คนที่มีองค์จะมีลักษณะ อาการอย่างไรบ้างค่ะ แล้วควรจะทำตัวอย่างไรค่ะ

คนที่มีองค์จะมีลักษณะ อาการอย่างไรบ้างค่ะ แล้วควรจะทำตัวอย่างไรค่ะ
ใครรู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

 

​

การเข้าทรง 10 ลักษณะ

การเข้าทรงนั้น เป็นการที่วิญญาณติดต่อกับมนุษย์เพื่อสื่อความหมายวิธี 1 ในหลายวิธี โดยที่สามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด
<FONT face=Arial><O< O< font>
<FONT face=Arial>1. มนุษย์เชิญวิญญาณมา<O< O< font>
2. วิญญาณมาเข้าสิงเอง<O< O< font>

และการทรงทั้ง 2 ชนิดนี้พอจะแบ่งเป็น 10 ลักษณะดังนี้คือ<O< O< font>
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O</O

ทรงโดยซึมผ่านกลางกระหม่อม<O< O< font>

วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณที่มาดีเข้าประทับด้วยการค่อยๆซึมผ่านกลางกระหม่อมมีอาการคล้ายเกิดความชาเสียวหนึดๆเหมือนสว่านค่อยๆเจาะลึกเข้าไปในสมองมีอาการอย่างนี้ต่อเนื่องเป็นวันๆ จนนึกว่าเป็นอุปาทานของจิต การทรงนี้เป็นวิธีนิ่มนวลสุขุมที่ไม่เสียสุขภาพกายเนื้อและกายทิพย์<O< O< font>

สภาพวิญญาณจะซึมซ่านไปทั้งตัวโดยผ่านกระหม่อมตัวเราก็อยู่ปกติสุขดี เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ท่านก็จะผ่านร่างเราเตือนเราโดยเรายังมีความรู้สึกอยู่บ้าง<O< O< font>

บีบประสาทให้ปวดศีรษะ
<O< O< font>
วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นอาการที่วิญญาณมาบังคับร่างให้จำนนยอมเป็นร่างทรงชั่วคราว หรือเป็นการเตือนให้รู้ว่า ทำผิดจากคำมั่นสัญญา เมื่อบีบจนร่างปวดศีรษะทนไม่ไหวหน้ามืดหมดความรู้สึกไปวูบหนึ่ง วิญญาณก็จะแทรกผ่านช่วงนั้น
<O< O< font>
ทรงโดยซึมผ่านท้ายทอย (ขี่คอ)<O< O< font>

วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณที่ไม่ดีมาเกาะที่ตำแหน่งท้ายทอยตอนท้ายสมองที่เรียกว่า ต่อม “ เมดูลล่า” ทำหน้าที่เหมือนกาฝากค่อยๆซึมและงอกรากฝังเข้าไปในกายเนื้อเราโดยเราจะมีอาการหนักท้ายทอยก่อน เมื่อซึมจนได้ที่ก็จะกำเริบขึ้นมาอาละวาด เช่น ลมพัดเย็นๆ ตามมาปะทะหลังเราจะรู้สึกขนลุกเกรียว สักครู่จะรู้สึกหนาวๆร้อนๆหนักท้ายทอย<O< O< font>

ดวงไฟกระแทกหน้าผาก
<O< O< font>
วิธีนี้ส่วนมากเป็นการเชิญวิญญาณมาประทับร่างทรงซึ่งใช้วิธีหลับตาแล้วภาวนาคาถาระลึกถึงครูบาอาจารย์หรือชาวจีนเขาใช้ธูป 3 ดอกเสียบกระดาษเงินทองแผ่นใหญ่แล้ว พนมมือปิดหน้าผากตัวเองหลับตาภาวนาคาถาเช่นกัน จนจิตสงบเห็นเป็นดวงไฟวิ่งเข้ามากระแทกผ่านหน้าผาก จากนั้นก็จะหมดความรู้สึกไปวิญญาณก็จะผ่านร่างทำงานต่อไป
<O< O< font>
วิญญาณกระแทกบีบหัวใจ
<O< O< font>
วิธีนี้ส่วนมากวิญญาณจะกระแทกเข้าบีบหัวใจให้หยุดเต้นชั่วแวบหนึ่ง ช่วงแวบเดียวนั้น วิญญาณก็จะแทรกผ่านทันที หัวใจจะเสียวปวด ถ้าทรงบ่อยๆเข้าจะทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย
<O< O< font>
ซึมขึ้นมาทางมือ
<O< O< font>
วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณไม่ดีมาเองโดยซึมผ่านขึ้นมาทางมือมีอาการคล้ายชาแบบเหน็บกินมือเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วจะพาให้ชาไปหมดทั้งตัว สุดท้ายควบคุมจนร่างหมดสติ วิญญาณก็จะทำงานตามใจชอบได้
<O< O< font>
ซึมขึ้นมาทางเท้า<O< O< font>

วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นวิญญาณชั้นตํ่าจึงใช้วิธีซึมผ่านเท้าขึ้นมาแล้วค่อยชาเหมือนเหน็บกินเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆจนชาหมดทั้งตัวและดับความรู้สึกลง<O< O< font>

[SIZE=4][COLOR=indigo]แฝงมาเป็นเงาตามตัว[/COLOR][/SIZE]<O< O
</O<>
[SIZE=3]วิธีนี้ส่วนมากวิญญาณจะอยู่ในลักษณะร่างไปไหนไปด้วย วิญญาณเกาะตามหลังไปตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว โดยส่วนมากจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ รอคอยจังหวะที่ร่างดวงตกบารมีเสื่อมจะได้กระทืบให้หกล้มใจแตก เพราะช่วงที่ร่างตกใจแวบหนึ่งวิญญาณก็จะแทรกผ่าน [/SIZE][SIZE=3]แม้วิญญาณนี้จะไม่เข้าสิงแต่ก็จะคอยทำลายความสำเร็จของเรา ไม่ว่าทำอะไรมีแต่ฉิบหาย[/SIZE]

[SIZE=4][COLOR=seagreen]กระแสพลังส่งมาจากแดนไกล[/COLOR][/SIZE]
[SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]วิธีนี้ส่วนมากจะเป็นภาวะวิญญาณที่ดีส่งอำนาจจิตฉายส่องมาเป็นลำแสง กระแสพลังดังแสงไฟพวยพุ่งส่องมาจากแดนไกลวิ่งมาเป็นทางยาวเข้าคลุมร่างนั้น คล้ายกับโทรจิตแต่วิธีนี้เรียกว่า พลังทิพย์โดยวิญญาณปล่อยพลังจิตเป็นพลังงาน สร้างอำนาจกระแสคลื่นมาบีบบังคับบัญชาให้เรากระทำตามสั่ง[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]ในการนี้วิญญาณอันแท้จริงไม่ได้มา แต่เป็นพลังทิพย์ส่งมาเข้าคลุมร่างเหมือนชาไปหมดทั้งตัว ร่างกายไม่สามารถกระดุกกระดิกเหมือนถูกกดบังคับไว้ มีอาการคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น มีความรู้สึกระลึกรู้อยู่เพียงครึ่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถสั่งการตัวเองให้ฝืนกับการกระทำได้ การพูดตอบปัญหาเหมือนกับพูดได้อัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องคิด ความรู้สึกตัวครึ่งๆนี้ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตนเอง[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=4][COLOR=purple]วิญญาณใหม่เบียดเบียนวิญญาณร่างเดิม[/COLOR][/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]คนเราปกติที่ยังไม่ตายจะมีวิญญาณอยู่ในตัวคนเรา แต่เมื่อมีการเชิญวิญญาณมาหรือวิญญาณมาเข้าเองนั้น<O< O< font>[/SIZE]

[FONT=Arial][SIZE=3]วิธีเข้าทรงนี้วิญญาณที่มาจะใช้อำนาจพลังอันแข็งแกร่งแผ่คลุมกระแทกวิญญาณเก่าให้ไปอยู่ข้างๆ กายเนื้อทันทีแล้ววิญญาณใหม่นั้น ก็จะทำการอาศัยร่างพูดหรือทำงานต่อไป เมื่อหมดธุระแล้วก็จะถอยออกร่าง วิญญาณเดิมก็จะกลับคืนสู่ร่างอีกครั้งหนึ่ง[/SIZE][/FONT]


[B][FONT=Arial][SIZE=3][COLOR=green].การเข้าทรงไม่จำเป็นต้องสั่นสะเทือนเสมอไป[/COLOR][/SIZE][/FONT][/B]
[B][FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE][/FONT][/B][FONT=Arial]
[FONT=Arial][SIZE=3]โดยทั่วไปนั้น การเข้าทรงจะเห็นร่างนั้นปลุกตัวสั่นสะเทือนไปหมดทั้งตัว สักครู่จึงสงบแล้วก็ปรากฎว่าวิญญาณมาแล้ว อาการสั่นสะเทือนนี้เป็นการที่วิญญาณใช้อำนาจพลังจิตบังคับกายเนื้อให้สั่น ซึ่งเป็นการปรับธาตุทั้ง 4 ของกายเนื้อให้เสมอ อย่างเช่นปลุกพระ เป็นต้น[/SIZE][/FONT]



[FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=darkorange]จะเชื่ออย่างไรว่าวิญญาณองค์นั้นมาจริง >>>>[/COLOR][/SIZE][/FONT]
[B][FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE][/FONT][/B][FONT=Arial]
[FONT=Arial][SIZE=3]การที่ประทับทรงด้วยการสั่นสะเทือนอย่างแรง สั่นยิ่งแรงจนสะเทือนไปหมดทั้งพื้นแผ่นดิน<O< O< font>[/SIZE]

[FONT=Arial][SIZE=3][B]คนทั่วไปเชื่อว่าเจ้านี้มาแรงดี คงจะศักดิ์สิทธิ์มาก[/B] และเมื่อประทับทรงแล้วจะมีการเดินลุยไฟ ปีนบันไดดาบ นั่งเก้าอี้ตะปุ เฉือนลิ้นเขียนยันต์ หรือแม้แต่การแทงของแหลมคมทะลุเนื้อเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการแสดงออก เพื่อให้คนทั่วไปเห็นว่าเจ้านี้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นการสร้างความศรัทธาเบื้องต้น ให้กับสามัญชนยึดมั่นว่าท่านหนังเหนียวน่ากราบไหว้น่านับถือ<O< O< font>[/SIZE]

[FONT=Arial][SIZE=3]การแสดงเหล่านี้เป็นการแสดงแปลกประหลาดที่ต้องการอวดศักดา และยิ่งถ้าอ้างว่ามาเป็นองค์นี้องค์นั้นแล้ววิญญาณที่มาทรงผ่านร่างก็จะบังคับให้ร่างนั้นทำตามนิสัยและอายุของวิญญาณที่ยึดมั่นถือมั่นอยู่เป็นการกระทำในกิริยาที่ร่างไม่เคยทำมาก่อน เป็นการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพ[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=4][COLOR=darkslateblue]บางครั้งวิญญาณก็ทำนายทายทักเหตุการณ์ต่างๆได้ถูกต้อง<O< O< font>[/COLOR][/SIZE]

[FONT=Arial][SIZE=3]การแสดงออกของการเข้าทรงนั้นไม่สามารถยึดเป็นหลักเกณฑ์ได้ว่า นี่คือการเข้าทรงวิญญาณองค์นั้นดังชื่อที่อ้างมาจริงเ [/SIZE][/FONT][FONT=Arial][SIZE=3]พราะท่านสามารถบังตาด้วยอำนาจฌานญาณฤทธิ์ที่ตนมีอยู่ให้เห็นดังชื่อที่อ้างยืมมา ซึ่งล้วนแต่คนดังแห่งยุคตามสมัยที่คนรู้จักเคารพกราบไหว้ที่จะรู้สึกว่าองค์ใหญ่ๆโตๆ ทั้งนั้น วิญญาณที่มาไม่มีองค์เล็กๆ เลย[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]ทั้งนี้เราจะพิสูจน์ความจริงได้ คือ คนที่บำเพ็ญอำนาจฌานญาณสูงจริงๆ จึงอาจจะใช้พลังจิตแหวกผ่านม่านพลังทิพย์ที่บังตาอยู่ประจักษ์ เห็นความจริงได้[/SIZE][/FONT]


[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[SIZE=4][COLOR=royalblue][FONT=Arial]แต่ทั้งนี้ ..... <O< O< font>[FONT=Arial]วิญญาณท่านหนึ่งท่านให้ทัศนะว่า[/FONT][/FONT][/COLOR]
[SIZE=4][COLOR=royalblue][FONT=Arial]<O< O< font>[/FONT][/COLOR]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]“ วิญญาณใครจะมาไม่สำคัญไม่น่าสนใจ<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]ควรสนใจว่าท่านมาดีสอนดีมีคติเตือนใจดี<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]เราตรึกตรองพิจารณาแล้วว่ามีเหตุผลดี<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][COLOR=darkslategray][B]ก็ควรจะนำคำสอนนั้นมาใช้ในทางที่ดี[/B][/COLOR][/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]เราก็ควรเคารพกราบไหว้ไม่ว่าองค์นั้นจะมีชื่ออะไร<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]องค์ใหญ่องค์เล็กหรือแม้แต่วิญญาณชั้นตํ่าๆ<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkslategray]เพราะผู้ทำดีแม้เป็นเด็กก็น่าศรัทธานับถือ ”<O< O< font>[/COLOR][/B][COLOR=darkslategray][/COLOR][/SIZE]


[FONT=Arial][SIZE=4][COLOR=dimgray]มี[B]ข้อสังเกต[/B]อย่างกลางๆว่า[/COLOR][/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]“ วิญญาณมาดี ทำแต่สิ่งที่ดีๆ<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]วิญญาณมาร้ายสร้างแต่ความเดือดร้อน[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=teal]วิญญาณที่เป็นผู้ใหญ่คุณธรรมสูงสงบสุขุม[/COLOR][/B]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]จะต้องมีกิเลสน้อยมักน้อยถ่อมตน[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3][B][COLOR=darkorange]วิญญาณที่เป็นผู้น้อยมักชอบอวดใหญ่[/COLOR][/B]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]มักมากโลภอยากได้<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]โมโหโทสะรุนแรง<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=3]หลงตน [/SIZE][/FONT][FONT=Arial][SIZE=3]ลืมตัว ”[/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[B][FONT=Arial][SIZE=3]จากข้อสังเกตนี้ ด้วยพื้นฐานแห่งจิตที่บำเพ็ญมาต่างกัน จึงมาเข้าทรงมาดต่างกัน มาในบุคลิกต่างกัน [/SIZE][/FONT][/B][B][FONT=Arial][SIZE=3]การเข้าทรงไม่ใช่ของสนุก [/SIZE][/FONT][/B][FONT=Arial][SIZE=3][B]คนมีกิเลสมากยึดมาก [/B][/SIZE][/FONT][FONT=Arial][SIZE=3][B]คนตัวเล็กอยากอวดใหญ่[/B][/SIZE][/FONT]
[FONT=Arial][SIZE=3]<O< O< font>[/SIZE]
[FONT=Arial][SIZE=5][COLOR=olive]ดังนั้น[/COLOR][/SIZE][/FONT]
[SIZE=3]คนที่มีวิญญาณมาเกี่ยวข้องอาศัยร่างเพื่อทำงานบางทีวิญญาณไม่มีอุปาทานหลงใหล แต่มนุษย์คนที่ให้วิญญาณยืมร่างเพื่อใช้นึกว่าตัวเก่ง มีวิญญาณมีองค์ในเป็นของที่ดีเด่นในตน คนอื่นเขาไม่มีจึงนึกคึกคนองอยากจะอวดบารมี เห็นการทรงเป็นของสนุก เที่ยวเชิญองค์นี้องค์นั้น เชิญได้ 108 องค์ วันละ 108 เที่ยว ทำตัวเองอย่างกับท่าเทียบเรือ

[FONT=Arial]ใครนึกสนุกจะจอดก็มาแวะจอดได้ตามสบายเป็นประจำและวิญญาณที่มาก็ไม่รู้ใครเป็นใคร ใครจะอ้างเป็นอะไรใหญ่โตเพียงไหนตัวเองก็ไม่รู้ [COLOR=red]แต่ที่แน่ๆเมื่อวิญญาณผ่านบ่อยๆ ก็จะสะเทือนกายเนื้อกายทิพย์ ทำลายสติที่มั่นแห่งจิตของเราจนบ่อยครั้งที่แยกไม่ออกว่า เวลานี้[/COLOR][/FONT][/SIZE][FONT=Arial][SIZE=3][COLOR=red]เราคือใคร ใครคือเรา [B]ทำให้เกิดอาการคล้ายๆโรคประสาทอ่อน ๆ สติปํ้าเป๋อได้[/B][/COLOR][/SIZE][/FONT]


[FONT=Arial][SIZE=3]<O< font>[/SIZE]
[/FONT]</O<>[/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/SIZE][/SIZE][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT]</O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<></O<>

 

คนที่มีองค์ จะมีลักษณะอย่างไร

ตอบว่า จะต้องมีลักษณะคือ

1 มักจะเป็นผู้หญิง
2 มักจะคิดมาก ฟุ้งซ่าน
3 มักจะคิดว่า เรามีอะไรทำไมประสบปัญหากับชีวิต
4 มักจะคิดว่า ทำไมเราป่วยประหลาด
5 มักจะเป็นคนที่ ถือโชคลาง ชอบดูดวง
6 มักจะเป็นคนที่ ไม่เชื่อมั่นในตนเอง
7 มักจะเป็นคนที่ ไปหาเจ้ามาแล้ว มีอะไรก็ไปดูดวงกับเจ้า

เอา 7 อย่างนี้ก่อน

อาการอย่างไรบ้าง

1 หนาวๆร้อนเป็นประจำ
2 มึนหัว หรือ ปวดศรีษะเป็นประจำ
3 บางทีทำอะไรไปเหมือนไม่ใช่ตัวเราเอง
4 บางทีทำอะไรเกียวกับ เจ้า ก็ขนลุกซู่

เอา 4 อย่างนี้ก่อน

ควรทำตัวอย่างไร

1 จุดธูป บอกพระรัตนไตร กล่าวคำว่า พุทธัง สรณังคัจฉามิ
ธัมมัง สรณังคัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ .... ตติยัมปิ...

2 ไม่ว่าอะไรจะเกิด เราก็ไม่ต้องกลัว เรื่องเจ็บป่วย เรื่องทำมาค้าขายไม่ขึ้น เรื่อง แฟนมีชู้ เรื่องธรรมดา เพราะเรายังทำดีไม่พอ ไม่ต้องไปรับขันธ์

3 ให้ระลึกว่า เทพชั้นสูง เขาไม่ลงมาหรอก มีแต่พวกมารทั้งนั้นแหละ ที่จะมาเข้าสิงมนุษย์ เพราะฉะนั้นอย่าไปรับขันธ์ เทพชั้นสูง เขาจะนับถือพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ทรงห้ามการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้ เจ้าเข้าทรง ที่ไม่ใช่พุทธ ก็ไปรับขันธ์

ซึ่งเจ้าเหล่านี้ เวลาดี เขาก็ดีกับ เรา เวลาเราไม่ยอม เขาก็จะทำนั่นทำนี่ ให้เราไม่ดีไป ทางที่ดี อย่าไปรับ

การปฏิเสธ อย่างอาจหาญ ด้วย คาถา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เ่ท่านี้ ให้ใครก็มาทำอะไรเราไม่ได้

เวลากลัว ให้ ท่อง พุทโธ ถี่ๆ เร็วๆ พุทโธ พุทโธ .... ไปเรื่อยๆ
ทุกวัน และอย่าไปคิดถึงเรื่องเจาอีก

ก็จะยุติ บทบาทเรื่องเจ้าได้ ให้ระลึกคำว่าพุทโธ อย่างเดียวพอ

และสวดบทพาหุง และ ต้อง มีความเพียร อะไรจะเกิดเราก็ไม่กลัวนั่นแหละ จึงจะเอาชนะกรรมได้ บอกเจ้าไปว่า ถ้ามีเงินมีทอง จะทำบุญอุทิศไปให้ อย่ามาตามรังควานกัน แล้วเราก็หมั่นทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เท่านั้นพอ

 

สมัยนี้ยังมีอยุ่หรอ นึกว่าสาปสูญไปตั้งแต่หลวงพ่อฤาษี ยังบวชเณร อยู่ซะอีก- -

 

เห็นดังคุณขันธ์กล่าว


บทพระพุทธคุณพาหุงมหากา สวดภาวนาเป็นประจำไว้ถิด


และหมั่นทำบุญอุทิศกุศล แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย


ด้วยหลักใหญ่แล้ว เขามักมาเฉไฉให้เข้าใจผิด เข้ารกเข้าพงเสียก็มาก


ตามแรงกรรมที่มีต่อกัน จึงบันดาลให้เป็นไป


ทางด้านเรื่องร่างทรงองค์เทพนั้น เราไม่มีความเห็นใด

 

ส่วนมากคนมีองค์มักจะชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (ส่วนมากนะครับ ไม่ใช่ทุกคน)
ผมก็เคยมีคนทักว่ามีองค์อยู่ออกบ่อย แต่ผมก็มีลักษณะอย่างที่คนมีองค์มี เช่นรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้เป็นบางครั้ง รู้จิตใจผู้อื่น พูดอะไรออกมามักจะเป็นไปตามนั้น รู้ชีวิตเหตุการณ์ความเป็นไปของผู้อื่นที่เราเพิ่งจะเจอหน้ากันครั้งแรก และบางครั้งเราก็รู้ได้ด้วยจิต แบบแปลกๆ
ก่อนที่จะมาสัมผัสเรื่องนี้ก็เคยเกิดอาการป่วยแบบแปลกๆ ตรวจรักษาที่ไหนก็บอกว่าปกติ
มีคนทักให้ไปรับขันธ์กับร่างทรงต่างๆ ผมก็เคยลองไปดูบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยไปรับขันธ์กะใคร แต่ก็บอกไม่ได้ว่าเป็นองค์ไหน มีครั้งหนึ่งผมเจอร่างทรงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงเจ้าแม่กวนอิม แต่พอเจอผมกลับวิ่งหนี ตัวสั่นไปหมด (สงสัยในตัวผมอาจะมีอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้)
ส่วนมากองค์ที่เป็นที่นิยมก็มักจะเป็นเทพทางฮินดู เช่น พ่อศิวะ พ่อนารายณ์ แม่ลักษมี แม่อุมา
เจ้าจีนก็รองลงมา เช่นแปะกง เจ้าแม่ฯลฯ กวนอู ส่วนเจ้าไทยก็มาก เจ้าพ่อเขานั่นนี่ บางทีก็เป็นฤาษีนั่นนี่ เป็นต้น

บางทีอาจจะเป็นเพราะผลจากเราปฎิบัติสมาธิภาวนา หรืออาจจะเป็นเหตุเกื้อกูลมาจากอดีตชาติก้ไม่รู้ได้

เห็นด้วยกับคุณขันธ์อย่างยิ่ง ในวิธีปฎิบัติ เพราะผมใช้วิธีนี้มาตลอด โดยการภาวนาระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวเป็นสรณะ ตลอดเวลาที่ระลึกได้ และขออย่าให้เกิดความหลงยึดถือในสิ่งอื่นเป็นสรณะแทนพระรัตนตรัย

 

...อึ้งไปเลย...อ่านข้อความของท่าน Astro Neemoแล้ว เหมือนกับว่ารู้และยอมรับแล้วว่ามีอะไรอยู่ในตัว
และเชื่อเรื่องพวกนี้พอสมควรแต่ใช้พระรัตนตรัยเข้าจัดการซะอยู่หมัดเลย ทำได้ไงอ่ะ นับถือๆๆ

 

ผมก็เคยมีร่างของปู่ฤาษีนารายณ์ ทักว่าผมมีองค์ อยู่ทั้ง 3 องค์
มีองค์ ปู่ฤาษีกัสสปะ ปู่ฤาษีนารอด ปู่ฤาษีเพชรฉลูกัณฑ์
แต่ผมก็อธิฐานบอกทั้งองค์นอก องค์ใน ของผมว่าชีวิตนี้ ผมขอเดินตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำสอนใดที่ขัดกับคำสอนของพระสัมมาพุทธเจ้า ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ผมจะไม่ทำ และธรรมใดที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุธรรมแล้ว ขอให้ลูกได้บรรลุธรรมนั้น และ ขอเข้าพระนิพพานในชาตินี้ด้วยครับ



สถานที่แม่ฮ่องสอน ครับ เป็นถ้ำมีรอยพระบาท พระหัตถ์ ของพระพุทธเจ้า ต้องเดินขึ้นเขา 3 กิโลเมตร สูงชันเอาการครับ เวลาถ่ายรูปสถานที่ศักดิ์สิทธิอย่างนี้ จะติดรูปแปลกๆ เยอะมากครับ

 

ชอบช่องตอบนี่จังเลยเรามันผู้เฒ่าไม่กระชับกระเชงเหมือนเด็กๆ เคยมีประสบการณ์บ้าง อย่างที่ว่าถ้าดีก็ต้องไม่ให้เราทำอะไรแปลกไปจากเดิมแค่ให้รู้ว่ามีอยู่จริง ไม่ควรยึดมั่นว่าเป็นองค์ใด
เพราะเทพก็เคารพพระรัตนตรัยเหมือนกัน
ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ไม่แน่
ไม่ต้องไปเชื่อถ้าใครจะให้รับขันธ์ยึดพระรัตนตรัย
แต่ในการปฏิบัติธรรมอาจมีแตกต่างกันไปตามจริตของตน
การมีองค์ไม่จำเป็นต้องเป็นร่างทรงเสมอไป
การที่ท่านมาอาจเพราะเราเคยมีความผูกพันในอดีตแต่อดีตก็คืออดีต
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
มีองค์ใช่ว่าจะทำให้เราเป็นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ไปได้
แม้มีอยู่ก็ทำชีวิตเป็นปกติได้ ถ้าเป็นท่านที่ดีเราก็อาจชอบทำบุญปฏิบัติธรรมมากขึ้น
เพราะท่านมาเป็นอนุสสติให้คิดได้ว่า ทำอย่างไรจึงได้เกิดเป็นเทวดา
จำได้ว่าเป็น1ในอนุสสติที่ควรระลึกถึงไม่ต้องวิตกไป
คนมีองค์ไม่ใช่ของแปลกแต่ถ้าคุณไปคุยกับคนที่ไม่มีเขาอาจมองว่าเราเป็นแปลก
แต่ถ้าองค์ของคุณทำให้คุณทำอะไรที่มันผิดไปเป็นเรื่องไม่ดี
อันนี้คงต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณธรรมหน่อยเพราะสมัยนี้หลอกกันน่าดูของเทียมมีมาก แต่ก็มีของจริงอยู่แต่ไม่ใช่เป็นแบบที่ใครๆชอบคือแบบสำเร็จรูปรู้ไปหมดบางคนก็แค่ทำให้รู้ว่าไอ้ที่มีคนทักว่ามีอยู่นี่เป็นจริงหรือไม่เท่านั้น
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ให้ยึดไว้ว่าเป็นอะไรการมีองค์เทพคุ้มครองถือเป็นเรื่องดี
เพราะเวลาเราสวดมนต์ไหว้พระหรือทำบุญในพิธีต่างพระก็จะให้พรว่า
ด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์ขอเหล่าเทวดาจงรักษาท่าน แสดงว่าที่เราทำบุญทำทานนั้นได้ผลคือมีเทวดามารักษาจริงๆ
แต่อย่าไปยึดว่าเป็นท่านไหนท่านใดเลยไม่ควรความยึดมั่นไว้เพราะเกิดการเปลี่ยนไปตามบารมีคนได้นะ

 

พุทธศาสนา เอาเป็นเถรวาท ไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้
มันมาจากลัทธิฮินดูพราห์มโน่น
ท่านให้ยึดไตรสรณคมน์เป็นหลักชัย ทำกรรมดีทั้งกายวาจาใจเท่านั้น
ไอ้องค์ลงเทพ อะไรพวกนี้อย่าไปสนใจข้องแวะกับมัน
เพราะหลายคนหลง
หลายคนบ้า
หลายคนตกเป็นเครื่องมือของผู้หลอกลวง
ทิ้งอวิชชาพวกนี้เสีย

 

สถานที่แม่ฮ่องสอน ครับ เป็นถ้ำมีรอยพระบาท พระหัตถ์ ของพระพุทธเจ้า ต้องเดินขึ้นเขา 3 กิโลเมตร สูงชันเอาการครับ เวลาถ่ายรูปสถานที่ศักดิ์สิทธิอย่างนี้ จะติดรูปแปลกๆ เยอะมากครับ[/quote]

อนุโมทนาค่ะ

คุณเจนัยคะ อยากทราบว่าถ้ำนี้อยู่ที่อำเภออะไรคะ เคยได้ดูผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งแต่จำไม่ได้ โดยส่วนตัวมีความสนใจและอยากไปเยี่ยมชม
ค่ะ

 

อยู่ที่ถ้ำจั๊กต่อ ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จว.แม่ฮ่องสอน ครับ เป็นถ้ำน้อง พระพุทธบาท 4 รอยที่แม่ริม จว.เชียงใหม่เป็นถ้ำพี่
ผมขอเล่าความเป็นมา อันนี้แล้วแต่ความเขื่อของบุคคลนะครับ
เมื่อผมมาบรรจุรับราชการที่ แม่ฮ่องสอน ผมเป็นคนชอบสถานที่สงบ ก็ได้ไปรู้จักถ้ำจั๊กต่อ ถ้ำนี้อยู่บนเขาต้องขึ้นไปประมาณ 3 กม. แต่ที่ต้นทางขึ้นมีกุฏิเก่า ทำด้วยฟากไม้ไผ่ มีพระธุดงค์อยู่ 1 รูป ผมก็ขึ้นไปสนทนาด้วย ชอบหาความรู้ ท่านก็ตอบผมได้ทุกคำถาม ท่านบอกว่าตอนกลางคืนจะมีปู่ใหญ่มาลง ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ผมไปกับหัวหน้าผม และ รองหัวหน้า 3 คน ตอนกลางคืนมีปู่มุนียะ (ปู่ใหญ่) เป็นฤาษี เขาเรียกว่ามาประทับองค์
ปู่เล่าว่าบำเพ็ญอยู่ที่ถ้ำมาหลายพันปีแล้ว ( ท่านประทับผ่านร่างพระธุดงค์) พูดเสียงเบามาก ท่านเล่าว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ มาก มีพระอรหันต์มาละสังขารมาก เป็นที่บำเพ็ญของหมู่ฤาษี เทพ พรหม เทวดาๆต่าง พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็เคยมา ปู่เล่าว่าวันหนึ่งนั้นขณะที่ท่านบำเพ็ญอยู่มีพระกลุ่มหนึ่งเหาะมา องค์ที่เป็นหัวหน้ายืนมาบนดอกบัว ปู่ว่าถ้าเป็นคนธรรมดาจะไม่เห็นว่ายืนบนดอกบัว ต้องเป็นผู้ปฏิบัติเท่านั้นถึงจะเห็น ตอนแรกที่เห็นก็ไม่ได้เข้าไปกราบไหว้ เพราะตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองก็บำเพ็ญที่ถ้ำมานาน และเป็นเจ้าของสถานที่จึงไม่ได้เข้าไปกราบ ยังมีทิฐิอยู่ แต่พระพุทธเจ้าท่านพร้อมสาวกก็ได้นั่งลงที่ถ้ำ พระพุทธเจ้าทรงเทศสั่งสอน โดยรวมทั้งหมด ไม่ว่าเทพ พรหม คนธรรพ์ และอื่นๆ
พอฟังเทศน์ไปเรื่อยๆ ปู่บอกว่ายิ่งฟังยิ่งรู้ว่าองค์นี้ไม่ธรรมดา จึงละทิฐิ เข้าไปกราบท่าน แล้วถามว่า
" ท่านมีชื่อเรียกว่าอะไร อาจารย์ของท่านสอนอยู่ที่ไหน เราอยากเข้าไปกราบอาจารย์ของท่าน"
พระพุทธองค์ ตอบว่า" เราชื่อ สมณโคดม เราไม่มีอาจารย์ เราตรัสรู้โดยชอบด้วยตนเอง"
ปู่เล่าว่าท่านฉันเช้าที่อินเดีย แล้วแสดงยมกปาฏิหารย์ เหาะมาที่ถ้ำแห่งนี้ เพื่ออบรม สั่งสอนผู้ที่ปฏิบัติดี เพื่อให้บรรลุธรรม ก็พระพุทธเจ้ากลับ ท่านทรงเมตตาประทับรอยพระหัตย์ และ พระบาทไว้เป็นที่เคารพกราบไหว้ของหมู่ เทพ พรหม เทวดา ฤาษี มนุษย์ ฯลฯ ( ความจริงมีเรื่องเล่าอีกมากครับ )
ถ้ำนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสงบ มานั่งสมาธิ ในถ้ำนี้จะมี รอยพระหัตย์ รอยพระบาท และ ถ้าได้เข้าไปในถ้ำ( เดินเข้าไป ประมาณ 1 ชั่วโมง ) จะเห็นเสา เมืองโบราณ เป็นหินแล้ว แสดงว่าเคยเป็นเมืองเก่า เวลาถ่ายรูปนะครับ ชอบติดรูปแปลกๆ มาเสมอครับ ......ผมถ่ายรูปมาบางส่วนนะครับ

 

รูปครับ

 

ท่านใด สนใจดินแดนแห่งความสงบเชิญนะครับ

 

อนุโมทนา.....สาธุ ครับ

ถ้ำนี้มีครุฑ มาบินโชว์ด้วย น่าไปสนทนาจั๊ก หน่อย....

 

เรื่ององค์เรื่องเทพนี่ ผมเจอมาแยะเหมือนกัน บางทีก็พูดกันภาษาแปลกๆ แบบมั่วๆอ่ะ ผมเคยไปงานไหว้ครูร่างทรงงานหนึ่ง มีคนทรงเข้ามร่วมนับร้อยคนเห็นจะได้ แถมแต่งตัวกันแปลกๆเหมือนงานแฟนซียังไงยังงั้น มีทั้งเทพไทยจีนแขก มากันครบ ดูก็ตลกดี ผมเองก็อยากจะทำวิจัยเรื่องนี้เหมือนกัน ว่ามันจริงหรือไม่ หรืออุปทานกันไปเอง บางที่ก็ทำเป็นคุยกันภาษาแปลกๆดูเหมือนจะรู้เรื่องกันเสียด้วยสิ

ทั้งๆที่ตัวเองก็สัมผัสได้แบบพวกเขาเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ จะลองติดตามวิเคราะห์แล้วมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง แต่ผมคงไม่หลงไปเป็นแบบนั้นแน่ๆ

 

พระรัตนตรัย คือที่พึ่งอันเกษม

เทพ พรหม พระโพธิสัตว์ เราเคารพนับถือ

บางอย่างอาจเกิดจากกุศลกรรมที่สั่งสมมาของเราเอง

สัจจะบารมี อธิษฐานบารมีก่อนลงมาเกิดเป็นมนุษย์

บางอย่างอาจเกิดจากการเบียดเบียน ของโลกวิญญาน

มีสิ่งลี้ลับอีกมากมาย ที่ปุถุชนอย่างเรา ท่าน ทั้งหลายไม่รู้

คิดดี ทำดี พูดดีไว้ก่อน ปลอดภัยดีครับ

 

ปัจจัตตังครับ...
เรื่องแบบนี้รู้ได้เฉพาะตน
อยู่ในพระรัตนตรัยดีที่สุดครับ
พระพุทธองค์มีจริง
มหาเทพ และเทพทั้งหลายย่อมมีจริง
ภูติผี ปีศาจ ย่อมมีจริงเช่นกันครับ
คนที่ดีและอยู่ในศีลเท่านั้น เทพทั้งหลายท่านถึงจะคุ้มครองครับ

 

เป็น เรื่อง ที่ ไม่ น่า ชื่น ชม

 

ขนาดนั้นเลยหรือ อือ !!