อยากทราบว่ามีวิธีใดในการประคองตัวเราให้ไม่ล้มเลิกการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 19 มกราคม 2014.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ---ติลักขณาทิคาถา----(หันทะมะยัง ติลักขณะณาทิคาถาโย ภะณามะ เส)---สัพเพสังขารา อนิจจาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ (เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง)....อะถะนิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา(เมื่อนั้นย่อมเหนื่อยหน่าย ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป้นธรรมอันหมดจด.)..สัพเพสังขารา ทุกขาติ ยะทาปัญญายะ ปัสสะติ(เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์)....อะถะนิพพินทะติ ทุกเข เอสะมัคโค วิสุทธิยา(เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลงนั้นแหละ เป็นทางแห่งนิพพาน อันเป็นธรรมหมดจด)......สัพเพธัมมา อนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ (เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมทั้งปวงเป็น อนัตตา).....อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา(เมื่อนั้นย่อมเหนื่อยหน่าย ในสิ่งที่เป็นทุกข ที่ตนหลงนั้นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมอันหมดจด)......อัปปะกา เต มนุสเสสุ เยชะนา ปาระคามิโน(ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก).....อะถายัง อิตะรา ปะชา ติระเมวานุธาวาติ(หมู่มนุษย์นอกนั้นย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง)....เยจะโข สัมมะทักขาเต ธัมเม ธัมมานุวัติโน(ก็ชนเหล่าใดประพฤติสมควรแก่ธรรม ในธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว)....เตชะนา ปาระเมสสันติ มัจจุเธยยัง สุทุตตะรัง(ชนเหล่านั้น จักถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุราช ที่ข้ามได้ยากนัก)....กัณหัง ธัมมัง วิปะหายะ สุกกัง ภาเวถะ ปัญฑิโต(จงเป็นบัณทิตละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว)....โอกา อะโนกะมาคัมมะ วิเวเก ยัตถะ ทูระมัง ตัตตราภิระติมิจเฉยยะ หิตวา กาเม อะกิญจะโน(จงมาถึงที่ไม่มีน้ำ จากที่มีน้ำ จงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีความกังวล จงยินดีเฉพาะต่อ พระนิพพานอันเป็นที่สงัดซึ่ง สัตว์ยินดีได้ยาก)....ปะริโยทะเปยยะ อัตตานัง จิตตะกะเลเสหิปัณทิโต(บัณทิต ควรยังตนให้ผ่องแผ้ว จากเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตทั้งหลาย)....เยสัง สัมโพธิยังเคสุ สัมมา จิตตัง สุภาวิตัง(จิตอันบัณฑิตทั้งหลายเหล่าใดอบรมดีแล้วโดยถูกต้อง ในองค์เป็นเหตุตรัสรู้ทั้งหลาย....อาทานะปฎิสนิสสัคเค อะนุปาทายะ เยระตา (บัณฑิตทั้งหลาย เหล่าใดไม่ถือมั่น ยินดีแล้วในอันสละความยึดถือ)......ขีณาสวา ชุติมันโต เตโลเก ปะรินิพพุตาติ (บัณฑิตทั้งหลาย เหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ไม่มีอาสวะ มีความโพลง ดับสนิทในโลก ดังนี้แล..-------(จาก มนตืพิธีแปล พระครูอรุณธรรมรังสี):cool:.
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถามว่า จะได้เกิดเป็นชาวพุทธไหม ...?


    อันนี้ หากพิจารณาจาก วิธีการสนทนา วิธีการโต้ วิธีการขึ้นขี่หัว เมื่อได้จังหวะ
    วิธีการทำตลกเวลาเจอคำแปลกๆ ที่ตนเห็นว่า ไม่มีเหตุผล หรือ ฟังได้ยาก
    อธิบายได้ยาก แบบนี้ก็ต้องตอบว่า

    แม้นแต่ตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นชาวพุทธ

    ดังนั้น ไม่ต้องไปถามถึงว่า เกิดใหม่จะได้เป็นชาวพุทธไหม

    กรรมมันเป็นเรื่องแปลก สุดจะคาดเดา แต่ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นของเก่า

    คำว่า ของเก่า คือ พฤติกรรมของคน จะกี่ร้อย กี่แสน กี่ล้านปี มันก็มี
    วิธีการโต้ตอบสนทนา ที่มีรูปแบบ เหมือนกัน


    การเสวนา ได้เสวนากับ ชาวพุทธ ได้เอ่ยถึง วิธีพุทธ ไม่ได้แปลว่า คนๆนั้น
    จะเป็นชาวพุทธ

    อย่าง นางจินตมานวิกา หรือ นางอมิตาดาของชูชก คนนี้ ก็เป็นคน ดี เน้นนะว่า
    เป็นคนดี มีบุญบารมีมาก มีทรัพย์มาก เคยเกิดเป็น พระมารดาของพระโพธิสัตว์
    สมณะโคดมหลายชาติ เคยเกิดเป็นภรรยาก็หลายชาติ

    แม้นในชาติ ที่พระสมณะโคดมตรัสรู้เป็น สัมมาสัมพุทธเจ้า นางก็เกิดในสมัย
    เดียวกัน เรียกว่า มีบารมีมาก คือ เป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาแบบ จะ จะ

    ได้สนทนาธรรมกัน แต่ .....................

    เป็นการ สนทนาเพื่อ ย้อนแย้ง หาประเด็นแปลกๆ ใหม่ๆ ไปเรื่อยเจื้อยเท่านั้น

    ไม่ได้มี โยนิโสมนสิการ ไม่มีการ มนสิการธรรม เลยแม้แต่นิดเดียว

    ดังนั้น

    การได้สทนาธรรมกัน การเข้ากันได้ รับฟังได้ รับไปปฏิบัตินิดๆ หน่อยๆ
    หรือ ต่อให้ปฏิบัติอุกกฤษ แต่ ใจแท้จริงไม่ได้มี " มนสิการ "

    อันนี้ ต่อให้สวมพ้ากาสวถัทร เป็นภิกษ หรือ ภิกษุณี ก็ไม่ถือว่า เป็น ชาวพุทธ
    แต่อย่างใด
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    สงสัยอีกเรื่องนึง เช่นชาดก หมูเจ้าสำราญมุณิกะ
    เราสงสัยว่าในชาดกนั้น พระพุทธเจ้าและพระอานนท์
    เกิดเป็นโค และพระที่หลงรักหญิงม่ายทรงเครื่องเคยเกิดเป็นหมู ส่วน
    หญิงม่ายทรงเครื่องเกิดเป็น เป็น นายหญิงที่เชือดหมูมุณิกะ
    เราสงสัยว่า เหตุใด พระพุทธเจ้าและพระอานนท์ ผู้มีบารมีมาก
    จึงเกิดเป็นโคในชาตินั้น ? ในขณะที่ พอหลายชาติถัดมาจึง
    ประสูติเป็นพระพุทธเจ้า ในขณะที่ นายหญิงที่เชือดมุณิกะ
    ทำบาป แต่ทำไมเกิดเป็นคนในชาตที่ พระพุทธเจ้ากลับเกิด
    เป็นโคถูกนางและบิดาใช้งาน แสดงว่านางต้องมีบุญมากกว่า ?
    แล้ว จนหลายยุคผ่านไป พอพระพุทธเจ้ามาประสูติเป็นพุทธเจ้า
    นางก็ยังมาเกิดเป็นคน แต่กลับไม่ได้บรรลุธรรม ทั้งที่ ได้เกิด
    เป็นคน ก่อนพระพุทธเจ้าและพระอานนท์ ?

    make sense
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  4. ความตาย-1

    ความตาย-1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +44
    อย่าขี้เกียจ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ในทางพระพุทธศาสนา

    พระพุทธองค์แม้จะเป็น พระสัพพัญญู รู้ทุกอย่าง แต่ สิ่งหนึ่งที่ท่านรู้
    คือ " ขันธ์5 นั้นไม่ได้เป็นไปตามอำนาจของใคร "


    ขันธ์5 นั้น จึงแปรปรวนไปตามแต่ ผัสสะ และ ตัณหา จะรุมเร้า

    ดังนั้น

    แม้น ธรรมะของพระพุทธองค์จะเป็น สัจจะธรรม ใครค้านไม่ได้ แต่
    ก็ไม่สามารถทำให้ ขันธ์5 เป็นไปตามอำนาจได้

    นั่นแปลว่า

    เจ้าตัว หรือ คนที่สนใจสดับธรรมะ มีโอกาสสดับธรรมะ จะต้อง อดรน ทน
    ฝืน บางอย่าง ด้วยตัวเอง

    ถ้าไม่ อดรน ทนฝืน ความเคยชินเดิมๆ เอาแต่ให้ ขันธ์5 ข่มขี่ พาไปโน้นนี่
    เพราะสำคัญว่า บางทีก็นำสุขมาให้ บางที่ก็นำทุกข์มาให้ บางทีก็นำความ
    โปร่งเบามาให้ไม่อะไรๆกับอะไร แบบนี้ ก็จะไม่สามารถ นมสิการ ธรรมได้

    เมื่อไม่มนสิการธรรม แล้ว ให้ขันธ์5 แปรปรวนไป

    สนทนาธรรมอีกกี่ชาติ ก็ รับธรรมไม่ได้ ไม่เข้าใจ รู้แต่ว่า คุยเรื่องนี้แล้ว
    มีความ สงบสุข รู้สึกดี ซึ่ง พร้อมจะ ผลิกผันได้ตลอดเวลา เท่านั้น

    อนึงพึงทราบด้วยว่า " มิจฉัตทิฏฐิ " นั้นมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มีอยู่


    มิจฉัตทิฏฐิ คือ พวกที่นานเท่านาน ก็ รับธรรมไม่ได้ ยิ่งปล่อยไว้
    นานเท่าไหร่ ความรู้สึกว่า นิพพาน เป็นอะไรที่ ควรแจ้ง ก็จะยิ่ง
    เกิดความรู้สึกว่า เป็นอะไรที่ไม่มีประโยชน์ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
    ปิดการรับธรรม ชั่วกัลปชั่วกัลป ไม่มีการ กลับมารับธรรมได้อีกเลย

    อะไรแบบนี้ก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มีอยู่ และ มีมากมายดาษดื่น ไม่ใช่
    แค่คนสองคน

    สรุปคือ

    ต้องพิจารณาคุณ และ โทษ เอาเอง ................นมสิการ เอาเอง ใครจะชักชวน
    โน้มน้าวไม่ได้ พระพุทธองค์ก็ทำไม่ได้ ตรงนี้ พึงทราบไว้ ข้อหนึ่งด้วย




    พวกที่รับธรรมไม่ได้ แสดงอาการไม่มี นมสิการ โดยหลักการแล้ว
    ท่านก็จะ ปล่อยไปเลย มีโวหารเรียกการปล่อยไปเลยว่า " ประหานทิ้ง "


    ยกตัวอย่าง

    หลังจากพระพุทธองค์สำเร็จ พระสัพพัญู ก็ จาริกไป จะไปหา ปัญจวัคคี

    ระหว่างทาง เจอ อุบาสกท่านหนึ่งก่อน อุบาสกท่านนั้น เห็น สมณะ
    น่าเลื่อมใส ก็เข้ามาขอโอกาส ทำทาน คือ ถวายกองฟาง สำหรับปูนั่ง

    เมื่อทำการถวายเสร็จ ก็คุยกันนิดหน่อย เป็นคนดี มีใจบุญ มาก แต่ทว่า
    ตอนสนทนา จิตไม่ได้มี มนสิการธรรมเลย

    พระพุทธองค์ก็ทำอะไรไม่ได้ สอนไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเขาไป

    แทนที่จะได้เป็น สาวกคนแรก ก็ กลายเป็น อะไรที่ไหลไปตามกระแส
    โลกไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น เจอ พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้ใส่ใจในธรรม
    คนแบบนี้ก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มีอยู่ และ ไม่ได้ เจอยากส์ เจอเย็นอะไร
    เดินไปเดี๋ยวก็ ชนกัน เจอกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  6. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    กระทำตนให้หนีห่างจากวิถีพุทธ เพื่อไปเรียนมนต์ไสยดำ

    สดับหอกระจายเสียงการละหมาด อยู่ท่ามกลางทะเลทราย

    เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กลมกลืนไปกับวัฒนธรรม

    นั่นแสดงว่า เป็นการ บอยคอต หรือ การคว่ำบาตร ตนเองนั่นเอง

    อยู่ที่ตนทำตน

    และหาได้ยากส์ ที่จะเป็นอย่าง "อุปกาชีวกะ" สุดท้ายได้แสวงหา "พระอนันตชินะ" จนสำเร็จพระอนาคามี

    มีบารมีธรรมอย่างท่านอยู่หรือ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  7. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แหม่ ก็ไอ้พวกไปเที่ยวนรก สวรรค์ ยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเลย
    จะปฏิบัติได้เหรอเนี่ย.. ..ขอให้สุขตลอดไปนะ
    จนกว่าจะตามความคิดตนได้ รู้เท่าทันได้นั่นแหละ
    รู้ถึงการอวดตัวของอัตตาเมื่อไหร่...ถึงจะช่วยตัวเองได้
    มันก็ไม่อยากมาโชว์อะไรมากมาย ทั้งฤทธิ์ ทั้งเดช
    ..แต่มันจะเข้าประเด็นเสียง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  8. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    หากการปฏิบัติที่ถูกก็ยังไม่อาจเริ่ม
    จะไปกล่าวใย ว่าไม่ให้ล้มเลิกการปฏิบัติธรรม


    วิบากใดย่อมเกิดตามอำนาจเมื่อครบวาระของกรรมนั้น
    ทุกสิ่งขึ้นลง ตามอำนาจแห่งการกระทำ
    หากขึ้นแล้วหลงก็ลง หากลงแล้วสำนึกก็ขึ้น
    ไม่ใช่ว่าได้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ นอกจากทำได้ดังนั้นจริงๆ

    ดังนี้จึงเรียกว่าวัฏฏะ คือไม่มีที่พัฒนาไปถึงที่สุด แต่หมุนวนไม่รู้จบสิิ้นตามอำนาจแห่งความหลงที่ขึ้นลงตามความประมาท จนกว่าปัญญาเกิด


    เคยได้ยินไหม การจะได้พบความจริงต้องก้าวข้ามความตาย
    การได้พบรูปขันธ์ตาย(ดับ)โดยไม่ใช่เรา ไม่หลงรูปว่าเป็นเรา
    และการได้พบขันธ์สี่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    ก็เกิดดับไปโดยไม่อาจบังคับ ไม่เป็นไปได้ดังใจ..ไม่ใช่เรา..
    จึงไม่ปรุงแต่ง ไม่บังคับ เข้าสู่ความจริงเป็นไปตามความจริง
    คือ ขันธ์ห้าไม่ใช่เรา
    แต่หากบังคับ เข้าสู่เอกัคตารมณ์ โดยข่มนิวรณ์
    ไม่เห็นความดับไปของขันธ์ห้าตามจริง
    ปัญญาญาณไม่เกิด ก็ย่อมเชื่อขันธ์ห้าที่กลับมาปรุงแต่งได้อีก
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ลองไปเช่าอยู่สัก 2-3 เดือนก่อนตัดสินใจซื้อจะดีกว่า...ที่จริงแล้วไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะอยู่ เพราะสภาพฝุ่นที่เยอะ ความชื้นต่ำ จะคันตัวมากสักหน่อย...ฝนตกคงจะปรอยๆปีละไม่เกิน 3 ครั้ง ซึ่งเดี๋ยวนี้สภาพภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่ฝนไม่ค่อยตกในพื้นที่ทะเลทรายก็เริ่มตกหนัก แล้วจะเจอเรื่องฝนสาดน้ำท่วมบ้าน ระบบท่อระบายน้ำทิ้งไม่ดีนะ ไม่ได้ใส่ แทปดักกลิ่น(เพราะไม่รู้จัก) ทำให้กลิ่นโชยทีเดียว...น้ำประปาไหลอ่อน เพราะใช้ระบบตั้งแท็งค์น้ำแล้วปล่อยลงมา ถ้าอยู่ชั้นบนน้ำจะอ่อย...แต่ติดปั๊มก็ลำบากเพราะอุณหภูมิกลางวันกลางคืน ต่างกันมาก ตอนกลางวันแรงดันจะสูง ท่อแตก หรือสุขภัณฑ์จะรั่วได้เลยทีเดียว ปูนฉาบก็เริ่มจะร่อนง่าย เพราะจริงๆแล้วปูนพวกนี้อยู่ได้เต็มที่ไม่เกิน 20 ปีก็เสื่อมสภาพ เวลาจะรื้อจะซ่อมอะไรซักอย่างนึง ลำบากทีเดียว ช่างฝีมือจะหาไม่ได้ ทำอะไรที บ้านพังกันเป็นแถบๆ อยู่ไปแล้วจะเก๊กซิมนะ...แต่ถ้าอยู่แบบเปลี่ยนบรรยากาศสักเดือน สองเดือนก็พอได้...
     
  10. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634


    อ้างอิงคุณ Duchess

    ไปมาแล้วรู้สึกมาหมดแล้ว ที่พวกนี้ แถมไปแบบ ผู้คน ชื่นชม

    เจอใครก็มีแต่คนชื่นชม เอ็นดู อย่างประหลาด จนไม่รู้ว่า จะหาไปหาความทุกข์ที่ไหนเจอดิฉันจึงอยากได้เหตุผลของการ

    ป้องกันไม่ให้ตนเดินหลงไปตามกิเลสอีกนะคะffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    <O:p> </O:p>

    ค่ะตอนแรกก็เห็นข้อความที่คุณโพสต์ไว้ ก็เลยไม่รู้ว่านิสัยที่แท้จริงคุณเป็นอย่างไรนะคะผู้ที่มี self-center กับ ไปไหนมีแต่คนชื่นชมเอ็นดูอย่างประหลาด มันจะขัดแย้งกันนะคะ เพราะผู้ที่เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปนั้น จะต้องเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน โอนอ่อนผ่อนตามสถานการณ์ นะคะ และเห็นว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดมากแล้วก็เลยไม่ได้ตอบกระทู้ และคิดว่าไม่น่าจะใช่นิสัยที่แท้จริงของคุณนะคะ(ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่า) แต่พอไปเจอคำสอนของพระพุทธองค์ที่ประโยชน์นำมาประยุกต์ใช้ได้ ก็เลยนำมาลงให้อ่านค่ะ<O:p></O:p>

    ถ้าเราชนะอารมณ์นั้นไม่ได้แล้ว ให้พยายามหลีกเลี่ยงอารมณ์นั้นดีกว่า (อดทน) จิตเป็นธรรมชาติที่กลับกลอกง่าย จึงไม่ควรให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรป้องกันไว้ก่อน เมื่อกระทำบ่อย ๆ ก็จะติดเป็นอุปนิสัยได้ ซึ่งเป็นหนทางป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เมื่อไม่จำเป็นก็ไม่ควรคบหากับอารมณ์ที่ไม่ดีจนเกิดความเคยชินได้<O:p></O:p>

    ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ อาจจะยิ่งกว่าคุณอีกแต่คนละแบบ แต่ทำให้เราเกิดเรียนรู้ว่ามันเป็นโทษแก่ตัวเรา ก็เลยพยายามไม่ทำอีก พระพุทธศาสนาสามารถทำให้เราเปลี่ยนแปลงตนเองได้ (ขันติ สติ อิทรีย์สังวร) เขาเรียกว่า อัปฏิวัติยัง นะคะ<O:p></O:p>

    <O:p> </O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  11. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    อ้างอิงคุณ Duchess

    อยากสอบถามว่า หลังจากขายบ้านที่ยุโรป ดิฉันจะมีเงินบางส่วน
    ที่มากพอจะไปซื้อ บ้าน ในเมืองโบราณ ที่ชิบามซึ่งเตึกทั้งหมดนี้ทำ
    จากโคลนก่อ ปลูกสร้างมา พันหกร้อยปี เป็นปราการป้องกันการโจมตี
    ของชาวเบดูอิน ถ้าดิฉันย้ายไปอยู่ที่ดังกล่าว มันเป็นความใฝ่ฝันของดิฉันที่จะ
    อยู่ในอาณาจักรโบราณที่เหมือนเมืองเทพนิยาย และมีความเป็นอยู่
    สงบเงียบตัดขาดจากระเบียบวุ่นวาย

    อยากทราบว่าถ้าตายที่นั้นจะได้มาเกิดเป็นคนพุทธอีกไหม?


    **********************

    คำสอนที่คิดว่าเป็นประโยชน์ ลองพิจารณาดูค่ะ
    คนเราโดยส่วนมากที่เป็นคฤหัสถ์ มักจะอึดอัดในข้อที่ว่าจะถือศาสนาได้จริงอย่างไร
    คือ ใจต้องถือจริง เลื่อมใสจริง และเห็นด้วยใจจริง
    ในคำสั่งสอนของพระศาสดาเรานั่นแหละ นับว่าเป็นผู้ที่ถือได้โดยแท้
    จึงเป็นความจำเป็นของเราทั้งหลาย ที่ต้องพยายามเรียนรู้ว่า ศาสนาที่เรานับถือคืออะไร
    ถ้าเราไม่พยายามรู้ศาสนาของเรา ว่าหนทางที่พระศาสดาของเราสั่งสอนอย่างไร ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นทางที่ดีที่สุด
    ถ้าเรามีความมั่นคงอยู่ มีความประพฤติสมกับผู้ถือพระพุทธศาสนาเช่นนี้แล้ว
    ย่อมทำให้โลกดูหมิ่นเราไม่ได้ เพื่อทำให้เกิดฉันทะความพอใจอย่างแรงกล้า
    ในการเรียนรู้พระพุทธศาสนา (ท่านพุทธทาส)

    **************************************
    ภิกษุทั้งหลาย เมื่อการเสพคบกับคนดี (สัตตบุรุษ) บริบูรณ์เต็มที่แล้ว
    การฟังสัทธรรมก็เต็มที่ เมื่อการฟังสัทธรรมเต็มที่
    ศรัทธาก็เต็มที่ เมื่อศรัทธาเต็มที่แล้ว
    โยโสมนสิการก็เต็มที่ เมื่อโยโสมนสิการเต็มที่แล้ว
    สติสัมปชัญญะก็เต็มที่ เมื่อสติสัมปชัญญะก็เต็มที่
    อินทร์สังวรก็เต็มที่ เมื่ออินทรีย์สังวรเต็มที่แล้ว
    สุจริตสามก็เต็มที่ เมื่อสุจริตสามเต็มที่
    สติปัฎฐฐานสี่ก็เต็มที่ เมื่อสติปัฎฐานสี่เต็มที่
    โพชฌงค์เจ็ดก็เต็มที่ เมื่อโพชฌงค์เต็มที่แล้ว
    วิชชาและวิมุตติก็เต็มที่ อาหารแห่งวิชชาและวิมุตติ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้

    **********************************************

    ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดหยาบตกหนักบนยอดเขาไม่สร่างซา น้ำนั้นหลลงมาตามที่ลุ่ม ทำซอกเขาและแอ่งน้ำให้เต็ม แล้วก็ยังบึงน้อยใหญ่ให้เต็ม แล้วยังแม่น้ำน้อยแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่เต็มแล้ว ก็ทำมหาสมุทรให้เต็ม นี้ฉันใด ธรรมทั้งหลายก็ (ก็ส่งกันเป็นลำดับแล้ว) ทำวิชชาและวิมุตติให้เต็มฉันนั้น

    คือ เปรียบเสมือนกับความทุกข์ที่แผดเผาดิ้นรนเร่าร้อน พอเราได้พบสัมผัสกับพระสัทธรรม เหมือนกับได้ลิ้มรสน้ำเย็นอันชุ่มชื่นใจ ประจักษ์แจ้งแก่ใจตน ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ปรารถนานิพพาน ที่ทำให้พ้นทุกข์ กำหนดจิตอย่างนั้นไว้อย่างแน่วแน่ สัจจะอธิษฐานนี้ จะเป็นตัวคอยควบคุมกำหนดทิศทางให้เราเดินตรงทาง ดั่งเรือที่ควบคุมโดยหางเสือ เกิดมากี่ชาติ กี่ชาติ สัจจะอธิษฐานที่เก็บไว้ในจิต นำทางให้เรามาพบพระพุทธศาสนาอย่างแน่นอน
     
  12. Jan2014

    Jan2014 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +143
    คุณ DuchessFidgette !
    ความอยากมันเต็มหัวท่านไปหมดเลย ท่านมองเห็นไหม?
    ใจที่มันอยากจะทำนั่นทำนี่ อยู่นั่นอยู่นี่ อยากเกิดมาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
    ท่านมองเห็นใจที่มันกำลังวิ่งวุ่นวายนี่ไหม?
    ความพอใจ นี่แหละ เป็นเหตุแ่ห่งทุกข์
    เป็นเหตุที่ทำให้ท่าน อยากนู่น อยากนี่เพื่อสนองความพอใจ
    พออยากขึ้นมาแล้วก็เป็นทุกข์
    เป็นทุกข์ที่เกิดจากสุข ทุกข์ที่เกิดจากความพอใจ
    พอใจอยากจะไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ พอใจจากจะไปเกิดมาแล้วเจอสิ่งนั้นสิ่งนี้
    ใจมันยังพอใจ กับความสวยงามในโลกที่ท่านได้ไปผ่านพบมา
    ยังเพลินอยู่ พอใจอยู่ ยังสุขอยู่ กับความสวยงามของโลก
    จนใจเผลอไปพอใจติดอยู่ จนเป็นทุกข์นี่ ท่านมองเห็นไหม?
    ชัดเจน ว่ามองไม่เห็น
    ถ้าเห็น ท่านจะไม่พรรณาออกมาเป็นความพอใจในโลกที่ท่านเห็น หนักอย่างนี้
    นี่แหละ คำตอบของคำถามที่ว่า "จะปฏิบัติธรรมต่อเพื่อเหตุผลใด" ยังงัยล่ะ
    ก็เพื่อให้เห็น ในสิ่งที่ท่านยังมองไม่เห็นนี่แหละ
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,081
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +69,971
    ...ในที่สุด จากน้ำใจของทุกๆท่านที่มารุมตอบ

    ด้วยน้ำใจ และความหวังดี ตามแต่ละท่านถนัด


    ทั้งที่พยายามตอบอย่างนุ่มนวล เกรงจะกระทบกระเทือนใจ

    ทั้งที่ตอบตรงๆ ผ่าซาก แต่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังดี



    .........คงสรุป ได้แล้วนะครับว่า การปฏิบัติธรรมคืออะไร

    ถ้าไม่มีสติ*สัมปชัญญะ ย้อนมารู้กาย *ใจ ของตน ( ว่าเป็นอริยสัจจ์ )
    ไม่รู้จัก(กิเลส)ตน
    ไม่รู้จักเอาชนะ(กิเลส)ตน ตั้งแต่เรื่องหยาบๆ

    ก็ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติธรรมเลย



    ถ้า ได้เริ่มแล้ว ปิติ สุข ความอิ่มใจ มั่นใจ ที่ได้ชนะตนเองมาทีละนิดละน้อย
    จะเป็นตัวหล่อเลี้ยง ส่งเสริม ให้กำลังใจตนเอง ทีจะประคองตนเอง ให้เดินต่อไป



    ...ขอให้ท่านเจ้าของกระทู้ มีความสุขที่แท้จริง ยิ่งๆขึ้นไป


    ขอฝากลิ๊งค์ มหาสติปัฏฐานสี่ โดยหลวงพ่อฤาษีฯนี้ไว้ให้พิจารณา สักหนึ่งทางเลือกhttp://www.luangporruesi.com/book/8.html


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มกราคม 2014
  14. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    คิดว่าไปที่นั่น ที่นี่จะมีความสุขแก่ตนเอง จะมอบความสุขให้แก่ตนเอง ที่จริงแล้วมันเป็นการดิ้นรนเพื่อสนองกิเลส ให้ใจตน หากว่าอยากเกิดเป็นชาวพุทธ ควรอยู่ในมัชฌิมประเทศ ที่มีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มีพระยาธรรมิกราชปกครอง มีโอกาสได้สร้างบุญกุศล มากกว่า และที่นั่นคือประเทศไทย และทั้งที่คุณเป็นคนไทยแต่ กลับไปอยู่ในต่างประเทศ แต่มันอาจเป็นเพราะกฏของกรรมก็ได้นะ ที่ทำให้คุณได้ไปอยู่แต่ต่างแดน แต่ดูจากการพูดคุยของคุณ ลักษณะวาทศิลป์ แล้วไม่น่าจะเป็นคนไท ฝากสมการ
    mo = motivate( (โม) x (โล-หะ) = (หะ) )
    (โม)+(หะ) = (............)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2014
  15. Paranormal Lady

    Paranormal Lady Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +52


    self-center ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่ตัวคะ ในกระแสวัฒนธรรมอย่างนึง ที่คนส่วนใหญ่มีค่านิยมอย่างหนึ่ง แต่เราไม่ทำ หรือเห็นต่าง หรือ ปฏิบัติต่างก็เป็น self- center ได้ ถ้าพูดถึงความเห็นแก่ตัวนั้น ดิฉันก็ มีอยู่บ้างแต่น้อยกว่า คนอื่นมาก และเพื่อการทำให้เป็นที่รักของผู้อื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่น รู้สึกไม่พอใจ ดิฉันเคยทำในสิ่งที่เชื่อว่าไม่มีคนในนี้ทำ มาแล้ว เช่น ยกบ้านของตนเองให้คนอื่น, ยกเงิน แสนบาท, ยก โน๊ตบุ๊ค, รถ ให้กับทุกคนที่อยากได้ และที่พูดมานี้เป็นสัจจริงทุกประการ ถ้าใครดีกับเรายิ่งถ้าทำให้ดิฉันรักมากนี้ ยอมตายแทนได้เลยคะ แต่ดิฉันเป็นคนชอบคนพูดดีคะ ถ้าพูดดี นี้ให้หมดเลย แต่ถ้าคนพูดจาหยาบคาย แข็งกระด้าง ไม่มีมารยาท ก็จะไม่ถูกกับดิฉันคะ

    เรื่องการสำรวม อิทรีย์สังวร นี้ คงทำยาก แต่ก็ออกแนวปราณีตกว่าผู้อื่นๆที่ ไม่สำรวม อินทรีสังวร ก็จะคนละแบบกัน แต่คิดว่าถ้ามีวาสนาจะพยามตัดสังโยชน์เบื้องต่ำให้ได้ในชาตินี้ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ ยังมีเป้าหมายในชีวิตที่ต้องทำให้สำเร็จเสียก่อนคะ
     
  16. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634

    ข้าพเจ้าต้องขออโหสิกรรมท่านด้วยค่ะ ที่พิมพ์แล้วทำให้เข้าใจผิด ดิฉันไม่ได้หมายถึง การเห็นแก่ตัว แต่นัยยะว่า ความคิดของตนเองเป็นใหญ่ มีตัวตนเองเป็นใหญ่คะ และขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ดีงามนั้นด้วยคะ

    โลกนี้มีสองด้านเสมอ หากเราคิดว่าจะเลือกเอาแต่สิ่งดี ๆ สิ่งไม่ดีไม่เอา ยอมรับไม่ได้ แสดงว่าเราต้องการให้ทุกอย่างเป็นอย่างใจเราคิด ทั้ง ๆ ที่บังคับอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือใจของตัวเราเอง

    ข้าพเจ้าเคยเป็นแบบท่าน ชอบคนพูดดี คนพูดไม่ดีนั้นก็สุด ๆ เหมือนกัน แต่ที่ผ่านมารวมทั้งขณะนี้ กำลังโดยวิบากกรรมเล่นงาน พูดรุนแรงทำให้คนอื่นเจ็บปวดไว้มาก ผลที่ได้รับ มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร คิดจะพูดอะไรไม่ได้อย่างที่คิด ไม่ค่อยมีความมั่นใจในการพูดกับคนอื่น ทำให้กลัวคำพูดของตนเองจะไปทำร้ายผู้อื่นไปเลยค่ะ

    เราต้องยอมรับว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราอาจจะมีทั้งผิดและถูก ถ้าเรานั่งสมาธิอบรมจิตใจเราบ่อย ๆ ซึ่งหนึ่งที่เราได้รับเสมอเมื่อเรากระทำไม่ถูกต้องเราจะรู้สึกว่าผิดต่อตัวเอง และสิ่งนั้นแหละคะที่ช่วยทำให้เราค่อยเรียนรู้ปรับปรุงตนเอง
     
  17. Paranormal Lady

    Paranormal Lady Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +52
    เออ ดิฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมหลายคนในนี้คิดว่าดิฉันโกรธ คือดิฉันไม่ได้รู้สึกโกรธคุณ เลยคะ ไม่ต้องขออโหสิกรรมหรอก ดิฉันก็แค่พูดไปตามความจริง ดิฉันอาจจะรู้สึกโกรธ บางคนในบางเรื่อง และเรื่องเดียวที่จะทำให้ดิฉันไม่พอใจได้ก็คือ ความอยุติธรรม หรือเวลาเห็น สิ่งที่มันไม่ถูกต้อง หรือ ข้อมูลผิดๆความจริง แล้วพอดิฉันอธิบายเหตุผล คนบางจำพวก ไม่สามารถจะตอบเหตุผลของดิฉันได้ แล้วก็ได้แต่เถียงข้างๆคูๆ โดยการเอาเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องที่ไม่ใช่เหตุผลมาอธิบายโจมตีในเรื่องส่วนตัว เหยียดหยาม ดูหมิ่น ทางเพศ บ้างมาใช้ จู่โจม มากกว่าจะพูดเหตผล เช่น ถ้าดิฉันไม่เห็นด้วยกับการกระทำ หรือ ข้อมูลผิดๆ ดิฉันจะอธิบายสิ่งที่ดิฉันรู้ แต่คนบางคน ไม่เอาเหตุผลมาสู้แต่ชอบสู้ด้วยการ โจมตี หรือ ใช้คำพูด สบประมาท แบบคนไม่มีอะไรจะอ้าง นั้นอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้บางคนในประเทศนี้ไม่ชอบดิฉัน แต่ถ้าคุณ ต้องไป เป็นคนที่ทำอะไรต่างๆเองแบบดิฉัน และอยู่ในประเทศสากลแล้ว ไม่มีใครสนใจเหตุผลที่โจมตีตัวบุคคล แต่เขาจะฟังเฉพาะความจริง fact, realistic และพูดเรื่องจริง แต่ ในวัฒนธรรมไทย คนเราชอบใส่หัวโขน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2014
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +4,065
    DuchessFid..โดนแบนไปแล้ว MOD..ผมตามอ่านไม่เห็นมีข้อความตรงไหนที่น่าแบนเขา..MOD คุณช่วยยกข้อความที่แบนมาดูหน่อยซิครับ พวกคุรกำลังทำอะไรครับ
    ขอให้ดูกลุ่มแก๊งค์-ที่ร้องเรียน..เป็นประจำ
    เอาแต่ร้องเรียน พวกนี้กำลังเข้ามาทำลายคนอื่นๆ หรือโฆษณาเฉพาะกลุ่มตนเองรึไม่ MOD คุณต้องรู้เท่าทัน กลุ่ม พวกนี้นะครับ ธรรมมี2ด้านเสมอ
    มาโฆษณา..ธรรมของแก๊งค์ตนเองรึไม่ ต้องเป็นประชาธิปไตยหน่อย:cool::boo:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2014
  19. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634

    ที่ตอบกระทู้นี่ไม่ใช่เป็นการโต้แย้งนะคะ และไม่ได้แนะนำท่าน เพราะท่านมีความคิดเห็นของตนเองแล้ว เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คนเคยมีปัญหามาแบบเดียวกันได้ทราบ และถือว่าเป็นการสร้างกุศลที่เคยทำผิดพลาดไว้ จากการที่เป็นคนตรงมาก และตรงเกินไป จึงเกิดการกระทำที่มีวาจาโต้ตอบคืนเขา ทำให้เกิดผลเสียแก่เรา ซึ่งเราคิดว่าเราทำถูกต้องแล้ว เราจึงปฏิบัติกับเขาแบบนั้น ตามที่เราคิด โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ถึงแม้ว่ามันอาจจะถูก แต่การกระทำที่ทำผิดไป ผลที่ตอบคืนกลับมากับข้าพเจ้า คือ ความโดดเดี่ยว

    ในสังคม ที่มีวัฒนประเพณีที่แตกต่าง หากเราเข้าสังคมใด เราต้องอยู่กับกับสังคมนั้นให้ได้ โดยที่ไม่ได้ทำให้เราเสียความเป็นตัวตน แต่เราสามารถอยู่กับสังคมนั้นได้ โดยเฉพาะสังคมที่มีวัฒนธรรมอยู่แบบพี่แบบน้อง ประนีประนอม ถ้าเราไปจัดการกับเขา เท่ากับเราจัดการตัวเราเอง ไม่ว่าเขาหรือเรา กรรมจะเป็นผู้จัดสรรเองค่ะ

    ข้าพเจ้าชอบนิสัยท่านในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องคนจริง คนตรง หรือ เสียสละให้กับผู้อื่น และอีกหลาย ๆ อย่างดี ๆ ที่อาจไม่ทราบ และ คิดว่าท่านสนใจพระพุทธศาสนาถึงขนาดนี้ แสดงว่าในใจที่สั่งสมมานั้นก็อาจไม่ธรรมดา

    และขออภัยอีกครั้งหากคิดผิดพลาดไปจากที่ท่านเป็น
     
  20. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เหตุผล ง่ายๆ

    พระพุทธเจ้าเคยทำมาหมดแล้วเช่นกัน แล้วมาบอกว่า เนี่ยดีที่สุดแล้ว แล้วทำตามนี้ ...

    จนบัดนี้ พระพุทธเจ้า ตรัสผิดตรงไหน บ้าง หาที่ผิดได้ไม๊
    ถ้าไม่ได้ ... แสดงว่า ทางที่พระพุทธเจ้าเลือกเดินนั้น ถูกต้องแล้ว มันต้อง ดีจริงๆ (ไม่ใช่ สุข จริงๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...