ติดตามสถานะการณ์

ทำเนียบขาวเริ่ม "ล็อบบี้" สภาคองเกรสหาเสียงสนับสนุนเรื่องซีเรีย
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 11:28 น.



เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐกำลังวิ่งวุ่นกันอย่างหนัก เพื่อ "ล็อบบี้" ขอเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสให้ได้มากที่สุด ในเรื่องการเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อรัฐบาลซีเรีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่าทีมงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เริ่มขั้นตอน "วิ่งเต้น" ขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรสให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเปิดฉากโจมตีทางหทารใน "วงแคบ" ต่อรัฐบาลซีเรีย

เพียง 1 วันหลังโอบามาแถลงอย่างเป็นทางการ แสดงความประสงค์ให้สภาคองเกรสอนุมัติปฏิบัติการทางทหารโจมตีฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ที่จะมีการจำกัดทั้งเป้าหมายและระยะเวลา นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ตามสถานีชื่อดังของสหรัฐมากถึง 5 รายการภายในวันเดียว เพื่ออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานของหน่วยข่าวกรอง ที่ค้นพบด้วยว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย สั่งให้มีการใช้แก๊สพิษซารินสังหารประชาชน 1,429 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.

นอกจากนี้ แคร์รียังสนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการซาอุดิอาระเบีย ซึ่งออกมาประกาศแสดงจุดยืนอยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายต่อต้านอัสซาด เพื่อขอฐานเสียงสนับสนุนในระดับนานาชาติ แต่นายกรัฐมนตรีเรย์เซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี กล่าวว่าการใช้กำลังทหารมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ทางเดียวที่จะยุติทุกอย่างได้ คือการที่อัสซาดต้องลาออกจากตำแหน่ง

ขณะที่ทีมงานของโอบามาอีกส่วนทยอยนำเสนอรายงานต่อสมาชิกสภาคองเกรสราว 80 คน เพื่อหวังโน้มน้าวใจให้สมาชิกยอมให้ความสนับสนุนต่อปฏิบัติการทางทหารของวอชิงตัน อย่างไรก็ตาม เริ่มเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เนื้อหาในรายงานยังไม่ลงลึกในรายละเอียดมากพอ นอกจากนี้ ในส่วนของวุฒิสภานั้น ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสมาชิกผู้ "ทรงอิทธิพล" จากพรรครีพับลิกัน เช่น นายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา และนายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์แคโรไลนา จะออกเสียงคัดค้านหรือสนับสนุน

http://www.dailynews.co.th/world/230243

 

ซีเรียยังกร้าวประณามสหรัฐ "ไม่แน่จริง"
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 07:44 น



รัฐบาลซีเรียยังคงแสดงท่าทีที่ท้าทายต่อสหรัฐ ด้วยการประกาศพร้อมรับมือการโจมตีทุกเมื่อและทุกรูปแบบ หลังวอชิงตันตัดสินใจขอรับการพิจารณาเรื่องการใช้กำลังทางทหารจากสภาคองเกรสก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย แถลงเมื่อวันอาทิตย์ หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ประกาศแผนการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย เพื่อเป็น "บทลงโทษ" เรื่องการใช้อาวุธเคมี แต่ขอผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ซึ่งต้องรออีกอย่างน้อย 10 วัน โดยอัสซาดแถลงถึงความพร้อมในการรับมือการรุกรานจาก "ภายนอก" หลังเผชิญกับศึกภายในอยู่ทุกวัน พร้อมกับยืนยันว่า ฝ่ายดามัสกัสจะไม่มีวันเป็นผู้แพ้

ด้านนายไฟซาล มัคแดด รมช.กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย กล่าวเหน็บแนมโอบามาว่า "ขี้ขลาด โลเล สับสน และน่าผิดหวัง" พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสแสดง "ความเฉลียวฉลาด" ให้โลกเห็น ด้วยการลงมติคัดค้านปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อดามัสกัส

ขณะที่สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ถ้อยแถลงของอัสซาด รายงานด้วยว่า กองทัพซีเรียสั่งเคลื่อนกำลังพล "จำนวนหนึ่ง" รวมถึงขนย้ายสรรพาวุธมาติดตั้งโดยรอบเขตที่อยู่อาศัยในกรุงดามัสกัส และตามเมืองสำคัญบางแห่งแล้ว

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลอัสซาดเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกมาแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานของหน่วยข่าวกรอง ที่นอกจากจะระบุว่า รัฐบาลซีเรียอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. แล้ว สารพิษที่ใช้คือแก๊สพิษซาริน ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า "หลักฐาน" ชิ้นนี้จะสามารถโน้มน้าวใจสภาคองเกรส ให้ลงมติอนุมัติเรื่องการใช้กำลังทหารต่อซีเรียได้

ส่วนนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ จนกว่ายูเอ็นจะเผยผลการตรวจสอบที่แน่ชัดออกมา แม้อาจต้องใช้เวลานาน 2-3 สัปดาห์ก็ตาม

ซีเรียยังกร้าวประณามสหรัฐ "ไม่แน่จริง" | เดลินิวส์

 

ท่าทีล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย
วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 14:25 น.



ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรียประจำวันที่ 1-2 ก.ย.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 2 ก.ย. สรุปความเคลื่อนไหวล่าสุดที่น่าสนใจของประชาคมโลกเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ตัดสินใจรอการอนุมัติจากสภาคองเกรสในเรื่องการเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรีย

สหประชาชาติ ( ยูเอ็น )
นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น กำลังเร่งให้คณะผู้ตรวจสอบด้านอาวุธเคมีส่งรายงานผลการวิเคราะห์ตัวอย่างให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่า ทีมงานของยูเอ็นจะส่งรายงานได้เมื่อไหร่

วาติกัน
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงประณามการใช้อาวุธเคมีและขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ในซีเรียอย่างสันติวิธีที่สุด พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงขอให้คริสตศาสนิกชนร่วมกันสวดมนต์และตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อมอบความปรารถนาดีให้แก่ผู้อพยพชาวซีเรียทุกคน

อิหร่าน
สมาชิกสภานิติบัญญัติอิหร่านจำนวนหนึ่งออกเดินทางไปยังกรุาดามัสกัส เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ป่วยจากการสูดดมแก๊สพิษ ที่กำลังรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลหลายแห่ง นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่รัฐบาลเตหะรานชุดนี้ยังมีกำหนดเข้าคารวะนายกรัฐมนตรีวาเอล นาเดอร์ อัล-ฮัลกี แห่งซีเรียด้วย

ตุรกี
ผู้อพยพชาวซีเรียหลายหมื่นคนยังคงเดินเท้าหลั่งไหล่ข้ามพรมแดนเข้ามาลี้ภัยตามศูนย์พักพิงในตุรกี แม้สหรัฐจะประกาศ "เลื่อน" การโจมตีทางทหารต่อซีเรีย แต่นายโมฮัมเหม็ด ยาเซอร์ หนึ่งในผู้อพยพชาวซีเรีย กล่าวว่า การที่สหรัฐให้ความสนับสนุนด้านอาวุธแก่กลุ่มกบฏ "น่าเจ็บปวด" ยิ่งกว่าการบุกโจมตีโดยตรงเสียอีก

อิสราเอล
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ยืนยันความพร้อมใน "ทุกสถานการณ์" พร้อมกับขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งแตกตื่นจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ชาวอิสราเอลยังคงกักตุนเสบียงและหาซื้อหน้ากากกันแก๊สพิษมาเก็บไว้มากขึ้น เนื่องจากยังคงเชื่อมั่นว่า จะตกเป็นเป้าโจมตีของซีเรีย หากสหรัฐเป็นฝ่ายเปิดฉากบุก

สันนิบาตอาหรับ
ที่ประชุมสันนิบาตอาหรับออกแถลงการณ์ร่วม ประณามการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย พร้อมกับขอให้ยูเอ็นและประชาคมโลกใช้มาตรการที่ "จริงจังและเหมาะสม" ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อยุติเหตุการณ์รุนแรงในซีเรียให้ได้โดยเร็ว แต่ยังไม่แสดงท่าทีแน่ชัดเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐ

ซีเรีย
ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ประกาศเตรียมพร้อมรับมือ "ภัยคุกคาม" จากภายนอกทุกรูปแบบ ขณะที่นายไฟซาล มัคแดด รมช.กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรงว่า กำลัง “ถอยหลังเข้าคลอง” ในเรื่องนโยบายต่างประเทศ

สหรัฐ
นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า วอชิงตันมีหลักฐานว่ารัฐบาลซีเรียใช้แก๊สพิษซารินเข่นฆ่าประชาชนจนเสียชีวิต 1,429 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. โดยอาศัยข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดและเส้นผมของเหยื่อบางส่วน

ขณะที่ทีมงานของโอบามากำลังวิ่งเต้นขนานใหญ่เพื่อหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรส ที่ยัง “ลังเล” เรื่องภารกิจทางทหารของสหรัฐในซีเรีย โดยเฉพาะนายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา จากพรรครีพับลิกัน ที่มีรายงานว่า โอบามาเชิญเข้าพบเป็นการส่วนตัวที่ทำเนียบขาวแล้ว

ออสเตรเลีย
นายบ็อบ คาร์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย เผยว่า รัฐบาลแคนเบอร์รากำลังพิจารณามอบ “ความช่วยเหลือ” บางอย่างให้แก่สหรัฐ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องกำลังทหาร

นิวซีแลนด์
นายกรัฐมนตรีจอห์น คีย์ ผู้นำนิวซีแลนด์ เผยว่าได้รับการติดต่อขอ “ความช่วยเหลือ” จากสหรัฐ แต่ตอบกลับไปว่า ขอหลักฐานเรื่องฝ่ายรัฐบาลซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีที่ชัดเจนกว่านี้ก่อน แล้วจะพิจารณาบทบาทของนิวซีแลนด์ในลำดับต่อไป

รัสเซีย
นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงว่า มอสโกไม่เชื่อ “เด็ดขาด” เกี่ยวกับสิ่งที่สหรัฐกล่าวว่า คือ “หลักฐาน” เรื่องการใช้อาวุธเคมีในซีเรียที่รัฐบาลอัสซาดอยู่เบื้องหลัง

ท่าทีล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย | เดลินิวส์

 

ดูดูไปรูปซ้ายเหมือนมนุษย์ต่าวดาวเลย หน้าตาแปลกๆ 555ไม่เครียดเนอะ

 

Adepto Perfectus = dutchsinse ได้แชร์ ลิงก์
เมื่อวานนี้ เวลา 5:30 น. ·
เสียง แปลก ๆ อีกครั้ง .. เกิดแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ อีกครั้ง ... สภาวะอากาศรุนแรง อีกครั้ง .. และการระเบิด ใต้ดิน อีกครั้ง ..

คุ้นหู ที่ดีที่สุด

สิ่งที่ดีทีสุดในที่ดีที่สุดในเวลานี้ ควร วางแผนและเตรียม .... มีแผน สภาพอากาศของคุณ รุนแรง .. แผน แผ่นดินไหว .. อาหารและน้ำ .. การสื่อสาร .. การป้องกัน การขนส่ง ตัวเอง และคิด ... (ตอนนี้อเมริกาคงเกิดภัยพิบัติรุนแรงไม่ใช่ประเทศไทยน่ะครับ)

Strange sounds again.. large earthquakes again... large severe weather outbreak again.. and now UNDERGROUND EXPLOSIONS again..

sound familiar?

Best to have a plan and be prepared.... have your severe weather plan.. earthquake plan.. food and water.. communications.. transportation, and self defense accounted for...

Don't be scared.. be prepared !

http://www.13abc.com/story/23307649/underground-explosion-damages-detroit
Underground explosion damages Detroit
www.13abc.com

 

พายุทอร์นาโดพัดถล่มพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกของญี่ปุ่น บริเวณจังหวัดโคชิกายะ ทางเหนือของกรุงโตเกียว

ช่วงบ่ายวันที่ 2 ก.ย.2556

มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน - บ้านเรือนเสียหายพังยับ ไฟฟ้าดับ 33,000 หลังคาเรือน

Several dozens injured as tornado hits near Tokyo | i24news - Information has a new name

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=mjSarO2Nj-c][Exclusive And Latest] Tornado hits near Tokyo [COMPLETE VIDEO] - YouTube[/ame]


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=cNvoqZPxozo]Several dozens injured as tornado hits near Tokyo - YouTube[/ame]

 

Pasin Weerawutikorn ได้แชร์ ลิงก์
45 นาทีที่แล้ว ·
ว่าด้วยเรื่องมนุษย์ต่างดาวจากพุทธวจน
https://www.youtube.com/watch?v=PPuGTFver0M
พุทธวจนะ โลกอื่น จักรวาล อิทัป ฯ
YouTube
ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์

 

Kaokala Fc ได้แชร์ ลิงก์
4 ชั่วโมงที่แล้ว ·
สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยคลิป"วินาทีเฉียดตาย"ของผู้ใช้รถบนถนนเกลัง รายหนึ่งที่ไต้หวัน ซึ่งคลิปวิดิโอดังกล่าว ถูกถ่ายไว้โดยกล้องวิดิโอที่ติดไว้ในรถยนต์ของนายไหล ฮง เว่ย ที่ขับรถตามหลังรถคันดังกล่าวมาติดๆ เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ก็เกิดดินถล่มสไลด์ลงมาจากภูเขา จนรถยนต์สีขาวคันหน้าเซไปยังอีกเลนหนึ่ง ก่อนที่จะมีก้อนหินยักษ์จะหล่นกลิ้งลงมาจากยอดเขา แลละหยุดห่างจากรถไม่ถึง 1 เมตร ก่อนที่นายไหลจะรีบจอดรถและโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในรถคันดังกล่าว 2 คน ที่รอดชีวิตอย่างฉิวเฉียด โดยได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้ เหตุดินถล่มดังกล่าว เกิดขึ้นเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนกองเรยที่พัดเข้าไต้หวัน เป็นผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนักทางตอนใต้ของเกาะ และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 รายemaginfo|บทความ| วินาทีชีวิต! ก้อนหินยักษ์กลิ้งจากภูเขา หวิดทับรถ
Scary Mudslide in Taiwan 2013 HUGE Rock Almost Crushes Car
YouTube

 

Kaokala Fc



1 ชั่วโมงที่แล้ว ·
2 ก.ย. เมื่อนักวิทยาศาสตร์ เพาะ "สมอง" ในหลอดแก้ว

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันชีวะเทคโนโลยีโมเลกุล (ไอเอ็มบี) ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ประสบความสำเร็จในการเพาะ "สมอง" ของมนุษย์ในห้องทดลองได้สำเร็จ ซึ่งไม่เพียงทำให้คนเราสามารถติดตามพัฒนาการของอวัยวะแบบเดียวกับพัฒนาการ ระหว่างที่อยู่ในครรภ์ของมารดาได้เท่านั้น ยังทำให้สามารถตั้งความหวังไว้ด้วยว่า จะช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบจิตและประสาทมากขึ้น ในอนาคต หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จในการเพาะอวัยวะอื่นๆ ของคนเราในห้องแล็บมาแล้ว ตั้งแต่ ตา ต่อมพิททูอารี และตับ ได้มาแล้ว

การเพาะสร้างสมองที่ถือเป็นความสำเร็จหลังสุดครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของไอเอ็มบี เริ่มต้นด้วยการนำเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) มาเพาะเลี้ยงใน เมทริกซ์ หรือสารสำหรับเสริมสร้างเซลล์ คล้ายเจล ที่สามารถสร้างสภาวะคล้ายคลึงกับสภาพในมดลูกของคนขึ้น การเพาะเลี้ยงดังกล่าวใช้เวลาหลายเดือนจนเซลล์ดังกล่าวเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมาวัดขนาดได้ราว 3-4 มิลลิเมตร (อ่านต่อ..

 

Kaokala Fc
...กฎหมายนี้เฟสKaokala คงจะไม่รอด อิอิ...

2 ก.ย. เวียดนามบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มการใช้อินเทอร์เน็ต

เวียดนามเอาจริง บังคับใช้กฎหมายห้ามผู้ใช้อินเทอร์เน็ต พูดคุยกันเรื่องการบ้านการเมือง ห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ แชร์บทความข่าวต่าง ๆ ทำได้แค่แลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นกฎหมายปิดกั้นเสรีภาพ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ว่า กฎหมายห้ามผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวเวียดนาม พูดคุยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องกระแสปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้คน มีผลบังคับใช้แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า กฤษฎีกา 72 (Decree 72) ระบุว่า บล็อกและเว็บไซต์สังคมต่าง ๆ ไม่ควรถูกใช้เพื่อแชร์บทความข่าว ยกเว้นข้อมูลส่วนตัวได้ กฎหมายฉบับนี้ ยังเรียกร้องให้บริษัทอินเทอร์เน็ตต่างชาติ ดูแลเซิร์ฟเวอร์ท้องถิ่นของพวกเขาในเวียดนามด้วย

กฎหมายฉบับนี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาบริษัทอินเทอร์เน็ต และกลุ่มสิทธิมนุษยชน รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐด้วย ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีพรรคเดียว และทางการก็มีมาตรการเข้มงวดในการควบคุมสื่อด้วย โดยจะเห็นได้จาก นักเคลื่อนไหวหลายสิบคน ซึ่งรวมทั้งบล็อกเกอร์ ถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำการต่อต้านรัฐในปีนี้
เวียดนามบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มการใช้อินเทอร์เน็ต | เดลินิวส์
รูปภาพบนไทม์ไลน์ · 2 ชั่วโมงที่แล้ว ·
ดูภาพขนาดเต็ม · ส่งเป็นข้อความ · รายงานรูปภาพ

 

Newsmania



6 นาทีที่แล้ว
"วิล สมิธ" ประกาศขายบ้านในแอลเอราคา 42 ล้านดอลลาร์ หลังใช้เวลาสร้างถึง 7 ปี และเข้าอยู่มาแค่ 2 ปี โดยเขาเพิ่งขายบ้านพักตากอากาศในฮาวายไปเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้แมงเมาท์ลือว่าหรือขาเตียงกำลังสั่นคลอน

 

จีนน้ำท่วมหนักสุดรอบ 10 ปี สร้างความเสียหายกว่าหมื่นล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2556 15:24 น.

พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เกิดน้ำท่วมรุนแรงมานานนับเดือน โดยล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำซ่งหัว สูงขึ้นเกินระดับปลอดภัย และยังคงเพิ่มอยู่อย่างต่อเนื่องทางการจีนเปิดเผยว่าจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน และสูญหายไปกว่า 100 คน จากเหตุน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ของ 3 มณฑลคือ ไห่หลงเจียง จี้หลิน และเหลี่ยวหนิง

นอกจากนี้ ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้วมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าในวันที่ 3 กันยายนนี้ จะมีมวลน้ำก้อนใหญ่ไหลลงมายังพื้นที่มณฑลไห่หลงเจียง ซึ่งติดกับพรมแดนรัสเซีย โดยขณะนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ และทหารกำลังเร่งมือเสริมแนวคันกั้นน้ำตลอด 2 แนวฝั่งแม่น้ำ

 

“โป๊ปฟรานซิส” ไม่เคร่งธรรมเนียมเข้าพบวาติกัน “ก้มศรีษะ” ให้ราชินีมุสลิมแห่งจอร์แดน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2556 16:56 น.

เอเจนซีส์ - เป็นอีกครั้งที่สมเด็จพระสันตะปาปาไม่ทำตามกฎที่เคร่งครัดของวาติกัน โดยล่าสุดโป๊ปฟรานซิสได้ก้มศรีษะให้กับพระราชินีมุสลิม “รานยา” แห่งจอร์แดน แทนที่ตามธรรมเนียมการพบ ในฐานะที่เป็นผู้นำของชาวคริตจักรนิกายโรมันคาทอลิกในโลกใบนี้กว่า 1.2พันล้านคน พระองค์จะเป็นผู้ได้รับการค้อมศรีษะจากผู้มาเยี่ยมที่โฮลีซี วาติกัน

ในขณะที่วาติกันมีธรรมเนียมปฎิบัติที่เคร่งครัดมานานนับหลายร้อยปี โป๊ปฟรานซิสผู้ที่ถูกเลือกให้เข้ารับตำแหน่งแทนโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 16 นั้นมักจะทำอะไรที่แปลกออกไป โดยล่าสุดในวันพฤหัสบดี(29)พระองค์ได้ก้มศรีษะให้กับสมเด็จราชินีแห่งจอร์แดน “รานยา” ซึ่งเป็นมุสลิม ในขณะที่พระองค์ทรงต้อนรับทั้งสมเด็จราชินีรานยาและสมเด็จพระราชาธิบดีที่ 2 แห่งจอร์แดน อับดุลลาห์ที่ 2 ที่โฮลีซี วาติกัน

“จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 แขกผู้มาเยี่ยมพระประมุขวาติกันต้องก้มลงจูบที่รองพระบาทของสมเด็จพระสันตะปาปา และธรรมเนียมการเข้าพบที่เคร่งครัดยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยทั้งหญิงและชายที่เข้าพบโป๊ปนั้นต้องคำนับพระองค์ แต่พระประมุขคาทอลิกองค์ปัจจุบันยังทรงปฎิบัติตนเหมือนเมื่อครั้งยังไม่ได้เข้าดำรงตำแหน่งและพระองค์ไม่ประสงค์ที่จะสนพระทัยที่จะทำตามธรรมเนียมวาติกันที่เคร่งครัดนั้น” พระระดับสูงของวาติกันเผยกับเดลีเทเลกราฟของอังกฤษ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โป๊ปฟรานซิสไม่ทำตามธรรมเนียมการเข้าเยี่ยมอย่างเป็นทางการของวาติกัน โดยก่อนหน้านั้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีหญิงแห่งอาร์เจนตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ได้เข้าพบกับโป๊ปฟรานซิสที่เป็นชาวอาร์เจนตินา 1 วันก่อนเข้าพิธีรับตำแหน่งประมุขคาทอลิก โดยสมเด็จพระสันตะปาปาได้แสดงความขอบคุณด้วยการจุมพิตที่แก้มหลังจากที่ เฟอร์นันเดซได้มอบของขวัญชุดพิธีชาตามแบบอาร์เจนตินา โดยเฟอร์นันเดซเผยภายหลังว่า “ในชีวิตของดิฉัน ไม่มีเลยสักครั้งที่จะคิดว่าได้รับการจุมพิตจากพระประมุขแห่งคริตจักร” และนอกจากนี้ประธานาธิบดีหญิงคนแรกแห่งบราซิล ดิลมาร์ รุสเซฟฟ์ ได้ถือโอกาสเริ่มเป็นผู้นำในการจุมพิตที่แก้มทั้งสองข้างของโป๊ปฟรานซิสเป็นการทักทายในระหว่างที่เธอเข้าพบพระองค์ที่วาติกันในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ซึ่งการ”โค้งคำนับ” ล่าสุดที่ผู้นำคริตจักรโรมันคาทอลิกส่งสัญญาณออกมา แสดงถึงการที่พระองค์ไม่มีเวลาให้กับธรรมเนียมปฎิบัติของวาติกัน

นอกจากส่งสัญญาณการโค้งคำนับแล้ว พระประมุขแห่งวาติกันยังอยู่ในช่วงเขย่าอำนาจระบบราชการของสำนักวาติกัน โดยพระองค์ต้องการปลดพระคาร์ดินัล ทาร์ซิสิโอ เบอร์โตเน ที่ทรงอิทธิพลออกจากตำแหน่งเลขาธิการใหญ่แห่งสำนักวาติกัน(เทียบเท่านายกรัฐมนตรีแห่งนครรัฐวาติกัน) โดยพระคาร์ดินัล ทาร์ซิสิโอ เบอร์โตเน ได้เข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่2006 โดยพระที่ทรงอิทธิพลผู้นี้ได้มีข้อติฉินในด้านการเลือกปฎิบัติ

โดยสื่ออิตาลีคาดกันว่ารายชื่อจากหนึ่งในสองที่อาจจะได้รับการเลือกเพื่อมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คนใหม่คือ อาร์คบิชอปบิเอโตร ปาโรลิน เอกอัคราชทูตแห่งวาติกันประจำเวเนซุเอลา และพระคาดินัลจูเซปเป มาร์เตลโล ประธานสมณกรรมาะการนครรัฐวาติกัน

 

ประธานาธิบดีหญิงแห่งอาร์เจนตินา คริสตินา เฟอร์นันเดซ เด เคิร์ชเนอร์ ได้เข้าพบกับโป๊ปฟรานซิส

 

SuperMega Terran
เมื่อวานนี้ เวลา 18:49 น.
อังกฤษและอเมริกาวางแผนเปิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยใช้ข้ออ้างซีเรีย

อังกฤษและอเมริกาวางแผนเปิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยใช้ข้ออ้างซีเรีย
อังกฤษและอเมริกาวางแผนเปิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยใช้ข้ออ้างซีเรีย
Sahibzaman.com : เว็บไซต์เพื่อการเรียนรู้อิสลามสำหรับคนรุ่นใหม่
sahibzaman.com

omeข่าวบทความSahibzaman TV
Home ข่าว News Update อังกฤษและอเมริกาวางแผนเปิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยใช้ข้ออ้างซีเรีย
อังกฤษและอเมริกาวางแผนเปิดสงครามโลกครั้งที่สามโดยใช้ข้ออ้างซีเรีย
Written by ทีมงาน Sahibzaman.com .
Sunday, 08 July 2012 13:52
تحلیلگر آمریکایی: انگلیس و آمریکا در صدد راه انداختن جنگ جهانی سوم به بهانه سوریه هستند
تحلیلگر آمریکایی:
انگلیس و آمریکا در صدد راه انداختن جنگ جهانی سوم به بهانه سوریه هستند

นักวิเคราะห์อเมริกัน :
อังกฤษและอเมริกากำลังวางแผนที่จะเปิดสงครามโลกครั้งที่สามภายใต้ข้ออ้างซีเรีย

สำนักข่าวฟาร์ซ : นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ในขณะที่อธิบายถึงสถานการณ์ของประเทศซีเรียว่ามีอันตรายอย่างมาก เมื่อพิจารณาถึงความพยายามของตะวันตกที่จะทำสงครามต่อต้านประเทศนี้ พร้อมกับกล่าวว่าอเมริกาและอังกฤษกำลังแสวงหาช่องทางที่จะเปิดสงครามโลกครั้งที่สามบนหัวของซีเรีย

ตามการรายงานของฟาร์ซ ; " Edward Spannaus " นักวิเคราะห์ชาวสหรัฐและบรรณาธิการของนิตยสารรายสัปดาห์ " Executive Intelligence Review " ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ " Press TV " ได้กล่าวว่า อังกฤษและอเมริกากำลังปลุกปั่นให้เกิดการก่อตัวของสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นโดยใช้วิธีกดดันความพยายามต่าง ๆ เพื่อการเริ่มต้นการรุกรานทางทหารต่อประเทศซีเรีย

นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันผู้นี้กล่าวว่า : พวกเขา (อเมริกาและอังกฤษ) มุ่งมั่นที่จะจุดประกายสงครามซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศซีเรียเท่านั้น แต่มันจะกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค และสงครามในระดับภูมิภาคนี้จะหลุดออกจากการควบคุมได้อย่างรวดเร็วและจะถูกเปลี่ยนเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม ทั้งนี้เนื่องจากว่าสงครามครั้งนี้จะติดตามมาด้วยการเชิญหน้ากับรัสเซียและจีนด้วยเช่นกัน

บรรณาธิการของนิตยสารรายสัปดาห์ " Executive Intelligence Review " ผู้นี้ ได้กล่าวยกย่อง "Vladimir Putin" ประธานาธิบดีรัสเซีย ด้วยเหตุผลที่เขาคัดค้านการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย เนื่องจากผลกระทบต่าง ๆ ที่ร้ายแรงที่จะติดตามมาจากการแทรกแซงนี้และจะเป็นเหตุนำไปสู่สงครามระดับภูมิภาค พร้อมกับกล่าวว่า : ผมคิดว่าเราจำเป็นจะต้องขอบคุณรัสเซียและปูตินที่รักษาจุดยืนของตนและได้ประกาศว่าพวกเขาต้องการที่จะให้มีการแทรกแซงทางทหารเพื่อการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในซีเรียอย่างแน่นอน และการที่จะไม่เข้าร่วมหรือให้ความร่วมมือในพยายามใด ๆ ที่จะโค่นล้ม"บัชชาร อัล-อะซัด" ประธานาธิบดีซีเรีย

ในการประชุมเมื่อวานนี้ของกลุ่มที่เรียกว่า "เพื่อนของซีเรีย" ที่ถูกจัดขึ้นในกรุงปารีสในสภาพเงื่อนไขที่ทั้งสองประเทศ คือรัสเซียและจีนได้บอยคอตการเข้าร่วมประชุมนี้ และได้ประกาศว่าพวกเขาคัดค้านการแทรกแซงของต่างชาติต่อกิจการภายในของซีเรีย ในขณะที่เมื่อวานนี้ นาง "ฮิลลารี คลินตัน" รัฐมนตรีต่างประเทศของอเมริกาได้เตือนรัสเซียและจีนเกี่ยวกับการปกป้องบัชชาร อัล-อะซัด และได้กล่าวอ้างว่า ทั้งสองประเทศนี้จะต้องจ่ายราคาของการปกป้องนี้ของตน

ในส่วนถัดไปของการให้สัมภาษณ์นี้ " Edward Spannaus " ได้เตือนเกี่ยวกับสภาพและสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศซีเรียในช่วงเวลาเดียวกับความพยายามของบรรดาประเทศตะวันตกที่จะทำสงครามกับซีเรียและอธิบายสถานการณ์นี้ว่าเป็นอันตรายอย่างมาก


" Edward Spannaus " นักวิเคราะห์ชาวสหรัฐและบรรณาธิการของนิตยสารรายสัปดาห์ " Executive Intelligence Review "

 

อเมริกาบุก!! กองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz มุ่งหน้าสู่ทะเลแดง เตรียมพร้อมโจมตี “ซีเรีย” หากได้รับคำสั่ง



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กันยายน 2556 14:44 น.

รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - กองทัพเรือสหรัฐฯ สั่งเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือของกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์มุ่งหน้าสู่ทะเลแดง เพื่อเตรียมพร้อมหากประธานาธิบดีบารัค โอบามาสั่งเปิดฉากโจมตีซีเรีย โดยก่อนหน้านี้เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz เพิ่งเสร็จภารกิจจากการรบในอัฟกานิสถาน ที่แต่เดิมกองทัพเรือสหรัฐฯ สั่งให้มุ่งหน้ากลับฐานเอเวอร์เรตต์ วอชิงตัน โดยในระยะเวลากว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐฯได้เสริมกำลังพลเพิ่มเป็น 2 เท่าในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเหนือ รวมทั้งเพิ่มการลาดตระเวนของเรือพิฆาตเป็น 5 ลำในแถบนั้น จากที่เคยลาดตระเวนเพียง 3 ลำ

ในขณะที่สถานการณ์ซีเรียอยู่ในช่วงสูญญากาศหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้เปลี่ยนใจที่จะขอให้สภาคองเกรสรับรองการใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรีย ทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ต้องตัดสินใจส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz (CVN-68) มุ่งหน้าสุ่ทะเลแดง และอาจจะเข้าไปที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แหล่งข่าวกองทัพเรือสหรัฐฯเผยกับรอยเตอร์ “การสั่งให้กองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ไปประจำในบริเวณนั้นเป็นการชิงความได้เปรียบทางกลยุทธเพื่อการโจมตี” และแหล่งข่าวผู้นี้ยังเผยต่อไปว่า แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่ากองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz จะเข้าสู่น่านน้ำทะเลแดงเมื่อไหร่

นอกจากนี้ แหล่งข่าวกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผยว่า “ทางกองทัพสหรัฐฯ พยายามที่จะเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลาหากได้รับคำสั่งจากทางวอชิงตัน” และเขาย้ำว่าจุดประจำการของขุมกำลังสหรัฐฯ ยังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินใจจากข้างบน

ทั้งนี้ ในวันเสาร์ (31) ที่ผ่านมา โอบามาได้เลื่อนปฏิบัติการโจมตีซีเรียทางอากาศด้วยขีปนาวุธโทมาฮอว์กที่ยิงจากเรือพิฆาต5 ลำ ที่ประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จนกว่าจะได้รับไฟเขียวจากสภาคองเกรส ซึ่งจะทำให้ต้องหยุดปฎิบัติการทางทหารเป็นเวลาอย่างน้อยกว่า 9 วัน โดยตามจริงแล้ว เรือพิฆาต 3 ลำ ได้ประจำการอยู่แถวนั้นเพื่อสกัดขีปนาวุธข้ามทวีปของอิหร่านไปที่ยุโรป โดยเรือพิฆาตอีก 2 ลำ ที่ถูกเสริมเข้ามานั้นได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติภารกิจยาวนานขึ้นจากสถานการณ์ที่พัฒนาของซีเรียตามลำดับ

และการที่เลื่อนปฏิบัติการโจมตีทางทหารออกไปในครั้งนี้ ทำให้ทางกองทัพสามารถวางขุมกำลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมก่อนจะเปิดฉากรบ ซึ่งแหล่งข่าวคนเดิมย้ำว่า การโจมตีซีเรียต้องเจาะจงและอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้เพิ่มกำลังพลเป็น 2 เท่าในบริเวณทางตะวันออกของน่านน้ำแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยเสริมการลาดตระเวนของเรือพิฆาตเป็น 5 ลำ จากที่เคยลาดตระเวนเพียง 3 ลำ ซึ่งเรือพิฆาตนั้นบรรทุกจรวดโทมาฮอว์กราว 200 ลูก แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นเพราะการจำกัดขอบเขตการรบทำให้คาดว่าจำนวนขีปนาวุธโทมาฮอว์กนั้นจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะสถานการณ์ที่ยังอยู่ในช่วงสูญญากาศ ทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ที่เพิ่งเสร็จภารกิจในอัฟกานิสถานโดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S Truman เข้าทำหน้าที่แทน โดยกำหนดการเดิม เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz นั้นจะต้องมุ่งหน้ากลับฐานทัพเรือเอเวอร์เรตต์ ในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทางกองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจส่งเรือรบ USS San Antonio (LPD-17) ซึ่งเป็นเรือสะเทินน้ำสะเทินบก ที่บรรทุกทหารเรือกว่า 300 นายพร้อมอุปกรณ์การสื่อสารเพื่อสนับสนุนปฎิบัติการเรือพิฆาตโจมตี ที่ก่อนหน้านั้นเรือรบ USS San Antonioอยู่ในปฎิบัติการอื่นทางตะวันตกที่ห่างไกลออกไป โดยแหล่งข่าวเผยว่า เรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก USS San Antonioจะเป็นฐานสั่งการชั่วคราวในระหว่างปฎิบัติภารกิจ และยังสามารถช่วยอพยพพลเรือนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ เรือรบ USS Kearsarge เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ ได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง โดยแหล่งข่าวเผยว่ายังไม่มีปฏิบัติการสำหรับเรือรบลำนี้ ซึ่งเรือรบ USS Kearsarge (LHD-3) นั้นบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ AV-8B Harrier 6 ลำ เครื่องบินใบพัดหมุน V-22 Ospreys จำนวน 10-12 ลำ และรวมถึงเฮลิคอปเตอร์อื่นๆ

 

เอเจนซีส์ – วิกฤติการรั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีนั้นเลวร้ายลงไปอีกในวันเสาร์(31)ที่ผ่านมา เมื่อเทปโก้ออกมายอมรับอีกครั้งว่า ได้ตรวจพบค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงใกล้กับถังกักเก็บน้ำปนเปื้อน ซึ่งเป็นการชี้ว่าอาจมีการรั่วครั้งใหม่เกิดขึ้น

บริษัทโตเกียวอิเล็กทริคพาวเวอร์ หรือเทปโก้ ได้เปิดเผยถึงการค้นพบครั้งล่าสุดที่สามารถตรวจพบค่าค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงใน4จุดบนพื้นที่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน ซึ่งอยู่ในบริเวณแหล่งเก็บน้ำปนเปื้อนหลายร้อยใบตั้งอยู่บริเวณนั้น โดยค่าสูงสุดที่อ่านได้อยู่ที่ 1,800 ไมโครซีเวิร์ต ต่อ ชั่วโมง หรือสูงมากจนกระทั่งทำให้ถึงตายได้ภายใน 4 ชั่วโมง เทปโก้เผย

การพบค่าการปล่อยรังสีในระดับสูงในวันเสาร์(31)นั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการรั่วครั้งใหม่เกิดขึ้นกับถังกักเก็บน้ำปนเปื้อน ซึ่งปรากฎว่าถังที่กักเก็บนั้นถูกประกอบในเวลาที่จำกัดและใช้ยางยารอยต่อเพราะในช่วงนั้นเทปโก้เร่งรีบหาที่เก็บน้ำปนเปื้อน แต่อย่างไรก็ตามเทปโก้กล่าว่า ทางบริษัทไม่พบหลักฐานการลดระดับน้ำในถังกักเก็บ จึงทำให้ยังเป็นที่กังขาว่า ถ้าเกิดมีรอยรั่วขึ้นอีกครั้งจริงจะมีน้ำปนเปื้อนไหลออกมาจำนวนมากเท่าไร และน้ำปนเปื้อนเหล่านั้นได้ไหลซึมลงไปมหาสมุทรแปซิฟิกที่ห่างจากตัวโรงงานไปราว 457.2 เมตร แล้วหรือยัง

ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้สัญญากับชาวญี่ปุ่นว่าจะควบคุมการแก้วิกฤติการณ์รั่วไหลของน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่เข้าขั้นอันตรายระดับ 3 นั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ต่างให้ความเห็นว่า มันอาจต้องใช้ระยะเวลา40 ปี จนถึง 1 ศตวรรษที่จะสามารถกำจัดผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ได้ทั้งหมด
ด้านดร.โรเบิร์ต จาคอบส์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันฮิโรชิมาเพื่อสันติภาพได้เผยกับทีวีรัสเซีย ช่องอาร์ที ว่าในญี่ปุ่น คนทั่วไปต่างคิดว่าสถานการณ์โรงไฟฟ้าฟูกุชิมานั้น “เกินการควบคุม” ไปแล้ว นอกจากนี้เขายังเตือนว่า หากญี่ปุ่นเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่อีก เช่น แผ่นดินไหว วิกฤติโรงไฟฟ้าฟูกุชิมานั้นจะเลวร้ายลงอย่างคาดไม่ถึง
“ถังกักเก็บพวกนี้ถูกสร้างมาอย่างเร่งรีบ ถ้าหากมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น คุณคิดดูว่าคุณมีน้ำปนเปื้อนจำนวนมหาศาลบรรจุอยู่ในถังกักเก็บที่บอบบางเช่นนี้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น” จาคอบส์ เผยกับช่องอาร์ที

ผู้จัดการ

Schau-Thai: ฟูกุชิมาอีกครั้ง !! พบค่ากัมมันตภาพรังสีระดับสูงใกล้กับถังกักเก็บน้ำปนเปื้อน – ชี้ “

 

ศูนย์เตือนภัย พิบัติโลก
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลได้เห็นในสิ่งที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "จักรวาลหนอน."

The object, called IRAS 20324+4057, is actually a light-year-long knot of interstellar gas and dust scientists call a “protostar.” They said the object is “in a very early evolutionary stage.”

According to the Hubble website, harsh winds from extremely bright stars are blasting ultraviolet radiation and sculpting the gas and dust into the long shape.

Those bright stars are 65 of the hottest known to exist, classified as O-type stars. They are located 15 light-years away from IRAS 20324+4057, toward the right edge of the image.

These stars, along with 500 that are less bright but still highly luminous B-type stars, make up what is called the Cygnus OB2 Association. Collectively, scientists say the Association is thought to have a mass more than 30,000 times that of our Sun.

Protostars in this region should eventually become young stars, the scientists say, with final masses about one to 10 times that of the Sun. But if the radiation from the nearby bright stars destroys the gas envelope before the protostars finish collecting mass, their final masses may be reduced.

Spectroscopic observations of the central star within IRAS 20324+4057 show that it is still collecting material quite heavily from its outer envelope and is expected to bulk up in mass. Scientists studying the Hubble data say that it is too early to say whether the new star would be a "heavy-weight" or a "light-weight" star with respect to its mass.

This image of IRAS 20324+4057 is a composite of Hubble Advanced Camera for Surveys data taken in 2006, and ground-based data from the Isaac Newton Telescope in 2003. The object lies 4,500 light-years away in the constellation Cygnus.

 

เฟสบุ๊ก Surviving Earth Changes 2013 and Beyond
ได้แชร์ลิงก์ผ่าน End Time Headlines
27 นาทีที่แล้ว

California Legislators Pass Bill Allowing Nurses, Midwives to Perform First Trimester AbortionsWAR DRUMS: President Gains McCain’s Backing on Syria Attack

Earth’s magnetic field undergoing Shifts as South Africa Will notice Greatest Changes (Posted on September 2, 2013)

Earth’s magnetic field is undergoing significant shifts, and South Africa has front row seats to observe the changes. Satellites and magnetic observatories have recorded stirrings in the magnetic field – some areas weakening, some strengthening – which suggest that our planet is headed for a reversal of its magnetic poles in the next few hundred years. If that happens, compasses which usually point north will point south.

สนามแม่เหล็กของโลกอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และแอฟริกาใต้เป็นจุดแรกในการสังเกตการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดาวเทียมและหอดูดาวแม่เหล็กได้รับการบันทึกการโลดโผนของสนามแม่เหล็ก - บางพื้นที่อ่อนตัวลงบางพื้นที่แรงขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าโลกของเรากำลังจะพลิกกลับขั้วของแม่เหล็กในอีกไม่กี่ร้อยปี หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น, เข็มทิศที่ชี้ไปทิศเหนือจะชี้ไปทิศใต้

Animals which use the magnetic field for navigation such as birds, whales and sharks will find it difficult to migrate along their usual routes. Our magnetic navigation systems will have to be recalibrated.

สัตว์ที่ใช้สนามแม่เหล็กสำหรับการนำทาง เช่น นก และปลาวาฬ และปลาฉลาม จะอพยพย้านถิ่นตามเส้นทางปรกติของมันได้อย่างยากบำยาก ระบบนำทางแม่เหล็กของเราจะต้องได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่

And while South Africans won’t be able to watch the aurora visible over the equator during the pole switch, we are in a prime position to monitor the process because we are situated between the two areas of greatest change in the magnetic field. Just south-west of Cape Town is the region where the largest decrease was recorded by satellites between 1980 and 2001: -8 percent.

และในขณะที่แอฟริกาใต้จะไม่สามารถที่จะดูแสงออโรร่าที่มองเห็นเหนือเส้นศูนย์สูตรในระหว่างการสลับขั้ว, เราอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญในการตรวจสอบกระบวนการนั้น เพราะเราตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่ทั้งสองสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสนามแม่เหล็กแม่เหล็กโลก เพียงแค่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเคปทาวน์เป็นภูมิภาคที่มีการลดลงของสนามแม่เหล็กที่มากที่สุดที่ได้รับการบันทึกจากดาวเทียมระหว่างปี 1980 และ 2001 ประมาณ -8 เปอร์เซ็นต์

And not too far east of South Africa is the region in the Indian Ocean where the largest increase was recorded, of +3 percent.

และพื้นที่ที่ไม่ไกลเกินไปทางทิศตะวันออกของแอฟริกาใต้ เป็นพื้นที่ในมหาสมุทรอินเดียได้มีสนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้นมากที่สุด จากที่ได้รับการบันทึก บวก ร้อยละ 3

At the magnetic observatory in Hermanus, one of four in the country, the geomagnetic field has decreased by more than 20 percent since 1941. Dr Pierre Cilliers, a researcher at the South African National Space Agency (Sansa), said: “The area of largest decrease in the magnetic field is closer to South Africa than to the rest of the inhabited world.” This is because the weakest area of our planet’s magnetic field falls mostly over the Atlantic Ocean. This area is called the South Atlantic Magnetic Anomaly (Sama), and it stretches from our country westward across the sea towards South America. The Sama exists because in that region, 3 000km below the surface, the electric currents which flow in the molten outer core – and are believed to create the magnetic field – are flowing in the opposite direction.

Another researcher at Sansa, Dr Pieter Kotze, said “the effect of this discrepancy is that the area of the magnetic field over the South Atlantic Ocean is approximately 30 percent weaker than the rest of the world at similar latitudes”. The size of this magnetic anomaly has grown substantially over the past 400 years.

Polarity flips only happen every few hundred thousand years, so nobody alive knows what it is like to experience one, or how it will affect life on Earth. Kotze thinks it most likely that people with sensitive skin will have to be more careful in direct sunlight, as “energetic particles from outer space will be able to penetrate the atmosphere to much lower altitudes than is currently the case”, weakening the ozone layer. This is because during a polarity reversal the magnetic field must drop to between 10 and 20 percent of its usual strength. Kotze wrote in a recent newsletter that “the shielding effect of the magnetic field protects the Earth from the impact of solar wind and other harmful radiation. “Without it, solar wind would erode our atmosphere and life on Earth as we know it would be unable to exist.”

However, Kotze said, with a weakened magnetic field, the atmosphere of the Earth would act as the primary protective layer. He said periods of mass extinctions have never coincided with a polarity reversal – so the effects on Earth are not likely to be catastrophic.
แต่อย่างไรก็ตาม Kotze กล่าวว่ามีสนามแม่เหล็กอย่างอ่อนๆ, บรรยากาศของโลกจะทำหน้าที่เป็นปราการชั้นแรกในการป้องกันหลัก เขากล่าวว่าช่วงเวลาของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ไม่ได้ใกล้เคียงกับการพลิกกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก - ดังนั้นปรากฎการณ์ต่างๆ ที่มีต่อโลกไม่น่าจะเป็นความหายนะ

It is impossible to say for certain when the polarity reversal will take place, or how long the process would take. Kotze says computer simulations have revealed that it could take between 3 000 and 5 000 years to complete.

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกอย่างชัดเจนว่า เมื่อไหร่การพลิกกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดขึ้น หรือระยะเวลาในกระบวนการจะใช้เวลาเท่าไหร่ Kotze ได้บอกแค่ว่าแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่ใช้จำลองการกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก ได้เผยให้เห็นว่ามันอาจจะใช้เวลาระหว่างวันที่ 3000 และ 5000 ปีจึงจะกลับขั้วได้อย่างเสร็จสมบูรณ์

What is certain, though, is that the signs observed suggest we are heading for one. BBC News Online science editor Dr David Whitehouse said: “Such events occur about every 250 000 years. However, it has been 750 000 years since the last reversal – so we are certainly overdue.” – Weekend Argus IOL Scitech

http://endtimeheadlines.wordpress.c...as-south-africa-will-notice-greatest-changes/