นานขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ แล้วยิ่งเราเจริญสมาธิมากเท่าไร ปัญญา(ทางธรรม)ก็จะตามมาค่ะ ช่วยให้เรามีสติรู้และพิจารณาในการละโลภ โกรธ หลงได้ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าจะให้ครบถ้วน ต้องหมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ควบคู่กันไปค่ะ เมื่อเราทำได้บ่อยยิ่งมากยิ่งดี คราวนี้ลองสังเกตุดูจะพบว่าจิตจะเบา สงบ สุข และภาวนาสมาธิได้เร็วขึ้นค่ะ

    ลองทำดูนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ



    ผู้แสดงความคิดเห็น Beauty วันที่ลงประกาศ 01-10-2007 23:30:59​

    -----------------------------------------------------------------------
     
  5. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    เข้าไปในตันตระเทวาลัย แล้วรู้สึก ไม่ชอบยังไงไม่รู้ครับ
    ยิ่งเฉพาะกับสิ่งที่เค้ากล่าวเกี่ยวกับไสยศาสตร์ด้วยแล้ว
     
  6. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
  7. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    คิดเหมือนผมทุกประโยคเลยครับ เด๊ะๆ
    อาจจะเพราะ ผมผ่านเรื่องแนวเร้นลับ ทรงเจ้าเท็จมาเยอะ เจอจริงก็เหมือนกัน ก็เลยเริ่มคิด วิเคราะห์
     
  8. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    อันนี้แรกๆก็จริงอยู่ ท้ายๆชักยังไงๆ

    คำว่าเทพนารายณ์ อาจจะเป็ฯสิ่งที่มนุษย์บัญญัติเองจริง

    แต่ผมเชื่อว่า เค้ามีจริงๆนะครับ ดังนั้นวรรคท้ายๆนี่ยังไงๆ
    เค้ามีจริงๆหมายถึงเทพนารายณ์นะครับ ไม่ใช่หมายถึงริชชี่มีองค์

    อันนี้ผมไม่รู้ แต่ผมตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าไม่น่าจะจริง
     
  9. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    เอ ผมว่า ออกจะถกกันออกนอกประเด็นไปใหญ่แล้วนะครับ
     
  10. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    ถูกต้องทั้งหมดเลยครับ เห็นด้วย

    แต่ วรรคท้ายนี่ พระนางคันธิยามเหสีใช่หรือเปล่าครับ คนๆนี้ที่พระเปรียบให้เพื่อนผมเป็น(เหมือนพี่พระเปรียบผมเป็นองคุลีมาล)
     
  11. อหิงสกะกุมาร

    อหิงสกะกุมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +145
    หลังๆทำไมออกแนวโทสะๆยังไงๆอยู่อะครับคุณขันธ์ แรกๆเห็นด้วย หลังๆรู้สึกตะหงิดๆ เหมือนคุณจะโทสะจังเลยงับ


























    คุณ ณ ปลาย
    ที่ว่าโดนไปตามๆกันนี่โดนยังไงอะครับ

















    คุณขันธ์ทำไมหลังๆเปลี่ยนไป๋ แรกๆดูมีความคิดดีมากครับ
    หลังๆมันแบบว่า.........

    ง่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2007
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ ขันธ์ นี่แรกๆดี หลังๆ ทำไมโทสะ รู้สึกตะหงิด
    ตอบ
    ก็ถูกแล้วนี่ครับ
    ก็แรกๆ พูดกับคนดีไง หลังๆ พูดกับคนที่มีโทสะ มันก็ต้องโทสะ
    ไม่ได้รักษาภาพพจน์นี่ จะได้ต้องพูดดีตลอด
    แล้วทำไมไม่ไปดู ไอ้ตอนที่ผมดีๆ หละ

    เจอคนกวนประสาท พูดอะไรด้วย กิเลสตัณหา อัตตามาก มันก็ต้องพูดแบบนี้แหละ
    สำหรับ อหิงสกะกุมาร นะ เลิกเอาเรื่องเก่ามาขุดคุ้ย เรื่องมันจบไปเป็นชาติแล้ว
    ขุดเอาสมัยผม เถียงกับ คุณ กังขา มาทำไมเนี่ย และ ถ้าอยากจะฟังคำชี้แจง ก็ เมลลมาถามได้
    เหมือนกับ สมัยพระพุทธองค์ กล่าวว่า หญิงมีแต่มูตรแต่คูตร คนจับผิดมันก็หยิบมา เอาแค่ตอนพระพุทธองค์ตรัสว่า โดยไม่ได้หยิบมาทั้งเรื่อง
     
  13. numnumnong

    numnumnong สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อความ:

    ข้อความ:
     
  14. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    เถียงกันไป เถียงกันมา เรื่องคนอื่น
    พิจารณา เรื่องของตนเองดีกว่า
    ใครถูก ใครผิด เราไม่ใช่ผู้พิพากษา
    ทำหน้าที่ ที่เราคิดว่าดี และทำให้ครบถ้วน
    ดีที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2008
  15. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    คุณขันธ์ ผมอ่านกระทู้ต้นจนจบ ก็พอจะสรุปได้ว่ามองต่างมุม ผมจึงขอแนะนำให้คุณขันธ์ยุติ ไม่ต้องแบกความคิดเขามา และไม่ต้องไปปรามาสใครให้มันเศร้าหมอง เพราะมันจะกระทบกระทั่งต่อจิตใจผู้อื่นและตนเอง ผู้ทรงภูมิย่อมรู้จักแยกแยะได้ด้วยปัญญา ว่าอะไรเป็นคุณหรือโทษ คุณเองก็มีโลกทัศน์แบบพุทธเชิงวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว หากรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ผมว่าน่าจะเป็นการดี หากคุณไม่ชอบกระทู้นี้ คุณก็ไปสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะการเขียนบทความธรรมที่คุณชอบ แล้วนำมาเผยแพร่พระเกรียติคุณและส่งเสิรมพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนตลอดไป การตอบกระทู้ด้วยอารมณ์และความมีอคติหรือจะชี้นำบางอย่างแล้ว มันไม่จบลงกันง่ายๆ หรอก มีแต่จะโต้เถียงกันด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เพราะต่างคนต่างยึดมันในความคิดและภูมิปัญญาตนเอง สิ่งนี้เปรียบเหมือนกับกระจกที่สะท้อนเงาอารมณ์ของตนเอง ฉันใดก็ฉันนั่นทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกระแสและวิถีแห่งกรรม ประการสำคัญก็อย่าได้นำเอาปรัชญาและคติความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูมาทำให้ขัดเคืองใจเลย ผมมีความเชื่อว่าทั้งสองศาสนาแยกจากกันไม่ออกหรอกครับ เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสายโลหิต เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยทำให้เกิดสิ่งนี้ หากเรามองและคิดอย่างเป็นกลางว่า หนึ่งคนหนึ่งศาสนา หนึ่งคนหนึ่งหนทางไป หนทางเดินย่อมมีได้หลากหลายเส้นทางเพื่อมุ่งไปจุดหมายเดียวกัน จึงไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่จะมาโต้เถียงกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ธันวาคม 2007
  16. hnokpisit

    hnokpisit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2007
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +267
    ไม่เคยเชื่อเรื่องนี้
     
  17. ดั่งจันทรา

    ดั่งจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +693
    อนุโมทนาครับ บุญเก่าเคยสร้างไว้






    เชิญบูชาวัตถุพลังแสงทิพย์
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105421

    เชิญร่วมสร้างองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=105420

    อัตตนา โจทยัตตานัง
    จงกล่าวโทษโจษความผิดตนเองเสมอ
     
  18. O๐.AnGle.๐O

    O๐.AnGle.๐O เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    974
    ค่าพลัง:
    +861
    ให้เขาเรียก มนุษย์ต่างดาว มาให้ดูหน่อยสิ
     
  19. ขวดเหล้า

    ขวดเหล้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีทุกท่านเราเป็นอีกคนที่อ่าน เถียงกันไปมาไม่น่าอ่านเลย อยากให้มนุษย์ทุกคนรักกันไว้ สำหรับคุณที่ชอบว่าคนอื่นเคยนั่งมองตัวเองที่หน้ากระจกบ้างแล้วหรือยังว่าตัวเองมีอะไรดีพอที่จะทำให้ชาวบ้านเขานับถือหรือกราบไหว้บูขาการที่คนหนึ่งคนชอบที่จะช่วยเหลือชาวบ้านให้รอดพ้นจากความทุกข์ จะทุกข์กาย หรือทุกข์ใจ เขาก้อยินดีที่จะช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทนแม้แต่สัก หนึ่งสลึง แล้วที่สำคัญน้องเขาก้อนั่งที่บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อนดิ้นรนที่จะไปหากันเอง เพื่อจะให้ความทุกข์ที่มีมันบรรเทาเบาบางลงหรือหายไปได้ก้อยิ่งดีใหญ่ เพราะชีวิตจะได้ไม่เจ็บปวดจากความทุกข๋ ที่มี แล้วคุณไปเดือดร้อนอะไรกับความทุกข์ของชาวบ้าน เป็นความพอใจของชาวบ้านเขา เขาจะไปจะมาคุณเดือดร้อนอะไรเงินค่ารถก้อไม่ได้ไปขอคุณ ชาวบ้านมีความทุกข์แล้วคุณมีปัญญารักษา หรือทำแบบน้องเขาได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ก้อควรจะนั่งนิ่ง ๆในบ้านอย่าได้เผยอหน้ามาว่าเขา ถ้าทำได้ก้อขออนุโมทนาสาธุด้วย จะได้มีอีกหนึ่งแรงบุญมาช่วยเหลือมนุษยชาติ แล้วชื่อเสียงคุณก้อจะดังแบบน้องเขาเอง(หากมีปัญญา และความสามารถเหมือนน้องเขา) แปลกคนนะคุณคนดีก้อชอบว่า ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกาลเวลาละ หากน้องเขาไม่ดี หรือ ไม่เก่งจริงชาวบ้านเขาก้อห่างหายไปเอง ความดังก้อเงียบไปเอง หรือคุณอิจฉาตาร้อนทนไม่ได้กับความไม่เอาถ่านของตัวเองเลยพาลน้องเขา หากคุณเก่งจริงเหมือนที่คุณคุยก้อน่าจะเปิดตัวเองช่วยเหลือชาวบ้านเหมือนน้องเขา ได้บุญนะคุณ น้องเขาเก่งเขามองเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุยได้ติดต่อได้ แล้วคุณทำไม่ได่เหมือนเขาละสิถึงได้โวยวาย ตัวเราเองไม่เก่งเหมือนน้องเขาแต่เรานั่งสมาธิมานาน สวดมนต์มา 15 ปี เราก้อเห็นโน่น เห็นนี่ ในสมาธิแต่บุญไม่เยอะพอที่จะช่วยใครได้ ได่แต่เห็น จึงได้เชื่อที่น้องเขาพูดเขาบอก ตัวคุณเองบุญไม่พอบารมีไม่เกิด ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น คอยแต่โวยวายว่าชาวบ้านเขาว่าเป็นไปไม่ได้คนที่เขาเห็นแบบน้องริชชี่มีเยอะ แต่บารมีไม่พอก้อช่วยใครได้ไม่มากเท่าน้องเขา แล้วตัวคุณละมีปัญญาทำได้แค่ไหนถึงได้ดูถูกคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้หากโลกใบนี้มีคนเก่ง ๆ แบบน้องเขาเยอะ ๆ ก้อคงจะดีจะได้ดันไอ้พวกไม่มีบุญไม่มีบารมีมองไม่เห็นอะไรแล้วชอบว่าคนอื่นให้มันลงรูไปเลย สงสารน้องเขาโปรดสัตว์แต่มีมารผจญ มัวแต่นั่งเพ่งอสุภะจนปัญญาอ่อนไปแล้วเพ่งแล้วเกิดปัญญาก้อดีจะได้ช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน แต่นี่กลับสมองเตลิดเปิดเปิงไม่ได้เรื่องแล้วก้อมาว่า เฮ้อน่าเบื่อ เก่งจริงแล้วค่อยมาด่าชาวบ้านเขาดีกว่าคู๊ณ ทำให้ตัวเองเก่งและเจ๋ง กว่าน้องเขาสิแล้วจะพาชาวบ้านมาไหว้ สักแต่เพ้อเจ้อ ถ้าทำไม่ได้ก้อกรุณาเงียบ ๆ เข้าไว้ เดี๋ยวจะอายคุณด๊อก(ping-love
     
  20. ขวดเหล้า

    ขวดเหล้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    น้องริชชี่ช่วยเหลือคนไม่เคยจะถามใครเลยว่านับถือศาสนาอะไร ให้แต่มีทุกข์มารับรองช่วยหมด แล้วคุณบางคนจะมาถามทำไมว่าเทพทางฮินดู ทางพุทธ ตกลงนับถืออะไรแน่ เทพท่านจะอย่ศาสนาอะไรก้อเรื่องของท่านสิแต่ท่านช่วยทุกคนทุกศาสนาให้แต่มาหาหากเกิดทุกข์ ท่านไม่สนหรอกคุณจะสูง ต่ำ ดำ ขาว รวย จน ให้แต่มีทุกข์รับรองช่วยแน่ เข้าใจ๋
     

แชร์หน้านี้

Loading...