ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Surviving Earth Changes 2013 and Beyond ได้แชร์ ลิงก์

    AVERTABLE VOLCANIC การระบายความร้อนซึ่งมีที่มาจากภูเขาไฟที่สามารถเบี่ยงเบนโชคชะตาตนเอง / สาเหตุการทำลาย!

    หิมะตกที่ญี่ปุ่นได้ขัดขวางการขนส่งทางอากาศ ทางรถไฟ และทางถนน
    AVERTABLE VOLCANIC COOLING-FATALIST SELF/DESTRUCTION! Japan snowfall disrupts air, rail and road transport

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6pUxzsrCG7o&feature=player_embedded]AVERTABLE cannibalic volcanic winters - YouTube[/ame]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    [​IMG]

    9 ก.พ. ผลการศึกษาของรบ.ญี่ปุ่นเผย จะเกิดหายนะใหญ่หาก “ภูเขาไฟฟูจิ” ระเบิด ชี้ปชช.หลายแสนต้องอพยพหนีตาย-คมนาคมเป็นอัมพาต

    [​IMG]

    ทางการญี่ปุ่นออกโรงเตือนถึงหายนะครั้งใหญ่ หากภูเขาไฟ “ฟูจิ” เกิดการระเบิด โดยระบุ หากวันนั้นมาถึง ประชาชนแดนปลาดิบมากกว่า 470,000 ชีวิตในพื้นที่ 3 จังหวัด จะต้องอพยพละทิ้งบ้านเรือนของตนจากผลของเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศขั้นเลวร้าย ขณะที่อีกกว่า 238,000 คนอาจต้องหนีตายจากกระแสธารแห่งลาวา

    รายงานข่าวในวันเสาร์ (8ก.พ.) ซึ่งอ้างคณะกรรมการศึกษาภูเขาไฟวิทยาของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า หากภูเขาไฟฟูจิซึ่งมีความสูง 3,776 เมตรเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง จะส่งผลให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ต่อชาวญี่ปุ่น

    โดยรายงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวระบุว่า ถึงแม้ภูเขาไฟที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นลูกนี้ จะไม่เคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นอีกเลย นับตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.1707 แต่หากเกิดการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิขึ้นมาในอนาคต จะส่งผลให้พื้นที่ 3 จังหวัด คือ ยามานาชิ , ชิซูโอกะ และจังหวัดคานางาวะได้รับความเสียหายหนัก

    ทั้งนี้ การระเบิดครั้งใหญ่หนล่าสุดของภูเขาไฟฟูจิเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1707 จนถึงวันที่ 1 มกราคมปี 1708 โดยข้อมูลที่มีการจดบันทึกไว้ในครั้งนั้นยืนยันว่า การระเบิดของภูเขาไฟฟูจิส่งผลให้มีการฟุ้งกระจายของเถ้าถ่านภูเขาไฟปริมาณกว่า 800 ล้านคิวบิกเมตร และลอยไปไกลถึงเกือบ 100 กิโลเมตร

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชมรมนักวิทยุสื่อสารเฝ้าระวังภัยจังหวัดเชียงราย

    [​IMG]

    "เฝ้าระวัง" อุทิศ ๗
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Timeseasons Coffee Innovation Capital

    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/uPMc9k3wZno?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ฟังด่วน..คำทำนายแผ่นดินยุบ ตึกถล่มที่กทม.และปริมณฑล
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวญี่ปุ่นฝ่าหิมะเลือกผู้ว่าการโตเกียวคนใหม่ ท่ามกลางหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 45 ปีของกรุงโตเกียว
    วันที่ 09 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 18:30:25 น.

    สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพีรายงานว่า ชาวญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ต้องฝ่าหิมะรุนแรงออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงโตเกียวคนใหม่ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาหนักที่สุดในรอบ 45 ปีของกรุงโตเกียว ซึ่งคาดว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 13 ล้านคน

    การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงโตเกียว แม้ว่าจะมีลงสมัครถึง 16 คน แต่ผู้สมัครสองคนที่ถือว่าขับเคี่ยวสูสีกันอย่างมาก คือ นายโยอิจิ มาสึโซเอะ อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ กับนายโมริฮิโร โฮโซกาวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความเห็นเรื่องใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่ต่างกัน โดยรัฐบาลของนายอาเบะ สนับสนุนให้เดินเครื่องโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง ขณะที่นายโฮโซกาวะไม่เห็นด้วยกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น

    อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของบรรดาสื่อในญี่ปุ่นต่างชี้ว่า นายมาสึโซเอะ วัย 65 ปี มีคะแนนนำหน้าคู่แข่งอย่างนายโฮโซกาวะ ในวัย 76 ปี โดยนายมาสึโซเอะ ประกาศนโยบายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวกรุงโตเกียวให้ดีขึ้น และแม้ว่าจะไม่มีการพูดถึงเรื่องนโยบายด้านพลังงานเป็นเรื่องหลัก แต่มาสึโซเอะกล่าวว่า ญี่ปุ่นควรจะลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ในทั้งระยะกลางและระยะยาว

    ด้านนายโฮโซกาวะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายจุนอิชิโร โคอิสึมิ อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยกับแผนการเดินหน้าใช้พลังงานนิวเคลียร์อีกครั้งของรัฐบาลนายอาเบะ โดยข่าวระบุว่า ทั้งนายโฮโซกาวะ และนายโคอิสึมิ ต่างเคยสนับสนุนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาเปลี่ยนใจต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ หลังเกิดเหตุการณ์วิกฤตนิวเคลียร์ขึ้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เมืองฟุคุชิมา จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ที่กลายเป็นวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกนับตั้งแต่เกิดเหตุที่เชอร์โนบิล เมื่อปี 2529

    ขณะที่ชาวกรุงโตเกียวต้องฝ่าพายุหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักเพื่อออกไปลงคะแนนเสียง โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ มีหิมะตกลงมาในกรุงโตเกียวสูงถึง 27 เซนติเมตร กลายเป็นหิมะที่ตกลงมาหนักที่สุดในรอบ 45 ปีของเมืองหลวงแห่งนี้ ส่วนที่เมืองเซนได ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น มีหิมะตกลงมาสูงถึง 35 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าเป็นหิมะที่ตกลงมาหนักที่สุดในรอบ 78 ปี

    สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับหิมะแล้วอย่างน้อย 11 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่เกี่ยวเนื่องกับหิมะที่ตกลงมาอย่างรุนแรงทั่วประเทศกว่า 1,200 คนแล้ว ขณะที่สายการบินในประเทศต้องถูกยกเลิกไป 200 เที่ยวบิน และไม่สามารถออกบินได้กว่า 740 เที่ยวบินเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ โดยมีรายงานผู้โดยสารตกค้างอยู่ที่สนามบินนาริตะในวันเดียวกันเกือบ 5,000 คน

    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1391936509&grpid&catid=06&subcatid=0600

    Kaokala Fc

    ขอบคุณภาพ

    9 ก.พ. เหยื่อพายุหิมะญี่ปุ่นพุ่ง 7 ศพ ยอดเจ็บทะลุ 1,000 ราย-ชาวโตเกียวลุยหิมะ ใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ คนใหม่

    [​IMG]

    พายุหิมะรุนแรงถล่มหลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องในวันอาทิตย์(9 ก.พ.) ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ราย บาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บลื่นล้มขณะเดินบนถนนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง หรือตกลงมาขณะกวาดหิมะลงจากหลังคา บ้านเรือนมากกว่า 20,000 หลัง ทั่วประเทศยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้

    [​IMG]

    วันนี้ชาวกรุงโตเกียวในประเทศญี่ปุ่นต้องลุยหิมะ เดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการคนใหม่ บรรดาผู้สังเกตการณ์ระบุว่า เหตุหิมะตกหนักที่สุดใน 45 ปีที่กำลังเกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์

    (ไทยรัฐออนไลน์ 9 ก.พ.)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    9 ก.พ. ระอุ!! "อิหร่าน" ส่งกองเรือรบมุ่งหน้าประชิด "น่านน้ำสหรัฐฯ"

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - แหล่งข่าวกองทัพเรืออิหร่านเปิดเผยว่า รัฐบาลอิหร่านได้ส่งกองเรือรบมุ่งหน้าสู่เขตน่านน้ำสหรัฐฯเพื่อตอบโต้การที่เพนตากอนได้ส่งกองเรือรบประจำอ่าวในตะวันออกกลาง สำนักข่าวฟาร์ส หรือ FNA สำนักข่าวกึ่งทางการอิหร่าน รายงานในวันเสาร์(8ก.พ.)

    “กองเรือรบอิหร่านกำลังมุ่งหน้าเข้าประชิดเขตน่านน้ำของสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของกรุงเตหรานต้องการส่งสัญญาณให้กรุงวอชิงตันรับรู้” สำนักข่าวฟาร์ส หรือFNA สำนักข่าวกึ่งทางการอิหร่าน อิหร่าน ได้อ้างคำพูดของพลเรือเอกอัฟชิน เรซายี ฮัดดัด ผู้บัญชาการกองเรือทางเหนือของอิหร่าน

    ด้านแหล่งข่าวสหรัฐฯได้แสดงความคลางแคลงใจในการอ้างที่กล่าวว่า กองเรือรบอิหร่านกำลังเข้าประชิดน่านน้ำสหรัฐฯ แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้นี้ยังเสริมว่า “เรือรบอิหร่านสามารถปฎิบัติการใดก็ได้ในเขตน่านน้ำสากล”

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    9 ก.พ. การบินไทยยันให้บริการตามปกติ หลังลือพนักงานร่วมชัตดาวน์บริษัท 10 ก.พ.

    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีกระแสข่าวชักชวนพนักงาน บมจ. การบินไทย ให้ร่วมชัตดาวน์การบินไทยในวันที่ 10 ก.พ. นี้ จนทำให้มีผู้โดยสารวิตกกังวลเรื่องการให้บริการของการบินไทยนั้น

    บมจ. การบินไทย (THAI) แจ้งว่า บริษัทฯ ขอยืนยันว่าพนักงานทุกคนยังคงพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารตามปกติ และในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการปรับลดเที่ยวบินในบางเส้นทาง เนื่องจากมีปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารลดลง รวมทั้งตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2557 เป็นต้นไปจะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) บริษัทฯ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนตารางการบินให้เหมาะสม

    ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบตารางการบิน สำรองที่นั่ง ออกบัตรโดยสาร และเช็คอินผ่านทางเว็บไซต์

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Kaokala Fc

    9 ก.พ. สธ.เตือนเล่นเซลฟี่มากอาจทำให้ขาดความมั่นใจ

    [​IMG]

    [​IMG]
    รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เผย เล่นเซลฟี่มาก อาจเข้าขั้นป่วยโรคขาดความมั่นใจในตัวเองได้

    แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้คนทั่วโลกนิยมใช้สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ในไทยพบว่ามีประชาชนใช้เฟซบุ๊กถึง 19 ล้านคน ใช้อินสตาแกรมถึง 8 แสนคนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    เรื่องที่น่าห่วงขณะนี้ พบว่า ประชาชนทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะวัยรุ่นนักเรียน นักศึกษา นิยมพฤติกรรมที่เรียกว่า เซลฟี่ (selfie) กันมาก กล่าวคือ ถ่ายรูปตัวเองในอิริยาบถต่างๆ แล้วนำไปเผยแพร่บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ว่าจะทำอะไร ไปที่ไหน หรือกินอะไร เพื่อให้เพื่อนในสังคมออนไลน์ทั้งที่รู้จักจริง และรู้จักในสังคมออนไลน์ได้รับรู้ มากดไลค์ (Like) ถูกใจในรูปภาพ โดยเฉพาะภาพเดี่ยวทั้งถ่ายครึ่งตัว เต็มตัว พฤติกรรมเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพจิตในอนาคตได้ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นหรือความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจะมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และส่งผลต่ออนาคต การงาน และการพัฒนาประเทศอย่างคาดไม่ถึง

    นักจิตวิทยาในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้ข้อคิดว่า เซลฟี่ สามารถกัดกร่อนความมั่นใจ ความภาคภูมิใจในตัวเองได้ ล่าสุด สาธารณสุขประเทศอังกฤษ ได้ออกมาประกาศว่า อาการเสพติดโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง ในแต่ละปี มีชาวอังกฤษเข้ารับการบำบัดมากกว่า 100 ราย
    http://news.th.msn.com/general/สธเตือนเล่นเซลฟี่มากอาจทำให้ขาดความมั่นใจ

    **เผยผลสำรวจชาวโซเชียลนิยมถ่ายภาพ Selfie เดือนละ 35 ล้านภาพ และแชร์ลง Facebook มากสุด เผยผลสำรวจชาวโซเชียลนิยมถ่ายภาพ Selfie เดือนละ 35 ล้านภาพ และแชร์ลง Facebook มากสุด | Flashfly Dot Net
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางการอียิปต์เผย ยอดเหยื่อ “ไข้หวัดหมู H1N1” ในประเทศเพิ่มเป็นอย่างน้อย 38 ศพ ติดเชื้ออีกมากกว่า 1,300 โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2557 22:44 น.

    [​IMG]

    เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-กระทรวงสาธารณสุขอียิปต์เผย ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ “ไข้หวัดหมู” ในประเทศล่าสุดได้เพิ่มจำนวนเป็น 38 รายแล้ว นับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา

    รายงานข่าวในวันอาทิตย์ (9) ซึ่งอ้าง มาฮา เอล-ราบาต รัฐมนตรีสาธารณสุขและการเคหะของอียิปต์ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้วจนถึงขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู ชนิด “เอช 1 เอ็น 1” ได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 38 ราย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะชนิดนี้ ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วอียิปต์ล่าสุดได้เพิ่มเป็นมากกว่า 1,300 คน

    ด้านนายแพทย์ คาเหล็ด ซามีร์ เหรัญญิกแห่งองค์กร “Doctor’s Syndicate” ออกมาเปิดเผยว่า มีแพทย์ชาวอียิปต์อย่างน้อย 9 รายที่ล้มป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 มาจากคนไข้ ซึ่งในจำนวนแพทย์ทั้ง 9 รายที่ติดเชื้อมรณะชนิดนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว 4 ราย ขณะที่แพทย์อีก 2 รายอาการยังน่าเป็นห่วง ถือเป็นหลักฐานที่ยืนยันยันเชื้อไวรัสชนิดนี้มีการติดต่อจากคนสู่คนแล้ว

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (4) ที่ผ่านมา นายแพทย์ อาเหม็ด คาเมล โฆษกกระทรวงสาธารณสุขอียิปต์เพิ่งออกมาแถลงว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในอียิปต์จากการติดเชื้อไข้หวัดหมู เอช 1 เอ็น 1 ที่ได้รับการยืนยันแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 24 ราย

    ทั้งนี้ เมื่อปี 2009 การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อหลายพันคนในอียิปต์ จนรัฐบาลไคโรต้องสั่งฆ่าหมูไปมากกว่า 300,000 ตัว

    ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันพบการระบาดใน 207 ประเทศทั่วโลกซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 7,820 คน และพบผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 622,482 ราย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แดนจิงโจ้เผชิญ “ไฟป่า” รุนแรงเกินควบคุมหลายสิบจุด ฉุดอุณหภูมิทะลุ 40 องศา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2557 16:19 น.

    [​IMG]

    เอพี/เอเจนซีส์ - เกิดไฟป่าโหมกระหน่ำในพื้นที่หลายสิบจุด ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียในวันฤดูร้อนที่มีสภาพอากาศแห้งแล้ง และลมแรงอย่างวันนี้ (9 ก.พ.) ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังถูกเพลิงเผาผลาญวอดวาย และนักผจญเพลิงได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจระบุ

    เครก แลปสลีย์ อธิบดีกรมดับเพลิงรัฐวิกตอเรีย แถลงว่า เกิดไฟป่าลุกไหม้จนเกินควบคุม 37 จุด ทั่วรัฐนี้ สร้างความเสียหายต่อเมืองต่างๆ ในพื้นที่ชนบท ตลอดจนแถบชานเมืองเมลเบิร์น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแดนจิงโจ้

    ทางด้าน อนุเชีย ศิวะเนศวร โฆษกของการดับเพลิงเทศมณฑลกล่าวว่า มีบ้านเรือนในวิกตอเรียได้รับความเสียหายหลายหลัง แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจยังไม่ได้ระบุตัวเลขที่แน่ชัด

    นอกจากนี้ แลปสลีย์ ยังบอกด้วยว่า มีนักผจญเพลิงได้รับบาดเจ็บหนึ่งราย หลังถูกต้นไม่ล้มทับ โดยขณะนี้เขาถูกส่งตัวไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว

    ตามข้อมูลของแลปสลีย์ สถานการณ์ไฟป่าในตอนนี้ถือว่าเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2009 เมื่อไฟป่าคร่าชีวิตประชาชนไป 173 ราย และเผาผลาญบ้านเรือนในรัฐวิกตอเรียกว่า 2,000 หลัง ภายในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน

    [​IMG]

    * เขาชี้ว่า กระแสลมแรงได้โหมกระพือเปลวเพลิงให้ลุกไหม้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการส่งเครื่องบินออกไปทิ้งน้ำดับไฟ

    ส่วนที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งอยู่ติดกัน กรมดับเพลิงชนบทรายงานว่า เกิดเพลิงไหม้ขึ้น 50 จุด ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดการสัญจรบนทางหลวงฮูม ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองเมลเบิร์น กับนครซิดนีย์ ที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียเป็นการชั่วคราว

    อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ยังไม่มีรายงานว่า มีบ้านเรือนในนิวเซาท์เวลส์ รัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแดนจิงโจ้ ได้รับความเสียหายจากไฟป่าแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ ในช่วงฤดูร้อนมักเกิดไฟป่าปะทุขึ้นในหลายพื้นที่ของออสเตรเลียอยู่เป็นประจำ

    พื้นที่บางส่วนของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และวิกตอเรีย ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่พุ่งทะลุ 40 องศาเซลเซียส

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แผ่นดินไหว 6.2 เขย่าปาปัวนิวกินี ยังไร้เตือนภัยสึนามิ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2557 23:21 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานในวันอาทิตย์ (9) โดยระบุ เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณนอกชายฝั่งประเทศปาปัวนิวกินี ซึ่งสามารถวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้ถึงระดับ 6.2 ตามมาตราแมกนิจูด เบื้องต้นยังไม่มีรายงานการเกิดคลื่นสึนามิ รวมถึง ความเสียหายอื่นๆ

    รายงานของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณนอกชายฝั่งของปาปัวนิวกินี ซึ่งวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 6.2 ตามมาตราแมกนิจูดในครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกราว 26.3 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากเมืองอราวา ที่เป็นบ้านของประชากรเกือบ 40,000 คน และเป็นเมืองเอกของเขตปกครองตนเองบูเกนวิลล์ ไปทางทิศตะวันตกราว 125.5 กิโลเมตร

    ขณะเดียวกัน ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งแปซิฟิก (PTWC) ซึ่งมีฐานอยู่ที่เอวา บีช ในมลรัฐฮาวายของสหรัฐฯ ก็ยังมิได้ออกประกาศเตือนใดๆ ถึงความเสี่ยงในการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ

    ก่อนหน้านั้นราว 30 นาที มีรายงานถึงการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.6 แมกนิจูดอีกครั้งหนึ่งที่บริเวณนอกชายฝั่งของปาปัวนิวกินีเช่นเดียวกัน

    โดยข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิกราว 57.1 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองปังกูนา ที่เป็นศูนย์กลางการทำเหมืองแร่ทองแดงที่สำคัญของปาปัวนิวกินีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 123 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1998 พื้นที่ชายฝั่งตอนเหนือของปาปัวนิวกินีต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวในระดับ 7.0 แมกนิจูดเป็นเหตุให้เกิดดินถล่มครั้งใหญ่ และเกิดสึนามิซัดชายฝั่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นมากกว่า 2,200 คน

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชี้ “ซามูไร” หนาว เมื่อเรือฟริเกตติดขีปนาวุธจีน กู้ภัยตัดหน้าญี่ปุ่น
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2557 08:15 น.

    [​IMG]
    *“โจวซัน” เรือฟริเกตติดตั้งขีปนาวุธของนาวีจีน ที่ถูกส่งออกไปปฏิบัติการกู้ภัยเรือประมงเจ้อเจียงที่ไฟไหม้ในทะเลจีนจะวันออก (ภาพ เอเจนซี)

    เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--ปฏิบัติการกู้ภัยโดยเรือฟริเกตจีนในทะเลจีนตะวันออกเมื่อสุดสัปดาห์ แสดงถึงความสามารถทัพนาวีมังกร ล้ำหน้ากว่าทัพนาวีแดนปลาดิบ อีกทั้งบ่งชี้ถึงความพร้อมของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (หรือ พีแอลเอ) ในการระดมกองกำลังในเขตพิพาทสิทธิดินแดนกับญี่ปุ่น

    เมื่อคืนวันศุกร์(7 ก.พ.) เกิดเหตุไฟลุกไหม้เรือประมงจากมณฑลเจ้อเจียงใกล้ๆกับน่านน้ำพิพาทกรรมสิทธิดินแดนในทะเลจีนตะวันออกระหว่างจีนและญี่ปุ่น พลันที่เกิดเหตุฯนาวีจีนได้ส่งเรือฟริเกตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีชื่อ “โจวซัน” รุดไปช่วยเหลือ แล่นไปด้วยความเร็ว 3 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงที่เกิดเหตุในกลางดึก บริเวณ 280 กม. ห่างจากเขตอะมามิ-โอชิมะของจังหวัดคะโงชิมะ

    “โจวซัน” ได้มาถึงที่เกิดเหตุก่อนหน้าที่เรือลาดตระเวนของยามฝั่งญี่ปุ่น 3 ลำ มาถึง

    ทั้งนี้ สื่อจีน ซินหวา และสำนักข่าวเกียวโดแห่งญี่ปุ่น ต่างรายงานว่า ยามฝั่งญี่ปุ่นได้ตอบรับจะไปช่วยเหลือเรือประมงเจ้อเจียงที่ถูกไฟไหม้ก่อนจีน

    ซินหวารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากไฟครอก 6 คน จากลูกเรือบนเรือประมง 24 คน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านนาวีในกรุงปักกิ่ง หลี่ เจี๋ย ชี้ว่าปฏิบัติการของ “โจวซัน” แสดงถึงความพร้อมของทัพอากาศและทัพน้ำของกองทัพปลดแอกจีนภายหลังจากที่จีนประกาศเขตป้องกันภัยทางอากาศ(air defence identification zone -ADIZ) ในเดือนพ.ย.ปีผ่านมา(2556) โดยเขตฯนี้ครอบคลุมพื้นที่หมู่เกาะพิพาทที่จีนเรียกเตี้ยวอี๋ว์ และญี่ปุ่นเรียกเซนกากุ

    สำนักข่าวซินหวาเปิดเผยเมื่อวันเสาร์(8 ก.พ.) เรือฟริเกตโจวซันได้รับสัญญาณเหตุฉุกเฉินเมื่อเวลา 16.30 น. ของวันศุกร์(7 ก.พ.) ว่าเรือประมงเจ้อหลิงอี๋ว์ 90058 ไฟไหม้

    จากนั้น ฝูงเรือประจำทะเลตะวันออก ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ทะเลจีนตะวันออก ก็ได้สั่งการโจวซันของกองกำลังเรือพิฆาต ที่กำลังลาดตระเวนอยู่ในบริเวณนั้น เข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัย

    เว็บไซต์ทัพนาวีมังกร ระบุว่าโจวซันได้มาสมทบกับเรือจีนสองลำเมื่อเวลา 21.20 น. เพื่อเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือ ลูกเรือคนหนึ่งที่ถูกไฟไหม้อาการสาหัส ถูกนำตัวมายังเรือรบ ซึ่งมีแพทย์และพยาบาลพร้อมปฐมพยาบาล

    โจวซันยังแล่นปฏิบัติการต่ออีกกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อนำลูกเรือที่บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลทหาร

    ด้านสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่ายามฝั่งญี่ปุ่นได้ส่งเรือลาดตระเวนสามลำ และเจ็ทอีกหนึ่งลำไปช่วยเหลือลูกเรือจีนหลังจากที่ได้รับสัญญาณแจ้งเหตุฯเมื่อวันศุกร์ แต่ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จีนได้บอกกับเรือญี่ปุ่นว่าพวกเขาจะช่วยเหลือกู้ภัยเอง เรือญี่ปุ่นสามลำจึงได้กลับลำกลางทาง

    หนี เล่อสยง ผู้เชี่ยวชาญนาวีในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ญี่ปุ่นจะต้องวิตกกังวลเมื่อกองทัพปลดแอกจีนโต้ตอบได้รวดเร็วกว่าเช่นนี้

    [​IMG]
    *ชี้ “ซามูไร” หนาว เมื่อเรือฟริเกตติดขีปนาวุธจีน กู้ภัยตัดหน้าญี่ปุ่น
    กราฟฟิกแสดงจุดเกิดเหตุเรือประมงจากเจ้อเจียงไฟไหม้ในทะเลจีนจะวันออก โดยเหตุเกิดใกล้หมู่เกาะพิพาทที่ฝ่ายจีนรียก เตี้ยว์อี้ว์ ฝ่ายญี่ปุ่นเรียก เซนกากุ (ภาพ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์)

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กองทัพมังกรโชว์ ‘ขีปนาวุธข้ามทวีป’ สะกิดไหล่มะกันอย่าก้าวก่ายเรื่องของจีน ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มกราคม 2557 16:15 น.

    [​IMG]
    (ภาพ - ซินหวา)

    เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - กระบอกเสียงกองทัพจีนโชว์ภาพการซ้อมยิง “ขีปนาวุธข้ามทวีป” หลายฝ่ายชี้ พญามังกรไม่นอนนิ่งอีกต่อไป สกัดขามะกันไม่ให้เข้ามายุ่งปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านของจีน

    รายงานข่าว (23 ม.ค.) กล่าวว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ได้เผยแพร่รูปภาพการซ้อมยิงขีปนาวุธพิสัยไกล (Intercontinental Ballistic Missile: ICBM) ผ่านเว็บไซต์พีแอลเอ เดลี่ สื่อกระบอกเสียงหลักของกองทัพจีนในวันอังคาร (21 ม.ค.) ที่ผ่านมา นับเป็นหนึ่งมาตรการตอบโต้ล่าสุดของทางการจีนที่มีต่อความเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคทะเลจีนตะวันออก

    [​IMG]

    *
    ชุดภาพการซ้อมรบ จำนวน 17 รูป แสดงการฝึกซ้อมยิงครั้งแรกของขีปนาวุธพิสัยไกลตงเฟิง 31 (Dongfeng-31) หลังจากส่งมอบให้กับกองปืนใหญ่ที่สองของกองทัพจีนในปี 2549 โดยตงเฟิง 31 เป็นจรวดมิสไซล์ที่มีรัศมีทำการระยะไกลราว 10,000 กม. มากเพียงพอที่จะบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ไปถึงเมืองหลวงของกลุ่มประเทศยุโรป หรือเมืองชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐฯ

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารมองว่า จีนกำลังต้องการส่งสัญญาณเตือนถึงสหรัฐฯ ไม่ให้เข้ามาแทรกแซงปัญหาความขัดแย้งเหนือหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์หรือเซนซากุในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งจีนกับญี่ปุ่นกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

    แอนโทนี่ หวัง ตัง นักสังเกตการณ์จากเกาะมาเก๊า กล่าวถึงการจัดส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ 22 (F-22) ร่วมสิบลำมายังเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น รวมถึงการสับเปลี่ยนเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน (USS Ronald Reagan) เข้าประจำฐานทัพเรือสหรัฐฯ ณ เกาะโยโกซุกะ ใกล้กับกรุงโตเกียว แทนที่ลำเก่าอย่างเรือยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน (USS George Washington) โดยระบุว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้จีนต้องออกมาตอบโต้อย่างจริงจัง

    ขณะที่นาย หม่า ติ่งเซิ่ง นักวิเคราะห์จากฮ่องกง ชี้ว่า จีนต้องการสื่อให้เห็นถึงความมั่นใจในสมรรถกำลังที่เพิ่มมากขึ้น หลังผ่านพ้นช่วงเวลาหลายทศวรรษแห่งการปรับปรุงและพัฒนา

    “กองทัพตระหนักว่าจำเป็นต้องแสดงแสนยานุภาพให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดภาวะคุกคามจากชาติที่คิดเป็นปฏิปักษ์กับจีนลง”

    “แต่ผมยังสงสัยว่าขีปนาวุธจะสามารถเข้าโจมตีถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ได้จริงหรือไม่ แม้จะมีการอ้างข้อมูลว่ามันมีรัศมีทำการถึง 10,000 กม.ก็ตาม”

    “การฝึกซ้อมทั้งหมดเกิดขึ้นในอาณารัศมี 5,000 กม.ของจีนเอง ที่ผ่านมาเราก็ยังไม่เคยเห็นกองทัพจีนยิงจรวดไปยังภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเลย” หม่ากล่าว

    ทั้งนี้ ขีปนาวุธพิสัยไกลตงเฟิง 31 และตงเฟิง 31เอ (Dongfeng-31A) อันเป็นขีปนาวุธทำลายล้างระดับสูงของจีน ได้ปรากฏต่อสายตาสาธารณะชนครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2542 เนื่องในโอกาสการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 50 ปี โดยตงเฟิง 31 เป็นขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นสอง ต่อจากรุ่นแรกได้แก่ ตงเฟิง 4

    อย่างไรก็ดีรัฐบาลสหรัฐฯ ตำหนิในเวลานั้นว่า ขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวมีขีปนาวุธและหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เป็นต้นแบบ โดยใช้วิธีการจารกรรมข้อมูลและส่งผ่านเทคโนโลยีอย่างผิดกฎหมาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนซุ่มพัฒนา 'เรือรบไร้คนขับ' เสริมเขี้ยวเล็บทางทะเล โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ธันวาคม 2556 15:58 น.

    [​IMG]
    *ต้นแบบยานรบไร้คนขับ ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจียงซู (ภาพเอเยนซี)

    เอเยนซี - จีนซุ่มพัฒนา 'เรือรบไร้คนขับ' เสริมเขี้ยวเล็บทางทะเล ชูข้อดีสามารถใช้งานได้ทันทีในจำนวนมหาศาล ที่สำคัญที่สุดคือสามารถลดการสูญเสียกำลังพล ในสมรภูมิที่อันตราย นอกจากนี้ ยังมีความหลากหลายของการใช้งาน สำหรับในภาคพลเรือน

    สื่อต่างประเทศรายงาน ( 5 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลจีนได้อนุมัติงบประมาณสำหรับการวิจัยพัฒนาเรือรบหุ่นยนต์ โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการฯ กล่าวว่า มีคณะนักวิทยาศาสตร์ 15 ชุด ที่ได้รับโครงการนี้เพื่อวิจัยพัฒนาในมหาวิทยาลัยชั้นนำ

    ศาสตราจารย์ หม่า จงหลี่ ผู้เชี่ยวชาญหุ่นยนต์ จากมหาวิทยาลัยวิศวกรรมฮาร์บิน กล่าวว่า รัฐบาลได้ลงทุนมหาศาลใจการพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน มานานหลายสิบปีแล้ว และเพิ่งจะอนุมัติยุทธศาสตร์เรือหุ่นยนต์เพื่อใช้ประจำการในกองทัพเมื่อเร็วๆ นี้เอง

    หม่า กล่าวว่า กองทัพให้ความสนใจในการสร้างกองกำลังรบไร้ชีวิต เพื่อสมรภูมิทางทะเล โดยสามารถปฏิบัติการได้ด้วยกล้องอินฟาเรด และติดตั้งจรวดขีปนาวุธ สามารถทำงานโดยไม่ต้องพักได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน สามารถมองเห็นในระยะที่ไกลกว่าสายตาของมนุษย์ สามารถใช้งานได้ทันทีในจำนวนมหาศาล ที่สำคัญที่สุดคือสามารถลดการสูญเสียกำลังพล ในสมรภูมิที่สำคัญ หรืออันตรายมากเกินไป นอกจากนี้ เรือรบไร้คนขับ ยังมีความหลากหลายของการใช้งาน สำหรับในภาคพลเรือนเช่น การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการประมงด้วย

    รายงานข่าวกล่าวว่า คณะวิจัยฯ ในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางทะเล เจียงซู, มหาวิทยาลัยการเดินเรือ ต้าเหลียน และสำนักวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน ยังมีการทำงานในด้านอื่นๆ เช่นการสื่อสารไร้สาย และ การประสานงานระหว่างกองเรือขนส่งขนาดใหญ่ที่ไร้คนขับ

    [​IMG]
    *ต้นแบบยานรบไร้คนขับ ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจียงซู (ภาพเอเยนซี)

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิเคราะห์ชี้ จีนกล้าประกาศ “เขตป้องกันภัยทางอากาศ” เพราะมั่นใจศักยภาพเทคโนฯ การทหาร โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤศจิกายน 2556 17:05 น.

    [​IMG]
    เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า รุ่น KJ-2000 ของกองทัพจีน (ภาพ - เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์)

    เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - สืบเนื่องจากกรณีการประกาศจัดตั้ง “เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ” (Air Defence Identification Zone: ADIZ) เหนือน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก ซึ่งทำให้จีนสามารถเฝ้าสังเกต ติดตาม และกำกับควบคุมอากาศยานทุกลำที่บินผ่านน่านฟ้าดังกล่าว

    ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารเผย การตัดสินใจจัดตั้งเขต ADIZ ของแดนมังกรครั้งนี้ เป็นเพราะมีความมั่นใจในศักยภาพทางเทคโนโลยีทางการทหารของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้รับการยกระดับและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าในอดีต

    รายงานข่าว (28 พ.ย.) อ้างอิงคำสัมภาษณ์ สีว์ กวงอี้ว์ อดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพจีน ระบุว่า เป็นระยะเวลาหลายปีที่จีนต้องพบอุปสรรคในการแก้ไขปรับปรุงระบบการทำงานทางการทหารของตนเอง เนื่องจากชาติตะวันตกพากันดำเนินมาตรการกีดกันจีนออกจากวงการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ หลังเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ขึ้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532

    “ทว่าในที่สุดราว 20 ปีต่อมา จีนก็พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือและกำลังบุคคลที่จะกำหนดเขต ADIZ ขึ้นมา อันเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าจีนไม่เพียงตระหนักรู้ปกป้องสิทธิ์ทางทะเลและทางอากาศ แต่ยังแสดงถึงสมรรถภาพทางเทคโนโลยีการทหารอีกด้วย”

    “ระบบป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพจีนได้รับการพัฒนาปรับปรุงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะความสำเร็จของการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า การลาดตระเวน และการตรวจตราทางอากาศ ช่วยให้สามารถจัดการกับอากาศยานต่างชาติทุกประเภทที่บินเข้าสู่เขต ADIZ ของจีนได้” สีว์กล่าว

    ทั้งนี้ นอกเหนือจากสหรัฐฯ รัสเซีย และอิสราเอลแล้ว จีนเป็นประเทศที่ 4 ที่ใช้งานระบบควบคุมและเตือนภัยล่วงหน้าทางอากาศซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยกองทัพจีนเอง โดยในปี 2552 ทัพฟ้าจีนได้เปิดตัวเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้ารุ่น KJ-200 และรุ่น KJ-2000 สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก ทว่าไม่มีรายงานจำนวนที่แน่นอนว่าจีนครอบครองอยู่เท่าใด

    ขณะที่ต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา รูปภาพของเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรุ่นถัดไปของกองทัพจีน ก็ปรากฏโฉมบนหน้าเว็บไซต์กองทัพจีนด้วยเช่นกัน โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นรุ่น KJ-500 ที่มีขนาดเล็กและว่องไวกว่ารุ่นก่อนหน้านี้

    หลี่ เจี๋ย ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรือในปักกิ่ง กล่าวว่า นอกจากเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าลำใหม่แล้ว จีนยังมีเครื่องบินสู้รบอีกหลากหลายประเภทที่ช่วยให้จีนมีสถานะเหนือกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่างกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (the Japan Self-Defense Forces) แล้ว

    ทางด้าน แอนโทนี่ หวัง ตง ผู้สังเกตการณ์ด้านการทหารในมาเก๊า เผยว่า กองทัพอากาศของญี่ปุ่นนั้น ดูมีประสบการณ์มากกว่ากองทัพจีน เพราะมีการซักซ้อมรบร่วมกันกับสหรัฐฯ อยู่เป็นประจำ และกองทัพจีนเองก็กำลังอยู่ในช่วงทำให้ตัวเองทันสมัยมากขึ้น คงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และบูรณาการแต่ละภาคส่วนของกองทัพเข้าไว้ด้วยกัน

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้ไหมว่า...ใช้ “ยาสีฟัน” ทำระเบิดได้เพราะอะไร? โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2557 00:48 น.

    [​IMG]
    ภาพประกอบโดย Thegreenj

    ***คำเตือน … บทความนี้มุ่งนำเสนอความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ควรทดลองโดยพลการ***

    อาจารย์นิติวิทย์ ม.เกษตรอธิบายเหตุผลทำไมใช้ “ยาสีฟัน” ทำระเบิดได้ แจงเพราะมีสารที่เกิดออกซิเดชันกับตัวเองได้จนถูกนำไปใช้เป็นวัตถุระเบิดได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณมากเท่าหม้อหุงข้าว และยังต้องมีตัวจุดปะทุ

    รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์นิติวิทยาศาสตร์ ประจำสาขาเคมีอินทรีย์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ให้ข้อมูลแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ ถึงกรณีสหรัฐฯ เตือนอาจมีการทำระเบิดจากยาสีฟันเพื่อก่อการร้ายบนเครื่องบิน

    ทั้งนี้ นอกจากฟลูออร์ไรด์ที่เป็นองค์ประกอบเคมีหลักในยาสีฟันแล้ว รศ.ดร.วีรชัยระบุว่า ยาสีฟันยังมีอลูมินัมไฮดรอกไซด์ (Al(OH)3) แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) แคลเซียมไฮโดรเจนฟอสเฟต ไฮดรอกซีอพาไทต์ (Ca5(PO4)3OH) และอื่นๆ ซึ่งสารกลุ่มเหล่านี้เกิดออกซิเดชันได้อย่างรุนแรง และเกิดออกซิเดชันกับตัวเอง (Self oxidation) แบบลูกโซ่ จนนำไปสู่การเป็นวัตถุระเบิดได้

    จากบทความเรื่องระเบิดปุ๋ยเคมีที่ รศ.ดร.วีรชัยได้เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ นั้น อธิบายว่าวัตถุระเบิดมี 2 กลุ่มหลักๆ คือ วัตถุระเบิดแรงดันต่ำ ที่ทำให้เกิดการลุกไหม้อย่างรุนแรง (Deflagration) และวัตถุระเบิดแรงดันสูงที่ต้องมีการปะทุ (Detonation) ซึ่งระเบิดทีเอ็นทีเป็นตัวอย่างประเภทหลักที่รู้จักกันดี และยังมีปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรตที่มีประสิทธิภาพในการระเบิดพอๆ กับทีเอ็นที แต่ราคาถูกกว่า

    “กลไกการระเบิดจะเกิดจากปฏิกิริยาลูกโซ่ในสารวัตถุระเบิดนั้นๆจนถึงจุดหนึ่งจะเกิดการลุกไหม้แผ่ขยายอย่างรวดเร็ว และหากภาชนะมีแรงอัด ก็จะเกิดการระเบิดออกมาในที่สุด" ข้อมูลจาก รศ.ดร.วีรชัยระบุ พร้อมยกตัวอย่างกรณีกระเป๋าผู้โดยสารลุกไหม้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเกิดจากตัวอย่างปุ๋ยในกระเป๋าผู้โดยสาร

    คลิปการกระเป๋าผู้โดยระเบิดที่สนามบินสุวรรณภูมิ

    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/MWqrJm3D4f8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ตามหลักการนั้นต้องจัดเก็บสารในกลุ่มแอมโมเนียมไนเตรตในที่เย็นและไม่แออัด เพราะหากมีความร้อนเหมาะสมสารกลุ่มนี้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกับตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยออกซิเจนจากภายนอก เนื่องจากในสูตรโครงสร้างเคมีมีออกซิเจนถึง 3 อะตอม (NH4NO3) และยังเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันแบบลูกโซ่ ทำให้ความร้อนมากขึ้นจนถึง “จุดวาบไฟ” และลุกไหม้อย่างรวดเร็วเพราะมีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ

    ส่วนการนำยาสีฟันไปทำระเบิดนั้น รศ.ดร.วีรชัยอธิบายว่าต้องมีตัวจุดปะทุ เพราะไม่สามารถระเบิดได้ด้วยตัวเอง โดยอาใช้ชนวนระเบิดทำให้เกิดเปลวไฟ เพื่อให้ยาสีฟันเกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และต้องอัดยาสีฟันลงในภาชนะระบบปิด โดยปริมาณที่ใช้ต้องมากประมาณหม้อหุงข้าวขนาดเล็ก

    อาจารย์นิติวิทยาศาสตร์ยกตัวอย่างกรณีระเบิดที่บอสตัน สหรัฐฯ ในการแข่งวิ่งมาราธอนนั้น ผู้ก่อการร้ายได้ใช้หม้อหุงข้าว ใส่วัตถุระเบิดกลุ่มแอมโมเนียมไนเตรต และอัดเศษโลหะชิ้นเล็กๆลงใน อัดให้แน่น และใช้ชนวนจุดระเบิด โดยเอาหม้อหุงข้้าวที่อัดวัตถุระเบิดและเศษโลหะใส่ในเป้ แล้วดึงชนวนระเบิดจากสายเป้

    "การจุดปะทุทำได้หลายแบบนะครับ คือใช้คลื่นแสงก็ได้ คือสนามไฟฟ้าทำให้เกิดการติดไฟ เพื่อเป็นหัวเชื้อในการลุกไม้ต่อไปอย่างรวดเร็ว การทำเชื้อปะทุคือการทำอย่างไรก็ได้ ให้เกิดประกายไฟ ในการนี้สหรัฐฯ กลัวมาก หากนำยาสีฟันขึ้นเครื่อง เพราะเป็นวัตถุระเบิดได้ และเชื้อปะทุสามารถดัดแปลงจากวงจรอิเล็กทรอนิกส์โดยทำให้ลัดวงจร เช่น โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เป็นต้น ระเบิดกลุ่มนี้เรียกว่า ระเบิดแสวงเครื่องครับ" รศ.ดร.วีรชัยอธิบาย


    คลิปการระเบิดของโรงงานปุ๋ยในเนวาดา สหรัฐฯ กลไกการระเบิดเกิดขึ้นเหมือนกับไฟไหม้กระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ

    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/oc_nnnBmMbM?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Surviving Earth Changes 2013 and Beyond ได้แชร์รูปภาพ ของ Serious Wonder

    [​IMG]

    บรรยากาศด้านบนของโลก ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง เกือบไม่มีออกซิเจน เต็มไปด้วยรังสียูวี และเป็นสถานที่ที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่ฤดูหนาวที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย พบว่ามีเชื้อแบคทีเรียหลายพันล้านของได้เจริญเติบโตได้จริงขึ้น คาดหวังเพียงความรู้แค่หางอึ่งเกี่ยวกัลป์เชื้อจุลินทรีย์ โดยนักวิจัยได้บินสูงขึ้นไปหกไมล์เหนือพื้นผิวโลกโดยเครื่องบินเจ็ทของนาซา ที่นั่นพวกเขาสูบอากาศภายนอกผ่านตัวกรองที่จะเก็บอนุภาคกลับไปบนพื้นดิน พวกมันมีชีวิต ร้อยละ 20 ของสิ่งที่พวกเขาเคยคิดว่าเป็นเพียงฝุ่น หรืออนุภาคอื่น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ โลกดูเหมือนว่าจะถูกล้อมรอบไปด้วยฟองของเชื้อแบคทีเรีย

    Earth’s upper atmosphere—below freezing, nearly without oxygen, flooded by UV radiation—is no place to live. But last winter, scientists from the Georgia Institute of Technology discovered that billions of bacteria actually thrive up there. Expecting only a smattering of microorganisms, the researchers flew six miles above Earth’s surface in a NASA jet plane. There, they pumped outside air through a filter to collect particles. Back on the ground, they tallied the organisms, and the count was staggering: 20 percent of what they had assumed to be just dust or other particles was alive. Earth, it seems, is surrounded by a bubble of bacteria.Bacteria Live At 33,000 Feet | Popular Science
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Surviving Earth Changes 2013 and Beyond ได้แชร์ลิงก์ผ่าน EarthswakeupCall EarthsCall

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    คลื่นของหิมะและน้ำแข็งจะเป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อการเดินทาง และการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ทั่วที่ราบภาคใต้ และภาคใต้ผ่านส่วนแรกของสัปดาห์นี้ ก่อนที่พายุฤดูหนาวที่ใหญ่จะเข้าจู่โจมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    Waves of snow and ice will severely threaten travel and daily routines across the southern Plains and South through the first part of this week before a major winter storm attempts to take a run at the Northeast.

    Relentless Winter back for more as South Faces Extended Snow, Ice Threat This Week | END TIME HEADLINES
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Surviving Earth Changes 2013 and Beyond ได้แชร์รูปภาพ ของ Susan Seymour Hedke

    [​IMG]

    คุณสามารถระเบิดดาวเคราะห์ แผนที่นี้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของมีเทนทั่วโลกในเวลาเพียงหนึ่งปี – ในวิดีโอโดย Wigington ชาวเดนมาร์ก เกี่ยวกับอันตรายจริงมากที่ใกล้เข้ามา – และผลิตวีดีโอขึ้น ในขณะที่เขาเห็นมัน โดย geoengineering - ที่เราจะซ่อนหัวของเราในทรายจาก .

    Dont anyone strike a match in 2014! You could blow up the planet. This map shows an increase in METHANE around the globe in just one year - as given in a video by Dane Wigington about the very real dangers approaching - and largely created as he sees it by geoengineering - that we are hiding our heads in the sand from.
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,250
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Timeseasons Coffee Innovation Capital

    <iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/uPMc9k3wZno?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    ฟังด่วน..คำทำนายแผ่นดินยุบ ตึกถล่มที่กทม.และปริมณฑล
    ระหว่าง 13-18 กพ.2557

    ลองพิจารณาว่าจะจรืงไหม...เมื่อปี 2554 เคยทำนายแล้วเกิดขึ้นจริง
    .http://74.55.90.235/CCforum/DCForumID4/606.html
    ปี 2554 ดร.กัญจีราทำนายน้ำท่วมกทม.ไว้เดือน พค.54 ว่าจะท่วมกทม.ใน 6 เดือน

    "น้ำจะท่วมกรุงเทพภายใน 6 เดือนนี้(จะจริงไหม? )มาติดตามกัน"
    29-Mar-11, 10:39 PM (SE Asia Standard Time)

    'ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ' กับ 'คำทำนายระทึกขวัญ !!'ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้านี้ ไทยจะพบภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรง กรุงเทพฯ น้ำจะท่วม....!!*** พอดีไปเจอมา เลยเอามาให้อ่านกันนะครับ (โปรดใช้วิจารณญาณ) 'นอสตราดามุสหญิง' เมืองไทย กับ 'คำทำนายระทึกขวัญ !! “ภัยพิบัติใหญ่” 'ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ' กับ 'คำทำนายระทึกขวัญ !!' ชื่อของ “ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ” เคยถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากหลังจากทำนายเกี่ยวกับ “ภัยพิบัติใหญ่” แล้วมีคนนำออกมาเผยแพร่ ซึ่งภายหลังบุคคลผู้นี้ก็ออกมายืนยันว่าเป็นคำทำนายของตนเองจริง แต่ข้อมูลที่เผยแพร่มีความผิดเพี้ยนไป อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์หลายครั้งก็ทำให้มีหลายคนติดตามดูผลคำทำนายว่า...แม่น-ไม่แม่น ?? เธอผู้นี้เป็นใคร-อย่างไร ?? วันนี้ทีม “วิถีชีวิต” จะพาไปทำความรู้จัก..... ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ เล่าว่า ในอดีตเป็นกลุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ณ วันนี้มีอาชีพเป็น “นักวิทยาศาสตร์การแพทย์” เรียน จบจากต่างประเทศ จบปริญญาโทด้านชีวเคมีและพันธุกรรมจากออสเตร เลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งปัจจุบันให้ความสนใจการนั่งสมาธิและการ “ค้นคว้าทางจิต” โดยเป็นประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ทั้งนี้ กับ “สัมผัสพิเศษ” หรือ “ซิกซ์เซนส์” ดร.กัญจีราบอกว่าเกิดกับตัวตั้งแต่เด็ก ครั้งหนึ่งได้บอกคนรู้จักว่าอีกไม่กี่วันจะมีอุบัติเหตุมีฝรั่งตายหลายคน แล้วก็มีรถทหารจัสแม็กซ์คว่ำตายจริง ๆ และเมื่อตอนลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ก็เห็นภาพโจรก่อการร้ายจะซุ่มโจมตีก่อนล่วงหน้าจึงเล่าให้หัวหน้าฟัง ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง หรือการปฏิวัติยุค รสช. ก็บอกผู้ใหญ่ไปไม่ถึง 1 สัปดาห์ก็เกิดขึ้น ทั้งยังเคยทำนายว่าคนไทยจะมีนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อทิศใต้ซึ่งขณะนั้นไม่มีใครคาดคิด แต่ผลก็ออกมาตามนั้น และยังมีอีกหลายคำทำนายที่ตอนแรกฟังแล้วอาจจะดูไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง อาทิ สงครามอิรัก วิกฤติค่าเงินบาท เหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด จนทำให้เจ้าตัวถูกเรียกว่าเป็น “นอสตราดามุสหญิง...เมืองไทย” “คนมักถามว่ารู้ได้อย่างไร เราก็บอกว่าคำตอบมีอยู่แล้ว เพียงแต่จะเจอคำตอบเมื่อไหร่ เหมือนนักวิจัยเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งก็มีคำตอบให้ บางคนมองว่างมงาย แต่เราคิดว่าเรื่องจิตสามารถอธิบายให้เป็นรูปธรรมในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ จึงตั้งใจค้นคว้าเพื่อหาคำตอบ” ในช่วงเริ่มต้นค้นคว้านั้น ดร.กัญจีรา บอกว่า เกิดเหตุประหลาดหลายครั้ง เช่นมีโอกาสเจอ “อ.ภาวาด บุนนาค” ซึ่งไม่เคยเจอตัวจริงกันเลย แต่พบกันในนิมิต 5 ครั้ง ได้กล่าวอะไรหลายอย่าง ทำให้เกิดความต้องการรู้ อยากศึกษาค้นคว้าพิสูจน์ แต่กว่าจะตามหาเจอท่านก็ถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็ได้คุยกับคนสนิทของท่านว่าสิ่งที่ท่านบอกนั้นจริงหรือไม่ ปรากฏว่าจริง เรื่องการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง ตรงนี้ยิ่งเป็นแรงบันดาลใจ ช่วงปี 2531-2532 เริ่มจริงจัง ทุ่มเท นั่งสมาธิ สวดมนต์ จากนั้นก็ฝึกสมาธิบำบัดซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งที่เอาสมาธิมาผนวกกับการเคลื่อนไหวที่ได้ประโยชน์กับร่างกาย แล้วให้จิตเฝ้าระวังดูการเคลื่อนไหวของเรา “ส่วนการทำนาย ทุกครั้งก็ไม่ได้พูดส่งเดช แต่มีหลักความเป็นไปได้ ส่วนใหญ่จะมองจะวิเคราะห์เป็นรายปี ถามว่าเคยพลาดไหม ตรงนี้แหละที่แปลก อย่างเหตุการณ์พายุนาร์กีสที่พม่า แผ่นดินไหวที่จีน ก็เคยเตือนไว้ตอนปี 2548-2549 ว่ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นในปี 2551 จริง ๆ” ปลายปี 2550 เตือนย้ำเรื่องพม่า จีน และต่อที่อินโดนีเซีย เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และกระทบถึง ศรีลังกากับอินเดีย ต่อเนื่องมาที่ลาว ซึ่งถ้าลาวแผ่นดินไหวไทยก็ต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าวงจรนี้จะเกิดเมื่อใด ? สำหรับคำทำนายที่เกี่ยวกับไทย ดร.กัญจีรา บอกว่า “สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้นด้วยคลื่นความถี่ ภาพภัยพิบัติล่าสุดที่เห็นคือ ภูเขาไฟในอินโดนีเซียปะทุและระเบิด เกิดคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย ไม่ใช่สึนามิ แต่จะเป็นคลื่นที่ระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถมเข้ามาพร้อม กับพายุที่มีความรุนแรงกว่าปกติ คนที่อยู่แถวริมทะเลจะได้รับผลกระทบ อาทิ เพชรบุรี สมุทร ปราการ” ดร.กัญจีรา อธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่า จากภาพที่เห็นตั้งสมมุติฐานว่าบริเวณอ่าวไทย เลียบชายฝั่งเป็นดินใหม่ที่มีโคลน เมื่อมีการขยับตัวของแผ่นดินเกาะสุมาตราก็จะมี ลักษณะเหมือนโดมิโน เมื่อตรงนี้ขยับตรงโน้นก็ขยับต่อทีละนิดไปเรื่อย ๆ ในอ่าวไทยมีหลุมใหญ่จากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ สูบน้ำมันมานาน 20-30 ปี ของเหลวถูกสูบขึ้นมา ความสมดุลของโลกก็สูญเสียไป ฉะนั้นแผ่นดินต้องเลื่อนลงไปทดแทน พื้นทรายทรุดตัวลงช้า ๆ สิ่งที่เข้าไปแทนที่คือ ทราย ฟองอากาศ พื้นดินจะขยับไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องมีผลกระทบ “ภายใน 3-6 เดือนข้างหน้านี้ ไทยจะพบภัยพิบัติธรรมชาติรุนแรง จะเกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก แผ่นดินทรุด กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมแผ่นดินไหวมีตึกสูงถล่ม ภาคใต้จะเกิดคลื่นพายุหนัก โดยภัยธรรม ชาติจะเกิดขึ้น 3 ช่วงคือ 1.วันที่ 26-27 ก.ค., 2.วันที่ 17-18 ส.ค., 3.ช่วงรอยต่อของวันที่ 23 ต.ค.-7 พ.ย. ซึ่งจะเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดที่กระทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรม ราช แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ภาคเหนือ จะมีน้ำป่าไหลหลากรุนแรง ภูเขาเกิดแตก โดยเฉพาะที่ น่าน แพร่ และที่ อ.เถิน จ.ลำปาง เพราะมีการขุดเจาะภูเขาทำเหมืองกันมาก” นักวิทยาศาสตร์ผู้สนใจค้นคว้าทางจิตบอกต่อไปว่า... ถนนบ้านเราสร้างตามใจนักการเมือง ไม่ใช่ผังเมือง ทำให้ถนนหลายสายเหมือนกับเขื่อนกั้นน้ำจากภาคเหนือสู่ภาคใต้ ทำให้มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ และเคยดูไว้เมื่อปี 2549 ว่าปี 2551 นี้น้ำฝนจะมากกว่าปกติ เพราะร่องความกดอากาศเคลื่อนที่สู่ภาคเหนือ แล้วนำลมมรสุมมาตก ทำให้ปริมาณน้ำในภาคเหนือเกิดการสะสม พอมากเข้าก็ไหลลงใต้ มีน้ำทะเลหนุน ทำให้ภาคกลางที่เป็นพื้นที่ลุ่มหรือทำให้กรุงเทพฯ ต้องเจอน้ำท่วมใหญ่แน่นอน “ไม่ถึงขนาดกับมิดหัว ประมาณเอวถึงอก” แม้จะมีการสร้างเขื่อนเพื่อแก้ไข แต่ก็คงแก้ไม่ได้ เพราะไม่ทันแล้วกับวิกฤติต่าง ๆ ที่รุนแรงที่จะเกิดขึ้น@@@@@ดร.กัญจีรายังบอกด้วยว่า สิ่งที่เห็นไม่ใช่ญาณ ไม่ใช่นิมิต แต่เป็นคลื่นที่มีการเก็บข้อมูลไว้แล้วส่งเข้ามา โดยที่สามารถรับคลื่นตรงนั้นได้ ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์ทุกคนมีพลังงาน “คลื่นแม่เหล็ก” ที่ออกมารอบตัว แต่ตนเองมีคลื่นละเอียดกว่าจึงสัมผัสเข้าถึงได้ดีกว่า และแปรผลออกมาเป็นภาพ และเมื่อคลื่นจิตในสมองสงบก็สามารถ จูนคลื่นในอากาศได้ ทำให้รับรู้หรือเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ ทั้งที่เคยเกิดและยังไม่เกิดขึ้น “วิกฤติต่าง ๆ ที่รุนแรงจะเกิดขึ้นใน 2 ปีนี้” เป็นอีกคำทำนายระทึกขวัญที่ “ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ” ระบุ และกำลังรอการพิสูจน์ความแม่น ของ “นอสตราดามุสหญิง...เมืองไทย” คนนี้ !!.'ความจริง...ที่รอการพิสูจน์ ?' ดร.กัญจีราบอกว่า ตามวงจรโลกทุก 500 ปีโลกจะสวิงกลับ เช่นเมื่อ 1,000 ปีที่แล้วจีนเจริญรุ่งเรืองมาก แล้วถดถอย ตะวันตกเจริญพัฒนาขึ้น และช่วงนี้ตะวันตกถดถอยลง ตะวันออกก็จะกลับมาเฟื่องฟูอีก จะสวิงไปมาแบบนี้ ซึ่งคิดตามหลักวิทยาศาสตร์อาจเป็นผลจากพลังงานแม่เหล็กโลกที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา ที่สำคัญทุก 3,000 ปีโลกจะเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยาทุกครั้ง จะเกิดขึ้นเพราะวงจรของโลก จากคลื่นพลังงานที่หมุนรอบโลก หรือแม้แต่สสารที่อยู่ในโลกก็มีการเคลื่อนย้ายหมุนเวียน ซึ่งวงจรพลังงานที่เคลื่อนที่มีผลต่อสสาร เมื่อสสารข้างในเคลื่อนที่ มันก็มีผลต่อเปลือกโลก ผลกระทบก็จะเกิดกับมนุษย์และธรรมชาติที่อยู่บนพื้นพิภพ ก่อนหน้านี้ ดร.กัญจีราจะเก็บตัว เพิ่งจะยอมเปิดให้สัมภาษณ์กับทีมวิถีชีวิต ซึ่ง ดร.กัญจีราบอกว่า ที่ให้สัมภาษณ์เพราะอยากเตือนสติคน อยากให้คนไทยตระหนักรู้ โดยช่วงนี้เป็นช่วงรอยต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งได้เคยทำนายเตือนมาตั้งแต่ปี 2545 ว่าในช่วงปี 2551-2552 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ “ภัยที่เกิดขึ้นนอกจากรับรู้ด้วยโสตประสาทและตาที่สามแล้ว ยังได้ศึกษาข้อมูลวิทยาศาสตร์ แผนที่โลก ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา เพราะสิ่งที่พูดต้องชัดเจนและตรวจสอบได้ ที่ออกมาพูดวันนี้เพื่อให้เกิดสติ ตระหนักรู้ ไม่ประมาทกับชีวิต พร้อมทั้งเตือนหน่วยงานที่รับผิดชอบให้เตรียมรับมือปัญหา เพื่อจะได้แก้ไขทัน คนเราวันหนึ่งต้องตาย เมื่อมีชีวิตอยู่อย่าหายใจทิ้งไปวัน ๆ เร่งสร้างกุศลบารมี และความดี สิ่งนี้เท่านั้นที่จะติดตัวเราไปได้ ไม่ได้ต้องการอวดอ้างตัวหรืออยากดัง ไม่ใช่หมอดู ไม่ใช่นักโหราศาสตร์ นักพยากรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พูดคือความจริง ที่รอการพิสูจน์” ดร.กัญจีรากล่าว. บทความจาก หนังสือพิมพ์ Daily News Online
     

แชร์หน้านี้

Loading...