ติดตามสถานะการณ์

ธนาวุฒิ ตาละอุปละ ได้แชร์ลิงก์
2 ชั่วโมงที่แล้ว
ขอให้ทำใจว่างแล้วฟังให้จบ เพราะตอนนี้ อาตมาอยู่ในการอุปัฐถากจาก ดร.ปชา ที่เหลือก็พิจารณาตามบุญของท่านต่อไป

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/7FTRn-x23js?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Surviving Earth Changes 2013 and Beyond ได้แชร์ รูปภาพ ของ Adepto Perfectus = dutchsinse



3 ชั่วโมงที่แล้ว
Tropical Storm 26 is now "Francisco" .. and forecast to become a Catagory 4 Typhoon.

Will be heading North towards Japan again..

CIMSS Tropical Cyclones

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ข่าวดี!วุฒิสภาบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้-เปิดหน่วยงานรัฐ เดินหน้าลงมติทันที
เอเอฟพี/รอยเตอร์ – แกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯพบกับก้าวย่างแห่งความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการมุ่งหน้าหลบหลีกก่อคลื่นความช็อคแก่ตลาดเงินทั่วโลกในวันพุธ(16) หลังบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้และยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลส่วน ขณะที่ โอบามา ก็ขานรับด้วยความยินดีและเร่งเร้าให้ทั้งสองสภาลงมติเห็นชอบเป็นการด่วน
ส.ว.แฮร์รี รีด ของเดโมแครต ที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากของสภาสูง แถลงข้อตกลงนี้ที่กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมาปิดปฏิบัติการภายใต้งบประมาณชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม และกำหนดให้ขยายขอบเขตการกู้ยืมของรัฐบาลได้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ขณะที่ข้อตกลงนี้มีขึ้นหนึ่งวันก่อนกำหนดเส้นตายเพิ่มเพดานหนี้จำนวน 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ “เราบรรลุข้อตกลงประนีประนอมที่จะให้เสถียรภาพแก่เศรษฐกิจตามที่พยายามตะเกียกตะกายแสวงหา” นายรีด กล่าวหลังเจรจาลับกับนายมิตช์ แมคคอนเนลล์
ส่วนนาย แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน หุ้นส่วนการเจรจาของนายรีด กล่าวเสริมแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลจะเปิดหน่วยงานได้อีกครั้ง และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ภายใต้ร่างกฎหมายของวุฒิสภาฉบับนี้
ทันทีที่ทราบข่าว ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯในวันพุธ(16) ก็ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรส ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการอนุมัติข้อตกลงนี้เพื่อกลับมาปิดหน่วยรัฐบาลกลางและถอดภัยคุกคามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ทิ้งไป
เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวเผยว่าโอบามา รู้สึกยินดียิ่งที่เหล่าแกนนำวุฒิสภาร่วมมือกันและตอนนี้หวังเห็นสภาผู้แทนราษฏรสร้างความมั่นใจว่าหน่วยงานรัฐบาลกลางจะกลับมาเปิดการและรอดพ้นจากความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแต่ละสภาจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้มันก็ล่วงเข้าวันที่ 16 แล้ว และแน่นอนว่าเรากำลังขยับเข้าใกล้จุดที่กระทรวงการคลังหมดความสามารถในการกู้ยืมเงินใหม่เข้าไปทุกขณะ”
อย่างไรก็ตามด้วยที่มาตรการนี้จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏรที่รีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ทำให้ยังไม่อาจการันตีว่าข้อตกลงนี้จะผ่านฉลุย เนื่องจากจนถึงตอนนี้กลุ่มที ปาร์ตี ในรีพับลิกัน ก็ยังปฏิเสธประนีประนอมและล่าสุดก็ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองสภาโหวต “โน” ต่อข้อตกลงดังกล่าว
เบื้องต้นคาดหมายว่าวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏร จะมีการเปิดประชุมในช่วงค่ำวันพุธ(16) เพื่อลงมติเห็นชอบข้อตกลงประนีประนอมขยายเพดานหนี้และยุติวิกฤตชัตดาวน์ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีโอบามา ลงนามทันก่อนเส้นตายในวันพฤหัสบดี(17) “ฉันหวังว่าเราใกล้ยุติความสาหัสนี้แล้ว ปัญหาทางตันนี้ไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรกแล้ว” วุฒิสภาซูซาน คอลลินส์ จากรีพับลิกันกล่าว
ในวันพฤหัสบดี(17) เศรษฐกิจสหรัฐฯจะต้องประสบกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือกระทรวงคลังจะหมดความสามารถในการชำระหนี้และเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ และทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ก็คือสภาคองเกรสต้องลงมติเห็นชอบขยายเพดานหนี้ของสหรัฐจากระดับ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์
สมาชิกรีพับลิกันยอมรับยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าข้อตกลงนี้จะเคลื่อนผ่านคองเกรสด้วยวิธีการใด แต่เหล่าผู้แทนราษฏรหลายคนบ่งชี้ว่าสภาล่างจะเป็นฝ่ายเปิดประชุมเพื่อลงมติก่อน โดยหากผ่านความเห็นชอบก็จะส่งกลับไปยังวุฒิสภาซึ่งได้รับคาดหวังว่าจะยกมือผ่านข้อตกลงอย่างรวดเร็วเพื่อให้ โอบามา ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ทันเวลา
กลุ่มเคลื่อนไหวที ปาร์ตี ของรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏร ขัดขวางการลงมติเห็นชอบผ่านร่างงบประมาณ เพื่อเรียกร้องให้ โอบามา ตัดลบงบในส่วนต่างๆ ในนั้นรวมถึงกฎหมายประกันสุขภาพ ‘โอบามาแคร์’ และจับการขยายเพดานหนี้พ่วงเป็นเงื่อนไขด้วย อย่างไรก็ตามพรรคเดโมแครตของโอบามา ปฏิเสธทำตามคำเรียกร้องและประณามว่ามันเป็นการ “เรียกค่าไถ่” ที่พยายามหั่นงบประมาณหรือไม่ก็รื้อถอนการปฏิรูปประกันสุขภาพที่ผลักดันโดยโอบามา
ปัญหาทางตันดังกล่าวส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนของสหรัฐฯต้องปิดทำการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม อันเป็นวันแรกของปีงบประมาณ 2014 หลังจากสภาคองเกรสล้มเหลวในการผ่านร่างงบประมาณ ขณะเดียวกันหากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการขยายหนี้ยังไม่ได้รับการสะสางก่อนเส้นตายวันที่ 17 ตุลาคม ก็มีความเป็นไปได้สูงที่อเมริกาต้องประสบกับภาวะผิดนัดชำระหนี้

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/ld2ckTi9_UI?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/w5oiF1Zm2iE?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Voice TV
ตัวเลือกสำหรับเรื่องราวนี้
สุดเศร้า !ผู้โดยสารสาวลาวโพสต์รูปครอบครัวลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนลาลับไปกับเที่ยวมรณะที่ตกลงในแม่น้ำโขง
ชมภาพได้ที่ เศร้า! สาวลาวโพสต์FBรูปสุดท้าย ก่อนเครื่องบินตก - Voice TV

‪#‎เครื่องบินตก‬ ‪#‎เที่ยวบินมรณะ‬ ‪#‎แม่น้ำโขง‬ ‪#‎chinda_phommasone‬ ‪#‎VoiceTV‬

 

ดูเมฆฝน วันนี้ฝนตกจาก ภาคเหนือ กลางเกือบทุก จว.รวม กทม.ด้วย ส่วน อีสานตกหนักที่หนองคาย เลย ชัยภูมิ กับชัยภูมิ(น้ำที่ชัยภูมิกับน้ำที่เลยน่าจะลงภาคกลางได้) และจากกทม.น่าจะตกถึง จว.ประจวบ ให้ดูน้ำจากแม่น้ำป่าสักน่าจะท่วมภาคกลาง รอบๆ กทม.ควรติดตามข่าวน้ำจาก จว. ต่างๆให้ดีเพื่อเตรียมรับน้ำท่วม (กทม.เขาไม่ให้ท่วม) คราวนี้น้ำจะเอาไปตะวันออกก็ไม่ได้มีแต่น้ำด้านตะวันออกกับน้ำเหนือจะมาสมทบกันท่วมอีก ไม่รอดแน่ ปริมณทลรอบๆ กทม.ปริมณทลด้านตะวันตกก็อย่าได้นอนใจ ควรเตรียมพร้อม

 

ชม.นี้แผ่นดิน แผ่นฟ้า
กำลังทำให้คนลดความอหังการ์ลงไปได้บ้างไหม??

หรือว่า ดิน ฟ้า ไม่ยอมให้ผู้ใดได้หยั่งรู้ ได้ง่ายๆ
เหมือนก่อน แม่พระธรณี แม่พระคงคา จะไม่เมตตา
ผู้คนที่ไม่ให้ความเคารพ ยำเกรง
และยังไม่รู้สึกสำนึก อีกต่อไป
หรืออย่างไร??

ฝรั่งเขาเรียกMother of the Earth,
Mother of the River หรือเปล่าหน๊า!!!

 

Kaokala Fc
52 นาทีที่แล้ว
...ยุติ Government shutdown 16 วัน (1 ต.ค.-16 ต.ค.)...

17 ต.ค. รอดชั่วคราว! สภาคองเกรสร่วมโหวตขยายเพดานหนี้สหรัฐ โอบามาสั่งเปิดหน่วยงานภาครัฐ! กลับเข้าทำงาน 17 ต.ค.

กลางคืนของวันที่ 16 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งมีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก อนุมัติข้อตกลงเพื่อยุติวิกฤตทางการเมืองแล้ว ด้วยคะแนนเสียง 81 ต่อ 18 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งผลให้เกิดภาวะการปิดหน่วยงานราชการ (Government shutdown) และทำให้ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก เสี่ยงผิดชำระหนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้สถานะการณ์เศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะปั่นป่วน

ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ เซ็นลงนาม ในร่างกฏหมายข้อตกลงยืดเพดานหนี้ประเทศออกไปชั่วคราวเป็นวันที่ 7 ก.พ. ปีหน้า และเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางเป็นการชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.ปีหน้าแล้ว หลังจากที่สภาคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในการอนุมัติกฏหมาย 2 ฉบับดังกล่าวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ข้อตกลงดังกล่าวที่มีขึ้น ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายที่มาตรการพิเศษเพื่อช่วยเลี่ยงภาวะหนี้ชนเพดานสหรัฐจะหมดลงในวันที่ 17 ต.ค.นี้ช่วยให้สหรัฐไม่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากหากไม่สามารถหาทางประนีประนอมความขัดแย้งด้านการคลังได้ รัฐบาลสหรัฐจะไม่สามารถกู้เงินเพิ่มได้ และจะทำให้มีเงินเหลือแค่ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีไม่มากพอที่จะจ่ายหนี้พันธะหนี้ที่มีอยู่ได้

ผลจากการเซ็นลงนามกฏหมายการเปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางของผู้นำสหรัฐจะทำให้พนักงานและลูกจ้างราว 3.5 แสนคน ที่ถูกพักงานไปจากผลการปิดตัวของหน่วยงานรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถกลับเข้าทำงานได้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 17 ต.ค.นี้ พร้อมกับรับเงินค่าจ้างตามเดิม โอบามาเซ็นยืดเพดานหนี้ชั่วคราว - โพสต์ทูเดย์ ข่าวรอบโลก

 

อเมริกา.ยุติ Government shutdown 16 วัน (1 ต.ค.-16 ต.ค.)...ซึ่งเป็นการยุติชั่วคราว 3-4 เดือน ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่จะได้เตรียมตัว เพราะครั้งหน้าทั้งหยุดการทำธุระกรรมของหน่วยราชการ และขยายเพดานหนี้น่าจะเอาจริง เพราะมีดารออกข้อกำหนดจำกัดการถอนเงิน และการขนย้ายเงินออกนอกประเทศ ครั้งนี้น่าจะเป็นการทดสอบสถานะการณ์ และหยั่งเชิงระหว่างรีพับลิกัน และเดโมแคต แต่งวดหน้าคงขนสารพัดวิธี สารพัดกลยุทธ์ที่ซุ่มทำกันมาใช้จัดการกันเองแน่นอน ช่วงนี้ใครมีหนี้สินอะไรพยายามหาทางใช้หนี้ให้มากที่สุด และประหยัดให้มาก เพื่อที่จะลดควสมเดือดร้อนจากการงัดไม้ตายออกมาสู้กันของนักการเมืองอเมริกา

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
30 นาทีที่แล้ว ·
หนังน้ำท่วมโลก Noah (2014) อาจจะมาพร้อมสถานการณ์จริง! ในวันเผาจริง!

ถ้าไม่เอาแต่มุ่งปั๊มเงินจนไม่มองสถานการ์ความเป็นไปในโลก ทุกคนต้องได้เห็นสถานการณ์น้ำท่วมที่เกือบจะทั่วโลกในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในบ้านเราทางภาคตะวันออกที่หนักหนาสาหัส พร้อม ดินไหว พายุยักษ์ ฯลฯ ทั่วโลก จนคำทำนายของหลายๆแห่งดูเหมือนจะตรงเป๊ะๆ และความคิด "ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง" ผุดขึ้นมาพร้อมกับป้าย หนัง Noah (2014)

Noah หนังว่าด้วยการดิ้นรนของมนุษย์ก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ที่มาจากน้ำมือของพระเจ้าเพื่อทำลายล้างโลกและสร้างอารยธรรมใหม่ขึ้นมาแทนที่!
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=2ImfulWFLUM]Noah - Behind the Scenes (2014) Darren Aronofsky, Russell Crowe Movie HD - YouTube[/ame]

หนังคงจะไปมีส่วนคล้ายกับในตำนานที่โด่งดังในพระคัมภีร์ ที่บอกเอาไว้อย่างชัดเจน ที่แสดงถึงปริมาณของน้ำอยู่ในหนังสือปฐมกาล 7:19-23:
“น้ำยิ่งทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน ท่วมภูเขาสูงสุดที่อยู่ใต้ฟ้าทุกแห่งหมด น้ำท่วมเหนือภูเขาเกินขึ้นไปอีกสิบห้าศอก บรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน คือนก สัตว์ใช้งาน สัตว์ป่า กับบรรดาฝูงสัตว์เล็กๆที่อยู่บนแผ่นดิน และมนุษย์ทั้งปวงก็ตายสิ้น บรรดาสัตว์ที่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก คือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกตายสิ้น พระองค์ทรงทำลายล้างสัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินตั้งแต่มนุษย์ สัตว์และสัตว์เลื้อยคลาน ตลอดจนถึงนกในอากาศ พวกเหล่านี้ถูกทำลายล้างเสียจากโลก หลืออยู่แต่โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาในนาวา”

ส่วนมันจะใกล้เคียงความจริงแค่ไหนในเร็วๆนี้หนัง Noah (2014) มันคงจะถูก อเล็กซ์ โจนส์ วิจารณ์เปรียบเทียบเหตุการณ์ในหนังกับเรื่องจริง เหมือนหลายเหตุการที่ผ่านไปแล้วอย่าง 9/11, 7/7 ฯลฯ ซึ่งหากจะย้อนหลังดูเรื่องราวในหนังที่ถูกนำเสนอไปก่อนหน้าผ่านสื่อต่างๆ แล้วก็อาจถึงบางอ้อ ! ที่ดูเหมือนกับว่า แหม่ มันช่างเหมาะเจอะยังกะจะบอกใบ้กันล่วงหน้ากับเหตุการณ์ที่ตามมา จนดูเหมือนว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วให้มันเป็นไปตามที่กำหนด พร้อมๆกับการโกยเงินคนดูเข้ากระเป๋า จนตุง!

เหตุการณ์ต่างๆในปีหน้าจะเป็นไงหนอ??

อารยธรรมแนวไหน? จะเป็นแบบในหนังต่างๆหรือไม่? ใครคือผู้ที่จะมาวางแบบแผนให้เดินไปในทิศทางใด? แบบฉบับของใคร?? คงเป็นคำถามในความคิดของหลายคนบ้างแหล่ะ ลองดูเรื่องจริงที่เห็นอยู่ในขณะนี้และอ่านคาดการณ์ของใครบางคน ที่ได้เผยแพร่บนสื่อหลัก (ของพวกเขา) ท่านว่า

"โลกของเราจะเริ่มต้นเข้าสู่มหาภัยพิบัติอย่างจริงจังในปี 2514.." โดยบทความที่พิมพ์ใน เดลี่เมล์
'World could be plunged into crisis in 2014': Cambridge expert predicts 'a great event' will determine course of the century
Read more: 'World will be plunged into crisis in 2014': Cambridge expert predicts Doomsday | Mail Online
Follow us: @MailOnline on Twitter | DailyMail on Facebook

เมื่ออ่านทำนายและมองภาพรวมทั้งหมดของสถานการณ์ปัจจุบันกับหนังใหม่ของพวกเขาเรื่องนี้ ผมว่ามันช่างเหมาะเจอะกับยุคสมัยกับความเป็นไปในตอนนี้อย่างกะทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้ให้มันเป๊ะๆ ตามนั้น ส่วนอะไรต่างๆจะเป็นไปเหมือนในหนังหรือไม่ หรือ ทำนายของหลายๆแห่งจะจริงหรือไม่? ทุกท่านเตรียมตัว เตรียมใจเอาชนะภัยภัยพิบัติไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตจริง! เพื่อที่อาจจะได้พบเหตุการณ์ "เผาจริง" ตามที่ เขาว่า.

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
Noah (2014) - IMDb

Noah (2014)
imdb.com

 

สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว






นับว่าเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลกในขณะนี้ สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กโลกที่นัก วิทยาศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ประหลาด อย่างเหตุการณ์สัตว์ตายทั่วโลกเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นกับโลกมากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับความสนใจมากเท่านั้น

ล่าสุด เรื่องราวของการเคลื่อนตัวของสนามแม่เหล็กโลก ได้กลายเป็น Talk of the Town อีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา สนามบินนานาชาติแทมป้า ในรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ได้ปิดรันเวย์บางรันเวย์ เนื่องจากการเคลื่อนตัวของสนามแม่เหล็กโลก ที่ทำให้ทางสนามบินต้องปรับหมายเลขรันเวย์ซึ่งเป็นตัวระบุว่า รันเวย์นั้นหันไปทิศทางใดและทำมุมกี่องศากับขั้วแม่เหล็กโลกขั้วเหนือ โดยจากการตรวจสอบพบว่า ขั้วแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนไปกว่า 10 องศา ทำให้ทางสนามบินต้องปรับหมาย เลขรันเวย์จาก 18R/36L (ทำมุม 180 องศากับขั้วโลกเหนือ และ 360 องศากับขั้วโลกใต้) มาเป็น 19R/1L (ทำมุม 190 องศากับขั้วโลกเหนือ และ 10 องศากับขั้วโลกใต้) ขณะที่รันเวย์อีก 2 รันเวย์ก็กำลังจะถูกปิดเพื่อปรับหมายเลขรันเวย์ใหม่ในวันที่ 13 มกราคมนี้

หรับการปรับหมายเลขรันเวย์ จะปรับทุก 20-30 ปี เนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา โดยในอดีตจะเคลื่อนที่จากจุดเดิมเฉลี่ยประมาณ 16 กิโลเมตรต่อปี แต่ในปัจจุบัน คาดว่าทางสนามบินทุกแห่งจะต้องปรับหมายเลขรันเวย์กันบ่อยขึ้น เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่าขั้วแม่เหล็กโลกนั้นเคลื่อนตัวเร็วขึ้นมาก คือ ประมาณ 64 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ขั้วแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนตัวจากบริเวณมหาสมุทรอาร์กติกในแคนาดา กำลังมุ่งตรงไปยังประเทศรัสเซียในปัจจุบัน รวมระยะทางกว่า 1,200 กิโลเมตรเลยทีเดียว

การเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กโลก แม้จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างต่อเนื่องตามวัฏจักร แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนนำมาเชื่อมโยงกับการกลับ ขั้วของสนามแม่เหล็กโลก ที่คาดการณ์ว่ากำลังจะเกิดผลกระทบครั้งใหญ่ในปี 2012 ที่จะถึงนี้ โดยวิเคราะห์กันว่า การที่ขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนตัวเร็วขึ้นนั้น เป็นเพราะกำลังจะเข้าสู่ภาวะพลิกตัวหรือกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง วันนี้ กระปุกดอทคอมจึงขอนำเรื่องราวของการเคลื่อนตัวและการกลับขั้วของสนามแม่ เหล็กโลกมาฝากกันอีกครั้งค่ะ

สนามแม่เหล็กโลก เกิดจากปรากฎการณ์ไดนาโมหรือการที่ของเหลวที่อยู่ภายในโลกมีการหมุนวน ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้น จนเกิดเป็นสนามแม่เหล็ก ขั้วหนึ่งอยู่ทางทิศเหนือ และขั้วหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ โดยสนามแม่เหล็กนี้จะปกป้องโลกจากรังสีและ อันตรายภายนอกโลก และขั้วแม่เหล็กทั้งสองขั้วก็จะมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเป็นอิสระจากกัน ซึ่งเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง จะมีการกลับขั้วของสนามแม่เหล็ก หรือการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกันตามวัฏจักรของ โลก ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวยังไม่มีทฤษฎีใดอธิบายได้ว่าเกิดจากอะไรและใช้เวลา กลับขั้วนานเพียงใด แต่ที่แน่ ๆ คือสนามแม่เหล็กโลกจะมีการกลับขั้วทุก ๆ 250,000 - 300,000 ปีโดยเฉลี่ย หรืออาจคลาดเคลื่อนไปบ้างก็เป็นได้ และกระบวนการนี้จะค่อยเป็นค่อยไป แต่ระหว่างช่วงเวลานี้ก็จะส่งผลกระทบต่อพื้นผิวโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลกไม่ น้อย โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 780,000 ปีก่อน และในครั้งนั้นก็มีความรุนแรงมากถึงขนาดทำให้สัตว์ใหญ่อย่างไดโนเสาร์สูญ พันธุ์มาแล้ว

1. เปลือกโลกมีการเคลื่อนตัว เกิดภัยพิบัติบนผิวโลก เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินถล่ม สึนามิหรือแผ่นดินไหวใต้น้ำ โดยปรากฎการณ์นี้จะไม่เกิดครั้งใหญ่ครั้งเดียวฉับพลันแล้วทำลายทุกสิ่ง แต่จะค่อย ๆ เกิดรุนแรงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยกินระยะเวลานานหลายปี

2. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เนื่องจากการ สลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกจะทำให้สภาพอากาศบนโลกเปลี่ยนไปในทางตรงข้าม เช่น ในพื้นที่ที่ร้อนจัดก็จะเปลี่ยนเป็นหนาวจัด ส่วนพื้นที่ที่เคยหนาวจัดก็จะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นมาก ทำให้น้ำแข็งบริเวณพื้นที่หนาวละลายและเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบไป หลายพื้นที่

3. โลกจะร้อนขึ้น เนื่องจากความเข้ม ข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนแอลง จึงอาจทำให้โลกได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ในปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้อุณหภูมิบนผิวโลกสูงขึ้น

4. อุกกาบาต และวัตถุจากอวกาศจะถูกดึงเข้ามายังโลกได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างที่เคลื่อนที่ผ่านจะพุ่งเข้าชนโลก เพราะอย่างไรก็ตาม ขั้วแม่เหล็กโลกยังคงปกป้องโลกอยู่ แม้จะอ่อนกำลังลงบ้างแต่จะไม่สูญเสียอำนาจของมันไปทั้งหมด

5. สัตว์หลายชนิดสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทาง ในโลกนี้มีสัตว์หลายชนิดที่อาศัยแม่เหล็กโลกในการกำหนดทิศทาง โดยพวกมันจะเดินทางและอพยพย้ายถิ่นไปทางขั้วโลกเหนือเสมอ ซึ่งหากแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้วหรือเพียงแค่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาก ก็อาจทำให้มันต้องเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่ ที่อาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพวกมัน

6. ภูมิคุ้มกันในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกจะอ่อนแอลง สัตว์ เล็ก ๆ ที่มีภูมิต้านทานโรคน้อยกว่าสัตว์ใหญ่จะค่อย ๆ ล้มตายไปก่อน เช่น นก ปลา ค้างคาว และเมื่อความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กอ่อนแอมากขึ้น สัตว์ที่ใหญ่กว่าก็จะค่อย ๆ ล้มตายไปผ

อย่างไรก็ดี การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กนี้ก็ไม่ได้สร้างปรากฎการณ์ที่ส่งผลให้สิ่งมี ชีวิตทุกชนิดบนโลกล้มตายไปเสียทั้งหมด โดยมีการคาดคะเนว่า สิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่อาจเป็นสัตว์จำพวกกุ้ง หอย ปู ปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำที่อยู่ลึกลงไปหลายกิโลเมตรในทะเล และสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่อาจมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงและอยู่ในพื้นที่ที่ได้ รับอิทธิพลจากปราฎการณ์ดังกล่าวเพียงเล็กน้อย แต่หากรอดชีวิต สิ่งมีชีวิตก็ต้องพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ นา ๆ ของโลกที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้าม ทั้งสภาพอากาศ กระแสลม กระแสน้ำ และโลกอาจหมุนกลับไปในทิศตรงกันข้าม ทำให้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ซึ่งหากเวลานั้นมาถึง และสิ่งมีชีวิตยังคงมีชีวิตรอดจากภัยพิบัติต่าง ๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันนานโขเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงการคาดคะเนจากนักวิทยาศาสตร์เท่านั้น ช่วงเวลาของการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกอาจก่อให้เกิดปรากฎการณ์รุนแรง น้อยกว่าหรือมากกว่าที่กล่าวมาก็เป็นได้ และอาจส่งผลรุนแรงที่สุดในปี 2012 หรือคลาดเคลื่อนไปนานกว่านั้น 10 ปีหรือ 100 ปีก็เป็นได้อีกเช่นกัน แต่ที่แน่ ๆ ปรากฏการณ์การเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของขั้วแม่เหล็กโลก การอ่อนกำลังลงของสนามแม่เหล็ก การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ การเกิดภัยพิบัติ และการล้มตายของสัตว์ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสัญญาณอันตรายที่กำลังเตือนว่าโลกกำลังเริ่มต้น เข้าสู่จุดเปลี่ยนในอีกไม่ช้า เหมือน ที่มันเคยเกิดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่ก่อนมีอารยธรรมมนุษย์เสียอีก และมันก็คงไม่ได้เป็นสิ่งที่เพ้อเจ้อหรือเป็นไปไม่ได้แต่อย่างใด ถ้าหากโลกใบนี้ยังเคลื่อนไหวตามวัฏจักรของมันอยู่ ก็คงไม่แปลกอะไรที่ช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ หมื่นปีกำลังจะมาบรรจบอีกครั้ง


บันทึกนี้เขียนโดย Monthira Archip เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว - L3nr

 

เนชั่นสุดสัปดาห์ NationWeekend
เที่ยวบินสุดท้าย
ของแอร์สาว "เกสอน"

หนึ่งใน 49 ชีวิตที่สูญเสียจากเหตุเครื่องบินตกกลางน้ำโขงคือ
"เกสอน พนลาด" แอร์โอสเตส สายการบินลาว
เธอเรียนจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติ เมื่อปี 2009 เธอเข้าประกวดนางสาวลาว และได้รับรางวัลนางงามบุคลิกดี
ก่อนขึ้นบินไปปากเซ เธอได้พูดคุยกับเพื่อนว่า เสาร์ที 19 ตุลาคมนี้ เป็นวันเกิดของเธอ และได้ซื้อทองคำ 2 บาทมอบให้พ่อกับแม่
ส่วนตัวเธอเตรียมลาพักร้อนไปเที่ยวหลวงพระบาง และไปเที่ยวต่างประเทศ
ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ "เกสอน"
เธอได้พักผ่อนชั่วนิรันดร์ — กับ Lin Chanida

 

ค่าเงินบาทอาจเริ่มแข็งตัวขึ้น ใครถือครองแบงค์ US$ ไว้มากๆระดับร้อยล้านเหรียญ ก็รีบเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นก่อนดีกว่ามั๊ย

 

พระศรีอารย์มาเกิดนี่เท่าที่รู้ท่านยังอยู่บนสรรค์นา ส่วนมากชอบเอามาหลอกกันหวังเรี่ยไรเงินทองกันมากกว่าต้องอ่านนี่ซะจะใด้ตาสว่าง
พระศรีอริยเมตไตรย์: พระศรีอาริย์มาเร็ว
พระศรีอริยเมตไตรย์: พระศรีอาริย์เขียนอีเมล์ถึงผม
พระศรีอริยเมตไตรย์
พระศรีอริยเมตไตรย์: พระศรีอาริย์จากวิกิพีเดีย

 

คุณทนง ร่อนสารจากสิกขิมอินเดีย มาเตือนพวกที่ยังเล่นแร่แปรค่า USดอลลาร์ และ fed bond เวลาของคุณหมดแล้ว

จีนเดินหน้าshut down ดอลล่าร์

ศัตรูเบอร์หมายเลข1ของดอลล่าร์คือทอง เราถึงได้เห็นทองโดนคุมจนอยู่หมัด ราคาขึ้นมาทีไรจะโดนทุบร่วงทุกที ให้ดูdollar index เป็นหลักด้วย เพราะทองขึ้นดอลล่าร์ร่วง ทองร่วงดอลล่าร์ขึ้น ทั้งสองสิ่งมีแรงผลักออกจากกัน mutually exclusive ในเมื่อทองเป็นเงิน ดอลล่าร์เป็นกระดาษ เฟดก็ต้องใช่กระดาษทุบให้ทองไม่มีค่า ให้คนกลัวที่จะถือทอง ให้ถือยาวนานจนปู่ย่าตาทวดไปเลย ทำอย่างนี้มานาน42ปีแล้วของการใช้ดอลล่าร์กระดาษและระบบการเงินคุมทองไม่ให้มีแสงสีทองส่งประกายออกมา และตอนนี้ดอลล่าร์มีหยวนเป็นปฏิปักษ์ หรือศัตรูหมายเลข2 อันนี้น่ากลัวกว่า เพราะว่าหยวนก็เป็นกระดาษเหมือนกัน กระดาษเจอกระดาษก็ขยาดไปเลย

จีนเดินเกมล้มดอลล่าร์อย่างอดทนทนอด ผูกค่าหยวนกับดอลล่าร์แน่น ดอลล่าร์ไปใหน ไปด้วยเพื่อเสถียรภาพในเมื่อดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลัก การผูกหยวนกับเงินสกุลหลักก็ทำให้หยวนเคลื่อนไหวตามเงินสกุลหลักเพื่อช่วยในการส่งออก ทำมาแล้ว30กว่าปี และตอนนี้ถึงเวลาปลดแอกแล้ว จีนกำลังดำเนินมาตรการ shut down ดอลล่าร์ผ่านหยวนสว๊อป ที่น่าสนใจพันธมิตรของสหรัฐฯเล่นด้วยหมด คล้ายกับว่าทุกคนกำลังลอยแพสหรัฐฯ จีนทำหยวนสว็อปกับอังกฤษแล้ว80,000ล้านหยวน หรือ$13,000ล้าน โดยจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนพวกสภาบันสามารถใช้หยวนสว๊อปในกรอบนี้ยืมหยวนในลอนดอน เพื่อไปลงทุนในตลาดการเงินจีนได้ โดยอังกฤษยอมให้จีนเปิดแบงค์ทำwholesale bankingที่ลอนดอนได้

ถัดมาจีนทำหยวนสว๊อปกับเขตยูโรโซน350,000 ล้านหยวน หรือ $57,000ล้าน กับ22ประเทศในเขตยูโร ทำหยวนสว๊อปกับออสเตรเลียแล้ว พูดง่ายๆ ตีตลบหลังสหรัฐฯไปแล้ว

ท่านประธานฉี จิ้นผิงเพิ่งจะมาอินโดเนเซียประกาศหยวนสว๊อป100,000ล้าน และที่สำคัญที่สุกบอกอิโดเนเซียว่าไม่ต้องห่วงปัญหาเงินไหลออก ถ้าเอาไม่อยู่จีนพร้อมช่วย โดยที่อินโดเนเซียไม่จำเป็นต้องเข้าโครงการIMFที่เจ็บปวด โดนรีดจนหมดตัว แสดงว่าจีนพร้อมจะเป็นเจ้าหนี้ และเล่นบทบาทของIMFไปเลย เมืองไทยทำหยวนสว๊อป70,000 ล้านแต่ยังไม่ได้พัฒนาอะไรมาก เพราะยังติดอยู่ในระบบดอลล่าร์ สำรองดอลล่าร์เรามีถึง60% คิดดูถ้าเพดานหนี้สหรัฐฯไม่ผ่านวันนี้ ดอลล่าร์ หรือพันธบัตรสหรัฐฯที่ธนาคารแห่งประเทศไทยถือจะเหลือแค่ใหน กลายเป็นกระดาษดีๆนี่เอง

จีนทำหยวนสว๊อปกับบริกส์ กำลังทำหยวนเปโตรคือซื้อขายน้ำมันเป็นหยวน จะล้มเปโตรดอลล่าร์

จะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ของจีนเหมือนหมากล้อม ค่อยๆบีบวงเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ให้ดอลล่าร์มีทางขยับ ยิ่งดอลล่าร์ทำQE คนยิ่งกลัว แม้แต่ซาอุดิ อาราเบียฯพันธมิตรเปโตรดอลล่าร์ ยังไม่อยากจะเอาดอลล่าร์เลยในตอนนี้ อยากได้หยวนมากกว่า เพราะว่ายิงQEค่าเงินดอลล่ารยิ่งจะเสื่อม ถือดอลล่าร์ไปก็ขาดทุน เหมือนปั๊มน้ำมันขึ้นมาเหนื่อยฟรีไม่ได้อะไร เพราะว่าเอามาแลกกระดาษดอลล่าร์ที่ราคาเสื่อม

เมื่อหมากล้อม ล้อมดอลล่าร์ได้ทีจีนจะประกาศปลดล๊อคหยวนจากดอลล่าร์ ทำการค้าผ่านหยวนสว๊อปก่อน ประกาศไม่เอาดอลล่าร์ ถึงตอนนั้นดีมานด์ดอลล่าร์ในตลาดโลกจะลดลงอย่างรวดเร็ว ดอลล่าร์จะไหลกลับมาตรภูมิ กลายเป็นเงินเฟ้อมหาภัย ที่จะทำให้เฟดยิ่งจะต้องพิมพ์เงินมากขึ้นจนท้องแตกตาย ได้เขียนมามากแล้วว่าโอบามารู้ชะตากรรมเรื่องนี้ของดอลล่าร์ดี และกำลังแก้เกม เกมเพดานหนี้เกือบเข้าทางตีน ตอนนี้จังหวะผ่านไปแล้วเปลาะหนึ้ง ก็ต้องหาจังหวะใหม่ต่อไปที่จะรีเซ็ทระบบการเงินและหนี้สหรัฐฯ เพราะถ้าไม่รีบทำ หยวนสว๊อปจะบีบจนดอลล่าร์กลายเป็นกระดาษอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนั้นจะแก้ไขอะไรก็จะไม่ทันการ

thanong
17/10/2013
China Opens Capital Markets as U.K. Taps Overseas Yuan Business - Bloomberg
China Inks €45bn Currency Swap with Eurozone - IBTimes UK


Thanong Fanclub
12 ชั่วโมงที่แล้ว

บริษัทจัดอันดับของจีนDagongลดอันดับความน่าเชื่อถือของหนี้สหรัฐฯจากA เป็นA-

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเล่นการเมืองสุดๆ ปี2011 เมื่อตอนท่านโอมีปัญหาเพดานหนี้พวกฝ่ายรี เกือบจะผิดชำระหนี้เหมือนกัน Standard & Poor's ออกมาลดเครดิตสหรัฐฯ จากAAA เป็นAA- ส่วน Moody's และFitch Rating อยู่เฉยๆ หลังจากนั้นไม่นาน S&P's โดนรัฐบาลสหรัฐฯไล่บี้ คงเป็นแค่เล่นละครกันบ้าง

มาคราวนี้ เรื่องเพดานหนี้กลับมาประวัติศาสตร์ย้อนรอยอีก ทำท่าจะผิดนัดชำระหนี้จริงๆด้วย เพราะฝ่ายรีเสียงแข็งจนหยาดเกือบจะสุดท้าย ก่อนที่จะบ่ท่ายอมความโดยดี มีเพียงFitch เท่านั้นที่ออกมาเตือนว่าจะลดเกรดAAAของสหรัฐฯและให้บอนด์สหรัฐฯเป็นrestrictive defaultถ้าหากเพดานหนี้ไม่ผ่าน ส่วนS&P'sและ Moodys' อยู่เฉยๆ แบ่งงานกันทำจริงๆพวกบริษัทจัดเครดิต กลัวหสรัฐฯจะช้ำมาก

ในเมื่อยักษ์3บริษัทแห่งวงการเร็ืติ้งไม่ทำหน้าที่ จีนก็ต้องออกมาเต้นงิ้วเต้นกา จีนก็มีบริษัทจัดอันดับเครดิตเหมือนกัน ซื่อว่าDagong Rating Agencyแน่นอน น้องใหม่เพิ่งจะตั้งมา ไม่เป็นที่ยอมรับของมาเฟียเก่า ที่แสดงผลงานอันลือชื่อคือให้เร็ทติ้งพวกตราสารจั๊งค์ต่างๆเกรดAที่เกี่ยวกับอสังหาฯช่วงก่อนซับไพรม์ล้มปี2007-2008 พอล้มไปแล้วแก้ตัวไม่ออก แต่ทุกวันนี้ยังทำหน้าลอยชาย

จีนเลยต้องออกDagong มาแข่ง โชว์ผลงานวันนี้ด้วยการลดเกรดความน่าเชื่อถือหนี้สหรัฐฯจากAเป็น A- ทั้งๆที่หลังฉากคุยกันเองจีนบอกบอนด์สหรัฐฯมันซุปเป้อร์จั๊งค์ไปแล้ว เพราะเป็นกระดาษที่ไร้ค่า ในคำแถลงของDagongบอกชัดว่าเป็นเวลาช้านานแล้วที่สหรัฐฯทำตัวเองไม่ให้ล้มด้วยการจ่ายหนี้เก่าผ่านการกู้ยืมหนี้ใหม่ ซึ่งทำให้ความอ่อนแอของรัฐบาลในการรักษาความมีเครดิตอยู่ยิ่งแย่ลงไปอีก

ในเมื่อลดเครดิตสหรัฐฯแบบนี้ แต่รัฐบาลจีนยังถือบอนด์สหรัฐอยู่เกือบ$1.3ล้านล้าน แสดงว่าจีนยังคงในทางปฏิบัติยังไม่ถึงกับบอกว่าสหรัฐฯล้มละลายไปแล้ว แต่ที่ถือบอนด์สหรัฐฯเพื่อเป็นกลยุทธอย่างหนึ่ง เวลาจะซัดดอลล่าร์ ก็ต้องมีดอลล่าร์ในพอร์ตเยอะๆ Dagongว่าไปก่อน และเดี๋ยวรัฐบาลจีนจะว่าตาม พวกS&P, Moody's และFitchคงจะสอึกเหมือนกันที่เพดานหนี้สหรัฐฯเกือบล้มไปแล้ว แต่ปัญหาก็ไม่ได้หนีไปไหน แค่เลือนเวลาออกไปเท่านั้น เพื่อให้กลับมาลุ้นใหม่ สงสารพวกนี้เหมือนกัน เพราะถ้าต้องให้เครดิตกันเอง ก็คงจะได้Fไปแล้ว

thanong
17/10/2013

"For a long time the U.S. government maintains its solvency by repaying its old debts through raising new debts, which constantly aggravates the vulnerability of the federal government's solvency.

China's Dagong Ratings Agency Has Downgraded The US | Business Insider India

 

ท่านปธน.ยังโชคดีที่มีโอกาสนำพารัฐบาลของท่านกวาดขยะซุกใต้พรมต่อไปได้อีกนานแค่ไหนไม่มีใครตอบได้!!!

 

Thanong Fanclub ได้แชร์ลิงก์
10 ชั่วโมงที่แล้ว
ไม่มีเพดานหนี้ อย่างน้อยถึงวันที่7กุมภาพันธ์

ตอนนี้สหรัฐฯไม่มีเพดานหนี้แล้ว เพราะว่ากฎหมายที่คอนเกรซผ่านในวันเส้นตายที่17ตุลาคมที่ผ่านมาและโอบามาเซ็นรับรองเป็นกฎหมายที่ให้เปิดรัฐบาลชั่วคราวถึงวันที่15 มกราคมและหยุดเพดานหนี้ไว้ชั่วคราวจนถึงวันที่7กุมภาพันธ์ คือไม่มีเพดานหนี้นั่นเอง เพราะฉะนั้นจากนี้ถึงวันที่7กุมภาพันธ์ ไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะเพิ่มหนี้ขึ้นไปอีกเท่าใด เป็นการตีเช็คเปล่าให้รัฐบาลก่อหนี้ได้ไม่จำกัดจำนวนนั่นเอง จนกว่าถึงวันที่7กุมภาพันธ์แล้วค่อยมาว่ากันอีกที เดิมทีเคยมีคนเสนอว่าให้เพิ่มหนี้ไปถึง$25ล้านล้านไปเลยจาก$16.7ล้านล้าน รัฐบาลจะได้ไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้อีก แต่อดีตรมวคลังอย่างTimothy Geithnerต้องการยกเลิกกฎหมายเพดานหนี้ไปเลย อเมริกาจะได้ก่อหนี้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะอเมริกาไม่มีวันผิดชำระหนี้ พิมพ์เงินมาใช้หนี้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เขาคิดของเขาอย่างนี้ อย่างไรก็ดีเพราะความที่ต้องรีบเร่งกลัวว่าเส้นตายจะผ่านวันที่17ตุลา ทำให้ประเทศต้องผิดชำระหนี้ คอนเกรซเลยออกกฎหมายหยุดเพดานหนี้ชั่วคราวจนถึงวันที่7กุมภาพันธ์ พูดง่ายๆ ปล่อยผีรัฐบาล แล้วขอตั้งหลักก่อน ขอฉลองวันคริสต์มาสให้มีความสุขก่อน แล้วค่อยมาเจรจางัดข้อขัดแข้งขัดขากันให้เป็นที่สำราญใจอีกครั้ง คราวนี้รีพับรีกันเสียท่าโอบามาไปแล้ว คราวหน้าคอยดู จะเอาคืนให้ได้

thanong
18/10/2013

There's no actual debt ceiling right now | The Daily Caller

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มาแปลกอีก กรุงปักกิ่ง เล็งออกกฎ รถทะเบียนคู่-คี่ สลับกันวิ่ง หวังลดมลพิษ
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นของกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เตรียมออกกฎให้รถทะเบียนคู่-คี่ วิ่งสลับวันกัน เพื่อลดมลพิษในอากาศซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองหลวงแดนมังกร
ข่าวระบุว่า เนื่องจากกรุงปักกิ่ง มักจะประสบปัญหาอากาศเป็นพิษในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมและการใช้รถยนต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยประชากรในกรุงปักกิ่งที่มีอยู่ 20 ล้านคน มีมากกว่า 1 ใน 4 ที่มีรถเป็นของตัวเอง

แผนเพื่อควบคุมมลพิษดังกล่าวจะมีผลให้ เมื่อใดก็ตามที่มลพิษในอากาศคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน รถยนต์ที่มีทะเบียนเลขคู่และเลขคี่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกห้ามวิ่งบนถนนในกรุงปักกิ่งสลับวันกัน ซึ่งแผนดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาและเตรียมที่จะนำมาบังคับใช้โดยหน่วยงานปกครองท้องถิ่นของกรุงปักกิ่งเร็วๆนี้
ข่าวระบุว่าประชาชนชาวจีนต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อมาตรการดังกล่าวซึ่งเคยมีบังคับใช้มาแล้วก่อนหน้านี้ แตกต่างกันออกไป บ้างก็ระบุว่ามาตรการดังกล่าวควรนำมาบังคับใช้อย่างถาวร ขณะที่บางส่วนเห็นว่าควรหันไปปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดจำนวนรถยนต์บนถนน

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวซึ่งเป็นมาตรการที่เคยใช้ระหว่างที่กรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2551 รวมถึงนำมาใช้อีกครั้งในปี 2554 จะเป็นการขยายข้อบังคับที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งห้ามไม่ให้ประชาชนนำรถยนต์มาวิ่งบนถนนในกรุงปักกิ่งในวันธรรมดา 1 วันต่อสัปดาห์ โดยจะมีการกำหนดตัวเลข 2 ตัวให้เป็นตัวเลขท้ายของทะเบียนรถที่ถูกห้ามไม่ให้วิ่งในแต่ละวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ อย่างไรก็ตามโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนยังไม่เป็นที่แน่ชัด

มติชน

 

ยอดเหยื่อพายุวิภาถล่มญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 22 ศพ เร่งค้นหาผู้สูญหายหลายสิบ
เอเอฟพี – ความเพียรพยายามค้นหาฝ่าซากหักพังของบ้านเรือนจำนวนมากและใต้กองดินโคลนหลายตัน เข้าสู่ค่ำคืนที่ 2 แล้วในวันพฤหัสบดี(17) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุวิภาที่ซัดกระหน่ำญี่ปุ่นเพิ่มเป็น 22 รายแล้ว
เวลานี้ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและทหารหลายร้อยนาย กำลังเร่งมือค้นหาประชาชนอีกมากกว่า 30 รายที่ยังสูญหายในพื้นๆจุดหนึ่งซึ่งดินโคลนกองมหึมาพังถล่มลงมาทับอาคารหลายหลัง

ทั้งนี้แม้พายุวิภาที่ถูกยกว่าเป็นไต้ฝุ่นที่มีความแรงที่สุดที่พัดกระหน่ำญี่ปุ่นในรอบทศวรรษ จะไม่ได้ขึ้นฝั่งโดยตรงและแค่เคลื่อนผ่านเท่านั้น แต่ด้วยลมกระโชกแรงและฝนฟ้าคะนอง บนเกาะโอชิมะ ที่อยู่ห่างจากโตเกียวทางใต้ราว 120 กิโลเมตร
สำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 รายและสูญหาย 33 คนบนเกาะดังกล่าว ส่วนอีกคนเป็นสตรีที่เสียชีวิตบริเวณทางตะวันตกของกรุงโตเกียว

บนเกาะโอชิมะ ตำรวจราว 15 นายใช้เวลาในตอนเช้าใช้เลื่อยและพลั่วดึงร่างของสตรีนางหนึ่งขึ้นมาจากซากบ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งจมอยู่ใต้กองโคลน อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายก็มีการยืนยันว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ทหารที่เพิ่งเดินทางมาถึงเกาะในตอนเช้าของวันพุธ(16) หลังถูกขัดขวางโดยพายุ ก็กระจายกำลังกันไปตามแถบภูเขาและตะโกนถามหาผู้รอดชีวิต
โยชิโนริ ซาโน โฆษกของปฏิบัติการกู้ภัยบอกว่าเจ้าหน้าที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม “รวมแล้วกำลังพลซึ่งเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้(16) อยู่ที่ 278 นาย และเราได้ลงมือตามหาผู้รอดชีวิตนับตั้งแต่นั้น โดยไม่ได้นอนหรือหยุดพัก เราจะค้นหาทุกตารางนิ้วของพื้นที่ เรายังมีความหวังอยู่”
สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ อ้างแหล่งข่าวรัฐบาลระบุว่านายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ประสบภัยบนเกาะ เพื่อตรวจตราปฏิบติการค้นหาผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต รวมทั้งพื้นฟูวิถีชีวิต อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยกำหนดเวลาที่แน่ชัด

บางส่วนของประชาชนราว 8,000 คนบนเกาะโอชิมะ ได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวก่อนหน้าพายุรุนแรงจะพัดมาถึง อย่างไรก็ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อนายมาซาฟูมิ คาวาชิมา นายกเทศมนตรีของเกาะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีที่เขาไม่ออกประกาศแนะนำอพยพ ทั้งๆที่มีคำเตือนจากนักพยากรณ์อากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงขนาดของไต้ฝุ่นวิภา
ในเรื่องนี้ คาวาชิมา ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้แจ้งกับประชาชนให้อพยพไปหลบในพื้นที่ปลอดภัย “ตอนนั้นผมเกรงว่าการออกคำแนะนำอพยพท่ามกลางพายุฝนในค่ำมืดอาจนำมาซึ่งหายนะอีกชั้นหนึ่ง แต่พอนึกย้อนหลังแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นความคิดพาซื่อเกินไป”
พื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่น ในนั้นรวมไปถึงพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นในกรุงโตเกียว รอดพ้นจากความเลวร้ายของพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ แม้ว่ายังมีผู้สูญหายในเมืองหลวงอยู่ 3 คน ทั้งนี้เที่ยวบินขาเข้าและออกของกรุงโตเกียว กลับคืนสู่ภาวะปกติในวันพฤหัสบดี(17) หลังจากต้องยกเลิกถึง 400 เที่ยวบินในวันพุธ(16) กระทบผู้โดยสารกว่า 60,000 คน

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/k1EUx8yQ-WI?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ผู้จัดการ

 

ชี้ศึกคองเกรสยกใหม่ฉุด GDP สหรัฐฯ ความเชื่อมั่นวูบ-ยื้อ QE ถึงสิ้นปี
เอเจนซีส์ – นักเศรษฐศาสตร์ชี้แม้วิกฤตชัตดาวน์และการขยายเพดานก่อหนี้ของสหรัฐฯจะยุติลงโดยสถานการณ์ไม่ถึงขนาดเลวร้ายย่ำแย่สุดๆ แต่ส่งผลตกค้างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในอเมริกา คาดอัตราเติบโตไตรมาสปัจจุบันต่ำกว่าคาด และเฟดอาจตัดสินใจชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์สำทับว่า แม้ตลาดหุ้นฟื้นตัวคึกคักในวันพุธ (16 ต.ค.) หลังจากรัฐสภาสหรัฐฯอนุมัติร่างกฎหมายขยายเพดานการก่อหนี้ให้กระทรวงการคลังกู้ยืมไปได้จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า และให้งบประมาณชั่วคราวซึ่งจะทำให้สามารถเปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่ปิดทำการก่อนหน้านี้ไปจนกระทั่งถึงวันที่ 15 มกราคม 2014 ทว่า ร่องรอยความเสียหายปรากฏอย่างชัดเจน และแนวโน้มศึกการเมืองรอบใหม่ในต้นปีหน้าอาจทำให้บาดแผลเศรษฐกิจอักเสบหนักขึ้น
สองบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่ มูดี้ส์และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ประเมินว่า การปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ และยืดเยื้อรวม 16 วัน จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 หดหายไป 0.5-0.6%
เอสแอนด์พีสำทับว่า วิกฤตชัตดาวน์สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ 24,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากลูกจ้างรัฐบาลหลายแสนคนต้องหยุดอยู่กับบ้านโดยไม่แน่ใจว่า จะได้รับเงินเดือนย้อนหลังหรือไม่ ขณะที่สัมปทานจากรัฐต้องเลื่อนออกไป และสวนสาธารณะที่ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวปิดให้บริการ
ด้วยเหตุนี้ นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากจึงลดการคาดการณ์อัตราเติบโตในไตรมาส 4 ลงอยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งเกือบไม่พอสร้างงานเพิ่มเพื่อดึงอัตราว่างงานให้ลดลง
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเล็งเห็นความจำเป็นในการคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อบรรเทาผลพวงจากการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
แม้วิกฤตการเมืองคลี่คลายลง ส่งผลให้ลูกจ้างรัฐที่ถูกพักงานเริ่มกลับเข้าทำงานได้อีกครั้งตั้งแต่วันพฤหัสบดี (17) ทว่า วิกฤตชัตดาวน์ได้กัดกินจุดที่อ่อนแอที่สุดในระบบเศรษฐกิจไปแล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะชะลอมาตรการกระตุ้นนั้น เริ่มทำให้กิจกรรมในหลายภาคส่วน อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ชะลอตัวลง
เฟดดูเหมือนตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ รวมถึงอันตรายจากวิกฤตชัตดาวน์และการต่อสู้เรื่องการขยายเพดานการก่อหนี้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ครั้งล่าสุด จึงได้ตัดสินใจชะลอการลดมูลค่าการซื้อพันธบัตรเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เศรษฐกิจเดือนกันยายนเติบโตหรือหยุดนิ่งอย่างไร เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลจึงทำให้มีการยกเลิกการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานและอัตราว่างงานในเดือนดังกล่าว
ขณะที่เบจบุ๊ก หรือรายงานการสำรวจกิจกรรมเศรษฐกิจของเฟดที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (16) บ่งชี้การชะลอตัวในบางภูมิภาคของสหรัฐฯนับตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้ว
นอกจากนั้น เบจบุ๊กยังตั้งข้อสังเกตว่า มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาล และความกังวลเกี่ยวกับการยับยั้งการขยายเพดานการก่อหนี้
ดัชนีความเชื่อมั่นที่ภาคเอกชนหลายแห่งจัดทำขึ้นต่างบ่งชี้แนวโน้มแง่ลบเช่นเดียวกัน เป็นต้นว่า การสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคตกต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า กิจกรรมการบริโภคอาจฟื้นตัวเมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าและคริสต์มาส แต่ดูเหมือนรายละเอียดข้อตกลงของรัฐสภาจะเป็นปัญหาหนักอกในตลาดและเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากคองเกรสยอมขยายเพดานการก่อหนี้จนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า และอัดฉีดงบประมาณชั่วคราวให้รัฐบาลจนถึงกลางเดือนมกราคมเท่านั้น
เท่ากับว่า ศึกการเมืองรอบใหม่ว่าด้วยประเด็นทางการคลังจะกลับมาให้กังวลกันอีก และแนวโน้มนี้อาจทำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจระมัดระวังการใช้จ่าย การลงทุน และการว่าจ้างมากขึ้น และฉุดรั้งการเติบโตของสหรัฐฯ

<iframe width="640" height="360" src="//www.youtube.com/embed/wXRjiLoy5G8?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ผู้จัดการ

 

ปฏิกริยาบนดวงอาทิตย์ วันและเวลาที่เกิดเปลวไฟสุริยะเป็นวัน และเวลาสากลน่ะครับ ถ้าเป็นของไทยต้อง บวก 7 ชั่วโมงก่อน