ขอกำลังใจเพื่อทำความดีและสิ่งดีๆต่อไปหน่อยครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย magic_storm, 16 ธันวาคม 2007.

  1. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ นี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวภูเรือ จ.เลยกับบริษัท ทำให้ได้รู้สึกอะไรขึ้นมาอีกนิดหน่อย หลังจากที่ไม่ได้ถูกตอกย้ำเรื่องนี้มานาน...

    ...ทุกคนบนรถที่ไปเที่ยวกัน โดยเฉพาะเพื่อนๆผมที่ทำงานในกลุ่ม[ซึ่งผมเพิ่งรู้จัก เพราะเริ่มทำงานได้เป็นเดือนที่ 5 ครับ] ก็สนุกสนานเฮฮากับเหล้า และวงไพ่ไปตลอดทาง ส่วนผมก็ต้องนั่งอยู่คนเดียว เหมือนอยู่กันคนละโลก ทำให้รู้สึกเหมือนถูกแบ่งแยกอย่างเห็นได้ชัด จริงๆจะบอกว่า ผมแบ่งแยกตัวผมเองก็ได้ เพราะผมต้องการถือศีล 5 บริสุทธิ์ในทุกๆวัน ผมไม่กล้าแม้แต่จะไปนั่งร่วมวงด้วย เพราะกลัวบาปจากการคุยเล่นสนุกสนานจนลืมตัว แล้วอาจพลั้งปากผิดศีล และไม่อยากยินดีในการดื่มเหล้าของพวกเขาด้วย

    จนผมเองเหมือนเป็นแกะดำ ที่ทำอะไรต่างไปจากพวกเขา หลังจากงานเลี้ยงจบในแต่ละคืน พวกเขาก็ไปกินเหล้า เล่นไพ่กันต่อ ส่วนผมกลับห้องไปสวดมนต์แล้วนอน...

    ระหว่างการทานอาหารเที่ยง หนึ่งในเมนูนั้น คือกุ้งเต้น ซึ่งนำกุ้งเป็นๆ มาบีบมะนาวสดๆพร้อมพริก และเครื่องปรุงต่างๆ และปิดฝาแก้วครอบปล่อยให้มันกระโดดดิ้นไป ดิ้นมาอย่างนั้นอย่างน่าสงสาร แทบอยากจะร้องไห้ตรงนั้น อดสงสารไม่ได้ แต่เราเป็นผู้ชาย [ที่ใครๆอาจจะมองดูอย่างสงสัยว่า ผู้ชายจริงหรือเปล่า เพราะเรียบร้อยเกิน] ก็ได้แต่อุทิศบุญให้มัน ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ และก็ได้แต่นั่งมองรองเท้าตัวเอง เพราะไม่รู้จะมองไปทางไหนดี ส่วนคนอื่นๆ ก็ตักมันเข้าปากอย่างซะใจ และสนุกสนาน พร้อมเสียงหัวเราะ ที่ไม่อยากจะฟัง ถึงความสนุกสนานในการทำบาปนั้น

    พวกเขาไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเลยหรอว่า กำลังทำให้สิ่งมีชีวิตหลายๆชีวิต ตายไปอย่างทุกข์ทรมาน แค่นำมาทำเป็นอาหารก็น่าสลดใจพอแล้ว แต่ยังเอามันมาเล่น มาทรมานก่อน จนกว่ามันจะตายเองอย่างนั้นหรือ พวกเขาบอกประมาณว่า รู้สึกมันกำลังดิ้นหนีในปาก แล้วก็ขำกันใหญ่ เฮ้อ...สงสารมันจังครับ เดี๋ยวนี้แค่เห็นมด หรือยุงสักตัวก็ไม่เคยไปทำร้ายมัน แค่จับมันไปปล่อยที่อื่นเท่านั้น

    เฮ้อ เราช่างต่างอะไรกันขนาดนี้ ทำไมสังคมในปัจจุบัน กับสังคมของพุทธแท้ถึงไปด้วยกันยากจังนะ แล้วที่ยืนของเราล่ะ ถ้าเราต้องการยืนหยัดของความเป็นพุทธแท้ เราจะยืนได้ในที่ตรงไหนบ้างนะ

    อยากบอกว่าเหนื่อยใจเหมือนกัน ที่บางครั้งก็เหมือนเดินบนเส้นทางอันโดดเดี่ยวคนเดียว แต่ก็รู้นะ ว่าเส้นทางสายนี้ยังมีสิ่งดีๆรออยู่ข้างหน้า แต่บางครั้ง เราก็ต้องการเพื่อนสักคนที่ชอบอะไรเหมือนกับเรา จุดมุ่งหมายเดียวกับเรา มีนิพพานเป็นอารมณ์เหมือนเรา

    กัลยาณมิตรอย่างนั้น ผมจะหาได้จากที่ไหนกันล่ะ...

    พระพุทธองค์ตรัสสอนให้สันโดษ และหลีกเลี่ยงการคบกับคนพาล แต่ผมยังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่เลย บางครั้งก็ทำใจไม่ได้เหมือนกันกับการที่เราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมพยายามทำตามที่พระองค์ตรัสสอนในข้อนี้ด้วยนะ มันจึงทำให้ผมไม่อยากคบคนชั่วๆเลย เพราะจะพาผมตกนรกไปด้วย แต่ผมจะทำยังไง ในเมื่อทุกๆคน มีการทำบาปเป็นอารมณ์ มีการทำบาปเป็นปกติอย่างนี้ แล้วจะเหลือใครให้ผมเป็นเพื่อนได้อย่างจริงจังบ้างล่ะ

    กัลยาณมิตรดีๆคนนั้นอยู่ไหนกันนะ ผมรอคุณอยู่นะ โดดเดี่ยวจัง เหมือนไม่มีใครเลยจริงๆ

    V
    V
    V

    หรือจะบอกว่าผมทำตัวเองก็ได้ ก็ในเมื่อทุกๆวัน ผมศึกษาและเรียนรู้แต่ธรรมะ จึงไม่ค่อยจะมีเรื่องไปคุยอะไรกับใครมากมาย ในบางครั้งจึงอยากจะได้เพื่อนที่คุยเรื่องเดียวกันเหมือนกัน ที่คุยแต่เรื่องธรรมะเป็นหลัก คุยกันแต่ในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ และพากันทำแต่สิ่งสร้างสรรค์อย่างเช่น บุญ เป็นต้น

    ช่วงนี้ผมรักษาศีล 5 ได้ครบดี เพราะผมไม่ผิดศีลข้อ มุสา เหมือนก่อนๆ ตอนอยู่มหาลัย ที่คุยกันแต่เรื่องไร้สาระ พูดเล่นแบบอำๆ พูดเพ้อเจ้อไปวันๆ พอมาทำงาน และได้เข้าถึงพรหมวิหาร4 อย่างสุดใจ มีเพียงพระรัตนตรัยเป็นสรณะอย่างบริสุทธิ์กว่าช่วงไหนๆที่ผ่านมา ทำให้ผมกลัวบาปอย่างมหันต์ แค่คิดก็ขนสันหลังลุกแล้ว

    จึงทำให้ช่วงนี้ผมกลายเป็นคนนิ่งๆ จนดูเหมือนจะไม่มีเพื่อน ยิ่งเปลี่ยนจากเรียนมาทำงานด้วยแล้ว ยิ่งหาเพื่อนได้ยากมากๆเลยจริงๆ

    เฮ้อ...เศร้า ก็แค่อยากจะระบายให้ใครสักคนฟัง ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนจะหาเพื่อนที่ชอบธรรมะเหมือนกัน ไม่มีเลย ก็เลยไม่รู้จะระบายให้ใครฟังเหมือนกัน จึงขอมาระบายความในใจไว้ตรงกระทู้นี้ด้วยนะครับ เพราะเว็บนี้เป็นเพื่อนที่ดีของผมมานานพอสมควรแล้ว ก็ปีกว่าๆ ถ้าเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทก็คงไม่ผิดนักครับ และคิดว่า ยังมีกัลยาณมิตรที่ดีๆ ในเว็บนี้อีกหลายๆท่าน ขอบคุณครับ ที่ทุกท่านได้อ่านมาถึงข้อความตรงนี้แล้ว

    ........

    ทริปนี้ก็ได้แวะไปกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเลย มาหลายที่เหมือนกัน ที่สำคัญก็คือ พระธาตุศรีสองรัก, วัดป่าเนรมิตฯ ที่มีจิตรกรรมฝาผนังและอุโบสถอันสวยงามมากๆ, และวัดป่าสัมมานุสรณ์ ของหลวงปู่ชอบ ได้ไปไหว้พระเจย์ดีที่เก็บอัฐิหลวงปู่ชอบ ได้ไปนมัสการเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นหลานหลวงของปู่ชอบโดยตรง และหลวงปู่ท่านก็เมตตามอบพระห้อยคอให้แก่ทุกคนตั้ง 70 เหรียญ และซึ่งตอนนั้นที่ไปถึงวัดก็มืดแล้ว แต่หลวงปู่ก็ยังกรุณาให้หลวงพี่พาไปเปิดพระเจย์ดีให้พวกเราได้นมัสการกันอีก รู้สึกเป็นบุญอย่างยิ่งครับ...
     
  2. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    มนุษย์เป็นสัตว์สังคม กฎเกณฑ์ต่าง ๆ กำหนดมาเพื่อความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อภายในจิตใจของคนมัน เป็นทุกข์ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องในสังคมเลย คือเป็นส่วนตัวอย่างที่คุณกำลังเป็นอยู่นี่ มันจึงทำให้เกิดนักคิดที่จะแก้ไขให้มันมีความสุข

    นี่คือ จุดเริ่มต้นของการเกิดศาสนา คือ การหาทางแก้ทุกข์ในใจของคน เรื่องของใครก็เรื่องของใคร คุณมีทุกข์เรื่องอะไร ก็หาทางแก้ไขเอาเอง ด้วยสติปัญญาของคุณเอง อย่าไปยึดมั่นว่าต้องเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น แล้วคุณก็จะเป็นทุกข์เพราะความยึดติด.......ในสิ่งที่คุณตั้งเป็นหลักเกณฑ์ของคุณเอง

    สิ่งใดก็ตามที่ทำแล้วบุคคลอื่นจะพึงติเตียน จงเว้นเสีย
    สิ่งใดก็ตามที่ทำแล้วบุคคลอื่นจะสรรเสริญ จงทำเถิด

    อยู่ได้ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้าอย่างไม่รู้สึกร้อน ถ้าไม่บ้า ก็เป็นผู้ที่ทำใจยอมรับมันได้ด้วยปัญญาตนเอง

    อีกวิธีหนึ่งก็คือ ไปบวชแล้วอยู่ในถ้ำคนเดียว ซะ หมดเรื่อง.
     
  3. fevernova

    fevernova เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +1,805
    ต้องปรับตัวครับ การอยู่ในสังคม ไม่งั้นเราจะไม่มีเพื่อนครับ
     
  4. นิมิตรธัญญา

    นิมิตรธัญญา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +199
    กำลังใจ

    ขุนเขาไม่สะเทือนเพราะแรงลมฉันใด บัณฑิตก็ไม่หวั่นไหวเพราะนินทาหรือสรรเสริญฉันนั้น
    หากแสวงหาไม่พบเพื่อนที่ดีกว่าตน หรือเสมอกับตน ก็ควรเที่ยวไปคนเดียว
    นกดีย่อมเลือกไม้เกาะ ปราช์ญย่อมเลือกนายจับ
    คบบัณฑิต (ผู้ใหญ่)
    ทาน ปิยะวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา
    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    (kiss)
     
  5. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    รู้ป่าวคับว่าผมน่ะ คบแต่ผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้ว คุยกับคนแก่ถูกคอ แต่คุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เหมือนคุยคนละภาษาเลยล่ะคับ คุยกับคนแก่มีเรื่องให้คุยตั้งเยอะตั้งแยะ แต่คุยกับวัยรุ่น ไม่มีเรื่องจะคุย จริงๆสิน่ะ

    นี่ล่ะ ผมเป็นยังงี้มาตั้งแต่เด็ก จนใครๆก็หาว่าแก่เกินไว บวกกับหน้าตาที่ก็แก่เกินวัยเหมือนกัน เลยตอนนี้ก็เหมือนคนแก่ไปใหญ่ ยิ่งเข้าวัด ปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่เลยล่ะคับ


    เฮ้อ...มันเลยทำให้ผมดูเหมือนเข้ากับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันไม่ค่อยได้อ่ะครับ เพราะไม่รุ้จะคุยอะไรกับมันดี เศร้า...
     
  6. PLE-55

    PLE-55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +124
    อืมเข้าใจนะครับ ที่เล่ามาน่ะ บางทีมันก็ลำบากเหมือนกัน
    ก่อนอื่นก็ขออนุโมทนากับคุณก่อนเลย ที่พยามรักษาศิล5อย่างเคร่งครัด ขอให้ผลบุญจงประสบกับตัวคุณมากๆนะครับ
    ถ้าเราอยู่ในกลุ่มคนที่ถือศิล วิปัสนา ปัญหานี้จะไม่เกิดกับคุณเลย
    แต่ว่า...คุณอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง โลกที่คนส่วนมากยังไม่ค่อยเข้าถึงธรรมะเท่าไหร่
    และคุณก็ต้องเจอกับเขาอยู่ทกๆวัน เขาไม่ได้ผิดนะ แต่อาจจะยังไม่เข้าถึงทางธรรมกันมากกว่า
    มีทางเดียวที่จะสบายใจผมว่าคุณต้องปรับตัวครับ คือลดความเคร่งลงมาบ้างหรือผ่อนลงมานิดนึง เพื่อให้อยู่ในสังคมต่อไปอย่างไม่เป็นทุกข์นะ
    ผ่อนแบบไหน....ไม่ต้องถึงขั้นผิดศิล5หรอก คุณก็รักษาศิล5ของคุณต่อไป
    ยังไงดีล่ะ...อย่างเช่น คุณเล่าว่า เขากินกุ้งเต้นกันแล้วดูมีความสุขกันจัง คุณก็ต้องปล่อยวาง แล้วคิดซะว่าเป็นกรรมเวรของมัน
    จะให้คุณไปไล่จับกุ้งโยนออกจากจานทุกตัวก็ไม่ไหวมั้งครับ แล้วก็นั่งอยู่ในกลุ่มนั่นแหละทำเฉยๆซะ ยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เดี๋ยวเรื่องกุ้งเต้นมันก็ผ่านไปแล้ว
    หรือเขาดื่มเหล้า-เล่นไพ่กัน ก็ช่างเขานั่งอยู่กับเขาเมาแป๊บซี่ก็ได้ เขาเล่นไพ่เราก็นั่งดูเขากินตังค์กันเองก็มันไปอีกแบบนะ ปัจจุบันผมก็ทำแบบนี้อยู่ครับ เพื่อนเมาเหล้า เราเมากับแกล้มดื่มแป๊บซี่
    แล้วนั่งคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถ้าบอกว่ากลัวบาปจากการเผลอพูดไม่ดีออกไป ผมว่ามันอยู่ที่เจตนานะ ถ้าเราคุยเล่นคุยหัวกันเฉยๆพอสนุกสนานจิตแจ่มใส ผมว่ามันไม่บาปหรอก คุณไม่ได้ไปเจาะจงให้ร้ายเขาเสียหน่อย แล้วคนที่เขาไม่ดื่มเหล้าสติเต็มร้อย แต่พูดให้ร้ายใส่ร้ายคนอื่นเบียดเบียนคนอื่นให้ลำบากทั้งกายทั้งใจ เขาไม่ยิ่งบาบกว่าเหรอ
    ถ้ากลัวบาบจากการที่ไปสนับสนุนหรือยินดีให้ผู้อื่นกระทำผิดศิล 5 ผมว่านะ
    1 คุณไม่ได้ไปชักชวนเขากินเหล้า หรือเป็นตัวตั้งตัวตีจัดหาให้เขากินเหล้ากัน ยังไงเขาก็กินอยู่แล้ว
    2 คุณไม่ได้สั่งกุ้งเต้นให้เขากิน ยังไงเขาก็กินอยู่แล้ว
    3 คุณไม่ได้ชวนเขาเล่นไพ่ หรือเป็นคนออกเงินให้เขาไปเล่นไพ่แทน
    ...แค่คุณเข้าไปอยู่ในสังคมนั้น แล้วต้องอยู่รอดในสังคมให้ได้...แค่นั้นเอง
    ทุกอย่างมีข้อยกเว้นนะ อย่าเคร่งเกินไป
    ขนาดพระสงฆ์ท่านยังมีพลั้งเผลอ แล้วยังต้องมีการปลงอาบัติกันทุกวันเลย แล้วคุณเป็นคนธรรมดานะ บางครั้งมันต้องมีผิดบ้างบาบบ้างแต่ไม่รุนแรงก็น่าจะยอมรับได้นะ
    หลวงพ่อฤาษีท่านยังเทศน์ว่า ศิลข้อสี่ห้ามพูดปด แต่บางครั้งเราต้องพูดปดโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก็ไม่ผิดนะ
    ...เฮ้อ!ไม่เคยตอบใครยาวๆอย่างงี้เลย เป็นความเห็นส่วนตัวของผมทั้งนั้นนะ ถูกผิด วานผู้รู้มาตอบอีกทีละกัน...
     
  7. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    ต้องปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นให้ได้ทุกสถานการณ์

    อย่างเช่น กำลังคุยกับผู้อื่นอยู่ ระหว่างนั้น ยุงหรือมด ก็มากัดที่แขน ทำอย่างไรศีลข้อ 1 ของเราจะไม่พร่องล่ะและทำอย่างไรไม่ให้คนที่เรากำลังคุยด้วยนั้นเกิดความรู้สึกว่าเรานี่เว่อ เหลือเกิน ยุงกัดทำเป็นปัดไล่ ทำใจบุญ บางคนมันอาจเกิดหมั่นใส้เราก็ได้นะ ในกรณีนี้ เราก็ต้องตบมันไปเลย ตบเข้าที่แขนเลย ยุงมันจะได้บินหนีหรือมดมันจะได้กระเด็นตกไปที่อื่น แต่อย่าไปตบให้ถูกตัวล่ะ ...

    ส่วนพวกตั้งวงกินเหล้า เพื่อให้กลมกลืน เราก็ไปนั่งกับเค้าสักพักก็ได้ หรือไม่งั้นก็ ต้องหาเครื่องดื่มอื่น เช่น น้ำอัดลมมาดื่ม กินเหล้าก็กินไปเราดื่มน้ำอัดลมในแก้วล่ะกัน พวกกินเหล้ามักจะมีเรื่องมาเม้า กันอยู่แล้ว เราก็พยายาม ยิ้มไปกะเค้าเข้าไว้ และพูดน้อยๆเข้าไว้ ต้องมีสติกำกับตลอด ทาง อายตนะทั้ง 6 เราก็จะไม่รู้สึกว่าศีล ข้อ 5 และ ข้อ 4 พร่อง....

    ส่วนศีลข้อ 2 และ 3 และการพนันเราสามารถปฏิเสธได้ถ้ามีเหตุการณ์นั้น และก็ไม่ทำให้ผู้อื่นมองว่าเราเป็นตัวประหลาดหรอก เพราะมีโทษทางกฏหมาย.....

    และถ้าจะสวดมนต์ ถ้าสถานการณ์ มันมีแต่พวกอย่างนั้น เราก็ใช้ในเวลานอน นอนภาวนา บทสวดมนต์ในใจก็ได้นี่ เด้วก็หลับ ได้อานิสงค์ดีกว่านั่งพนมมือสวดเสียงออกปากเสียด้วยซ้ำ.....

    ที่พิมพ์มานี้ ได้นำเอาไปใช้อยู่นะ เราเป็นฆราวาส ก็มักจะเจอสัมผัสสิ่งต่างๆ ทางอายตนะให้เกิดอกุศล อยู่ตลอด ดังนั้นต้องมีไหวพริบในการปฏิบัติตนด้วย รู้เขารู้เรา ดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าทำได้บ่อยๆ ก็จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องง่ายและสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้

    ต่อไปศีล ก็จะรักษาเรา โดยที่ไม่ต้องสมาทานศีล ถ้ามีสติ รู้พร้อมทางอายตนะทั้ง 6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  8. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    พรหมวิหาร 4 ข้อสุดท้ายสำคัญสุด คุณควรพิจารณาให้ดี

    การปฏิบัติเคร่งครัด ต่างจากการปฏิบัติอย่างเคร่งเครียด

    หากทำถูก จะไม่มีคำว่าเครียด มีแต่สบายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆใจ

    เพราะว่าเราปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การหาความทุกข์ใส่ตัวใส่ใจ

    แต่หาความดี ปฏิบัติดี ใจจะสบายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงที่สุด





    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กุ้ง คือ กุ้ง, ปลา คือ ปลา, ตาย คือ ตาย, เกิด คือ เกิด, คนทำกรรมเช่นไร ย่อมได้รับผลกรรมของตน ที่ทำไว้นั้น

    หากคุณจะสงสารกุ้ง ผมขอให้คุณสงสารคนกินกุ้งด้วย(คงเข้าใจนะครับ) และสำคัญที่สุด คุณต้องสงสารตัวคุณเองด้วย ดังนั้น อุเบกขาซะ เพราะอย่างว่า คุณจะห้ามเขาก็คงไม่ได้ คุณจะทำลายเททิ้งหรือเทลงน้ำก็คงไม่ได้ คุณจะให้คนอื่นเลิกกินเหล้าก็คงไม่ได้ คุณจะทุบทำลายเหล้าทิ้งก็คงทำไม่ได้เช่นกัน

    มีประโยคหนึ่ง ที่อาจารย์สอนผมไว้คือ
    1. อย่าสนใจในจริยาของผู้อื่น
    2. กรรมอันชั่วช้าลามกที่เราเคยทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ เราจะไม่ทำอีก
    3. กรรมอันดีที่เราเคยทำแล้วเราจะทำอีก และกรรมดีอันยิ่งกว่า เราจะทำให้ยิ่งขึ้นอีก
    4. เราระลึกเสมอว่า สัตว์ต้องตาย คนต้องตาย เราต้องตาย อาจตายได้ทุกขณะเวลา(ลองคิดดูดีๆนะ ตายได้ทุกขณะจริงๆ) เราจึงต้องยึดธรรมะไว้
    5. ศีล 5 , พระรัตนไตร คุณธรรมความดี จะอยู่กับเราทุกลมหายใจ, ทุกกิริยาท่าทาง
    6. เมื่อกายแตก เราจะมีนิพพานเป็นที่ไป นรก โลก สวรรค์ พรหม เราไม่ต้องการ ชาติหน้าเราไม่ต้องการ ชาติหน้าจะไม่มีอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา

    น่าจะพอแล้วสำหรับนักปฏิบัติในขั้นต้น จบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2007
  9. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ได้อ่านข้อความของ เมจิก ทำให้นึกถึงคนรู้จัก สมัยที่ผมเรียน ป ตรี อยู่ พอดีว่าผมก็สนใจพุทธศาสนาตั้งแต่เด็กแล้ว พอเข้าปีหนึ่ง ก็เลยเข้ามาเป็นสมาชิกของชมรมพุทธศาสนาซะเลย แล้วได้ยินว่า มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง เวลาไปเรียนจะสะพายย่าม เดินไม่ใส่รองเท้า ท่าทางเดินเหมือนเดินจงกรมช้าๆ นึกแล้วก็ขำครับ แต่น้อง เมจิก ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ เล่าให้ฟังเฉยๆ

    ชาติที่แล้วคงเป็นเทวดา ถึงได้มีหิริโอตัปปะมากขนาดนี้ แต่รู้อะไรไหม เท่าที่อ่านนะ มันสุดโต่งไปหน่อย ไม่ต้องไปคร่ำเคร่งอะไรมากนักหรอก เพราะจะทำให้จิตใจเศร้าหมอง กลายเป็นปิดทางปัญญา ศีลมีไว้เพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตัวไม่ให้เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นและตนเอง แต่ศีลก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องมาถือมาแบกให้หนัก หาไม่เช่นนั้น ก็จะไม่ต่างอะไรกับพวกโยคีที่บำเพ็ญตบะโดยการ ยกมือข้างเดียวบ้าง ไม่ตัดเล็บบ้าง หรือ ทรมานร่างกายแบบต่างๆ นั่นคือการติดในศีลลัพพตปรามาสอย่างรุนแรง กลายเป็นอัตตาตัวใหญ่

    ดังนั้น การที่ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลก ก็ต้องทำตัวให้เป็นปกติของโลก แล้วจึงจะมีความสุข จิตใจเบิกบานแจ่มใส การปฏิบัติธรรมก็จะก้าวหน้าไปตามลำดับ...
     
  10. นานาจ

    นานาจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +187
    เห็นด้วยกับความคิดเห็นของยายทองประสาค่ะ โดยเฉพาะข้อ 6 ที่บอกว่าเมื่อกายแตก เราจะมีนิพพานเป็นที่ไป นรก โลก สวรรค์ พรหม เราไม่ต้องการ ชาติหน้าเราไม่ต้องการ ชาติหน้าจะไม่มีอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา
     
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ความทุกข์ของคุณยังเกิดเพราะยังเห็นความจริงได้ไม่ลึกพอ

    คุณต้องเดินหน้าปฏิบัติธรรมให้ถึงขีดระดับหนึ่ง แล้วเรื่องนี้จะเป็นเพียงเรื่องธรรมดา

    ที่เรากล่าวไม่ใช่ว่ายกเอาพูดเจื่อยๆ แต่หยั่งมาด้วยตัวเองจริงๆ เราก็เหมือนกับคุณเกิดมาก็เอาแต่สันโดษ เห็นโทษจากอบาย 108 แม้แต่การนั่งในสถานที่ที่จัดไว้เพื่อการสรวญเสเฮฮาเรายังไม่เคลื่อนเข้าไป เพราะเล็งเห็นไปถึงทั้งบุพกรรม และอนาคตกรรมที่จะมีผู้ถูกเบียดเบียนมากมายเกิดขึ้นด้วยการสนันสนุนด้วยเงินเพียงเล็กน้อยจากเรานั้น -- จะเห็นว่า ระดับความเครียดของเรานั้นแผ่กระจายไปข้างนอกเยอะกว่าที่ท่านเป็น

    แก้อย่างไร

    ต้องปฏิบัติให้เข้าถึง จนคุณเข้าใจคำว่า

    - ถือศีลโดยไม่ต้องถือ ไม่ต้องอราธนา ไม่ต้องตั้งใจถือ
    - ศรัทธาพระพุทธแต่ตรงลงที่พระธรรม
    - สิ่งทั้งหลายที่เห็นเป็นทุกข์ไม่มีอะไรทุกข์ยิ่งกว่า ทุกข์ ในอริยสัจจ และไม่สงสัยอีกต่อไป
     
  12. อิสวาร์ยาไรท์

    อิสวาร์ยาไรท์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,608
    ค่าพลัง:
    +1,955
    มาให้กำลังใจค่ะ
     
  13. *จอมขมังเวทย์*

    *จอมขมังเวทย์* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +280
    [​IMG]</T></T><!-- Signature -->​
     
  14. magic_storm

    magic_storm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +3,053
    ผมเข้าใจแล้วคับ มีสหายธรรมผมคนหนึ่งก็กล่าวเหมือนกับหลายๆท่านเลยล่ะคับ

    ศีล แปลว่า ปกติ

    แต่ผมดันทำให้มันไม่เป็นปกติคือไปคร่ำเคร่งมากเกินไป เหมือนแบกอะไรบางอย่าง จนเหมือนดูเป็นทุกข์กับตัวเอง อย่างที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวไว้จริงๆคับ

    ชีวิตในสังคมโลกซับซ้อนวุ่นวาย ไม่เรียบง่ายเหมือนสังคมธรรมเลยนะคับ

    ขอบพระคุณทุกธรรมทานของทุกๆท่านด้วยความจริงใจนะคับ ตอนนี้ใจผมเข้มแข็งขึ้นแล้วคับ พร้อมที่จะเผชิญกับโลกแห่งความจริงแล้วล่ะคับ

    คำพูดสุดท้ายที่ชองซังกุงพูดเพื่อให้กำลังใจครับ

    "เจ้าอาจนึกกลัว อยากจะยอมแพ้

    แต่ว่า ถ้าเจ้าอ่อนแอเมื่อไร เนินเล็กๆก็จะเหมือนขุนเขา

    แต่ว่า ถ้าเจ้าเข้มแข็งขึ้นเมื่อไร ลมพายุก็จะเหมือนสายลมแผ่วเบา"




    ผมจะยังทำแต่สิ่งดีๆต่อไป จะรักษาศีลให้บริบูรณ์ให้ได้และตลอดไปคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ศรัทธาที่ตรงทาง ย่อมเป็นกำลังที่มุ่งมั่น ยามเจ้ามืดบอด

    * * * มันแหม่งๆ เนอะ แต่ไม่ผิด * * *

    อ้อ ตอนนี้เป็นจังหวะดีที่จะเปิด พละ 5 เพื่อทำความเข้าใจนะ
    อ่านตอนนี้จะสนิทแนบแน่นใจพาข้ามภพข้ามชาติได้
    - ผลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทุกเสี้ยววินาที -


    *
    จริงด้วย ลืมชม

    แปะ ๆ ๆ ๆ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2007
  16. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    บารมีไม่ธรรมดา...สมัยผมอายุเท่าคุณ ปัญญายังไม่ได้เท่านี้เลย เหอๆๆๆ
     
  17. แม่ลูกตาล

    แม่ลูกตาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +1,206
    อนุโมทนา สาธุ
    ทำดีแบบใด ที่ไหน เวลาใด และเมื่อใดที่ทำย่อมเกิดบุญเมื่อนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ใจกำหนดว่าจะเลือกวิธีไหน ที่ตัวเองอยู่ในจุดที่มองตัวเองและคนรอบตัวอย่างโปร่งใสไม่มีอะไรในใจกับใครทั้งนั้น
     
  18. คีตเสวี

    คีตเสวี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2007
    โพสต์:
    980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +750
    ถึงผมจะอายุมากกว่าหลายปีก็ยังต้องเลื่อมใสในปฏิปทาการปฏิบัติ นับถือ ๆ
    ผมเองก็ถือศีล 5 เช่นกันและก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างไม่ขัดเขินใด ๆ
    ผมอยากยกพุทธพจน์ตอนหนึ่งที่ว่า บุคคลที่ตายแล้วจะได้กลับมาเกิดในเมืองมนุษ์เปรียบได้กับเขาโค ส่วนบุคคลที่ตายแล้วจะไปเกิดในอบายเปรียบได้กับขนโค
    ที่ผมยกพุทธพจน์นี้ขึ้นมาเพราะถ้าเราไปจิตตกเพราะเหล่าขนโคแล้ว เราจะต้องจิตตกไปอีกกี่ครั้งกว่าที่เราจะตาย อันที่จริงขนโคก็มีอยู่เดิม เขาอยู่ของเขาอยู่แล้วและเขาจะอยู่อีกต่อ ๆ ไป ลองเอาพรหมวิหารธรรมไปจับกับพวกเขา จิตเราจะสบายเพราะเราปรารถนาดีต่อเขา อยากให้เขาพ้นจากการเบียดเบียนแต่ถ้าเขาพ้นไม่ได้หรือไม่มีวี่แววจะพ้นเราคงต้องสักแต่ว่าเห็นไป
    การที่เราจิตตกนี้แท้จริงคือนิวรณ์ของเราเอง เรียกว่าความฟุ้ซ่านรำคาญใจ ถ้าเราละนิวรณ์ข้อนี้ได้เราก็ก้าวไปอีกขั้นละครับ
    ส่วนการปฏิบัติตนโดยมีธรรมมะในชีวิตประจำวันนั้นเมื่อบารมีมากพอ ปัญญามากเข้าสมกับผู้มีอริยวัตร คือ ศรัทธา ศีล สุตตะ จาคะ ปัญญา เราจะมีความสามารถจัดการกับสถานการณ์เบื้องหน้าได้อย่างเหมาะสมเอง
    สมาชิกกองทัพธรรมไม่ท้อหรอกครับ
    กำลังใจจากกัลยาณมิตรในบอร์ดก็พอสมควรรวมทั้งผมด้วยครับ
     
  19. jankhae

    jankhae Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +58
    ด้วยความตัวเองที่ศึกษาธรรมะมาน้อย แต่ศรัทธาความดี อยากให้กำลังใจ คุณที่ทำความดี คิดดี และคาดหวังให้คนรอบข้างจะทำได้เหมือนคุณ ซึ่งเลือกปฏิบัติดี แต่บังเอิญจารีตคนรอบข้างเราเค้าไม่ใช่ และยิ่งถ้าเราทำตัวต่างจากเค้ามากๆ พวกเค้าจะว่าเราแปลก เพิ่งเล็งไปอีกแบบก็ได้ผลที่ได้มาเราต้องอยู่ในสังคมนั้นยากขึ้น แต่ถ้าเราพบปรับใจของเราได้ให้มีความสุข ไม่ว่ารอบข้างจะเป็นอย่างไรเราต้องทำตัวให้รับได้ปรับได้ เพราะเราจะควบคุมได้ดีที่สุดคือใจเราของเราคนเดียว ส่วนคนอื่นใจอื่นเราไม่สามารถควบคุมเค้าได้ ดังนั้นเราอยากสุข อยากเบิกบาน อยากสดชื่น มันก็ที่ใจเราล้วนค่ะ และยิ่งคุณมีความดีเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่เข้มแข็งเหนียวแน่นอยู่แล้ว มั่นใจนะคะว่าความดีของคุณที่ใจคุณ จะทำให้คุณมีความสุขและจะทำดีต่อเนื่องไปได้เรื่อย ทุกอย่างอยู่ที่ใจจริงๆ เชื่อนะคะว่าว่าทำดีต้องได้ดี และมีความสุข แน่นอนค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...