มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นาคา, 18 เมษายน 2008.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เชตวันมหาวิหาร , อนาถบิณฑกเศรษฐี ปราสาท ,ยมกปฏิหารย์

    พระอาจารย์เมตตา นำมาสวดมนต์ ทำวัตร์เช้า รอ คณะอื่นที่ เข้ามา กราบนมัสการ และ สวดมนต์ ก่อนเช่นกัน..

    ขณะสวดมนต์ทำวัตร์เช้า มี เจ้าจ๋ิอ กลุ่มลิง หลายตัว ที่กำลังซน ต้องคอยระมัดระวัง สิ่งของ ,รองเท้า..

    จากนั้น พระอาจารย์เมตตา บอก บ่อน้ำ ที่สมเด็จพ่อพุทธสัมมา ทรง..

    ****เมื่อ เดินทางกลับ กำลังจะออกจาก เชตวันมหาวิหาร เจอ คณะบุญ คนสยาม ไทย อีก คณะ กำลัง น้อมอัญเชิญ ผ้า เพื่อ ถวาย เป็น พุทธบูชา..
    และทางคณะ สวด พุทธคุณ ด้วย จึง น้อม จิต โมทนา สาธุ.....*****

    ++++++
    กลับมา น้อม ปัจจัย ถวาย วัดไทยเชตุวันมหารวิหาร ,
    และร่วมบุญ ปัจจัย..วัดที่ ๓
    +วัดไทยพุทธคยา อินเดีย ๑ ธค.
    +วัดไทยสารนาถ ๒ ธค. (ผมนั่งจิตภาวนาที่ ลานหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปองค์ยืนใหญ่คนเดียวท่ามกลางอากาศหนาว ประมาณ ๑๙.๒๐-๒๑.๒๐ ครับ )..
    +วัดไทยเชตวันมหาวิหาร ๓ ธค.


    ถวายภัตตาหารเพล ,และ ร่วมรับประทานอาหาร

    ในวัดมี wi-fi จึง แชร์ภาพ ใน face book ,ไลน์ เล็กน้อย ก่อนเดินทาง ต่อ.

    ภาพ ๑๓ สังเกตุ แสงทางยาว เล็กน้อย พิจารณา ตามเหตุ และ ผล ..

    ภาพ ๑๔ ซากปราสาท ท่านอนาถบิณฑกเศรษฐี
    ภาพ ๑๗ ยมกปฏิหารย์ ที่สมเด็จพ่อ ท่านทรงแสดงปราบพวก เดียร์ถี ก่อนจะ ทรงโปรด พุทธมารดา ที่ ดาวดึงส์ (สังเกตุ ดวงสว่างเล็กๆ ทางขึ้น ติดกับ สถูป)

    ภาพ ๒๗-๓๓ ภาพจาก เว็ป ลานธรรมจักร ภาพพระพุทธปางปฐมเทศนา ( จนท.ไม่อนุญาต ถ่ายภาพทั้งหมด แต่ พลังงานในนี้ มีมาก ผมสื่อรับพลังงานใด้..)
    ++++++++
    พระมูลคันธกุฏี
    หรือ
    “พระมูลคันธกุฏีวิหาร”
    ณ สารนาถ อนุสรณ์สถานแห่งการประกาศพระสัทธรรม

    “พระมูลคันธกุฏี” หรือ “พระมูลคันธกุฏีวิหาร”
    เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาแรกและพรรษาที่ ๑๒
    สร้างขึ้นตรงบริเวณที่เป็นกระท่อมน้อยของเศรษฐีใจบุญ
    ที่ได้อุทิศสถานที่แห่งนี้เพื่อสร้างเป็นที่ประทับให้พระพุทธองค์
    หลังจากที่ได้ทรงแสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” ที่ธัมมเมกขสถูปแล้ว
    ลักษณะของพระมูลคันธกุฏีเป็นอาคารปลูกสร้างแบบอินเดียโบราณ
    ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างต่างๆ ปรักหักพังหมดแล้ว
    เหลือให้เห็นเป็นเค้าโครงของอิฐก่อขนาดใหญ่ที่มีลานหญ้าด้านหน้ากว้างขวาง


    ใกล้กับพระมูลคันธกุฏี มี เสาอโศก หรือ เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช
    (อังกฤษ : Pillars of Ashoka, ฮินดี : अशोक स्तंभ, อโศก สฺตํภ)
    สูง ๕๐ ฟุต แม้จะหักออกเป็น ๔ ท่อนก็ยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
    ณ ที่นี่เอง ที่ค้นพบ เสาหัวสิงห์ ๔ ทิศ ซึ่งเป็นหัวสิงห์ ๔ ตัวหันหลังชนกัน
    โดยหันหน้าไปทางทิศทั้ง ๔ แบกวงล้อธรรมจักรไว้ อันหมายถึง
    การประกาศพระธรรมไปทั่ว ๔ ทิศ ประดุจการบันลือสีหนาทของสีหราช
    ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่บนยอดเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช แต่หักลงมา
    ถือเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญที่สุดของอินเดีย
    ขณะนี้เก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์สารนาถ เมืองพาราณสี
    ปัจจุบันอินเดียใช้หัวสิงห์นี้เป็นตราราชการประจำแผ่นดินอินเดีย
    ถือเป็นสัญญลักษณ์ประจำชาติ มีปรากฏอยู่ในธนบัตร-ธงชาติของอินเดีย
    และข้อความจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่จารึกไว้ใต้หัวสิงห์ดังกล่าว
    คือ สตฺยเมว ชยเต (เทวนาครี : सत्यमेव जयते) หมายถึง ความจริงชนะทุกสิ่ง
    ได้ถูกนำมาเป็นคำขวัญประจำชาติของประเทศอินเดียอีกด้วย

    ส่วนต้นเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ถูกทุบทำลายหักออกเป็น ๕ ท่อนนั้น
    ในอดีตเสานี้เคยมีความสูงถึง ๗๐ ฟุต และบนยอดเสามีหัวสิงห์ ๔ หัว
    ได้จารึกคำประกาศของพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นอักษรพราหมี (อ่านว่า พราม-มี)
    ประกาศให้พระภิกษุ พระภิกษุณี ขอให้มีความสามัคคีกัน
    และใครก็ตามที่ทำให้สงฆ์แตกกันจะให้ผู้นั้นสึกออกมานุ่งผ้าขาวเสีย


    ในปัจจุบันได้มีการขุดค้นพบซากพระมูลคันธกุฎีเดิมของพระพุทธเจ้าที่สารนาถ
    ต่อมา ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ (Anagarika Dhammapala)
    ชาวพุทธศรีลังกาผู้ก่อตั้งสมาคมมหาโพธิ
    ได้ใช้ปัจจัยส่วนตัวสร้างวัดมูลคันธกุฎีขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง
    ห่างจากบริเวณพระมูลคันธกุฎีเดิมของพระพุทธเจ้าไม่มากนัก
    ตั้งชื่อว่า “วัดมูลคันธกุฏีวิหาร”
    ซึ่งถือว่าเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนาในอินเดีย
    หลังจากที่พระพุทธศาสนาถูกลืมเลือนไป
    จากความทรงจำของชาวอินเดียกว่า ๗๐๐ ปี
    และต่อมาได้มีการผูกพัทธสีมาขึ้นในวัดแห่งนี้
    พระภิกษุรูปแรกที่อุปสมบทในวัดนี้ คือ ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ
    ภายในวัดมูลคันธกุฎีวิหารได้ประดิษฐาน
    “พระประธานปางปฐมเทศนาเนื้อทองคำ”
    ศิลปะคุปตะ (Gupta Style) อันงดงาม
    ซึ่งจำลองแบบมาจากพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา

    ที่ถูกขุดพบ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ศิลปคุปตะที่ทำจากหินทรายแดง
    และถือกันว่ามีความเป็นพุทธศิลปะที่งดงามมากที่สุด ...

    แสดงกระทู้ - พระมูลคันธกุฏี ณ สารนาถ : อนุสรณ์สถานแห่งการประกาศพระสัทธรรม • ลานธรรมจักร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2013
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ "๙๖๐,ลุมพินีวัน ๕ ธค.มหาราช"

    ๔ ธันวา ร่วมบุญปัจจัย วัดไทยเชตุวันมหาวิหาร
    จากนั้น เดินทาง สู่ สุมพินีวัน
    ผ่าน แดน ข้ามประเทศ เนปาล รอเอกสาร ไม่นานนัก แวะ..

    ๙๖๐ สถานที่ พัก และ แวะเติมอาหาร พลังงาน โรตี ..ยามค่ำคืน..
    ๙๖๐ ก่อตั้งเพื่อ ให้คนไทย สยาม พักผ่อน เล็กน้อย ก่อน เดินทาง เข้า เนปาล และ เพื่อ เฉลิมฉลอง ในวาระ องค์พ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงครองราช..๖๐..
    ๙๖๐ จะนำภาพ ใน โพสส์ หน้า ครับ..

    แวะ พักค้างคืน ที่ โรงแรม ANADA INN ซึ่ง ในยามค่ำคืน ผมใด้ยินเสียง น้องหมา หอน ด้วย อากาศ หนาว แต่ เสียงที่ใด้ยิน น่าจะไม่ใช่ น้องหมาบ้าน ..น่าจะเป็น น้องหมาจิ้งจอก มากกว่า หลายตัว...

    ๕ ธันวา มหาราช..
    เช้า ถวายภัตตาหาร พระอาจารย์ และ ร่วมรับประทานอาหาร และเดินทาง สู่ ลุมพินีวัน ท่ามกลางอากาศ หนาวใด้ใจ ...

    เก็บภาพ รายทาง อากาศหนาว เดินเท้า เข้าสู่ ลุมพินีวัน..
    ท่ามกลาง พุทธศาสนิกชน ,ชาวต่างชาติ ที่ เข้ามา ชม และ ร่วมสวดมนต์ ,ถวาย พระพรชัยมงคล แด่ องค์พ่อหลวง ...

    ๕ ธันวา มหาราช..

    ขณะ พระอาจารย์ นำสวดมนต์ทำวัตร์เช้า ..ผมตั้งจิต อธิฐาน บางประการ..

    พลัน บนท้องฟ้า ปรากฏการณ์ (ที่ผมอาจจะเห็นคนเดียว ) สมเด็จพ่อพระพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน ท่านเมตตา ปรากฏ ชัดแจ้งมาก ด้วยฉัพพรรณรังสี ท่าน เมตตา เคลื่อนพระวรกาย ฉัพพรรณรังสี ...จากท้องฟ้า นิริมิต สู่ องค์พระพุทธเ้จ้าน้อย ลงมา ที่ ลานตั้ง เสา..ใกล้ เสา.. ตามภาพ ๑-๓
    [​IMG]
    พระอาจารย์ เมตตาบรรยาย พระคุณของ พ่อ แม่ ด้วยน้ำเสียง ที่เกิด ปิติ ในธรรม พร้อม ทั้งน้ำตา ไหลลงแก้ม ของหลายท่าน แม้ แต่ ผมเอง..

    กล่าวขอขมากรรม ต่อ คุณพ่อ คุณแม่ น้อมบุญ กุศล ให้ ท่้าน และ แด่ องค์พ่อหลวง จากนั้น..
    เพลง สดุดีมหาราชา และ สรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้อง ณ.ลานลุมพินี..

    ขณะ ก่อนหน้านี้ มีคณะ คนสยาม อีกคณะ ใด้ อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ พ่อหลวง และ กล่าวคำ...

    เมื่อ พิธี เรียบร้อย แล้ว ผมเดินมา ดู ที่ ลานตามในภาพ ๑-๓ สื่อสัมผัส ยังคงมี พลังบางประการ จึงขออนุญาต น้อม ตั้งจิตกราบ และ อธิฐาน จนน้อง ที่อยู่ใกล้ๆ ใด้ยินชัดเจน และ รับสื่อพลังลงมาก ซึ่งผม ...
    [​IMG]
    ลาน ที่ ลุมพินีวันแห่งนี้ เป็น สถานที่ ๗ ที่
    ผม พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ ตั้งจิตอธิฐาน (ใด้ลั่นวาจา ครั้งทีึ่ ๔ ) "ดำรงตรง ต่อ พุทธภูมิ หรือ จะเดินหน้าต่อไป ในการตั้งจิต เป็น พระพุทธเจ้า ในอนาคตวงศ์ " ให้สำเร็จ ซึ่ง ทราบว่า มี พี่ ท่านหนึ่ง ....รับกระแส ว่า ผม ตั้งจิต มาแล้ว ประมาณ ๑๐ อสงไข กับ ..มหากัป...แฮะๆๆๆ...ด้วยพระ เมตตา ของ สมเด็จพ่อพุทธสัมมา วิปัสสี ท่านทรงพระ เมตตา...(ความเชื่อเฉพา่ะบุคคล ขอรับ )

    ที่สำคัญ คือ มี พระนาม.....โพธิสัตโต ชัดเจน ๓ ครั้ง...
    .
    จนน้อง ที่อยู่ใกล้ๆ ใด้ยินชัดเจน และ รับสื่อพลังลงมาก จนเธอ รับใด้ ปิติ เช่นกัน..

    เข้าชมภายใน วิหาร ที่ พระพุทธเจ้าน้อย ท่าน ก้าว พร้อม มีดวงบัวรองรับ.. ขณะ ใกล้ถึง ผม จะ เข้ากราบ ตรงนี้ มี พี่ทหาร นำไม้ มาเขี่ย ธนบัตร์ ที่ หลายท่าน อัญเชิญ ร่วมบุญ ในวิหาร ..

    พบ รอยพระพุทธบาท พระพุทธเจ้่าน้อย ชัดเจนมาก ซึ่งทาง ผู้เกี่ยวข้อง ครอบด้วย กระจก หรือ....ใส มองเห็นใด้ ...(ถ้าพี่ทหาร ไม่เขี่ยธนบัตร์ จะไม่ใด้เห็น )
    จุดนี้ ทาง จนท.ไม่อนุญาต ถ่ายภาพ
    [​IMG]

    ผมใด้บันทึก ภาพ,เสียง ผ่านมือถือ และ ลงยูทูป แล้ว ..
    [COLOR="Blue"[B]]( ขณะ เดินทาง ยามค่ำคืน กลับจาก ลุมพินี สู่ กุสินารา พระอาจารย์ เมตตา สวดมนต์ทำวัตร์เย็น ประมาณ ๒๐.๐๐ น.ตรงกับ สยาม ประเทศ พระอาจารย์ , คณะเรา รถคันที่ ๒ ร้องเพลง สดุดีมหาราชา และ สรรเสริญพระบารมี ดังก้อง ในรถ เช่นกัน)..[/COLOR][/B]
    [B][COLOR="Blue"[B][/COLOR][/B]
    [B][COLOR="Blue"[B]งานเรา สำเร็จ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม น้อมนำ ถวายแด่ องค์พ่อหลวง.[/B][/COLOR].[/B]

    [B]ภาพ ๑-๓ ลาน ที่ผม เห็นปรากฏการณ์ พระพุทธเจ้าน้อย..[/B]

    [B]บันทึกภาพ จาก กล้องโทรศัพท์ มือถือ หลายตอน นำมารวม เรื่องราวลงใน..[/B]
    [B](ภาพ และ เสียง จึงไม่สมบูรณ์ )[/B]

    [B] [COLOR=blue][B]" ลุมพินีวัน องค์ราชันย์ มหาราช ธรรมรักษา ๕ ธันวา เนปาล "[/B][/COLOR]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7qMCZl9GQs4"]ลุมพินีวัน องค์ราชันย์ มหาราช ธรรมรักษา ๕ ธันวา เนปาล - YouTube[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2014
  3. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ชมยูทูป ในวิหาร ลุมพินีวัน
    และ ประวัติ พระพุทธเจ้าประสุติ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=dGDjZVD40yo]พระพุทธเจ้าประสูติ - YouTube[/ame]

    วิหาร ที่ พระพุทธเจ้าน้อย ท่าน ก้าว พร้อม มีดวงบัวรองรับ.. ขณะ ใกล้ถึง ผม จะ เข้ากราบ ตรงนี้ มี พี่ทหาร นำไม้ มาเขี่ย ธนบัตร์ ที่ หลายท่าน อัญเชิญ ร่วมบุญ ในวิหาร ..

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=zLkznrtyOBQ]สถานที่ประสูติ - YouTube[/ame]
     
  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ กุสินารา สถานที่ดับขันธปรินิพาน

    เดินทางสู่ กุสินารา เข้ากราบพระสรีระพระพุทธปางปรินิพพาน ที่งดงามมาก อายุประมาณ พันปี ฝีมือปั้นช่าง มถุรา

    คณะเรา ร่วมบุญถวายผ้าห่มพระวรกาย

    poj naka ๓๖ นาทีที่ผ่านมา

    กุสินารา สถานที่ดับขันธปรินิพพานของ องค์สมเด็จพ่อพุทธสัมมาองค์ปัจจุบัน ขณะสวดมนต์ ผมสังเกตุ องค์พระสรีระ ท่าน เมตตาเคลื่อนไหว พระวรกาย ๓ ครั้ง ครับ..

    มีพี่สาว ท่านหนึ่งมองเห็น เช่นกัน เมื่อคุยกัน แต่ พี่สาวท่านนี้มองเห็นเล็กน้อย..

    ในขณะนั้น มีอีกคณะ ร่วมบุญห่มผ้า พระวรกาย

    จากนั้น แวะ สวดมนต์ ที่ มกุฏพันธนเจดีย์

    ที่ กุสินารา แห่งนี้ เป็น สถานที่ ๘ ที่
    ผม พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ ตั้งจิตอธิฐาน (ใด้ลั่นวาจา ครั้งทีึ่ ๕ ) "ดำรงตรง ต่อ พุทธภูมิ หรือ จะเดินหน้าต่อไป ในการตั้งจิต เป็น พระพุทธเจ้า ในอนาคตวงศ์ " ให้สำเร็จ ซึ่ง ทราบว่า มี พี่ ท่านหนึ่ง ....รับกระแส ว่า ผม ตั้งจิต มาแล้ว ประมาณ ๑๐ อสงไข กับ ..มหากัป...แฮะๆๆๆ...ด้วยพระ เมตตา ของ สมเด็จพ่อพุทธสัมมา วิปัสสี ท่านทรงพระ เมตตา...(ความเชื่อเฉพา่ะบุคคล ขอรับ )


    โชดดี ที่ ใด้พักที่ วัดไทยไวสาลี รุ่งเช้ากำลังจะออกเดินทาง ..
    พบ หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเดินผ่านมา ..ผม ตลึง เพราะ พลังบารมี หลวงปู่ ท่าน..

    จากนั้น ใด้บอกคุณแอน ธรรมรักษาอุดร ทัวร์ เข้ากราบพร้อมกัน ที่ ห้องครัว..
    จะนำภาพ มาโพสส์ ครับ..
    ผมน้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเมตตา จับที่ไหล่ แขน (คุณแอน ธรรมรักษาอุดร ทัวร์ บอกว่้าคุณ มีดี นะ ที่หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเมตตาจับไหล่ ปกติ หลวงปู่ท่านจะไม่แตะต้องใคร )


    ภาพ ๑๓-๑๔ สวดมนต์ ข้างวิหาร (ถ่ายภาพลงยูทูป )
    ภาพ ๑๕ -๑๖ มกุฏพันธนเจดีย์

    กุสินารา ดับขันธปรินิพพาน ธรรมรักษา ๕๖
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=iPGkMwOwuWA]กุสินารา ดับขันธปรินิพพาน ธรรมรักษา ๕๖ - YouTube[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2013
  5. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    มกุฏพันธเจดีย์ ,๙๖๐

    ....หลังจาก เข้ากราบพระสรีระพระพุทธปางปรินิพพาน ..
    เดินทาง สู่ มกุฏพันธเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ซึ่งแต่เดิมเป็นที่สวมมงกุฏของ มัลละกษัตริย์..

    น้อมสวดมนต์ เข้าพิธี ต่างๆ..

    ร่วมบุญถวายปัจจัย

    +++++++++
    ๙๖๐ สถานที่ พัก และ แวะเติมอาหาร พลังงาน โรตี ..ยามค่ำคืน..
    ๙๖๐ ก่อตั้งเพื่อ ให้คนไทย สยาม พักผ่อน เล็กน้อย ก่อน เดินทาง เข้า เนปาล และ เพื่อ เฉลิมฉลอง ในวาระ องค์พ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงครองราช..๖๐..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2013
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ ไวสาลี

    หลังจาก ร่วมบุญ ถวายปัจจัย วัดไทยกุสินาราย์เฉลิมราชย์ เดินทาง สู่ ไวสาลี่ พักที่วัดไทยไวสาลี่
    วันเสาร์ ๗ ธันวา ๒๕๕๖ ชมป่ามหาวันในอดีต ที่มีเสาหินที่พระเจ้าอโศกมหาราช สร้างใว้ ยังคงสมบรูณ์

    หมู่บ้านทางเข้า มหาวัน จะมีครูคนเดียวที่สอนเด็ก หลายคน กลางแจ้ง ..ที่ยากจน มี สมุดบ้าง ,มี กระดารชนวนบ้าง..

    ร่วมบุญถวายปัจจัย วัดไทยไวสาลี

    และร่วมบุญ ปัจจัย..
    +วัดไทยพุทธคยา อินเดีย ๑ ธค.
    +วัดไทยสารนาถ ๒ ธค. (ผมนั่งจิตภาวนาที่ ลานหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปองค์ยืนใหญ่คนเดียวท่ามกลางอากาศหนาว ประมาณ ๑๙.๒๐-๒๑.๒๐ ครับ )..
    +วัดไทยเชตวันมหาวิหาร ๓ ธค.
    +วัดไทยกุสินารายณ์เฉลิมราชย์ ๕ ธค.

    +วัดไทยไวสาลี ๗ ธค.
    +วัดไทยนาลันทา ๘ ธค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ คิชกูฏ

    พยายามเก็บภาพ ,ข้อมูล ใ้ห้หมด ก่อนปีใหม่..ช่วงนี้ มีงานเข้ามาเยอะมาก ..
    สาระ ใน ข้อมูลเลยน้อยไปครับ...

    ๘ ธค.๒๕๕๖ เดินทางจาก วัดไทยนาลันทา ..

    ยามเช้าเดินทางขึ้นเขาคิชกูฏ โดยมี พี่ทหาร คอยดูแล ตามระยะ พระอาจารย์ท่านเมตตา บรรยายข้อธรรมะ ตาม จุดต่างๆ กระทั่งถึง ..

    ถ้ำพระสารีบุตร น้อมสวดมนต์ และขณะเดียวกัน ผม ใด้พบ องค์สมเด็จพ่อพุทธสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน ท่านเมตตา ยกพระหัถต์ ทรงประทานพร โดยมี พระสารีบุตร อยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลานะ อยู่เบื้องซ้าย ..(อาจจะมี ผมคนเดียวที่ เห็น )(ความเชื่อเฉพา่ะบุคคล ขอรับ ) ..

    ในถ้ำมี น้องท่านหนึ่ง ถ่ายภาพ ออกมา มีแสงประกาย ..
    อาจจะ บังเอิญ และเผอิญ มาพอดี กับ แสงสุริยัน ทำมุมกับ หน้ากล้อง..

    ภาพ ๒๐ ปฐวีธาตุ เหล็กไหลเพลิง พื้นดิน หน้าถ้ำ ...
    ภาพ ๒๒ แสงส่อง ประกายในถ้ำน้องสาว ท่านนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2013
  8. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    จากนั้น เดินขึ้นบนยอดเขา คิชกูฏ ซึ่งมี หลายคณะ ที่พร้อมใจกัน ขึ้นในยามเช้า..

    สวดมนต์บูชา องค์พระรัตนตรัย ตามวาระ (ผมใด้สวดมนต์ ๒ รอบ ตามคณะอื่นด้วย ) ปิดทอง ด้วยความเมตตา ที แม่พิชญ์ นำทองคำเปลว มา...

    ลาน ที่ เขาคิชกูฏ แห่งนี้ เป็น สถานที่ ๙ที่
    ผม พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ ตั้งจิตอธิฐาน (ใด้ลั่นวาจา ครั้งทีึ่ ๖ ) "ดำรงตรง ต่อ พุทธภูมิ หรือ จะเดินหน้าต่อไป ในการตั้งจิต เป็น พระพุทธเจ้า ในอนาคตวงศ์ " ให้สำเร็จ ซึ่ง ทราบว่า มี พี่ ท่านหนึ่ง ....รับกระแส ว่า ผม ตั้งจิต มาแล้ว ประมาณ ๑๐ อสงไข กับ ..มหากัป...แฮะๆๆๆ...ด้วยพระ เมตตา ของ สมเด็จพ่อพุทธสัมมา วิปัสสี ท่านทรงพระ เมตตา...(ความเชื่อเฉพา่ะบุคคล ขอรับ )


    สร้างยูทูป ใว้ตามวาระ ยังไม่สามารถ ตัดต่อ ให้สมบูรณ์ ใด้ เนื่องจาก เครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่้นเก่า ไม่สามารถ รองรับ ข้อมูล ที่ทันสมัย โปรแกรม ใหม่ๆ มากนัก..(พอให้เห็นภาพ ,เสียงใด้เท่านั้น ครับ )

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=zwvirPgvUcs"]????????? ?????? ?? - YouTube[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2013
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    สถาน ปู่ชีวก ,ตโปธาร.

    ลงจาก เขาคิชกูฏ มาตามเส้นทาง บ้าน หรือ โีรงหมอ ของปู่ชีวก ..

    และจากนั้นเดินทาง สู่ ตโปธาร..
    พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์
    .หลังจากลงจากเขาคิชกูฏแล้ว...แวะมาที่นี่ครับ...ตโปธาร..สถานที่อาบน้ำตามวรรณะ..ของคนอินเดีย..จากจุดที่สูง..น่าจะ.วรรณะ.กษัตริย์...ไหลลงสู่วรรณะพราหมณ์...ไหลลงสู่..วรรณะแพทย์...และ.ไหลสู่วรรณะศูตร..จากนั้นสุดท้าย..ไหลลงสู่..ที่อาบของ.วรรณะ.จัณฑาล....คนเยอะมาก..พื้นถนน.เปียกด้วยน้ำ..

    ทางขึ้น.ตโปธาร..จะมีศาลาเล็กๆ..ที่บูชา..องค์แม่กาลี...ซึ่งผมและ....รับพลังใด้..ขากลับ.จึงแวะทักทาย..ตาม..จิตสัมผัส...พราหมณ์,ฮินดู.พุทธ.ผสมผสานกันตามวาระ..แต่จิตเข้าถึง..พุทธะ...และน้อมบุญรับในสิ่งที่..ไม่ขัด..ก็..ใด้ตามวาระ..ครับ..แฮะๆๆ

    หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิริสีลสุภาราม ศิริวัฒนะที่ ๑๑๙ ปี ท่านละสังขาร เมื่อ ๒ กย. ๒๕๕๖ ที่ วัดคอนสวรรค์ มาตุภูมิ จ.สกลนคร ท่านเคยกล่าวใว้ ให้แผ่เมตตาอัปมาณ..ตลอด ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่า..
    พุทธ ฮินดู พรหมณ์ จีน ..ร่างทรง ร่างผ่าน เทพ มากันแล้ว มาช่วย ร่าง นำร่าง ให้เข้า ธรรมะ ของ องค์พระศาสนา นะ ช่วยกัน ดูแล พระพุทธศาสนา ด้วยกัน..

    ผมเอง จึง สื่อถึงสภาวะ ทาง พุทธ ฮินดู พรหมณ์ จีน บ้างตามวาระ แต่ ไม่ทิ้ง พุทธะ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2013
  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ นาลันทา มหาลัยสงฆ์ทีี่ยิ่งใหญ่

    เส่าร์ ๗ ธค.๒๕๕๖..
    เสาร์๕ ขณะเวลา ตรงกับ สยาม น้อมรับยันต์เกราะเพชร ตามวาระ น้อมนึกเห็น นะ โม พุท ธา ยะ คลุมร่าง ..๒ ท่าน ..นอกนั้น คงตามวาระ.
    .


    นำเข้าสู่ นาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตกาล..
    ก่อนที่จะถูก เตริก ทำลาย จนทำให้พุทธศาสนา เลือนหายไปจาก อินเดีย มากว่า ๗๐๐ ปี

    จนมีการค้นพบตามบันทึก ของพระถังซำจั๋ง

    ด้วยความเมตตา ของหลวงพ่อ...ท่านมี ที่นาลันทา ครั้งแรก ท่านสื่อสัมผัส ถึงอดีตชาติ ของท่าน..
    ท่าน ใด้ถูก...ตาย ใน นาลันทา ...

    ท่านเมตตา บอกว่า...โดนฟัน คล้าย สะพายแล่ง ...

    เมื่อ ผม เข้ามา นาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์ ในครั้งนี้ ครั้งแรก ความรู้สึก สัมผัส เศร้า..คล้าย ว่า เคยมา เรียนที่นี่ นานมาแล้ว...

    พระอาจารย์ เมตตา นำสวดมนต์ ...และ ให้ปล่อยวางอุเบกขา...เพราะ เหตุการณ์ ในอดีต...ผ่านมาแล้ว..

    เมื่อสวดมนต์ เรียบร้อย สายตา พบ หลวงพ่อสน ท่านเมตตา ร่วม"สาธยายพระไตรปิฏก " อินเดีย ในครั้งนี้ ..

    เฉกเช่นที่วาระ พัก ที่วัดไทยไวสาลี ใด้มีวาระพบ หลวงปู่นรสิงห์ เช่นกัน..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    ขอให้การสั่งสมบารมีเพื่อพุทธภูมิของคุณนาคา จงบารมีเต็มโดยเร็วครับ

    กำลังใจผมอาจจะน้อย แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

    หากมีโอกาส วันหนึ่งคงได้แวะเวียนลงไปเยี่ยมทางใต้ และเพื่อปฏิบัติธรรมสักระยะหนึ่ง จะมีข้อแนะนำไหมครับ
     
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    น้อมสวัสดี ธรรมะเจริญยิ่งๆขึ้นครับ ท่านพี่.. ผมเอง ตั้งจิต ดำรงต่อ พระโพธิญาณ พุทธภูมิ "วิริยาธิกะ " คงใช้เวลา พอสมควร...
    แต่ ความรู้ ผมยัง น้อยมาก ครับ..
    ยังไม่สามารถ แนะนำ ท่านใด ใด้ครับ แฮะๆๆๆ...
    น้อม ยินดี แวะ มาเยือนใด้ครับ..

    ทาง ภูเก็ต จะมี สถานธรรม ;
    +รังษีธรรมสถาน ( ตรงข้ามข้างสนามบิน ขาออก ภูเก็ต)...พระอาจารย์เมตตา แนะนำโดยดูจากจริต พระอาจารย์ นานๆจะลงมาภูเก็ต ท่านมีวัดที่ดูแล ที่ ภาคกลาง ครับ ..
    +วัดป่าเทส รังสี (พระธาตุภูหว้า ) ขึ้นเขาใกล้ น้ำตกกระทู้ ..(สาขา หลวงพ่อ อริยะวังโส ,หลวงพ่อ ท่านจะแสดงธรรม ที่วัดพระแก้ว กทม ,ลำปาง ,,)
    +วัดหลังศาล (หลวงปู่เทส )
    +พุทธอุทยาน เขานาคเกิด.
    +สำนักสงฆ์เกาะแก้วพิสดาร ที่ประทับรอยพระพุทธบาท นัมทานที

    เมื่อ ๒-๓ ปีที่ผ่านมา ถ้า จิตดิ่ง...ข้อธรรม บางข้อ จะ ออกมา จากจิต อาจจะด้วย คุรุอาจารย์...ท่านเปิดวาระ ..
    มีอยู่ ครั้ง ที่ ภูเก็ต ..น้องสาว ท่านหนึ่ง นอนเต้นท์ แล้ว ใด้ยิน...... เธอ น้อมจิตตาม กายทิพย์เธอ ออกมา...แฮะๆๆ...


    ช่วงนี้ กระแส ร้อนพอสมควร ใน...
    ผมรับสื่อ กระแส ของ หลวงปู่ทวด มหาโพธิสัตว์โต..

    เผอิญ ช่วงเดินทาง ผ่าน ๙๖๐ หลังจาก ตรวจเอกสารเดินทางผ่าน อินเดีย สู่ เนปาล ใด้พัก ที่ โรงแรม ทาง Lobby ใด้เปิด บทสวดของ พระแม่กวนอิม..

    เมื่อมาพัก ที่วัดไทยนาลันทา ..
    ปิติ กับ รูปปั้น องค์แทนพระแม่กวนอิม ,,,และ แม่ชี ใด้เปิืด บทสวด "อุบัติสุขวดีคาถา " ..
    ทิเบต ..แห่งแดน หิมาลัย..

    รุ่งเช้า ก่อนจะเดินทาง จากวัดไทยนาลันทา ..
    น้อมเปิด...โพชฌังคปริตร ...
    จากนั้น เลย ส่ง บทสวด ที่เก็บใว้ ในมือถือ ให้ แม่ชี ท่าน เปิด..น้อมนำกระแส พลังบุญ เมตตาอัปมาณ....


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9SpyJlYeYoI]อุบัติสุขาวดีคาถา 往生咒 - YouTube[/ame]

    +++++++++++++
    และ ต้องขออภัย ต่อ อีกท่านหนึ่งครับ ที่ใด้ โพสส์ โมทนา ในกระทู้มหานาคีมหานาคา...เผอิญผมไม่ทันใด้ตอบกลับ..
    ข้อความ ที่ท่านใด้โพสส์ หายแล้วครับ..เนื่องจาก ระบบเว็ปพลังจิต..

    ภาำพ ๔- ๕ วัดป่าเทส รังสี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2013
  13. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญ"สาธยายพระไตรปิฏก "อินเดีย-เนปาล ๒๕๕๖ นาลันทา มหาลัยวิทยาลัยสงฆ์ทีี่ยิ่งใหญ่

    ใด้เวลา..เดินทาง นั่งรถม้า เพื่อ น้อมกราบ หลวงพ่อดำ นาลันทา..

    พระอาจารย์ เมตตานำสวดมนต์ ทำวัตร์เย็น..ตามวาระ..

    จากนั้นใด้เวลา เล็กน้อย ในการจัดหาของมงคล ..
    จุดนี้ จะมี..
    +รูปองค์แทน หลวงพ่อดำ นาลันทา แกะจากหิน.
    +รูปองค์แทน หลวงพ่อเมตตาแกะจากหิน, หินหยกขาว
    +รูปองค์แทน พระพุทธองค์ปางปฐมเทศนา...
    +...,...,...

    กลับเข้าที่พักวัดไทยนาลันทา..
    ๒๐.๐๐ โดยประมาณ น้อมถวายผ้าไตรจีวร.ผ้าอาบน้ำ,หมวกไหมพรม,ร่ม..ปัจจัย..

    รุ่งเช้า..นำนมกล่้อง ที่นำมาจาก กทม.ตักบาตรถวาย สามเณร ..
    โมทนาบุญ แม่พิชญ์ ที่เมตตา นำปัจจัย ร่วมบุญ ด้วย ให้ครบ องค์สามเณร บิณฑบาตร...


    เมื่อมาพัก ที่วัดไทยนาลันทา ..
    ปิติ กับ รูปปั้น องค์แทนพระแม่กวนอิม ,,,และ แม่ชี ใด้เปิืด บทสวด "อุบัติสุขวดีคาถา " ..
    ทิเบต ..แห่งแดน หิมาลัย..

    รุ่งเช้า ก่อนจะเดินทาง จากวัดไทยนาลันทา ..
    น้อมเปิด...โพชฌังคปริตร ...
    จากนั้น เลย ส่ง บทสวด ที่เก็บใว้ ในมือถือ ให้ แม่ชี ท่าน เปิด..น้อมนำกระแส พลังบุญ เมตตาอัปมาณ....


    นมกล่อง นำมาจาก กทม.ไม่ใด้ใช้ เพราะ ในรถทัวร์อินเดีย เมตตา นำมาน้ำปั่น (น้ำปานะ )ให้พวกเรา คณะบุญ ใด้ทาน..

    มีอยู่ ครั้ง ๒ ครั้ง ที่ผมนำ แจกทาน ให้ เด็กๆ..เห็นแล้ว น่าสงสาร..

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=dpDLe7ek5bM"]??????????????????????? [anurakdhamma] - YouTube[/ame]

    ณ.หลวงพ่อดำ นาลันทา
    สถานที่ ๑๐ ที่ ผม พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ ตั้งจิตอธิฐาน (ไม่ใด้ลั่นวาจาครั้งที่ ๓ ) "ดำรงตรง ต่อ พุทธภูมิ หรือ จะเดินหน้าต่อไป ในการตั้งจิต เป็น พระพุทธเจ้า ในอนาคตวงศ์ " ให้สำเร็จ ซึ่ง ทราบว่า มี..ท่านหนึ่ง รับกระแส ว่า ผม ตั้งจิต มาแล้ว ประมาณ ๑๐ อสงไข กับ ..มหากัป...แฮะๆๆๆ...ด้วยพระ เมตตา ของ สมเด็จพ่อพุทธสัมมา วิปัสสี ท่านทรงพระ เมตตา...(ความเชื่อเฉพา่ะบุคคล ขอรับ )..
    ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2013
  14. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    หลวงปู่นรสิงห์,หลวงพ่อสน (อินเดีย-กทม-ภูเก็ต,ข้อธรรม คำกลอนหลังสวดมนต์ทำวัตร์เย็น)

    [​IMG] [​IMG]
    วัดไทยไวสาลี ;
    โชดดี ที่ ใด้พักที่ วัดไทยไวสาลี รุ่งเช้ากำลังจะออกเดินทาง ..
    พบ หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเดินผ่านมา ..ผม ตลึง เพราะ พลังบารมี หลวงปู่ ท่าน..

    จากนั้น ใด้บอกคุณแอน ธรรมรักษาอุดร ทัวร์ เข้ากราบพร้อมกัน ที่ ห้องครัว..
    จะนำภาพ มาโพสส์ ครับ..
    ผมน้อมกราบแทบเท้าองค์หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเมตตา จับที่ไหล่ แขน (คุณแอน ธรรมรักษาอุดร ทัวร์ บอกว่้าคุณ มีดี นะ ที่หลวงปู่นรสิงห์ ท่านเมตตาจับไหล่ ปกติ หลวงปู่ท่านจะไม่แตะต้องใคร )

    นาลันทา
    ..เมื่อสวดมนต์ เรียบร้อย สายตา พบ หลวงพ่อสน(ถ้าจำ นาม หลวงพ่อผิดพลาดกราบ ขอขมกรรม ขอรับ ) ท่านเมตตา ร่วม"สาธยายพระไตรปิฏก " อินเดีย ในครั้งนี้ ..
    +++++++++++++++++++
    พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์
    Patthamaporn Panyasuwan ,Pichkanya Saw น้อมโมทนาบุญที่ ให้โอกาส วาระเดินทางแสวงบุญในครั้งนี้ ..และ เพื่อนพี่น้อง กัลญานมิตร แม่พิชญ์ ในปัจจัย ร่วมบุญ Tip Sahakarn พี่ๆที่น่ารัก Nanthakan Boonvijit น้องสาวที่น่ารัก Nalintiyapa Benhjarachajarunundha , ประมวล ศิริวรรณ น้อมโมทนาบุญ ในปัจจัยที่ เมตตา ร่วมบุญในการเดินทาง ....ตุ๊เจ้าหมาน พระสมาน อินทร์จันทร์ ปญฺญาคโม กราบนัสการพระอาจารย์ ...

    เรือนธรรม เวียงนาคา
    จันทร์ ๙ ธค. ๕๖ เดินทางกลับ สู่พุทธคยา..มีพระอาจารย์ ,ฆราวาส บางท่านใด้เข้าร่วมฟัง สาธยายพระไตรปิฏก ที่ พุทธคยา...แต่ทราบว่า พุทธศาสนิกชน เยอะมากๆ เพราะ เป็นวันสุดท้าย...
    ผม ไม่ใด้เข้าร่วมฟังการ สาธยาย ..เนื่องจาก ต้องรีบจัดของ ,พระหินหยกขาว,พระหินหยกเขียว,หลวงพ่อองค์ดำ หินแกะ..ใว้ในกล่อง เพื่อเตรียมเดินทางกลับ สู่ สยาม ..
    แต่ใด้ตั้งจิต น้อมโมทนาบุญกับ พ่อแม่คุรุอาจารย์ ,เทพเทวา ที่ท่านเมตตา ในครั้งนี้..

    +++++++++++++

    ...น้อมโมทนาบุญพี่เต่า.ดูเหมือนว่าใช่แต่ไม่ใช่ นั้นคือมายา....(ญาติธรรม พี่เต่า)ที่เมตตา.อัญเชิญ.ต้นพระศรีมหาโพธิ.จากพุทธคยา.อินเดีย.สู่กทม-ภูเก็ต..รอวาระ.อัญเชิญปลูกที่."เรือนธรรม เวียงนาคา."อ.คุระบุรี.จ.พังงา.นำธงชาติสยาม.หน้าบ้าน.


    พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์
    16 ชั่วโมงที่แล้ว · แก้ไขแล้ว
    นะโมโพธิสัตว์โต. อาคันติมายะอิติภะคะวา..
    น้อมกราบสาธุกาลหลวงปู่ทวดโพธิสัตว์.......
    ทรงพระเมตตาบารมีปัดเป่าภัยพิบัติ............
    โพธิสัตว์โต.อาคันติมายะภะคะวา.....

    เรือนธรรม เวียงนาคา
    25 ธันวาคม · แก้ไขแล้ว
    วันนี้วันพระ.เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปตามวัฏฏะ...
    พระพุทธะแจ้ง...อนิจจังทุกขังอนัตตา..........
    วิปัสสนาในกรรมฐานสร้างปัญญา...............
    ศีลสมาธิ..ปัญญา.นำพาทางหลุดพ้น............

    วันนี้วันพระมาเถิดนะครองเนกขัมบารมี.......
    ศีลแปดมีพรหมจรรย์หนทางสร้างบารมีสิบ.
    อนุสติสิบ.หยิบพินิจธรรมนำมาตามจริต......
    นำดวงจิต.พิศธรรมนำเกิด..ประเสริฐศรี.. — กับ เบญ ทอง'วัฒน์ และ 2 อื่นๆ

    24 ธันวาคม · แก้ไขแล้ว
    เช่นเดิมทุกเช้าค่ำ.คล่ำตั้งจิตพินิจธรรม.......
    สวดมนต์ประจำทำตามกิจที่สร้างสม..........
    บ่มอบรมประพรมด้วยน้ำพุทธมนต์.............
    ใจใฝ่นิยมสร้างสมด้วยพระบารมี................

    เกิดแก่เจ็บตายพลัดพรากจากกันธรรมดา...
    โลกียา..ทำจิตเข้าสู่พระจิตตภาวนา.............
    โลกุตรธรรมนำคำสอนของพระศาสดา.......
    วิปัสสนา.เถิดเกิด.วิมุตติธรรม......................

    น้อมบุญแด่..คุณพ่อในปัจจุบัน,แม่พ่อในอดีตภพ,พ่อแม่คุรุอาจารย์ในอดีตจวบปัจจุบัน,บรมครูปู่ฤาษี๑๐๘,ปู่มหาพรหม,ปู่พญานาคา,ย่าพญานาคี,ปู่มหาราชทั้ง๔,อินทกะ,,พระแม่ธรณี,แม่คงคา,แม่โพสพ,พระเพลิง,พระพาย,ปู่พญายมราช,
    ,เทพภูมิ๑๖ชั้นฟ้า.๔ อรูป,๑๔บาดาล,๑๕ชั้นดิน..น้อมส่งบุญแด่ทุกท่านทั้งญาติ,มิใช่ญาติ.......น้องนาคี,น้องนางฟ้าที่เกี่ยวเนื่องกันมาเกื้อกูลหนุนธรรมตามสัจจะ.
    .ท่านพ่ออนันตนาคราช,ท่านพ่อศรีสุทโธนาคราช,,,วังคำชะโนด....
    อิทังบุญผลัง.....น้อมพระแม่ธรณีเมตตาสักขีพยาน..ตราบเข้าถึง..สัจจะอธิฐานบารมี๑๐,๓๐ทัศ.บรรลุถึงพระยาธรรมมิกราช,,พระเจ้าจักรพรรดิ์...ตราบถึง...พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ...

    22 ธันวาคม · แก้ไขแล้ว
    เปลวเทียน ละลายแท่ง.....
    เพื่อเปล่งแสง อันอำไพ.. ........
    ชีวิตมลายไป. พื่ออะไรทิ้งใว้แทน..................................

    สวดมนต์ทำวัตรเย็น,จิตภาวนาเช่นทุกวัน.น้อมบุญแด่.คุณพ่อ.ในปัจจุบันนี้.คุณพ่อ,แม่ในอดีตภพ.น้อง..ในอดีตภพ..พี่ๆน้องๆเพื่อนๆในสัมมาทิฏฐิ..รักในหลวง.กายสังขาร,กายทิพย์ทุกท่าน.เทพภมิ.๑๖ชั้นฟ้า.๔ อรูป.,๑๔ บาดาล,๑๕ ชั้นดิน,,,ปู่พญานาคา,ย่าพญานาคี,น้องนาคี.ในอดีตภพ.ปู่มหาราชทั้ง๔ อินทะกะ,ปู่ยมบาล.แม่คงคา,แม่ธรณี,พระเพลิง พระพาย.แม่โพสพ,,ธรณีเป็นพยาน..น้องขัตติยะนาคี,น้องเมฆินีนาคียะ,น้องเกษิณีนาคียะ,น้องสุพรรษานาคียะ,น้องมณฑา..น้องนางฟ้าที่เกี่ยวเนื่องกันมา..น้อมบุญให้ดวงจิตทั้งญาติและมิใช่ญาติ

    ทั้ง เหล่ากายทิพย์กายละเอียดทุกท่าน ที่เกี๋ยวเนื่องกันมา
    ปู่พญานาคา ย่าพญานาคี นาคอัคคี สุวรรณนาค เจติยะนาค ศรีสุทโธนาค นาคิริยะ ภุชงค์ เมฆินทร์นาค พรหมนาค สิงหนาค พญาวาสุกรี สุนันโทนาคราช สุวินโธนาคราช โภคะนาคราช ประสิทธินาค อนัตตนาคราช ปู่ภัทริยะนาคราช พญาศรีสัตตนาคราช ,พญาสัตตนาคราช น้องขัตติยะนาคีราชกุมารีศรจักตรา ,น้องสุพรรษานาคียะ น้องเกษีณีนาคราช ,น้องเมคิณีปทุมนาคียะ ,น้องสาวิตรี พ่อพญาแล
    ท่าน โสรดา ,ท่านโสรยา ,ท่าน สุชาดา ,ท่าน วิชชุดา , ท่าน สุมณฑาทิพย์ จิตรดา โสภาภิรมณ์
    เหล่าครุฑา ทุกท่าน ,ท่าน เมฆิณครุฑาเทพ ฯลฯ..

    ..อิทังบุญผลัง..
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.3033823/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2014
  15. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    คําสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ..กับท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ จาก ราชบัลลังค์

    [​IMG] [​IMG]
    เกาะแก้วพิศดาร ภูเก็ต
    23 ธันวาคม · แก้ไขแล้ว
    คําสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ..กับท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิ จาก ราชบัลลังค์ ภักดีจักรีภูมินทร์
    29 เมษายน 2013 เวลา 17:01 น.
    ในสมัยหลวงปู่ดู่...ยังมีชีวิตอยู่นั้น
    ศิษย์จะได้ยินคำว่า "พระโพธิสัตว์" หรือคำว่า "พุทธภูมิ" ไม่บ่อยนัก
    หลวงปู่ดู่มักจะกล่าวถึง ก็เฉพาะกับ "หลวงปู่ทวด"

    คำว่า "พระโพธิสัตว์" หรือ "พุทธภูมิ" นั้น
    เป็นคำที่ยิ่งใหญ่ เกินกว่าใคร ๆ จะมาพยากรณ์กันเอง

    คำว่า "พระโพธิสัตว์" มักจะหมายถึง...
    พระโพธิสัตว์ที่ได้รับ "การพยากรณ์...จากพระพุทธเจ้าแล้ว"
    จึงมีความแน่นอน ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
    เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พูดแล้วเป็นหนึ่ง ไม่เป็นสอง ต้องเป็นจริงตามนั้น

    ดังนั้น หากใครบอกว่า "ลาพุทธภูมิ"
    นั่นย่อมหมายความว่า ยังไม่เคยได้รับ "พุทธพยากรณ์" จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
    จึงอาจไม่แตกต่างจากสัตวโลกทั้งหลาย ที่พากันปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า
    ในวันที่พระพุทธองค์ เสด็จกลับจากดาวดีงส์
    พร้อมกับบันดาลให้สัตว์โลกทุกภพภูมิ ได้มองเห็นกันหมด
    ทำให้มนุษย์ รวมทั้งสัตว์ภพภูมิอื่น ๆ พากันตั้งความปรารถนาจะเป็น "พระพุทธเจ้า" กันมากมาย

    คำว่า "พระโพธิสัตว์" หรือ "พุทธภูมิ" ที่พากันใช้เกล่อไปนั้น
    เป็นความล่อแหลมอยู่ไม่น้อย เพราะอาจเป็นช่องให้กิเลส ความหลง...มาครอบงำได้ง่าย

    ทำให้นักปฏิบัติธรรมหลายๆคน... " หยุดความเพียรในการเจริญกรรมฐาน "
    และเน้น " โปรดสัตว์ "
    ตั้งแต่คราวที่ " โปรดตัวเอง...ยังไม่ได้เลย "

    ข้อเสียที่เห็นชัดเจนก็คือ
    ทำให้ไม่อุสาหะ พากเพียร ปฏิบัติขัดเกลากิเลส...ในภพชาติปัจจุบัน

    ด้วยคิดหวัง จะสร้างนั่น สร้างนี่ไปเรื่อย ๆ
    เพื่อปูทางไปสู่ความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    ทั้งที่ได้ "ลาภอันประเสริฐ" ที่เกิดมาพบ "พระพุทธศาสนา"
    ได้มีโอกาสพบ...ธรรมคำสอน พบครูบาอาจารย์ดี ๆ...ก็มิได้ปฏิบัติให้เต็มที่

    หากพ้นจากชาตินี้ไปแล้ว จะมีอะไรเป็นหลักประกัน
    อย่าว่าแต่จะมาพบ..."พระธรรมคำสอน" อีกเลย
    แม้เพียงการได้ "เกิด" เป็น "มนุษย์" อีก...ก็ยังยาก

    เเละไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่า...
    ชาติหน้า...เรายังจะมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย

    ดังมีตัวอย่างคือ ท่านพาหิยะ
    ที่แม้ชาติก่อน...จะตายในขณะบำเพ็ญเพียร
    แต่ชาติต่อมา...ก็ปรากฏว่า ไปเป็นนักบวชต่างศาสนา

    หรือกรณีของ "หัวหน้าผู้นำบุญ" ซึ่งเป็นผู้ชักชวนคนเข้าวัดจำนวนมาก
    แต่พอเกิดเหตุร้ายในชีวิต เขาก็ละทิ้งศาสนาพุทธ...ไปหาศาสนาแห่งพระเจ้าไปก็มี
    นั่นเพราะ ยังมิได้มี "ศรัทธา และ ปัญญา"...ในระดับที่มั่นคงเพียงพอนั่นเอง

    มีเรื่องทำนองนี้ คือ มีศิษย์ของหลวงปู่ดู่
    นำเรื่องราวของ หลวงตามหาบัว มาเล่าถวายให้ท่านฟัง
    เรื่องมีอยู่ว่า หลวงตาสังเกตเห็นศิษย์คนหนึ่ง ไม่ค่อยขยันภาวนา
    เมื่อหลวงตาถามว่า "ทำไม"

    เขาก็ตอบท่านว่า
    "เดี๋ยวก่อน เพราะเขาปรารถนาว่า...จะไปบรรลุธรรมในยุคพระศรีอาริย์"

    หลวงตา เลยพูดสอนเสียงดังว่า
    "ชาตินี้ยังไม่เอาไหน ชาติหน้าก็จะยิ่งไม่เอาไหน
    แล้วคนไม่เอาไหน มีเหรอ จะคู่ควรไปเกิดในยุคพระศรีอาริย์
    ถึงไปเกิด ก็เป็นคนไม่เอาไหน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก"

    หลวงปู่ดู่ฟังแล้ว ก็หัวเราะชอบใจ
    กล่าวรับรองว่า...เป็นจริงอย่างนั้น

    ถามว่า ผู้เป็น "พุทธภูมิ" นั้น...มีอยู่หรือไม่
    ก็ต้องตอบว่า... "มี" อย่างแน่นอน
    แต่ผู้ที่เป็น "พุทธภูมิ" ก็ย่อมจะมี "ภูมิธรรม"... รู้อะไรควร มิควร

    ในสมัยหลวงปู่ดู่ ก็มีศิษย์บางคนที่ค่อนข้างจะ "ขี้เกียจทำความเพียร"
    แต่เที่ยวบอกใคร ๆ ว่า "ฉันนั้นเป็น...พุทธภูมิ"
    ตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า...ในกาลข้างหน้าเหมือนกัน
    แต่ภาพที่ปรากฏแก่คนทั่วไปคือ นักปฏิบัติขี้ยา
    คือ ทั้งดื่มสุรา สูบบุหรี่ แถมยังชอบหมกมุ่นกับเรื่อง "อดีตชาติ"
    ที่สำคัญคือ เป็นคน "ทิฏฐิแรง" ไม่ค่อยฟังใคร

    เวลาไปนั่งสมาธิที่ไหน แทนที่จะ.. "พิจารณาธรรม"
    กลับจะคอยตามเช็คกันว่า เห็น "นิมิต" เหมือนกันไหม
    ทั้ง ๆ ที่ครูอาจารย์ก็พร่ำสอนว่า...นิมิตย่อมจะไม่เหมือนกัน
    เพราะ "สภาพจิต" ของนักปฏิบัติต่างกัน
    และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะไม่ใช่ทาง

    การปฏิบัติ และ พิจารณา...ให้คลายความโง่ ความหลง ต่างหาก
    คือ "เป้าหมาย"...ของการปฏิบัติ

    ในขณะที่ "ศิษย์ใกล้ตัว" ของหลวงปู่ดู่บางคน...ตั้งอยู่ในความประมาท
    มองเห็นว่า สวรรค์สมบัติ หรือ นิพพานสมบัตินั้น...เป็นเหมือนของที่อยู่แค่เอื้อม
    หลวงปู่กลับบอกว่า...
    คนใกล้ตัวเหล่านั้น อยู่ไม่ไกลจาก "ขอบนรก" เลย

    ดังที่ท่านกล่าวว่า
    "ถ้าข้าตายแล้ว ข้าต้องลงนรก
    ...ลงนรกเพื่อไปเอาพวกแกขึ้นมา"

    ที่เล่ามานี้ ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ให้ไม่ประมาท
    และไม่ต้องเสียเวลา วิตก วิจารณ์ ไปกับเรื่องที่ว่า...เราจะเป็น "สาวกภูมิ" หรือ "พุทธภูมิ"
    เพราะ ความแก่
    ความเจ็บ
    ความตาย
    ความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
    มันใกล้ตัวเข้ามา เกินกว่าจะเสียเวลาคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว

    หลวงปู่ดู่...ท่านให้ทุกคนตั้งเป้าอย่างเดียวกันคือ "หนึ่งในสี่"
    อันเป็น "ภาวะที่เที่ยงแท้" ว่า ... จะไม่ลงนรกอีก
    ที่หลวงปู่ดู่ ท่านสอนให้นักปฏิบัติ
    มีความอุตสาหะที่จะให้ได้ "มรรคผล ขั้นต้น" ในภพชาติปัจจุบัน
    เพื่อที่จะมีความเที่ยงแท้...ต่อการเข้าถึงฝั่งแห่ง "พระนิพพาน" อย่างไม่เนิ่นช้า

    หมายเหตุ
    หนึ่งในสี่ หมายถีง พระโสดาบัน
    (ผู้ตกกระเเสพระนิพพาน เเละ จะได้บรรลุพระอรหันต์อย่างเเน่นอน)
    ๑. พระโสดาบัน
    ๒. พระสกิทาคามี
    ๓. พระอนาคามี
    ๔. พระอรหันต์

    เรียบเรียงจากคุณ สิทธิ์
    ข้อมูลจาก
    ข้อเตือนใจ..."ผู้ปราถนาพุทธภูมิ"
    Cr.ธุลีดิน

    ***กระทู้ นี้ มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีพระพุทธบาท ว.สื่อสาร เพื่อการเตรียมการ
    ..จะเปลี่ยนไปทาง พุทธภูมิ..สงสัยจะใด้จัดห้องใหม่ แฮะๆๆๆ...จากการรวมตัวเล็กๆ ในภูเก็ต,พังงา จัดบุญตามวาระ ,เดินทางร่วมบุญ ต่างสถานที่..และ บรรเทาสิ่งที่ หลายท่านกล่าวถึง..***
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2014
  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ต้นพระศรีมหาโพธิ,นอนกลด เรือนธรรม นำกุศลผลบุญหนุนนำ ปีมะเส็ง-มะเมีย

    เรือนธรรม เวียงนาคา
    18 ชั่วโมงที่แล้ว
    ต้นพระศรีมหาโพธิ,นอนกลด เรือนธรรม (18 รูป)
    เช้า ๒๘ ธค.ตักบาตรยามเช้า.ที่บ้าน เรือนธรรม นาคา โลกอุดร มะ ๔.ภูเก็ต
    เมื่อเช้า.หลวงปู่พระอ.ท่านบิณฑบาต.มองเห็นต้นพระศรีมหาโพธิ..ที่จัดอัญเชิญใว้ที่หน้าบ้าน...ท่านว่าต้นหลาน,เหลน.....พระศรีมหาโพธิ. (จึงไม่ต้อง สงสัย ว่า จริง หรือเปล่า ต้นพระศรีมหาโพธิ แต่ อาจจะ เรียกต่างกัน ครับ )..

    คืนแรกในค่ำคืน.๒๘.ธค.ทีี่เรือนธรรม.เวียงนาคา.บนเนินเขา.อ.คุระบุรี.จ.พังงา.สวดมนต์ทำวัตรเย็น.พุทธเจ้า๒๘.พระองค์,มงคลสูตรคปริตร๓๘ประการ.โพชฌังคปริตร,เมตตัญ.ในกรณียสูตรตัง.,ขันธปริตร(วิรูปักข์ ),,ชัยมงคลคาถา,,ชินบัญชร..มงคลจักรวาฬใหญ่...ทั้งหมดนี้...สวดมนต์จากจิต...ไม่ใด้ดูหนังสือ...ตามที่หลวงปู่สุภา. ศิริวัฒนะ..๑๑๙.ปีเมตตาสอนสั่ง..จิตภาวนาแผ่เมตตาจิต

    ลงยางแอตฟันติก มะตอย ช่วงโค้งแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ ใด้เท คอนกรีต ไปบางส่วน

    ค่ำคืน ๓๑ ธค. ๕๖ สวดมนต์ทำวัตรเย็น,จิตภาวนา,แผ่เมตตาจิตอัปมาณ..น้อมสวดมนต์ข้ามคืนเล็กน้อย,ปฏิบัติบูชา..ข้ามปี๒๕๕๖-๒๕๕๗..สุขี สว่างทางธรรม.นำปัจจัย.มนุษย์สมบัติ,สวรรค์สมบัต,จักรพรรดิสมบัติิ,ใช้สร้างบารมี.ด้วย.สติปัญญา.ตักไม่พร่อง.คล่องตัวทั้งทางโลกทางธรรม..ตราบเท่าเข้าสู่...นิพพานสมบัติ...นิพพานะปัจจโยโหตุ.

    เช้า ๑ มค. ๒๕๕๗ ร่วมพลังบุญฟัง ข้อธรรม จาก ท่านเจ้าคณะอำเภอ คุระบุรี (เจ้าอาวาส วัดสามัคคีธรรมป่าส้าน ) และ ร่วมตักบาตร สร้างกุศลผลบุญ พร้อมๆ ครอบครัว "ทองทวีวิวัฒน์ "

    ..ขอพุทธภูมิ..พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในอนาคตวงค์..เจริญยิ่ง..ที่"พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี..อ.คุระบุรี.จ.พังงา. — ที่ พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี

    เรือนธรรม เวียงนาคา
    น้อมพร ชัยมิ่งมงคล เจริญยิ่งใน ลาภ สุข พลานามัย ใจสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม ด้วยกุศลหนุนนำด้วยพลังบารมี...ด้วยพระเมตตามหาบารมี บรมครู ..พระอริยะสงฆ์ พระปัจเจกโพธิ..ด้วย วิระทะโร...

    สุขสว่าง..ปัจจัยเพิ่มพูลทวี.นำมาสร้างบารมี.
    ตักไม่พร่อง..ด้วยมนุษย์สมบัติ.สวรรค์สมบัติ,จักรพรรดิสมบัติ,,ตราบเท่า..นิพพานสมบัติ...

    สำเร็จในสิ่งต้องประสงค์ บรรจงเก็บความสุขสดใส..
    ในใจใส่ความสุขสมหวัง....พลังบุญหนุนนำปัจจัยทวีพูลผล...

    พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ (ไลน์ )

    น้อมบุญ..จิตภาวนา.สวดมนต์.ปฏิบัติบูชาข้ามปี.๕๖-๕๗..
    สุขสว่างที่ใจ.ใฝ่ในหิริโอตตัปปะ..
    นะโมพุทธายะ..ยะธาพุทธโมนะ..

    สละลดเลิก..นิวรณ์,,โยคาวจร..
    นักบุญที่ใจ..ในอริสัจจะธรรม.
    มรรคและผล..ตามมาด้วย..
    ศีล..,บารมี๑๐,๓๐ทัศ..

    สว่างชัดแจ้ง ด้วย อนุสติ ๑๐
    หยิบยกลดละเลิก สังโยชน์
    ก่อเกิด อริยะบุคคล
    ด้วย โสดามรรค,ผล

    ก่อพ้นด้วยสกิทาคามี
    เนกขัมบารมี จักร์ศรี
    อนาคามี บารมีท้วมท้น
    สู่วิมุตติ อรหันตะ...

    เอวัง โหตุ

    สุขสดใสใจผ่องแผ้ว
    ณ.ดวงแก้วที่กลางใจ
    ณ.ดวงธรรมสว่างใส
    ณ.ปีใหม่มะเมียเจียรนัย...

    ณ.ปัจจุบันกาลเพลา
    ณ.เวลาเข้าสู่ยุคธรรม
    ณ.บุญกุศลหนุนนำ
    ณ.สว่างล้ำสู่ โลกอุดร โลกุตระ ....
    ( ณ.เรือนธรรม เวียงนาคา )

    ทุกคำกลอน ออกมาจากจิต พินิศคำคม ...
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2014
  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    นะโมโพธิสัตโต ราชะมุณีสามีราโม มหาปุญโญ อานุภาเวนะ เมรักขันตุ

    ให้สังเกตุ นาคา ขึ้น รูป หลวงปู่ทวด ใว้ ก่อนปีใหม่ ..
    [​IMG] [​IMG][​IMG]
    หลวงปู่ทวดปางธุดงค์โปรดสัพสัตว์ ในห้องพระ ที่บ้าน
    [​IMG] [​IMG][​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=rxaKz5h1EKA"]???????????????? ???????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=W3eYjmZrG1A"]?????????????????????????? - YouTube[/ame]


    ประวัติสมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด)
    [​IMG]
    ชื่อของหลวงพ่อทวดที่ประชาชนทั่วไปเรียกตามประวัติ ๖ ชื่อ คือ ชื่อ “ปู” เป็นชื่อที่บิดามารดาตั้งเมื่อเกิดใหม่ๆ ชื่อ “สามีราม” เป็นชื่อตามฉายาทางศาสนาเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระอุปัชฌาย์ให้ชื่อฉายาว่าสามีราโม ชื่อ “สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์” เป็นชื่อพระราชทานสมณศักดิ์ เมื่อครั้งท่านแก้ปริศนาธรรมชนะแก่พราหมณ์ทูตเมืองลังกา (พราหมณ์สิงหล) ชื่อ “สมเด็จเจ้าพะโคะ” เมื่อท่านได้รับสมณศักดิ์ชั้นสมเด็จแล้วท่านมาบูรณ ปฏิสังขรณ์และอยู่วัดพะโคะ ชื่อ “ท่านลังกา” บ้านสวนนายปัจจุบันอยู่ติดต่อทางทิศใต้ของวัดพะโคะ เดิม เป็นหัวเมืองที่เรียกว่า เมืองลังกาพะโคะหรือลังกาชาติ เมื่อท่านจาริกธุดงค์ไป สถานที่ต่างๆชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา ชื่อ “หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” เรียกย่อว่า “หลวงพ่อทวด” เพราะท่านเป็น พระที่สำคัญทางจิตสูง มีปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืด
    เชื่อกันว่าสมเด็จเจ้าพะโคะองค์นี้ในปลายกัปปัจจุบันเปรียบเหมือนได้มาตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรย ในยุค ศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยบ้านเมืองจะอยู่เย็นเป็นสุข ผู้คนจะอายุยืน ทุกคนจะ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีงาน มนุษย์จะมีรูปร่างน้าตาผิวพรรณและภาษาคล้าย คลึงกัน จะมีต้นกัลปพฤกษ์ทุกมุมเมือง ความเดือดร้อนของหมู่มนุษย์จะไม่มีใน ยุคนั้นซึ่งจะได้กล่าวถึงประวัติสมเด็จเจ้าพะโคะ ดังนี้
    มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชื่อนายหู และนางจัน เป็นคนยากจนแต่ตั้งมั่นอยู่ใน ศีลธรรมอันดีงาน เมื่อถึงวันพระก็ได้เข้าวัดทำบุญทำทาน สมาทานศีล และฟัง พระธรรมเทศนาเป็นประจำ นายหูกับนางจันปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ดินของเศรษฐี ปานเจ้าของสวนจันทร์ ปัจจุบันชื่อว่าบ้านเลียบ หมู่ที่ ๑ ตำบลดีหลวง อำเภอ สทิงพระ จังหวัดสงขลา เศรษฐีปานผู้นี้มีข้าทาสและลูกหนี้ชายหญิงมากมาย และ นายหู นางจันก็เป็นลูกหนี้ของเศรษฐีปานด้วย ต่อมานางจันได้คลอดบุตรชายคน หนึ่ง เมื่อวันศุกร์ เดือน ๕ ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ.๒๑๒๕

    ในวันที่ถึงกำหนดคลอดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวอันเป็นที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง นายหู ผู้เป็นบิดาได้เอารกบุตรชายไปฝังไว้ที่ใต้ต้นเลียบซึ่งอยู่ใกล้สวนจันทร์ของเศรษฐี ปาน ซึ่งต้นเลียบนั้นก็ได้เจริญงอกงามจนปัจจุบันนี้มีลำต้นใหญ่มากประชาชน นับถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนั้นเป็นเทศกาลเดือน ๔ อันเป็นฤดูเกี่ยวข้าวเศรษฐีปานจึงเร่งรัดข้าทาส ชายหญิงและลูกหนี้ให้ไปเกี่ยวข้าวในนา ในจำนวนนี้มีนางจันซึ่งเพิ่งคลอดบุตร ใหม่ๆถูกรบเร้าให้เกี่ยวข้าวด้วย นางจันได้ขอผัดเอาไว้แต่เศรษฐีปานไม่ยอม ยกเว้น ยังคงเร่งรัดให้นางจันไปเกี่ยวข้าวให้ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการชดเชยกับการ ชำระหนี้ นางจันจึงออกไปเกี่ยวข้าวให้เศรษฐีปานในวันต่อมา
    ในกาลนี้นางจันได้ พาบุตรน้อยซึ่งพึ่งคลอดได้ไม่กี่วันไปด้วย ระหว่างที่ออกไปเกี่ยวข้าวในนา พร้อมๆกับลูกนาเกี่ยวข้าวของเศรษฐีปานนั้น นางจันได้ให้บุตรของนางอยู่ในเปล ซึ่งมีผ้าผูกขึงระหว่างต้นเหม้าใหญ่ครั้นเกี่ยวข้าวไปได้เวลาพอสมควรนางจันก็ขึ้น จากนามาที่บุตรน้องเพื่อให้กินนม ทันใดนั้นนางเห็นงูใหญ่ขนาดเท่าต้นหมาก นอนขดอยู่รอบๆเปล ที่บุตรของนางนอนอยู่ นางตกใจเป็นอันมากได้ตะโกนให้ คนทั้งหลายมาช่วย แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยได้ ในที่สุดนางคิดได้จึงนั่งลงพนม มือไหว้ ระลึกถึงคุณบิดามารดาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ ช่วยคุ้มครองบุตรน้อยของนาง ซึ่งการแผ่จิตของนางได้ผลอย่างยิ่ง เพราะใน
    บัดดล นั้นเองงูใหญ่ได้เลื้อยไปและนางได้เห็นแก้วขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบวางอยู่ในฝ่า มือของบุตรน้อย เพื่อนบ้านทุกคนที่ไปดูอยู่ด้วยต่างก็เห็นเป็นแก้วมีสีเป็นประกาย แวววาว ส่วนเศรษฐีปานนั้นเมื่อเห็นดวงแก้วอันเป็นสิ่งที่ประหลาดก็มีความอยาก ได้เป็นอย่างมากจึงเฝ้าวิงวอนขอดวงแก้วอันนั้นจากนางจันโดยยองยกที่นาและข้าว ในนาให้เป็นการแลกเปลี่ยน ตอนแรกนางไม่ยินยอม เพราะแก้วนั้นเป็นของบุตร ชายของตน แต่เศรษฐีปานก็ไม่ละความพยายาม เฝ้าวิงวอนอยู่เรื่อยๆมา และยัง เพิ่มทรัพย์สินเงินทองให้นางจันอีกมากมาย จนในที่สุดนางรู้สึกเกรงใจเศรษฐีปาน ในฐานะที่เคยเป็นลูกหนี้มาก่อนจึงได้มอบดวงแก้วให้ไป เมื่อนางจันทร์กลับมาถึง บ้านได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นายหูสามีฟัง นายหูเสียใจมากที่แก้วของบุตรชาย ตกไปอยู่กับเศรษฐีปาน จึงขอร้องให้นางจันไปขอดวงแก้วนั้นคืน ฝ่ายเศรษฐีปานเมื่อได้แก้ววิเศษไปแล้ว ปรากฏว่าทั้งบุตรและภรรยาได้เกิดล้ม ป่วยลงอย่างกะทันหัน ส่วนเศรษฐีปานเอง เมื่อนอนกลับฝันเห็นรางร้ายว่าจะต้อง ตายกันทั้งครอบครัว เศรษฐีปานตกใจกลัวเป็นอันมากจึงได้นำเอาแก้ววิเศษพร้อม ด้วยทรัพย์สินเงินทองมาทำขวัญให้แก่บุตรชายของนางจัน และได้ขอขมาต่อบุตร ชายที่ได้ทำการล่วงเกิน ส่วนที่ดิน นา และข้าวในนาที่มอบให้แล้วไม่เอากลับคืน ได้มอบให้แก่บุตรชายของนางด้วยเพราะขณะนั้นเศรษฐีปานได้เกิดศรัทธาในตัวบุตรชายของนางจันแล้ว ดังนั้นฐานะความเป็นอยู่ของนายหูนางจันจึงได้พ้นจากความยากจนขึ้นมาทันทีทั้งนี้เพราะบารมีของบุตรชาย บุตรชายคนนี้ต่อมามีนามว่า “ปู” เมื่อเด็กชายปูอายุได้ ๗ ขวบ บิดาได้นำไปฝากไว้กับท่านสมภารจวงเจ้า วัดกุฏิหลวง (วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ เด็กชาย ปูมีความเฉลียวฉลาดมาก สามารถเรียนทั้งหนังสือขอมและไทยได้อย่างรวดเร็ว
    ครั้นอายุ ๑๕ ปี สมภารจวงก็บวชสามเณรให้ พร้อมกันนั้นนายหูผู้เป็นบิดาได้มอบ แก้ววิเศษให้เป็นของประจำตัวด้วย ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระ ชินเสนที่สัดสีหยัง (สีคูยัง) ซึ่งพระชินเสนองค์นี้เป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ มีชื่อเสียง มาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อสามเณรปูเรียนธรรมบททศชาติมูลบทบรรพกิจจบแล้ว จึงเดินทางไปศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราช ครั้นอายุได้ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ขุนลกก็ นำสามเณรปูไปสู่สำนักพระมหาเถระปิยะทัสสีเพื่อขออุปสมบทบวชเป็นภิกษุ เนื่อง จากเวลานั้นที่วัดท่าแพยังไม่มีพัทธสีมา ขุนลกจึงได้จัดเรือมาดตะเคียนลำหนึ่ง เรือ มาดพยอมลำหนึ่ง เรือมาดยางลำหนึ่ง เอามาผูกขนานกันที่คลองท่าเรือ เพื่อใช้เป็น ที่อุปสมบทแก่สามเณรปู ขุนลกและญาติพี่น้องทั้งหลายได้มาร่วมในพิธีอุปสมบท โดยพร้อมเพรียงกัน ในพิธีอุปสมบทสามเณรปูมีพระมหาปิยะทัสสีเป็น พระอุปัชฌายะ พระมหาพุทธสาครเป็นพระกรรมวาจาพระมหาเถระศรีรัตนเป็น อนุสาวนาสามเณรปูเมื่ออุปสมบทแล้วมีฉายาว่า “สามีราโม” แต่คนทั่วๆไปเรียกว่า “เจ้าสามีราม” เจ้าสามีรามได้ศึกษาอยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง เมื่อเห็นว่าเพียงพอ แก่การศึกษาที่เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว จึงตั้งใจจะไปศึกษาต่อที่กรุงศรีอยุธยา ซึ่งนายสำเภาอินก็อนุโมทนารับนิมนต์ไปกับสำเภานั้น [​IMG]เมื่อถึงวันเดินทางเจ้าสามีรามก็อำลาชีต้นผู้เป็นอาจารย์และโยมทั้งหลายไปกับ เรือของนายอิน ครั้นเรือสำเภาแล่นเข้าเขตหน้าเมืองชุมพร ได้บังเกิดคลื่นลมแรง ทะเลปั่นป่วนเรือไม่สามารถฝ่าคลื่นลมไปได้ ต้องทอดสมออยู่ถึง ๗ วัน ๗ คืน เป็นเหตุให้เสบียงอาหารรวมทั้งน้ำจืดที่มีอยู่ในสำเภาขาดแคลนลง บรรดาลูกเรือ ต่างก็ตั้งข้อสงสัยกันว่า การเกิดอาเพศขึ้นครั้งนี้คงเป็นเพราะเจ้าสามีรามโดยสารมา ในเรือดังนั้นทั้งนายสำเภาและลูกเรือต่างก็ตกลงใจให้ส่งเจ้าสามีรามขึ้นเกาะ ดังนั้น จึงได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลงเรือมาด ขณะเจ้าสามีรามนั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ได้ห้อย เท้าข้างซ้ายซึ่งมีลักษณะทู่ลงในทะเล ก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้นเป็น ประกายแวววาวโชติช่วง เจ้าสามีรามจึงบอกให้ลูกเรือตักน้ำบริเวณนั้นขึ้นมาดื่ม ก็รู้สึกว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักใส่เรือไว้จนเพียงพอ ทั้งนายสำเภาอินและลูกเรือ ก็สำนึกในความผิดก้มลงกราบขอขมาเจ้าสามีราม และนิมนต์ขึ้นเรือสำเภาอีก และนับถือเจ้า สามีราม เป็นชีต้นหรืออาจารย์แต่นั้นมา หลังจากนั้นเรือสำเภาก็ได้ แล่นเร็วเกินความคาดหมายมุ่งตรงเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาเมืองหลวงประเทศสยาม (ปัจจุบันประเทศไทย)

    เมื่อเรือสำเภามาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว นายสำเภาอินก็ได้นิมนต์เจ้าสามีรามไป พำนักอยู่ที่วัดแค สมภารวัดแคได้ให้ความอนุเคาระห์เป็นอย่างดี สำเภาอินได้ ปฏิบัติตนเป็นโยมอุปัฏฐาก อีกทั้งได้มอบหมายทาสคนหนึ่งชื่อนายจันไว้คอย ปฏิบัติด้วย ต่อมาเจ้าสามีรามได้ไปศึกษาธรรมะที่วัดลุมพลีนาวาส เมื่อสำเภาอิน กลับมาหนหลังได้นิมนต์เจ้าสามีรามไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช และได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ สำนักนั้นจนมีความรู้เชี่ยวชาญจึงขอลา สมเด็จพระสังฆราชไปจำพรรษาที่วัดราชานุวาสซึ่งอยู่นอกกำแพงเมืองและสงบดี ประมาณ พ.ศ.๒๑๔๙ พระเจ้าอัฐคามินี กษัตริย์ประเทศลังกาเคยเป็นเมืองขึ้น ของอาณาจักรสยามตอนใต้ การที่คิดจะแก้มือครั้งนี้ ประเทศลังกาพิจารณากัน อย่างแนบเนียน เพราะ

    ๑. ประเทศไทยเวลานั้นตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเศวรมหาราช และสมเด็จ พระเอกาทศรถ แม้ประเทศไทยจะทำสงครามกับพม่าติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ก็ตาม แต่ความอ่อนเพลียหามีแก่ทหารไทยไม่ เพราะการไปรบมีชัยชนะมาทุกครั้ง อีกทั้งได้เพิ่มความชำนาญในการรบให้แก่ทหารไทยเป็นอย่างมาก ถ้าประเทศลังกา ยกทัพมาทำสงครามก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะกองทัพไทยได้
    ๒. กษัตริย์ประเทศลังกาจึงดำเนินสงครามแบบใหม่เรียกว่า “ธรรมยุทธ” เพราะ เห็นว่าประเทศสยามเพิ่งเสร็จจากสงครามใหม่ๆ เข้าใจว่าการพระพุทธศาสนาของ คนไทยเราต้องด้อยลง ถ้าท้าพนันเมืองกันในการแปลธรรมะประเทศสยามคงหาผู้ แปลมาไม่ได้ และคงเป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นกษัตริย์ประเทศลังกาจึงให้ช่างตีแผ่นทองคำ ให้เป็นแผ่นเล็กๆแล้วจารึกอักขระจากพระคาถาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ อักขระ แต่ละคำแยกเป็นแผ่นๆ ๗ คัมภีร์ จึงแบ่งได้ ๗ แม่ขันทอง เมื่อจัดเรียบร้อยแล้ว ก็จัดเครื่องบรรณาการอีก ๗ สำเภาใหญ่ให้พราหมณ์ราชทูต ๗ คน ถือ พระราชสาส์นเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา พราหมณ์ราชทูตเข้าเฝ้าสมเด็จพระเอกาทศรถ และนำพระราชสาส์นเข้ากราบบงคมทูลให้ทรงทราบ ตอนนี้สันนิษฐานว่า สมเด็จ พระเอกาทศรถคงจะทราบไตร่ตรองว่า
    ก. ประเทศสยามเป็นประเทศที่นับถือพุทธศาสนาถ้าไม่รับคำท้าครั้งนี้ก็จะเป็นที่ เสื่อมเกียรติยศของประเทศ
    ข. ถ้าพระองค์รับคำท้าพนันเมือง ก็ยังไม่ทราบว่าจะสามารถหานักปราชญ์ที่ สามารถได้หรือไม่
    ค. พระองค์มีขัตติยมานะ เพราะทรงเชื่อแน่ว่าประเทศย่อมไม่สิ้นคนดี จึงทรงยอม รับคำท้าพนันกับกษัตริย์กรุงลังกา
    [​IMG]
    เมื่อสมเด็จเอกาทศรถทรงตอบรับคำท้าพนันแล้วจึงให้มีพระบรมราชโองการให้ ป่าวร้องแก่ภิกษุทั้งหลาย มีหนังสือบอกไปยังวัดวาอารามต่างๆทั้งในพระนครหลวง และต่างเมืองเพื่อให้จัดหาภิกษุที่เป็นนัก
    ปราชญ์มากอบกู้บ้านเมือง ครั้งนั้นมีพระภิกษุแสดงความจำนงเข้าแปลคัมภีร์เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อถึงเวลา แปลจริงๆก็ยังไม่มีภิกษุองค์ใดทำการแปลได้สำเร็จจนเวลาล่วงไปถึง ๖ วัน ยัง เหลือเวลาอีก ๑ วัน ก็จะครบตามสัญญา ซึ่งเป็นวันชี้ชะตากรรมของประเทศสยาม จะเป็นเช่นไร ในภาวะขับขันนี้มีผู้เฒ่าผู้แก่หลายท่านระลึกได้ว่าพระไตรปิฎกฉบับหนังสือขอม ก็เคยเผยแพร่ไปจากเมืองลังกา(พะโคะ) ลัทธิลังกาวงศ์ ก็สืบเนื่องมาจากเมืองลังกา (พะโคะ) แน่นอน ในราตรีนั้นเอง สมเด็จพระเอกาทสรถพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงสุบินนิมิตว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งวิ่งมาทางทิศใต้เข้าสู่พระบรมมหาราชวังพระพุทธเจ้าอยู่หัวตก พระทัยเป็นอันมาก ทรงตื่นจากพระบรรทมและดำริว่าคราวนี้ประเทศสยามอาจเป็น เมืองขึ้นของประเทศลังกาก็ได เพื่อความกระจ่างพระองค์ทรงโปรดให้หาโหราธิบดี เข้ามาคำนวณบ้านเมือง พระโหราธิบดีคำนวณฤกษ์ยามแล้ว กราบบังคมทูลให้ทรง ทราบว่าชะตาราศีบ้านเมืองจะรุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิม พระเกียรติยศของพระองค์จะลือ กระฉ่อนไปทั่วทุกสารทิศทั้งนี้เพราะมีนักปราชญ์จากทิศใต้เป็นผู้ช่วยเหลือในการ แปลธรรมครั้งนี้ เมื่อพระมหากษัตริย์ได้สดับดังนั้นก็โสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ฝ่ายขุนศรีธนญชัย ข้าราชการผู้ใหญ่ซึ่งเป็นผู้ประกาศและสืบหาภิกษุที่เป็น นักปราชญ์ ทั้งที่เป็นชาวกรุงเทพและชาวต่างเมือง ได้ไปพบกับเจ้าสามีรามที่ วัดราชานุวาส ได้สนทนาปราศรัยแล้วเห็นว่าเจ้าสามีรามมีลักษณะทุกอย่างเป็น นักปราชญ์ ก็ได้นิมนต์เข้าสู่พระราชฐาน ณ ท้องพระโรงก่อนเข้าท้องพระโรง สัตบุรุษจันได้ตักน้ำมาล้างเท้าให้เจ้าสามีราม เจ้าสามีรามจึงย่างเท้าเข้าไปเหยียบ บนแผ่นศิลา ทำให้แผ่นศิลานั้นแยกออกด้วยอำนาจอภินิหาร เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ พบเห็นยิ่งนัก เมื่อเข้าไปยังท้องพระโรงได้เข้าไปกราบภิกษุสงฆ์ที่เป็นอาจารย์และผู้ อาวุโส พราหมณ์ราชทูตทั้ง ๗ เห็นดังนั้น ก็กล่าวขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่ากษัตริย์ สยามพาเด็กเข้ามาแก้ปริศนา ซึ่งเจ้าสามีรามได้ให้กรมการจดบันทึกคำพูดนั้นไว้ พร้อมกับถามพราหมณ์ราชทูตว่า กุมารที่ออกจากครรถ์มารดากี่วันจึงจะนั่ง กี่วันจึงจะคลานท่านทราบหรือไม่พราหมณ์ทั้ง ๗ ก็กล่าวแก้ไม่ได้ หลังจากนั้น เจ้าสามีรามก็ตรงไปยังเตียงทอง ซึ่งจัดไว้เป็นที่รองรับอักขระธรรมนั้น เจ้าสามีราม ทำวัตรปฏิบัติแก่พระอภิธรรม แล้วเอาอักขระแต่ละตัวออกเรียงขัน ออกมาเรียงขัน ละแถว จึงทราบว่ายังขาดอักขระอยู่ขันละ ๑ ตัวอักขระที่ขาดนั้นคือ สัง วิ ทา ปุ กะ ยะ ปะ พราหมณ์ทั้ง ๗ จึงเอาอักขระที่ซ่อนไว้ในมวยผมทั้งหมดส่งมอบให้แก่ เจ้าสามีราม เจ้าสามีรามจึงแปลคัมภีร์ได้ถูกต้องทุกประการ พราหมณ์ราชทูตทั้ง ๗ จึงยอมแพ้ก้มลงกราบเจ้าสามีราม ด้วยความเคารพเลื่อมใสยิ่ง ฝ่ายทางคณะกรรมการของธรรมสภา เมื่อเห็นชัยชนะเช่นนั้นก็โห่ร้องแสดงความยินดี ดังกึกก้องไปทั่วท้องพระลานหลวง และเมื่อมีการตีกลองสัญญาณประโคมสังคีตดนตรีกันอย่างครื้นเครง พราหมณ์ราชทูตทั้ง ๗ ได้นำเครื่องราชบรรณการเหล่านั้นมาถวายแก่เจ้าสามีราม
    สมเด็จเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งสมณศักดิ์ว่า “สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์” สมเด็จเจ้าไม่ยอมรับเครื่องราชบรรณการ และได้ถวายคืนแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างกุฏิขึ้น ๑ หลัง ถวายแก่สมเด็จเจ้าพร้อมกับเมืองอีกกึ่งหนึ่ง สมเด็จเจ้าพำนักอยู่ที่กุฏินั้น ๓ วัน ก็ถวายกุฏิและเมืองคืนแก่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จเจ้าไปพำนักอยู่ที่วัดราชานุวาส วึ่งเป็นสถานที่สงบต่อไปดังเดิม
    สมเด็จเจ้าได้พำนักอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาเป็นเวลาหลายสิบปี ทั้งนี้เพราะเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ศาสนา มีระยะหนึ่งได้เกิดไข้ห่าระบาดอย่างร้ายแรงประชาชนล้มตายเป็นอันมาก พระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงวิตกเป็นอันมาก จึงดำรัสสั่งให้ขุนศรีธนญชัยไปนิมนต์สมเด็จเจ้าเข้ามาในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้การช่วยเหลือแก้ไขความเจ็บป่วยของประชาชน สมเด็จเจ้าจึงทำพิธีปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์ โดยระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย เพ่งเอาพระบารมีที่สมเด็จสร้างสมมาช้านานเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งเอาดวงแก้ววิเศษเป็นแรงอธิฐานด้วย เมื่อทำน้ำมนต์เสร็จแล้วจึงให้กรมการนำไปประพรมแก่ประชาชนจนทั่วกรุงศรีอยุธยา ไม่ช้าไข้ห่าก็เบาบางและหายไปในที่สุด พระพุธทเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก วันหนึ่งทรงมีพระราชดำรัสว่าถ้าสมเด็จประสงค์สิ่งใดหรือจะบูรณะวัดอารามใดๆพระองค์จะทรงอุปถมภ์ทุกประการ
    ต่อมาไม่นานสมเด็จเจ้า ได้ทูลลาสมเด็จพระสังฆราชาธิบดีเพื่อรุกขมูลธุดงค์กลับไปยังภาคใต้ ซึ่งเป็นปิตุภูมิ มาตุภูมิ สมเด็จพระสังฆราชิบดีก็อนุญาต ครั้นไปอำลาสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงอาลัยแต่ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสถามว่า “สมเด็จเจ้าอย่าละทิ้งโยม” พระพุทธเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าจนสิ้นเขตพระนครกรุงศรีอยุธยา

    สมเด็จเจ้าได้จาริกรุกขมูลลงไปทางภาคใต้ บางแห่งต้องข้ามน้ำลำคลอง บางแห่งต้องเดินป่า มีเรื่องเล่าว่าขณะเดินทางมาได้ ๓ เดือน จะข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่งไม่มีเรือแพจะข้าม สมเด็จเจ้าจึงปาฏิหาริย์มาบนพื้นน้ำ บรรดาสัตว์น้ำต่างก็กราบไหว้วันทาทั่วกัน ครั้นเดินป่าสมเด็จเจ้าก็ฉันผลไม้ป่า ครั้นถึงบ้านคนสมเด็จเจ้าก็เข้าไปบิณฑบาตและเที่ยวเทศนาสั่งสอนผู้คน ที่ไหนมีผู้คนเจ็บไข้ได้ป่วยสมเด็จเจ้าก็ทำน้ำมนต์รักษาให้ และเสกด้วยมงคลข้อมือให้เด็กๆ ด้วย ในการเดินทางกลับนั้น เมื่อสมเด็จเจ้าได้เดินผ่านบ้านใดเมืองใดที่ได้เคยมีบุญคุณแก่สมเด็จเจ้าฯ สมเด็จเจ้าก็แวะเยี่ยมเยียนทุกแห่งด้วยความกตัญญู เดินทางผ่านมาช้านานจนเข้าเขตเมืองพัทลุงซึ่งเวลานั้นเมืองพัทลุงได้ย้ายตัวเมืองมาอยู่ที่สะทิงพระแล้วสมเด็จเจ้าได้แวะเข้าไปนมัสการสมเด็จพระชินเสน ผู้เป็นอาจารย์ซึ่งอยู่ที่วัดสีหยัง เมื่อพักอยู่หลายเพลาควรแก่การแล้วจึงอำลาเดินทางมายังวัดกุฎีหลวง (วัดดีหลวง) ซึ่งเป็นปิตุภูมิมาตุภูมิ ได้นมัสการท่านอาจารย์จวงเจ้าอันเป็นปฐมครู ในกาลครั้งนั้นบรรดาชาวบ้านที่เป็นญาติสนิทสนมสหาย ต่างก็มีปีติยินดีเป็นล้นพ้น เพราะสมเด็จเจ้าเป็นเสมือนประทีปดวงเด่นมาตั้งแต่เยาว์ ยิ่งมีบุญบารมีถึงขึ้นสมเด็จเจ้าด้วยแล้วทุกคนต่างก็มีความยินดี เมื่อทราบข่าวก็มักชวนกันมาเฝ้าชมบารมีกันเนื่องแน่นเรื่อยมา จนกระทั่งได้มีการจัดงานสมโภชสมเด็จเจ้าขึ้น และปฏิบัติเรื่อยมาจนทุกวันนี้

    วัดกุฏีหลวง ซึ่งสมเด็จเจ้ามาพำนักอาศัยอยู่กับท่านอาจารย์จวงเจ้านั้น อยู่ไม่ห่างจากวัดพะโคะมากนัก วัดพะโคะตั้งอยู่กลางเมืองพัทลุงเดิม คือใกล้เข้าพิพัทธสิงห์ ซึ่งบัดนี้เราเรียกว่า “สวนนาย” ปูชนียสถานโบราณวัตถุหลายสิ่งหลายอย่างได้ถูกข้าศึกซงฒะตะนะโจรกรรมปล้นทำลาย วัดพะโคเวลานั้นมีสภาพทรุดโทรมเหมือนกับวัดร้าง ด้วยเหตุนี้เองสมเด็จเจ้าจึงปรึกษากับท่านอาจารย์จวงเจ้าคิดจะบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่
    เกี่ยวกับการปฏิสังขรณ์วัดพะโคะนี้พระอาจารย์จวงเจ้าก็เป็นกำลังคำคัญองค์หนึ่งของสมเด็จเจ้า ท่านอาจารย์จวงเจ้านั้นต่อมาตอนหลังได้รับสมณศักดิ์ว่า “พระครูเทพราชเมาฬีศรีปรมาจารย์” เมื่อสมเด็จเจ้าปรึกษาตกลงกับท่านอาจารย์จวงเจ้าแล้ว สมเด็จเจ้าจึงจาริกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาเพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชาธิบดี พระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบเป็นการล่วงหน้า แล้วก็ได้เสด็จมาถวายความเคารพและทรงนิมนต์สมเด็จเจ้าเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง หลังจากทรงถามข่าวสารสุขทุกข์กันแล้ว สมเด็จเจ้าจึงปรึกษาการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ทรงโสมนัสยินดีและอนุโมทนาเป็นที่ยิ่งจึงโปรดให้พระคลังจัดการเบิกสิ่งของต่างๆ และเงินตราตลอดจนหานายช่างผู้ชำนาญรวมเบ็ดเสร็จจำนวน ๕00 คน พร้อมทั้งเสบียงอาหารและสำเภาด้วย พอได้ฤกษ์เรือสำเภาก็แล่นใบออกจากกรุงศรีอยุธยา ลุ ๑๕ วัน ถึงนครศรีธรรมราช ต่อจากนั้นอีก ๓ วัน ก็ถึงบ้านชุมพลบรรดาชาวบ้านก็แตกตื่นชวนกันมารับสมเด็จเจ้าที่ริมทะเล เมื่อประชาชนช่วยกันขนอุปกรณ์การก่อสร้างเรียบร้อยแล้วก็ลงมือก่อสร้างโดยแบ่งงานกันเป็นพวกๆ ที่บูรณะพระมาลิกเจดีย์ก็มี ที่สร้างพระอุโบสถก็มี ที่สร้างพระธรรมศาลาก็มี ที่บูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารก็มี พระพุทธไสยาสน์ก็มี ใช้เวลาก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์มาแต่พ.ศ.๒๑๕๑ ถึง พ.ศ. ๒๑๕๔ รวมเป็นเวลา ๓ ปี ก็สำเร็จเรียบร้อยยอดพระมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ หล่อด้วยเบญจโลหะยาว ๓ วา ๓ คืบ เมื่อสร้างเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกกันว่า “สุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ”

    สมเด็จเจ้าจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะหลายพรรษา วันหนึ่งสมเด็จเจ้าถือไม้เท้าคดเดินเล่นที่ริมทะเล โจรสลัดจีนแล่นเรือเลียบฝั่งมาพอดี พวกโจรสลัดเห็นสมเด็จเจ้าเดินอยู่มีลักษณะแปลกกว่าคนทั้งหลาย จึงใคร่จะลองดีได้จอดเรือเข้าฝั่งและอุ้มเอาสมเด็จเจ้าลงไปในเรือ แล้วแล่นเรือใบไป สักครู่ก็เกิดเหตุอัศจรรย์แล่นไปไม่ได้ทั้งๆ ที่ลมพัดเป็นปกติดี โจรสลัดจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เรือสลัดได้แล่นวนเวียนไปมาอยู่หลายวัน ในที่สุดน้ำจืดที่มีอยู่ในเรือก็หมดลง โจรสลัดมีความเดือดร้อนเป็นที่สุดสมเด็จเจ้านึกสงสารขึ้นมาจึงเดินไปที่กาบเรือ ให้เรือตะแคงลงใกล้พื้นน้ำ สมเด็จเจ้าจึงเอาเท้าข้างซ้ายแช่ลงไปในน้ำ น้ำก็เป็นประกายโชติช่วง สมเด็จเจ้าก็วักน้ำด้วยฝ่ามือขึ้นมาลูบหน้า และฉันน้ำให้พวกโจรสลัดเห็น โจรสลัดก็ลองดื่มบ้าง ก็รู้ว่าเป็นน้ำจืด จึงช่วยกันตักเอาไว้ในเรือ โจรสลัดเกิดความเลื่อมใสขึ้น นั่งกราบไหว้ขอขมาโทษ แล้วนำเรือเข้าฝั่ง เมื่อสมเด็จเจ้าขึ้นฝั่งแล้วเดินทางมาถึงที่แห่งหนึ่งก็เอาไม้เท้าคดพิงไว้ที่ต้นยางซึ่งขึ้นเคียงคู่กัน ๒ ต้น ต่อมาต้นยางทั้งสองต้นก็คดๆ งอๆ เรียกกันว่า “ยางไม้เท้า”
    มีเรื่องเล่าต่อมาว่า มีสามเณรรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกคนจน บิดาชื่อนำ มารดาชื่อดำ พี่ชายชื่อบุญปลอด สามเณรเองชื่อบุญรอด ต่อมาบิดาได้ถึงแก่กรรมมารดาเป็นคนตาบอด นายบุญรอดหาเลี้ยงมารดา [​IMG]ส่วนนายบุญปลอดนั้นไปอยู่วัด จนได้บวชเป็นสามเณรอยู่กับสมภารยอด ได้ศึกษาหนังสือขอม และหนังสือไทยจนชำนาญ ภายหลังได้อุปสมบทเป็นภิกษุที่วัดกลาง พระภิกษุบุญปลอดมีความชำนาญในการเทศน์เสียงไพเราะถูกใจผู้ฟัง จึงเป็นที่เลื่องลือไปตามหัวเมืองใกล้เคียง ครั้งหนึ่งมีผู้นิมนต์มาเทศน์ที่เมืองหาดใหญ่ ข่าวได้รู้ถึงนางดำมารดาและนายบุญรอดผู้เป็นน้อง ซึ่งเวลานั้น นายบุญรอดอายุ ๑๗ ปี นายบุญรอดจึงขออนุญาตลามารดาไปฟังเทศน์จากหลวงพี่ มารดาก็อนุญาตการไปฟังเทศน์ ต้องข้ามคลองไปอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อนายบุญรอดเห็นว่าไม่มีเรือแพข้ามฝั่ง ก็นั่งลงพนมมือระลึกถึงคุณบิดามารดา และคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งแล้ว นายบุญรอดก็ลงจากตลิ่งเดินข้ามน้ำไปอย่างปฏิหาริย์ ครั้นไปถึงแล้วก็นั่งฟังเทศน์จากหลวงพี่จนเกิดศรัทธาแก่กล้าขึ้น เมื่อพบกับหลวงพี่แล้ว ได้ปรารภกับหลวงพี่และเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังและแสดงความจำนงขอบวช แต่ขอให้หลวงพี่ลาสิกขาบทออกไปเลี้ยงมารดาแทนตน พระบุญปลอดจุงอนุญาตและลาสิกขาบทออกมาเลี้ยงมารดาแทน
    สามเณรบุณรอดเมื่อบวชแล้วจึ่งตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมะ เจริญสมถวิปัสสนาด้วยการพากเพียรปรากฏว่าได้บรรลุถึงฌานสมาบัติขั้นโลกียะสามเณรบุญรอดรู้ว่าพระโพธิสัตว์ได้บังเกิดขึ้นในโลก จึงมีความตั้งใจสืบหาพระโพธิสัตว์ เรื่องนี้จึงร้อนไปถึงพระอินทร์ได้เนรมิตลงมาเป็นคนแก่ และนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมามอบให้แก่สามเณร และสามเณรว่าภิกษุรูปใดบอกชื่อดอกไม้รูปนี้ได้ ภิกษุรูปนั้นคือพระโพธิสัตว์ สามเณรนำดอกไม้และจาริกมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ สามเณรก็ไปถึงวัดพระโคะ สามเณรก็เข้าไปกราบไหว้สมเด็จเจ้า สมเด็จเจ้าได้ถามสามเณรว่า “สามเณรได้ดอกไม้ดอกมณฑาสวรรค์มาจากไหน” สามเณรก็เกิดปีติยินดีเป็นยิ่ง และก้มลงกราบอีกด้วยความเลื่อมใสและเล่าเรื่องต่างๆให้ทราบ สมเด็จเจ้าจึงให้สามเณรคอยอยู่ในกุฏิ เมื่อสมเด็จเจ้าทำสังฆกิจเรียบร้อยแล้ว สมเด็จเจ้าได้ชวนสามเณรเข้าห้อง และทำการเข้าฌานและหายไปในคืนวันนั้นซึ่งเป็นวันจันทร์วันเพ็ญเดือน ๖

    หลังจากที่สมเด็จเจ้าหายไปจากวัดพะโคะแล้วก็ได้จาริกไปในที่หลายแห่ง ท้องที่ใดเมืองใด ที่สมเด็จเจ้าเห็นว่าประชาชนมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาสมเด็จเจ้าก็จะไปเผยแพร่ธรรมะที่นั่น บางแห่งก็ผ่านไปบ้างแห่งก็พำนักอยู่หลายปีหลายเดือน สมเด็จเจ้าเป็นพระโพธิสัตว์อุบัติมาในโลก เพื่อเสริมสร้างบารมีให้ยิ่งๆขึ้น คนรุ่นหลังๆเรียกว่า “สมเด็จเจ้าวัดพะโคะบ้าง” หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดบ้าง สมเด็จเจ้าสามีรามบ้าง สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์บ้าง และบางแห่งเรียกว่า ท่านลังกา ก็มี


    หลักการปฏิบัติของท่าน เป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์ คือ ช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะ เพื่อให้ชาวโลก มีความเคารพเลื่อมใสใน พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข สมดังคำว่า
    พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ตลอดไป

    หลวงปุ่ทวด ถือเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ช่วยบรรเทาการเจ็บไข้ได้ทุกข์บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของพุทธศาสนิกชนตลอดมา จนท่านละสังขารไปตามตำนาน กล่าวไว้เช่นนั้น....
    "ธรรมทาน คือ ทานเพื่อส่งเสริม การบรรลุธรรม"
    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ
    "การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง" (พุทธพจน์)


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fAHDlcidpuM"]ดร.กัญจิรา นอสตราดามุสหญิงเมืองไทย "กับจุดจบการเมืองไทย" - YouTube[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2014
  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    น้อมถวาย พระแก้วมรกต ทั่วสยามประเทศ ๗๗ จังหวัด ๒๗ มค ๒๕๕๗

    ....จันทร์ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗
    เดินทางพร้อมกัน
    เพื่อน้อมพลังบุญ ด้วย การเดิน ขึ้น สำนักสงฆ์เกล็ดดาว เหนือ เขื่อน ที่กำลังก่อสร้างปรับดิน,เขื่อน หลังวัด สิริสีลสุภาราม (หลวงปู่สุภา ภูเก็ต )
    จากนั้นช่วยกัน หิ้ว ,หอบ อิฐบล๊อค คนละ ก้อน ๒ ก้อน เดินขึ้นสำนักสงฆ์ ที่อยู่บนเขา...เพื่อ ช่วยนำใว้ ให้ พระสงฆ์ ท่านใด้ก่อ เสนาสนะ ,วิหารทาน
    ซึ่ง ผม เคย บำเพ็ญจิต นอนกลด สำนักวิปัสสนาเกล็ดดาว เมื่อ ปี 2550
    เผอิญ พระอาจารย์ ท่านไม่อยู่ จึงเดินทาง ขึ้น
    สำนักสงฆ์เทพทาโร ทางขึ้น เขาเรด้าห์

    สังฆทานของคณะบญ ในจังหวัดภูเก็ต อีกคณะหนึ่ง ได้ร่วมกันถวาย ณ สำนักสงฆ์เทพทาโร (ธุดงค์สถานตาลสามต้น พระอาจารย์โป่ง) ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

    น้อมถวาย แด่ พ่อหลวง ,แผ่นดินสยาม ให้สงบร่มเย็น ด้วยกำลังใจ ในการสร้างสมบารมี รวม เพื่อ ส่วนรวมของ ประเทศ

    ๑. พระแก้วมรกตจำลอง ๑ องค์ ๙ นิ้ว พร้อมปิดทอง
    ๒. พระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุสมเด็จพุฒาจารย์โตพรหมรังษี จากวัดพระแก้วมรกต กรุงเทพ และพระธาตุอีกหลายพระองค์ เพื่อบรรจุบนยอดพระเศียรพระแก้วมรกต
    ๓. ผ้าไตรจีวร
    ๔. ปัจจัย


    สาธุ สาธุ สาธุ
    **"พระบรมสารีริกธาตุ"..จากส่วนกลาง"เว็ปพลังจิต"..,และคณะกลุ่มคุณสุชาติ,ชมรมพุทธศาสตร์..กทม.สู่.ภูเก็ต.....
    สาธุ พระครูใบฏีกา ผาสุข ฐานวีโร และ เด็กน้อย หัดเรียนเขียนอ่าน ที่ได้มอบพระธาตุสายรุ้ง ในโอกาส ร่วมหล่อองค์พระศรีอาริยเมตตรัย และปู่นาคราชทั้ง ๙ พรองค์ ณ จังหวัดเลย (ในกองบุญ ภูเก็ต )

    ผม พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ ใด้วาระ น้อมอัญเชิญ " พระธาตุสายรุ้ง "ร่วมบรรจุบนยอดพระเศียร พระแก้วมรกตจำลอง ด้วย สาธุ
    Karnrawee Singkhon Sutti Winya น้อมโมทนาบุญในความเมตตา แพ็คบรรจุ อัญเชิญ พระบรามสารีริกธาตุ ให้ครับ

    จากนั้น แวะกราบน้อมจิตระลึกถึง หลวงพ่อพระพุทธปางนาคปรก หน้า อุโบสถกลางน้ำ วัดหลวงปู่สุภา
    น้อมโมทนาบุญ คุณน้อง สาวกพุทธะ Karnrawee Singkhon เมตตา อัญเชิญ ต้น๓ กษัตริย์ เพื่อ ปลูก ใว้ที่ เรือนธรรม เวียงนาคา บนเขา อ.คุระบุรี จ.พังงา ในวาระต่อไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2014
  19. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ถวายสังฆทาน "เพื่อแผ่นดินไทย" พร้อมกันทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย เพื่อความสงบร่มเย็น

    อีกกลุ่มบุญ

    Freedom Oak ได้เพิ่มรูปภาพ 8 รูป
    22 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Amphoe Muang Phuket ·
    ...... ถวายสังฆทาน "เพื่อแผ่นดินไทย" พร้อมกันทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย เพื่อความสงบร่มเย็น......ที่วัดศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ..... เครื่องเคียงถวายไม่มากครับ... และมีคณะอื่นในภูเก็ตช่วยกันแล้ว....
    เลยขอเป็นกำลังหนุนอีกแรงครับ.

    วันนี้ (27 ม.ค. 57) ก่อนออกจากบ้านอธิษฐานสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย _อิติปิโส 3 จบ_ พาหุงมหากาฯ_ ชินบัญชร _มงคลจักรวาลน้อย_ คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ_พระเจ้า 10 ชาติ_ แล้วอธิษฐานตามแบบฟอร์ม แล้วถวาย

    1). พระแก้วมรกตหน้าตัก 9 นิ้ว
    2). ลูกแก้วคริสตัลสีเขียว วัดเขาวง สระบุรี วางที่หน้าตักท่าน
    3). แผ่นยันต์มหาสะท้อน แขวนรถ ของวัดท่าซุง ผูกติดฐานองค์พระ
    4). น้ำเปล่า 1 แพ็ค
    5). ธูปบูชาครู ในห้องพระ 1 มัด
    6). กรอบรูปหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา
    7). ผ้าไตรจีวร 1 ชุด
    8). ดอกลีลาวดีตัดจากหน้าบ้าน 1 ช่อ
    9). เงินปัจจัยถวายสังฆทาน 300 บาท

    ***ถวายเสร็จ ท่านเจ้าอาวาส บอกว่าจะนำไปไว้ในตู้เดียวกับ พระแก้วมรกต องค์ใหญ่ของวัดด้วยครับ ... ท่านบอกว่า เหมือนกันเลย......

    ที่เลือกถวายที่วัดนี้เพราะ อยู่ในเขตอนุสาวรีย์ ท้าวเทพกษัตรีท้าวศรีสุนทร วีรสตรีถลาง .... พื้นที่นี้เป็นดินแดนสมรภูมิ สมัยสงคราม 9 ทัพ เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการรบในสมัยนั้น ชื่อวัดก็ชื่อเดียวกับย่ามุก คือวัดศรีสุนทร ... และที่วัดนี้มีพระแก้วมรกตองค์ประธานองค์ใหญ่ จะได้ถวายคู่กัน .... มีพระนอนองค์ใหญ่... ขอบารมีความสงบร่มเย็น .... ที่สำคัญ อยู่ใกล้หมู่บ้านแป๊บเดียวถึง ถวายง่ายดีครับ .... จะได้อุทิศบุญให้เหล่าดวงวิญญาณนักรบ บรรพบุรุษ ในบริเวณนั้นด้วยครับ ....
    25 นาทีที่แล้ว ·
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ทริปบุญจำปาสัก...ในความทรงจำ

    เดินทางจากภูเก็ต ถึง อุบล ,ส่วนเพื่อนกัลณมิตร อีกชุดเดินทาง จาก กทม สู่อุบล
    จากนั้น เพื่อนท่านหนึ่ง เมตตา นำชม พิพิธภัณฑ์สถาน อุบล
    กราบหลวงพ่อ..

    เดินทาง ผ่านด่านช่องแม็กปากเซ สู่..วัด บนเขา กราบพระ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...