ชายหญิงที่รักษาความบริสุทธิไม่ยุ่งเกี่ยวทางเพศได้ผลบุญอะไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noum77, 21 สิงหาคม 2013.

  1. Thanit2012

    Thanit2012 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +40
    ย้อนมองส่องตน

    ตัวท่านเองก็เกิดจากการเสพเมถุนของพ่อแม่ท่าน คุณแม่ของท่านก็กระเตงท่านป้อนหน้าป้อนหลังจนได้เติบโตมาถึงทุกวันนี้ ย้อนมองส่องตนดูว่าควรหรือไม่ที่จะคิดรังเกียจหรือดูถูกคนที่เขาแต่งงาน มีเพศสัมพันธ์มีลูก แต่ระดับจิตเขาอาจจะสูงกว่าท่านก็ได้แต่เขาไม่ได้มาโอ้อวดบารมี หรือระดับภูมิธรรมในนี้ ต่อให้อ้างว่ารักษาพรหมจรรย์แต่มันแค่ความบริสุทธิ์ทางรูปธรรม แต่ท่านยังยึดติดในความหลงในบ่วงกรรมกับคนรัก ยังเรียกร้องหาทำให้เขาไม่สามารถไปเกิดหรือไปในที่ที่ควรไปได้ ทำไมจึงคิดว่าตัวเองมีภูมิธรรมสูงส่งกว่าคนอื่นล่ะท่าน
     
  2. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,950
    แล้วหากผู้มีบารมี จะลงมาต่อบารมี โดยการเกิดเป็น คน (เช่นพวกอภิชาติบุตร ลงมาจากพรหม)
    เพราะภพของการเป็นคน จะสร้างบุญบารมีได้ มากที่สุด
    จะทำอย่างไร หาก ไม่มี พ่อแม่ (ที่เสพเมถุน) ด้วยกัน และเลี้ยงดูเขาจนเติบโตได้

    ดิฉันมีเพื่อนที่บารมีสูงมากๆ มีมโนโดยไม่ต้องฝึก ถึงเวลาของเขา เขาก็มีเอง ก็มีครอบครัวแล้ว มีลูก

    จริงอยู่การมีคู่ มีความรัก นั่นเป็นทุกข์ (อย่างยิ่ง) แต่ก็อยู่ที่บุญกรรมของแต่ละคนด้วย
     
  3. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    เห็นด้วยกับคุณ Thanks เป็นที่สุดจ้าวคร่า.. หลวงปู่หลวงตาหลวงพ่อ บิดามารดาครูอาจารย์ สั่งสอนเสมอค่ะว่า " อย่าปรามาสหรือดูถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมผู้อื่น หากเรื่องนั้นไม่ถึงเรา เราไม่มีวันรู้หรอก..ให้คิดทุกครั้งก่อนจะพูดแต่ไม่ใช่พูดทุกคำที่คิด "
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    บารมี มีตั้ง 10 อย่างนีครับ

    แต่ละคนก็คงสะสมมาไม่เหมือนกัน แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    ดิฉันไม่ได้กำเนิดมาจากพ่อแม่ที่เสพเมถุนคะ


    และก็พูดย้ำหลายรอบ จะกอป คำพูดเดิมและจะพูดซ้ำอีกว่า


    อ่านไทยกันไม่ค่อยเข้าใจนะคะ ดิฉันไม่ได้รังเกียจพวกเขา แตแค่บอกว่าลักษณะของบุคคลเหล่านั้นดูไม่ใช่หนทาง ที่ดูแล้วสวยงาม หรือ ดีในสายตาดิฉัน เอาเป็นว่า ไม่ใช่จริตของดิฉัน

    ใครจะว่า คนท้อง คนมีลูกหอบกะเตงป้อนหน้าป้อนหลัง คนขณะเสพเมถุน ดูแล้วงาม นั้นเป็นจริตของพวกท่าน แต่สำหรับข้าพเจ้า อาการเหล่านั้นดูแล้วน่าเกลียด ดูแล้วไม่งาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2013
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    พรหมจรรย์ ที่แท้จริงอันเป็นผลลัพธ์มาจาก กาเมสุมิจฉาจารา

    +++ ขอให้แยกประเด็น กาเมสุมิจฉาจารา ออกจาก เมถุนสุมิจฉาจารา (ไม่มีในสิกขาบท เพียงแต่ยกมาให้เป็นที่พอเข้าใจ เท่านั้น) ก่อนนะครับ

    +++ มนุษย์ มีภูมิเป็น กามาวจร มีภพเป็น มนุษย์ ซึ่งเป็น ภพ ที่อยู่โดยรวม ๆ กันกับภพอื่น ๆ ใน กามาวจรภูมิเดียวกัน ที่เห็นได้ชัดคือ กามาวจรที่เป็น เดรัจฉานภพ ซึ่งเป็น ภพ ที่มีความใกล้ชิดกับ ภพมนุษย์มากที่สุด ส่วนภพที่ต่ำกว่า เดรัจฉานภพ ก็มีพวก เปรตภพ สัมภเวสีภพ ที่ใกล้กับ เดรัจฉานภพ มากกว่า มนุษย์ภพ ส่วน ภูมิเทวาภพ รวมทั้ง ลับแลบังบดภพ จะสูงกว่าและใกล้เคียงกับมนุษย์ภพ มากกว่า เดรัจฉานภพ

    +++ หวังว่าคงพอทำความเข้าใจและเห็นภาพในความ สืบเนื่องของ ภพ ที่อยู่ใน ภูมิ เดียวกันได้พอสมควรนะครับ ดังนั้น สิกขาบทในข้อ "กาเมสุมิจฉาจารา" นั้น ในทางปฏิบัติ หมายถึง การไม่เบียดเบียนกันใน กามาวจรภูมิ

    +++ กามาวจรภูมิ คือภูมิที่ ใช้ ตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือเรียกว่า อายตนะทั้ง 5 (sense) โดยมีศูนย์รวมที่ ใจ (6th sense) ดังนั้น หากจะถือ สิกขาบท "กาเมสุมิจฉาจารา" ให้ได้ผล ต้องไม่มีการเบียดเบียนกันใน "ภูมิแห่งกามาวจร โดยไม่จำกัดเฉพาะ ภพมนุษย์ เท่านั้น" (มีสิกขาบทปลีกย่อยออกไปอีกเช่น ห้ามภิกษุตัดไม้ ขุดดิน ต่าง ๆ เพราะเคยเกิดการเบียดเบียนกันใน "ภูมิ" มาแล้วโดยไม่ตั้งใจ เพราะไม่เห็น "ภพ" ที่สูงกว่ามนุษย์)

    +++ ดังนั้น สิกขาบท "กาเมสุมิจฉาจารา" จึงชี้ไปที่เดียวคือ การสำรวมในหมวด อายตนะ 6 จึงจะเป็นเบื้องต้นแห่ง พรหมจรรย์ได้ ไม่ใช่ สิกขาที่ "เมถุนสุมิจฉาจารา" แล้วกล่าวว่าเป็น กาเมสุมิจฉาจารา ขอให้นักปฏิบัติทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ผลลัพธ์จริงจึงจะปรากฏได้

    +++ ยามใดที่สามารถ สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า จิตไม่ส่งออก มีสติและสมาธิอยู่กับตัว การเบียดเบียนกันใน กามาวจรภูมิ ก็ไม่เกิดขึ้น การถือสิกขาบท "กาเมสุมิจฉาจารา" ก็ปรากฏเป็นจริง

    +++ ณ จุดนี้คือ การสืบเนื่องของ ศีล สู่ สมาธิ นั่นเอง และจากการที่ จิตไม่ส่งออกจึงมี สติ ที่สืบเนื่องเป็น สมาธิ ซึ่งจะส่งผลออกมาเป็น ปัญญา ในภายหลัง

    +++ "กาเมสุมิจฉาจารา" เป็นเหตุ ให้เกิดความสำรวมใจ ส่งผลจนเป็นสมาธิ หากตั้งมั่นได้ดี ก็ส่งผลให้อยู่ใน ฌานสมาบัติ อันเป็น "คุณสมบัติของพรหม" ได้ และจากการเสพความสุขด้วยอารมณ์แห่งตนนั้น ความเป็นเพศจึงไม่ปรากฏ จึงเป็นขันธ์เดียว ดังนั้น "กาเมสุมิจฉาจารา" เป็นเหตุ "อพรหมะจริยา" เป็นผล และเป็นโซ่สัมพันธ์กันของ ศีล (สติ) สมาธิ ปัญญา

    +++ ขอจบลงด้วยประการะฉะนี้
     
  7. Bar

    Bar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +164
    อาการอยากมีผัวหรือไม่อยากมีผัว อยากมีเมียหรือไม่อยากมีเมีย มันไม่ได้วัดบารมีธรรมหรือภูมิธรรมที่สั่งสมมา
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนเสด็จออกผนวชท่านก็มีพระมเหสี พระอริยสาวกหลายท่านก็เคยมีครอบครัวมาก่อน บางคนก็บรรลุธรรมโสดาบันก่อนแล้วไปแต่งงานทีหลังก็มี เช่นท่านวิสาขามหาอุบาสิกา อาการที่เกิดขึ้นในจิตไม่ว่าเรื่องใดก็ตามบางทีมันก็อาจเป็นเพียงกุศลหรืออกุศลในการก่อนให้ผลชั่วคราว ซึ่งมันอาจเปลี่ยนไ้ด้ ของมันไม่แน่นอนหรอก ไม่เปลี่ยนชาตินี้ชาติหน้าอาจเปลี่ยน อย่ายึดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอด ตราบใดยังไม่ใช่อริยะบุคคล แล้วอย่าหลงคิดว่าตัวเองเป็นพระอริยะบุคคลนะ จะซวยไม่รู้ตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...