อยากทราบว่ามีวิธีใดในการประคองตัวเราให้ไม่ล้มเลิกการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 19 มกราคม 2014.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    ..เฮ้ยยส์..จับแพะชนหมา แมว มั่วไปหมด..ปิดทางนั่นมันบ็อบไอ้เมือกเว้ยยส์ อิอิ:boo:
     
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ต้องเข้าใจว่า

    ไม่ใช่พระพุทธเจ้าหนีทุกข์ แต่นั่นคือ
    เจ้าชาย สิทธัตถะ ซึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรม เป็นพระพุทธเจ้า
    แต่เจ้าชายสิทธัตถะ มุ่งกระทำให้แจ้ง จะว่าหาทางหนี ทุกข์ หรือ
    อยากจะพ้นจากทุกข์ ก็ไม่ผิด เพราะยังเป็นคำภาษาโลกๆ จึงได้ออกมุ่ง ค้นหา

    แต่เมื่อสำเร็จแล้วในทาง

    บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
    คำสอนไม่ปรากฎ การหนีทุกข์
    มีแต่คำสอน ทุกข์ควรกำหนดรู้

    ส่วน นิมิต ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประการใด
    มันเป็นทางผ่านของการ ฝึกฝนสมาธิอันเป็นคำกลางๆ ย่อมเกิดขึ้นในทุกศาสนา
    แต่หาก มุ่งตรงคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว เมื่อมี สติ สมาธิแก่กล้าในทางพุทธ
    นิมิตนั้นมันกลายเป็นแต่เพียงเครื่องส่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มกราคม 2014
  3. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เจ้าของกระทู้อิงสุขโลกๆไงก็ต้องมีทุกข์ ทำงานกับคนยังไงก็มัปัญหา กับสุขที่ต้องอิงอาศัยภายนอกโลกธรรม8 ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขที่หลงคิดไปว่าเหนือคนอื่น หลงคิดไปว่าได้โอกาสที่คนอื่นไม่ได้ เปราะบางมากยังไงก็ทุกข์

    กลัวไหมอะ วันนึงสิ่งพวกนี้หายไป(ต่างๆที่ตอนนี้เข้าใจตามบรรทัดฐานสังคม สิ่งนี้=สุข) พ่อแม่ไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แล้วเกิดใหม่จะสวยเท่าเดิมไหม เจ้านายจะเอ็นดูไหม

    ถ้าพิจารณาแล้วเห็นจริง ก็เป็นเหตุผลให้ขวยขวายปฎิบัติธรรมต่อนะครับ
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    อ่านกระทู้หมดนี่เนี่ยนะ...อาจถึงบรรลุธรรมได้เลยทีเดียวเชียว...
    มีท่านผู้ทรงภูมิธรรมมาแสดงให้ฟังกันเพียบ...อ่านไปแล้วก็ได้ความรู้ดีเหมือนกัน...

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ประกอบด้วยปัญญาจริงๆ...
    ตอนอายุ 14-15 ที่ผมเข้าวัดปฏิบัติธรรม เนื่องเพราะ

    ผมเห็นสุข ว่าทุกข์
    เห็นทุกข์ ว่าเหมือนหอกดาบทิ่มแทง
    เห็นความไม่สุข ไม่ทุกข์ว่าเปลี่ยนแปลง...

    เมื่อนั้นเองที่ผมได้แสวงหาทางดับทุกข์

    ไม่รู้ว่าวันนี้จะรู้หรือยัง ว่าสังโยชน์ ที่ว่าละได้แล้วนั้น มันคนละสังโยชน์ในพระพุทธศาสนา...ที่คิดว่าความเป็นอริยะบุคคลบังเกิดขึ้นแล้ว มันยังเป็นของปลอม หรือถ้าจะไม่ว่าเป็นของปลอม มันก็เป็นของต่างลัทธิ มิใช่อริยะบุคคลในพระพุทธศาสนา...

    อย่าลืมว่าจำพวกกสิณนี่เป็นวิชาที่ฤษีเขาทำกันมาก่อน เจ้าชายสิทธัตถะไปเรียนมาอีกที แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะจำกัดเฉพาะว่า ศาสนาพุทธเท่านั้นที่แสดงฤทธิ์ได้...ก็อย่างที่เห็น คนยุโรปหลายๆคนที่ไม่ใช่พุทธ เขาก็ทำได้เหมือนกัน จะว่าเก่งกว่าคนไทยหลายๆคนที่โม้ๆเอาไว้ซะอีก พวกยิปซีก็ทำได้ ใช่ไหมล่ะ ดังนั้นเรื่องฤทธิ์นี้จะมาวัดความเป็นพุทธไม่ได้

    ผู้ที่จะเข้าเขตอริยะบุคคลได้ ต้องเป็นพุทธบริษัทฯ 4 จะเป็นพุทธบริษัทฯได้ ต้องเข้าถึงไตรสรณคมก่อน จะเข้าถึงไตรสรณคม ต้องมีสัมมาฑิฐิก่อน...

    ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีวิถีทางของตนเอง... ผมเคยต้องสอนกสิณสีขาว กับเพื่อนมุสลิมที่เคร่งศาสนามาก สอนควบไปกับวิปัสสนา ก็เพียงเพื่อจะเป็นพื้นฐานแนวทาง ในภายภาคหน้าของคนผู้นี้... แต่เขาผู้นี้ก็ยังเป็นมุสลิมนะ ยังเป็นอยู่จนทุกวันนี้ ซึ่งก็เป็นวิถีทางของเขา...

    คุณนพฯก็สอนเอาไว้ดีแล้ว อธิบายได้ตรงกับจริต แต่หากไม่ได้ตั้งอยู่ในหนทางของ สัมมาฑิฐิแล้ว ก็ยังไม่นับว่าได้เริ่มต้นเรียนรู้พระพุทธศาสนา
    พุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญาก็จริงอยู่ แต่เป็นปัญญาอันเกิดขึ้นที่จิต ไม่ใช่เกิดจากความนึกคิดอันมาจากสมอง อันชาญฉลาด แต่อย่างใด
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาให้ความรู้คะ

    ดิฉันมีเรื่องอยากจะถามเกี่ยวกับการปฏิบัติเจริญสติด้วยคะว่า
    มีท่านใดในนี้ที่ทำได้จนตัวสตินี้เป็นกลายเป็นสติวินะโยแล้ว
    และสามารถทรงฌเาณได้ตลอดเวลา อยากทราบคะว่าสุขจาก
    การทรงฌาณตลอดนี้มันมากกว่าสุขจากกิเลสที่ดิฉันได้ไปพบเห็น
    อย่างไร? คือ ดิฉันเคยพยามทรงฌาณตลอด อย่างตอนที่พิมพ์นี้ก็
    ทรงอยู่ แต่สิ่งที่ได้มา มันเหมือนคน มึนๆ เวลาโดนผ่าตัดวาง
    ยาสลบ และตัวเรารู้สึกติดอยู่ในกล่องรู้ตัวแต่ออกไม่ได้ขยับไม่ได้
    และออกเหนื่อยๆด้วยคะ จะต้องแก้ไขยังไงอะคะ

    และถามสภาวะนี้ใช่สุขไหมสำหรับดิฉันมันคือไม่ใช่นะคะ
    และทำให้หายใจอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ต้องทำความเข้าใจ สมาธิ ในพระพุทธศาสนา ให้ถุกตัว

    ซึ่ง จะต้องฟังธรรมให้มากๆ กว่า จะพบ และ มั่นใจว่า ใช่
    เพราะ แม้นจะ พบแล้ว ก็ใช่ว่า จะไป เจตนาให้มันเกิดได้
    ซึ่งจะต่างกับ สมาธินอกศาสนา

    สมาธิในพระพุทธศาสนา บ้างก็เรียกกันว่า ลักขณูปณิชฌาณ
    แล้วเรียก สมาธินอกพระพุทธศาสนาว่า อารัมนูปณิชฌาณ

    คำศัพท์มันจำยาก พูดให้ง่ายๆ สมาธิในพระพุทธศาสนา เป็น
    เรื่องของ " จิตตั่งมั่นท่ามกลางกระแสเห็นความแปรปรวน "

    ซึ่ง จะต่างกับ สมาธิประเภทจดจ้อง เพ่งใน หรือบีบ หรือ เจตนา
    จะทรงอารมณ์ เห็นอะไรให้มันนิ่งๆ

    ทีนี้ ลักขณูปณิชฌาณ นั้น ก็เป็นอะไรที่ ผู้ภาวนาจะต้องมีศิลป
    สักหน่อย เพราะว่า หากตามเห็นความเปลี่ยนแปลงเป็น เราก็
    สมามารถเอา อารมณูปณิชฌาณมาทำได้

    ซึ่งหมายถึง ทำการเพ่งแค่ไหนก็ได้ แต่ จะต้อง ออกมาเห็น
    ความแปรปรวนได้ ก็ถือว่า ใช้ได้ อย่าง พระสารีบุตร ท่านโคจร
    จิตฌาณ1 2 3 4 5 6 7 8 และ 9 สลับไปมาตลอดเวลา
    ทุกลมหายใจเข้าออก โดยอาศัย การเปลี่ยนไปของ ฌาณจิต
    เป็นตัวเห็น ความแปรปรวน

    ทีนี้ เจ้าของกระทู้ อ้างว่า เน้นนะว่า อ้างว่า ชำนาญในกสิณสัญญา
    คือ ไม่ได้เจตนาจะน้อมนึก แต่ จิตแล่นไปเห็นเอง เห็นสี เห็นสรร วรรณะ

    ดังนั้น ให้ตามเห็น สีสรร วรรณะ ที่มันเปลี่ยนแปลง แปรปรวน ก็จะถือว่า
    ใช้ อารัมณูปณิชฌาณ มาเป็น บาทฐานการวิปัสสนา

    ซึ่งให้รู้ คามแตกต่างของ วรรณะ สี ที่กระทบ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปเอา
    เรื่องราว เนื้ออื่นๆ ที่เกิดไปกว่านั้น

    และ อย่าพยายามไป จม กับ สีๆ เดียว อย่าครอง แต่ให้ มันแปรปรวน
    ลักษณะของมันไปเรื่อยๆ เอาที่ กริยาจิตรู้ความแปรปรวน

    จนกระทั่ง ทวนกระแสมาเห็น จิตที่มีความตั้งมั่น ไม่มีสัณฐาน ไม่มีสี
    ไม่มีวรรณะ ไม่มีรูป ไม่มีร่าง มีแต่กริยาจิต รู้ และ ระลึกได้(สติ)

    ซึ่ง ท่าทำถูกต้อง จะไม่มีอาการ เกร็ง แน่น จม แช่ อึดอัด แต่จะมี
    ความสละออก ตามเห็นการสลัดคืน บางสิ่ง อยู่เป็นประจำ แบบเงียบๆ
    ไม่มี บัญญัติใดจะปรากฏขึ้นมาเรียกการเห็นนั้นอีก

    เมื่อจิตรู้ อย่างเดียว ไม่มีการบัญญัติเรียกอะไรอีก ไม่มีอาการแน่น
    มีแต่ความคล่องตัว ประกอบการงานได้เหมือน มนุษย์ปรกติ ภูมิจิต
    ไม่ได้เป็นฌาณ แต่ก็ไม่ห่างจากฌาณ ตรงนี้ จึงเรียกว่า ลักขณูปณิชฌาณ

    ****

    พระป่า จะเน้นทำ ฌาณ อารัมณูปณิชฌาณ แต่ พอสำเร็จ ท่านจะ กำหนด
    รู้มาที่ กาย เพื่อให้ เห็นความแปรปรวนของกาย ก็เป็นอีก เทคนิคหนึ่งใน
    การ น้อมไปสู่ ญาณทัศนะ( ตามเห็นความไม่เที่ยง ตั้งอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ถ้าเข้าใจ จะเห็นว่า จะเห็นอะไรก็ได้ จะแยกตัวเป็นพันก็ได้ จะแสดงฤทธิ์ก็ได้
    จะอะไรๆ ก็ได้ แต่จะต้อง น้อมไปสู่ ญาณทัศนะ ( ตามเห็นความแปรปรวน ได้ )

    ลักขณูปณิชฌาณ ที่อาศัย กริยาจิตเชิงฤทธิ์ ตามเห็นความแปรปรวน ทุกชนิด
    จะเรียกว่า " กายคตาสติ "

    ถ้าเมื่อไหร่ ฤทธิ์เริด อะไร กลายเป็นของเที่ยง มองเห็นความแปรปรวนไม่ได้
    เมื่อนั้นก็ผลิกออกเป็น สมาธินอกพระพุทธศาสนา ไป ไม่มี สามัญผลอะไร


    เพราะว่า ของเป็น โลกียฌาณ มันต้อง แสดงความไม่เที่ยงให้เห็นได้ ต้อง
    ปรากฏความเสื่อมได้ แต่ถ้า มันไม่เสื่อม และ ฮานาก้า กูเก่ง กูผู้เดียวทำได้
    จะเป็นรอง ก็ สัตว์หน้าขนในวิมานชื่อนั้น ชื่อนี้ ที่ต้องไปคอย ยกหางให้สูง
    แล้วให้ พวกนั้นถ่าย ออกมาแล้ว คนภาวนาก็เอา ปากรับเอาไว้ แล้วค่อยมา
    พูดบอกเรา อ้างกับเราว่า เขารู้จริง อย่าดูถูกเขานะ เขารับมาด้วยตัวเอง
    เต็มปากเลย ในสิ่งที่ท่านอันมีเราเป็นผู้ยกหางไว้สูงแล้ว รับ ถ่าย มา อันนี้ ก็
    พิจารณากันเอาเอง ว่าจะยังไง

    แต่แนะนำว่า ก็ไม่ต้องไป ว่าอะไรเขา ยกเว้น บอกความจริงไปตรงๆว่า โง่ ก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    การที่

    ใส่เสื้อผ้าที่ชอบใจซ้อนกันหลายชั้น แล้วต้องคอยปรับเครื่องทำความเย็น

    นั้น ใจเห็นความทุกข์ไหม?
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    การจะเห็น หรือ ลงความเห็นด้วย ว่า ฌาณ(ชนิดไหนก็ตามแต่)
    มันจะมี รสสุขกว่า กาม

    ตรงนี้ ต้องอาศัย การพิจารณา โทษของกาม ว่า มีอะไรบ้าง

    ถ้าไม่เคยพิจารณา และ ตรงกันข้าม ยัง ปรารภ สุขกับสีสรร การ
    แต่งองค์ ทรงเครื่อง การได้อยู่ในอาคาร สถานที่ บรรยากาศที่น่าพอใจ

    ตรงนี้ ก็เท่ากับ ยังยกย่อง รสกาม เหนือกว่า

    ก็เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่หลอกตัวเองไว้เช่นไร ก็ย่อม เชื่อ หรือ พอใจ
    ความเชื่อนั้นๆ ไม่อาจโน้ม มายอมรับ ความสุขที่พ้นจากกามได้

    แต่ถ้าเมื่อไหร่ พิจารณาบ่อยๆ ว่า กาม มันเป็น อุปสรรคต่อการทำ ฌาณ
    และโทษของกาม คือ ต้องแสวงหา ช่วงชิง เอาจากโลก ซึ่งต่างจาก ฌาณ
    ที่สามารถน้อมเข้ามาเสพได้เอง ได้ทุกเวลา ไม่ต้องอิงอาศัยโลกเลย จิต
    ก็จะค่อยๆ ถูกอบรมให้เห็น คุณของฌาณ ............

    แต่ถ้า ยังไม่ล่วงรูปสัญญา ยังมีกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ฌาณที่
    ได้มา จะแล่นออกไปสู่ กามโลก การรู้เห็น อะไรแปลกๆ จิตก็จะ เข้าใจผิด
    คิดว่าเห็นอะไรวิเศษ ก็จะโดน กามโลก ลากออกไปเป็น ผู้ยกหางบ้าง โดน
    เขามายกหางบ้าง วุ่นวายกันไป ...........แล้ว กิเลสเขาร้าย มันจะมี คำชม
    คำยอ คำยืนยันสารพัดว่าเลิศ ใช่นะ ทางอื่นไม่ใช่ มาดักเอาไว้ ไม่ให้หนีออก
    ไปจาก โลก(รูป/นาม) ได้เลย


    ***************

    อนึ่ง การเสพสีสรร การแต่งองค์ทรงเครื่อง การอยู่ในสถานที่ ที่เป็นไปเพื่อ ใจสงบ
    หรือที่เรียกว่า สัปปายะ อันนี้ ยกเว้น ให้เสพได้ เพราะ เสพแล้วใจ สงบ ปราศ
    จากราคะ ความกระวนกระวาย คลายอึดอัด ถือว่า เป็นกุศล จึงให้ เสพได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    สัมมาสติ คือ ......................................................
     
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เราตามรู้ไปเรื่อยๆ ก็จริง แต่เราใช้อะไรปราบกิเลสคะ?
    เคยได้ยินประโยคที่ว่า demand ไม่มีวันหมด แต่ supply หมดได้
    และ demand มีแต่จะเพิ่ม?

    คนที่ยังไม่ได้เห็น ไม่ได้สัผัส ก็เหมือนคนที่ ไม่เคยนอนห้องแอร์
    มันก็อยู่ได้ แต่ถามคนนอนแอร์ให้กลับไปอยู่แบบคนไม่นอน
    มันก็ทำไม่ได้ ลำพังตามรู้อย่างเดียวปิดกั้นการเสพกิเลสของจิต
    ได้หรือคะ ในเมื่อจิตมันกำลังเสพอยู่

    ลำพังตัวขันธ์มันก็มีแต่จะน้อมไปตามการบังคับของกรรม
    ที่จองจำมันอยู่ เช่นคนเจ็บป่วย การให้ระลึกรู้ ว่าไม่เจ็บ
    และทำสมาธิ ก็เป็นไปได้ยาก ในเมื่อกายมันป่วย เช่นเดียวกับ
    ขันธ์ ที่กำลังมีความสุขจากกิเลส เราจะหยุดได้ก็ด้วยวิธี บังคับ
    ซึ่งไม่ถาวร กับอีกวิธีคือ ใช้ปัญญาไตร่ตรอง แต่ ก็ต้องพึ่งสภาวะ
    เหตุการณ์ ถึงพร้อมด้วยปัจจัย
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974


    ถ้าเข้าใจ "สัมมาสติ" ไม่ต้องวิตก เรื่องปราบกิเลส

    สัมมาสติ จะเจริญขึ้นเป็นธรรมคู่ปรับกับกิเลสเอง

    ไม่ต้องไป"อยาก" อะไรมากมาย แม้แต"อยากปราบกิเลส"


    ปลูกพืช ให้ถูกกับชนิดดินที่เค้าชอบ ก็จะเจริญเติบโตเอง ให้ดอกผลดี

    ความอยากทรงฌาณ ทรงสติยิ่ง และ ฯลฯ ที่ไคว่ขว้าหาคำตอบนั้น

    เมื่อเข้าใจสัมมาสติ แล้ว ก็เริ่มถูก เจริญไปตามทางถูก
    ธรรมฝ่ายกุศลต่างๆ จะเจริญขึ้นมาตามส่วน
    ทั้งๆที่เราไม่ทราบชื่อธรรมนั้น และไม่ได้ต้องการ


    แม้รูปแบบภายนอกจะแตกต่างกันก็ตาม ไม่ว่าข้อจำกัดจะเป็นฆราวาส พระ สำนักต่างๆ
    ถิ่นทำเลที่อยู่อาศัย และ อะไรมากมาย

    " สัมมาสติแห่งทางสายเอก" นั้น ทรงอิทธิพลเหนือข้อจำกัดเหล่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2014
  13. ท้องฟ้าและแผ่นดิน

    ท้องฟ้าและแผ่นดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +127
    ลืมเรื่องทั้งหมด
    ลืมธรรมะที่เคยเรียนรู้มา
    ลืมการปฏิบัติธรรมที่เคยกระทำมา

    กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
    เริ่มต้นเรียนรู้ทุกสิ่งใหม่อีกครั้ง

    หากเปลือกทางจิตวิญญานมันเริ่มหนาเกินไป
    เติบโตได้ยาก
    ก็แค่กระเทาะเปลือกแห่งความเคยชินที่เป็นมา
    จากหนอนน้อยสู่ผีเสื้อ

    เรียนรู้ศีลในมุมมองใหม่
    เรียนรู้ธรรมะในมุมมองใหม่

    สุขที่มีเคยเป็นเคยมี เหมือนจุดรับลมชมวิวระหว่างชั้น อาจสวยงาม อาจเป็นสุข
    แต่บนดาดฟ้า ลมพัดเย็นกว่าเดิม มองได้ 360 องศา มองท้องฟ้าได้กว้างไกล
     
  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    พราหมณ์ โยคี นักพรต เจ้าพิธีทั้งมวล ในยุคที่ไม่มีพระธรรมแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ท่านเหล่านั้น ล้วนเจริญสติ ล้วนทรงฌาณ


    แม้แต่ อาจารย์ของเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ทรงอรูปฌาณสูงสุด
    ก็ยังไม่พ้นจากกองทุกข์


    เนื่องจาก สติ อันเป็นบ่อเกิดใหญ่ของฌาณ นั้นตั้งไว้ไม่ถูกที่

    แล้ว "สัมมาสติ" ซึ่งเป็นรากแห่งธรรมอันเอกนั้น ควรเป็นเช่นใด


    เมื่อรากแข็งแรง หยั่งลึก และ แตกแขนงมากมาย

    ต้นจะเจริญ มั่นคง

    ดอก ผล จะตามมาเอง แม้ไม่อยาก แต่ก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ
    คือดอก ผล จะงามตามมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 มกราคม 2014
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974

    เมื่อตอบคำถาม เรื่อง"สัมมาสติ" ได้แล้ว



    การเดินทางจะเริ่มต้นอีกครั้ง ด้วยรถไฟที่วิ่งไว้บนรางสัจจธรรม

    โลกจะระบายสี และเรียกชื่อรถไฟแบบไหน ภาษาไหน ตามสังคมที่รถไฟนี้วิ่งผ่านไปก็ตาม จุดหมายปลายทาง บนรางอริยสัจจ์สี่นี้ ก็ยังคงเป็นที่เดิม นั่นเอง คือ ความพ้นทุกข์เป็นที่สุด


    ..เว้นแต่ว่า จะแวะข้างทางบ่อย หรือ กระโดดลงจากรถไฟ...
     
  16. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เมื่อถึงเวลา ท่านสับสนจะเข้าใจเองครับ ตอนนี้ก็ไปตามวาระก่อนครับ
     
  17. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    จากที่เพื่อนสมาชิกแนะนำ ถึงตรงนี้จึงอยู่ที่ว่า เจ้าขกท. จะเข้าใจและเข้าถึงด้วยตนเองอย่างไร ในวัตรปฏิบัติอย่างไร บนเส้นทางมรรคญาณ


    ลองมาเป้นเดก เรียนรู้ระบบใหม่อย่างที่ paceo กล่าว

    คำขวัญวันเด็ก ปี57

    “คิดอย่างฉลาด รักชาติ รักพระมหากษัตริย์ ซื่อตรง ดำรงความเป็นไทย”

    “กตัญญู รู้หน้าที่ เป็นเด็กดี มีวินัย สร้างไทยให้มั่นคง”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2014
  18. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    พวกฤษี ชีเปลือย พวกนั้น เขาเจริญสมาธิ ไม่ได้เจริญสติ เรื่องการเจริญสติจากอนุสติจนมาเป็นมหาสตินี่ มีแต่พระพุทธเจ้าที่สอน...
    เหล่าฤษี พราหมณ์ พวกนั้น แม้เจริญสมาธิ ก็ไม่ได้เป็นสัมมาสมาธิ เป็นแบบเดียวกับ ที่น้องคนนี้ทำอยู่...ท่านดาบหักก็ต้องอธิบายว่า สัมมาสมาธิ มีอาการอย่างไร ต่างจาก มิจฉาสมาธิ อย่างไร และผลของมันให้ผลแตกต่างกันอย่างไร มันจะได้เหมือนป้ายบอกทาง ให้รู้ว่าที่ตนเองทำอยู่ เป็นสัมมาสมาธิหรือยัง หรือยังเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างเหล่าฤษี ชีไพร....

    สัมมาสติก็เช่นกัน มิจฉาสติก็มีคู่กัน แม้เหล่าฤษี ชีไพร จะพอรู้ในเรื่องสติ แต่ก็เป็นการรู้ด้วยมิจฉาสติบ้าง รู้ด้วยตัววิญญาณบ้าง รู้ด้วยสัญชาติญาณบ้าง ไม่ได้รู้ด้วย ผู้รู้อันเป็นตัวสติ ที่เป็นสัมมาสติ การบรรลุธรรมได้จึงไม่เกิด

    ผมเองก็อยากฟังคนอธิบายเรื่องเหล่านี้เหมือนกัน อย่างในวิชชาธรรมกายก็ได้ จะแยกสัมมาสมาธิกับมิจฉาสมาธิอย่างไร จะบอกว่าวิชชาธรรมกายไม่มีมิจฉาสมาธิไม่ได้นะ ถ้าไม่มีมิจฉาสมาธินิกายที่คลอง3จะเกิดขึ้นไม่ได้
    สำหรับวิชชาธรรมกาย ในนั้น มรรค 8 จะมีอยู่ครบ ก็เอาแต่สัมมาสติในวิชชาธรรมกายนั้น ต่างจากมิจฉาสติอย่างไร?

    อันนี้ก็อย่าหาว่าลองภูมิเลยนะ คิดเสียว่าเป็นการส่งเสริมวิชาที่ครูบาอาจารย์สอนให้นั้น ให้รู้ว่าคนที่ทำได้ รู้ได้ เห็นได้นั้นมีอยู่
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    เป็นเด็กๆแบบนี้ไม่ค่อยจะดีเหมือนกันนะ เพราะว่าจะโดนผู้ใหญ่หลอกเอาซะเรื่อย...
    เหมือนอย่างเพลงที่ร้องกันว่า...

    "โรงเรียน ของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆ ก็ไม่ซุกซน เราทุกคนชอบไปโรงเรียน ชอบไป ชอบไป โรงเรียน"

    เพลงนี้เนี่ย...ผมว่าโกหกทั้งเพลงเลยนะ...หลอกเด็กชัดๆ...
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    โดนใจมากคะ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...