อยากทราบว่าจะ พ.ศ.๕๐๐๐ อะไรจะเกิดขึ้นกับศาสนาและนักบวชหรอครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 11 กันยายน 2013.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คือผมเคยได้ยินมาว่าพระจะติดแค่ปอกแขนสีเหลืองประมาณนั้นอ่ะครับ แล้วศาสนาพุทธเสื่อมถอยเรื่อยๆ ใครมีความรู้ด้านนี้อธิบายหน่อยครับ

    ขอบคุณมากนะครับ
     
  2. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    เท่าที่ได้ยินได้ฟังมา คนจะค่อยๆเสื่อมลงไม่มีศีลธรรม พระก้อจะแค่แต่งตัวให้ดูว่าเป็นพระแต่ไม่ได้ปฎิบัติกิจของสงฆ์ คือเป็นพระแค่ภายนอกภายในเป็นฆารวาส(ในพระไตรปิฎกบอกว่าเหลือแค่สีเหลืองติดใบหูให้รู้ว่าเป็นพระ) แต่ทุกอยากก้อเป็นแค่คำทำนานครับ สมัยนี้เยอะครับ ขณะนี้ก้อมีพระออกมาโจมตีกันไปมา ท่านคงพอทราบข่าว เอาที่ผมเคยสัมผัสมาก้อ เป็นฆารวาสในชุดพระเลยครับ เอาเป็นว่าทั้งพระและคนเสื่อมจากศาสนาลงไปเรื่อย(ศาสนาไม่ได้เสื่อม) พอครบ5000ปี พระบรมสารีริกธาตุจากที่ประดิฐานตามที่ต่างๆ จะมารวมตัวกัน แล้วเป็นพระวรกายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอากาศ เทศนาธรรมสอนชาวโลกและเทวดาครั้งสุดท้าย ก่อนจะสลายไปไม่เหลือพระบรมสารีริกธาตุให้เราได้กราบไหว้อีก อันนี้ก็อบมาจากเวบอื่นครับ
    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


    ในความเป็นจริงพระพุทธศาสนาก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว เพียงแต่ค่อย

    เสื่อมไปทีละน้อย ซึ่งการอันตรธานในพระพุทธศาสนา อันตรธานมี ๕ อย่างคือ

    อธิคมอันตรธาน อันตรธานเห่งการบรรลุ

    ปฏิปัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งการปฏิบัติ

    ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ

    ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศ

    ธาตุอันตรธาน อันตรธานแห่งธาตุ

    อธิคม อันตรธาน อันตรธานเห่งการบรรลุ ก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่ยุคพันปีแรก พอ

    พ้นปีแรก คือพันปีที่สอง ภิกษุก็ไม่สามารถได้ถึงคุณวิเศษ คือ ได้ปฏิสัมภิทา ได้เพียง

    ความเป็นพระอรหันต์ พอพันปีที่ 3 ก็บรรลุได้เพียงพระอนาคามี พันปีที่ 4 ก็ถึงเพียง

    พระสกทาคามี พันปีที่ 5 ก็ถึงพียงพระโสดาบันเท่านั้น จะเห็นนะครับว่า พระศาสนา ใน

    เรื่องของการบรรลุก็ค่อยๆเสื่อมไปทีละน้อยจนในอนาคต พ้นพันปีที่ 5 ก็ไม่มีผู้ที่สามารถ

    บรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ครับ

    ปฏิปัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งการปฏิบัติ ก็ค่อยๆเสื่อมตั้งแต่สมัยพุทธกาลเช่นกัน

    แต่ทีละน้อย จนปัจจุบัน เสื่อมมาก ก็เข้าใจหนทางข้อปฏิบัติที่ผิดกันมากขึ้นนั่นเองครับ

    จนในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะถึงข้อปฏิบัติได้ถูกต้องอีกเลย ก็เป็นอันตรธานในข้อปฏิบัติ

    ปริยัตติอันตรธาน อันตรธานแห่งปริยัติ ก็ค่อยๆเสื่อมไป เพราะสัตว์โลกไม่เข้าใจ

    ในพระธรรม ก็เข้าใจผิดและก็แสดงสิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูกก็ค่อยเลอะเลือนไปนั่นเองครับ จน

    เมื่อถึง พันปีที่ 5 พระปริยัติ คือ คำสอนที่ถูกต้องก็อันตรธานไปครับ

    ลิงคอันตรธาน อันตรธานแห่งเพศ เมื่อมีความเข้าใจผิด การแต่งกาย อันแสดงถึง

    ความเป็นเพศพระภิกษุก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งการปฏิบัติตน จนท้ายสุด เพศก็เปลี่ยนไป

    คือ ไม่แต่งกายและเลิกที่จะนับถือ แต่งกาย เปลี่ยนเพศไป ไม่ใช่ภิกษุอีกต่อไปใน

    อนาคตครับ
    ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า พระศาสนาจะดำรงได้ 5 พันปี มุ่งหมายถึง ปริยัติศาสนา

    คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะข้อความในพระไตรปิฎกแสดงว่า ปริยัติอันตรธาน

    คือ การอันตรธานในคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นเหตุของอันตรธานทั้งหมด ไม่ว่า

    อันตรธานในการบรรลุ เพราะถ้าไม่มีคำสอนที่ถูกต้อง ก็ไม่สามารถบรรลุได้ และเป็น

    เหตุแห่งอันตรธานในข้อปฏิบัติ ถ้าไม่มีคำสอนที่ถูกต้อง ก็ปฏิบัติผิด ดังนั้นศาสนาพุทธ

    ก็คือ คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากเมื่อใดที่คำสอนนั้นหมดไป คือ

    ไม่มีใครรู้และเข้าใจ แม้คาถาเพียงสั้นๆ 4 บาทก็ไม่มีใครในโลกมนุษย์รู้ได้อีก แม้จดจำก็

    ไม่ไ่ด้ ชื่อว่า พระศาสนาอันตรธานแล้ว อันตรธานไปจากโลกมนุษย์และจากใจของสัตว์

    โลกนั่นเองครับ ซึ่งในพระไตรปิฎกก็ได้แสดงว่า ปริยัติสัทธรรม จะดำรงอยุ่ได้ 5 พันปี

    เมื่อถึงเวลานั้น พระปริยัติไม่มี คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่มี พระศาสนาก็ชื่อว่า

    เสื่อมสิ้นไป และก็ถึงกาลอวสานของพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เมื่อพระ

    ศาสนาเสื่อมถึงที่สุด อันตรธานแห่งพระปริยัติ คือ คำสอนแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของ

    พระพุทธเจ้าจากที่ต่างๆ ก็จะมารวมตัวกันในที่สุดท้าย คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธ

    คยา อันเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า รวมตัวกันเป็นรูปพระพุทะเจ้าอีกครั้ง เทวดามา

    ชุมนุมรวมกัน แต่ไม่มีมนุษย์ และไมมีการแสดงธรรม และไฟก็ไหม้พระบรมสารีรกธาตุจน

    หมดสิ้น(ธาตุอันตรธาน) ชื่อว่า พระศาสนาอันตรธานสมบูรณ์แล้วครับ ณ เวลานั้นนั่น

    เองครับ

    ดังนั้น พระศาสนาจะเสื่อมสิ้น นั่นคือ มี ปริยัตอันตรธาน คือ พระธรรมคำสอนของ

    พระพทธเจ้าอันตรธานไป ข้อปฏฺบัติ การบรรลุ และพระบรมสารีริกธาตุก็อันตรธานหมด

    สิ้น อันมีเหตุจากพระธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่มีคนเข้าใจและจดจำได้อีกเลยครับ

    ดังนั้น ตัวชี้วัด ความเสื่อมของพระพุทธศาสนาในอนาคต 5 พันปี ว่าหมดสิ้น

    คือไม่มีใครจดจำและเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้องอีกเลย และพระธาตุก็อันตรธาน

    เป็นอันหมดสิ้นของพระศาสนา พระสมณโคดม ครับ


    พุทธบริษัท จึงควรเห็นประโยชน์ในการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ในพระปริยัติ คือ

    คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องที่ยังเหลืออยู่ เพราะเวลาของเราก็เหลือน้อย และ

    เวลาของพระศาสนานี้ก็เหลือน้อย จึงควรเป็นผู้ละเอียดในการศึกษาพระธรรม โดย

    เริ่มจากควาเข้าใจของตนเองเป็นสำคัญครับ เพราะศาสนาจะเสื่อม หรือ จะเจริญก็ขึ้น

    อยู่กับใจของผู้ที่เข้าใจพระธรรม ใจของพุทธบริษัทที่มีความเข้าใจในพระธรรมผิด หรือ

    ถูกครับ
    ขอขอบคุณผู้เขียนครับพอดีก็บเขามา รอผู้รู้ท่านต่อไป ขอบคุณครับ
     
  3. max77

    max77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +493
    อยู่ให้ถึงสิ.. แล้วก็จะรู้เอง.. รู้แล้วเกิดประโยชน์อันได้
    พุทธศาสนาไม่เสือม คนเท่านั้นที่เสือม
    ณ.ขณะนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เร่งทำความเพียรให้มากดีกว่า
    สะสมบุญบารมีให้มากๆ เพื่อว่าท่านจะได้เขาถึงในพระนิพาน ในอนาคตอันใกลนี้ก็เป็นได้..
     
  4. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    ค่อยๆเสื่อมลงอย่างที่คุณชีวอนบอกแต่ผิดนึดนึง

    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า พันปีที่1 จะมากด้วยอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    พันปีที่2 จะมากด้วยอรหันต์ฉฬภิญโญ
    พันปีที่3 จะมากด้วยอรหันต์เตวิชโช
    พันปีที่4 จะมากด้วยอรหันต์สุขวิปัสสโก
    พันปีที่5 จะมากด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอานาคามี

    ปล.ที่บอกว่ามากด้วย... ไม่ได้แปลว่าแบบอื่นไม่มี สาธุด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2013
  5. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    อาจจะเกิดประโยชน์กับเขาก็ได้นะ ถึงแม้จะไม่เกิดประโยชน์กับคุณก็เถอะ คนใฝ่รู้อย่าขัดคอสิ แต่สาธุตรงที่บอกว่าให้เร่งความเพียร
     
  6. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    เล่นเจาะเวลาหาอนาคต กันเลยทีเดียว
    พระวินัยจะเริ่มปฏิบัติเสื่อมกันลงไปก่อน ตีความเข้าข้างตัวเอง รวมถึงผู้นำและคณะทำให้เกิดการโต้เถียงกัน (ชักจะคล้ายๆตอนนี้ แต่ยังไม่ถึง) เมื่อพระวินัยเสื่อมสูญ พระก็ขาดจากความเป็นพระ นักบวชก็ไม่แน่ใจในธรรมวินัยที่ตนปฏิบัติ ต่างตีความไป เคร่งบ้าง ย่อหย่อนบ้าง เกิดเป็นลัทธิสัทธรรมปฏิรูป จึงมีสภาพทำเครื่องหมายให้รู้ว่าตนศึกษาอยู่ คือเปนเสขะอยู่ บ้างผ้าพาดกายบ้าง ห้อยหูบ้าง สวมหมวกบ้าง (ถูกหรือผิดยังไม่แน่ใจ) ครานั้นพระอภิธรรมไร้ซึ่งคนเข้าใจ (ตอนนี้ก็เริ่มมีแล้วเอาแต่ พระพุทธพจน์ บอกว่า พระอภิธรรม พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัส) ยามนั้นพุทธะนั้นเปนเพียงคำร่ำลือ คล้ายกับนิทาน ไม่ได้เกิดขึ้นจริงดุจนิยายเล่าต่อกันมา ครั้นก่อนวิสาขบูชา วันเพ็ญ เดือน 6 ศักราช 4999 ได้ เจ็ดวันสังเวยชนียสถาน ที่ยังมีผู้คนศรัทธาในพุทธะ ในนิยายเล่าลือนั้น เฝ้ารออยู่ ได้บังเกิดอัศจรรย์ พระธาตุเข้ารวมองค์ เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์อยู่เจ็ดวัน เจ็ดคืน พาพุทธบริษัท กลุ่มสุดท้ายเข้าบรรลุมรรคผลตามลำดับภูมิธรรมเดิม ในยามปัจฉิม จึงเกิดเตโชธาตุ ทำลายพระธาตุลงเสียสิ้น ในวันเพ็ญเดือน 6 นับได้ 5000 ปี ของสมเด็จพระพุทธเจ้าโคตมะ นั่นเอง
    พระปัจเจกพุทธเจ้า จุติ - ครั้นนั้น...

    อย่ารอดูเลย อีกนาน ไปดูข้างบนเถอะ ง่ายกว่า ไม่เสี่ยงด้วย
     
  7. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    คุณชีวอน บทความของคุณมันขัดกันเองแบบแปลกๆ

    ถ้าถามผมน่ะ เท่าที่ผมจำได้ หนังสือสวดมนต์ของวัดหงษ์ทอง บางปะกง เขียนเหมือนกับข้อความนี้
    พอครบ5000ปี พระบรมสารีริกธาตุจากที่ประดิฐานตามที่ต่างๆ จะมารวมตัวกัน แล้วเป็นพระวรกายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอากาศ เทศนาธรรมสอนชาวโลกและเทวดาครั้งสุดท้าย ก่อนจะสลายไปไม่เหลือพระบรมสารีริกธาตุให้เราได้กราบไหว้อีก

    คุณไผ่ครับ ฟังดีๆน่ะ ในหนังสือสวดมนต์ระบุไว้ ว่าใครได้ฟังพระธรรมในครั้งนี้ หวังไปสวรรค์ก็จะได้ไป หวังไปเป็นพรหมก็จะได้เป็น คุณทนรอได้ไหมอ่ะ อีกไม่ถึง 2500ปีแล้ว
     
  8. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    ทิ้งคำบริกรรมไปแล้วหรือยัง?

    เรื่องบางเรื่องคิดเกินไปก็จัดอยู่ในความฟุ้งซ่านที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ตัว
     
  9. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    ผมลองถามดูน่ะครับ แล้วก็รู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาทันพระพุทธศาสนากลางยุคแบบนี้

    เคยอ่านในหนังสือแต่จำชื่อเทวดาไม่ได้ ถึงมีอายุ เป็นหมื่นปีแต่ไม่ได้ทำบุญกับพระพุทธศาสนาก็สู้กับคนที่มีอายุสั้นแต่ทำบุญกับพระพุทธศาสนาไม่ได้เลย

    สาธุครับ
     
  10. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    คนทำบุญนอกพระพุทธศาสนาตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีอานิสงส์น้อยกว่าคนที่ทำบุญในพระพุทธศาสนา

    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

    "..ในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ ในขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นไปแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธมารดาที่พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีท่านพระอินทร์มาคอยต้อนรับอยู่ก่อน ต่อมามีเทวดาอีก ๒ องค์เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นมาก็มาก่อนเทวดาอื่น คือ ท่านอังกุรเทพบุตร มานั่งข้างพระบาทข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า กับ ท่านอินทกเทพบุตร มานั่งข้างพระบาทข้างขวา เมื่อมีเทวดาองค์อื่นมาท่านอังกุรเทพบุตรก็ถอยจากจากที่นั่งเดิม แต่ท่านอินทกเทพบุตรนั่งอยู่ที่เดิม ต่อมาเทวดามาหมดชั้นดาวดึงส์ปรากฏว่าท่าน อินทกเทพบุตรนั่งหัวแถวตามเดิม ส่วนท่านอังกุรเทพบุตรถอยไปนั่งอยู่ท้ายสุดเป็นเทวดาหางแถว

    ผลของการบำเพ็ญกุศลนอกพระพุทธศาสนากับในพระพุทธศาสนา
    พระพุทธเจ้าทรงต้องการประกาศผลของการบำเพ็ญกุศลนอกพระพุทธศาสนา กับในพระพุทธศาสนาให้บรรดาประชาชนทั้งหลายที่คอยพระองค์อยู่หลายโกฏิในเมืองพาราณสี ได้ยินได้ฟังทั้งหมด จึงทรงบันดาลเสียงของพระองค์ และเสียงของเทวดาที่สนทนากันให้ดังถึงเมืองมนุษย์ สมเด็จพระบรมสุคตจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "อังกุระ เมื่อตถาคตมาถึงตอนแรก เธอนั่งข้างพระบาทข้างซ้ายของตถาคต ครั้นเทวดาองค์อื่นมาหมดดาวดึงส์ เธอเป็นเทวดาท้ายแถวนั่งไกลที่สุด อยากจะทราบว่าในสมัยที่เป็นมนุษย์เธอทำบุญอะไรไว้"

    ท่านอังกุรเทพบุตรจึงกราบทูลองค์สมเด็จพระจอมไตรว่า "ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นมหาเศรษฐี เวลานั้นคนมีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี อีก ๒๐,๐๐๐ ปี ก่อนที่จะตาย ได้ตั้งโรงทาน ๘๐ แห่ง ๑ โยชน์ตั้ง ๑ แห่ง ให้ทานคนยากจน คนกำพร้า คนเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน สิ้นเวลา ๒๐,๐๐๐ ปี แต่อาศัยว่าเวลานั้นไม่มีพระพุทธศาสนา คนทั้งหมดไม่มีศีลไม่มีธรรม จึงได้อานิสงส์น้อย ตายจากความเป็นมนุษย์มาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุด มีวิมานทองคำเกลี้ยงเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า ๑,๐๐๐ เป็นบริวาร"

    แสดงให้เห็นว่า การบำเพ็ญกุศลแจกแก่คนที่ไร้ศีลไร้ธรรม ก็ยังเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ ส่วนท่านอินทกเทพบุตร เมื่อเข้าไปถึงใหม่ๆ ก็นั่งข้างพระบาทข้างขวาของพระพุทธเจ้า เมื่อเทวดามาทั้งหมดชั้นดาวดึงส์ ท่านก็ไม่ถอยให้ใครนั่งอยู่หัวแถวตามเดิม ถ้ายกเว้นท่านพระอินทร์ก็ต้องถือว่าเป็นเทวดาผู้มีศักดิ์ศรีใหญ่ในดาวดึงส์ ไม่มีใครใหญ่กว่าและไม่มีใครมีบุญมากกว่า พระพุทธเจ้าใคร่จะประกาศอานิสงส์แห่งการทำบุญในพระพุทธศาสนาให้ทราบ

    จึงถามท่านอินทกเทพบุตรว่า "อินทกะ เมื่อตถาคตมาใหม่ๆ เธอก็นั่งตรงนี้ แต่ทว่าเมื่อเทวดามาหมดดาวดึงส์ เธอก็นั่งตรงนี้ตามเดิม เธอเป็นเทวดาที่มีมเหสักขา (คือมีฤทธิ์มาก มีบุญมาก) มากกว่าเทวดาองค์อื่น นอกจากท่านพระอินทร์แล้วไม่มีใครยิ่งไปกว่าเธออยากจะทราบว่าในสมัยที่เป็นมนุษย์ เธอทำบุญอะไรไว้ จึงมาเป็นเทวดาที่มีอานุภาพมากอย่างนี้"

    ท่านอินทกเทพบุตรได้กราบทูลองค์สมเด็จพระชินสีห์ว่า "ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า ในสมัยที่ข้าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ เป็นลูกคนจน ต่อมาบิดาตายก็ต้องเลี้ยงแม่ (คำว่าเลี้ยงแม่ เป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณ สนองความดีของแม่ที่ท่านเลี้ยงมา อันนี้มีอานิสงส์สำคัญมาก สูงมาก)

    ต่อมาพระสงฆ์ในสำนักขององค์สมเด็จพระบรมครูเดินเฉียดบ้านไปก่อนเพล จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ทั้งหมดประมาณ ๔ รูปมาถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน ท่านบอกว่าในชีวิตของท่านจนมาก มีโอกาสบำเพ็ญกุศลถวายสังฆทานคราวนี้คราวเดียวกับเลี้ยงแม่ให้มีความสุขตามฐานะเพียงเท่านี้ข้าพระพุทธเจ้าตายจากความเป็นมนุษย์มาเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกมีวิมานแก้ว ๗ ประการสวยสดงดงามมากเป็นที่อยู่มีความสุขมาก และมีนางฟ้า ๑ แสนเป็นบริวาร"

    เป็นอันว่า การบำเพ็ญกุศลในศาสนาขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมมีอานิสงส์สูงกว่าการบำเพ็ญกุศลแก่คนนอกพระพุทธศาสนามาก แสดงว่าพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่าเทวดามีจริง นางฟ้ามีจริง สวรรค์มีจริง พรหมโลกมีจริง พระนิพพานมีจริง นรกมีจริง ตายแล้วมีสภาพไม่สูญจริง.."
     

แชร์หน้านี้

Loading...