เกาะติดสถานการณ์ ดิน น้ำ ลม ฝน พายุ **เฝ้าระวัง !!!!2556(2013)**

<a href="http://pic.free.in.th/id/fa868fe9b7ab213b3c05ff116b3dcb58" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iq/140204120336.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

เรื่องภัยแล้งต้องเริ่มคิดและเฝ้าระวังกันได้แล้วครับ พื้นที่ใดเคยเจอเคยประสบต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆครับจะได้ไม่ลำบาก หรือลำบากน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถครับ

<a href="http://pic.free.in.th/id/1ba8677b9c923a99805bf54b7f885b2a" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/iw/140204022807.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>

 

ปภ.เผยมีพื้นที่ประสบภัยแล้ง 9 จังหวัด แนะ ปชช.สำรองน้ำ


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กุมภาพันธ์ 2557 13:39 น.


นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มี 9 จังหวัด ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ภัยแล้ง ประกอบด้วย จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น ศรีสะเกษ สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำ รวมถึงประสานจังหวัดสำรวจปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง สนับสนุนการสูบน้ำดิบเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้าน และถังน้ำกลางประจำหมู่บ้าน เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ
ทั้งนี้ จากการประสานข้อมูลสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ พบว่ามีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์ปกติ ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์ปกติ คิดเป็นร้อยละ 70-80 ของความจุอ่าง ยกเว้นเขื่อนซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำกักเก็บเฉลี่ยเกินกว่าร้อยละ 50 เล็กน้อย ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเกินกว่าแผนที่กำหนด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ ส่วนที่เขื่อนลำปาว มีปริมาตรน้ำเก็บกักค่อนข้างน้อย คิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่าง
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรงดทำนาปรัง พร้อมวางแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่

 

กรมชลประทานเตือนระดับในอ่างเก็บน้ำ เหลือใช้แค่ร้อยละ 30 ขณะที่การเกษตรยังแข่งทำนาปรัง ชี้เกินไปแล้วถึง 2 เท่า

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนการใช้น้ำพื้นที่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพลเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯและเขื่อนป่าสักฯ)ในขณะนี้ มีปริมาณรวมกัน 13,110 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) หรือ ร้อยละ 53 ของความจุอ่าง แต่ปริมาณน้ำที่ใช้การได้มีเพียง 6,414 ล้านลบ.ม.หรือร้อยละ 35เท่านั้น

ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำแจ้งอีกว่า การจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2556/2557 พบว่าใช้น้ำไปแล้ว3,100 ล้าน ลบ.ม.หรือร้อยละ 58 ของแผนฯ เหลือน้ำที่จะใช้ได้อีก 2,200 ล้านลบ.ม.หรือร้อยละ 42 โดยพบการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งไปแล้วกว่า 8.29 ล้านไร่หรือร้อยละ 163 ของแผน ที่กำหนดไว้ 5.09 ล้านไร่ เป็นการทำนาปรัง 8.03 ล้านไร่หรือร้อยละ 169ของแผน จากที่กำหนดไว้4.74 ล้านไร่พืชไร่-พืชผัก0.26 ล้านไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 74ของแผน

รายงานจากกรมชลประทานแจ้งอีกว่า แม้จะรณรงค์ให้งดทำนาปรังอย่างต่อเนื่องแต่ปรากฎว่าพื้นที่ทำนาปรังกลับ เพิ่มขึ้นจนเกินแผนที่กำหนดไว้ไปเกือบ2 เท่า ซึ่งหากยังเป็นเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำได้จึงขอย้ำให้เกษตรกร ให้ความร่วมมืองดทำนาปรังอย่างต่อเนื่องด้วยเพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอย่าง จำกัดเพียงพอใช้อย่างไม่ขาดแคลน.





ที่มา เดลินิวส์

 

ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขณะที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีฝนได้บางแห่ง ส่วน กทม.มีเมฆบางส่วน โดยมีหมอกในตอนเช้า...

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศ ประจำวันที่ 5 ก.พ.2557 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.ลมตะวันตกเฉียงเหนือในระดับบนยังคงพัดพาความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้า มาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย และมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีฝนได้บางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน โดยมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาหลายพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร.

 

สตูลหนาวกลุ่มหมอกละอองน้ำปกคลุม



เมืองสตูล อากาศหนาวยังปกคลุม กลุ่มหมอกละอองน้ำลอยตัวเหนือผิวดินและตามภูเขา

วันพุธ 5 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 09:00 น.
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ สภาพอากาศโดยทั่วไป ในพื้นที่ จ.สตูล พบว่าเต็มไปด้วยหมอก หรือ กลุ่มละอองน้ำ ซึ่งได้ปรากฏขึ้นมาล่องลอยตัวอยู่เหนือผิวดินและตามเชิงภูเขาจนมืดทึบ ส่งผลทำให้อากาศสภาพในพื้นที่หนาวเย็นเป็นกรณีพิเศษมาก ทั้งนี้กลุ่มหมอกละอองน้ำนี้ ยังมีการปกคลุมปิดบังดวงอาทิตย์ในเช้ามืด แต่ทั้งนี้คาดว่าในช่วงสายกลุ่มหมอกละอองน้ำคงจางหายหมดไปในที่สุด ซึ่งจะทำให้มีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกิดขึ้นตามมาอีก

 

ปริมาณน้ำจากเขื่อนสำคัญต่างๆทั่วไทยเช้าวันนี้ (5 ก.พ.) น้ำลดเร็วกว่าที่คาดไว้มาก เกษตรกรควรวางแผนดีๆ มีแววแล้งหนัก

 

'จันทบุรี'ส่อแล้งหนัก ต้องประกาศภัยแล้ว 8 อำเภอ



เมืองจันท์ส่อแล้งหนัก ประกาศภัยแล้งแล้ว 8 อำเภอ ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 4 หมื่นครัวเรือน ด้าน ปภ.และท้องถิ่น เร่งช่วยเหลือแก้ปัญหาแจกจ่ายน้ำอุปโภค - บริโภค...

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 57 นายวิสุทธิ์ ประกอบความดี หน.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ ปภ.เข้าสำรวจพื้นที่ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลังจากที่ นายเกรียงเดช เข็มทอง ผวจ.จันทบุรี ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติภัยแล้งแล้ว รวม 8 อำเภอ ซึ่งประกอบไปด้วย อำเภอมะขาม 6 ตำบล, อำเภอโป่งน้ำร้อน 5 ตำบล, อำเภอสอยดาว 5 ตำบล, อำเภอเขาคิชฌกูฏ 5 ตำบล, อำเภอท่าใหม่ 7 ตำบล, อำเภอขลุง 11 ตำบล, อำเภอนายายอาม 2 ตำบล และอำเภอเมือง 2 ตำบล รวม 43 ตำบล 389 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 43,893 ครัวเรือน 114,702 คน ยกเว้น อำเภอแก่งหางแมว และ อำเภอแหลมสิงห์ ที่ยังไม่ประสบปัญหาภัยแล้ง


หน.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี เปิดเผยอีกว่า แนวทางการช่วยเหลือ ทางจังหวัดได้ประสานกับท้องถิ่น อบจ. เทศบาลฯ และ อบต. ในพื้นที่ที่ประสบภัย ให้เร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง แต่แนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเบิกเงินทดลองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินภัยแล้งของจังหวัดจันทบุรี ติดขัดด้วยระเบียบกระทรวงการคลัง ที่ไม่มีเงินหมุนเวียน เนื่องจากจังหวัดได้ใช้เงินทดลองราชการในคราวประสบปัญหาอุทกภัยไปหมดแล้ว จึงไม่เหลือเงินหมุนเวียนเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ต้องอาศัยท้องถิ่นในการบรรเทาปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนไปก่อน

อีกทั้ง จังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนใหญ่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ ซึ่งช่วงนี้ผลไม้เริ่มติดดอก ออกผล จำเป็นที่จะต้องมีน้ำเพื่อบำรุงรักษาผลผลิตให้ได้คุณภาพตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำในเขื่อนพลวง เขื่อนคิรีธาร และเขื่อนสันทราย ยังคงกักเก็บน้ำไว้ใช้เพียงพอจนถึงเดือนเมษายน นี้.



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 05 Feb 2014 - 12:20

 

ความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้มีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ อาจมีฝนได้บางแห่ง

วันพฤหัสบดี 6 กุมภาพันธ์ 2557
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 6 ก.พ. ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ลมตะวันตกเฉียงเหนือในระดับบนยังคงพัดพาความหนาวเย็นจากเทือกเขาหิมาลัยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย และมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนได้บางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วน โอกาสมีฝนตกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาหลายพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร.

 

WSPA เมืองไทยจับมือ 6องค์กรพันธมิตร ช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ


เพราะเชื่อว่าการช่วยเหลือสัตว์ให้มีสวัสดิภาพที่ดี เท่ากับเป็นการช่วยเหลือมนุษย์ สุภาภรณ์ ลาสต์ ผอ.องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (WSPA) ประเทศไทย จึงจับมือ 6 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ, กรมปศุสัตว์, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กรมการสัตว์ทหารบก, สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย และภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการช่วยเหลือสัตว์ในภาวะภัยพิบัติของประเทศไทย

สุภาภรณ์ ลาสต์


ทั้งนี้ ในรอบปี พ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา โลกได้ประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง นอกจากมนุษย์จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติแล้ว สัตว์อีกหลายล้านชีวิตก็ประสบภัยเช่นเดียวกัน องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (WSPA) ประเทศไทย จึงได้ส่งทีมสัตวแพทย์ลงไปให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ภัยพิบัติตลอดทั้งปี อาทิ ส่งทีมสัตวแพทย์ไปช่วยเหลือและให้ความรู้ด้านการดูแลสัตว์ในภาวะภัยพิบัติ อันเกิดจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ที่หมู่เกาะ โซโลมอน, ให้ความช่วยเหลือสัตว์จำนวนกว่า 9 ,000 ตัวที่ประสบภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ในรัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย ด้วยการสร้างแคมป์ที่กำบังแดด ยาและอาหาร, ช่วยเหลือสัตว์ประสบภัยหนาวในเมืองลาดักห์ ประเทศอินเดีย กว่า 50,000 ตัว, ส่งทีมสัตวแพทย์ช่วยเหลือสัตว์ประสบอุทกภัย พร้อมเวชภัณฑ์ ในรัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย 92,000 ตัว, ช่วยเหลือให้วัคซีนปศุสัตว์ที่ได้รับ ผลกระทบจากอุทกภัยใน ประเทศลาว, ส่งทีมลงไปให้ความช่วยเหลือสัตว์ประสบภัยพายุไห่เยี่ยน ในประเทศฟิลิปปินส์กว่า 17,400 ตัว พร้อมให้ความรู้ด้านการช่วยเหลือสัตว์และฟื้นฟูคลินิกดูแลสัตว์ จากการทำงานตลอดทั้งปี พ.ศ.2556 WSPA ได้ช่วยเหลือสัตว์ไปไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัว

"โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์" ทำหน้าที่ทูต WSPA อย่างขะมักเขม้น


และในปีที่ผ่านมา WSPA ประเทศไทย ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือได้รับเกียรติจาก “โตโน่–ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” นักร้องนักแสดงมากฝีมือ มารับตำแหน่งทูต WSPA คนใหม่ ทำหน้าที่สนับสนุน WSPA ในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมสนับสนุนให้คนเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ “หกขาหมาสนุก - Six Legs” จากความสำเร็จและผลงานในปี 2556 WSPA จึงให้ความเชื่อมั่นว่า ในปี 2557 จะทำงานให้หนักมากขึ้น เพื่อรณรงค์และสร้างสวัสดิภาพสัตว์ให้ได้
รับการเอาใจใส่ดูแล รวมทั้งยุติการทารุณกรรมสัตว์อย่างถาวร เพราะการช่วยเหลือสัตว์เท่ากับเป็นการช่วยเหลือคนนั่นเอง.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ผอ.เขื่อนสิริกิติ์เบรกเพิ่มพื้นที่ทำนาปรังหวั่นขาดน้ำ

ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ ห่วงการใช้น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา แนะเกษตรกรไม่ควรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกนาปรัง หวั่นน้ำไม่พอ...
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ดร.สุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ เปิดเผยว่า ณ ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณ 5,247.77 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำที่พร้อมใช้งาน 2,397.77 ล้านลูกบาศก์เมตร ยังคงสามารถรับน้ำได้อีก 4,262.23 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะนี้เขื่อนสิริกิติ์ปล่อยน้ำวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่พื้นที่เกษตรกรรมลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากข้อมูลมีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง 4.69 ล้านไร่ แต่ข้อมูล ณ ปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านไร่ รวมเป็น 6.59 ล้านไร่ และเมื่อปลูกข้าวเพิ่มก็ต้องใช้น้ำมากกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งแผนจาก กบอ. กำหนดเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่เดือน พ.ย. 56 - เม.ย. 57 กำหนดแผนการใช้น้ำไว้ที่ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ น้ำต้นทุนจาก 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้ใช้ไปแล้ว ณ ปัจจุบันยังคงเหลือเพียง 2,089 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็ขอความกรุณาพี่น้องเกษตรกรผู้ปลุกข้าวว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ การเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ควรงดเสีย เพราะถ้าหากว่าปริมาณน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ข้าวที่ปลูกเสียหายได้

สำหรับปัญหาภัยแล้งที่จะมีมาในเดือน เม.ย. ที่จะถึงนี้ ทางเขื่อนสิริกิติ์ ได้รับมอบหมายจากทาง จ.อุตรดิตถ์ ให้ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ อ.ท่าปลา โดยทางเขื่อนได้ส่งน้ำเข้าไปตามคลองระบายน้ำและท่อส่งน้ำที่มีอยู่ รวมทั้งได้จัดรถบรรทุกน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ และจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเตรียมพร้อมไว้ ถ้าพื้นที่ใดขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ก็สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือจากทางเขื่อนสิริกิติ์ได้ทันที

ในส่วนของผู้เลี้ยงปลาในกระชังของ จ.อุตรดิตถ์ นั้น ทางเขื่อนสิริกิติ์ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานข้อมูลน้ำว่า ปริมาณน้ำที่จะไหลมาถึงกระชังปลาเวลาเท่าไร เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง จำนวนกว่า 5,000 ราย ได้ทราบข้อมูลว่า จะต้องเคลื่อนย้ายกระชังปลาไปบริเวณที่น้ำไหลผ่าน ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้านความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนมีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งบริเวณที่ตั้งเขื่อนสิริกิติ์ ไม่ได้อยู่ในเขตรอยเลื่อนของแผ่นใหม่ แต่เป็นรอยเลื่อนของแผ่นดินเก่า ที่หมดอายุไปแล้ว จึงไม่น่าห่วง.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 06 Feb 2014 -

 

สธ.เตรียมพร้อมรับผู้ป่วย 'หมอกควัน' 8 จว.ภาคเหนือ

กระทรวงสาธารณสุข ให้สถานพยาบาลทุกระดับในพื้นที่ภาคเหนือ เตรียมพร้อมดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันใน 8 จังหวัด อย่างทันท่วงที ย้ำเตือน 7 กลุ่มเสี่ยง ระวังเป็นพิเศษ...

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 57 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการรองรับผลกระทบต่อสุขภาพ จากปัญหาหมอกควันไฟในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมดูแลสุขภาพประชาชน 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ และพะเยา ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2557 โดยขณะนี้ได้สำรองหน้ากากอนามัย สำหรับกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน
2. สั่งการโรงพยาบาลทุกระดับที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จัดเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้เจ็บป่วย
 ทั้งเครื่องมือแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ เวชภัณฑ์ ยาประจำห้องฉุกเฉิน เพื่อให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยได้อย่างทันท่วงที และ 3. เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง และครอบครัวจากภาวะหมอกควัน รวมทั้งขอความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชน รณรงค์งดเผาป่า เผาหญ้า วัชพืช หรือขยะในหมู่บ้าน เพื่อลดมลพิษในอากาศ
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อันตรายของฝุ่นละออง หมอกควัน ที่เกิดจากการเผาป่า เผาขยะ เผาวัชพืช โดยทั่วไปจะมีผลกระทบต่อสุขภาพใน 4 กลุ่มโรคสำคัญ ได้แก่ 1. โรคทางเดินหายใจ 2. โรคหัวใจและหลอดเลือด 3. โรคตาอักเสบ และ 4. โรคผิวหนังอักเสบ โดยผลกระทบต่อสุขภาพจะขึ้นกับระยะเวลาการสัมผัส อายุ ความต้านทานแต่ละบุคคล ความเข้มข้นของมลพิษ ประวัติการป่วยเป็นโรคปอด หรือโรคหัวใจ และอื่นๆ อาการป่วยเริ่มตั้งแต่ขั้นเล็กน้อยจนถึงรุนแรง ได้แก่ แสบตา แสบจมูก ตาแดง น้ำตาไหล คอแห้ง ระคายคอ ไอ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
"กลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ ไป มี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มเด็ก 2. หญิงตั้งครรภ์ 3. ผู้สูงอายุ 4. ผู้ป่วยโรคหอบหืด 5. ผู้ป่วยโรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง 6. ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และ 7. ผู้ป่วยโรคหัวใจ ทั้ง 7 กลุ่มเสี่ยงนี้ จะต้องระมัดระวัง ควรสังเกตอาการตนเอง ผู้ที่ต้องกินยาควบคุมอาการประจำต้องกินให้ต่อเนื่อง จัดเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อม"
ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสูดละอองหมอกควัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน คือ เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพื่อป้องกันการสูดละอองหมอกควันเข้าปอด เน้นการใช้หน้ากากอนามัยชนิดผ้า หรือใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก ซึ่งชุมชนสามารถจัดหาหรือผลิตใช้เอง สามารถซัก และนำกลับมาใช้ซ้ำได้
ควรลดกิจกรรมการใช้แรงมากๆ เช่น ออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง เวลาเช้า และมีปริมาณหมอกควันในอากาศจำนวนมาก เพราะการออกกำลังกายจะเพิ่มการหายใจเอาอากาศเข้าสู่ร่างกาย 10-20 เท่า รวมทั้งงดสูบบุหรี่ และควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ในช่วงที่มีฝุ่นละออง ซึ่งน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับฝุ่นละอองออกจากระบบทางเดินหายใจง่ายขึ้น ฝุ่นไม่สะสมในปอด หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม แสบตา ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
นอกจากนี้ สิ่งที่ประชาชนควรปฏิบัติได้แก่ 1. ปิดประตูหน้าต่างบ้านให้มิดชิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาเช้า เนื่องจากหมอกควันจะลอยต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสหมอกควัน 2. ประชาชนควรทำความสะอาดบ้าน ของใช้ภายในบ้าน โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่สะสม หลีกเลี่ยงการใช้ไม้กวาดทำความสะอาด เพราะจะทำให้ฝุ่นกระจายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ได้มีรายงานเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพในโรงพยาบาล 42 แห่ง ในพื้นที่ 8 จังหวัด ระหว่างวันที่ 5-25 มกราคม 2557 ยังไม่พบความผิดปกติจากปัญหาหมอกควัน โดยมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตามปกติจำนวน 49,767 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด จำนวน 22,334 ราย รองลงมา คือ โรคระบบทางเดินหายใจ จำนวน 16,923 ราย โดยที่ผ่านมามีเพียงจุดตรวจวัดศาลหลักเมือง จังหวัดลำปาง อ.เมืองลำปาง เท่านั้น ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานเล็กน้อย ในวันที่ 28 มกราคม 2557 วัดได้ 127 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ประชาชนยังสามารถประกอบกิจกรรมได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข่าวสาร และข้อมูลจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค โทร.02-591-8172 โทรสาร : 02-590-4388 หรือสายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 06 Feb 201

 

สวัสดีครับ เอาข้อมูลมาฝาก วันนี้ช่วงเที่ยง ช่วงบ่าย ช่วงเย็น
มีฝนตกที่หน้านิคมอมตะนคร จ.ชลบุรีครับ แรงบ้างเบาบ้างสลับกันไปครับ ผมไปนั่งดื่มกาแฟมาที่ห้างพลัสมอร์หน้านิคมฯ
ก็เย็นดีครับ ... ขับรถผ่านหน้านิคมฯแล้วมองเข้าไปก็ปกติดีครับ ฝนไม่ตกมานาน พอตกแล้วก็เย็นสบายดี
ตอนนี้บางทีก็ยังปรอยๆอยู่

... ^^ ...

 

ไทยตอนบนมีฝน อุณหภูมิลด 5-7 องศาเซลเซียส

ความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากจีน แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยแล้ว อยู่ถึง 22 ก.พ.นี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก และมีอากาศเย็นลง อุณหภูมิลดลงได้ 5-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น 20-22 ก.พ. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยแรงขึ้น อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จ.สุราษฏร์ธานี ลงไป จะมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ...


วันที่ 19 ก.พ. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป เมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยแล้ว คาดว่าจะมีอิทธิพลอยู่ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก และมีอากาศเย็นลง อุณหภูมิลดลงได้ 5-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป

สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น ในช่วงวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2557 และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จ.สุราษฏร์ธานี ลงไป จะมีคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุดาหาร สกลนคร และ อุดรธานี อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆบางส่วนกับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจ.นครสวรรค์ และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจ.ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จ.สุราษฏร์ธานี ขึ้นมา เป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ตั้งแต่จ.นครศรีธรรมราช ลงไป เป็นลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน และมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก โอกาสมีฝนตกเล็กน้อย ร้อยละ 10 อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

 

เตือนปีนี้แล้งหนัก! อาจร้อนทะลุ42องศาเซลเซียส

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ เตือน ไทยปีนี้จะแล้งจัด จากปรากฏการณ์เอลนินโญ คาดอาจร้อนทะลุ 42 องศาเซลเซียส...
ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่าปีนี้ภูมิภาคเอเชียและอินเดีย จะเจอปรากฏการณ์เอลนินโญ ที่ทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งจัด โดยเฉพาะประเทศไทย จะรุนแรงที่สุดในรอบ 12 ปี ส่งผลให้อุณหภูมิสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียส และจากสภาพตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ถึงเดือน ม.ค. ไทยเจอสภาพอากาศหนาวจัด และพอเปลี่ยนผ่านมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ กลับมีอากาศร้อนจัด แม้จะยังไม่ถึงฤดูร้อน ถือว่าภัยแล้งปีนี้มาเร็วมาก เพราะฉะนั้น จึงอยากเตือนประชาชนให้เริ่มทยอยเก็บกักน้ำและใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างประหยัด

ดร.สมิทธ กล่าวอีกว่า ภัยแล้งปีนี้ถือว่าไม่ปกติ เพราะเจอปรากฏการณ์เอลนินโญ คาดว่าฤดูฝนปีนี้ จะมีพายุไม่มากและฝนจะตกน้อย เพราะกลุ่มฝนจะไปตกที่อเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

'สารคาม'แล้งหนัก 3หมู่บ้าน ขาดน้ำอุปโภค-บริโภค

จ.มหาสารคาม ภัยแล้งมาเยือนส่อเค้ารุนแรง ชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ขาดน้ำ อุปโภค-บริโภค คาดเข้าเดือนเมษายนจะทวีความรุนแรง ขณะที่หน่วยราชการเร่งช่วยเหลือ...

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.57 นายทรงเกียรติ วรรณจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มส่อเค้ารุนแรงตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเริ่มได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค ซึ่งหน่วยงานราชการจะต้องเร่งสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน และนำน้ำไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาทุกข์ เบื้องต้น ประชาชนในพื้นที่ 3 หมู่บ้านเขตตำบลแก่งเลิงจาน เริ่มประสบกับภัยแล้ง น้ำที่เก็บไว้อุปโภคบริโภคในครัวเรือนเริ่มลดลง เนื่องจากฤดูฝนที่ผ่านมา มีฝนตกในปริมาณน้อย ส่งผลให้น้ำในโอ่งเริ่มไม่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค อีกทั้ง น้ำประปาใต้ดิน ไม่สามารถนำมาดื่มกินได้ เนื่องจากไม่มีการฆ่าเชื้อโรค และไม่ได้มาตรฐาน


ทั้งนี้ อบต.แก่งเลิงจาน จึงได้ทำเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม เพื่อขอสนับสนุนรถน้ำเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนใน 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านเม่นใหญ่ หมู่ 4 บ้านเม่นน้อย หมู่ 7 และบ้านกลาง หมู่ 8 จำนวน 20 เที่ยว ปริมาณน้ำ 200,000 ลิตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม คาดว่า สถานการณ์ภัยแล้งจะยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เป็นต้นไป ซึ่งราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง สามารถแจ้งมาได้ที่ องค์การบริการส่วนตำบลแก่งเลิงจานเพื่อจะได้รับความช่วยเหลือต่อไป.



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

หิมะตกอีกแล้วในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวแห่ดูอีกระลอก


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2557 07:40 น.


หิมะตกอีกแล้วในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวแห่ดูอีกระลอก

นักท่องเที่ยวจอดรถบนโค้งของทางหลวงจาก อ.เมืองหล่าวกายไปยัง อ.ซาปา ที่อยู่ห่างออกไปราว 34 กม.บนเขา เพื่อชมหิมะที่ตกลงมาให้เห็นอีกระลอกหนึ่งในย่านนี้ สัปดาห์ที่แล้วสื่อของทางการรายงานว่าได้เกิดหิมะตกคล้ายกันนี้ในเขตที่ราบสูงเหมิ่วเซิน แหล่งท่องเที่ยวใน จ.ลังเซินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศหลังจากอุณหภูมิลดลงต่ำลบ 1-2 องศา.


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เกิดหิมะตกลงมาอีกครั้งหนึ่งในวันพุธ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ในเขต อ.ซาปา (Sapa) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมบนเขาในภาคเหนือเวียดนาม นักท่องเที่ยวนับพันๆ คนเดินทางกลับไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากทราบล่วงหน้าจากพยากรณ์อากาศ แม้ว่าจะตกไม่หนักเช่นครั้งแรกในช่วงปลายปีที่แล้วก็ตาม

หิมะเริ่มโปรยปรายลงตั้งแต่ตอนเช้าตรู่หลังจากอากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านั้น ถึงแม้จะตกลงเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็มีปริมาณมากพอปกคลุมใบไม้ต้นไม้ตามรายทางจาก อ.เมือวหล่าวกาย (lao Cai) ไปยังซาปา และปกคลุมเนินเขาในเขตรอบนอกของเมืองท่องเที่ยวสำคัญแห่งภาคเหนือ มีรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด

หิมะหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดฝนตกโปรยปรายลงในตอนบ่ายวันเดียวกัน แต่อุณหภูมิในทั่วอาณาบริเวณยังคงหนาวเย็นถึง -1 องศา มีหมอกลงจัด ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอยแจ้งว่า มวลความกดอากาศสูงยังปกคลุมอยู่ทั่วภาคเหนือเวียดนามซึ่งจะทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดสัปดาห์นี้.
.

กลับมาให้เห็นอีกครั้ง
เว็บไซต์ จ.หล่าวกาย