สอนวิชาเพิ่มโชคลาภ ร่ำรวย ถูกหวย ฝันแม่นครับ :)

เก่งมากกกก สมาธิเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆนะลูก ของเก่าเรามีเเล้ว ขยันๆเข้านะ ต่อไปจะก้าวหน้าดีมาก

เลิกได้ ไม่เป็นไรครับ เชื่อผมเหอะ มีลูกศิษย์รายนึงที่มีกิจการใหญ่โต นักบวชสอนว่าให้ไหว้สัมภเวสี ชื่อมั้ยว่าทำไม่นาน ผมไปเจออีกที...ก้มหน้าร้องไห้ ไม่มีเงินจะจ่ายเเม้เเต่ค่าไฟฟ้า
ไม่ต้องกลัวครับ เทวดาคุ้มครองอยู่ ถ้าอยากสงเคราะห์เค้าจริง อุทิศกุศลให้เค้าดีกว่า

เรื่องกรวดน้ำนี่ยาวครับ เดี๋ยวเล่าให้ฟังอีก comment นึง..

 

สบายดีจร้าาาา ขอบคุณมาก วันนี้มีเรื่องอุทิศกุศลเเละการกรวดน้ำมาฝาก อย่าลืมติดตามนะ

ไม่เป็นไรครับ เเรกๆไม่ชิน ได้เเค่พระเวทก่อนก็ยังดี ต่อไปให้เริ่มลองรู้ลมเข้าออก ค่อยๆทำ ค่อยๆฝึกไป ต่อไปจะทำควบกันไปได้ครับ ผมยืนยัน

 

สาธุครับ

 

เอาล่ะ...เด็กๆ...

วันนี้มาเรียนกันต่อนะ วันนี้คุณครูจะเล่าให้ฟังเพราะมีคนเข้าใจผิดกันเยอะมากเกี่ยวกับเรื่องการกรวดน้ำ...

เคยได้ยินคนเค้าพูดเค้าสอนกันเยอะเเยะใช่มั้ยเอ่ยว่า....

***อุทิศบุญโดยไม่ใช้น้ำ...เค้าเรียกว่า"อุทิศเเบบแห้ง"มีผลแห้งเเล้ง สู้เรากรวดน้ำ(โดยใช้น้ำในการอุทิศกุศล)ที่เรียกว่า"อุทิศแบบเปียก"ไม่ได้ เพราะการกรวดน้ำจะฉ่ำเย็นกว่า เจ้ากรรมนายเวรได้รับเเล้วจะสดชื่นอ่ิมเอิบกว่า...

อืมมมม...ด้วยความเคารพนะ คุณครูแค่มีเจตนาอยากให้ชาวพลังจิตมี"สัมมาทิฐิ"จริงๆ ไม่ได้มีเจตนาหักล้างคำสอนของสำนักใด...เห็นใจที่หลายๆคนอยาก"เอาดี"จริงๆแต่อาจหลงทางอยู่บ้างเพราะได้รับการบอกต่อผิดๆ ผมเองก็ไม่ได้เก่งหรือวิเศษมาจากไหน แต่สิ่งใดที่ผมพิมพ์เผยเเพร่คือผมต้องมั่นใจว่าถูกต้องตามหลักคำสั่งสอนของพระพุทธองค์จริงๆ ผมไม่ต้องการเสี่ยงจากการโดนจดบัญชีนรกจากการสอนคนผิดๆให้เป็นมิจฉาทิฐิครับ...

 

อยากเรียนให้ทราบว่า....จริงๆแล้ว"การกรวดน้ำไม่มีในศาสนาพุทธครับ"!!!

ในความเป็นจริง พระไตรปิฎกไม่ได้แสดงในเรื่องของการใช้น้ำ เทน้ำอันเป็นการแสดงถึงการอุทิศส่วนกุศลครับ ไม่มีในพระไตรปิฎกเลย !!!

หลายคนคงงงว่าอ้าว...แล้วทำไมเค้าถึงนิยมกรวดน้ำกันล่ะ...เรื่องนี้มันมีที่มาครับ...คือจริงๆแล้วการกรวดน้ำไม่เคยมีในศาสนาพุทธเลย แต่ที่เรากรวดน้ำตามๆกันมาเพราะเหตุการณ์นึงในสมัยพุทธกาลครับ คือเกิดมาจาก"พระเจ้าพิมพิสาร".....พระเจ้าพิมพิสารท่านเป็นคนแรกที่ทำพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากถวายวัดเวฬุวันให้พระพุทธเจ้า(ที่มาของการถวายยาวไปนิด ขอตัดตอนหลังจากที่ท่านมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเเละถวายวัดเวฬุวันให้พระพุทธเจ้าเลยนะครับ) พระเจ้าพิมพิสารทรงฝันร้าย เห็นพวกเปรตมาร่ำร้องอยู่ต่อหน้าน่าเกลียดน่ากลัวมาก รุ่งเช้าขึ้นมาพระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เเละได้ทรงทราบว่าเปรตเหล่านั้นเคยเป็นพระญาติของพระองค์มาขอส่วนบุญ

 

วันต่อมาพระเจ้าพิมพิสารจึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวยภัตตาหารในพระราชวัง ด้วยความที่ท่านชินกับ"ธรรมเนียมของพราหมณ์" จึงได้ทำการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่พวกเปรตเหล่านั้น ตกดึกคืนนั้นพวกเปรตมาปรากกฏโฉมอีก แต่คราวนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสขอบคุณที่แบ่งส่วนบุญให้แล้วก็อันตรธานหายวับไป

ตั้งเเต่นั้นมา...จึงมีการทำตามอย่างพระเจ้าพิมพิสารในการอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำเนื่องจากการเทน้ำ หลั่งน้ำ จึงเป็นกิริยาอาการของการสละ การให้ประการหนึ่ง ดังนั้นเพราะเหตุผลประการนี้ประเพณีในปัจจุบันการอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติคือการสละให้บุญที่เป็นนามธรรม จึงมีการใช้น้ำ เทน้ำ เหมือนเป็นการสละ ให้ส่วนบุญกับเปรตหรือญาติทั้งหลายได้อนุโมทนาบุญครับ

 

ในความเป็นจริงแล้ว การอุทิศส่วนบุญให้ สำคัญที่เจตนาของผู้ที่อุทิศ ไม่ได้อยู่ที่การเทน้ำ หากไม่มีเจตนาตั้งใจจะอุทิศให้ญาติเลยแม้มีการเทน้ำ บุญก็ไม่เกิดขึ้นเพราะการอุทิศส่วนกุศลอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่อาการเทน้ำ บุญจึงอยู่ที่ใจเป็นสำคัญครับและก็ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวคำบาลีต่างๆ ที่ว่า..ยถา วาริวหา ปูรา ปริ ปูเรนฺติ ... เพราะการอุทิศส่วนกุศลสำคัญที่เจตนา หากมีเจตนาอุทิศให้ กล่าวภาษาอะไร แต่มีเจตนาอุทิศแล้ว การอุทิศส่วนกุศลนั้นสัมฤทธิ์ผลทันที เมื่อผู้เป็นญาติล่วงรู้และอนุโมทนา ญาติก็ได้รับบุญนั้นด้วย(และก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำไปเทที่ต้นไม้ด้วยความไม่รู้ แต่หากมีเจตนารดน้ำต้นไม้ก็ดีครับ)

 

***ดังนั้น..หากจะถามว่า..อาจารย์..หนูชินกับการกรวดน้ำจะทำต่อไปได้มั้ย...คำตอบคือ.."ถ้าทำแล้วใจสบาย สงบ มีสมาธิมากกว่าอุทิศบุญด้วยจิตเฉยๆ ก็ทำไปเลยครับ ดีมากๆอยู่เเล้ว ทำต่อไปอย่ากังขาครับ"

***แต่หากถามว่า...จารย์....จารย์...การกรวดน้ำนี่อุทิศบุญเเล้วฉ่ำเย็น ได้ผลอิ่มเอิบกว่าอุทิศด้วยจิตรึเปล่าคะ...อันนี้ขอตอบดังๆว่า"No,baby"!!!

 

ผมเองชอบอุทิศโดยใช้จิตมากที่สุด ทำจิตนิ่งๆ นึกถึงหน้าผู้ตายที่เราจะอุทิศกุศลให้ เค้าจะได้รับทันที(คิดเหรอครับว่าน้ำไวกว่าจิต) แถมไม่ต้องมากังวล ลืมตาดูว่าเทหมดรึยัง ต้องมาเเตะตัวกันต่อเป็นทอดๆ(แต่รูปที่ถ่ายออกมาเวลาเราเเตะตัวกันตอนกรวดน้ำน่ารักดีนะผมว่า....) ที่สำคัญผู้ตายบางประเภทอยู่ในสภาวะที่"มารับบุญได้ชั่วครู่จริงๆ" บางทีเราตั้งท่านาน โดนผู้คุมลากไปเเล้ว น่าสงสารเค้ามากครับ ไอ้เรามัวเเต่ตั้งท่าตั้งทางเตรียมอุปกรณ์นู่น นี่ นั่น....

ใครที่นึกหน้าผู้ที่เราจะอุทิศบุญให้ไม่ออกก็ไม่ต้องกังวล ขอเเค่ตั้งใจให้เค้า ถ้าเค้าอยู่ในภพภูมิที่โมทนาได้ เค้าจะได้รับทันทีครับ

ดังนี้เเล้ว...ตามเเต่อัธยาศัยของทุกท่านเลยว่าชอบเเละถนัดเเบบใด แต่ใครที่ไปบอกต่อชาวบ้านผิดๆว่า"การอุทิศบุญด้วยการกรวดน้ำนี่อุทิศบุญเเล้วฉ่ำเย็น ได้ผลอิ่มเอิบกว่าอุทิศด้วยจิต(ที่ชอบบัญญัติศัพท์เก๋ๆกันว่ากรวดเเห้ง...)" กรุณาไป list รายชื่อเลยจ้ะ...(อ้าว list รายชื่อไรอ่ะจารย์)....เอ๊า...ก็รายชื่อที่เมิงทำชาวบ้านเค้าเป็นมิจฉาทิฐิไปก่ีรายแล้วน่ะดิ... เเล้วไปแก้ข้อมูลซะนะที่รัก ภาษาพระท่านเรียกว่า"เทศน์แก้"(คือสอนเค้าผิด ต้องไปแก้ไขให้ถูกต้อง ...ม่ายงั้นไม่คุ้มเสี่ยงนรก)

รักนะตะเอง

 

เพิ่งปฏิบัติตามแนวทางอาจารย์ชุติภัทร์ได้ 5 วันแล้วครับ อุทิศบุญเสร็จได้ยินเหมือนเสียงระฆังดัง ขนลุกซู่เลย

มาอ่านเรื่องกรวดน้ำแห้งกับเปียก ผมเองก็กรวดแห้งประจำครับ เพราะตอนไปปฏิบัติกับครูบาอาจารย์วัดป่าท่านว่าสำคัญอยู่ที่ "จิต" บางคนมัวแต่สาละวันเรื่องหาน้ำ กับวิ่งมาแตะแขนแตะหลัง จนทำให้ เสียสมาธิ การอุทิศบุญเลยได้ไม่เต็มที่

 

ขอบคุณคุณครูผู้ชี้แนะมากค่ะ พยายามสวดมนต์นั่งสมาธิให้ได้ทุกวันค่ะ
มีความรู้สึกว่าตัวเองมีพลังใจและมีความกระตือรือร้นในการทำงานให้มี
ความสำเร็จมากขึ้น ขอบคุณคุณครูที่มอบสิ่งดีๆให้ค่ะ

 

โห....ฟังเเล้วชื่นใจจัง

ดีใจด้วยมากๆครับ!!! เสียงระฆังที่ได้ยินคือเทวดาท่านมาโมทนาเเละอวยชัยให้พร พร้อมทั้งให้กำลังใจว่าเบื่้องบนรับรู้สิ่งที่คุณทำทุกประการ...

เพียรทำทุกวันนะครับ ต่อไปจะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ โมทนาสาธุครับ

 

เยี่ยมมาก สู้เค้า ทาเคชิ!!

 

เพิ่งได้เข้ามาอ่านหน้าแรก กับหน้าสุดท้าย ทั้งที่กระทู้นี้ผ่านตามานานมาก แต่ด้วยหน้าปกทำให้เข้าใจไปว่าคงเป็นเรื่องหวย เรื่องฝัน เรื่องเดิมๆ
ซึ่งมีอยู่เยอะแล้ว อะไรดลใจไม่รู้ล่ะเมื่อสักครู่จึงคลิกเข้ามาที่หน้าสุดท้าย น่าสนใจทีเดียว

ขออนุโมทนาบุญอาจาร์ยด้วยนะคะ เด๋วมีเวลาจะมาขอตามเก็บเกี่ยวด้วยคนค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณครู และเพื่อนนักเรียนทุกๆท่านค่ะ
วันนี้นั่งสมาธิ 30 นาทีค่ะ แรกๆเบาตัวค่ะยังมีวอกแวกอยู่ค่ะ ใกล้ๆออกจากสมาธิตัวชารู้สึกว่าตัวหนาๆไม่ติดพื้นค่ะ...แต่ไม่ใช่ลอยนะคะ...

 

ผมทำตอนนั่งรถเมล์ รถตู้
ยังไม่ได้ 100 % ครับ

แต่ กว่าจะได้ครบ 10
ก็ หลายรอบอยู่

ขอบคุณครับ

 

อ.คะ ส่งการบ้านค่ะ

ปกติเป็นไมเกรนอยู่แล้วคือ ห่างหายจากการนั่งสมาธิมานานค่ะ นั่งทีไรปวดหัวทุกทีเลย ก่อนหน้านี้ นั่งได้ปกติธรรมดาค่ะ เป็นมาประมาณ 2 ปีได้ ทั้งๆที่พยายามบอกตัวเองว่าให้ผ่อนคลายแล้วก็กำหนดลมแบบธรรมดาเหมือนหายใจปกติ อ. พอจะแนะนำได้ไหมคะ

....ส่วนเมื่อคืนในขณะที่กำลังแผ่เมตตาอยู่นั้น มันเหมือนมีคนมาเล่นที่หูซ้าย จนต้องเอียงหน้าไปอีกด้านหนึ่ง แล้วสมาธิในการตั้งใจแผ่เมตตาก็หลุด และก็ขำตัวเองออกมาในขณะนั้น กรรมเวร!!

มันคืออุปทาน หรือไม่ก็เป็นแค่ อาการบางอย่างของร่างกายใช่ไหมคะ อ.

 

อ่านแล้วเข้าใจง่ายค่ะไม่ซับซ้อนเลยทำให้การปฏิบัติง่ายไปด้วยขอขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาชี้แนะ รู้สึกได้เลยว่าอาจารย์ใจดี ไม่ดุ อย่างนี้ลูกศิษย์รักตายเลย คริ คริ
ตอนนี้พยายามจับลมคู่ค่ะ พร้อมกับสวดพระเวทค่ะ เพราะแต่ก่อนที่อาจารย์จะเข้ามาแนะนำ ไม่เคยจับลมคู่เลยค่ะ สวดพระเวทอย่างเดียว และขอคำแนะนำค่ะ คือเวลาสวดมนต์บทสวดอื่นสวดได้คล่องปาก แต่บทแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล จำไม่เคยได้เลยค่ะ เป็นอย่างนี้เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาขวางไว้หรือเปล่าค่ะ ขอคำชี้แนะค่ะอาจารย์

 

ส่งการบ้านครับ ผมนั่งสมาธิจับลม ได้ 100 คู่ ต่อไปไม่ได้จับอีก จับพุทโธ ไปเรื่อยๆๆ ครับ จนครบ ครึ่งชม. พอครับ นั่งนานไม่ได้ จิตเริ่มแกว่งและ

 

สวัสดีอาจารย์ค่ะ...ส่งการบ้านรายงานผล
นั่งสมาธิจิตยังไม่นิ่งค่ะนั่งไปวอกแวกบ้างนิ่งบ้างสลับกันไปแต่ก็มีอาการแปลกอยู่บ้างตัวพอง หวิวๆ แล้วประมาณมีแสงส่องๆเข้ามาในตาสีขาวประกายแวบๆ สีเหมือนไฟฉายส่องบ้าง จะเป็นช่วงที่เริ่มนั่งหลับตาประมาณซัก 4-5 นาที และตัวโยกโครงเครงเบาๆเหมือนคลื่น นะค่ะ....หนูจะพยายามให้มากกว่านี้ค่ะ เพราะหนูนั่งได้ไม่เคยเกิน 20 นาทีเลย

คืนที่ 2หลังจากปฏิบัติ ตามหน้า 5 .........ฝันว่าได้เห็นผู้คนมากมายยืนแถวเรียงกัน ร้องเรียก กราบไหว้ สรรเสริญ
พราหมณ์ท่านหนึ่ง(เดาจากการแต่งกาย) ที่กำลังเดินอยู่และมีบริวารมาด้วย 2ท่าน ยืนซ้ายขวา ร่างสูงๆบริเวณรอบที่ท่านยืนอยู่มีแสงทองเรืองรองไปทั่ว ตัวหนูเองยืนไกลท่านมาก พอจะเดินไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็มาปรากฏตรงหน้าเร็วมาก และพูด ว่า “ เธอมีอะไรหรือ “ (น้ำเสียงท่านฟังแล้วมีอำนาจมาก และเสียงเหมือนคนที่มีอายุมากทั้งๆที่ท่านหน้าตายังหนุ่มมากๆๆ).. ด้วยความตกใจคิดอะไรไม่ออก ตอบท่านไปว่า “หนูขออนุโมทนากับท่านด้วยนะเจ้าค่ะ” จบจร้าอาจารย์