"ภาษีคนโสด"อาจช่วยป้องกัน(พระเถรเณรชี)ลาสิกขาได้

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย พญายา, 9 กันยายน 2013.

  1. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    ภาคต้นกระทู้
    -ก่อนอื่นอย่าเพิ่งตกใจ เพราะภาษีที่ว่านี้ ยังไม่เกิดขึ้นจริงๆ แต่ถ้าหากมีเกิดขึ้นและเข้มงวด ในประเด็นนี้ของกระทู้ ก็อาจจะมีส่วนไปยับยั้งชั่งใจ ของผู้ที่อยู่ในเพศนักบวชที่ต้องการลาสิกขาและไม่อยากมีครอบครัว หรือยังไม่พร้อมในเรื่องคู่ครอง ให้ชะลอการลาสิกขาออกไปได้บ้าง เพราะหากลาสิกขาหรือสึกออกมา ก็ต้องกลายเป็นคนโสดทันที และก็ไม่ทราบว่าสัดส่วนที่จะต้องเสียภาษีนั้นจะมากหรือน้อย ต้องตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดก่อนรึเปล่า?

    [​IMG]
    ภาคประสบการณ์(ขออนุญาติต่อเจ้าตัวคนต้นเรื่อง เพื่อนำมาเป็นอุทาหรณ์)
    -นาคในรูปที่นั่งฟังพิธีเรียกขวัญ ก่อนได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ มีรัศมีบุญจับยังกับแผ่รังสีออร่านั้น ปัจจุบันเสียอนาคตไปแล้ว เมื่อเขาลาสิกขาออกมาแล้วหันไปดื่มสุราและดมกาวกับเพื่อนๆจนกลายเป็นคนวิกลจริต ถ้าหากยังบวชเป็นพระอยู่ขณะนั้นตัวเขาสอบได้นักธรรมชั้นโทแล้วก็คงจะกลายเป็นเจ้าอาวาสถ้าหากยังบวชอยู่จนถึงวันนี้คงไม่เสียอนาคตไป(กลัวเสียภาษีที่ว่าจึงขอบวชต่อไปนั่นเอง) แต่ถ้าหากว่ามีการเก็บภาษีคนโสด มาเก็บในขณะนี้ ก็ไม่ทราบว่าเขาจะต้องได้เสียภาษีรึเปล่า?เพราะเขาก็จัดเป็นคนโสดไม่มีลูกไม่มีเมีย รอรับเพียงเบี้ยยังชีพเท่านั้น!!!
    -คนเฒ่าคนแก่ ต่างก็กลัววัดร้าง ไม่อยากให้พระบวชใหม่สึกง่ายๆ เพราะแต่ละวัดในชนบท ยังขาดแคลนพระสงฆ์ ยิ่งใกล้วันออกพรรษาก็ยิ่งหวั่นใจ สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2013
  2. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    มันไม่น่าเกี่ยวกันน่ะครับ
    มนุษย์เงินเดือนรอลุ้น! สรรพากร เสนอปรับอัตราจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ ตั้งแต่ 5-35% ขณะที่ คลัง สั่ง สรรพากร ให้ไปศึกษาหักค่าลดหย่อนคู่สมรส และบุตรเพิ่มอีกเท่าตัว

    เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกับผู้บริหารกรมสรรพากรเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะตนได้มอบหมายให้กรมสรรพากรกลับไปจัดทำรายละเอียดการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาใหม่ เพื่อนำมาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง

    ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในการประชุมครั้งนั้น นายกิตติรัตน์ ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปศึกษารายละเอียด ว่า จะสามารถเพิ่มค่าหักลดหย่อนภาษีของคู่สมรส และบุตรได้อีกหรือไม่ และเพิ่มขึ้นได้สูงสุดเท่าไหร่ โดยปัจจุบัน คู่สมรสสามารถหักค่าลดหย่อนได้ 30,000 บาท แต่ถ้าเพิ่มค่าหักลดหย่อนจาก 30,000 บาท ขึ้นไปเป็น 60,000 บาท และเพิ่มค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบุตร จาก 15,000 บาท ไปเป็น 30,000 บาท จะกระทบต่อรายได้ภาษีมากน้อยแค่ไหน

    ขณะเดียวกัน กรมสรรพากร ก็ได้เสนอให้ปรับอัตราการเก็บภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ หลังหักรายจ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว โดยให้มีช่วงความถี่มากขึ้น ดังนี้

    รายได้ 0-150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีตามเดิม
    รายได้ 150,001-300,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 10% ปรับใหม่เป็นเสียภาษี 5%
    รายได้ 300,001-500,000 บาท เสียภาษี 10% ตามเดิม
    รายได้ 500,001-750,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 20% ปรับใหม่เป็นเสียภาษี 15%
    รายได้ 750,001-1,000,000 บาท เสียภาษี 20% ตามเดิม
    รายได้ 1,000,001-2,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 30% ปรับใหม่เป็นเสียภาษี 25%
    รายได้ 2,000,001-4,000,000 บาท เสียภาษี 30% ตามเดิม
    รายได้ตั้งแต่ 4,000,000 บาท จากเดิมเสียภาษี 37% ปรับใหม่เป็นเสียภาษี 35%

    แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุด้วยว่า การปรับโครงสร้างอัตราภาษีใหม่นี้ จะช่วยแบ่งเบาภาระให้ผู้เสียภาษี และสร้างความเป็นธรรมให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท แม้ว่าจะทำให้กรมสรรพากรสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีถึงปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท

    อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวต้องมีการเสนอแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรไปยังสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน จึงจะสามารถทำได้ ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการนาน

    สรุป การเสียภาษีน่าจะเกิดจากรายได้เป็นสำคัญ
     
  3. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    ไม่เกี่ยวสุดๆค่ะ เพราะส่วนใหญ่ที่ลาสิขาไปมักจะไม่โสดแทบจะทันที แล้วนักบวชที่ลาสิขาไปถ้าไม่เกี่ยวกับความจำเป็นของครอบครัวที่ต้องกลับไปช่วยงานการทั้งๆที่ไม่อยากจะสึก จะเป็นกลุ่มที่รู้ว่าตนไม่สามารถปฏิบัติต่อไปได้อีก ตัน เริ่มรู้สึกลำบากที่จะอยู่ในผ้าเหลือง บางก็มีสตรีมาติดพันจิกเอาไปทำสามี บางก็มีทรัพย์สินส่วนตัวไว้พอสมควรจนเริ่มหวั่นไหวรู้ว่าตนเองไม่ใช่พระเลยอยากไปใช้ชีวิตอย่างฆราวาส หรือหลายๆเหตุผลมารวมกัน ซึ่งไม่ขอกล่าวโทษบุคคลในกลุ่มนี้ เพราะอย่างน้อยตอนที่เขาถือบวชเขาก็บวชเพื่อฝึกปฏิบัติ รู้สึกรังเกลียดพวกที่ทำตัวเลวไม่ต่างจากฆราวาสแต่สวมหัวโขนว่าตนเป็นพระแต่ใจเหมือนสัตว์คอยกัดกินศาสนามากกว่า

    แล้วคนโสดเสียภาษีมากกว่าอยู่แล้วเพราะไม่มีค่าลดหย่อน คู่ครอง บุตรและการศึกษาบุตรมาช่วยหักค่าลดหย่อนเหมือนที่คุณpongioกล่าว ส่วนเรื่องที่ช่วยเพิ่มประชากรเพราะอาจขาดแรงงานในอนาคต ประเทศอื่นๆเขาใช้วิธีจูงใจให้มีบุตรโดยจะให้สิทธิพิเศษมากกว่า ยกตัวอย่างใกล้ๆ คือเวียดนาม ด้วยค่านิยมแบบจีนที่นิยมลูกชาย ทางรัฐก็มองการณ์ไกลกลัวประชาการชายหญิงไม่สมดุลกัน ด้วยการให้เงินพิเศษ(เท่าไหร่จำไม่ได้) มีประกันชีวิตให้ด้วย(ไม่แน่ใจว่าพ่อแม่หรือลูกอันนี้ลืม) ให้หากคุณได้ลูกสาว เขาห่วงประชากรกลัวด้อยคุณภาพจึงมีวันหยุดให้เพื่อให้เด็กได้ดื่มนมแม่นานถึง 6 เดือน

    สังเกตุดูสิ เดี๋ยวนี้มีแต่พวกเด็กๆเท่านั้นแหละที่รีบแต่งงานไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮอร์โมนหรือเพราะยังเด็ก ยังไม่ทันโตเต็มทีก็รีบมีลูกซะแล้ว เด็กที่เกิดมาก็ตัวเล็กๆแกนๆ ส่วนพวกที่เรียนสูงหน่อยเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้มักจะไม่อยากแยกไปสร้างครอบครัวของตัวเอง อัตราการแต่งงานน้อยลงเรื่อยๆในกลุ่มนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดไกลเกินเลยเห็นปัญหายุ่งยากหรือเพราะขี้เกียจหวังพึ่งคนอื่น ประเทศไทยน่าจะห่วงการสร้างประชากรที่มีคุณภาพ สุขภาพดี และมีสำนึกที่ดี มากกว่าประชากรที่มากแต่ด้อยคุณภาพชีวิต อมโรค เสียสุขภาพจิตและขาดจิตสำนึกเพราะความฟอนเฟะของสังคมในระบบทุนนิยมที่เห็นวัตถุเป็นที่ตั้ง
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    เดี๋ยวนี้ก็รับภาระเรื่องภาษีเดือนละเกือบ ๓,๐๐๐ บาทแล้วค่ะ
    รู้สึกว่าไม่น้อยเหมือนกันนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...