อุทิศบุญไม่ได้เพราะมีของขลังที่ลพ.เกษมบอกนั้นก็มีส่วนถูก

ถ้าท่านเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อเกษมวัดป่าสามแยก ในหัวข้อหนึ่งนั้นกล่าวถึงเกี่ยวกับการที่อุทิศบุญไม่ได้ถ้าบ้านหลังนั้นมีเครื่องรางของขลังปกป้องคุ้มครองอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็เคยเจอมา2กรณี(อาจจะไม่ตรง100%) ก่อนอื่นลองอ่านบทธรรมเรื่องนั้นดูก่อน

เอกสารไม่ชัดเจนนัก มีคนเอาให้มาอีกที

 

-เรื่องแรกข้าพเจ้าเคยเขียนลงในกระทู้เรื่องผีที่ว่าเกี่ยวกับวิญญาณฟ้อนรำ เพราะคนตายโหงนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองตายจึงมัวสนุกอยู่ และเมื่อจะเข้าบ้านก็เข้าไม่ได้ เพราะว่าที่บ้านเขามีเครื่องรางของขลังจำนวนมาก ต้องได้จุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง ขออนุญาติตั้งหลายครั้ง แต่เวลาเผาศพ เขามาทำที่อื่น ปัจจุบันศพตายโหงก็เผาหมด จะฝังในบางกรณี คนที่ตายนั้นจึงน่าจะได้รับบุญที่ลูกหลานอุทิศให้บ้าง ที่สำคัญต้องให้อยู่นอกชายคา หรืออาณาบริเวณที่วิญญาณเข้ามาได้สะดวก ซึ่งตาคนเราคงมองไม่เห็น (แต่มีเด็กที่เป็นลูกชายเห็น ว่าพ่อเดินเข้ามากราบพระสงฆ์ได้ ตอนที่ศพอยู่ที่บ้าน)
-เรื่องที่สองก็คือ เคยมีลูกชายของหมอธรรมซึ่งมีชื่อเสียงในด้านสะเดาะเคราะห์ในท้องถิ่นคนหนึ่ง เมียของเขานั้นตั้งท้องจะคลอดลูกทีไรแล้วลูกตายแท้งออกทุกครั้ง เขาจึงตัดสินใจเอาเครื่องรางต่างๆที่พ่อทำไว้ให้ในบ้านนั้นไปทิ้งทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นด้ายเสก(มีปสก.) ตะกรุด สีผึ้งหรือแม้แต่พระเครื่อง ก็เอาไปแจกญาติๆ เหลือแต่หิ้งเปล่าเขายังพึมพำด้วยภาษาถิ่นว่า "ตัวตูนี่อย่าให้มันมีของดีกับเขาเถอะ!" หลังจากนั้นเมียเขาก็ตั้งครรภ์อีกแล้วเขาก็ได้ลูกชายสมใจ คราวนี้ลูกของเขาเติบโตแข็งแรงดี รอดตายมาได้
ท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณาดูอีกที เผื่อว่าจะมีปสก.มาเล่าสู่กันฟัง
-ข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้บอกกล่าวเล่าแจ้ง หากใครมีปสก.ตรงหรือได้ยินได้ฟังมาอย่างไร หรือต้องการอธิบายเรื่องจิตสัมผัสก็เชิญได้ หากไม่ชอบใจข้อเขียนก็แจ้งเว็บบอร์ด หากต้องการความคิดเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมก็แจ้งทางPM หากต้องการความรู้เพิ่มเติมก็ติดต่อทางวัด สวัสดี

 

งั้น วัด เครื่องรางเพียบ ก็ทำบุญไม่ได้สิครับ
คงต้องยก พระประธาน ออกจากโบสถ์กันละทีนี้
-------------------------------------------
ผมไม่เชื่อนะ เเต่ที่อาจจะเป็นจริงได้ก็คือ อุทิศ เเต่ไม่ได้บอกเจาะจงว่าให้ใคร ดังนั้น ดวงจิตของผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้น จะได้รับก่อนเป็นอันดับเเรก เหมือนโปรยทาน อะครับ คนที่อยู่หน้าจะได้รับก่อน ถ้าอุทิศบุญในบ้าน เหล่าดวงจิตทั้งหลายที่สถิตอยู่ในบ้าน ก็จะได้รับก่อนเป็นอันดับเเรก ดังนั้น ถ้าเอ่ยนามที่จะอุทิศเเล้ว มีเหรอจะไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เเล้วเเต่

เเล้วที่สำคัญเครื่องรางทั้งหลายก็ปลุกเสกด้วยบุญบารมีของผู้เจริญทั้งหลาย นะครับ

 

มั่วได้ใจจริงๆๆเลยครับ

เครื่องรางถ้าพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์อธิษฐานจิตแล้ว คนธรรมดากิเลสหนาอย่างเราจะทำให้มนต์คลายไม่ได้ครับ

ใช้สติตรองดูก่อนจะเชื่อ

 

คิดได้เนอะ

 

พิจารณาแล้วครับ - -'

 

กระผมเคยเจอลูกศิษย์ของท่านหลวงพ่อเกษม เคยแนะนำกระผมแบบนี้เหมือนกัน และ นานมากแล้ว ตอนนี้ผมกับท่านอาจารย์คนนั้นก็ห่างกันไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีก เพราะเดินคนละสายกัน ใครเชื่ออย่างไรก็เดินอย่างนั้น

กระผมเคยโต้แย้งให้เหตุผลอธิบาย ว่าเรื่องการอุทิศบุญกุศล แผ่บุญกุศลนั้น พูดอย่างเป็นกลาง ต้องยอมรับว่าหลวงพ่อเกษม ท่านนี้สอนเรื่องนี้ได้ดีมาก แต่การสอนของท่านในบางเรื่องก็อาจไม่ถูกต้องหลายอย่างเพราะด้วยความที่ท่านสอนตรงเกินไป ศาสนาพุทธเป็นเรื่องทางเดิน ที่ต้องอยู่บนทางสายกลาง และความไม่ประมาท ทั้งนี้กระผมเคยโต้แย้งไป ขอยกตัวอย่างแค่สองเรื่องคือ

1 เรื่องการทำลายพระพุทธรูป กระผมเข้าใจดีว่ายึดมั่นตามพระวัจนะ ให้ยึดเอาพระธรรม จึงไม่กราบไหว้พระพุทธรูป แต่ที่แปลกคือ เหตุใดเมื่อไม่ยึดถือในพระพุทธรูปแล้ว ต้องไปทำลายเผาทุบ หรือนานาวิธี จะไปเหนื่อยทำลายทำไม ก็วางเฉยไปเสียก็ได้ ก็คือให้มุ่งไปที่พระธรรม พระธรรมที่ว่าคือการปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่การเอาพระไตรปิฏกหนุนหัวไว้แค่นั้น การทำลายพระพุทธรูปจึงไม่ใช่สาระแก่นสาร แต่วิธีคิดของหลวงพ่อ นั้นท่านเข้าใจของท่านอย่างนั้นจึงสอนลูกศิษย์อย่างนั้น ทำไมไม่เอาเรื่องการปฏิบัติธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เรื่องการฝึกกรรมฐาน โดยวิธี พุทธานุสติ ที่พระพุทธองค์สอนไว้ ว่าสามารถทำกรรมฐานวิธีนี้ได้ หากเข้าใจอย่างนี้ การที่เราสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อเป็นกรรมฐาน พุทธานุสติไว้ ก็ไม่แปลก ไม่ได้ขัดกับหลักคำสอนอะไร

2 เรื่องการแผ่อุทิศบุญกุศล ในพระไตรปิฏกมีกล่าวไว้ไม่ได้มากมายอะไร แต่มีหลักสำคัญคือการแผ่อุทิศ แบบกรวดน้ำและแบบการใช้กำลังใจหรือสมาธิจิตแผ่อุทิศให้
ทีนี้ กรณีการมีเครื่องรางของขลังหรือพลังอิทธิฤทธิ์ เหล่านั้นจะเป็นเครื่องปิดกั้นการแผ่อุทิศ บุญกุศล ตรงนี้ก็เป็นความเข้าใจของท่านหลวงพ่อเกษม ซึ่งอาจะะถูกแค่บางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด ปัญหาคือ การที่เขาไม่สามารถรับบุญได้ ต้องอาศัยปัจจัยสามส่วนคือ
1 กำลังจิตของผู้อุทิศให้
2ตัวกระแสบุญของผู้อุทิศให้
3 จิตของผู้รับที่มีสภาพความพร้อม
หากทั้งสามอย่างพร้อมไม่มีอุปสรรค์ การอุทิศบุญกุศลก็ย่อมสำเร็จประโยชน์ตามปราถนา
หากพิจารณาว่า เครื่องรางของขลังทั้งหลาย มีพลังเป็นเครื่องขวางกั้น ตรงนี้เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง กระผมขออธิบายว่า กระแสบุญจัดได้ว่าเป็นพลังพิเศษ เป็นพลังฝ่ายดีงาม มีอิสระเฉพาะตน ไม่มีใครหรืออะไรใดๆ สามารถปิดกั้นหรือทำลายได้ มันเกิดของมันเองตามผลแห่งกุศลจิต และกุศลกรรม ที่ใครก็ได้ทำไว้ เป็นของคนๆนั้น พลังบุญหรือกระแสบุญ มันมีกระบวนการเกิด และกระบวนการเคลื่อนไปอยู่ยังสถานที่ของมันเป็นธรรมชาติปกติอย่างนั้นไม่มีใครหรืออะไรไปเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ เจ้าของกระแสบุญย่อมสามารถอุทิศให้ใครก็ได้อย่างไม่จำกัด

ส่วนเครื่องรางของขลังทั้งหลาย ส่วนมากเป็นไปเพื่อ เมตตา แคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรี หรือมหาลาภหรืออื่นๆ ก็เป็นไปในฝ่ายดีงาม ส่งเสริมซึ่งกันและกัน จึงเป็นพลังที่สามารถช่วยเกื้อหนุนการอุทิศบุญได้อย่างดียิ่งเช่น เมื่อเราอุทิศบุญ เราอาราธนาพระเครื่องที่เราแขวนคอที่เรานับถือ ด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ จะมีพลังมาก ก็จะช่วยหนุนให้กระแสบุญของเราแผ่รัศมีกระจายวงกว้างหรือเคลื่อนไปยังจิตทั้งหลายที่เราจะอุทิศให้ได้ง่ายและอัศจรรย์ยิ่งนักครับ หากพิจารณาไปแล้วจึงมีแต่ส่วนที่ดี

แต่อาจจะมีเครื่องลางของขลังบางประเภทที่กระทำด้วยมนต์ดำ เป็นไปเพื่อการเบียดเบียน ทำลายล้าง แต่พลังเหล่านี้ก็ไม่สามารถปิดกั้นกระแสบุญอันเป็นพลังธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ได้ แต่ก็อาจจะไปส่งผลต่อจิตวิญญาณที่เราอุทิศให้ พลังมนต์ดำฝ่ายชั่วเหล่านั้น อาจเป็นเครื่องปิดกั้นหรือทำให้เกิดความกลัว หวาดระแวง ทำให้จิตทั้งหลายที่เราจะอุทิศให้ไม่สามารถเข้ามาหรือรับอนุโมทนากระแสบุญของเราได้

ดังนั้นท่านทั้งหลายที่เป็นครูอาจารย์หรือเป็นผู้แนะนำการปฏิบัติ ในหลายๆกรณีควรพิจารณาให้รอบคอบ ว่าปัญหาคืออะไร เหตุปัจจัยเป็นอย่างไร ทางแก้ไขควรทำอย่างไร ควรกล่าวแนะนำอย่างไร ให้ถูกต้องดีงาม สำเร็จประโยชน์โดยแท้จริงครับ สาธุ

 

เป็นไปได้ไหมคะว่าคนที่ชอบเล่นเครื่องรางของขลังที่ปลุกเสกประเภทมนต์ดำ
ส่วนหนึ่งคือเขามีจิตใจที่มืดทึบด้วยก็เลยทำให้อุทิศบุญไม่ค่อยออก?

 

ความคิดเห็นน่าสนใจ ชวนอ่านทบทวนตริตรองดีมาก ขอบพระคุณ