เกาะติดสถานการณ์ ดิน น้ำ ลม ฝน พายุ **เฝ้าระวัง !!!!2556(2013)**

ตากอากาศหนาวถึงขั้นต้องประกาศภัยแล้ว 2 อภ.

ผวจ.ตาก ประกาศภัยหนาว หลังอุณภูมิลดต่ำกว่า 15 องศา มาแล้ว 3 วัน วันนี้ 12.6 องศา ชาวเขาต้องผิงไฟ นั่งตากแดดคลายหนาว...
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 56 มีรายงานว่า ขณะนี้ สภาวะอากาศที่หนาวเหน็บในหลายพื้นที่จังหวัดตาก อุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง มีหมอกลงจัดในถนนระหว่างอำเภอทุกสาย ทัศนวิสัยสั้นมาก โดยในพื้นที่ อ.อุ้มผาง อุณหภูมิเช้านี้ วัดได้ 14 องศาเซลเซียส และที่ดอยมูเซอ อ.เมืองตาก วัดได้ต่ำสุดเช้านี้ 12.6 องศาเซลเซียส ซึ่งใน 2 อำเภอ ขณะนี้อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส มาเกิน 3 วันแล้ว ซึ่ง นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติหนาว และสั่งการสำนักงานบรรเทาป้องกันและสาธารณภัยจังหวัด เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านเสื้อผ้า และผ้าห่มกันหนาวอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะพื้นที่ดอยสูง ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวเขาและยากจน ที่ต้องต่อสู่ความหนาวด้วยการก่อกองไฟผิง หรือต้องออกมานั่งตากแดดเพื่อไล่ความหนาวเย็น.




ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ 86 พรรษา มหาราชัน
วันที่ 06 Dec 2013

 

เตือนผู้ป่วยเบาหวาน-ความดันสูง-โรคหัวใจ ระวังภัยหนาวเย็น

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห่วงภัยหนาว ทำคนเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ อาการกำเริบ แนะดูแลร่างกายให้อบอุ่นเป็นพิเศษ ออกกำลังกายเป็นประจำ และงดดื่มเหล้า-สูบบุหรี่...

นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สภาพอากาศของประเทศไทยที่หนาวเย็นลง โดยเฉพาะในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จะหนาวเย็นกว่าภาคอื่นๆ กลุ่มประชาชนที่น่าห่วงคือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหอบหืด ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ มีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว และมีแนวโน้มเสียชีวิตจากภัยหนาวสูงกว่ากลุ่มที่ไม่มีโรคประจำตัว กระทรวงสาธารณสุขได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้ความรู้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตัว และให้การติดตามดูแลสุขภาพเป็นกรณีพิเศษ

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า โดยปกติผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังต้องดูแลตนเองใน 3 เรื่องสำคัญ คือ อาหาร การออกกำลังกาย และกินยาควบคุมอาการอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวโดยเฉพาะ 3 โรคดังต่อไปนี้ คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 6 ล้านคน ต้องเพิ่มการดูแลตนเองเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่ออากาศหนาวเย็น ความชื้นในอากาศลดลง ผิวหนังจะแห้งและคัน เมื่อเกาจะทำให้ผิวหนังอักเสบง่าย โดยในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เมื่ออากาศเย็นลงระดับน้ำตาลสะสมในเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ยังพบว่า อุณหภูมิที่ลดลงจะเพิ่มความเครียดต่อร่างกาย มีผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะเลือดมีความหนืดขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยอุณหภูมิที่ลดลง 1 องศาเซลเซียส จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจเฉียบพลัน (Heart attack) ได้ถึงร้อยละ 2

ทั้งนี้ ในการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว ขอให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังปฏิบัติตัวดังนี้ 1. ดูแลร่างกายให้อบอุ่น โดยการสวมหมวกไหมพรม เสื้อคลุมกันหนาว ใส่ถุงมือถุงเท้า และรองเท้าที่ใส่สบาย ควรทาผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำและผิวแห้ง ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีความเสี่ยง ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่มีคนแออัด การระบายอากาศไม่ดี 2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารที่รสไม่จัด หลีกเลี่ยงขนมหวาน อาหารไขมันสูง เลือกอาหารปรุงสุกแล้ว รวมทั้งธัญพืช ผัก ผลไม้สดที่หวานน้อย เนื่องจากมีวิตามิน แร่ธาตุสูง ช่วยให้ผนังเซลล์แข็งแรง และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพื่อแก้หนาว เพราะไม่สามารถช่วยได้ และจะทำให้เกิดการขาดน้ำอย่างรุนแรง อาจเสียชีวิตได้ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้โรคที่มีอยู่เดิมกำเริบขึ้นได้

3. ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ สามารถออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น โยคะ เต้นแอโรบิก หรือในที่กลางแจ้งในช่วงที่ไม่มีแดดจัด และไม่มีลมพัดแรง สำหรับผู้สูงอายุ ควรออกกำลังกายโดยการเดินเร็ว หรือยืดเหยียดร่างกาย 4. หมั่นตรวจเช็กค่าความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมน้ำหนักตัว ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม 5. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด 6. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยสวมใส่ชุดนอนที่อบอุ่น และห่มผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 06 Dec 2013

 

'พัทลุง'ส่อวิกฤติ น้ำท่วมหลายอภ. ฝนยังไม่ขาดสาย

จังหวัดพัทลุงถูกน้ำป่าเล่นงาน หลายอำเภอจมบาดาล พื้นที่เกษตรกรรมเสียหายหนัก ขณะที่ฝนยังตกอย่างต่อเนื่อง...

วันที่ 5 ธ.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ จ.พัทลุง ยังคงมีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ใน อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด อ.ป่ายอน อ.ศรีบรรพต และ อ.ป่าพะยอม ส่งผลให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง อ.ควนขนุน อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว และ อ.ปากพะยูน สภาพน้ำในพื้นที่ดังกล่าวมีระดับสูงขึ้น ในขณะที่ยังมีลมทะเลพัดหนุนมาอย่างต่อเนื่อง


สำหรับในพื้นที่ อ.ตะโหมดนั้น น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ ม.4,9,12 ต.ตะโหมด จนเส้นทางเข้าหมู่บ้านรถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยเฉพาะชาวบ้านพื้นที่ ม.9 ต.ตะโหมด ที่เข้าไปทำการเกษตรบริเวณน้ำตกท่าช้างนั้น ขากลับไม่สามารถกลับบ้านตัวเองได้ เนื่องจากระดับน้ำสูง 1-1.50 ม.และเชี่ยวกราก นอกจากนั้นน้ำป่ายังนำเอาดินโคลนเข้ามาในสวนผลไม้ของชาวบ้านอีกด้วย ซึ่ง นายบุญพาส รักนุ้ย นายอำเภอตะโหมด ได้แจ้งเตือนให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฝ้าพื้นที่ตลอด 24 ชม. เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน หลังมวลน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลทะลักเข้าท่วมในหลายพื้นที่ของ อ.ตะโหมด


ในส่วนของ อ.กงหรา นั้น น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนในหมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตร สวนยางพารา นาข้าว และสวนผลไม้ ของชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.คลองเฉลิม ม. 5, 8 ต.ชะรัด อ.กงหรา กระแสน้ำเชี่ยวกราก หลากท่วมอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของไว้ในที่สูง ระดับน้ำเฉลี่ยกว่า 1.50 เมตร ชาวบ้านกว่า 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน และมีบางครอบครัว ต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติเนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ 86 พรรษา มหาราชัน
วันที่ 06 Dec 2013

 

ลูกนี้มันจะไปไหน

 

วันศุกร์ 6 ธันวาคม 2556 เวลา 14:46 น.
ชาวบ้าน อ.รามัน จ.ยะลา ต้องอพยพหนีน้ำอยู่บนทางหลวง โรงเรียนหยุดการเรียนการสอน เหตุน้ำท่วมสูง 1 เมตร

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ผู้บริหารโรงเรียนบ้านตะโล๊ะสะดา หมู่ 1 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา ต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากเส้นทางสู่ที่ตั้งของโรงเรียนถูกน้ำท่วมระดับสูง 1 เมตร เป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้ครูและนักเรียน ไม่สามารถเดินทางไปโรงเรียนได้ เช่นเดียวกันโรงเรียนบ้านสะโต หมู่ 1 ต.อาซ่อง ต้องหยุดการสอน เพราะเด็กที่อยู่ในพื้นที่หมู่บ้านกำปงบาโงปายอแง บูเกะซืองอ หมู่ 5 และ บ้านบูเกะลาโม๊ะ หมู่ 6 ไม่สามารถเดินทางมาเรียนได้เช่นกัน

สำหรับเส้นทางเข้าสู่บ้านกำปงบาโง สภาพน้ำมีระดับสูงกว่า 1 เมตร และเชี่ยวมากการเดินทางเข้าออกสู่โลกภายนอกไปเป็นด้วยความยากลำบาก เนื่องจากไม่มีเรือท้องแบนให้บริการประชาชน ทำให้เกิดอุบัติเหตุชาวบ้านบางส่วนเดินออกจากหมู่บ้านด้วยการเดินเท้า ถูกน้ำพัดพา เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เคราะห์ดีได้เกาะที่ต้นหมากข้างทาง เพื่อรอให้ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาช่วยเหลือจึงรอดตายอย่างปฎิหาริย์

ด้านนายสมเกียรติ ศรีษะเนตร นายอำเภอรามัน ได้นำกำลัง ไปตรวจสอบและพบปะผู้ประสบภัย พร้อมกับสั่งให้ อบต.มาให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน เพราะตนเองเคยกำชับ อบต.มาก่อนหน้านี้แล้วว่า หากเกิดอุบัติภัย ให้ อบต.เป็นหน่วยแรกที่ต้องเข้าไปดูแลความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนของพื้นที่ ต.อาซ่อง นั้น ทางอบต.ยังไม่ได้มาดูแลอย่างใด

 

น้ำท่วมนราฯ อ่วม พ่อเมืองประกาศเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ มีผู้เดือดร้อน 1.9 หมื่นคน ราษฎรปลาบปลื้มในหลวงพระราชทานถุงยังชีพ...

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. มีรายงานว่า ภายหลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรจำนวนหลายหลัง ล่าสุดนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผวจ.นราธิวาส ได้ประกาศให้พื้นที่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.แว้ง อ. รือเสาะ และ อ.เจาะไอร้อง เป็นเขตภัยพิบัติแล้ว

ขณะที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม จ.นราธิวาส ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุด มีน้ำท่วมขัง 64 หมู่บ้าน 21 ตำบล 6 อำเภอ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 9,101 ครัวเรือน รวม 19,005 คน อพยพชาวบ้านไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 4 อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 191 คน บ้านถูกกระแสน้ำป่าที่เชี่ยวกราก พัดเสียหายบางส่วน 2 หลัง ในพื้นที่ อ.จะแนะ บ่อปลาถูกน้ำท่วม 2 แห่ง ถนนถูกน้ำท่วม รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ 7 สาย คอสะพานถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย 1 แห่ง

ในวันเดียวกัน ผวจ.นราธิวาส ได้เป็นตัวแทนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 320 ชุด แจกจ่ายให้แก่ราษฎร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะน้ำท่วม ที่โรงเรียนบ้านพนาทักษิณ หมู่ 4 ต.บาตง อ.รือเสาะ ซึ่งสร้างความปลาบปลื้มให้กับชาวบ้าน ที่พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรทุกหย่อมหญ้า.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ 86 พรรษา มหาราชัน
วันที่ 06 Dec 2013

 

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2556 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ทั่วประเทศจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย สำหรับภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 12-16 ธันวาคม 2556 คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนจากประเทศพม่าเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้บางแห่งในระยะแรก จากนั้นอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ปรับยอดเหยื่อ'ไห่เยี่ยน'ถล่มปินส์ ดับกว่า 6 พัน-หาย 1.8 พัน

ทางการปินส์ปรับตัวเลขเหยื่อไต้ฝุ่น "ไห่เยี่ยน" ถล่มตายกว่า 6,009 ศพ หายแตะ 1.8 พัน เดือดร้อนมากเกือบ 16 ล้านคน ต้องฟื้นฟูเมืองทาโคลบาน นานกว่า 3 ปี...

เมื่อวันศุกร์ 13 ธ.ค. 56 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการฟิลิปปินส์ได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ จากพายุไต้ฝุ่น "ไห่เยี่ยน" พัดถล่มพื้นที่ภาคกลาง เมื่อ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นกว่า 6,009 ศพ ยังสูญหายเกือบ 1,800 คน ถือเป็นตัวเลขความเสียหายแก่ชีวิตประชาชนมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ภัยธรรมชาติถล่มประเทศ

พันเอกเรย์นาลโด บาลิโด โฆษกสภาการจัดการ และลดความเสี่ยงพิบัติภัยแห่งชาติ แถลงระบุเจ้าหน้าที่ยังพบศพผู้เคราะห์ร้ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองทาโคลบาน ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ชาวบ้านยังเดือดร้อนมากกว่า 16 ล้านคน ส่วนการฟื้นฟูสภาพเมือง อาจต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 Dec 2013

 

ช่วงนี้สำหรับภาคเหนือกับภาคอีสานต้องเฝ้าระวังหน่อยครับ

 

น้ำป่าซัดต้นประดู่อายุ 330 ปียุคเจ้าเมืองพัทลุงโค่น

น้ำป่าเทือกเขาบรรทัดไหลทะลัก กัดเซาะต้นประดู่อายุกว่า 330 ปี สมัยสุลต่านสุลัยมานฟารีซี หรือทวดโหม เจ้าเมืองพัทลุง ล้มขวางลำคลองในพื้นที่ อ.กงหรา...


เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. มีรายงานว่า เมื่อเย็นวานนี้ ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.กงหรา จ.พัทลุง ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่หมู่ 1 ต.ชะรัด อ.กงหรา ซึ่งน้ำป่าได้กัดเซาะต้นประดู่ อายุกว่า 330 ปี สมัยสุลต่านสุลัยมานฟารีซี เจ้าเมืองพัทลุง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าทวดโหม ล้มครืนขวางลำคลองเขาวง และยังไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ด้านล่างในพื้นที่หมู่ 1, 4 และ 5 ต.ชะรัด ซ้ำอีก ทำให้สวนยางพาราได้รับความเสียหาย


ด้านนายระหีม โคแหละ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 1 ต.ชะรัด อ.กงหรา กล่าวว่า น้ำป่าที่ไหลมาจากเทือกเขาบรรทัด ได้ไหลทะลักลงมาผ่านคันคลองที่ขาด เข้าท่วมสวนยางพาราของชาวบ้าน ทำให้ต้นยางพาราที่ล้มอยู่ก่อนแล้ว ได้ล้มเพิ่มเติมลงมาอีก เนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ส่วนต้นประดู่สมัยทวดโหมที่ล้มขวางลำคลอง ทางเทศบาลตำบลชะรัด เตรียมจะขนย้ายออกจากลำคลอง แต่ต้องรอให้น้ำลดก่อน.



ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 Dec 2013

 

เตือน 'โรคอุจจาระร่วง' ช่วงหน้าหนาว

สาธารณสุขเตือนประชาชนระวังป่วยโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาว เผยปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 352,442 ราย ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ และเสียชีวิต 8 ราย…

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 56 แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชน ในช่วงฤดูหนาว ที่พบได้บ่อยทุกปีคือโรคอุจจาระร่วง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับประชาชนทุกวัย พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สาเหตุเกิดได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส โดยเชื้อไวรัสที่เป็นต้นเหตุเกิดโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาวคือไวรัสโรต้า (Rota Virus) มักจะพบในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี โดยเชื้อจะปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม และติดต่อกันได้ทางน้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยได้ด้วย เชื้อไวรัสโรต้านี้เป็นเชื้อที่พบมานานแล้ว พบได้ทั่วโลก เด็กที่ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดนำมาก่อน ต่อมาจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำปนฟองและมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มีอาเจียนร่วมด้วย หากเป็นมากอาจทำให้เด็กขาดน้ำรุนแรง เสียชีวิตได้

แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อว่า เชื้อไวรัสโรต้า ติดต่อกันง่ายมาก เชื้อจะออกมากับอุจจาระเด็กที่ป่วย ติดต่อกันโดยเชื้อปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม บางครั้งเชื้อติดอยู่กับของเล่นเด็ก เมื่อเด็กหยิบเข้าปากก็ติดเชื้อได้ ดังนั้นในการป้องกันเด็กป่วย ขอให้ผู้ปกครองหมั่นล้างมือให้เด็ก ทำความสะอาดของเล่นบ่อย ๆ เตรียมอาหารเด็กให้สุกด้วยความร้อน ดื่มน้ำต้มสุก ส่วนแม่หลังคลอดแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เนื่องจากนมแม่สะอาดที่สุด และเด็กจะได้รับภูมิต้านทานโรคจากแม่ จะไม่ป่วยง่าย ส่วนในกลุ่มของประชาชนทั่วไป ขอให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อน หลีกเลี่ยงรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ เช่นลาบ ก้อย ใช้ช้อนกลางตัดอาหารเมื่อรับประทานอาหารร่วมกันหลายคน และล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังจากใช้ห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้ง โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน เพื่อป้องกันการป่วยจากโรคดังกล่าว

ทางด้าน นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงในฤดูหนาวปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2556 รวม 4 เดือน พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงจำนวน 352,442 ราย โดยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปเกือบร้อยละ 50 เสียชีวิต 8 ราย

นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวอีกว่า สำหรับการดูแลผู้ที่ป่วยโรคอุจจาระร่วง กรณีที่เป็นเด็ก ขอให้เด็กกินอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด รวมทั้งกินนมแม่ตามปกติ เด็กที่กินนมผสมให้กินตามปกติ แต่ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งต่อมื้อ โดยให้กินสลับกับน้ำลายผงน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอสครึ่งหนึ่ง เช่นเด็กเคยกินมื้อละ 8 ออนซ์ จะปรับลดให้กินนม 4 ออนซ์ อีก 4 ออนซ์ให้กินน้ำละลายผงน้ำตาลเกลือแร่ และให้อาหารที่ย่อยง่าย เช่นข้าวต้ม อาการเด็กจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นปกติได้ภายใน 8-12 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น ถ่ายเหลวไม่หยุด เด็กซึมลง ปากแห้งมาก ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม ให้พาไปพบแพทย์โดยเร็ว ส่วนในกลุ่มประชาชนทั่วไปและผู้สูงอายุ ขอให้รับประทานอาหารตามปกติแต่ควรเป็นอ่อน ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร และให้ดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่โออาร์เอสแทนน้ำและดื่มให้หมดภายใน 1 วันหากอาการไม่ดีขึ้น ยังถ่ายบ่อย อาเจียน รับประทนอาหารไม่ได้ กระกายน้ำมากกว่าปกติ มีไข้สูง หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด ให้รีบไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์.


ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ News & Promotions
วันที่ 13 Dec 2013

 

เครื่อง'พีชเมกเกอร์'กองบิน5 ไถลนอกรันเวย์ ไร้เจ็บ

เครื่องบิน "พีชเมกเกอร์" อายุการใช้งานมากกว่า 40 ปี ของกองบิน 5 ไถลออกนอกรันเวย์ ล้อหน้าขวาจมทราย ขณะทำการฝึกบิน เจอกระแสลมแรง ทัศนวิสัยไม่ดี หมอกลงจัด จนเสียการทรงตัว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 56 มีรายงานว่า ได้เกิดเหตุเครื่องบินโจมตีธุรการ แบบที่ 2 (บจ.ธ 2) หรือ "พีชเมกเกอร์" ประจำการอยู่ในฝูงบิน 501 ได้ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ในพื้นที่ยุทธการ กองบิน 5 อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเสียหาย ขณะนักบินขึ้นฝึกบินตามปกติ ซึ่งขณะร่อนลงได้มีกระแสลมแรง ประกอบกับทัศนวิสัยไม่ดี เนื่องจากมีหมอกลงจัด ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัว โดยนักบินไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เครื่องบินลำดังกล่าวมีสีเขียวลายพราง ด้านหน้าเป็นรูปปากฉลามสีแดง จอดเอียงข้างสนามบิน เนื่องจากล้อหน้าด้านขวาจมอยู่ในทราย ทำให้เครื่องบินเอียงตัว และปีกด้านขวาติดพื้นดิน โดยเวลาต่อมา น.อ.พิทูร เจริญยิ่ง ผู้บังคับการกองบิน 5 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำอุปกรณ์กู้ภัยเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญและคณะกรรมการตรวจสอบจากกองทัพอากาศ เดินทางมาตรวจสอบและหาสาเหตุเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ


สำหรับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว ผลิตโดยบริษัท แฟร์ไชลด์ อินดัสทรี ประเทศสหรัฐอเมริกา มีขีดความสามารถในการขึ้น-ลง ระยะสั้น โดยเฉพาะการขนส่ง ขึ้น-ลงในสนามบินฉุกเฉินเร่งด่วน และกองทัพสหรัฐฯ ได้ใช้ปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม ต่อมารัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเครื่องบินพีชเมกเกอร์ให้รัฐบาลไทย เพื่อใช้ในภารกิจทางทหารและปราบปรามผู้ก่อการร้าย และได้ประจำการอยู่ในฐานทัพอากาศไทย กองบิน 5 จำนวน 16 ลำ มีนามเรียกขานคือ Mosquito ซึ่งเป็นฝูงบินสุดท้ายและแห่งเดียวของโลก ที่ยังประจำการเพื่อปฏิบัติการในฐานทัพอากาศ
นอกจากนี้ ยังมีอายุการใช้งานมากกว่า 40 ปี โดยใช้ฝึกนักบิน ปฏิบัติการจิตวิทยาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การทำฝนหลวงและการโปรยเมล็ดพันธ์ุพืชทางอากาศ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรี เพื่อปลูกป่าตามโครงการของกองทัพอากาศ.




ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ News & Promotions
วันที่ 13 Dec 2013

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"คลื่นกระแสลมตะวันตก"
ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2556
คลื่นกระแสลมตะวันตกจากประเทศพม่ากำลังเคลื่อนเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ในช่วงวันที่
13-16 ธันวาคม 2556 มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นกับลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ โดยเริ่มในภาคเหนือก่อน หลังจากนั้นจะมีผลกระทบในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 16-18 ธันวาคม 2556 บริเวณประเทศไทยตอนบนอากาศจะเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 7-9 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพจากอากาศที่เย็นลงมากไว้ด้วย



ประกาศ ณ วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 17.00 น.


(ลงชื่อ) จงกลนี อยู่สบาย

(นางจงกลนี อยู่สบาย)

รองอธิบดีฯ รักษาราชการแทน

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา




​

 

หมอกลงจัดรถตู้นักเรียนสองแควพุ่งตกข้างทาง

รถตู้รับส่งนักเรียนใน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เกิดเสียหลักตกข้างทางก่อนพุ่งชนกับเสาไฟฟ้า ทำให้มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย สาเหตุคาดว่าเกิดจากหมอกที่ลงจัด จนบดบังทัศนวิสัยกานมองเห็น

วันศุกร์ 13 ธันวาคม 2556 เวลา 16:14 น.
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ร.ต.อ.วิชัย พรหมรักษา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองจ.พิษณุโลก รับแจ้งอุบัติเหตุรถตู้รับส่งนักเรียนเสียหลักตกข้างมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ในที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้าสีบรอนซ์ฟ้า ทะเบียน นข 2736 พิษณุโลก สภาพตกข้างทางด้านหน้าพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายโดยมีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งมายืนรออยู่ริมถนนด้วยอาการตื่นตกใจ

จากการตรวจสอบพบนักเรียนได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย โดย 2 รายถูกนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพ-พิษณุโลก ทราบชื่อ ด.ญ.พรชนกพลกระจ่าง อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 309/3 หมู่ 1 ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และ น.ส.ปณิดาแป้นไม้ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลกส่วนอีกรายไม่ทราบชื่อ เนื่องจากผู้ปกครองได้นำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้าแล้ว โดยทั้งสามมีบาดแผลถลอกและเคล็ดขัดยอกตามร่างกายอาการไม่สาหัส

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า รถตู้คันดังกล่าวได้รับนักเรียนจำนวน24 คน จากพื้นที่ของ อ.วังทอง เพื่อไปส่งยังโรงเรียนต่างๆในตัวเมืองพิษณุโลกแต่ในช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุได้มีหมอกลงจัดตามถนนเส้นทางๆ ทำให้คนขับรถตู้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสามแยกไฟแดง คนขับจึงพยายามขับรถชิดไหล่ทาง จนรถเกิดเสียหลักตกถนนพุ่งชนกับเสาไฟดังกล่าวอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง.

 

วิเคราะห์ภาพดาวเทียม วันที่ 13/12/2013 เวลา 16.00 น.

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"คลื่นกระแสลมตะวันตก"
ฉบับที่ 20 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2556
คลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือเข้าปกคลุมประเทศลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยแล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นลง โดยอุณหภูมิลดลง 4-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนาม และลาวแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมระเทศไทยตอนบนในคืนนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 16-19 ธันวาคม 2556 มีอากาศหนาวเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพจากอากาศที่เย็นลงมากไว้ด้วย



ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 06.00 น.



(ลงชื่อ) จงกลนี อยู่สบาย

(นางจงกลนี อยู่สบาย)

รองอธิบดีฯ รักษาราชการแทน

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา


​